KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 03


KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827]   Ryuusei : 03

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







ฮิบาริ เคียวยะ....

ถึงแม้จะอยู่ในตระกูลยามาโมโตะ แต่ลูกชายคนโตกลับใช้นามสกุลของแม่...นั่นเพราะแท้ที่จริงแล้วแต่ดั้งแต่เดิมมา เมืองคามาคุระนั้นถูกปกครองด้วยตระกูลใหญ่สองตระกูลนั่นคือ ฮิบาริ และ ยามาโมโตะ ขึ้นอยู่กับว่าลูกชายคนโตจะมาจากภรรยาทางสายไหน

และแม่ของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระคนปัจจุบันนั้นมาจากสายตระกูลฮิบาริ เด็กชายที่มีเส้นผมดำสนิทคนนี้จึงใช้ชื่อว่า ฮิบาริ เคียวยะ

ต่างจากน้องชายที่อายุห่างกันแค่ปีเดียวที่มาจากภรรยาสายตระกูลยามาโมโตะ เด็กคนนั้นจึงใช้ชื่อว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ

พวกเขาสองคนเป็นพี่น้องคนละแม่ และเพราะสายตระกูลที่มีการแก่งแย่งชิงดีกันสูงมาก ทำให้เด็กชายสองคนที่น่าจะเป็นพี่น้องกันด้วยดีกลับไม่เคยมีเลยที่จะเรียกอีกฝ่ายว่า “พี่” หรือ “น้อง” ตั้งแต่จำความได้มีเพียงคำว่า “ต้องเหนือกว่าอีกฝ่าย” เท่านั้นที่ได้ยิน


ร่างสง่าของเด็กชายผมดำยืนค้ำหัวของคนที่ได้ชื่อว่า “ตัวประกัน” ซึ่งมาจากเมืองคู่รักคู่แค้นอย่างอิสุก่อนที่นัยน์ตาสีดำคู่คมกริบจะเหลือบลงไปมองใบหน้าเล็กที่นอนหอบหายใจอยู่กับพื้น  ดูก็รู้ว่าเจ้าเด็กผมสีน้ำตาลตรงหน้าไม่เคยฝึกวิชาการต่อสู้มาก่อนเลย แค่วิธีจับดาบก็ยังทำไม่เป็น และยิ่งเห็นแบบนั้นก็ยิ่งหงุดหงิด

ตระกูลโกคุเดระส่งตัวอะไรมากันแน่ ตั้งใจจะดูถูกกันใช่ไหมถึงได้ส่งคนแบบนี้มาเพราะตระกูลนักรบย่อมต้องแลกคมดาบต่อคมดาบ...คนที่พวกเขาส่งไปก็ใช่ว่าจะเป็นรองใครในแผ่นดินคามาคุระ...แล้วดูคนที่อิสุส่งมา...

นัยน์ตาสีดำขุ่นมัวขึ้นมาทันทีที่รู้สึกว่าเกียรติและศักดิ์ศรีกำลังถูกอีกฝ่ายเหยียบย่ำ ก่อนที่ดวงตาคู่นั้นจะหลุบต่ำลงไปมองร่างเล็กๆที่นอนหมดสภาพอยู่แทบเท้า ริมฝีปากยิ้มเหี้ยมจนข้ารับใช้ที่ยืนอยู่ใกล้ๆนั้นไม่กล้ามอง

ดี...ในเมื่อพวกนั้นส่งเจ้ามา...เจ้าก็จะต้องเป็นคนรับผิดชอบ...สึนะโยชิ

“ ลุกขึ้นมาเจ้าสัตว์กินพืช”     ถึงแม้ว่าสภาพของอีกฝ่ายจะไม่ไหวแล้วก็ตามแต่ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระก็ยังคงออกคำสั่งบังคับให้ร่างเล็กๆที่น่าจะเด็กกว่าตนราวๆสองสามปีให้ยืนขึ้นมา แขนผอมบางที่สั่นระริกค่อยๆยันตัวเองขึ้นจากพื้นอย่างยากเย็น แต่ดวงตาสีดำก็ยังคงไร้ซึ่งความปราณี

“........”     ตัวประกันจากเมืองอิสุลุกขึ้นมาได้สำเร็จแต่ก็ยืนโงนเงน นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตนั้นพร่ามัวจนแทบจะมองไม่เห็นอะไร ลมหายใจก็หอบติดขัดเพราะไม่ถนัดเรื่องการใช้แรงแบบนี้ ดาบไม้ถูกโยนมาให้อีกครั้งทั้งๆที่มือที่จะจับมันแตกจนเจ็บแสบไปหมด สองแขนก็แทบจะไม่มีเรี่ยวแรงจะยกแม้แต่ดาบไม้เบาๆ

ร่างที่สวมชุดฝึกสีดำสนิทพุ่งตรงเข้ามาราวกับมัจจุราช ร่างเล็กๆจะให้รับไหวก็เต็มกลืนเต็มทีจึงได้แต่เบี่ยงตัวหลบ และยิ่งเพราะเอาแต่หนีก็ยิ่งทำให้อีกฝ่ายยิ่งโมโหยิ่งไล่ต้อนเข้ามาจนรู้สึกยิ่งกว่าคำว่ากลัว

ใบหน้าเล็กเม้มริมฝีปากแน่น...ไม่รู้...ไม่เข้าใจอะไรเลยสักนิด...ว่าทำไมเขาจะต้องมาอยู่ที่นี่ ต้องมาเป็นตัวแทนของลูกรักพวกนั้นด้วย

ทำไมคนที่ได้รับความรักถึงไม่ใช่เขาบ้าง....

เพียงแค่ไม่ได้เกิดกับผู้หญิงที่เป็นนายหญิงของบ้านใหญ่...แค่นั้นก็ไม่มีสิทธิ์ได้รู้จักความรักแล้วอย่างนั้นหรือ

สันกรามขบกัดกันแน่น พยายามอย่างหนักที่จะไม่ให้น้ำตาไหลลงมา ทั้งร่างกายทั้งจิตใจอ่อนแอจนถึงขีดสุด และเมื่อดาบสุดท้ายที่ตั้งใจจะเอากันให้ตายตวัดลงมา ใช่ว่าจะไม่หลบ

...แต่หลบไม่พ้น...

ร่างเล็กที่รับดาบไม้ไปเต็มๆถึงกับทรุด ริมฝีปากเล็กไอแค่กๆก่อนจะกระอักออกมาเป็นเลือดเรียกให้ข้ารับใช้ต่างมองหน้ากันเลิ่กลัก จะเข้าไปห้ามก็เกรงกลัวนายน้อยเหนือหัว แต่ถ้าตัวประกันจากเมืองอิสุเป็นอะไรขึ้นมาดูท่าจะลำบาก

แต่คนกระทำกลับไม่สน...

นัยน์ตาสีดำเหลือบมองคนที่ล้มลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างเหยียดๆ

ต่อให้เจ้าตายข้าก็ไม่เคยรู้สึกเกรงกลัวต่อตระกูลของเจ้าเลยสักนิด เพราะยังไงข้าก็เหนือกว่า

เด็กชายผมดำเก็บดาบไม้ก่อนจะเตรียมสะบัดตัวเดินจากมา....เพราะว่าตอนนี้ยังไม่อยากยุ่งยาก จะปล่อยไปก่อนก็ได้....สายตาเหลือบกลับไปมองใบหน้าเล็กที่ไม่มีน้ำตาแม้แต่หยดเดียว นัยน์ตากลมโตนั่นหรี่ปรือก่อนจะปิดลงช้าๆพร้อมกับร่างที่แน่นิ่งไป

ทำไมถึงไม่ร้องไห้...ทำไมถึงไม่อ้อนวอน....

จะยอมตายไปทั้งๆที่ตัวเองไม่ได้เป็นคนผิดอะไรเลยแบบนี้น่ะหรอ

หงุดหงิด....เจ้ามันน่าหงุดหงิดนัก เจ้าสัตว์กินพืชอ่อนแอ!




ประตูเลื่อนถูกเปิดออกเพื่อรับการมาเยือนของหมอหลวง ร่างสง่าที่อยู่ในชุดฮากามะสีดำยังคงนั่งหันหลังให้มีเพียงเสียงเย็นเฉียบที่ถามออกไปเท่านั้น

“ ตายรึยัง”

“ ปลอดภัยดีแล้วขอรับ ข้าทายารักษาแผลภายนอกให้แล้ว ส่วนภายใน...”

“ ข้าไม่อยากรู้ ไสหัวไปซะ”      ยังไม่ทันที่หมอจะรายงานหมดก็ถูกตัดบทโดยคนขี้รำคาญ หมอหลวงก้มหัวให้ก่อนจะรีบออกไปตามคำสั่ง...ใครๆก็รู้ว่าว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระคนนี้โหดเหี้ยมขนาดไหน ทั้งๆที่เป็นแค่เด็กอายุสิบกว่าขวบ

ไม่ต้องห่วงเลยว่า อนาคตของคามาคุระจะดำมืดยังไง....

อากาศยามรัตติกาลเคลื่อนคล้อยมาปกคลุมเรือนเจ้าเมืองอีกครั้ง เด็กชายผมดำลุกขึ้นจากฟูกรองนั่งแล้วเดินตรงดิ่งไปยังห้องของเจ้าตัวประกันทันทีที่ทุกๆเสียงเงียบลงหมดแล้ว


นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตเหม่อมองท้องฟ้าผ่านประตูบานเลื่อนฝั่งสวนที่ถูกเปิดเอาไว้ นภายามนี้มีสีดำจนทำให้เผลอนึกถึงคนที่ไม่อยากจะเห็นหน้า...ท้องฟ้าสีดำก็จริงแต่ยังมีดวงดาวพร่างพราวสว่างสไวต่างจากคนคนนั้นที่มีแต่สีดำสนิทไร้ประกายใดๆให้อบอุ่นหัวใจ

ครืดดดดด!!!

