KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 06


KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827]   Ryuusei : 06

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







“ ข้า.....จะไปกับเจ้า...”  

และนั่นคือคำตอบที่ทำให้เขาไม่ต้องการอะไรอีกแล้วในชีวิตนี้



ร่างบอบบางก้มหน้าตัดสินใจอยู่ไม่นานก็เงยขึ้นมาพูดคำนั้นกับเขา ความจริงแล้วคนที่อยู่ท่ามกลางความรักมากมายอย่างโกคุเดระ ไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยที่จะตัดใจทิ้งทุกคนที่นี่ไป...

หากไม่ได้รักมากกว่า...ก็คงจะเอ่ยออกมาแบบนั้นไม่ได้

ถึงแม้ว่าในดวงตาสีมรกตจะมีแววลังเลอยู่บ้างแต่เขาก็เข้าใจ และเขาเองก็ไม่คิดจะเปลี่ยนใจเช่นกัน ถึงแม้ว่าอาจจะต้องทำให้โกคุเดระลำบาก ถึงแม้ว่าจะต้องพรากโกคุเดระไปจากครอบครัว...พรากไปจากหัวใจของคนมากมายเพื่อให้มาเป็นหัวใจของเขาแค่คนเดียว

ข้ามันช่างเห็นแก่ตัวยิ่งนัก...

" เราต้องไปกันตอนนี้ เพราะไม่รู้ว่าพ่อข้าจะส่งคนมาจับตัวเจ้าไปตอนไหน"     ใบหน้าสวยเงยขึ้นมามองด้วยความกังวล...ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะพยักหน้าก่อนจะเดินไปเปิดหีบแล้วหยิบดาบคู่ชีพออกมา....สำหรับเขา แค่นี้ก็พอแล้ว

แต่มือก็ยังคุ้ยหาของอีกอย่างที่ถูกซุกซ่อนอยู่ก้นหีบ....อย่างน้อยโกคุเดระก็น่าจะต้องมีอาวุธไว้ป้องกันตัวเอง

เพราะคนที่นี่จะใช้ดาบได้เมื่อได้รับอนุญาต และเขาก็คิดว่าชาตินี้ทั้งชาติร่างบอบบางที่ถูกเลี้ยงมาราวกับไข่ในหินนั่นก็คงไม่มีวันได้จับดาบจริงๆแน่ เพราะงั้น....

“ มันเป็นของแม่ข้า...เจ้าเก็บเอาไว้เพราะบางทีเราอาจจะต้องใช้มัน”     ดาบขนาดกลางเล่มหนึ่งถูกยื่นใส่มือบางที่รับไว้ด้วยนัยน์ตาเบิกกว้าง

“ นี่เจ้าซุกของแบบนี้เอาไว้ถึงสองอันเลยหรอเนี่ย?!”    เขายิ้มรับก่อนจะดันแผ่นหลังบางไปที่ประตู เงี่ยหูฟังเสียงจากภายนอกที่ยังเงียบกริบ...เจ้าเมืองอิสุคงยังไม่รู้ว่าเขารู้ตัวแล้ว...และกำลังจะหนีไป...

“ เจ้าแน่ใจนะโกคุเดระว่าจะไปกับข้า...เจ้าอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้วก็ได้นะ”     นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองลงไปในดวงตาสีมรกตยามเมื่อเอ่ยถามคำถามสุดท้ายให้แน่ใจ วูบหนึ่งที่ดวงตาคู่สวยนั่นอ่านไม่ออกก่อนที่มันจะสั่นไหวด้วยความสับสนจนกระทั่งมาจบลงที่แววแน่วแน่

“ ข้าก็ไม่ได้อยากจากท่านแม่ไปหรอก...แต่ว่า...ข้าก็ปล่อยให้เจ้าตายไปไม่ได้เหมือนกัน...อย่างเจ้าถ้าไม่มีผู้ดูแลอย่างข้าไปด้วยคงเอาตัวไม่รอดแน่ สำนึกในบุญคุณข้าด้วยล่ะ!”     ยังมีหน้ามาทำปากเก่งทั้งๆที่แววตาที่มุ่งมั่นนั้นแฝงเอาไว้ด้วยแววเศร้าสร้อย

“ ข้าสัญญา...ว่าข้าจะดูแลเจ้าด้วยชีวิตของข้า”     มือใหญ่ยกขึ้นลูบใบหน้าใสที่แดงระเรื่อขึ้นมาเล็กน้อยก่อนที่สายตาคมกล้าจะค่อยๆแอบมองลอดบานประตูเลื่อนที่แง้มเปิดออก

ร่างสองร่างค่อยๆย่องออกไปท่ามกลางความมืด ถึงจะเจอทหารยามอยู่บ้างแต่คำสั่งที่ยังไม่มีใครรู้ก็ทำให้ไม่มีใครติดใจสงสัย เพราะลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก็มักจะเดินอยู่เคียงข้างนายน้อยฮายาโตะเป็นปกติอยู่แล้ว

ฝ่าเท้าทั้งคู่เดินออกห่างเรือนพักไปทางด้านหลังเรื่อยๆ แสงตะเกียงค่อยๆหายไปกลายเป็นแสงจันทร์ที่มาทดแทน มองเห็นเนินที่พวกเขามักมานั่งดูดาวอยู่ไม่ไกล

จากนี้ไปคงไม่ได้มาที่นี่อีกแล้วสินะ...

คิดแล้วก็ใจหาย เพราะความทรงจำมากมายล้วนเกิดขึ้นที่นี่

ร่างบอบบางหันกลับไปมองหมู่เรือนเป็นครั้งสุดท้ายด้วยสายตาอาลัย เพราะตั้งแต่เกิดจนโตมาจนป่านนี้ยังไม่เคยจากบ้านหลังนี้ไปไหน...และหนทางข้างหน้าจะลำบากยังไงก็ไม่มีใครบอกได้เลย...

เขาคิดถูกหรือเปล่านะ...ที่จะพาโกคุเดระไปผจญกับความลำบากที่รออยู่อย่างแน่นอน

แต่หากปล่อยไว้ที่นี่...อาจจะต้องตายด้วยไฟสงครามเพราะคามาคุระคงไม่ปล่อยให้ศัตรูหน้าไหนมีชีวิตรอดไปแน่ๆ

“ ไปกันเถอะ”      กลับกลายเป็นเสียงของโกคุเดระที่เอ่ยออกมา....ก่อนที่เงาร่างของพวกเราจะหายเข้าไปในชายป่า...



ถึงแม้สายตาจะถูกปรับให้ชินกับความมืดแล้วก็ตาม แต่ร่างกายก็ยังไม่ค่อยอยากจะทำความเคยชินกับความวังเวงนี่เท่าไรนัก ทั้งเสียงสัตว์กลางคืนที่ไม่รู้ว่าจะโผล่หน้าออกมาทำอันตรายตอนไหน ทั้งเสียงลมหวีดหวิวที่พัดกลิ่นไม่น่าไว้ใจลอยมาปะทะใบหน้า ทำให้ประสาททั้งหมดตื่นตัวจนเครียดเขม็ง

ขนาดเขาเองยังเป็นขนาดนี้ แล้วร่างบอบบางที่ไม่ชอบความมืดจะเป็นยังไง

มือใหญ่จึงคว้ามือบางมาจับเอาไว้ นิ้วทุกนิ้วค่อยๆสอดประสานเข้าไปกับนิ้วเรียวก่อนจะยิ้มให้ในความมืด

“ จากนี้จะเอาไงกันดี โกคุเดระ?”     เพราะหนีออกมาโดยไร้ซึ่งแผนการ ขาที่ก้าวเดินไปข้างหน้าจึงไร้ซึ่งจุดหมาย

“ มุ่งหน้าไปทางคามาคุระก็แล้วกัน จากนั้นก็เดินเลาะไปตามชายแดนจนกว่าจะพ้นเขตของทั้งสองเมือง แล้วค่อยคิดต่อว่า...จะไปอยู่ที่ไหน”     ร่างบอบบางนิ่งคิดไปพักหนึ่งก่อนจะเอ่ยตอบออกมา เขาเองก็เห็นด้วยที่จะเดินเลาะไปตามชายแดน เพราะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติว่า กองทัพของอีกฝ่ายไม่ว่าจะมากี่คนหรือมีจุดประสงค์ใดก็ตามห้ามข้ามเขตแดนของกันและกัน....เพราะหากก้าวข้ามไปแล้วนั่นคือการประกาศสงคราม....

หากพวกเขาโดนไล่ทันก็อาจจะหนีเข้าไปหลบในชายแดนคามาคุระจนกว่าจะหนีพ้นคนที่ตามมาจับตัว แต่จะอยู่ฝั่งนั้นนานก็ไม่ได้ เพราะหากทหารของคามาคุระมาเจอเข้า โกคุเดระที่เป็นคนของอิสุก็จะไม่ปลอดภัยแน่นอน

“ แล้ว...จะรู้ได้ไงว่าจะเดินไปทางไหน?”      ใบหน้าคมหันมองรอบตัวซึ่งมีแต่ป่าและป่า

“ ฮึ! ก็เพราะแบบนี้แหละนะ ข้าถึงต้องมากับเจ้าด้วย...ข้าไม่ได้ไปนั่งดูดาวบ่อยๆเพราะว่างงานแบบเจ้าหรอกนะ”     ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างภาคภูมิ ทำให้เขาพลอยยิ้มตามไปด้วยความหมั่นไส้

ถึงแม้จะอยู่ในสถานการณ์เสี่ยงตายแค่ไหน ขอแค่มีเจ้าอยู่ด้วยข้าก็มีกำลังจะทำอะไรได้ทุกอย่าง

“ ทั้งดวงจันทร์และดวงดาวบนท้องฟ้าจะเคลื่อนที่จากตะวันออกไปตะวันตก แต่มีเพียงดาวเหนือเท่านั้นที่ไม่เคลื่อนที่ไปไหน เพราะงั้นมันจึงเป็นเข็มทิศที่จะบอกทางได้ในเวลากลางคืนไงล่ะ เดินตามดาวนั่นไปก็พอ เพราะคามาคุระเป็นเมืองที่ตั้งอยู่ทางเหนือของอิสุ”     เขามองร่างบอบบางอย่างทึ่งๆ

