KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 08



KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827  Ryuusei : 08

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





ถึงแม้ว่าพรุ่งนี้จะเป็นวันออกศึก แต่ที่โรงฝึกของคฤหาสน์คามาคุระก็ยังคงมีเสียงการฝึกซ้อมดังลอดออกมา

นัยน์ตาคู่คมของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระยังคงจับจ้องไปที่ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุก่อนที่ดาบในมือจะเสือกเข้าใส่แล้วตวัดขวางออกไปอย่างที่ไม่กลัวเลยสักนิดว่ามันอาจจะพลาดพลั้งไปโดนอีกฝ่ายได้

จะว่ามั่นใจในฝีมือของคนที่ตนฝึกให้ตั้งแต่ยังจับดาบไม่เป็นด้วยซ้ำหรือจะว่าไม่สนใจอีกฝ่ายดี?

แต่ยังไงเสียร่างเล็กบางก็หลบได้อย่างสบายๆ ท่วงท่าที่แข็งแรงแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความพลิ้วไหวทำให้ดูสง่างาม ผนวกกับวิถีดาบที่ดุดันสมชายชาตรีของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระจึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเวลาที่คนทั้งคู่ฝึกซ้อมด้วยกัน คนที่อยู่ในโรงฝึกถึงได้นั่งดูกันด้วยสายตานิ่งงันราวกับถูกสะกด

ร่างสูงใหญ่ของลูกชายคนรองกอดอกยืนมองคนทั้งคู่อยู่ที่ประตูโรงฝึก แผ่นหลังที่เอนพิงสบายๆอยู่กับผนังช่างต่างกับสายตาเย็นชาที่ส่งออกมายิ่งนัก

เพราะภาพการประสานดาบของคนทั้งคู่มันทำให้เขานึกถึงตัวเองกับ....

มือที่กอดอกอยู่กำแน่นก่อนจะยันตัวเองออกจากผนังแล้วเดินจากไป...




วันนี้เลิกซ้อมเร็วกว่าปกติเพราะยังไงการได้พักก่อนวันเดินทางไปสู่สมรภูมิก็ยังจำเป็นอยู่....ถึงแม้ความเป็นจริงแล้วอย่างเจ้าคนที่มีพลังเหลือเฟือที่ทำเรื่องแบบนั้นกับเขาได้ทั้งคืนโดยไม่สะทกสะท้านนั่นไม่เห็นจะน่าห่วงเลยสักนิดก็ตาม

ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุยกผ้าผืนเล็กขึ้นเช็ดหน้าเช็ดตาหลังจากกลับมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเรียบร้อย แต่ยังไม่ทันจะหวีผมเผ้า เสียงประตูเลื่อนในห้องก็ดังขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

คนที่จะเที่ยวมาเปิดห้องเขาราวกับเป็นห้องของตัวเองแบบนี้ก็คงมีอยู่คนเดียว...

“ ตามข้ามานี่ เจ้าสัตว์กินพืช”     

“ อะไรอีกล่ะ? ผ้าของเจ้า ข้าก็ปักให้เสร็จแล้วนี่ ป่านนี้ช่างเสื้อคงเย็บเป็นเสื้อกิโมโนตัวในให้เสร็จแล้วละมั้ง”     แต่คนตรงหน้าก็ยังคงไม่พูดอะไรตามเดิม ร่างเล็กจึงจำต้องเดินตามแผ่นหลังกว้างนั่นไปอย่างเหนื่อยหน่ายที่จะต่อต้าน

จะบอกอะไรข้าซักคำนี่มันจะทำให้เจ้าอายุขัยสั้นลงไปหลายวินาทีเลยใช่ไหม?!

ริมฝีปากสีระเรื่อบ่นขมุบขมิบและพอนัยน์ตาคู่คมหันมาเห็นเข้า ฝ่ามือใหญ่ก็คว้ามือเล็กก่อนจะบีบมันแรงๆจนคนบ่นได้แต่ทำหน้าเหยเก

มือใหญ่ยังคงจับกุมมือเล็กๆเอาไว้ก่อนจะลากลงจากเรือน สายลมหนาวปะทะเข้ามาทำให้ขนแขนลุกซู่ แต่น่าแปลกที่มันไม่หนาวเท่าที่คิด...จะเป็นเพราะความร้อนที่ถูกส่งผ่านมาจากมือข้างนั้นหรือเปล่านะ?

แล้วใบหน้าที่แดงระเรื่อของเขานี่มันเป็นเพราะลมหนาวด้วยหรือเปล่า?

สวนที่เคยเขียวครึ้มไปด้วยใบไม้ บัดนี้กลับเหลือเอาไว้แต่กิ่งสีเข้ม แต่กระนั้นกลับโดดเด่นอยู่ท่ามกลางสายหมอกจางๆ ร่างสูงใหญ่หยุดยืนอยู่ที่ริมสระน้ำเคียงข้างกับร่างเล็กๆ

ที่นี่...ไม่ว่าจะอยู่ในฤดูกาลไหนก็ยังคงความงดงาม

ร่างสูงออกเดินอีกครั้งโดยที่ยังคงมีร่างเล็กถูกจับติดมือมาด้วย...และก็เพราะไม่ยอมพูดอะไร เลยไม่รู้เลยว่าที่จริงแล้วต้องการจะพาเขาไปไหนกันแน่

นัยน์ตากลมโตได้แต่เหลือบมองคนที่เดินนำอย่างแปลกใจ เพราะคราวนี้ไม่ได้จงใจลากเขาไปไหนมาไหนอย่างทุกที...แต่จังหวะการก้าวขาดูเหมือนจะช้าลงราวกับจงใจให้เขาเดินตามทัน...จงใจจะเดินจับมือเขาเอาไว้....

แล้วในที่สุดหลังจากการไปเดินวนรอบบ้านมาหลายรอบ ฝ่าเท้าเล็กก็มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องของ ฮิบาริ เคียวยะ เอง...

ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่เนี่ยคนคนนี้?

ใบหน้าเล็กได้แต่มองอีกฝ่ายอย่างสงสัยปนละเหี่ยใจ ก่อนจะก้าวขาเดินตามเข้าไปในห้อง

จากห้องที่เคยเรียบโล่ง มันก็ยังคงเรียบโล่งอยู่ เพียงแต่คราวนี้มีอะไรบางอย่างซึ่งเพิ่งถูกนำมาตั้งอยู่ที่ผนังด้านหนึ่ง ซึ่งมันทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เผลอจ้องมองอย่างไม่อาจละสายตา

...เกราะโยะโรยกับคาบุโตะประดับด้วยเขากวาง

ชุดเกราะสีดำสนิทซึ่งถูกร้อยด้วยไหมสีแดงกับหมวกเกราะประดับด้วยเขากวางช่างดูน่าเกรงขามถูกตั้งเอาไว้ และคนที่นั่งอยู่ข้างๆชุดนั่นคือหญิงวัยกลางคนคนหนึ่ง

“ ข้าจะให้นางสอนเจ้า เกี่ยวกับวิธีใส่ชุดเกราะ”      เมื่อได้ฟังสิ่งที่ร่างสูงพูด ใบหน้าเล็กถึงกับทำหน้าตกใจก่อนจะชี้นิ้วไปที่ตัวเอง

“ จะให้ข้าใส่เกราะนั่นงั้นหรอ?!”     หมายความว่าจะให้เขาไปออกรบด้วยหรือยังไงกัน? และพอเขาพูดออกไปแบบนั้นวูบหนึ่งก็เหมือนกับว่าเขาจะได้เห็นใบหน้าคมที่นิ่งเฉยอยู่เสมอเผลอหัวเราะน้อยๆออกมา

“ ใช่...ให้เจ้าใส่.....ให้ข้า”       ใบหน้าคมก้มลงมากระซิบที่ข้างหูโดยเน้นอย่างชัดถ้อยชัดคำ ทำเอาคนฟังถึงกับถอยครูดด้วยใบหน้าแดงเถือก...ทั้งอายที่เข้าใจผิดไปเองและอาย...กับความหมายของประโยคที่ ฮิบาริ เคียวยะ พูดออกมา

ให้เขาช่วยสวมเกราะก่อนที่จะออกรบ....

หากเป็นซามูไรที่ยังไม่มีครอบครัวคนที่จะช่วยสวมคือข้ารับใช้ แต่หากมีครอบครัวแล้วหน้าที่นี้จะเป็นของภรรยา

แล้วอย่างเขา....มันจะเป็นแบบไหนกันเล่า?