เสียงประตูเลื่อนฝั่งทางเดินถูกเปิดออกโดยไม่บอกไม่กล่าว ทำให้ตัวประกันจากเมืองอิสุที่ยังคงนอนอยู่บนฟูกทำได้เพียงแค่หันหน้าไปมองอย่างตกใจ ด้วยไม่คิดว่าคนที่กำลังคิดถึงอยู่จะมาปรากฏตัวอยู่ตรงนี้

นัยน์ตาสีดำคมกริบกวาดมองไปตามร่างกายเล็กๆที่มีแต่ผ้าพันแผล นัยน์ตาคู่นั้นมันยังคงไร้ซึ่งความปราณี ไม่มีแม้แต่คำพูดที่จะถามไถ่ว่าเป็นอย่างไรบ้าง

แล้วร่างสง่าของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระก็เดินจากไป...

นัยน์ตากลมโตทำได้แค่มองตามแผ่นหลังที่เย็นชานั้นไปจนลับสายตา...หากอยู่ต่อหน้าอีกฝ่ายต่อให้เจ็บเจียนตายยังไงเขาก็จะไม่ร้องไห้

แต่ไม่ใช่ตอนที่อยู่เพียงลำพัง....

น้ำสีใสค่อยๆรินไหลลงมาตามแก้ม

อธิษฐานสิ!’

แว่วเสียงของใครบางคนดังก้องอยู่ในหัวยามที่ได้เห็นดวงดาวตกลงมาจากฟากฟ้า...ถึงแม้ว่าหยาดน้ำตาจะทำให้ทุกอย่างพร่ามัว แต่แรงจิตที่คิดอธิฐานนั้นกลับชัดเจน


....ข้าไม่อยากอยู่ที่นี่....โปรดส่งข้ากลับไปที.....



.
.
.
.
.
.
.
.


ผ่านมาเกือบปีแล้ว...กับการอาศัยอยู่ในอิสุ

และทุกๆวันเขาก็ยังคงยึดพื้นที่ข้างๆโกคุเดระ ฮายาโตะ เอาไว้แทบจะตลอดเวลา...และนั่นมันก็ยิ่งทำให้บรรดาพี่ชายยิ่งเก็บสะสมความไม่พอใจมากยิ่งขึ้นไปอีก

เขารู้ดีจากสายตาและจิตสังหารทุกๆครั้งที่เดินผ่าน...ว่าความเกลียดชังมันมากขึ้นทุกทีๆ

“ ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าขอตัวก่อน....”      อาจารย์ที่มาสอนหนังสือให้เอ่ยออกมาก่อนจะเก็บตำราแล้วเดินจากไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองฟูกรองนั่งที่อยู่ข้างๆซึ่งบัดนี้มันว่างเปล่า

เจ้าลูกชายคนเล็กนั่นหายไปไหนกัน? บอกว่าจะไปห้องน้ำแต่นี่ก็นานแล้วทำไมยังไม่กลับมาอีก

ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะลุกออกจากห้อง ยังมองเห็นเจ้ากระต่ายสีขาวนั่งเล็มหญ้าอยู่ในกรงตามปกติ เรียวขาภายใต้กางเกงฮากามะจึงลองเดินไปทางห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันจะก้าวไปได้เท่าไหร่ คนที่มองหาอยู่ก็ปรากฏตัวออกมา

“ เจ้า...ไปทำอะไรมาเนี่ย?”     เด็กชายผมดำพยายามกลั้นยิ้มเมื่อเห็นสภาพของอีกคน ใบหน้าใสมอมแมม เส้นผมสีเงินก็ยุ่งเหยิงแถมมีเศษใบไม้ติดอยู่ไม่ใช่น้อย ตามเนื้อตัวเสื้อผ้าก็มีแต่ฝุ่นผงติดเต็มไปหมด

“ ไม่ได้ทำอะไร....”      ถึงปากจะปฏิเสธแต่นัยน์ตาสีมรกตที่เสไปมองที่อื่นอย่างหลบเลี่ยงนั้นก็ทำให้จับพิรุธได้ทันทีว่าร่างเล็กๆตรงหน้านั้นโกหก และเขาก็ไม่จำเป็นต้องมองหาที่ไหนไกลว่าอีกฝ่ายไปทำอะไรมา ในเมื่อมีเศษขนของสัตว์บางประเภทติดอยู่ตามกิโมโนตัวเล็กนั่นเต็มไปหมด

คงจะไปไล่จับตัวอะไรหรือไม่ก็ช่วยตัวอะไรมาสินะ

เพราะโกคุเดระ ฮายาโตะก็เป็นแบบนี้ทุกที


“ ตายจริง...”      เสียงนุ่มนวลดังขึ้นอยู่ข้างหลังทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะหันกลับไปมอง...นายหญิงของที่นี่กำลังยกมือขึ้นปิดปากก่อนจะอุทานออกมาเมื่อเห็นสภาพลูกชายคนเล็กของตัวเอง

“ ท่านแม่”      และทุกครั้งที่เห็นผู้เป็นแม่ ร่างเล็กๆนั่นก็จะตรงเข้าไปกอดเอวอย่างไม่อายสายตาใคร

“ ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซะ ท่านพ่อของเจ้าเรียกให้ไปพบอยู่แน่ะ”     มือบางของนายหญิงประคองใบหน้าเล็กขึ้นมาอย่างไม่กลัวว่าจะสกปรกเลยแม้แต่น้อย ยามที่สองแม่ลูกอยู่ด้วยกันนั้นราวกับภาพวาด

ทำอย่างไรจึงจะละสายตาไปได้กันเล่า....



เสียงดาบไม้แหวกอากาศดัง ฟุ่บๆ ตามจังหวะที่ท่อนแขนหวดมันลงไป วันนี้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะฝึกซ้อมดาบเพียงลำพังอยู่ในโรงฝึก ทั้งๆที่ปกติจะต้องมีเจ้าลูกชายคนเล็กมาฝึกอยู่ด้วยกันตลอดแท้ๆ...ไม่รู้ว่ามีเรื่องอะไรหรือเปล่าเพราะตั้งแต่ตอนที่นายหญิงมาตาม ร่างเล็กบางนั่นก็ยังไม่กลับมา

แสงแดดยามเย็นเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อยๆ ดาบไม้ถูกเก็บเข้าที่เมื่อการฝึกซ้อมของวันนี้จบลง เด็กชายผมดำเดินออกจากโรงฝึก ในขณะที่ใช้ผ้าเช็ดหน้าเช็ดตาไปตามระเบียงทางเดิน เสียงพูดคุยของคนสองสามคนก็ดังแว่วเข้ามาในหู...และมันจะไม่ทำให้เขาสนใจถ้าจะไม่ใช่เรื่องของ โกคุเดระ ฮายาโตะ

“ ไม่รู้ว่าคราวนี้ไปทำอะไรเข้าอีก ดูท่านพ่อโกรธจริงจังถึงขั้นจะลงหวายเลยนะ...ยังไงก็ไปดูก่อนเถอะ หากเป็นเรื่องที่ท่านพ่อเข้าใจผิดอย่างน้อยพวกเราก็น่าจะพอช่วยแก้ต่างให้ฮายาโตะได้”       เป็นเสียงของพี่ชายคนกลางที่เดินเคียงข้างไปกับพี่ชายคนรอง สองคนยังคงพูดคุยด้วยใบหน้าวิตกและคงจะไม่ได้สนใจลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะที่แอบฟังอยู่ที่มุมผนัง

ที่หายไปตั้งนานนี่ก็เรื่องนี้เองงั้นหรอ....แต่เขานึกไม่ออกเลยนะว่าเจ้าลูกชายคนเล็กนั่นไปทำอะไรไว้ ในเมื่อก็อยู่กับเขาแทบจะตลอดเวลา

หรือว่ามันจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเขาหรือเปล่า?

ใบหูพยายามเงี่ยฟังว่าเจ้าเมืองอิสุจะลงโทษโกคุเดระที่ไหน และเมื่อรู้สถานที่เป้าหมาย ขาก็รีบก้าวไปหาทันที

หากว่ามันเกี่ยวข้องกับเขา เขาจะได้บอกเจ้าเมืองอิสุว่า โกคุเดระ ฮายาโตะ ไม่มีความผิดใดๆ

ถ้าจะมีคนผิด ก็คงจะเป็นเขาเอง...