“ คนไม่ละเอียดอ่อนแบบเจ้าคงไม่เข้าใจประโยชน์และความงดงามของหมู่ดาวหรอก ฮึ!”    ก็จริง...เพราะทุกครั้งที่มาดูดาวด้วยกันเขาแทบไม่ได้สนใจไอ้ของบนท้องฟ้านั่นเลย...เขาอาจจะไม่เข้าใจว่าดาวนั่นมันสวยยังไง แต่สิ่งเดียวที่เขาเข้าใจคือคนที่นั่งอยู่ข้างๆนั้นงดงามแค่ไหนต่างหาก

มือของเขายังคงจับมือบางเอาไว้ก่อนจะก้าวขาเดินตามดาวเหนือไปด้วยกัน เสียงใบไม้กรอบแกรบยังคงดังไปทั้งคืน และคงจะไม่ได้หยุดพักจนกว่าจะเดินไม่ไหวแล้วจริงๆ




แสงแดดเรืองรองส่องไปทั่วเรือนของเจ้าเมืองอิสุ...วันนี้คือวันที่คำสั่งประหารจะถูกกระจายไปยังทุกคนในบ้าน...มีเพียงลูกชายคนเล็กกับคนที่จะโดนประหารเท่านั้นที่จะให้รู้เรื่องนี้ไม่ได้...เพราะฉะนั้นกว่าคนในบ้านจะรู้ตัวว่าทั้งสองคนหนีออกไปก็เมื่อเวลาสายโด่งแล้ว

“ แย่แล้วขอรับ!! ดูเหมือนท่านยามาโมโตะกับนายน้อยฮายาโตะจะไม่อยู่ในเรือนแล้ว...อาจจะหนี....ไปด้วยกัน”    นายทหารที่ถูกสั่งให้ไปนำตัวยามาโมโตะ ทาเคชิมา กระหืดกระหอบวิ่งมาบอกเจ้าเมืองอิสุ

และคำว่า “หนีไปด้วยกัน”  นั้นก็ยิ่งทำให้ผู้เป็นพ่อถึงกับโกรธจัดจนมือไม้สั่น บรรดาพี่ชายที่ยืนอยู่รอบๆต่างมีสีหน้าหวั่นวิตก

เพราะรู้แน่แล้วว่า...หากจับตัวน้องชายคนเล็กกลับมาได้...ฮายาโตะจะต้องโดนโทษสถานหนักแน่นอน

ก่อนหน้านี้ก็เริ่มมีคนพูดๆกันอยู่บ้าง เรื่องความสัมพันธ์ที่มันดูมากเกินกว่าเพื่อนหรือหน้าที่ของผู้ดูแลกับตัวประกัน...แต่ถึงขนาดหนีไปด้วยกันแบบนี้.....

“ ข้าขอสั่งพวกเจ้าทุกคน....ต่อให้ต้องพลิกแผ่นดินหา ก็ต้องจับตัวฮายาโตะกลับมาให้ได้ ส่วนยามาโมโตะ ทาเคชิ...ฆ่ามันแล้วเอาแต่หัวกลับมาก็พอ!




แสงแดดรำไรลอดผ่านใบไม้ลงมา ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองเห็นใบหน้าสวยที่ดูอิดโรย พวกเขาเดินกันมาทั้งคืนก็คงต้องอ่อนล้าเป็นธรรมดา แล้วนี่ก็ผ่านไปครึ่งค่อนวัน แม้แต่อาหารยังต้องเดินไปกินไป สิ่งที่ตกถึงท้องก็มีเพียงผลไม้ง่ายๆเท่านั้น

“ เจ้า...ไหวหรือเปล่า? ทนหน่อยนะ...จากอิสุไปจรดชายแดนคามาคุระต้องใช้เวลากว่าสามวัน...แล้วตอนนี้ข้าก็คิดว่าพ่อเจ้าน่าจะรู้แล้วว่าเราหนีออกมา...ถึงจะเป็นป่าแต่หากใช้ม้าก็น่าจะตามเราทันได้ในไม่ช้า”     ถึงแม้จะเป็นเวลากลางวันแต่มือใหญ่ก็ยังคงไม่ปล่อยมือบางด้วยกลัวว่าโกคุเดระจะล้มลงไป

“ คิดว่าข้าเป็นใครกัน! เรื่องแค่นี้...”    ถึงจะพยายามพูดให้ดูดุดันแต่น้ำเสียงมันก็ฟังออกว่าเจ้าลูกชายคนเล็กนั่นเริ่มหมดแรง

“ ถ้างั้น...เราพักกันหน่อยดีกว่า แล้วกลางคืนค่อยเดินต่อ”     กลางคืนน่าจะพรางกายได้ง่ายกว่า แล้วอีกอย่างพวกที่ตามหาก็คงพักในช่วงกลางคืน

ใบหน้าคมมองไปรอบๆหนองน้ำขนาดเล็ก ต้นซากุระป่าต้นใหญ่ที่มีแต่ใบยื่นกิ่งลงไปในน้ำ รากสีน้ำตาลเข้มที่โผล่พ้นดินขึ้นมาดูเหมือนจะเป็นที่ซ่อนตัวที่ดีทีเดียว ร่างสูงจึงจูงมือคนที่เริ่มจะเดินโซเซให้ไปนั่งลงระหว่างรากไม้ที่พันกันซับซ้อน

" ข้ากำลังคิดว่า...ข้าพาเจ้ามาลำบากหรือเปล่า....."    ร่างสูงใหญ่นั่งลงไปบนพื้นที่ต่ำกว่าก่อนจะเงยหน้าขึ้นมาพูดกับร่างบอบบางด้วยแววตาเป็นห่วง

" เจ้าบอกข้าว่าไง?!"    แต่เสียงแข็งก็ถามกลับมาในทันที

" หื๋อ?"   เขาถามออกไปด้วยใบหน้างงๆเพราะไม่แน่ใจว่าโกคุเดระหมายถึงเรื่องอะไรกันแน่ แต่ใบหน้าสวยกลับหันไปมองทางอื่นด้วยท่าทางเอียงอายแก้มใสนั้นแดงระเรื่อน้อยๆก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า

" ถ้าเจ้ารักข้า...ก็หาทางทำให้ข้าอยู่กับเจ้าได้โดยไม่ลำบากสิ"    นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างก่อนจะเผลอยิ้ม ใบหน้าคมก้มลงพร้อมกับความกังวลใจที่ค่อยๆหายไป

ร่างสูงเดินไปที่ชายน้ำก่อนจะหยิบผ้าผืนเล็กในอกเสื้อออกมาชุบน้ำแล้วเดินกลับมานั่งลงตรงหน้าร่างบอบบาง มือดึงข้อเท้าเล็กออกมาท่ามกลางนัยน์ตาสีมรกตที่เบิกกว้าง

“ เท้าเจ้า...แดงไปหมดแล้ว...”    

“ เจ้าบ้า...อย่ามาจับนะ...เจ้าเป็นชายชาตินักรบจะทำแบบนี้ไม่ได้”     ฝ่าเท้าเล็กพยายามจะดึงกลับ แต่มือของร่างสูงกลับยังคงจับมันเอาไว้ ใบหน้าสวยยิ่งแดงระเรื่อกับกระทำของอีกฝ่าย นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มองขึ้นมาจากคนที่คุกเข่ามันเต็มไปด้วยภาพของคนตรงหน้า

ราวกับว่า...เพื่อข้าแล้วต่อให้ต้องต่ำช้าแค่ไหนเจ้าก็จะทำ...

มือใหญ่ใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดไปตามฝ่าเท้าบอบบางให้มันผ่อนคลาย ก่อนจะวางไว้ในรองเท้าสานเหมือนเดิม ความอ่อนโยนของยามาโมโตะยิ่งทำให้คำว่า “รัก” ยิ่งสลักลงไปในหัวใจจนคลายไม่ออก

แบบนี้เอง....

ความรู้สึกแบบนี้ มันเรียกว่า “ความรัก” นี่เอง....



นัยน์ตาสีมรกตลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อแสงแดดยามเย็นกำลังเปลี่ยนเป็นความมืด ร่างทั้งร่างถูกอ้อมแขนแข็งแรงกอดเอาไว้ ถึงจะมีเพียงเสื้อคลุมฮาโอริตัวเดียวคลุมอยู่ ก็ไม่ได้รู้สึกว่าหนาวเลยสักนิด ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองใบหน้าคมที่ยังคงหลับสนิท

ขออีกนิด....ขอให้ข้าได้อยู่กับเจ้ามากขึ้นอีกสักวินาทีก็ยังดี...