“ ละ...แล้วทำไมข้าจะต้องช่วยเจ้าใส่ชุดเพื่อให้เจ้าออกไปทำลายบ้านเมืองของข้าด้วย?!    ร่างเล็กก้มหน้าก้มตาพูดจาตะกุกตะกัก

“ หึ....”      ใบหน้าคมหัวเราะในลำคอก่อนจะขยับเข้ามาหาด้วยใบหน้านิ่งๆแต่ดูยังไงก็เจ้าเล่ห์ ก่อนที่ถ้อยคำซึ่งทำเอาใบหน้าน่ารักถึงกับแดงเถือกอีกรอบจะถูกเอ่ยออกมา

“ ข้าให้เจ้าเลือกก็ได้.....ว่าจะช่วยข้าใส่ชุดเกราะนั่นหรือจะให้ข้าถอดชุดของเจ้าออกแทน”

มันเรียกว่าทางเลือกซะที่ไหนกันเล่า?ใบหน้าเล็กได้แต่งอง้ำทั้งที่ยังแดงระเรื่อ ก่อนจะสะบัดตัวเดินไปยังชุดเกราะเพื่อให้หญิงสาวที่นั่งรออยู่สอนให้ ถึงจะทำเหมือนไม่เต็มใจแต่ก็ตั้งใจฟังสิ่งที่หญิงคนนั้นสอนให้อย่างเต็มที่

นัยน์ตาสีดำคมกล้าจ้องมองภาพตรงหน้าก่อนจะหันไปมองกิ่งซากุระที่อยู่นอกหน้าต่าง

ถึงแม้ว่าตอนนี้จะยังมีแค่กิ่ง แต่เขาก็เชื่อว่าฤดูใบไม้ผลิปีหน้า “ซากุระของเขา” จะเบ่งบานอย่างสง่างามแน่นอน






แสงเทียนสลัวๆส่องให้เห็นใบหน้าของคนที่นั่งอยู่ในห้องว่าต่างก็เป็นคนที่อยู่ในระดับแม่ทัพ...กับการประชุมลับครั้งสุดท้าย

เนื่องด้วยเส้นทางที่กองทัพจะใช้ยิ่งคนรู้มากก็ยิ่งเสี่ยงต่อการถูกลอบซุ่มโจมตี แผนที่ถูกกางอยู่ตรงหน้าคนทั้งสี่ก่อนที่ไม้ในมือของเจ้าเมืองคามาคุระจะชี้ไปยังตำแหน่งหนึ่งในแผนที่

“ พรุ่งนี้กองทัพของพวกเจ้าจะออกจากคามาคุระพร้อมกันในตอนเช้าตรู่ และจะเดินทางไปด้วยกันจนถึงอิเสะฮาระ”    เสียงเคร่งขรึมเอ่ยออกมาจากปากของท่านเจ้าเมือง

“ จากอิเสะฮาระ...กองทัพของเจ้าให้แยกขึ้นไปตีชิโระยามะซึ่งอยู่ใกล้กว่า”      เจ้าเมืองคามาคุระหันหน้าไปหาผู้เป็นน้องชายของตน    “ คำสั่งเดียวที่ข้าจะสั่งเจ้าคือ ตีชิโระยามะให้ได้แล้วให้กลับมาคามาคุระเพื่อมาเป็นทัพหน้าให้กับทัพหลวงของข้า...หลังจากพวกเจ้ากลับมา ทัพหลวงถึงจะออกจากคามาคุระเพื่อเดินทางไปอิสุ”     ทั้งผู้เป็นน้องชายและลูกชายคนรองต่างพยักหน้ารับ

“ ส่วนเจ้า...เคียวยะ....จากอิเสะฮาระให้มุ่งหน้าไปตีโอทสึกิจากนั้นให้ไปรอทัพหลวงที่โอดะวาระ...ไม่ต้องกลับมาที่คามาคุระ....พอทัพหลวงไปสมทบกับพวกเจ้า...เราจะบุกเข้าอิสุพร้อมกัน!




เมื่อแสงเทียนดับลง ร่างสูงใหญ่ของลูกชายคนรองของเจ้าเมืองคามาคุระก็ออกมาเดินเอื่อยเฉื่อยอยู่ที่ระเบียงทางเดินโดยที่ไม่ได้สนใจว่าคนที่เดินนำหน้าอยู่จะพูดอะไรมากนัก นัยน์ตาสีเปลือกไม้เย็นชาแลมองดวงจันทร์กลมโตสลับกับต้นไม้ใบหญ้าด้วยหัวใจที่เบาสบายราวกับว่าการออกสู่สนามรบในวันพรุ่งนี้ก็ไม่อาจสั่นคลอนหัวใจที่ดำมืดให้ตื่นตระหนกหรือหวาดกลัวได้เลย

คนที่มีศักดิ์เป็นอาซึ่งเดินนำหน้าอยู่จู่ๆก็หยุดชะงักก่อนที่หูของร่างสูงจะได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวเข้ามาหา

และเมื่อหันหน้ากลับมาดูนัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็มองเห็นหญิงสาวรูปร่างสะโอดสะอง ใบหน้าที่ยังคงถูกแต่งแต้มจนงดงามแม้จะอยู่ในยามค่ำคืนนั้นดูเอียงอาย

“ ท่านพ่อ....เลิกประชุมแล้วหรือคะ”     น้ำเสียงอ่อนหวานนั้นออดอ้อนอยู่ในที....ถ้านางเรียกผู้เป็นอาว่าพ่อ....นั่นก็หมายความว่าผู้หญิงคนนี้คือ มิซึโกะ...คู่หมั้นของเขา

“ เลิกแล้วละ...ว่าแต่...เจ้ามีอะไรจะพูดกับทาเคชิละสิ?”     เสียงพ่อของหญิงสาวมีแววหยอกเย้าจนใบหน้าสวยขึ้นสีแดง

“ ถ้าเช่นนั้นข้าก็ไม่ขัดจังหวะละ...แล้วเจอกันพรุ่งนี้นะ ทาเคชิ”     ผู้เป็นอาหันมาบอกหลานชายและว่าที่ลูกเขยก่อนจะเดินยิ้มกริ่มจากไป ปล่อยให้ชายหนุ่มอยู่กับหญิงสาวสองต่อสอง แต่ร่างสูงก็ยังคงไม่ปริปากอะไรได้แต่มองใบหน้าที่เอียงอายด้วยสายตานิ่งสนิท

“ ท่านพี่....”   ใบหน้าสวยก้มหลบก่อนจะช้อนตาขึ้นมามอง....ไม่ว่าผู้หญิงคนไหนได้เห็นสายตาที่แน่วแน่ ไม่เกรงกลัวต่อสิ่งใดและไม่มีหลบสายตาของใครของยามาโมโตะ ทาเคชิ  คงจะแทบละลายทั้งนั้น...ถึงแม้ว่ามันจะไม่สะท้อนสิ่งใดกลับมาเลยก็ตาม

“ คือ...ท่านก็คงรู้ธรรมเนียมของการปักผ้าให้แก่นักรบใช่หรือไม่....”     ใบหน้าคมพยักหน้ารับ....ยังไงซะเขาก็เกิดและโตมาที่นี่ กับเรื่องประเพณีการปักผ้าเพื่อขวัญและกำลังใจของนักรบ เขาก็รู้อยู่หรอก

“ คือ....ถ้าไม่รังเกียจ...ข้าปักผ้าแล้วก็เย็บมาให้ท่าน....ขอให้ท่านได้รับชัยชนะและกลับมาหาข้าด้วยเถิด”      มือเรียวเล็กยื่นเสื้อกิโมโนที่ถูกพับไว้อย่างเรียบร้อยมาให้ และมือใหญ่ก็ยื่นออกไปรับแต่โดยดี

“ ถ้าเช่นนั้น...ราตรีสวัสดิ์ ท่านพี่...”      ใบหน้าสวยก้มหัวให้ก่อนจะเดินจากไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ร่างสูงใหญ่เดินตรงกลับไปยังเรือนของตน...ประตูเลื่อนถูกเปิดออกก่อนจะปิดลง

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองเสื้อกิโมโนในมือก่อนที่จะโยนมันไปพาดไว้แถวๆหีบใส่ของอย่างไม่ใส่ใจ ฝ่าเท้าเดินตรงไปที่อีกฝั่งของห้อง มือเลื่อนเปิดประตูที่ออกสู่สวนก่อนจะนั่งลงที่ชานไม้ แผ่นหลังเอนพิงบานประตูเลื่อนก่อนที่มือจะล้วงเข้าไปในอกเสื้อ

ใบไม้แห้งใบหนึ่งถูกดึงออกมาอย่างทะนุถนอม

ก่อนที่มันจะถูกยกขึ้นมาจรดริมฝีปาก....

ครั้งหนึ่งริมฝีปากของคนที่คิดถึงก็เคยประทับอยู่บนใบไม้ใบนี้....ก่อนที่ริมฝีปากแสนสวยนั้นจะเป่ามันออกมาเป็นบทเพลง....


“ โกคุเดระ....”

สักวัน.....ข้าจะบดขยี้ริมฝีปากของเจ้าโดยไม่ต้องผ่านใบไม้ใบนี้.....อย่างแน่นอน





ในขณะที่คนอื่นๆต่างมุ่งหน้ากลับเรือนของตัวเองเพื่อพักผ่อน แต่ยังมีเงาร่างของใครอีกคนที่เดินไปในทางตรงข้ามกับเรือนของตัวเอง....

ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุย่อตัวลงนั่งข้างๆเสาเชิงเทียนที่มุมห้องก่อนจะเป่าเบาๆให้แสงเทียนนั้นดับลง นัยน์ตากลมโตปรับสายตาจนชินกับความมืดแล้วจึงค่อยๆลุกเดินไปยังฟูกที่ถูกปูอยู่กลางห้อง สองเท้าสอดเข้าไปในผ้าห่มผืนหนาก่อนที่จะล้มตัวลงนอน แต่หัวยังไม่ทันจะถึงหมอน ประตูเลื่อนหน้าห้องก็ถูกเปิดออกอย่างที่ไม่คิดจะเกรงใจเจ้าของห้องเลยสักนิด ลำตัวบางเด้งขึ้นจากที่นอนก่อนจะหันหน้าไปมองผู้มาเยือนในยามวิกาล

แล้วก็คิดผิดเสียที่ไหน ว่าคนที่กล้าเข้ามาหาเขาดึกๆดื่นๆแบบนี้คือ ฮิบาริ เคียวยะ

มือใหญ่คว้ามาที่ข้อมือเล็กก่อนจะออกแรงลากให้คนที่ยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกได้แต่ลุกเดินตามไป...นัยน์ตากลมโตจ้องมองแผ่นหลังกว้างที่เดินนำอยู่ข้างหน้า....อย่างผู้ชายคนนี้ที่ไร้ความโรแมนติกสิ้นดีคงไม่มีทางพาเขาไปนั่งดูดาวแน่...เรื่องที่จะทำก็คงมีแค่........