เนินล้างโลหิต...คือชื่อของสถานที่ที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยืนประจัญหน้าอยู่ในขณะนี้...เท่าที่ได้ยินมาที่นี่คือลานประหารที่จะใช้สำหรับคนในตระกูลโกคุเดระเท่านั้น...มันมีไว้ใช้ตั้งแต่การลงโทษสถานเบาไปจนถึงขั้นประหาร เพราะฉะนั้นจึงเป็นสถานที่ที่ไม่ค่อยจะมีใครอยากมานัก

นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองหาร่างเล็กๆของโกคุเดระกับเจ้าเมืองอิสุตามที่ได้ยินพี่ชายสองคนพูดคุยกัน แต่ลานตรงหน้านั้นกลับว่างเปล่า

“ เฮอะ...พอเป็นเรื่องของฮายาโตะละก็ เสนอหน้ามาอย่างเร็วเลยนะ”     เสียงที่ดังขึ้นข้างหลังทำให้เด็กชายผมดำได้แต่ประหลาดใจ และเมื่อหันกลับไปมองก็เห็นบรรดาพี่ชายของโกคุเดระอยู่กันครบ....รวมถึงสองคนที่เขาเห็นว่ากำลังพูดคุยกันเรื่องทำโทษโกคุเดระนั่นก็ด้วย

ใบหน้าที่ยิ้มเยาะของสองคนนั้นทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะพอจะเดาได้แล้วว่าตนติดกับของพวกพี่ชายเข้าไปเต็มๆ

โกคุเดระ ฮายาโตะ ไม่ได้จะถูกทำโทษ แต่กลุ่มคนตรงหน้าอาศัยความเป็นห่วงของเขา ใช้เรื่องของร่างเล็กๆนั่นเพื่อหลอกล่อให้เขามาที่นี่

เจ้าเล่ห์แล้วยังหมาหมู่...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่เปลี่ยนไปเป็นเย็นชาจ้องมองพวกพี่ชายตรงหน้าด้วยสายตานิ่งสนิท พี่ชายคนโตก้าวมาข้างหน้าในมือมีดาบไม้ลากพื้นเป็นทางอย่างข่มขวัญ

“ ถ้าเจ้ายังแกล้งทำเป็นไม่รู้...พวกข้าก็จะย้ำใส่สมองของเจ้าให้ว่า....”     

“ ฮายาโตะเป็นสมบัติของพวกเรา คนที่มาจากตระกูลดำมืดแบบเจ้าอย่าได้มาแตะต้อง”      น่าแปลกที่น้ำเสียงนั้นไม่ได้กระโชกโฮกฮาก แต่ความนิ่งสนิทนั้นกลับมืดมนจนน่ากลัว

“ จากวันนี้ไปอย่าอยู่ใกล้ฮายาโตะอีก”      เสียงกดต่ำนั่นตั้งใจจะขู่ให้รู้ว่าเอาจริง เขาเพียงแค่ยิ้มที่มุมปากก่อนจะมองตรงไปในดวงตาของพี่ชายคนโตอย่างไม่กลัวเกรง

“ ข้าไม่จำเป็นต้องทำตามคำสั่งเจ้าและข้าจะเอาโกคุเดระ ฮายาโตะที่พวกเจ้ารักนักหนา เอาไปตาหน้าต่อตาพวกเจ้านี่แหละ”

ผลั๊วะ!!!

หมัดหนักๆซัดลงมาจนแก้มชา คอเสื้อกิโมโนถูกกระชากขึ้นไปอีกก่อนที่หมัดจะซัดลงมาที่ใบหน้าเขาอีกหลายครั้ง ทั้งๆที่ถ้าจะสู้เขาก็น่าจะทำได้

แต่ทำไปแล้วจะได้อะไร...

พวกนั้นตั้งใจจะข่มขู่เขา หากไม่ได้จับดาบประลองกันตัวต่อตัว สู้แบบหมาหมู่กันไปแบบนี้ก็ไม่มีประโยชน์

ร่างกายจึงได้แต่อยู่นิ่งๆให้พี่ชายต่อยให้พอใจ เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่มีวันคุกเข่าอ้อนวอนหรือวิ่งหนีแล้วยอมอยู่ห่างจากโกคุเดระ ฮายาโตะ อย่างที่พวกนั้นต้องการ

“ แค่ก....”      คอเสื้อกิโมโนลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะถูกปล่อย ทำให้ร่างทรุดลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้น สายตาที่เคยคมกริบเริ่มจะพร่ามัว ริมฝีปากขบกัดอย่างเจ็บใจ...เขายังยืนไหว...และเมื่อพยายามจะยืนขึ้น

ผลั๊วะ!!!

ดาบไม้ก็ฟาดลงมาที่หน้าท้อง...จุกจนลุกไม่ขึ้น....

“ ตอบมา! ว่าเจ้าจะเลิกยุ่งกับฮายาโตะ!”     ปลายดาบไม้จ่อมาที่ใบหน้า สันกรามของพี่ชายคนโตเริ่มจะขบกันอย่างระงับความโมโห ในเมื่อเขาไม่ได้ตอบโต้อะไรไปและไม่มีทีท่าว่าจะหนี คงจะเป็นคำตอบชั้นดีให้แล้วว่า ยังไงเขาก็จะไม่เลิกยุ่งกับน้องชายคนเล็กของพวกนั้น และหากยังต้องการคำยืนยัน...

“ ไม่...”       ใบหน้าคมที่มีแต่รอยฟกช้ำยิ้มเย้ยๆทั้งๆที่เลือดกลบปาก 

“ คงคิดละสิ ว่าตัวเองสำคัญ...จะบอกอะไรให้นะ สำหรับฮายาโตะ...เจ้าน่ะ ก็ไม่ต่างไปจากหมาแมวหลงทางหรอก เจ้าก็รู้นี่ว่าฮายาโตะชอบช่วยเหลือสัตว์บาดเจ็บพวกนี้”

ตึก.....

ราวกับมีเสียงอะไรบางอย่างดังก้องอยู่ในหัวใจ...สิ่งที่พี่ชายบอกทั้งรอยยิ้มเย้ยหยันนั่นคือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดถึงมาก่อน

“ ฮ่าๆๆ”     เสียงหัวเราะที่ดังมาจากบรรดาพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างหลังยิ่งทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ชะงักค้าง จากจิตใจที่แน่วแน่เริ่มสับสน นั่นเพราะเขาเองก็ไม่เคยรู้เลย...ว่าทำไมโกคุเดระถึงได้ทำดีกับเขา ทั้งๆที่ใครต่อใครที่นี่ต่างก็ชิงชังเขาแต่ร่างเล็กๆนั่นก็ยังคงเข้าข้างเขาอยู่

เพราะเขาเหมือนหมาถูกทิ้ง....?

ไม่จริง...มันต้องไม่ใช่แบบนั้น

จากใบหน้าและดวงตาที่กล้าเผชิญหน้ากับพี่ชายคนโตมาโดยตลอดกลับก้มลงมองพื้น สองมือสั่นระริกเพราะความคิดที่เริ่มสับสน ถึงจะเชื่อมั่นในความรู้สึกของตัวเองอย่างไร แต่เขาก็ไม่เคยรู้เลยว่า โกคุเดระ ฮายาโตะ คิดยังไงกันแน่

ทำไมถึงอยู่ข้างเขา

ทำไม?

เพราะอะไร?

มีแต่คำถามลอยอยู่ในหัว จิตใจเจ็บแปลบทั้งยังสั่นคลอน สมองก็เริ่มจะประมวลผลสับสนไปหมด...ทำไม...ทำไม.....ทำไม!!!

“ ท่านพี่!!! นี่พวกเจ้าทำอะไรกันน่ะ?!!

แต่แล้วในขณะที่สมองและหัวใจกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ เสียงใสที่คุ้นเคยก็ดังขึ้นท่ามกลางความแตกตื่นของพี่ชายคนอื่นๆ

“ ข้าถามว่าพวกเจ้าทำอะไรกัน?! ถอยไป!    มือเล็กแหวกร่างสูงของพี่ชายจนมองเห็นเขาจนได้ ใบหน้าน่ารักตกใจจนตาค้าง

“ ยามาโมโตะ!!”     สัมผัสนุ่มๆเย็นๆจากฝ่ามือเล็กจับมาที่สองแขนทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ค่อยๆเงยมองขึ้นไป....นัยน์ตาสีมรกตมองมาอย่างกังวลก่อนที่ใบหน้าเล็กจะหันกลับไปมองพวกพี่ชายอย่างโกรธจัด ริมฝีปากอ้าด่าพวกพี่ชายที่ยืนอยู่ตรงนั้นทันที

“ ไปซะ! ไม่งั้นข้าจะฟ้องท่านแม่! พวกเจ้ามันน่าผิดหวังจริงๆ ไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!”     เสียงใสตะโกนอย่างหัวฟัดหัวเหวี่ยง และคำว่าผิดหวัง ก็ทำให้พวกพี่ชายได้แต่หน้าถอดสี ทั้งๆที่พยายามจะเข้ามาแก้ตัวแต่ใบหน้าเล็กก็ไม่รับฟังอะไรอีกจนต้องยอมล่าถอยไปแต่โดยดี

“ นี่! เจ้าเป็นยังไงบ้าง ตอบข้ามาก่อนสิ นี่!”     มือเล็กยังคงลูบหน้าลูบตาเขาอย่างตื่นตกใจ ทั้งรอยฟกช้ำทั้งรอยเลือดทำให้ใบหน้าใสนั่นมีแต่ความกังวล

“ นี่!.....”     แล้วเสียงของโกคุเดระก็ค่อยๆจางหายไป พร้อมกับสติที่ยังไม่พร้อมจะรับรู้อะไรของเขาในตอนนี้....



แว่วเสียงจ๋อมๆของหยดน้ำที่ไหลจากผืนผ้าลงไปยังชามอ่าง แล้วไม่นานความเย็นที่วางแปะลงมาตามใบหน้าก็ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ฝ้าเพดานตรงหน้านั้นทำให้รู้ว่าเขากลับมานอนอยู่ที่ห้องของตัวเองแล้ว

และลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระก็กำลังนั่งบิดผ้าชุบน้ำแล้วเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้เขาอยู่ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงลอบยิ้มแล้วหาทางหยอกเย้าอีกฝ่ายเล่น

แต่เพราะคำพูดของพี่ชายคนโตยังคงดังก้องอยู่ในหัว....