ใบหน้าสวยซุกลงไปในแผ่นอกกว้าง ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ลืมตาตื่นขึ้นมา

“ โกคุเดระ?....”    เสียงทุ้มยังฟังดูงัวเงีย

“ ได้เวลาเดินทางต่อแล้ว”    เสียงอู้อี้ดังออกมาจากแผ่นอกทำให้ใบหน้าคมหันไปมองรอบกายที่เริ่มจะมืดสนิท

เพราะว่าได้นอนพักทำให้ร่างกายกลับมาสดชื่นกระปรี้กระเปร่า ฝ่าเท้าของคนทั้งคู่เดินเหยียบลงไปบนใบไม้แห้งท่ามกลางความมืด ถึงแม้จะเชื่องช้าแต่ระยะห่างระหว่างผู้หนีและผู้ตามล่าที่หยุดนิ่งก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ



กองไฟที่ถูกสุมโดยกิ่งไม้แห้งเปล่งแสงจนมองเห็นกลุ่มคนราวๆสิบคนต่างนั่งล้อมรอบอยู่ด้วยท่าทางเหนื่อยล้า บางคนก็ล้มตัวลงนอนบนพื้นดินอย่างไม่ใส่ใจ แต่ลูกชายคนโตกับลูกชายคนรองของเจ้าเมืองอิสุก็ยังคงนั่งมองแสงสว่างของกองไฟด้วยสายตาเหม่อลอย

“ นี่พี่....ท่านจะทำยังไง...ถ้าเจอตัวฮายาโตะ”     เสียงที่ถามออกมานั้นเลื่อนลอย เป็นเพราะพี่ชายทุกคนต่างก็รักน้องชายคนเล็กคนนั้น ก่อนที่จะออกมาตามหาตามคำสั่งของผู้เป็นพ่อ แต่ละคนจึงมีสีหน้าราวกับว่ากำลังครุ่นคิดอะไรไม่ตกอยู่ในใจ

“ ข้าน่ะ....บอกตามตรงว่าคงทำใจจับกลับมาไม่ได้แน่ๆ...พากลับมาเพื่อให้ถูกลงโทษแบบนั้นข้าทำไม่ได้....”    พี่ชายคนรองเอ่ยออกมาอย่างไร้เรี่ยวแรง เพราะว่าเคยต่อสู้กันมา...ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่เขาก็รู้ว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิจะสามารถปกป้องดูแลน้องของเขาได้อย่างแน่นอน

“ ถ้าอย่างนั้น ข้าก็ขอภาวนา...ว่าคนที่เจอฮายาโตะจะเป็นเจ้าไม่ใช่ข้า...”    พี่ชายคนโตเอ่ยทั้งๆที่สายตายังคงจับจ้องอยู่ในกองไฟ

“ เพราะข้าจะไม่ปล่อยฮายาโตะไป...และจะเอาหัวไอ้ผู้ชายที่ทำให้ฮายาโตะต้องถูกลงโทษกลับมาให้ได้”    นัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความแค้นนั้นลุกโชติช่วงไม่ต่างไปจากเปลวไฟตรงหน้าเลยสักนิด

“ นอนซะ...พรุ่งนี้เราจะแยกกันออกตามหา เจ้าไปทางตะวันตก ส่วนข้าจะมุ่งหน้าไป...ทางเหนือ”




ดวงตะวันโผล่หน้ามาเยือนเป็นเช้าวันที่สองของการหลบหนี

ร่างบอบบางกำลังใช้มือวิดน้ำล้างหน้าล้างตาอยู่ริมลำธารสายเล็กๆ น้ำนั้นใสจนมองเห็นฝูงปลาแหวกว่ายไปมา และด้วยการที่ต้องกินแต่ผลไม้มาหลายมื้อทำให้นัยน์ตาสีมรกตจ้องปลาตัวอ้วนนั่นด้วยสายตาวิ้งวับ

“ ไม่ได้นะโกคุเดระ”    ร่างสูงเอ่ยหยอกล้อคนที่เริ่มทำหน้าบูดในขณะที่วางผลไม้ป่าลงบนโขดหิน

“ ข้าเห็นว่ามันสวยเฉยๆ ไม่ได้อยากจะกินซักหน่อยเจ้าบ้า!”    ร่างบอบบางเดินมานั่งลงข้างๆก่อนจะคว้าผลไม้ป่าสีแดงสดเข้าปากไป

“ ฮะ ฮะ...เอาไว้เราหนีรอดเมื่อไหร่ ข้าจะย่างปลาให้เจ้ากินจนเบื่อเลย”    ถ้าจะฝันถึงอนาคตที่เรียบง่ายในตอนนี้มันจะเร็วไปไหมนะ

“ เดินอีกคืนเดียว...พรุ่งนี้เช้าเราก็น่าจะถึงชายแดนอิสุแล้ว”    ชั่ววูบหนึ่งเขามองเห็นใบหน้าสวยมีแววเศร้าสร้อย คงเป็นเพราะบ้านที่อยู่มาตั้งแต่เกิดกำลังห่างออกไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ

โกคุเดระไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก ร่างบอบบางเดินไปนั่งลงที่โขดหินใกล้ชายน้ำ ในมือบางมีใบไม้ใบหนึ่ง มันถูกยกขึ้นจรดริมฝีปากสีระเรื่อก่อนที่ท่วงทำนองไพเราะจะดังมากระทบอยู่ที่ใบหูของเขา นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่จับจ้องแผ่นหลังที่ดูลู่เล็กนั่น หากไม่ใช่วันที่ต้องหลบหนีแบบนี้เขาคงจะตรงเข้าไปกอดเอาไว้แน่ๆ

“ มีคนเคยพยายามสอนให้ข้าเล่นโกโตะด้วยเพลงนี้...”     ร่างบอบบางเอ่ยบอกในขณะที่ลุกออกมาจากโขดหิน

“ แต่ข้ายังไม่ทันจะเล่นเป็น เขาก็หายตัวไปเสียก่อน...บางทีข้าก็เป็นห่วง...เพราะไม่รู้ว่าเขาไปอยู่ที่ไหน...เขาทั้งเข้มแข็งแล้วก็อ่อนโยน”     ใบหน้าสวยยังคงพูดต่อไปในขณะที่เท้าก็ก้าวเดินเคียงข้างร่างสูงใหญ่ไปเรื่อยๆ

“ ถ้าเจ้าเจอคนที่เล่นโกโตะด้วยเพลงนี้ ต้องช่วยข้าดูแลเขาให้ดีล่ะ เข้าใจไหม”     ใบหน้าคมเพียงแค่พยักหน้าตามไป....โดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าในอนาคต...จะได้พบกับคนคนนั้นจริงๆ

“ ชู่ว...โกคุเดระ...”      จู่ๆมือใหญ่ก็กันร่างบอบบางให้หลบไปอยู่หลังต้นไม้ ได้ยินเสียงกุบกับของกีบเท้าม้าแว่วมาตามสายลม ใบหน้าของคนทั้งคู่ตึงเครียดขึ้นมาทันที...จะโดนไล่ตามทันแล้วอย่างงั้นหรอ?

“ วิ่งกลับไปที่ลำธาร...แถวนั้นโขดหินเยอะ น่าจะหาที่ซ่อนได้ง่ายกว่า”     ใบหน้าคมกระซิบบอกคนที่ยืนอยู่ข้างหลัง ฝ่าเท้าของทั้งคู่พยายามวิ่งให้แผ่วเบาที่สุด เร็วที่สุดกลับไปยังริมน้ำที่เพิ่งจะเดินจากมา

“ เอ๊ะ!”    เท้าเล็กเกี่ยวเข้ากับรากไม้จนร่างเซถลา ดีที่มือใหญ่คว้าแขนบางเอาไว้ได้ กิ่งไม้เกี่ยวชายกางเกงฮากามะจนขาดแต่ก็ไม่มีเวลาจะก้มลงไปหยิบมัน

“ ทางนี้”    แขนแข็งแรงคว้าเอวบางก่อนจะตวัดตัวโกคุเดระเข้าไปหลังก้อนหินใหญ่ก่อนที่ลำตัวหนาจะแนบตามลงไป เสียงฝูงม้าที่มีไม่ต่ำกว่าสิบตัวเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ให้หัวใจสองดวงเต้นโครมคราม

แต่ดูเหมือนฝูงม้าจะไม่ได้หยุดเพื่อค้นหาพวกเขา มันวิ่งเลยผ่านไป บางทีนั่นอาจจะเป็นแค่ม้าของพ่อค้าที่ขนของข้ามไปมาระหว่างเมืองก็ได้...

ใบหน้าคมยื่นออกไปดูเบื้องหลังโขดหินที่เริ่มเงียบสงบพรางถอนหายใจ...สงสัยว่าจะเดินไปในป่าเหมือนที่ผ่านมาไม่ได้เสียแล้ว

“ ปีนโขดหินเลาะริมน้ำไปไหวไหม? ถ้าเป็นฝูงม้าคงไม่ตามเรามาทางนี้แน่”     โกคุเดระกระซิบอยู่ที่แผงอกของเขา ใบหน้าพยักลงรับทันที ร่างบอบบางค่อยๆแทรกตัวเข้าไปในโพรงหิน ก่อนจะเริ่มปีนป่ายขึ้นไปบนภูเขา

แนวหินที่ไม่มีใครใช้นั้นลื่นและชันมากทีเดียว ไม่นานคนที่ปีนขึ้นนำกลับกลายเป็นร่างสูง มือใหญ่ยื่นลงไปให้มือบางจับก่อนจะออกแรงดึงร่างที่เบากว่านั่นขึ้นมา ใบหน้าสวยหอบหายใจที่ขมับมีเหงื่อเกาะพราว

“ เขาข้างหน้าดูเหมือนจะชันน้อยกว่านี้หน่อยนะ”     ร่างสูงยืนมองภูเขาลูกที่อยู่ต่ำลงไป ข้ามเขาลูกนั้นก็จะถึงชายแดนของคามาคุระแล้ว

“ อีกนิดเดียว...โกคุเดระ...”     มือใหญ่ยื่นมาดึงร่างบอบบางให้ปีนขึ้นไป วันนี้พวกเขาคงจะพักไม่ได้จนกว่าจะถึงเวลากลางคืน เพราะคงใช้แค่แสงจันทร์ในการปีนเขาที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ไม่ได้

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองใบหน้าสวยที่ดูอ่อนล้าด้วยสายตาเป็นห่วง มือใหญ่ใช้แขนเสื้อซับเหงื่อบนหน้าผากใสให้

ต่อให้ต้องล้มลุกคลุกคลาน เขาก็จะต้องหนีไปอยู่ด้วยกันให้ได้

ในเมื่อเจ้ายอมลำบากเพื่อข้าขนาดนี้....


“ เดี๋ยว ยามาโมโตะ.....”     จู่ๆร่างบอบบางก็หยุดชะงัก ใบหน้าใสนิ่งค้างเหมือนจะหยุดฟังเสียงอะไรบางอย่าง เพราะมัวกังวลกับเสียงของฝูงม้าจึงลืมไปว่าคนที่จะไล่ตามมาทันไม่ได้มีแต่กลุ่มคนที่ใช้ม้าเท่านั้น....หากเป็นแนวโขดหินริมแม่น้ำแบบนี้ยังมีคนอีกกลุ่มที่ชำนาญพื้นที่ไม่ใช่น้อยอยู่ด้วย

พวกนินจาลอบสังหาร...