“ พรุ่งนี้เจ้าต้องช่วยข้าสวมชุดไม่ใช่หรือไง? เพราะงั้นคืนนี้เจ้าต้องไปนอนที่ห้องข้า”     เสียงที่เอ่ยออกมานั้นนิ่งสนิทก็จริงแต่ไม่รู้ทำไมร่างเล็กบางถึงได้คิดว่ามันช่างเอาแต่ใจจนน่าหมั่นไส้

“ พรุ่งนี้เช้าข้าค่อยมาก็ได้นี่ ไม่เห็นจะต้อง.....”     

“ เจ้าต้องไปนอนกับข้า”     อ้า....ทำไมถึงพูดจาน่าอายแบบนั้นออกมาได้!....ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อได้แต่สะบัดหนีไปอีกทาง ส่วนร่างกายก็ได้แต่ปล่อยให้อีกฝ่ายลากไปตามแต่ใจ

จะว่าไปตั้งแต่พรุ่งนี้....ก็จะเป็นวันแรกในรอบแปดปีที่เขาจะต้องห่างจากคนตรงหน้าแบบที่ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่จะได้เจอกันอีก

เพราะไม่รู้ว่าสงครามจะกินเวลายาวนานแค่ไหน....อีกทั้งไม่แน่ใจว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกจริงๆหรือเปล่า....


แล้วถ้า....ฮิบาริ เคียวยะ ไม่กลับมาล่ะ?


จู่ๆร่างเล็กบางที่ยอมก้าวขาตามอีกฝ่ายมาแบบขัดขืนน้อยๆก็กลับหยุดเอาเสียดื้อๆ จนร่างสูงได้แต่หันมามองด้วยความแปลกใจ แล้วก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่า ทั้งนัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อจู่ๆมือเล็กๆคู่นั้นก็คว้ามาที่คอกิโมโนสีดำสนิทของตนแล้วกระชากให้ใบหน้าก้มลงไปหา ร่างเล็กบางเขย่งขาเต็มความสูง

ก่อนที่ริมฝีปากนุ่มจะแตะลงมาอย่างแผ่วเบาที่ริมฝีปากของร่างสูง ถึงแม้จะไม่ได้ล่วงล้ำแต่ความหอมหวานกลับทำเอาใจเต้นระรัว

นั่นเป็นครั้งแรกที่ร่างเล็กเป็นฝ่ายเริ่มก่อน

หัวใจที่กลายเป็นน้ำแข็งกลับหลอมละลายภายในพริบตา

เมื่อริมฝีปากละออกมา ลำตัวบางก็ถูกยกขึ้นพาดบ่าทันที

“ อ๊ะ?! อะไรของเจ้า?”      คนโดนอุ้มได้แต่พูดอยู่กับแผ่นหลังกว้างอย่างงงๆ

“ ความผิดของเจ้านั่นแหละ...คืนนี้ข้าว่าจะไม่ทำอะไรแล้วนะ แต่เจ้า...”       ประตูเลื่อนถูกเปิดออกอย่างรวดเร็วก่อนที่ร่างเล็กจะถูกวางลงไปบนฟูกที่อยู่กลางห้อง

ร่างสูงคร่อมอยู่ด้านบน สองแขนกางกั้นให้คนด้านใต้ไม่มีทางหนี นัยน์ตาสีดำจ้องมองใบหน้าใสที่ดูตื่นน้อยๆอย่างพึงพอใจ....จ้องมอง....ราวกับจะจดจำและสลักทุกอย่างของคนตรงหน้าเอาไว้ในหัวใจ

ใบหน้าคมค่อยๆก้มลงไปหาใบหน้าน่ารัก ลมหายใจเป่ารดซึ่งกันและกันแค่นั้นร่างกายก็ร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ริมฝีปากแนบลงไปที่กลีบปากนุ่มอย่างอ่อนโยน....และเพราะความอ่อนโยนที่ไม่เคยพบมาก่อนทำให้ร่างกายเล็กเผลอไผลจนคนข้างบนตักตวงเอาความหอมหวานไปได้จนหมด

ริมฝีปากที่ละออกมาลากไล้ไปบนแก้มใสก่อนจะไปคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอ...ในเมื่ออีกฝ่ายอ่อนโยน อีกคนจึงไม่ขัดขืน...

“ ทั้งๆที่เจ้ากำลังจะไปรุกรานเมืองของข้า...ข้าน่าจะสาปแช่งกองทัพของเจ้าแท้ๆ....”     ริมฝีปากแดงช้ำเอ่ยออกมาเบาๆ ใบหน้าใสขยับเอียงเล็กน้อยอย่างเผลอไผลให้ใบหน้าคมที่ยังคงซุกไซ้อยู่แถวๆต้นคอมีพื้นที่มากขึ้น

“ หึ...แล้วทำไมคราวนี้เจ้าไม่ส่งเหยี่ยวของเจ้ากลับไปบอกคนที่อิสุล่ะ ว่าพรุ่งนี้กองทัพของข้ากำลังจะมุ่งหน้าออกจากคามาคุระ”      มือใหญ่ค่อยๆแกะโอบิออกในขณะที่ริมฝีปากก็ยังคงกดจูบอยู่ที่ซอกคอ

“ กะ...ก็...ยังไงครึ่งหนึ่งของข้าก็เป็นคนของคามาคุระนี่...”

ใช่...เลือดในกายครึ่งหนึ่งเป็นเลือดของคามาคุระ...แต่ว่า....พื้นที่ทั้งหมดของหัวใจก็อาจจะเป็นของคามาคุระไปแล้วก็ได้...

“ ผิดแล้ว...เจ้าไม่ใช่คนของคามาคุระ”     แต่จู่ๆร่างสูงก็ละออกมาจากซอกคอก่อนจะจ้องมองตรงๆไปที่ใบหน้าเล็กที่ดูผงะไป  นัยน์ตาสีดำที่ดูจริงจังแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความอ่อนโยนอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อนทำเอาคนที่ควรจะน้อยใจกลับน้อยใจไม่ลง

“ แล้วเจ้าก็ไม่ใช่คนของอิสุ....”      มือใหญ่แหวกกิโมโนก่อนจะรั้งต้นขาเรียวเล็กข้างหนึ่งให้แยกออกไปพาดไว้บนต้นขาของตัวเอง ร่างข้างบนโน้มตัวลงมาใบหน้าคมก้มกระซิบอยู่ที่ใบหู และความเป็นชายก็สอดใส่เข้ามาพร้อมๆกับประโยคที่ทำเอาน้ำตาไหลลงไปจากนัยน์ตากลมโตโดยที่ไม่รู้ตัว


“ แต่เจ้าเป็นคนของข้า”







แสงคบเพลิงจากภายนอกลอดผ่านกระดาษกรุประตูเข้ามาทำให้ร่างเล็กรู้ว่าควรจะปลุกคนที่ยังหลับใหลอยู่ให้ตื่นได้แล้ว

ใบหน้าน่ารักละจากแผงอกแข็งแรงเงยขึ้นไปมองใบหน้าคมซึ่งยังคงหลับสนิท อ้อมแขนที่กอดรัดร่างของเขาเอาไว้ช่างแสดงความเป็นเจ้าของ รวมทั้งคำพูด...ที่ได้ยินเมื่อตอนก่อนนอนนั่นก็ด้วย....

ข้าเป็นคนของเจ้าอย่างนั้นหรอ...

ทำไม...หัวใจถึงได้เต้นแรงกับคำพูดเอาแต่ใจแบบนั้นได้กันนะ

จะบอกว่าดีใจที่มีใครสักคนหวงแหน ดีใจที่ในที่สุดก็มีพื้นที่ของตัวเองก็คงจะว่าได้

ใบหน้าเล็กยื่นหน้าขึ้นไปก่อนจะใช้ริมฝีปากแตะลงไปเบาๆบนกลีบปากของคนที่ยังหลับแทนเสียงปลุก ปกติ ฮิบาริ เคียวยะ เป็นคนที่มีปฏิกิริยาไวอยู่แล้ว เพราะงั้นยังไม่ทันที่ริมฝีปากนิ่มจะได้ละออกมา ร่างกายเล็กก็ถูกพลิกลงกับพื้นฟูกเสียก่อน

“ จะยั่วข้าตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางเลยหรือยังไง?”     คำพูดที่มาพร้อมใบหน้างัวเงียแต่ก็เจ้าเล่ห์ในทีนั่นทำเอาคนปลุกถึงกับใบหน้าร้อนผ่าว

“ ละ ลุกได้แล้ว! เจ้าต้องไปเตรียมตัวนะ!”      มือเล็กยันแผ่นอกที่กดแนบเข้ามา ใบหน้าคมเริ่มโจมตีแถวๆซอกคอหอมกรุ่นอีกครั้ง

“ มีเวลาเหลือเฟือ”     เสียงทุ้มทำให้ร่างเล็กจำต้องใช้แรงทั้งหมดยันคนข้างบนออกไปจนได้

“ ไปล้างหน้าล้างตาเดี๋ยวนี้เลยนะ!”     ร่างเล็กหนีออกจากที่นอนก่อนจะมายืนชี้นิ้วสั่ง และที่อีกคนยอมทำตามก็เพราะว่าข้างนอกเริ่มมีเสียงคนเดินไปเดินมาให้รู้ว่าใกล้เวลาที่จะต้องไปเต็มที

ร่างสูงกลับเข้ามาในห้องอีกครั้งก่อนจะไปหยุดยืนอยู่ตรงหน้าราวที่แขวนกิโมโนสีดำสนิท ร่างเล็กที่นั่งทับส้นรออยู่ก้มศีรษะลงไปจรดพื้นก่อนจะยืนขึ้นเพื่อปลดยูกาตะที่ร่างสูงสวมอยู่ออกจากไล่หนา แผงอกแข็งแรงที่เคยเห็นมาไม่รู้กี่ครั้งแต่มันก็ยังทำให้ใบหน้าเล็กร้อนผ่าวได้เสมอ นัยน์ตากลมโตหลุบต่ำลงก่อนจะย้ายไปปลดกิโมโนสีดำออกจากราวแขวนแล้วนำมาสวมให้ร่างสูงแทนยูกาตะ ปลายนิ้วยามจับสาบเสื้อมาทับกันนั้นสัมผัสลงไปที่ลายปักรูปนกกระเรียนที่ตนเป็นคนปักมันมากับมือ

การที่ต้องมาแต่งตัวให้ ตอนนี้เขารู้แล้วว่ามันสำคัญยังไง

เพราะทุกสัมผัสนั้นเต็มไปด้วยความโหยหา...ไม่อยากจะจากลา...