ตอนนี้เขาเลยไม่แน่ใจ...ว่าร่างเล็กๆตรงหน้ากำลังคิดว่าช่วยหมาบาดเจ็บอยู่หรือเปล่า

“ เป็นไงบ้าง? เจ้านี่ก็จริงๆเลยนะ ทำไมไม่ต่อยสวนไปซัดหมัดสองหมัดล่ะ ถ้าเจ้าบอกว่าเจ้าสู้ไม่ได้ละก็ ข้าจะเขกมะเหงกให้”     ร่างเล็กยังคงพูดทีเล่นทีจริง และมันยิ่งทำให้ใบหน้าคมไม่อยากจะมองหน้า นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงเสไปมองทางอื่น...

ทั้งๆที่ข้าเป็นคนอื่นแต่ทำไมเจ้ายังเข้าข้างข้า แทนที่จะไปอยู่ข้างพี่ชายของตัวเอง...ทำไม...ทำไม...

และเมื่อคำถามมันเริ่มกลับมาครอบงำจิตใจทำให้ริมฝีปากเผลอพูดออกไป

“ ไม่ต้องมาสงสารข้า...ถ้ามันน่าสมเพชนักก็ไปอยู่กับพี่ชายเจ้าสิ”      มือที่เช็ดแขนให้อยู่ชะงักไปทันที นัยน์ตาสีมรกตมองหน้าอีกฝ่ายที่ยังคงหันไปทางอื่นอย่างที่ดูก็รู้ว่ากำลังหลบหน้า....เขาไม่รู้หรอกว่าไปเจออะไรมา แต่ยามาโมโตะกำลังดูถูกความรู้สึกของเขา....เขารู้แค่นั้น

“ สงสาร? อย่างข้าน่ะหรอจะสงสารเจ้า!”     คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างนึกหงุดหงิด ทำไมถึงได้ตีความการกระทำของเขาเป็นแบบนั้นไปได้

สงสารงั้นหรอ? สมเพชงั้นหรอ?

ทั้งๆที่ตลอดมาเขาคิดว่าอีกฝ่ายนั้นเท่าเทียมกัน  ไม่ได้ต่ำกว่าทั้งๆที่อยู่ในฐานะตัวประกัน....ที่หน้าอกซ้ายเจ็บปวดขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุเมื่อมองเห็นนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มองกลับมาด้วยสายตานิ่งสนิท...ริมฝีปากสีแดงขบกัดกันก่อนจะเอ่ยประชดประชันออกไป

“ จะเข้าใจยังไงก็เรื่องของเจ้า!...เพราะว่าข้าก็แค่ทำตามหน้าที่ของข้าเท่านั้นแหละ!

มือเล็กโยนผ้าลงไปในชามอ่างก่อนจะลุกออกจากตรงนั้นไป ปล่อยให้คนบาดเจ็บได้แต่นอนมองตาค้างอยู่แบบนั้น

ทั้งๆที่คิดว่าหากทุกสิ่งที่โกคุเดระทำไปจะเป็นแค่ความสงสารมันคงจะเจ็บปวดมากพอแล้ว แต่มันเทียบไม่ได้เลยที่ได้ยินคำว่า...ทำไปเพราะหน้าที่...ในเมื่อคำคำนี้เจ็บปวดยิ่งกว่าหลายเท่า

สงสารยังมีความรู้สึก....แต่หน้าที่นั้นหาได้ทำด้วยหัวใจไม่....


ทำไม...ถึงได้เจ็บขนาดนี้นะ...ที่หัวใจของเขา


.
.
.
.
.
.
.


ร่างเล็กๆค่อยๆทรุดลงเพราะแรงกระแทกที่หน้าท้องที่ทำเอาจุกจนลุกไม่ขึ้น ดาบไม้ถูกดึงออกไปก่อนจะฟาดลงมาอีกที ถึงจะขยับไม่ไหวแต่สันชาติญาณก็บอกให้รู้ว่าต้องหลบ...หากไม่หลบเขาตายแน่ เพราะเจ้าของดาบนั่นคงไม่มีวันหยุด

ดาบไม้เสียบลงไปทะลุพื้นโรงฝึกและมันอยู่ห่างจากลำคอเล็กๆไม่ถึงนิ้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ได้แต่เหลือบมองมันทั้งๆที่ยังสั่นระริกไปทั้งตัว ลมหายใจหอบหนักเหงื่อแตกพลั่กจนไหลลงมาตามข้างแก้มที่บัดนี้แดงระเรื่อเพราะใช้กำลังมากไป

เป็นแบบนี้ทุกวัน....

ทุกวัน....

ตั้งแต่ที่เขามาอยู่ที่นี่ ไม่ว่าจะบาดเจ็บเจียนตายยังไงคนตรงหน้าก็จะไปลากเขาออกมา...และซ้อมเขาตามอำเภอใจเพราะมันเรียกไม่ได้ว่าเป็นการฝึกดาบ

และจากทุกๆวันที่ผ่านมาเขาก็ได้เรียนรู้อย่างหนึ่งว่า...อีกฝ่ายเอาจริง

หากไม่หลบหรือไม่ลุกขึ้นสู้ก็คงโดนฆ่าตายคามือ

นัยน์ตาสีดำคู่นั้นไม่มีแม้แต่ครั้งเดียวที่จะมองเขาด้วยความปราณี มันมีแต่ความเย็นชาและคงจะเห็นเขาเป็นแค่เหยื่อที่เอาไว้เล่นสนุก

เพราะไม่ว่าจะยังไงเขาก็ไม่มีทางหนีไปไหนได้...คำว่า “ตัวประกัน” ยังคงค้ำคออยู่ทุกลมหายใจว่าต่อให้โดนทำอะไรยังไง เขาก็ต้องทนอยู่ที่นี่ เพราะหากเขาออกไปจากคามาคุระแม้แต่ก้าวเดียว ชีวิตของคนทั้งอิสุคง...

สายตาเหลือบไปมองดาบมากมายที่วางอยู่บนแท่นวางดาบที่ผนังโรงฝึก ปกติที่นี่จะใช้ดาบจริงในการฝึก แต่ฮิบาริ เคียวยะก็ใช้เพียงแค่ดาบไม้ในการเล่นสนุกกับเขา ทั้งๆที่เอาจริงแต่ก็ไม่คิดจะให้ตายสบายๆด้วยดาบเดียว...

ฝ่าเท้าที่มองเห็นจากมุมของคนที่นอนหอบอย่างหมดแรงอยู่ที่พื้นกำลังก้าวเดินจากไปโดยที่ไม่พูดอะไรตามเดิม...ลากเขามาซ้อมตามใจแล้วก็จากไปโดยไม่ถามซักคำว่าบาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า...ทำไม...หัวใจของคนคนนี้ทำด้วยอะไร...ทำไมมันถึงได้เลือดเย็นขนาดนี้

มือเล็กได้แต่กำแน่นอย่างเจ็บใจ หากมันจะไม่ใช่หลายต่อหลายเดือนที่โดนกระทำแบบนี้เขาคงพอจะทนไหว แต่เพราะถูกข่มเหงรังแกซ้ำๆทุกวันๆจนเก็บต่อไปไม่ไหว ฝ่ามือที่กำแน่นจึงจับดาบไม้ลุกขึ้นมาก่อนจะถลาเข้าไปหาอีกฝ่ายแล้วระบายมันออกไปด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่เก็บไว้ในใจ

ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระได้แต่หันมามองด้วยดวงตาเบิกขึ้นเล็กน้อยเพราะไม่คิดว่าร่างเล็กๆสะบักสะบอมนั่นจะยังลุกไหว และดาบไม้ก็ตวัดรับดาบของตัวประกันจากอิสุด้วยใบหน้าแสยะยิ้ม ฝ่าเท้ายกขึ้นไปยันร่างเล็กๆจนลอยไปกระแทกกับข้างฝาก่อนจะร่วงลงไปกองอยู่ที่พื้น

ใบหน้าคมหันไปมองด้วยสายตานิ่งสนิท และก่อนที่จะหันกลับไป เสียงแผ่วเบาแต่แฝงเอาไว้ด้วยความคับแค้นใจก็เอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีแดง

“ ทำไม...ทำไมเจ้าต้องทำแบบนี้ด้วย...มีความสุขนักหรือไงที่ได้รังแกข้า”     ร่างเล็กถามด้วยใบหน้าปวดร้าว ไม่ได้คิดว่าจะได้ยินคำปลอบใจใดๆ

ทว่า...ก็ไม่ได้คิดเช่นกัน...ว่าคำตอบที่ได้รับกลับมานั้นมันจะคือ...

“ ก็เพราะว่าเจ้าไม่ร้องไห้...น้ำตาแห่งความปราชัยคือสิ่งที่ข้าอยากเห็น”

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ได้แต่เบิกกว้างกับสิ่งที่ได้ยิน แผ่นหลังดำมืดนั่นเดินจากไปนานแล้วแต่ถ้อยคำที่ย่ำยีหัวใจยังคงดังก้องอยู่ในหัว...เพราะแบบนั้นใช่ไหมถึงได้เฝ้ารังแกเขา...คนคนนั้นคงจะรู้อยู่แล้วว่าเขาพยายามมากแค่ไหนที่จะไม่ร้องไห้ออกมาเพราะว่ามันเป็นศักดิ์ศรีเดียวที่เหลืออยู่

เพราะแบบนั้นจึงพยายามเหยียบย่ำศักดิ์ศรีของเขา...