“ โกคุเดระ!!”    ร่างสูงใหญ่ตะโกนด้วยความตกใจก่อนที่มือจะคว้าร่างบอบบางให้หลบโดยอัตโนมัติ ประกายคมกล้าพุ่งเข้ามาก่อนที่มีดนินจาจะปักลงไปที่ก้อนหินด้านหลัง

“ นินจาลอบสังหารของอิสุจริงๆด้วย!”    ใบหน้าสวยเอ่ยบอกเมื่อเห็นมีดเหล่านั้น ร่างของทั้งสองคนเครียดเขม็งขึ้นมาทันที แผ่นหลังของทั้งคู่ต่างหันชนกัน สายตาที่ถูกลับให้คมกริบหันมองไปรอบกายเพราะยังไม่รู้ว่ากลุ่มนินจาที่ติดตามมานั้นซ่อนตัวอยู่ที่ไหน

“ ฟังนะ....นินจาลอบสังหารของอิสุจะทำงานเป็นคู่เท่านั้น...เพราะงั้นคนที่ตามเราเจอมีกันอยู่แค่สองคน”     ร่างบอบบางเอ่ยกระซิบ ดาบที่ถูกเหน็บไว้ข้างเอวของพวกเขาทั้งคู่ถูกชักออกมากระชับไว้ในมือ พอได้ยินว่าศัตรูมีกันอยู่แค่สองคนมันก็ทำให้เบาใจไปได้หน่อย

“ ทางขวา!”    โกคุเดระตะโกนออกมา ทำให้ดาบในมือใหญ่ตวัดป้องกันมีดนินจาที่พุ่งมาได้อย่างฉิวเฉียด...และเพราะแบบนั้นมันก็ทำให้พวกเขารู้ตำแหน่งของคนที่ซ่อนตัวอยู่นั่นด้วย มือใหญ่คว้ามีดที่ปักอยู่บนหินแล้วขว้างสวนขึ้นไป ได้ยินเสียงกิ่งไม้ขยับก่อนที่เงาร่างสีดำจะพุ่งตรงออกมาสู้กันตรงๆ

“ โกคุเดระใช้ดาบคู่!”    หากต้องสู้กับนินจาที่ถนัดการต่อสู้ระยะประชิด การใช้เพลงดาบคู่ที่สามารถป้องกันซึ่งกันและกันน่าจะดีที่สุด

ประกายไฟจากดาบยาวกับมีดนินจาที่ปะทะกันแว่บวาบขึ้นมาดูน่ากลัว ร่างสูงใหญ่นั้นเหนือกว่าอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด และไม่นานคมดาบในมือของยามาโมโตะก็ตวัดฉับลงไปที่กลางลำตัวของนินจาลอบสังหารจนเลือดพุ่งออกมาก่อนที่ร่างในชุดดำจะล้มลงไป

แต่ดูท่าว่าทางร่างบอบบางจะจัดการไม่ได้ง่ายๆเสียแล้ว...ไม่ใช่ว่าโกคุเดระฝีมือแย่กว่า...แต่มันเป็นเพราะว่ามือบางไม่กล้าลงดาบกับอีกฝ่ายที่เป็นคนอิสุด้วยกัน

เพราะฉะนั้นดาบยาวจึงต้องเข้าไปยุ่ง

ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะสอดดาบเข้าไปแทรกระหว่างทั้งสองคนก่อนจะงัดมีดนินจาจนลอยขึ้นฟ้าไป คมดาบตวัดกลับไปที่กลางลำตัวของชายในชุดดำอย่างรวดเร็วจนเสียงร้องห้ามก็ตามไม่ทัน

“ ยามาโมโตะ อย่า!!”    ทว่า...ร่างในชุดสีดำนั่นก็ล้มลงไปที่พื้นเสียแล้ว...

เลือดยังคงหยดลงไปจากปลายดาบ เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีมรกตที่ยังคงตื่นตะลึง ร่างบอบบางได้แต่ยืนนิ่งอยู่ต่อหน้าร่างโชกเลือดทั้งสอง

“ ไปกันเถอะโกคุเดระ”     ร่างสูงใหญ่เอ่ยเรียกด้วยสายตาที่ก็รู้ว่าตัวเองผิด...แต่ทว่า...หากไม่ลงมือเสียตั้งแต่ตอนนี้...พวกนินจาที่ขึ้นชื่อว่าจะไม่ยอมปล่อยศัตรูจนกว่าชีวิตจะหาไม่จะต้องตามมาอย่างแน่นอน

มือใหญ่จับมือบางตั้งใจจะดึงให้เดินต่อไป ทว่า...มือของโกคุเดระกลับสะบัดมือนั้นออก

“ ทำไมต้องฆ่าด้วย?!”     ใบหน้าสวยหันมามองด้วยสายตาไม่เข้าใจปนสับสน ใบหน้าคมได้แต่ถอนหายใจก่อนจะปรับสีหน้าให้จริงจัง

เป็นเพราะว่าตอนอยู่กับโกคุเดระ เขาไม่เคยใช้ใบหน้าที่เย็นชาและน่ากลัวด้วยเลย เพราะฉะนั้นร่างบอบบางตรงหน้าจึงไม่เคยรู้เลยว่า คนที่ตัวเองหนีมาด้วยนั้นโหดเหี้ยมขนาดไหน

“ เจ้าอาจจะไม่รู้....แต่ข้าสามารถสังหารทุกคนที่เข้ามาขัดขวางทางของข้ากับเจ้าได้โดยไม่ลังเลเลยโกคุเดระ...เจ้ารู้แบบนี้แล้วยังจะหนีไปกับข้าอยู่อีกไหม”     ใบหน้าคมถึงจะเย็นชาทว่านัยน์ตาสีเปลือกไม้กลับมีแววเว้าวอน จนใบหน้าสวยได้แต่ผงะไป

“ ถึงจะรู้ว่าข้าเป็นคนโหดร้ายและเลือดเย็นแบบนั้นแล้วเจ้ายังจะไปกับข้าอยู่อีกไหม....”      ร่างบอบบางยังคงนิ่งค้าง ภายในใจได้แต่สับสน...หรือเขายังเตรียมใจมาไม่พอ...ทั้งๆที่รู้ว่าโลกภายนอกนั้นโหดร้ายและไม่มีที่ไหนสงบสุขเท่าในอิสุ แต่กระนั้นก็ยังเตรียมใจให้ฆ่าใครไม่ได้

และในขณะที่ร่างบอบบางยังคงหาคำตอบให้กับตัวเองไม่ได้ ร่างสูงใหญ่ที่มีใบหน้าเศร้าหมองก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไป

หากไม่คว้าเอาไว้....


หากไม่คว้าไว้.....



“ ข้า...”      เสียงเบาหวิวดังมาจากข้างหลังพร้อมกับเสื้อกิโมโนที่ถูกดึงรั้งเอาไว้ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าคมลอบยิ้มออกมา

โกคุเดระ....ดีแล้ว...ที่เจ้ายอมตามข้าไปแต่โดยดี...เพราะไม่ว่ายังไง ข้าก็ตั้งใจไว้แล้วว่าจะพาเจ้าไปด้วยอย่างแน่นอน

ข้าไม่มีวันปล่อยให้เจ้ากลับอิสุไปอย่างที่แกล้งถามนั่นหรอก....

“ ไปกันเถอะ...”     ใบหน้าคมหันกลับมายิ้มอ่อนโยนให้คนที่ยังสับสน ก่อนที่มือใหญ่จะคว้ามือบางให้เดินตามไป




“ นายน้อยขอรับ! มีเศษผ้าถูกกิ่งไม้เกี่ยวอยู่แถวนี้ด้วย!”      เสียงนายทหารที่มาด้วยกันเอ่ยรายงานต่อลูกชายคนโตของเจ้าเมืองอิสุ

“ นี่มัน....”     ชายกางเกงฮากามะของฮายาโตะ?  แปลว่าสองคนนั้นมุ่งหน้ามาทางนี้ไม่ผิดแน่

ถ้าเช่นนั้นเสียงเพลงที่เขาได้ยินนั่นก็ไม่ใช่ความฝัน...และไม่ใช่เสียงของสึนะโยชิ....แต่เป็นฮายาโตะ

ใบหน้าของลูกชายคนโตกวาดมองไปรอบๆพรางครุ่นคิด...ยังไงเสียคนคนนี้ก็ได้ชื่อว่าว่าที่เจ้าเมืองอิสุในอนาคต...เพราะฉะนั้นมีหรือจะรู้ไม่ทันสองคนที่หนีไป

“ เจ้าสามคนแยกไปทางริมน้ำ ปีนตามโขดหินไป...ส่งเสียงให้ดังทำให้รู้ว่าพวกเจ้ากำลังไล่ตามไป...แต่...อย่าเข้าไปปะทะเด็ดขาด อย่างพวกเจ้าสู้ยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่ได้...ไล่ต้อนเพียงอย่างเดียวเท่านั้น...ปล่อยให้พวกข้าที่จะไปดักรอข้างหน้าจัดการเอง...ไปได้!”     สิ้นคำสั่งนายทหารต่างกระจายตัวกันออกไป

ฮายาโตะ...เจ้าคือสมบัติของพวกข้า...และข้าจะไม่ให้ใครหน้าไหนแย่งชิงเอาไป!




และแล้วแสงอาทิตย์ก็ลาจากไปอีกวัน...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เหม่อมองดวงจันทร์ที่ลอยอยู่เหนือหัวก่อนจะหันกลับมามองใบหน้าสวยที่ใช้แขนของเขาต่างหมอนและนอนหลับไปแล้วเรียบร้อย ความเหนื่อยล้าทำให้นัยน์ตาหนักอึ้งค่อยๆปิดลง

วันนี้...ไม่มีดาวตกลงมาเลยสักดวง...

ทั้งๆที่มีหนึ่งคำอธิษฐานที่ตั้งใจจะวอนขอให้เป็นจริง...

ขอให้พวกเขา...หนีรอดด้วยเถิด....


.
.
.
.
.
.
.
.
.