และสัมผัสเหล่านั้นทำให้คนที่ต้องจากไปไกลอยากจะกลับมา....

มันคือสิ่งที่เป็นยิ่งกว่าเครื่องรางใดๆในโลกเสียอีก


และเมื่อกิโมโนกับฮากามะถูกสวมเรียบร้อยแล้ว ต่อไปก็จึงเป็นชุดเกราะ

“ ข้าถามเจ้าได้หรือไม่....ว่าทำไมจึงให้ข้ามาช่วยเจ้าสวมชุดเกราะเช่นนี้”    ร่างเล็กเอ่ยออกมาในขณะที่หันไปหยิบชิ้นส่วนของเกราะที่วางอยู่ 

เจ้าจะเข้าใจบ้างไหม...ว่าสิ่งที่ข้าถามมันหมายความว่า      ทำไม่เจ้าถึงได้รักข้า 

“ ทั้งๆที่ตลอดมาคอยแต่กลั่นแกล้งข้าแท้ๆ”     ประโยคนี้เพียงแค่บ่นกับตัวเองในขณะที่ช่วยจับโคะเทะหรือเกราะบริเวณส่วนแขนให้เข้าที่

“ กลั่นแกล้ง?”     น้ำเสียงราบเรียบเอ่ยออกมาเบาๆราวกับไม่เข้าใจ....นี่อย่าบอกนะว่าไม่รู้น่ะ ว่าไอ้เรื่องโหดร้ายสารพัดที่ทำกับเขาเอาไว้ มันก็เรียกดีๆได้ว่ากลั่นแกล้งนั่นแหละ

“ เพราะว่าเจ้าไม่ใช่คนผิดที่ต้องถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่...และถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ความผิดของเจ้าแม้แต่น้อย แต่เจ้าก็ยังยอมรับมันด้วยศักดิ์ศรีที่เจ้ามี...เจ้าไม่เคยร้องไห้อ้อนวอนแต่กลับลุกขึ้นสู้เรื่อยมา...นั่นแหละคือเหตุผลที่ข้าให้เจ้ามาสวมเกราะให้กับข้า”   ใบหน้าเล็กร้อนผ่าวขึ้นมาทันที ดีนะที่ตอนนี้เขากำลังก้มหน้าลงไปใส่เกราะบริเวณส่วนขาให้ ร่างสูงจึงมองไม่เห็นใบหน้าที่คงจะแดงเถือกของเขาให้ได้อาย

เจ้าพูดออกมาแบบนี้...แสดงว่าเจ้าเฝ้ามองข้ามานานแล้วอย่างนั้นใช่หรือไม่

ข้าเสียอีกที่ไม่เคยรู้เลยว่าหลายๆสิ่งที่เจ้าทำลงไป ส่วนใหญ่ก็เพื่อตัวข้าเองแทบทั้งนั้น...

ข้าที่ไม่มีพ่อไม่มีแม่คอยปกป้องแล้วยังต้องมาอยู่ต่างบ้านต่างเมืองในฐานะตัวประกัน จะโดนใครต่อใครรังแกก็ไม่ใช่เรื่องแปลกเลย แต่เพราะอยู่กับเจ้าตลอดเวลาจึงไม่มีใครกล้ามายุ่งเกี่ยวกับข้า ไม่มีใครกล้ามาหาเรื่องกลั่นแกล้งข้า และถึงแม้วิธีการจะโหดร้ายสมกับเป็นเจ้าแต่ตอนนี้ข้าก็สามารถปกป้องตัวเองได้จากวิชาดาบที่เจ้าสอนให้ข้า

“ ขอบคุณ....”      ถ้อยคำเบาๆเอ่ยออกไปในขณะที่ผ้าคาดเอวถูกมัดเข้าด้วยกัน ใบหน้าเล็กที่ก้มลงน้อยๆนั้นช่างดูน่ารักจนอีกคนอดใจไว้ไม่ไหว มือใหญ่เชยคางมนขึ้นมาก่อนที่ริมฝีปากจะแนบลงไป รสจูบที่หนักหน่วงแต่ก็อ่อนหวานนั้นราวกับจะทำให้มันฝังลงไปในหัวใจของคนทั้งสองจนไม่อาจลืมเลือน

“ นี่คงไม่ใช่...จูบลาเป็นครั้งสุดท้ายหรอกนะ”      ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำ แต่รอยยิ้มน้อยๆที่ถูกส่งกลับมาจากใบหน้าคมก็ทำให้ความกังวลค่อยๆผ่อนคลายไป

“ แน่นอน...ข้าจะกลับมาจูบเจ้าอีกนับแสนนับล้านครั้ง จงเตรียมริมฝีปากและร่างกายของเจ้าเอาไว้ให้ดี...เจ้าก็รู้...ว่าข้าไม่ใช่คนที่ใครจะมาฆ่าได้ง่ายๆ...หากเจ้ายังอยู่ที่นี่ ข้าจะกลับมาแน่นอน”      ถึงจะเป็นถ้อยคำที่น่าหมั่นไส้แค่ไหนแต่มันก็ทำให้ใบหน้าเล็กยิ้มออกมาได้  หมวกคาบุโตะประดับด้วยเขากวางถูกส่งให้กับร่างสูงที่กำลังเตรียมจะเดินออกไป

“ เจ้า....จะบุกไปถึงอิสุเลยหรือเปล่า...”     จู่ๆร่างเล็กก็เอ่ยถามขึ้นมาก่อนที่ขาของร่างสูงจะก้าวออกจากห้อง

“ ใช่...ข้าจะไม่กลับมาจนกว่าจะได้อิสุมาไว้ในมือ”      ถึงจะรู้ว่าคงทำให้หัวใจดวงน้อยเจ็บปวดแต่ร่างสูงก็ตอบไปตามตรง...ในเมื่อสงครามมันเริ่มต้นขึ้นมาแล้ว โกหกไปก็คงไม่ได้อะไรขึ้นมา....

“ ข้าคงห้ามไม่ให้เจ้าสังหารใครไม่ได้ และคงห้ามคนของอิสุไม่ได้ด้วยเช่นกัน....แต่ว่า....ข้าอยากจะขอเจ้าแค่คนเดียวได้ไหม...”     นัยน์ตากลมโตที่มีแววเว้าวอนทำให้ใบหน้าคมต้องหยุดชะงักฟัง เพราะนี่คือคำขอแรกของคนตรงหน้า

ทั้งๆที่โดนทำเรื่องโหดร้ายมากมายแต่กลับไม่เคยอ้อนวอนขออะไร...แสดงว่าเรื่องนี้คงจะสำคัญมาก

“ ได้โปรดไว้ชีวิตน้องชายคนเล็กของข้าด้วย”    

“ น้องชายคนเล็กของเจ้า?”

“ เขามีชื่อว่า โกคุเดระ ฮายาโตะ...เป็นเด็กผู้ชายเพียงคนเดียวในบ้านที่มีเส้นผมสีเงิน”

“ ผมสีเงิน.....”     ใบหน้าคมนิ่งคิดถึงเมื่อวันที่ไปช่วยน้องชายของตนให้รอดพ้นมาจากเงื้อมมือของพวกอิสุ....

“ ถ้าเช่นนั้นเจ้าไม่ต้องห่วง...ถึงข้าจะไม่ยื่นมือเข้าไปช่วย เด็กนั่นก็ไม่น่าจะตายง่ายๆ”      ใบหน้าเล็กได้แต่มองกลับมาอย่างสงสัย ก่อนจะเข้าใจกระจ่างเมื่อร่างสูงพูดทิ้งท้ายก่อนที่จะเดินจากไปว่า

“ เพราะคนที่ช่วยให้ยามาโมโตะ ทาเคชิ หนีรอดมาจากอิสุได้คือเด็กผู้ชายที่ดูยังไงก็ไม่คล้ายเด็กผู้ชาย...และคนคนนั้นมีเส้นผมสีเงิน”

.
.
.
.
.
.
.
.
.


มือบางพับกระดาษสีแดงเข้าหากัน ถึงแม้ว่าโซ่ที่ข้อมือจะทำให้ลำบากไปบ้างแต่กังหันอันน้อยก็สำเร็จออกมาเล่นลมจนได้

ก้านกังหันถูกปักลงไปในรูเล็กๆของเสาไม้นอกชาน...ปักลงไปให้มันเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของกังหันสีสันสดใสมากมายที่ปักอยู่เต็มระเบียง ลามไปจนถึงใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวน....แต่ถึงจะมีกังหันหมุนเล่นลมอยู่มากมาย สุดท้ายแล้ว กังหันที่โดดเด่นก็มีเพียงกังหันอันเดียวที่ถูกพับขึ้นมาจากกระดาษห่อยา....