มือเล็กได้แต่กำแน่น ริมฝีปากเม้มจนแทบจะเป็นเส้นตรง ทั้งโกรธ ทั้งแค้น ทั้งชิงชัง ทั้งเจ็บปวด ทุกๆอย่างมันถาโถมเข้ามาในจิตใจและฝังลึกเอาไว้ เขารู้ดีว่ามันกำลังค่อยๆหล่อหลอมให้เขากลายเป็นปิศาจชั่วร้าย ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมาท่านแม่ของเขาเอาแต่พร่ำสอนถึงการให้อภัย

แต่เขาจะทำได้ยังไงกัน...

เพราะตอนนี้ในใจมีเพียงความเคียดแค้นชิงชัง ทั้งผู้ชายคนนั้น...ฮิบาริ เคียวยะ...และตระกูลโกคุเดระที่ผลักไสให้เขาต้องมาอยู่ที่ขุมนรกแห่งนี้โดยที่พวกนั้นกลับอยู่อย่างมีความสุข

เกลียด...ข้าเกลียดพวกเจ้า!!

ร่างเล็กๆลุกขึ้นยืนช้าๆโดยที่ไม่สนใจว่าร่างกายจะบาดเจ็บยังไง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้แข็งกร้าวราวกับจะสาบานว่าจะไม่มีวันยอมแพ้คนที่ตนชิงชัง ก่อนที่ร่างทั้งร่างจะเดินออกจากโรงฝึกไป


นัยน์ตาสีดำสนิทของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระมองตามแผ่นหลังเล็กๆที่เดินออกมาจากโรงฝึกไปจนลับสายตา ก่อนที่แผ่นหลังในฮากามะสีดำจะเอนเพิงไปกับผนังข้างโรงฝึก ใบหน้าคมเงยขึ้นมองกิ่งซากุระที่บัดนี้มีแต่ใบสีเขียว....

กว่าพวกมันจะเบ่งบานกลายเป็นดอกไม้ที่งดงามนั้นต้องใช้ความพยายามขนาดไหนกันนะ

ริมฝีปากยกยิ้มทั้งๆที่ใบหน้ายังคงเย็นชา...

ถ้ากิ่งไม่หักไปเสียก่อน...สักวันเขาคงจะได้เห็น....ดอกไม้ที่เบ่งบานอย่างสง่างาม





ร่างเล็กๆของตัวประกันจากอิสุเปลี่ยนเสื้อผ้ากลับมาใส่กิโมโนตามปกติ ถึงตามเนื้อตัวจะมีแต่รอยฟกช้ำดำเชียวหรือรอยแผลเลือดซิบอยู่เป็นประจำแต่ร่องรอยเหล่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ผิวขาวใสลดความกระจ่างนวลเนียน ใบหน้าเล็กถึงจะมีรอยแผลบ้างแต่ก็ไม่ได้ลดความน่ารักน่าเอ็นดูลงไปเลย ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ยังคงกลมโตและมันคงจะสดใสกว่านี้ถ้าที่นี่ไม่มี ฮิบาริ เคียวยะ 

“ อ๊ะ ข้าทำเองได้เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”     ร่างเล็กเอ่ยออกมาเมื่อสาวใช้จะเอาเสื้อผ้าไปเก็บให้ มือเล็กที่เต็มเปี่ยมไปด้วยน้ำใจและความอ่อนโยนที่มีให้คนรอบกายนั้นทำให้ใครๆต่างหลงรัก เพียงแต่ทุกคนทำได้แค่เก็บมันเอาไว้ในใจ...ไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่งกับตัวประกันจากอิสุมากนักเพราะต่างก็รู้กันว่าร่างเล็กๆที่แสนดีนี่กำลังถูกหมายหัวโดยนายน้อยผู้โหดเหี้ยมของตน

ทุกๆวันจึงผ่านไปด้วยความโดดเดี่ยว เพื่อนเพียงชิ้นเดียวก็คือขลุ่ยที่แอบซุกซ่อนไว้ในอกเสื้อเท่านั้น

ทุกครั้งที่ได้สัมผัสเครื่องดนตรีมันทำให้จิตใจที่คลุ้มคลั่งเคียดแค้นกลับค่อยๆสงบลงและปิศาจร้ายที่ค่อยๆเกาะกินร่างกายก็จะค่อยๆถูกขับไล่ออกไป

เพราะฉะนั้น ทุกๆวันหลังจากที่กลับมาจากการต้องไปโดนคนคนนั้นกลั่นแกล้ง ร่างเล็กจึงมักจะแอบไปที่ห้องๆหนึ่งซึ่งมีเครื่องดนตรีหลายชนิดวางอยู่ ปลายนิ้วเรียวสัมผัสมันเบาๆ ถึงแม้จะไม่ได้เล่นแต่เพียงแค่ได้แตะต้องก็ทำให้หัวใจดวงน้อยมีความสุข

ใบหน้าน่ารักอมยิ้มเมื่อยืนอยู่ตรงหน้าโกโตะสีดำสนิท แต่ก่อนที่ปลายนิ้วจะแตะลงไป เสียงฝีเท้าที่เดินผ่านหน้าห้องมาก็ทำให้ตัวประกันจากอิสุรีบหลบเข้าไปในมุมอับของห้อง จากหน้าต่างชมจันทร์บานกลมทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้มองเห็นได้ว่าใครเพิ่งจะเดินผ่านหน้าห้องไป

ท่านหญิงมิซึโกะ...

คนคนนี้ก็เป็นอีกคนที่เขาไม่อยากพบ

ถึงจะอายุรุ่นราวคราวเดียวกันแต่ผู้หญิงคนนั้นกลับร้ายกาจ และหากเจอหน้ากันเขาก็มักจะโดนท่านหญิงคนนั้นถากถางอย่างเจ็บปวดอยู่เสมอ เพราะว่าเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของน้องชายเจ้าเมืองคามาคุระ นั่นก็คือพ่อของเธอมีศักดิ์เป็นอาของฮิบาริ เคียวยะ จึงทำให้ท่านหญิงที่นับได้ว่าเป็นลูกพี่ลูกน้องของผู้ชายคนนั้นเย่อหยิ่งและไม่กลัวใครซ้ำยังเอาแต่ใจ

เท่าที่เขาได้ยินมา รู้สึกว่าท่านหญิงจะมาจากสายตระกูลฮิบาริ....เพราะฉะนั้นจึงถูกจับให้หมั้นหมายมาตั้งแต่เกิดกับ


ยามาโมโตะ ทาเคชิ...ลูกชายคนรองของเจ้าเมืองคามาคุระที่มาจากสายตระกูลยามาโมโตะ...


.
.
.
.
.
.
.
.


สายลมพัดเอื่อยเฉื่อยปะทะใบหน้าคมที่เกยคางเอาไว้กับหน้าต่างชมจันทร์บานกลม นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองแมลงปอเกาะอยู่บนยอดหญ้าที่เอนไหวไปมาตามกระแสลม พยายามจะไม่คิดอะไร พยายามจะปิดหัวใจให้สนิทดังเดิม...

ในเมื่อมันคือหน้าที่ ข้าก็จะทำแค่หน้าที่ของข้าในฐานะตัวประกันเท่านั้นก็คงพอ

มือยันตัวเองขึ้นมาจากพื้นที่นั่งอยู่ ก่อนจะเปิดประตูเลื่อนออกไปด้วยใบหน้าเย็นชา เจ้ากระต่ายสีขาวยังคงเล็มหญ้าอยู่ในกรงตามเดิมโดยไร้เงาของเจ้าคนที่มักจะมานั่งเล่นอยู่กับมันเป็นประจำ จะว่าไปเมื่อเช้าก็ไม่ได้เข้ามาเรียนด้วยกัน ทั้งๆที่ฝ่ายที่ควรจะหลบหน้าน่าจะเป็นเขาเสียมากกว่า

เสียงฝีเท้าทำให้หันหน้าไปหา....นายหญิงของบ้านกำลังเดินด้วยท่าทางรีบๆใกล้เข้ามาเรื่อยๆ

“ ฮายาโตะไม่ได้อยู่กับท่านหรอกหรือ?”     ใบหน้างดงามหันไปหันมามองหาลูกชายคนเล็กของตน

“ ข้านึกว่าท่านจะไปกับเด็กคนนั้นด้วย ข้าจึงอนุญาตให้ออกไป”      ใบหน้าของนางดูกังวลแปลกๆทำให้อดไม่ได้ที่จะถามออกไป

“ เกิดอะไรขึ้น....”

“ เมื่อเช้าเค้ามาขอออกไปร้านยาในเมืองน่ะ เห็นบอกว่าท่านได้รับบาดเจ็บจากการฝึกซ้อม หมอประจำเมืองก็ไม่อยู่ในช่วงนี้ด้วยเลยจะไปซื้อยามาต้มเอง”     

ตึก....

เป็นเสียงที่ดังก้องอยู่ในแผ่นอกซีกซ้าย

เจ้าทำเกินกว่า “หน้าที่” ไปหรือเปล่า โกคุเดระ...