แสงแดดยามเช้าทอประกายสีทองส่องไปทั่วพื้นระเบียง

ร่างเล็กบางในชุดฮากามะสำหรับฝึกซ้อมเดินถือดาบไปตามระเบียงทางเดินที่เชื่อมไปยังโรงฝึก ความจริงวันนี้ ฮิบาริ เคียวยะ ออกไปลาดตระเวน ทำให้เขาไม่มีความจำเป็นที่จะต้องมาฝึกซ้อม...แต่ทว่าร่างกายที่เคยชินกับการได้ออกกำลังในยามเช้ามันก็ไม่ยอมอยู่นิ่งหรือนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอย่างที่ควรจะเป็น...ทั้งๆที่เขาควรจะพักผ่อนให้สบายๆเพื่อเตรียมรับมือกับฝันร้ายที่ต้องเจอแทบทุกคืนแท้ๆ แต่ก็กลายเป็นว่ามาเดินถือดาบมุ่งหน้าไปโรงฝึกซะแบบนั้น

ตัวประกันจากอิสุเปิดประตูเลื่อนเข้าไปท่ามกลางสายตาแปลกใจของทุกคนที่อยู่ในนั้น ปกติแล้วคนที่เป็นคู่ฝึกของเขาคือ ฮิบาริ เคียวยะ แต่เพียงผู้เดียว เพราะฉะนั้นวันนี้ก็ยังไม่รู้ว่าจะฝึกยังไงดีเหมือนกัน

ในขณะที่กำลังคิดว่าแค่หวดดาบไปเรื่อยๆให้ร่างกายมันได้ออกกำลังอย่างที่มันเรียกร้องก็พอแล้วกลับมีเสียงดังมาจากด้านหลังให้ใบหน้าเล็กต้องหันไปมอง

“ ท่านสึนะโยชิ! ได้โปรดเป็นคู่ซ้อมให้กระผมด้วยขอรับ!”    นายทหารคนหนึ่งกำลังก้มหัวขอร้องท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของคนรอบกาย...ปกติแล้วคนเหล่านี้จะได้แต่นั่งมองอยู่รอบๆในเวลาที่เขากับว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระซ้อมดาบกัน

“ เอ๋? ข้าหรอ?”     ใบหน้าน่ารักได้แต่งงงวย ความจริงแล้วคนที่ได้รับอนุญาตให้มาฝึกที่โรงฝึกนี้ได้ก็มีแต่นายทหารชั้นสูงแทบทั้งนั้น แล้วแต่ละคนก็คงมีฝีมือดีทีเดียว เหตุใดจึงมาขอร้องให้คนที่ไม่น่าจะเอาไหนแบบเขาไปเป็นคู่ซ้อมให้กันล่ะ?

นัยน์ตากลมโตเหลือบมองไปรอบๆเพื่อดูให้แน่ใจว่าจะไม่มีร่างสูงผมดำคนนั้นอยู่แน่ๆ ถึงแม้ว่าเขาเองจะโดนลงโทษจนเป็นเรื่องปกติ แต่นายทหารตรงหน้าก็ไม่ได้มีความผิดอะไรจะปล่อยให้โดนลงโทษไปด้วยไม่ได้

แน่ละ...ถ้าเรื่องนี้รู้ไปถึงหู ฮิบาริ เคียวยะ...คนตรงหน้าต้องโดนลงโทษอย่างไม่ต้องสงสัย

“ ตกลง”    ในเมื่อคนตรงหน้าอุตส่าห์กล้าเสี่ยงมาขอร้องทั้งๆที่อาจจะโดนลงโทษแบบนี้ จะให้ปฏิเสธไปได้ยังไง

ปลายดาบต่างหันเข้าหากันก่อนที่ฝ่าเท้าของทั้งคู่จะขยับออกมาด้วยความรวดเร็ว ทว่า...สายตาที่เคยชินกับความไวของฮิบาริ เคียวยะ ก็จำต้องปรับให้ลดลงเมื่อคนตรงหน้านั้นช้ากว่าที่คิด รวมทั้งท่วงท่าที่เขาคิดว่าอีกฝ่ายจะเหนือกว่า แต่มันไม่ใช่

ตุบ...

ดาบไม้ในมือร่างเล็กบางตวัดเข้าไปที่หน้าท้องจนนายทหารล้มหงายหลังลงไป ให้ตัวประกันจากอิสุได้แต่ยืนมองดาบในมืออย่างงงๆ...ทำไมคนตรงหน้าถึงหลบไม่พ้นล่ะ? ในเมื่อเขาไม่เคยจะฟันโดนฮิบาริ เคียวยะเลยสักครั้ง

“ นี่เจ้า...ไม่ได้ออมมือเอาไว้ใช่ไหม?”    ร่างเล็กถามออกไปด้วยใบหน้าสงสัย นายทหารโบกไม้โบกมือปฏิเสธเป็นพัลวัน

“ ท่านอาจจะไม่รู้ตัวเพราะท่านไม่เคยได้ประดาบกับคนอื่นหรือแม้แต่จะได้เห็นการฝึกซ้อมของคนอื่น....ท่านสึนะโยชิ...ท่านน่ะมีฝีมือเป็นรองแค่นายน้อยเคียวยะคนเดียวเท่านั้นแหละขอรับ”    คำพูดของนายทหารทำให้ใบหน้าน่ารักถึงกับนิ่งค้าง

ข้าเนี่ยหรอ?

เพราะปกติจะโดนผู้ชายโหดร้ายคนนั้นซ้อมเอาๆ เลยไม่เคยรู้ฝีมือที่แท้จริงของตัวเองเลย...เพราะแบบนั้นสินะ คนพวกนี้ถึงอยากให้เขาเป็นคู่ซ้อมให้

หัวใจดวงน้อยเต้นแรงขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าน่ารักจนคนที่ยืนอยู่รอบๆได้แต่มองตาค้าง

เพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองก็พอจะมีประโยชน์บ้างก็วันนี้เอง

ทั้งหมดนี้...เขาต้องยกความดีความชอบให้ผู้ชายเย็นชาคนนั้นหรือเปล่านะ

.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


เสียงเล็กๆของเหล่านกที่ร้องคลอเคลียไปกับเสียงเพลงจากใบไม้ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ลืมขึ้นมาจากนิทราช้าๆ ร่างบอบบางที่เคยอยู่ในอ้อมแขนมาทั้งคืนหายไปทำให้ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นมองหา

แผ่นหลังบอบบางนั่งอยู่บนก้อนหินสีดำไม่ไกล ในมือมีใบไม้สีเขียวจรดอยู่ที่ริมฝีปาก บทเพลงหวานๆที่ได้ยินในวันนี้ทำไมมันฟังดูเศร้าสร้อยกว่าเมื่อวานกันนะ?

“ ตื่นนานแล้วหรอโกคุเดระ?”   ในขณะที่เอ่ยทักออกไปและกำลังจะนั่งลงเคียงข้าง จู่ๆเสียงเพลงก็หยุดลงและมือบางหันมากระชากคอเสื้อกิโมโนของเขาเข้าไปหา

ก่อนที่ริมฝีปากสีระเรื่อจะแตะมาที่ริมฝีปากของเขา...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างอย่างตกใจที่ร่างบอบบางเป็นฝ่ายเริ่มก่อน ถึงจะเป็นสัมผัสที่แผ่วเบาแต่กลับรับรู้ได้ถึงความรู้สึกที่ส่งผ่านมา

“ ขอโทษนะ โกคุเดระ”     จะว่าดีใจหรือไม่อาจควบคุมตัวเองได้ก็ไม่รู้ ใบหน้าสวยที่กำลังจะละออกไปกลับถูกมือใหญ่ดันท้ายทอยเอาไว้ก่อนที่ริมฝีปากของร่างสูงจะประกบลงไปที่ริมฝีปากสีระเรื่ออีกครั้ง และคราวนี้มันก็ไม่ได้แผ่วเบาเหมือนเมื่อครู่เมื่อเรียวลิ้นล่วงล้ำเข้าไปควานหาความหอมหวานที่ภายในด้วย

กว่าจะยอมละออกมาก็เมื่อมือบางทุบแผงอกแข็งแรงเพื่อประท้วงว่ากำลังจะหมดอากาศหายใจ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อพร้อมกับหอบจนตัวโยน

“ ปะ ไปกันได้แล้ว!”     เสียงห้วนเอ่ยตะกุกตะกัก นัยน์ตาสีมรกตดุๆส่งกลับมาก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกไป...ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า แต่เขาก็ไม่มีเวลาถาม

เมื่อเดินออกจากโพรงหินได้ไม่นานก็เริ่มรู้สึกตัวว่ามีคนกลุ่มหนึ่งไล่ตามมาติดๆแล้ว เสียงพูดคุยที่ดังไล่หลังมาทำให้กะระยะไม่ได้ว่าอีกฝ่ายอยู่ห่างแค่ไหน ตอนนี้พวกเขาสองคนจึงได้แต่รีบวิ่งไปข้างหน้าอย่างเดียวเท่านั้น...ในเมื่อแค่พ้นภูเขาลูกนี้ไปก็จะถึงชายแดนของคามาคุระ

หลายต่อหลายครั้งที่ร่างบอบบางซึ่งไม่คุ้นเคยกับการที่ต้องมาวิ่งท่ามกลางพงหญ้าหนาทึบและเต็มไปด้วยโขดหินแบบนี้สะดุดล้มลงไป และทุกครั้งก็มีมือใหญ่ช่วยดึงรั้งให้ลุกขึ้นมาหรือประคับประคองไม่ให้ลงไปกองอยู่ที่พื้นมากกว่าเดิม

ยิ่งรู้ตัวว่าถูกไล่ตามก็ต้องยิ่งเร่งฝีเท้าวิ่งหนี

วิ่ง...วิ่ง...วิ่ง!!!

จนลืมดูไปเลยว่า จากแนวภูเขาที่เต็มไปด้วยหิน บัดนี้พวกเขาทั้งสองคนกำลังวิ่งอยู่ในป่าเหมือนที่เคยเดินมาตลอดในสองคืนแรก

ไม่ทันรู้ตัวเลย...ว่าตนหลงเข้าไปอยู่ในกลลวงของใครบางคนเข้าให้แล้ว...