ร่างบอบบางล้มตัวลงนอนตะแคงกับพื้นก่อนจะยกมือที่มีโซ่คล้องอยู่มาหนุนใบหน้า นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องไปที่กังหันอันน้อยเพียงอันเดียวที่มีสีขาวซึ่งอยู่ท่ามกลางกังหันหลากสีสันอันอื่นๆ  เสียงประตูเลื่อนที่ดังอยู่ข้างหลังไม่ได้ทำให้คนที่นอนมองกังหันลมสนใจ  เพราะหัวใจนั้นถูกกังหันพัดจนล่องลอยไปไกลแสนไกล

“ ฮายาโตะ...เจ้ายังไม่หายโกรธข้าอีกหรอ?”      เสียงที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินทำให้ร่างบอบบางลุกผึงขึ้นมาจากพื้นเสื่อทาทามิ...คนที่ยืนอยู่คือพี่ชายคนโตที่ตั้งแต่จับเขากลับมาก็ยังไม่เคยเข้ามาหากันเลยสักครั้ง ทั้งๆที่พี่ชายคนอื่นๆต่างแวะเวียนมาหยอกเย้าเขาจนน่าโมโหอยู่ทุกวัน

ใบหน้าสวยสะบัดหนีทันทีที่เห็นหน้าผู้เป็นพี่ชาย

“ ยังงอนอยู่อีกหรอที่ข้าจับเจ้ากลับมา?”

“ ยังจะมีหน้ามาถาม!”     ถึงจะโดนขังจนเฉาไปบ้างแต่คนปากดีก็ยังคงเป็นคนปากดีอยู่วันยังค่ำ

“ รู้ไหม...ว่าข้าไม่ได้โกรธเจ้าที่เจ้าจับข้ากลับมาหรอกนะท่านพี่...แต่ข้าโกรธเจ้าเพราะเจ้าไม่ยอมฟังสิ่งที่ข้าขอร้องเลยน่ะสิ!

“ ในเมื่อเจ้าก็รู้....ว่าไม่ว่ายังไงข้าก็จะไม่ยอมไว้ชีวิตผู้ชายคนนั้นแน่ๆ...แล้วทำไมเจ้าถึงไม่ตั้งใจหนีให้ดีกว่านี้ล่ะ?”

“ เพราะข้าก็รู้น่ะสิ ว่าเจ้าจะไม่ยอมปล่อยข้าไปง่ายๆเช่นกัน! แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าก็หวงข้ายิ่งกว่าพี่ชายคนไหนๆอยู่แล้ว ข้ารู้นะว่าแผนการกลั่นแกล้งยามาโมโตะตอนยังอยู่ที่นี่ทั้งหมดน่ะเป็นฝีมือของเจ้า!”    นัยน์ตาสีมรกตมองผู้เป็นพี่ชายอย่างคาดโทษจนร่างสูงใหญ่ได้แต่ยิ้มอย่างยอมแพ้และรับผิดทุกกรณี

“ และก็เพราะว่าข้ารู้แบบนั้น....รู้ว่าเจ้าจะต้องพลิกแผ่นดินเพื่อตามหาข้าแน่...แล้วถ้าเกิดว่าข้าไปถูกจับได้ที่อื่นที่ไม่ใช่ในเขตแดนของคามาคุระ....ยามาโมโตะก็จะไม่มีใครช่วยได้...จะต้องตายด้วยมือเจ้าแน่”

“ เพราะแบบนั้นข้าจึงยอมให้เจ้าจับตัวกลับมา...เพื่อให้เจ้าเลิกไล่ล่ายามาโมโตะ”

“ ดูเหมือนเจ้าจะเข้าใจหน้าที่ของตัวเองดีนี่ ฮายาโตะ”     ผู้เป็นพี่ชายพูดออกมาด้วยรอยยิ้มที่ดูไม่ออกว่ากำลังคิดอะไรอยู่

“ เจ้าเข้าใจถูกแล้ว...ตราบใดที่ข้ายังมีชีวิตอยู่...เจ้าก็จะไม่สามารถออกไปจากอิสุได้....ไม่ต้องกลัวว่าจะถูกส่งตัวไปที่ไหน ทั้งในหน้าที่ตัวประกันหรือหน้าที่ให้ต้องไปแต่งงานกับใคร....เพราะข้าจะไม่ให้เจ้าก้าวขาออกไปจากตระกูลโกคุเดระได้แม้แต่ก้าวเดียว...”       น้ำเสียงที่พูดเรื่องแบบนี้ออกมาได้อย่างสงบนิ่งทำให้ใบหน้าสวยถึงกับยับยู่ยี่ ฝ่ามือเล็กทุบไปที่แผ่นอกของพี่ชายพร้อมกับตะโกนไล่

“ จะเก็บข้าเอาไว้แหย่เล่นใช่ไหมล่ะ?ออกไปเลยนะเจ้าพี่โรคจิต!! ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้าแล้ว!

“ ฮ่าๆ...นี่...จะไม่อวยพรให้ข้าซักหน่อยเลยหรอ?”     มือบางชะงักไปทันที่ได้ยินสิ่งที่พี่ชายบอก

“ อวยพรอะไรของเจ้า?”

“ พรุ่งนี้ข้าจะออกไปทำศึก....โอทสึกิกับชิโระยามะส่งข่าวมาว่ากองทัพของคามาคุระใกล้จะไปถึงเต็มที และข้ากับพี่รองของเจ้าต้องออกไปช่วย”

“ เอ๊ะ?!

“ อวยพรให้ข้าปลอดภัยซักหน่อยสิ ฮายาโตะ”       นัยน์ตาสีมรกตได้แต่มองผู้เป็นพี่ชายตาค้างก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว

“ ฮะฮะ...ร้องไห้ขี้มูกโป่งแบบนี้แปลว่ายังห่วงข้าอยู่สินะ”     มือใหญ่ยกขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าสวยแผ่วเบา  ก่อนจะย้ายมันไปโยกหัวสีเงินไปมา

“ คะ ใครห่วงเจ้า?!!  ข้ายังงอนเจ้าอยู่นะ! แล้วก็ถ้าไม่กลับมาง้อละก็...ข้าจะโกรธเจ้าไปทั้งชาติเลย!”    มือบางปัดมือที่ขยี้หัวของตนอยู่ออกไปก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะจ้องเขม็งไปที่นัยน์ตาของคนตรงหน้าอย่างต้องการให้รับปากกับสิ่งที่ตนเอ่ยออกไป ผู้เป็นพี่ชายจึงได้แต่ยิ้มอ่อนโยนกลับมาให้

“ ได้สิ....ข้าจะกลับมาง้อเจ้าแน่นอน...”

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


หากมองในมุมมองของแผนที่ ตอนนี้คงจะเห็นจุดสีดำขนาดใหญ่กำลังเคลื่อนที่ออกไปจากเมืองคามาคุระ

ทั้งเสียงโห่ร้องของพลเดินเท้าและเสียงควบม้าที่มาพร้อมกับฝุ่นตลบไม่ว่าจะผ่านไปยังที่ใดล้วนทำให้ใครต่อใครหวาดกลัว นอกจากกำลังรบมหาศาลแล้วกองทัพของคามาคุระยังขึ้นชื่อเรื่องความเด็ดขาดให้การเอาชนะ...ไม่เคยมีที่ใดที่กองทัพนี้เหยียบย่างเข้าไปแล้วจะไม่ชนะ

ยกเว้นอิสุ....

ที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่สิบยี่สิบครั้ง กองทัพของคามาคุระก็ยังไม่เคยเอาชนะได้เลย

และถึงแม้ว่าคราวนี้ คามาคุระจะมีแม่ทัพที่ขึ้นชื่อเรื่องความเก่งกาจและโหดเหี้ยมอย่างลูกชายคนโตของเจ้าเมืองคามาคุระมาคุมทัพด้วย แต่ก็ยังไม่มั่นใจพอจนต้องใช้แผนกำจัดกำลังเสริมของอิสุเสียก่อนแบบที่กำลังจะทำกันอยู่นี้

จุดสีดำบนแผนที่เริ่มแยกออกเป็นสองจุด....จุดหนึ่งย้อนขึ้นไปทางเหนือ ส่วนอีกจุดมุ่งหน้าลงใต้....

ทางเหนือคือ ชิโระยามะ....

ซึ่งนับว่าเป็นเมืองตัวแสบที่สร้างความเจ็บใจให้กับกองทัพของคามาคุระมานักต่อนัก เพราะหลายครั้งที่คามาคุระเกือบจะเอาชนะอิสุได้ ก็มักจะโดนกองทัพเล็กๆของชิโระยามะนี่แหละ ตีตลบมาทางด้านหลัง ทำให้ทหารที่ต่อสู้มาอย่างยาวนานและเริ่มจะอ่อนล้าต้องสู้ศึกทั้งสองทางและไม่นานก็ต้านไม่ไหวจนต้องล่าถอยกลับคามาคุระด้วยคำว่าไม่เคยชนะต่ออิสุได้เลย

แต่คราวนี้มันจะไม่เป็นแบบนั้น...

เพราะพวกเขาจะบุกไปกำจัดพวกมันให้สิ้นซากก่อนที่จะได้ก้าวขาออกมาเพื่อช่วยอิสุ!

กองทัพที่บุกไปยังชิโระยามะนั้นคุมทัพโดยผู้เป็นน้องชายของเจ้าเมืองคามาคุระ....ร่างท้วมที่นั่งอยู่บนม้าสีน้ำตาลลักษณะดีนั้นถึงจะมีประสบการณ์ด้านทำศึกมาหลายครั้งแต่ใบหน้าอวบอูมนั้นก็ยังคงมีเหงื่อแตกพลั่ก สายตาล่อกแล่กมองซ้ายมองขวาราวกับว่าหวาดระแวงไปกับทุกอย่างรอบตัวทำให้ดูไม่ค่อยสมกับที่เป็นแม่ทัพนัก จนนายทหารระดับสูงหลายคนดูจะอ่อนใจไปตามๆกัน

กลับกลายเป็นเด็กหนุ่มที่ขี่ม้าสีดำอยู่ข้างๆนั่นที่ดูนิ่งกว่าเห็นๆทั้งที่นี่เป็นการออกสู่สนามรบครั้งแรก....ลูกชายคนรองของเจ้าเมืองคามาคุระนั้นไม่มีเหงื่อแม้แต่หยดเดียวบนใบหน้า...