“ โผล่ออกมาจนได้นะ...เจ้าหมาขี้ขโมย”     เสียงทุ้มของคนที่ดักรออยู่ทำให้ร่างของผู้หลบหนีทั้งสองถึงกับชาวาบ ขาที่วิ่งหนีมาตลอดถึงกับก้าวต่อไปไม่ออกเมื่อสายตามองเห็นฝูงม้าราวๆสิบตัวยืนรออยู่ไม่ไกล

ร่างสูงใหญ่ได้แต่สบถอย่างเจ็บใจ

เพราะว่าเขตแดนของคามาคุระก็อยู่ตรงหน้านี้นี่เอง...

หลักไม้ต้นสูงปักเอาไว้ให้รู้ว่าด้านหลังนั้นคือดินแดนของอีกเมือง แต่เพราะพี่ชายคนโตของโกคุเดระมาดักรออยู่แบบนี้ ต่อให้หนีข้ามไปได้แต่หากฝั่งนู้นไม่มีใครอยู่ คนของอิสุก็คงไม่กลัวและคงตามไปจับตัวพวกเขากลับมา....พวกเขาใช้สองขาของตัวเองวิ่ง ต่างจากพี่ชายที่ใช้ม้า...ยังไงก็หนีไม่ทันแน่ๆ

ใบหน้าคมตึงเครียด มือใหญ่จับอยู่ที่ด้ามดาบ...หากจำเป็นก็คงต้องสู้...

“ ยามาโมโตะ!!”     ทว่าโกคุเดระกลับตะโกนห้ามเขาอย่างตกใจ...ก็อีกฝ่ายหนึ่งเป็นถึงพี่ชายของตัวเองจะไม่ห้ามคงทำไม่ได้ มือบางตรงเข้ามาจับมือของเขาเอาไว้ นัยน์ตาสีมรกตสั่นพร่ามองขึ้นมาให้เขาถึงกับหัวใจสะท้าน

“ หนีไป...ข้ามเขตแดนข้างหน้าแล้วหนีไปเมืองของเจ้า...ข้าจะกันท่านพี่เอาไว้ให้เอง”    คำพูดที่ออกมาจากปากของร่างบอบบางทำให้ร่างสูงถึงกับชะงักค้าง

“ ไม่โกคุเดระ...เจ้าจะต้องไปกับข้า และข้าจะไม่กลับไปคามาคุระ”    ใบหน้าคมส่ายหน้าไม่ยอมรับ

“ ข้าบอกให้เจ้าไปยังไงล่ะ!!”    ร่างบอบบางจึงได้แต่หลับหูหลับตาตะโกนบอกด้วยหัวใจและมือไม้ที่สั่นระริก...ไม่ใช่เพราะรู้ว่าหนีไม่รอดแน่แล้ว...แต่ทั้งหมดนี้คือความตั้งใจของเขาเอง

“ ต้องขอบใจเสียงเพลงของเจ้านะฮายาโตะ...ที่ทำให้ข้ารู้ว่าเจ้าอยู่ที่ไหน”     คำพูดของพี่ชายทำเอาใบหน้าคมชะงักค้าง...หมายความว่ายังไง?

“ ไปสิ! เร็วๆเข้า!”     ร่างบอบบางยังคงผลักไสร่างสูงให้ก้าวเข้าไปใกล้เขตแดนมากยิ่งขึ้น

“ โกคุเดระ..นี่เจ้า...”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะได้แต่มองใบหน้าสวยด้วยความสับสน กลุ่มคนข้างหลังต่างกระโดดลงมาจากหลังม้า...กองทหารของลูกชายคนโตที่ขึ้นชื่อว่ามีฝีมือดีที่สุดในอิสุกำลังกุมดาบตรงเข้ามา และนั่นมันก็ทำให้ร่างบอบบางยิ่งลุกลี้ลุกลน

“ บอกให้หนีไปยังไงล่ะ!!”    มือบางดันร่างสูงใหญ่ให้หนีไปจนเซถลา ทว่าก็ไม่ทันมือของพี่ชายคนโตที่เข้ามาคว้าตัวน้องชายคนเล็กไปเสียก่อน

เช่นเดียวกับร่างสูงใหญ่ที่ถูกล้อมเอาไว้ด้วยนายทหารฝีมือดีนับสิบ สายตาที่เคยคมกล้า สายตาที่ไม่เคยหวาดหวั่นที่จะต้องจับดาบสังหารใคร บัดนี้มันกลับไม่มั่นคง เพราะภายในจิตใจนั้นกำลังถูกรบกวนด้วยคำถามมากมาย

“ ท่านพี่...เอาข้ากลับไปคนเดียว แล้วปล่อยยามาโมโตะไปได้ไหม...”    น้องเล็กผู้ถูกจับกุมอยู่ในอ้อมแขนของพี่ชายเอ่ยอ้อนวอนต่อพี่ชายคนโต....หากเป็นพี่ชายคนอื่นจับตัวเจ้าได้ เค้าคงปล่อยเจ้าไปแน่ๆ...แต่ข้าน่ะ....

“ จับกุมตัวมันให้ได้! ยังไงข้าก็ต้องตัดหัวมันกลับไป!”     คำสั่งที่ออกมาจากปากพี่ชายทำให้ร่างบอบบางแทบจะล้มทั้งยืน

...ข้าก็รักเจ้า...ในแบบของข้า ฮายาโตะ....ขังเจ้าเอาไว้ ดีกว่าปล่อยให้เจ้าไปลำบากอยู่นอกสายตาของข้า....

สิ้นคำสั่ง นายทหารต่างรุมเข้าไปปะทะดาบกับลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ ดาบที่เคยแน่วแน่กลับตวัดออกไปไม่ได้ดั่งใจ ยิ่งได้ยินเสียงกรีดร้องของคนที่เป็นดั่งหัวใจด้วยแล้ว..

“ ท่านพี่!! หยุดนะ!! ขอร้องละ อย่าฆ่าเค้า!!”     ร่างบอบบางยังคงดิ้นให้พี่ชายต้องใช้แรงทั้งหมดที่มีจับตัวเอาไว้

“ ยามาโมโตะ! ยามาโมโตะ!! หนีไปสิ หนีไปให้ได้!!”     ถึงจะพูดออกมาแบบนั้น แต่กระจิตกระใจของร่างสูงก็ไม่มีที่จะสู้อีกต่อไป

คมดาบสอดมาจากทุกทิศทุกทางก่อนจะสานกันอยู่ที่ลำคอของร่างสูง...ร่างทั้งร่างได้แต่ทรุดลงนั่งเช่นเดียวกับดาบในมือที่ร่วงลงไปบนพื้น...นัยน์ตาสีเปลือกไม้เลื่อนลอย ไม่ได้เจ็บใจจากความพ่ายแพ้ แต่เจ็บปวดจากหัวใจที่มันกำลังจะพังทลาย

“ ยามาโมโตะ!!”     ร่างบอบบางตะโกนเรียกเมื่อเห็นเต็มสองตาว่าร่างสูงนั้นกำลังถูกจับกุมเอาไว้ทั้งๆที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ ในหัวใจดวงน้อยเต้นระรัวเพราะหวาดกลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ ใบหน้าสวยหันไปเอ่ยอ้อนวอนพี่ชายตนโตอีกครั้ง   “ท่านพี่...ข้าขอร้อง...จะลงโทษข้ายังไงก็ได้...ปล่อยยามาโมโตะไปเถอะนะ...ได้โปรด...”

ใบหน้าของพี่ชายคนโตได้แต่นิ่งงัน ทว่าท่ามกลางความกดดัน ใบหน้าคมของคนที่ถูกจับกลับเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงนิ่ง

“ เจ้าไม่ได้คิดจะไปกับข้าตั้งแต่แรกแล้วใช่ไหม...โกคุเดระ....”

ที่เจ้าทำลงไปทั้งหมด เพราะต้องการพาข้ามายังชายแดน แล้วส่งข้ากลับไปคามาคุระเท่านั้นใช่ไหม....เจ้าจึงใช้เสียงเพลงจากใบไม้นั่นบอกตำแหน่งของตัวเองให้พี่เจ้ารู้ ให้พี่เจ้าตามมาจับตัวเจ้ากลับไปรับโทษ ในขณะที่คิดว่าข้าคงจะยอมข้ามเขตแดนกลับไปยังเมืองของตน

เจ้าไม่ได้อยากจะหนีไปกับข้า ไม่ได้อยากจะไปสร้างชีวิตใหม่กับข้า...ไม่ได้อยาก...อยู่กับข้า...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เงยขึ้นมามองใบหน้าสวยด้วยสายตาเว้าวอน ว่าร่างบอบบางจะปฏิเสธว่าสิ่งที่เขาคิดมันไม่ใช่ความจริง

แต่ทว่า ใบหน้าสวยก็มองกลับมาด้วยดวงตาที่เจ็บปวด...น้ำตาที่ไหลลงมาคือสิ่งที่ตอบได้เป็นอย่างดี


“ ตัดหัวมันซะ!”     คำสั่งที่ดังอยู่ข้างหูทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างทั้งน้ำตา และเมื่อหันไปมองร่างสูงก็ดูเหมือนว่ายามาโมโตะจะไร้เรี่ยวแรงที่จะมีชีวิตอยู่อีกต่อไป

“ ไม่นะ....ไม่!!!!!”     ร่างบอบบางตะโกนออกไปสุดเสียง ดาบในมือนายทหารคนหนึ่งยกขึ้นชี้ไปที่คอของร่างสูงก่อนจะตวัดลงมาต่อหน้าต่อตา

“ ยามา....โมโตะ......”     เสียงเบาหวิวได้แต่เอ่ยครางกับภาพตรงหน้า หัวใจที่เต้นรุนแรงราวกับจะสลายหายไปในพริบตา...


คอของยามาโมโตะยังไม่ได้หลุดกระเด็น....

แต่สิ่งที่กระเด็นไปปักพื้นดินอยู่ข้างหลังคือดาบที่จะตวัดตัดคอเมื่อครู่นี้ต่างหาก....