“ พักทัพตรงเนินนั่นก็แล้วกัน”      คำสั่งดังออกมาจากปากผู้เป็นแม่ทัพเมื่อเห็นว่าอีกไม่นานก็จะพลบค่ำ

พลทหารต่างแยกกันออกไปตั้งค่าย ทำให้ร่างสูงใหญ่ของ ยามาโมโตะ ทาเคชิ มีเวลาเดินไปล้างหน้าล้างตาอยู่แถวๆริมลำธาร….สายตาของนายทหารหลายๆคนลอบจับจ้องเด็กหนุ่มที่ไม่เคยรู้แม้กระทั่งว่ามีฝีมือมากแค่ไหน ด้วยตลอดแปดปีที่ไม่ได้อยู่ในคามาคุระเลยนั่นเอง

“ ท่านคิดว่าเด็กนั่นจะไหวหรอ? นี่มันสงครามของจริงนะไม่ใช่ในตำรา พวกเราเองก็ไม่ได้ว่างมากถึงขนาดจะคอยปกป้องเด็กนั่นได้หรอกนะ ไม่เข้าใจจริงๆว่าท่านเจ้าเมืองคิดอะไรอยู่ อยากจะส่งให้มาตายหรือยังไงกัน?”      รองแม่ทัพฝ่ายซ้ายเอ่ยกับผู้เป็นอาของเด็กหนุ่มที่ว่า ทำให้ท่านแม่ทัพได้แต่พยักหน้ารับส่งๆไป

“ ถ้าถึงเวลาจริง ข้าจะคอยกันให้ทาเคชิอยู่นอกวงรบก็แล้วกัน”     สายตาของคนทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงนั้นหันไปมองเด็กหนุ่มผมสีดำสนิทโดยพร้อมเพียง ร่างสูงใหญ่นั่นยังคงนั่งมองสายน้ำไหลเอื่อยๆอยู่บนโขดหินโดยไม่ได้มีท่าทีทุกข์ร้อน ใบหน้าคมหล่อเหลายังคงนิ่งเฉยราวกับว่านี่เป็นเพียงการมาเที่ยวเล่นไม่ใช่การมาเอาเลือดเนื้อและชีวิตของศัตรู

“ แต่ว่า...บางเวลาที่มองเด็กนั่น ข้าก็เผลอนึกถึงท่านเคียวยะเหมือนกันนะ...จะว่ายังไงดี...ถึงท่านทาเคชิจะดูสบายๆแต่บรรยากาศหลายๆอย่างก็น่ากลัวไม่ได้น้อยไปกว่าท่านเคียวยะเลยน่ะ”      รองแม่ทัพฝ่ายขวาเอ่ยออกมาด้วยสายตาเหม่อลอย

“ นั่นสินะ...ตัดสินกันตอนนี้อาจจะเร็วไป เพราะพวกเราก็ไม่รู้ว่าตอนที่เขาอยู่ที่อิสุ...เขาทำอะไรลงไปบ้าง...ข้าคิดว่าถ้าไม่แน่จริงเขาคงกลับมายืนอยู่ตรงนี้ด้วยท่าทางแบบนั้นไม่ได้หรอก”



เช้าวันใหม่มาเยือนอีกหลายครั้งและกองทัพสีดำก็ยังคงเคลื่อนที่ต่อไปเรื่อยๆ

และอีกแค่วันเดียว กองทัพของคามาคุระก็คงเข้าประชิดประตูเมืองชิโระยามะได้

แต่ก่อนที่จะได้ดีใจ ม้าเร็วของหน่วยลาดตระเวนที่ส่งออกไปดูรอบๆก็วิ่งฮ่อกลับมาด้วยใบหน้าเคร่งเครียด

“ ท่านแม่ทัพ....พวกชิโระยามะรู้ตัวแล้วและตอนนี้ก็กำลังยกทัพออกมารอรับพวกเราอยู่ที่ทุ่งชิโระฮาระ เราคงได้ปะทะกับพวกมันในไม่ช้านี้แน่ขอรับ”      ม้าเร็วรีบเข้าไปรายงานต่อน้องชายของเจ้าเมืองคามาคุระในระหว่างที่พักทัพอยู่

“ และมีอีกข่าวที่ไม่ใช่เรื่องดี....ดูเหมือนพวกชิโระยามะจะส่งข่าวไปบอกอิสุ ตอนนี้จึงมีกองทัพย่อยของอิสุมุ่งหน้าขึ้นมาช่วยขอรับ ดีไม่ดีอาจจะมาถึงตอนที่พวกเรากำลังสู้กับชิโระยามะก็เป็นได้”     และข่าวนี้ก็ทำให้ใบหน้าอวบอูมของท่านแม่ทัพถึงกับซีดเผือด  เพราะถ้าอิสุมาถึงในช่วงเวลานั้น พวกมันก็จะเข้าโจมตีทางด้านหลังของกองทัพคามาคุระที่กำลังต้านชิโระยามะ...และหากกองทัพที่อ่อนล้าต้องสู้ศึกทั้งสองด้าน ก็คงยากที่จะเอาชนะได้....ในขณะที่ท่านแม่ทัพและรองทั้งสองยังคงนิ่งงันกับข่าวที่ทำเอาพูดไม่ออก เด็กหนุ่มร่างสูงที่นั่งฟังอยู่ด้วยจึงเอ่ยถามออกไป

“ จากที่นี่....ใช้เวลาเท่าไหร่ถึงจะพบกับกองทัพของชิโระยามะ”     เสียงของยามาโมโตะ ทาเคชิ ทำให้ผู้ใหญ่อีกสามคนที่เหลือได้แต่หันมามองอย่างสนใจ

“ ครึ่งวันน่าจะได้ขอรับ”

“ แล้วจากที่นี่...กับกองทัพของอิสุล่ะ” 

“ พวกอิสุน่าจะไล่ตามเราอยู่ราวๆสองสามชั่วยามเท่านั้นขอรับ พวกนั้นเป็นกองทัพย่อยที่ใช้ม้าเร็วขอรับ”

“ ม้าเร็ว?”     ใบหน้าคมนิ่งคิดทันทีที่ได้ยินคำว่า ม้าเร็ว’ ....น่าจะใช่...เพราะอิสุมีเพียงแค่หน่วยเดียวเท่านั้นที่จะใช้ม้าเร็วในการรบ

“ ท่านอา...ข้ามีความคิดเห็นว่า....ท่านควรจะสั่งให้กองทัพบุกตะลุยเข้าไปสู้กับชิโระยามะในทันที...เราจะใช้เวลาแค่สองชั่วยามในการจัดการกับพวกชิโระยามะให้สิ้นซาก...ก่อนที่พวกอิสุจะมาถึง....เพราะหากท่านมัวล่าช้าไปกว่านี้ละก็...ท่านต้องถูกตีขนาบด้วยกองทัพของว่าที่เจ้าเมืองอิสุคนต่อไปแน่ๆ”     ....กองทัพของพี่ชายคนโตของโกคุเดระที่ว่ากันว่าแข็งแกร่งที่สุดในอิสุ...

ใบหน้าคมที่เอ่ยออกมาด้วยความนิ่งแต่ก็ดูจริงจังทำให้ผู้เป็นอาได้แต่ละล้าละลังก่อนจะถอนหายใจแล้วพยักหน้ารับกับแผนการของหลานชาย

“ อะ เอาแบบนั้นก็ได้”     เพราะดูท่าว่า เด็กหนุ่มที่ไม่เคยได้รับความไว้วางใจคนนี้จะรู้เรื่องราวของชาวอิสุเป็นอย่างดี

แตรที่ใช้ในสนามรบถูกเป่าออกไปให้พลทหารทั้งหลายต่างลุกขึ้นเตรียมพร้อม และเมื่อต่างตั้งทัพพร้อมที่จะวิ่งสู่การนองเลือด คนที่ออกมาประกาศสงครามกลับไม่ใช่แม่ทัพแต่เป็นเด็กหนุ่มที่อยู่บนหลังม้าสีดำ

“ จงเชื่อมั่น...ว่าพวกเจ้าจะเอาชิโระยามะมาอยู่แทบเท้าได้ ภายในสองชั่วยาม!”     สิ้นคำที่ทำให้ฮึกเหิม เสียงโห่ร้องก็ดังก้องไปทั่วท้องทุ่งก่อนที่กองทัพสีดำจะบุกตะลุยอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยมุ่งหน้าเข้าสู่ชิโระฮาระ....ทุ่งหญ้าสีขาวที่บัดนี้มันกำลังจะถูกย้อมไปด้วยเลือด!



ไม่ทันจะผ่านไปถึงครึ่งวัน กองทัพของคามาคุระก็บุกมาเผชิญหน้ากับกองทัพชิโระยามะจนได้ เสียงแตรของทั้งสองฝั่งดังก้องกังวานก่อนที่พลทหารของทั้งสองกองทัพจะวิ่งตะบึงเข้าหากันราวกับไม่กลัวความตาย

เหล่าทหารของคามาคุระที่แต่เดิมก็เป็นนักรบกระหายเลือดอยู่แล้วยิ่งได้เห็นผู้นำทัพอย่างลูกชายคนรองของท่านเจ้าเมืองควบม้านำหน้าพวกตนเข้าหาศัตรูยิ่งมีกำลังใจสู้ถวายหัว เสียงโห่ร้องที่เต็มไปด้วยขวัญและกำลังใจทำให้ฝ่ายชิโระยามะมีชะงักไปบ้างเหมือนกัน

เด็กหนุ่มที่ควรจะถูกกันให้อยู่ข้างหลังกลับควบม้าตวัดดาบฟาดฟันศัตรูอยู่แนวหน้าทำให้ผู้มีศักดิ์เป็นอาได้แต่หวาดวิตก เพราะหากยามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นอันตรายอะไรไปเขาเองก็อาจจะได้รับโทษที่ดูแลบุตรชายของเจ้าเมืองคามาคุระไม่ดี อีกอย่างเด็กนั่นก็เป็นว่าที่ลูกเขย ขืนตายไปในสนามรบลูกสาวของเขาก็คงเป็นหม้ายตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้แต่งงาน ใครจะไปยอมได้

ร่างท้วมบนหลังม้าสีน้ำตาลขยับเข้าไปอยู่ในวงสมรภูมิ ใจจริงแค่อยากจะเข้าไปกันหลานชายออกมาแต่เป็นเพราะว่าตนสวมหมวกเกราะประดับเขาสัตว์นั่นทำให้ใครต่อใครรู้ว่าตนคือแม่ทัพ เพราะฉะนั้นมันจึงไม่ยากเลยที่จะเรียกบรรดานายทหารระดับสูงของชิโระยามะเข้ามาหา

แม่ทัพที่ดูเงอะงะตวัดทวนเข้าต่อสู้กับนายทหารของชิโระยามะ ถึงจะใช้เพลงทวนของตระกูลยามาโมโตะกันเอาไว้ได้แต่ก็ใช่ว่าจะเหนือกว่าอีกฝ่ายจนทำให้ไม่สามารถสะบัดหลุดออกมาจากวงล้อมได้ และยิ่งนานขึ้นบรรดานายทหารของชิโระยามะต่างก็เข้ามาช่วยกันรุม....เพราะหัวของแม่ทัพนั้นมีค่ามากกว่าหัวของทหารทั้งกองทัพ!

“ ท่านทาเคชิ!”      เสียงของรองแม่ทัพฝ่ายซ้ายตะโกนเรียกเด็กหนุ่มผมดำ ทำให้ใบหน้าคมหันไปตามเสียงเรียกจึงได้เห็นว่าเกิดอะไรขึ้นกับผู้เป็นอา

ใบหน้าคมที่ยังคงนิ่งเฉยแม้จะมีหยดเลือดสาดกระเซ็นเป็นหย่อมๆมองผู้เป็นอาที่กำลังจะเสียท่าให้ศัตรู นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองไปรอบกายก่อนจะควบม้าไปยังทหารนายหนึ่งซึ่งปักธงของคามาคุระเอาไว้ที่หลังด้วย

มือใหญ่ตวัดดาบตัดฉับลงไปที่ด้ามธงก่อนจะจับมันเอาไว้ด้วยมืออีกข้าง

ด้ามธงที่ถูกดาบตัดจนแหลมพุ่งออกไปจากมือยามาโมโตะ ทาเคชิ ก่อนที่จะปักลงไปที่กลางหัวใจของนายทหารชิโระยามะ...ดาบที่ตั้งใจจะตวัดตัดคอแม่ทัพของคามาคุระร่วงหล่นลงที่พื้นดินทันที

นายทหารชิโระยามะที่เข้ามาช่วยกันต่างนิ่งงันกับภาพตรงหน้าก่อนจะหันมามองเด็กหนุ่มผมดำเป็นตาเดียว

ไม่มีใครเคยรู้จัก ไม่มีใครเคยได้ยินข่าว...ว่านอกจาก ฮิบาริ เคียวยะ แล้ว...คามาคุระยังซุกซ่อนคมเขี้ยวที่ร้ายกาจแบบนี้เอาไว้อีก

และเพราะมัวแต่นิ่งงัน เด็กหนุ่มผมดำจึงควบม้าเข้ามาช่วยผู้เป็นอาออกมาจากวงล้อมได้

“ ท่านไม่เป็นไรนะ?!”     รองแม่ทัพฝ่ายซ้ายควบม้าเข้ามาขนาบข้างทั้งสองอาหลาน

“ มะ ไม่เป็นไร...ต้องขอบใจเจ้ามากทาเคชิ”     ท่านแม่ทัพเอ่ยออกมาทั้งที่ใบหน้ายังดูตื่นตระหนก ใบหน้าคมของยามาโมโตะ ทาเคชิ เพียงแค่พยักหน้ารับก่อนที่จะหันมาพูดกับรองแม่ทัพฝ่ายซ้าย

“ ท่านคอยคุ้มกันท่านอา ให้อยู่ห่างจากใจกลางสนามรบ....ส่วนหัวของแม่ทัพชิโระยามะ...ข้าจะไปเอามาเอง”     แล้วร่างสูงใหญ่ก็ควบม้าออกไปในทะเลเลือด

น่าแปลก...ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วยามที่ผ่านมา พวกเขายังไม่เคยมีใครเชื่อใจเด็กหนุ่มคนนั้น ทว่า...ทั้งท่าทางที่นิ่งสงบถึงแม้จะอยู่ในสนามรบ ทั้งดวงตาสีเปลือกไม้ที่ยังเยือกเย็นราวกับเห็นทุกอย่างเป็นเรื่องเล็กๆ ทั้งจิตสังหารมหาศาลที่ถูกซุกซ่อนมาตลอดมันกำลังแผ่ออกมารอบตัวจนน่าหวาดกลัว ทั้งวิถีดาบที่แข็งแกร่งและดุดัน ทั้งรอยยิ้มน้อยๆที่มุมปากกับใบหน้าคมที่ดูสนุกสนานยามฟาดฟันศัตรู....ทั้งหมดของยามาโมโตะ ทาเคชิ....มันทำให้พวกเขามั่นใจว่าศึกครั้งนี้ต้องผ่านไปได้....ด้วยชัยชนะ

และนั่นก็ไม่ได้มีแต่รองแม่ทัพเท่านั้นที่รับรู้ เหล่าทหารกล้าของคามาคุระเองก็รู้เห็นมาตลอดระยะเวลาที่ต่อสู้  ทั้งขวัญทั้งกำลังใจจึงยิ่งเพิ่มเป็นเท่าทวี

....ยามาโมโตะ ทาเคชิ....

หากเป็นแผ่นหลังของคนคนนี้...ต่อให้ต้องเสียเลือดเสียเนื้อก็จะขอติดตามไปด้วยชีวิต




ดูเหมือนชิโระยามะเองก็จะเริ่มรับรู้แล้วว่ามีตัวอันตรายอยู่ในสนามรบ แต่ไม่ว่าจะส่งนายทหารที่ฝีมือเก่งกาจขนาดไหน ไม่ว่าจะมาเดี่ยวหรือมาเป็นกลุ่มล้วนสิ้นลมนอนจมกองเลือดอยู่แทบเท้าม้าสีดำทั้งนั้น

นัยน์ตาสีเปลือกไม้คมกล้าจ้องมองไปที่กลุ่มคนที่อยู่ไม่ไกล....ในนั้นมีหมวกเกราะประดับเขากวางอยู่ด้วย....แม่ทัพของชิโระยามะ

ใบหน้าคมก้มลงมองดาบในมือที่เริ่มจะหนักไปด้วยเลือดของศัตรู....คงยากที่จะเข้าถึงตัวของแม่ทัพชิโระยามะจนกระทั่งใช้ดาบนี้ตัดคอได้...ใบหน้าคมลอบยิ้มร้ายที่มุมปากก่อนจะสะบัดดาบแล้วเก็บเข้าฝักทั้งๆที่ม้าสีดำก็ยังคงควบเข้าหาอีกฝ่าย

คามาคุระอาจจะชนะศัตรูมาตลอดแต่ว่าก็ใช้เวลานาน....เป็นเพราะอาวุธที่พวกเขาถนัดคือดาบ เพราะฉะนั้นกว่าจะหาทางเข้าใกล้จนใช้มันได้ก็ต้องอาศัยเวลา

ทว่า....

เพราะแบบนั้นแหละ ถึงไม่เคยเอาชนะอิสุได้...