เกิดอะไรขึ้น?

นัยน์ตาทุกคู่ที่อยู่ในที่นั้นต่างหันไปมองลูกธนูที่ปักอยู่ในทิศทางตรงข้ามกับดาบเป็นตาเดียว และไม่นานเสียงฝีเท้าม้าอีกนับสิบก็กำลังมุ่งหน้ามาทางนี้

คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ท่ามกลางวงล้อมของคมดาบเงยหน้าขึ้นไปมองฝูงม้าสีดำที่ควบเข้ามาด้วยดวงตาเบิกกว้าง...ไม่ผิดแน่...คนที่ยิงธนูมาปัดดาบออกไปจากคอของเขาคือคนคนนั้นไม่ผิดแน่...เสียงครางเอ่ยเรียกชื่อผู้มาใหม่ออกไป และนั่นมันก็ทำให้ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นได้แต่นิ่งค้าง

“ ฮิบาริ....เคียวยะ....”

แน่นอนว่าไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเสียงเรียงนามของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระคนนั้น

แต่สิ่งที่ทำให้ว่าที่เจ้าเมืองอิสุยอมหยุดมือนั่นก็คือ กิตติศัพท์ความเก่งกาจและโหดเหี้ยมของอีกฝ่ายต่างหาก....

แค่ยามาโมโตะ ทาเคชิ คนเดียว...หากไม่อยู่ในสภาวะจิตใจไม่ปกติอย่างที่กำลังเป็นอยู่นี้...ก็รับมือยากแล้ว แล้วถ้าต้องสู้กับ ฮิบาริ เคียวยะ อีกคนพวกเขาอาจจะไม่มีชีวิตรอด

ม้าสีดำหยุดลงตรงหน้าและคนที่นั่งอยู่บนหลังม้าก็คือ ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระคนนั้นจริงๆ  นัยน์ตาสีดำตวัดลงมามองผู้ที่ได้ชื่อว่าน้องชายก่อนจะเอ่ยทักทาย

“ ฮึ...ยังไม่ได้เรื่องเหมือนเดิมเลยนะ...เจ้าสัตว์กินเนื้อ”    น่าแปลกที่แค่เห็นรอยยิ้มเย้ยหยันนั่นมันกลับทำให้คนที่ถอดใจถึงกับกำมือแน่น นัยน์ตาสีเปลือกไม้ลุกวาวด้วยความโกรธแค้นขึ้นมาทันที...ไม่ได้อยากจะให้คนคนนี้ต้องมาเห็นสภาพน่าทุเรศแบบนี้ ไม่อยากให้มือคู่นั้นยื่นเข้ามาช่วยให้ตัวเองดูน่าสมเพชเข้าไปอีกแบบนี้

“ นี่...ขอตัวน้องชายข้าคืนได้หรือไม่?”    ถึงคำพูดจะดูไม่ใส่ใจแต่แววตากระหายเลือดกลับทำให้พี่ชายคนโตของโกคุเดระได้แต่กัดฟันกรอดก่อนจะยอมพยักหน้า

“ ปล่อยมันไป!”     ร่างสูงถูกปล่อยตัวให้เป็นอิสระด้วยสายตาเคียดแค้นของพี่ชายคนโต ยามาโมโตะยืนขึ้นก่อนจะถูกผลักตัวให้ก้าวไปยืนอยู่หน้าเขตแดนของตน

ใบหน้าคมก้มลงมองแนวที่อยู่ระหว่างหลักไม้ต้นสูง


ข้างหน้าคือเขตแดนของตระกูลข้า....หากก้าวข้ามไปแล้ว ข้ากับเจ้าคง....


นัยน์ตาสีเปลือกไม้หันมามองใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความเศร้าหมองช้าๆเป็นครั้งสุดท้าย

ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น...เพราะข้ารู้ว่าหากเจ้าไม่มีใจให้ข้า คงไม่กล้าเสี่ยงชีวิตตัวเองเพื่อช่วยข้าแบบนี้...เจ้าโดนจับกลับไปคงต้องโดนโทษสถานหนักอย่างแน่นอน


“ ลาก่อน...โกคุเดระ....”    คำพูดที่หลุดออกไปจากปากของเขาทำให้น้ำตาร่วงลงมาจากนัยน์ตาสีมรกตคู่สวย

ร่างสูงใหญ่ก้าวขาข้ามกลับเข้ามายังเขตแดนของคามาคุระ...และนั่นคือการหมดพันธะแห่งตัวประกัน....


ใบหน้าคมก้มลงมองพื้นดินด้วยแววตามืดมน....


ข้าน่าจะรู้อยู่แล้ว....ว่าข้าจะไม่สามารถพรากเจ้าไปจากอิสุได้....หากมันยังไม่ถูกทำลาย...


โกคุเดระ...คำว่า “ลาก่อน”  ที่ข้าบอกเจ้า ไม่ใช่ว่าเจ้าจะไม่ได้เจอกับข้าอีก....เพียงแต่....ยามาโมโตะ ทาเคชิ....คนที่เจ้าจะได้พบอีกครั้งคงไม่ใช่ข้า...คนที่เจ้ารู้จักอีกต่อไป....


.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


เส้นไหมสีแดงถูกปักลงไปในผ้าเนื้อดีสีดำสนิท ลวดลายที่ค่อยๆทักทอขึ้นวันละนิดๆนั้นช่างคล้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาที่มันถักทอขึ้นทีละน้อยทุกวันๆอย่างที่ไม่ทันรู้ตัว

ปลายนิ้วสัมผัสปีกของนกกระเรียนที่กำลังโผบินอย่างแผ่วเบา ทั้งๆที่เขาควรจะเกลียดชังผู้ชายคนนี้

แต่ทุกๆครั้งที่ตื่นขึ้นมาแล้วได้เห็นใบหน้ายามหลับใหลของ ฮิบาริ เคียวยะ....หัวใจกลับเต้นแรงอย่างควบคุมไม่อยู่

ทั้งๆที่โดนผู้ชายคนนั้นย่ำยี ทั้งๆที่ไม่เคยมีความอ่อนโยนด้วย...แต่ทำไม........

เสียงของหล่นที่ดังอยู่ภายนอกทำให้ร่างเล็กบางถึงกับสะดุ้ง ใบหน้าน่ารักหันกลับไปมองผ่านบานประตูเลื่อนที่เปิดค้างเอาไว้ ข้ารับใช้กำลังวุ่นวายเดินสวนกันไปมาเตรียมทำความสะอาดห้องและของใช้เพราะว่าเมื่อวานเพิ่งจะมีม้าเร็วจากกองลาดตระเวนของ ฮิบาริ เคียวยะ ว่า....

ยามาโมโตะ ทาเคชิ กำลังจะกลับมาแล้ว...

ตัวประกันของคามาคุระที่ถูกส่งไปอยู่อิสุ กำลังจะกลับมา ทว่า...ไม่ใช่การส่งกลับ...แต่เป็นเพราะหนีออกมาได้...จากคำสั่งประหารจากเจ้าเมืองอิสุ

แปลว่าพ่อของเขาคงจะรู้เรื่องแล้ว...ว่าคามาคุระใช้แผนตัวประกันเพื่อถ่วงเวลาและบังหน้าในการซ่องสุมกำลังทหาร

แล้วแบบนี้....ตัวเขาเองล่ะ?

จะถูกสั่งฆ่าเมื่อไหร่?

ในเมื่อตัวประกันนั้นไม่มีประโยชน์อันใดอีกต่อไป....


ครืด!!!!


ประตูเลื่อนที่เปิดอยู่ จู่ๆก็ถูกเลื่อนปิดลงอย่างรวดเร็ว ร่างเล็กบางสะดุ้งโหยงเมื่อเงาร่างดำทะมึนที่ควรจะอยู่กับเหล่าทหารในกองลาดตระเวนดันมายืนหน้าตายอยู่ตรงหน้า....ฮิบาริ เคียวยะ กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่?

“ นี่เจ้า! ถ้าจำไม่ได้ข้าก็จะบอกอีกครั้งนะ ว่าที่นี่คือห้องของข้า หัดมีมารยาทเคาะประตูหรือเรียกก่อนจะเข้ามาซะบ้าง!”    นัยน์ตากลมโตที่อ่อนโยนกับทุกคนกลับส่งสายตาดื้อดึงไปให้คนที่มาใหม่ ไม่มีคำทักทายหวานๆอย่าง...กลับมาแล้วหรอ?...อะไรทำนองนั้นที่จะหลุดออกไปจากปากของเขาได้หรอก

ในเมื่ออีกฝ่ายยังไม่เคยพูดว่า “กลับมาแล้ว” สักคำ

“ ห้องเจ้า?...”    ใบหน้าคมยกยิ้มที่มุมปากก่อนจะเดินตรงเข้ามากระชากแขนเล็ก ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะโดนทอนฟาฟาดจนหน้าช้ำไปข้างแต่ตอนนี้...

“ อื้อ!!”     ริมฝีปากประกบลงมาที่ริมฝีปากแดงระเรื่อก่อนที่ลิ้นร้อนจะบังคับแทรกเข้ามาอย่างเอาแต่ใจ

“ ฮึ...ห้องเจ้า...ที่อยู่ในบ้านของข้า...มันก็คือห้องของข้านั่นแหละ!”     ใบหน้าคมส่งยิ้มเจ้าเล่ห์มาให้ก่อนจะปล่อยแขนเล็กให้เป็นอิสระ ตัวประกันจากอิสุได้แต่เจ็บใจที่ไม่ว่ายังไงก็ไม่สามารถตอบโต้อีกฝ่ายได้เลย

ทำไมถึงได้เป็นคนนิสัยแย่แบบนี้นะ ทั้งโหดร้าย ป่าเถื่อน เอาแต่ใจ ไม่มีมารยาท!....แล้วทำไมเขาถึงยังได้รักคนแบบนี้ลงอีก!

เอ๋?....รัก?

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตเบิกกว้างกับความคิดชั่ววูบของตัวเองอย่างตื่นตะลึง....ไม่จริงน่า....

ในขณะที่ร่างเล็กบางได้แต่นั่งนิ่งงัน มือใหญ่ก็ดึงผืนผ้าที่ปักคาอยู่ขึ้นไปดู

“ ไม่ได้เรื่อง...”     ใบหน้าน่ารักเปลี่ยนเป็นกัดฟันกรอดขึ้นมาทันที....นี่เขาก็ทำเต็มที่ อุตส่าห์ปักอย่างประณีตที่สุดเท่าที่เคยทำมาเพื่อไม่ให้ขายขี้หน้าอิสุแล้วนะ ยังจะมาอะไรอีก ใบหน้าที่กล้างอหงิกใส่ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระได้แต่พูดประชดประชันออกไปว่า

“ ถ้าอยากได้สวยๆเจ้าก็ไปให้ผู้หญิงคนอื่นทำเถอะ ข้าไม่ทำแล้วก็ได้!”     มือเล็กวางผ้าลงบนตัก และนั่นมันก็เรียกให้ทอนฟาจ่อมาที่ปลายคางทันที

“ ถ้าไม่ทำต่อ ข้าขย้ำเจ้าแน่”     ตกลงอยากให้ทำหรือไม่อยากให้ทำกันแน่? ตัวประกันจากอิสุได้แต่ถอนหายใจกับคนอารมณ์แปรปรวนตรงหน้าก่อนจะยกผ้าขึ้นมาปักต่อโดยพยายามไม่สนใจสายตาคมกริบที่นั่งจ้องอยู่แบบนั้น

จนกระทั่งเริ่มจะทนต่อสายตาคู่นั้นไม่ไหว

“ นี่เจ้า! ไม่มีอะไรจะทำหรือยังไงถึงได้มาคอยกลั่นแกล้งข้าอยู่แบบนี้ ออกไปจากห้องข้าได้แล้ว!”     ร่างเล็กลุกขึ้นก่อนจะลากแขนแข็งแรงของร่างสูงให้ลุกตาม น่าแปลกที่วันนี้ ฮิบาริ เคียวยะ ยอมถูกลากออกไปแต่โดยดี แต่ก่อนที่จะก้าวพ้นประตูห้อง ร่างแข็งแกร่งกลับหยุดชะงักเอาดื้อๆ นัยน์ตาสีดำคมกริบจ้องมองไปยังข้างๆหีบของเขาซึ่งถูกเปิดออกเพราะจำเป็นต้องค้นหาอุปกรณ์ปักผ้า ทำให้ของในหีบถูกรื้อออกมาวางไว้ข้างๆ

“ ผ้านั่น....”     นัยน์ตาสีดำตะลึงงันจ้องมองกิโมโนเก่าตัวหนึ่งของร่างเล็กตาไม่กระพริบ ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระสะบัดแขนออกจากมือเล็กก่อนจะเดินตรงดิ่งเข้าไปคว้ากิโมโนตัวนั้นขึ้นมาพิจารณาใกล้ๆก่อนที่ดวงตาสีดำจะยิ่งเบิกกว้างขึ้นไปอีก

“ เจ้าได้มายังไง?”     ใบหน้าคมหันมาถามด้วยท่าทางจริงจังทำเอาร่างเล็กถึงกับผงะถอยหลัง

“ เอ๊ะ?!....เอ่อ....แม่ข้า...เย็บมันขึ้นมาเอง...เห็นบอกว่าผ้านั่นมีคนสำคัญให้มา ก็เลยเอามาเย็บเป็นกิโมโนให้ข้าใส่ไว้ตลอดตอนเด็กๆ...”      มือใหญ่ที่คลี่กิโมโนตัวเล็กออกนั้นสั่นเทาอย่างที่ไม่น่าเชื่อว่านั่นจะเป็นมือที่ทำร้ายผู้คนอย่างโหดเหี้ยมของฮิบาริ เคียวยะ  นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ได้แต่มองคนตรงหน้าอย่างแปลกใจ

“ แม่เจ้า?”     เสียงทุ้มถามออกมาอย่างเลื่อนลอย....

“ ใช่”     ใบหน้าน่ารักตอบออกไปตามความจริง เพราะเดาไม่ออกว่าคนตรงหน้าคิดอะไรอยู่กันแน่....หรือจะมีอะไรกับผ้าผืนนั้นกัน?

“ ได้มาจากคนสำคัญ?”     น้ำเสียงที่เอ่ยถามราวกับจะตอกย้ำอะไรบางอย่างฟังดูเศร้าหมองราวกับไม่ใช่เสียงของ ฮิบาริ เคียวยะ

“ ใช่...แม่ข้าบอกว่าเป็นคนสำคัญคนเดียวในชีวิตนอกจากข้า....”     แล้วภาพที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นก็ปรากฏแก่สายตา

เมื่อ ฮิบาริ เคียวยะ ถึงกับทรงตัวไม่อยู่ ร่างสูงเซซวนก่อนหัวไหล่จะไปพิงอยู่กับผนัง ร่างแข็งแกร่งนั้นดูหมดแรงจนเขาได้แต่ตกใจ เสียงทุ้มแผ่วเบาเอ่ยออกมาราวกับว่าพูดอยู่กับตัวเอง...

“ อย่าบอกนะว่า...ข้ากับเจ้า....”      ใบหน้าคมที่เงยขึ้นมามองหน้าเขามีแววสับสนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน อะไรบางอย่างมันรบกวนจิตใจที่เคยแข็งกระด้างจนมันอ่อนล้าได้ถึงขนาดนี้

“.......?...”      ใบหน้าเล็กได้แต่มองใบหน้าคมด้วยความสงสัย ก่อนจะนิ่งค้างไปเมื่อเสียงทุ้มหลุดประโยคสุดท้ายออกมา


“ อย่าบอกนะว่า....ข้ากับเจ้า....เป็นพี่น้องคนละพ่อกัน...”






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าตอนนี้จะแต่งยากขนาดนี้ *ปาดเหงื่อ* ขออภัยในความล่าช้าด้วยนะคะ m(_ _)m จะว่าไปคงต้องเร่งมือแล้วสินะ555 ก่อนที่น้ำจะมา(?)และเดือนตุลาจะมาเยือน(?) คึหึหึ...ก็เพราะว่ามีอนิเมะที่จ้องจะดูอยู่ไม่ใช่น้อยเลยน่ะสิค้า ซีซั่นหน้า TT[ ]TT ไอ้แค่ดูน่ะไม่เท่าไหร่ แต่หากโดนล่อลวงแล้วไซร้ กลัวว่าจะออกนอกอ่าวไปปั่นฟิคเรื่องพวกนั้นซะก่อนน่ะสิ ม่ายยยยย

ส่วนดาวตกนี่....ยังเหลือเรื่องราวอีกราวๆสองในสามค่ะ *ปาดเหงื่ออีกรอบ* ยังไงก็ฝากด้วยนะคะ แหะแหะ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะเริ่มย้ายโกดังบ้างแล้ว ทว่ากว่าจะเปิดตัวที่นู่นคิดว่าคงรอให้ที่นี่ปิดถาวรซะก่อน จริงๆย้ายไปกองเอาไว้ ยังไม่ได้จัดระเบียบและขี้เกียจบัดซบเลยค่ะ อ้ากกก...

ขอบคุณที่เข้ามาอ่านนะคะ ^ ^ และขอบคุณทุกเสียงทวงด้วย(?) ถึงจะสะดุ้งเฮือกทุกครั้งแต่มันก็ทำให้สภาวะออกนอกอ่าวลดน้อยลงได้นะ ฮ่าๆ (ไม่งั้นป่านนี้ตอนที่ 6 ยังไม่เสร็จหรอกมั้งเนี่ย กร๊ากกก) ขอบคุณคอมเม้นต์จากเมื่อตอนที่แล้วด้วยค่ะ อ่านแล้วเขินเลย >/////<

สุดท้าย....คุณเห็นมนุษย์(?)หล่อเลวคนนี้หรือยางงงงงงง






Psycho-Pass หนึ่งในอนิเมะซีซั่นหน้าที่จ้องจะดูอยู่ค่ะ อ.อามาโนะขราของพวกเราเป็นคนดีไซน์คาแรกเตอร์เลยน้า (มันถึงได้ออกมาสัปป้าเผือก(?)ขนาดนี้ ฮี่ๆๆ) เอาไว้จะค่อยๆมาแง้มอีกที ว่าไอ้เรื่องที่จ้องอยู่มีอะไรบ้าง รับรองความน่าจิ้นงดงามของภาพและเสียง 555 แล้วเจอกันตอนหน้าค่า


3 ความคิดเห็น:

  1. อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    พี่น้องงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง


    สงสารสึนะจังเลย เป็นพี่น้องกันจริงๆเหรอ

    ก๊กจังนี่ทำทุกอย่างเพื่อยามะจริงๆ ถึงกับพาอีกฝ่ายมาส่งโดยยอมลงทุนให้ตัวเองโดนจับ แงๆๆๆๆ มามี๊ซึ้งอ่ะ (เอาค้อนทุบยามะ โป๊กๆๆๆ)
    ว่าแต่หนีไปด้วยกันเหอะนะ มามี๊มีแววว่าลูกอาจจะไม่รอดก็ได้ ทั้งโดนลงโทษ และอิยามะที่จะมาเอาตัว ต้องมา ต้องมาแน่ๆๆๆ โฮกกกกกกกก

    ตอบลบ
  2. พี่น้อง โอ้ทั่นฮิ ทำอะไรลงป๊ายยย
    ว่าแต่ Psycho Pass นี่ก็น่าติดตามเหมือนกันนะคะเนี่ย
    ดูเป็นการ์ตูนผู้ใหญ่ เดี๋ยวจะหามาดู เพื่อจะจิ้นได้อีก

    ตอบลบ
  3. เอ้ยยยยยยยยยยยย
    ไม่ใช่มั้งฮิ
    งือออออออ นี่แสดงว่ารักเค้าไปแล้วอ่ะดิ ถึงตะเตือนไตหากเปนพี่น้องกานนนนนนนนนนนนนน
    555555555555

    ตอบลบ