ม้าสีดำควบเข้าใกล้พลทหารเดินเท้านายหนึ่ง ร่างสูงใหญ่ก้มตัวลงไปคว้าอาวุธที่พลทหารนายนั้นสะพายเอาไว้ขึ้นมา....และเป็นเพราะไม่ได้พกมันไว้ตั้งแต่แรกอีกทั้งยังไม่ใช่อาวุธที่คามาคุระถนัด เพราะฉะนั้นพวกชิโระยามะจึงไม่ได้ระวังและคงไม่มีใครคิดว่า....อาวุธที่ใช้ดับลมหายใจของแม่ทัพชิโระยามะจะคือ....ธนู

ลูกธนูที่พุ่งหลาวออกไปจากคันธนูในมือของยามาโมโตะ ทาเคชิ ปักลงไปที่กลางหัวใจของแม่ทัพชิโระยามะโดยที่ไม่มีใครคาดคิด สนามรบที่เต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวายนั้นราวกับถูกหยุดเวลาเอาไว้ สายตาทุกคู่ล้วนตื่นตะลึง และไม่นานเสียงแตรก็ดังก้องไปทั่วท้องทุ่งอีกครั้งเมื่อร่างของแม่ทัพชิโระยามะล้มพับลงไปบนหลังม้าทั้งๆที่ยังไม่เคยได้ประดาบกับคนที่สังหารตัวเองเลยแม้แต่ครั้งเดียว

“ ถอยทัพ! ถอยทัพ!!”      เสียงแตกตื่นของฝั่งชิโระยามะดังขึ้นท่ามกลางความโกลาหล พลทหารของชิโระยามะต่างวิ่งหนีตายกันกระจัดกระจายเมื่อไร้ผู้นำ และนั่นก็ทำให้พลทหารของคามาคุระต่างวิ่งไล่และโห่ร้องดีใจไปกับชัยชนะ

ท่อนแขนแข็งแรงลดคันธนูลงก่อนจะหยุดม้านิ่ง ท่ามกลางพลทหารของตนที่ยังคงไล่ตามอีกฝ่ายไปด้วยความฮึกเหิมของผู้ชนะ ใบหน้าคมเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากทั้งที่ดวงตายังคงมืดมน

คงต้องขอบคุณธนูของอิสุ...ที่ทำให้เขาเอาชนะชิโระยามะได้.....เพราะตอนที่อยู่ที่นั่น ไม่ได้มีแต่เขาที่สอนเพลงดาบของตระกูลยามาโมโตะให้กับโกคุเดระ...แต่ร่างบอบบางนั่นก็สอนธนูของอิสุให้กับเขาด้วยเช่นกัน





สนามรบเงียบสงบลงแล้ว...และกองทัพสีดำก็กำลังจะมุ่งหน้ากลับสู่คามาคุระเพื่อพาทัพหลวงมุ่งหน้าไปยังอิสุ

พลทหารเดินเท้าต่างตั้งขบวนเดินโห่ร้องออกนำไปจนเกือบหมดแล้ว ยังเหลือเพียงเด็กหนุ่มผมดำบนหลังม้าที่ยังคงเดินย่ำอยู่บนเนินเป็นคนสุดท้าย  เสียงฝูงม้าที่ควบเข้ามาใกล้ทำให้ใบหน้าคมยิ้มเย็น

“ ท่านทาเคชิ...ไปกันเถอะขอรับ”     รองแม่ทัพฝ่ายขวาบังคับม้ามาขนาบข้างก่อนจะเอ่ยเรียกเบาๆ

“ อืม...”      ใบหน้าคมพยักรับก่อนจะหันกลับไปมองสนามรบที่นองไปด้วยเลือดอีกครั้งก่อนจะหยุดสายตาเอาไว้ที่ผู้มาเยือนคนใหม่ที่อีกฝั่งหนึ่งของทุ่ง….




ฝูงม้าหยุดชะงักจนฝุ่นตลบเมื่อรู้ตัวแล้วว่าพวกตนนั้นมาช้าไป...

ใบหน้าของว่าที่เจ้าเมืองอิสุสบถออกมาอย่างเจ็บใจ....ทั้งๆที่คาดคำนวณเอาไว้แล้วแท้ๆว่าน่าจะมาทันในช่วงท้ายของการต่อสู้และพวกเขาจะเข้าตีขนาบจากอีกฝั่ง

ทั้งๆที่คิดว่ายังไงก็ทันแล้วนี่มันอะไร.....

“ เอายังไงต่อดีขอรับ”     นายทหารเอ่ยถามเมื่อเห็นว่าถึงจะตามไปก็ไม่มีประโยชน์

“ กลับอิสุ....คงต้องไปเตรียมรับมือคามาคุระ เพราะทางโอทสึกิเองก็คงจะพ่ายแพ้เช่นกัน....”     ที่มั่นใจแบบนั้นเพราะว่าศึกทางนี้แม่ทัพเป็นคนอื่น นั่นก็หมายความว่า ฮิบาริ เคียวยะ คือแม่ทัพที่บุกไปโอทสึกิ...และอย่างคนคนนั้น...โอทสึกิไม่มีหวังที่จะเอาชนะได้เลย

ลูกชายคนโตของตระกูลโกคุเดระทอดสายตามองสนามรบที่นองไปด้วยเลือดอย่างเคียดแค้น สายตาชิงชังส่งไปยังเงาร่างที่คุ้นตาซึ่งอยู่บนหลังม้าสีดำที่ยืนอยู่บนเนินไกลลิบ

มือที่กำบังเหียนอยู่ถึงกับกำแน่นเมื่อรู้แล้วว่าสาเหตุที่เขามาไม่ทันนั้นคืออะไร...


ยามาโมโตะ ทาเคชิ!!!!




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....






ยามะมันก็ขยันกวนประสาทพี่เขย (เอ๊ะ เรียกยังไง?) มันจังเนอะ 55 แทนที่จะเข้าไปขอน้องเค้าดีๆ ดูมันทำดิ๊ แล้วอย่างงี้ก๊กจะหลุดออกมาจากกรงทองได้ยังง๊ายยยย ก็บุกไปลากกระชากกระทำชำเรามันซะเลยสิ หึหึ แล้วก็นะ....

เอ่อ อ่า....แบบว่า....อาจจะมีหลายคนขัดใจกับฉากเอ็นซีของเรื่องนี้ ว่าทำไมมันไม่เขียนให้จบๆไป ค้างๆคาๆไว้อยู่นั่นแหละ กร๊ากกกกก ก็เลยต้องออกมาชี้แจงแถลงไขว่า เอ็นซีของเรื่องนี้จะเป็นแบบนี้ไปจนจบนู่นแหละค่ะ ไม่มีมากกว่านี้แล้วละ555 (โดนเสียบ) ก็แบบว่าอยากให้มันดูนิดๆหน่อยๆอีโรติกน้อยๆไม่โฉ่งฉ่าง...ให้สมกับที่เป็นพีเรียดน่ะค่ะ ^ ^ แล้วก็ว่ากันตามตรงนะ ข้าพเจ้าไม่ค่อยถนัดฉากเอ็นซี หลายๆเรื่องที่ดองเอาไว้ส่วนใหญ่จะติดฉากเอ็นซีทั้งนั้นเลย กร๊ากกก ดูแล้วไม่ค่อยน่าเชื่อ แต่มันเป็นงั้นจริงๆน้า >/////<

ตอนนี้อนิเมะซีซั่นใหม่เริ่มกันแล้วค่า.....เมื่อวานเพิ่งดูคุณกิน เอ๊ะ! ต้องคุณคิน สินะ กร๊ากกกกก มันฮามากกกกกกกกก แบบ...โอย...จะฮาไปหน๊ายยยย โดยเฉพาะไฝของยูคิโอะคุง....มันจะมากไปไหมคะ? ฮ่าๆๆๆๆ...โอย อนิเมะบ้าไรเนี่ย เล่นเอาปวดแก้มไปหมด ^ ^ หายไปซีซั่นเดียว กลับมาอีกทีก็ยังคงฮาน้ำตาร่วงได้อีก 555

อีกเรื่องที่ตามอยู่อย่าง Kamisama Hajimemashita ก็ออกตอนแรกมาแล้วเช่นกันค่ะ โทโมเอะแรดมากกกกกกกก น่าร้ากกกกกกกกก แปะรูป อิอิ...





ปกติจะอยู่ในลุคผมสั้น แต่เวลาผมยาวก็อย่างโฮก




โอย ชอบเวลาหูกระดิกจริงๆ อยากโดดฟัดๆๆ อร๊ายยยยย >w<

ความจริงซีซั่นนี้มีอนิเมะที่ตามอยู่เป็นสิบเลยค่ะ หวังว่าจะมีเวลามาปั่นฟิคนะ กร๊ากกกกก  นี่อันดับหนึ่งกับสองที่รออยู่ยังไม่ฉาย รอ Psycho pass กับ K ใจจะขาดตายแล้วค่า ง๊ากกกกกกกกก

ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และทุกเสียงทวงนะคะ ฮ่าๆๆ ช่วงนี้คงต้องทวง จิกกัด กันหนักๆหน่อย เพราะอนิเมะสิบกว่าเรื่องอย่างที่บอกนั่นแหละ (ยังไม่สำนึก =”=) แล้วเจอกันตอนหน้าค่า....


2 ความคิดเห็น:

  1. โอยยยยยยตอนนี้ ทำเค้าหวั่นไหว

    อยากไปยืนกลางสนามรบ กางรูปก๊กจังผืนใหญ่ๆ อาศัยจังหวะที่อิยามะเผลอกระโดดหมุนตัวสกายคิกไปที่ใบหน้าคมๆนั่นจริงๆ (ความเห็นส่วนตัว)

    อืม...สงครามมันก็ไม่ได้ทำให้อะไรมันดีจริงๆ แต่พวกผู้ชายก็ัยังหลงใหลไปกับสงคราม

    ดูหนูก๊กสิ นั่งทำกังหันลม โดนล่ามโซ่.....น่าสงสารจังเลยลูกรักของมามี๊
    เป็นยังงี้ใครจะยอมยกให้อิยามะวะ ฆ่าคนของก๊กแล้วเอาแต่ตัวเค้ามา คิดเรอะว่าหัวใจจะตามไปด้วย เพี้ยง ขอให้ก๊กความจำเสื่อม ลืมยามะซะ (อ้าว เอ๊ะ ยังไง ....ทำไมเพลงประกอบละครจำเลยรักมันลอยมาอีกแล้ว....จนสมอุราจนสาแก่จายยยยยยย ไม่มีวันที่ก๊กจะอภัยได้....)

    ตื้บลูกชายอิยามะซะ แล้วเจ้าจะชนะนะก๊ก
    หึหึหึ ขอพลังจงสถิตอยู่กับเจ้า คนเดียวที่จะเปลี่ยนแนวเรื่องนี้ได้ (อ้าว ไม่ใช่คุณกวางเรอะ)

    ตอบลบ
  2. ฮิกะสึหวานกันแล้ว
    เหลือยามะนี่แหละ
    แล้วยังมีคู่หมั้นนายอีก โฮ่ยยยยยยยยย

    ตอบลบ