นายหญิงผู้ไม่รู้ความจริงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นยังคงพูดต่อไป ในดวงตาคู่สวยแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงอีกคนที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้

“ เด็กคนนี้นี่ซนจริงๆ ทั้งๆที่ท่านพ่อเค้าก็เรียกไปเตือนแล้วนะว่าช่วงนี้อย่าออกไปไหนตามลำพัง...อ้อ...ท่านเองก็ควรจะรู้เอาไว้นะ...หน่วยลาดตระเวนแจ้งเข้ามาว่า พบทหารรับจ้างของกลุ่มโยริฟุโยชิซึ่งเป็นคู่อริของเราเข้ามาเพ่นพ่านอยู่ในเมือง ไปไหนมาไหนท่านต้องระวัง...ท่านยามาโมโตะ?”     ใบหน้าคมได้แต่นิ่งค้างกับสิ่งที่เพิ่งเคยได้ยิน ทั้งๆที่รู้ว่าอันตรายแล้วยังจะออกไปเอายามาให้เขาอีก....

เจ้านี่มัน...

“ ท่านพอจะบอกได้ไหม ว่าร้านนั่นไปทางไหน”     ....ในเมื่อเจ้าอยากทำเกินกว่า “หน้าที่” เพราะเช่นนั้นข้าก็จะทำบ้าง

“ ข้าคงปล่อยให้ท่านออกไปตามลำพังไม่ได้”     นายหญิงมองหน้าเขาอย่างใช้ความคิดก่อนที่จะเอ่ยประโยคนั้นออกมาเพราะนางคงรู้ว่าเขาตั้งใจจะตามไป

“ ที่จริงแล้ว...เมื่อวานนี้ข้าทะเลาะกับโกคุเดระ...เพราะข้าเคยนึกสงสัย ว่าที่โกคุเดระทำดีกับข้าก็เพราะแค่ว่าสงสาร การที่เค้าช่วยเหลือข้าก็คงไม่ต่างอะไรที่กับการที่เค้ามักจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือสัตว์ที่ถูกทอดทิ้งพวกนั้น...”      ใบหน้าคมก้มลงในขณะที่เอ่ยออกไป ไม่รู้ว่าทำไมถึงยอมเล่าให้ผู้หญิงตรงหน้าฟัง

“ แต่ตอนนี้...ไม่ว่าโกคุเดระจะทำลงไปเพราะอะไรก็ช่าง จะเป็นเพราะสงสาร จะเป็นเพราะสมเพชหรือจะเป็นเพราะหน้าที่...จะเป็นเพราะอะไรก็ช่าง...ข้ารู้แค่ว่า เขาทำเพื่อข้า...เพราะงั้นข้าจะปล่อยให้เขาเป็นอันตรายได้ยังไง”     นัยน์ตาสีเปลือกไม้เงยขึ้นสบประสานไปในดวงตาคู่สวยของนายหญิงตรงๆ....และสายตาที่อ่อนโยนนั้นก็ทอดมองกลับมาพร้อมกับมือบางลูบลงมาที่หัวเบาๆ

“ ขอบใจท่านมากนะ....ขอบใจที่ท่านยอมให้อภัยฮายาโตะ...เดี๋ยวข้าจะเขียนแผนที่ให้....ฝากลูกชายของข้าด้วย”     ตอนนั้น...เขาก็แค่รับปากฝากฝังกับเรื่องเฉพาะหน้าโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่านางฝากเอาไว้ด้วยเรื่องอันใดกันแน่....

มือรับแผนที่มาแต่ก่อนที่ขาจะได้ก้าวเดินออกมาจากเรือน

“ ท่านยามาโมโตะ...”     เสียงเรียกของนางทำให้เท้าชะงักค้าง ใบหน้าคมหันกลับไปด้วยนึกว่านางจะสั่งอะไรอีก แต่ทว่าประโยคถัดมากลับยิ่งทำให้เขาอยากจะก้าวกระโดดไปอยู่ตรงหน้าเจ้าเด็กผมสีเงินซะเดี๋ยวนี้ให้รู้แล้วรู้รอด

“ เชื่อข้าสิ....ในเมื่อท่านไม่ได้เดินสี่ขา เพราะฉะนั้นท่านไม่ใช่หมาหรือแมว...แต่ท่านเป็นมนุษย์ และฮายาโตะก็ปฏิบัติกับท่าน มีความรู้สึกกับท่านเพราะท่านเป็นมนุษย์”




เรียวขาภายใต้ฮากามะสีดำล้วนเดินไปตามถนนที่สองฝั่งเต็มไปด้วยร้านรวงมากมาย ความจริงแล้วเขาก็เคยออกมาเดินที่นี่หลายครั้ง ต่างกันตรงที่ครั้งนี้เขามาคนเดียว ใบหน้าคมก้มลงมองแผนที่ในมือแล้วเดินตามไปเรื่อยๆ ย่านร้านค้าของอิสุถูกจัดอย่างเป็นระเบียบเพราะงั้นร้านยาที่ว่าเลยหาไม่ยากนัก

“ โกคุเดระ ฮายาโตะ มาที่นี่หรือเปล่า?”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเอ่ยถามเจ้าของร้านที่มองมาอย่างหวาดๆเพราะคงจะรู้ว่าเขาเป็นใคร

“ ขอรับ...”

“ ออกไปนานรึยัง?”

“ พอดีสมุนไพรที่จะใช้ค่อนข้างจัดยาก เพราะงั้นเลยเพิ่งออกไปเมื่อซักพักนี่เอง ถ้าท่านวิ่งตามไป....”     เจ้าของร้านยังไม่ทันพูดจบประโยคเขาก็พยักหน้าให้ก่อนจะเดินออกมา ขาก้าวในจังหวะที่เร็วขึ้นรวมทั้งสายตาก็สอดส่องมองหาแผ่นหลังเล็กๆนั่น

แต่ไม่ว่าที่ไหนๆก็ไม่มี..ทั้งๆที่เป็นคนซึ่งโดดเด่นออกขนาดนั้น...

ยิ่งห่างออกมาจากย่านร้านค้า คนก็จะยิ่งบางตาขึ้นเรื่อยๆ ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะหันซ้ายแลขวา...จะเดินกลับไปหาดูอีกรอบดีไหมนะ เผื่อว่าร่างเล็กๆนั่นจะแวะซื้ออะไรอีก....ในขณะที่ฝ่าเท้าเตรียมจะหันกลับไปมันก็ดันไปสะดุดอะไรเข้าเสียก่อน ใบหน้าคมจึงก้มลงไปดูแล้วก็พบว่ามันคือ

ห่อยา....

มือหยิบขึ้นมาดูชัดๆ ที่ข้างห่อมีตราของชื่อร้านที่เขาเพิ่งจะไปมาอยู่

และที่ใบเสร็จรับเงินก็มีตราประทับของตระกูลโกคุเดระ....

ไม่ผิดแน่ นี่คือห่อยาของโกคุเดระ ฮายาโตะ...แล้วทำไมมันถึงมาตกอยู่แถวนี้ ห่อยาใช่ว่าจะเล็กๆไม่มีทางที่จะตกโดยที่ไม่รู้ตัวแน่

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เงยขึ้นไปมองตรอกมืดๆที่แยกออกไปจากทางสายหลักที่อยู่ตรงหน้า...เป็นไปได้ว่า...

ขาก้าวเดินเข้าไปพร้อมกับมือที่กระชับดาบที่เอวมั่น ดีจริงๆที่เอามาด้วย..ดาบประจำกายของเขา



“ อื้อๆๆๆๆ”      ใบหน้าเล็กที่ถูกมือใหญ่ๆปิดปากเอาไว้พยายามดิ้นอย่างเอาเป็นเอาตาย เส้นผมสีเงินสะบัดไปมายิ่งทำให้ชายร่างสูงพยายามจะจับมือเล็กๆที่ต่อต้านอย่างเต็มที่นั้นเข้าไว้ด้วยกัน

“ อ่อยอ๊ะ!!!”     ถึงจะรู้ว่าสั่งไปก็ไม่มีประโยชน์แต่เจ้าของนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวก็ยังไม่ยอมละความพยายามที่จะสะบัดตัวให้หลุด ร่างเล็กๆถูกจับกดลงกับพื้นก่อนที่มือใหญ่จะพยายามแย่งชิงตราประทับไป แต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร ประกายคมกล้าของอาวุธที่คุ้นเคยดีก็สว่างแว่บเข้ามาทางหางตา

เคร้ง!!!!

คมดาบปะทะคมดาบ แสงที่สะท้อนผ่านเข้ามาในดวงตาทำให้เห็นผู้มาเยือน

“ ยามาโมโตะ!!”     ร่างเล็กลุกขึ้นจากพื้นเมื่อเป็นอิสระ ร่างกายที่ยังสั่นสะท้านด้วยความตื่นตระหนกนั้นถูกแผ่นหลังของคนที่คุ้นเคยก้าวเข้ามาขวางระหว่างตนกับชายผู้ที่ใช้ผ้าคลุมหน้าเอาไว้

“ นั่นคือคนของโยริฟุโยชิ ตามที่แม่เจ้าบอกงั้นหรอ”    เด็กชายผมดำกระซิบถามร่างเล็กที่หลบอยู่ข้างหลัง คมดาบในมือของเด็กชายชี้ตรงไปข้างหน้าอย่างที่ไม่ลังเลเลยถ้าจะต้องสังหารคนตรงหน้า นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนจ้องเขม็งไปที่ร่างในชุดสีดำ....ถ้าเขามาช้ากว่านี้...จะเกิดอะไรขึ้นกับโกคุเดระ ฮายาโตะกัน....แค่คิดก็เผลอกัดริมฝีปากจนเลือดซิบ

“ ข้าก็ไม่แน่ใจ...”     ที่บอกว่าไม่แน่ใจคงเป็นเพราะอีกฝ่ายปิดหน้าปิดตาแบบนั้นสินะ

ประกายแวววาวของคมดาบแล่นปลาบเข้าสู่ดวงตา ทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะไม่มีเวลาสนใจอะไรมากมายนัก ร่างในชุดดำตรงเข้ามาหาทำให้ดาบในมือเด็กชายตวัดออกไปทันที ถึงแม้คู่ต่อสู้จะเป็นผู้ใหญ่แต่เพลงดาบสายยามาโมโตะก็น่าจะเอาชนะได้

เคร้ง เคร้ง...

ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะใช้เพลงดาบทั้งรุกทั้งรับ แต่น่าแปลกที่อีกฝ่ายกลับเข้าใจกระบวนท่าเป็นอย่างดี ทุกๆครั้งที่ร่างนั้นโถมเข้ามาก็เหมือนจะพยายามเปิดช่องว่างทางด้านหลังของเขาเท่านั้น  ใบหน้าคมได้แต่ครุ่นคิดอย่างสงสัย

และในจังหวะที่ชายในชุดดำกำลังจะก้าวผ่านหน้าเขาไป ปลายเท้าก็ตวัดยื่นไปขวางเอาไว้ทำให้อีกฝ่ายล้มลงกับพื้น ปลายดาบสะกิดผ้าปิดหน้าออกทำให้เห็นเสี้ยวหน้าเพียงน้อยนิด...แต่แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...

หมอนั่น...เป็นคนของตระกูลยามาโมโตะ....

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เบิกค้าง ร่างทั้งร่างนิ่งงันจนทำให้อีกฝ่ายลนลานวิ่งหนีไปจนได้

“ มันหนีไปแล้ว!”     ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระชี้นิ้วไปยังแผ่นหลังที่วิ่งออกจากตรอกไปไวๆ ใบหน้าเล็กหันมาหาลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะราวกับจะเรียกให้วิ่งตามไป

“ โกคุเดระ”     แต่มือของเด็กชายผมดำกลับจับมือเล็กๆเอาไว้ ใบหน้าใสจึงได้แต่หันมามองอย่างสงสัย

“ อย่าตามไป...หมอนั่นเก่งมาก เราสู้ไม่ได้หรอก ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหน่วยลาดตระเวนของเจ้าดีกว่า”     ร่างเล็กๆยอมหยุดเพราะคงคิดว่าเขาที่ได้ประมือกับชายชุดดำนั่นคงจะรู้ว่าสู้ไม่ได้...แต่ที่จริงแล้วไม่ใช่...เขารู้จักชายคนนั้นดี เพราะเป็นหน่วยลอบสังหารของพ่อของเขาเอง และหมอนั่นก็ฝีมือไม่ธรรมดาเลย ที่หมอนั่นไม่ลงมือก็เพราะว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือเขา

และเขาก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่จะต้องไปจับตัวคนของตัวเองกลับมาให้ตระกูลโกคุเดระลงโทษด้วย ขอเพียงร่างเล็กๆที่เขาจับมือเอาไว้ปลอดภัยเท่านั้นก็พอ

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เหม่อมองไปตามทางที่ชายคนนั้นวิ่งไป อะไรบางอย่างมันกำลังรบกวนจิตใจ

ท่านพ่อ...ท่านคิดจะทำอะไรกันแน่ ถึงได้ส่งคนเข้ามาแบบนี้

พวกท่านคงไม่คิดที่จะหยุด ทั้งๆที่มีตัวประกันอย่างข้าอยู่ที่นี่งั้นสินะ

“ ห่อยาของข้า!”    เสียงใสทำให้หลุดออกมาจากภวังค์ ร่างเล็กๆกำลังก้มลงไปหยิบห่อยาขึ้นมาถือไว้ด้วยความทะนุถนอม ทุกๆอย่างล้วนอยู่ในสายตาของยามาโมโตะ

“ อ๊ะ ข้า...ก็แค่ทำตามหน้าที่ของข้าเท่านั้น ข้าเป็นผู้ดูแลเจ้าเพราะงั้นจะปล่อยให้บาดเจ็บก็ไม่ได้ใช่ไหมล่ะ”     ใบหน้าเล็กหันไปอีกทางอย่างพยายามซุกซ่อนความจริงเอาไว้...ก่อนหน้านี้เขาถือเป็นจริงเป็นจังเพราะยังไม่รู้นิสัยของอีกฝ่าย แต่ตอนนี้กลับไม่ถือสาหาความเพราะรู้ว่า โกคุเดระ ฮายาโตะก็แค่ปากไม่ตรงกับใจ

เพราะคงไม่มีใครหน้าไหนที่คิดว่าหน้าที่สำคัญกว่าชีวิตตัวเองแบบนี้หรอก

มือเอื้อมไปจับมือเล็กก่อนจะออกเดินนำ ริมฝีปากสีแดงของโกคุเดระยังคงเม้มแน่นทั้งๆที่นัยน์ตาสีมรกตกลมโตคู่นั้นลอบมองเขาอยู่ตลอดเวลา คงอยากจะพูดอะไรแต่เพราะยังงอนอยู่สินะจึงไม่ยอมเอ่ยออกมา

ขาหยุดลงที่ริมแม่น้ำ มือที่จับมือเล็กอยู่ฉุดให้โกคุเดระนั่งลงบนผืนหญ้าหน้าผืนน้ำ สายลมเอื่อยเฉื่อยพัดให้เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวน้อยๆ หลังจากปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระ มือของยามาโมโตะจึงดึงห่อยาเอามาถือไว้แทน

ยังคงมีเพียงเสียงน้ำไหลโดยที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมา

“ ละ แล้วแผลเจ้าล่ะ น่วมไปทั้งตัวแบบนั้นยังจะมีหน้าออกมาเดินอีกนะ!”     กลายเป็นร่างเล็กที่เอ่ยพูดออกมาก่อน

“ ไม่เป็นไรมากหรอก มีทั้งยาดี ทั้งพยาบาลดี อีกไม่กี่วันก็หายแล้ว”    สาบานได้ว่าคำพูดเย้าแหย่แบบนี้เขาพูดกับคนที่นั่งข้างๆนี่แค่คนเดียวเท่านั้น มือแกะกระดาษห่อยาชั้นนอกออกมาชั้นหนึ่งก่อนจะก้มหนาก้มตาพับอะไรบางอย่าง

“ ข้าขอโทษนะที่สงสัยในความรู้สึกของเจ้า....เพราะเจ้าเป็นแบบนี้ เพราะเจ้าใจดีข้าเลยคิดว่าบางที...เจ้าอาจจะเห็นข้าเป็นแค่หมาตัวนึงที่ต้องช่วยเหลือ”     ถึงจะก้มหน้าพับกระดาษอยู่แต่เขาก็เห็นจากทางหางตาว่าโกคุเดระหันมามองด้วยดวงตาเบิกกว้างก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไป

“ จะบ้ารึไง ข้าเคยคิดแบบนั้นที่ไหน ในสายตาข้าเจ้ามันก็มีแขนมีขาไม่ได้ต่างไปจากข้าสักนิด”    ใบหน้าคมอมยิ้มกับประโยคห้วนๆของคนข้างๆ

“ ฮึ! อีกอย่างเจ้าก็ไม่ได้น่ารักเหมือนหมาแมวพวกนั้นซักนิด!  เอ๊ะ?!”     ท้ายประโยคกลายเป็นเสียงอุทานเมื่อเขายื่นกังหันเล็กๆจากกระดาษห่อยาที่พับอยู่เมื่อครู่ไปให้

นัยน์ตาสีมรกตกลมโตระยิบระยับเมื่อมองกังหันอันน้อย มือเล็กรับมันไปก่อนที่ปลายนิ้วจะเขี่ยให้มันค่อยๆหมุนไปตามสายลมที่พัดมาอย่างเอื่อยเฉื่อย รอยยิ้มน้อยๆจากริมฝีปากสีแดงคือภาพที่ทำเอาหัวใจของเขาเต้นแรง จากนี้ไปเขาจะไม่สงสัยจะไม่เก็บมาคิดอีกว่าโกคุเดระทำทุกอย่างไปเพื่ออะไร

เพราะไม่ว่าเจ้าจะเห็นข้าเป็นเช่นไร...จุดอ่อนเพียงหนึ่งเดียวในหัวใจ...ที่ข้ายอมให้มีได้ก็คือ...เจ้า...เท่านั้น


.
.
.
.
.
.
.


ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุค่อยๆยื่นหน้าออกมาจากห้องที่เก็บเครื่องดนตรีก่อนจะหันซ้ายแลขวา เมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของใครสักคนเท้าเล็กจึงค่อยๆย่องออกมา ฝ่ามือค่อยๆดันประตูเลื่อนให้ปิดลงอย่างเงียบเชียบ ร่างในกิโมโนสีโอสรเรียบๆเดินอย่างระแวดระวังไม่ให้ใครมาพบเข้า จนกระทั่งห่างจากห้องนั้นมาพอสมควรจึงเริ่มกลับมาเดินในจังหวะปกติ

ใบหน้าน่ารักถอนหายใจอย่างโล่งอก....ที่เขาต้องทำลับๆล่อๆนั่นก็เพราะพอจะรู้มาบ้างจากพวกข้ารับใช้ ว่าห้องๆนั้นเป็นห้องต้องห้าม...ถึงจะไม่ได้ปิดตายลงกุญแจแต่อย่างใด แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้...ส่วนสาเหตุจะเป็นเพราะอะไรนั้นเขาเองก็ไม่รู้ และไม่ใช่ว่าจะไม่ถาม แต่ไม่ว่าใครก็ไม่มีใครกล้าเอ่ยปากบอกเขาสักคน

เหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง

ถึงจะรู้แบบนั้น ถึงจะรู้ว่ามันต้องห้าม แต่คนที่อยู่กับเครื่องดนตรีมาตั้งแต่เกิดแบบเขาคงไม่มีวันอดใจที่จะไม่แตะต้องได้...มันก็เหมือนกับมนุษย์ผู้หิวโหยในเมื่อเห็นอาหารวางอยู่ตรงหน้าต่อให้ผิดยังไงก็คงจะเอื้อมมือออกไปคว้ามาจนได้

จะว่าไปเขาก็สังเกตเห็นความแปลกประหลาดของคฤหาสน์เจ้าเมืองคามาคุระตั้งแต่ครั้งแรกที่เหยียบย่างเข้ามา เพราะไม่ว่าจะมุมไหนของบ้านก็ไม่มีเครื่องดนตรีเลยแม้แต่ชิ้นเดียว ไม่มีแม้แต่เสียงฝึกซ้อมดนตรีทั้งๆที่ที่นี่มีหญิงสาวอยู่ไม่น้อย มันช่างเป็นสถานที่ที่เงียบงันราวกับว่ามันจมอยู่ในความมืดมิดที่แม้แต่เสียงเพลงก็ส่งเข้าไปไม่ถึง

ไม่เข้าใจ...ว่าคนที่นี่อยู่มาได้อย่างไร...ในบ้านที่เย็นชาเช่นนี้

“ ข้าว่าท่านอย่าเอาสิ่งนั้นออกมาให้ใครเห็นจะดีกว่า”

นั่นคือคำพูดของสาวใช้ที่บังเอิญเห็นเขาเอาขลุ่ยออกมาเช็ดในช่วงวันแรกๆที่มาถึงที่นี่ นางพูดออกมาพรางมองไปที่ขลุ่ยเลานั้นด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยความกังวลจนคล้ายกับหวาดผวา...และนั่นมันก็ทำให้เขาคิดได้ว่า คงจะมีใครในบ้านหลังนี้ที่ไม่ชอบเสียงดนตรี...

เพราะฉะนั้นเขาจึงต้องแอบเล่นมันในที่ที่จะไม่มีใครพบเห็น...

ร่างเล็กๆหยุดยืนอยู่ที่ใต้ต้นซากุระซึ่งบัดนี้มีแต่ใบเขียวขจี กิ่งก้านกว้างใหญ่ไพศาลยื่นอยู่เหนือสระน้ำใสจนมองเห็นปลาคราฟสีส้มว่ายวนเวียนอยู่เบื้องล่าง...หากเป็นวันที่ซากุระบาน ที่นี่คงงดงามตระการตาเป็นแน่

ตัวประกันจากเมืองอิสุก้าวขาเข้าไปนั่งหลบอยู่ระหว่างรากอันใหญ่ที่โผล่พ้นดินขึ้นมา แผ่นหลังเอนพิงผิวขรุขระสีน้ำตาลเข้มเอาไว้ก่อนจะทอดสายตามองท้องฟ้าที่อยู่ไกล

เด็กคนนั้น...จะเป็นยังไงบ้างนะ....

อย่างน้อยๆเจ้าของผมสีเงินนั่นมันก็เป็นความทรงจำที่ดีเพียงอย่างเดียวที่ทำให้เขาอยากจะปกป้องบ้านใหญ่ในอิสุเอาไว้

อธิษฐานสิ

อธิษฐานอย่างงั้นหรอ....

ใบหน้าเล็กได้แต่อมยิ้มเมื่อนึกถึงน้ำเสียงตื่นเต้นที่พูดคำคำนั้นออกมา และไม่ว่าเมื่อไหร่ที่เขาเห็นดาวตก เสียงใสนั่นก็จะก้องกังวานอยู่ในใจไม่รู้ลืม

มือเล็กหยิบขลุ่ยที่ซุกซ่อนเอาไว้ในอกเสื้อออกมา ถ้าเป็นที่นี่คงจะไม่เป็นไร

ริมฝีปากจึงแนบลงไปก่อนจะทำให้เสียงเพลงสดใสแว่วหวานลอยไปตามสายลม...โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าใครบางคนกำลังก้าวขาเข้ามาหาด้วยรังสีอำมหิตที่ไม่คิดจะปิดบัง

“ อ๊ะ?!”     ขลุ่ยในมือเล็กถูกกระชากออกไปและเมื่อเงยหน้ามองก็ต้องนัยน์ตาเบิกกว้าง

คนที่ยืนค้ำหัวอยู่คือ ฮิบาริ เคียวยะ...

“ ทิ้งมันไปเดี๋ยวนี้ แล้วจากนี้ไปห้ามจับมันให้ข้าเห็นอีก”      น้ำเสียงนิ่งเอ่ยออกมาพร้อมกับดวงตาสีดำที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่แค่คำขู่ให้กลัว

ใบหน้าเล็กได้แต่มองตอบกลับไปอย่างไม่เข้าใจ ทำไมกันล่ะ? แค่เครื่องดนตรีชิ้นเล็กๆทำไมเขาถึงจะเก็บมันเอาไว้ไม่ได้ คนอื่นอาจจะคิดว่ามันคือขลุ่ยธรรมดาที่ไม่มีราคาค่างวดอะไร แต่มันคือขลุ่ยที่ได้มาจากท่านแม่ของเขา เพราะฉะนั้นสำหรับเขาแล้วมันคือของที่มีค่ายิ่งกว่าอะไรเสียอีก

ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระทำท่าจะโยนขลุ่ยนั่นลงน้ำ ทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ถึงกับเบิกกว้าง ร่างกายขยับเข้าไปดึงรั้งแขนแข็งแรงเอาไว้ทันที

“ หยุดนะ นั่นเจ้าจะทำอะไร ห้ามทิ้งขลุ่ยของข้านะ เอาคืนมา!”     ร่างเล็กตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก คนตรงหน้าจะกลั่นแกล้งยังไงเขาก็ทนได้....แต่ไม่ใช่เรื่องนี้

และยิ่งมือเล็กพยายามเอื้อมคว้ามันมากเท่าไหร่ เด็กชายผมดำก็ยิ่งโมโหมากยิ่งขึ้นเท่านั้น...เขาเกลียดเครื่องดนตรีทุกชนิด...เกลียดเสียงที่มันทำให้นึกถึงใครบางคนที่จนสุดท้ายแล้วก็ทิ้งเขาไปเพราะไอ้สิ่งของบ้าๆพวกนี้

“ เอาคืนมา!!”    

แขนแข็งแรงผลักร่างเล็กที่พยายามจะเข้ามาคว้าขลุ่ยจนล้มลงไป แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งร่างเล็กๆนั่นก็จะยังลุกขึ้นมาแล้วพยายามคว้าเอามันกลับไปจนทำให้เส้นความอดทนของฮิบาริ เคียวยะขาดผึง

ยิ่งคนตรงหน้าแสดงว่าสิ่งของที่เขาชิงชังนั่นสำคัญเท่าไหร่เขาก็มีแต่จะยิ่งเกลียดมันเข้าไส้จนอยากจะทำลายไม่ให้เหลือชิ้นดี

แล้วแทนที่จะโยนลงน้ำไป มือที่ถือขลุ่ยไว้กลับเหวี่ยงมันลงไปที่พื้นดิน ร่างเล็กๆนั่นตามไปหมายจะคว้าเอาไว้แต่ก็ยังช้ากว่าขาของเขาที่ก้าวตามไป

“ อย่า!!!”     ร่างเล็กตะโกนสุดเสียง แต่ไม่ว่าใครก็หยุดอารมณ์ร้ายของว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระไม่ได้

ฝ่าเท้าจึงเหยียบลงไปบนเลาขลุ่ยจนหักเป็นสองท่อน


หักออกจากกัน....ไปต่อหน้าต่อตาคนที่รักมันยิ่งกว่าดวงใจ...


“ ไม่....ทำไม...”     ร่างเล็กๆทรุดลงตรงหน้าขลุ่ย สองมือสั่นระริกเอื้อมออกไปแต่ก็ไม่กล้าแตะ...และนั่นคือครั้งแรก....

ที่ ฮิบาริ เคียวยะ ได้เห็นน้ำตาของคนตรงหน้า

น้ำใสๆไหลลงมาที่สองแก้ม ใบหน้าเล็กเต็มไปด้วยความเจ็บปวด สองมือยังคงสั่นสะท้านอยู่เหนือเลาขลุ่ย ที่ไม่แตะลงไปเพราะยังไม่อยากจะเชื่อสายตา ว่าคนคนนั้นจะทำลายของสำคัญของเขาได้ลงคอ ทั้งๆที่ห้ามจนเหมือนคนบ้าขนาดนั้นแต่ผู้ชายคนนั้นก็ยังทำได้ลง...ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นแต่ไม่ว่าจะพยายามอย่างไรน้ำตาก็ไม่ยอมหยุดไหล

ของดูต่างหน้าเพียงชิ้นเดียวถูกทำลายไปต่อหน้าต่อตา...ในใจเจ็บแปลบจนแทบขาดใจ....ใบหน้าได้แต่ก้มลงจนน้ำตาหยดลงไปบนเลาขลุ่ย ลมหายใจเริ่มติดขัดจนต้องยกมือขึ้นมากุมหน้าอกเอาไว้...เจ็บ...มันเจ็บยิ่งกว่าโดนซ้อมทุกๆวันนั่นไม่รู้ตั้งกี่เท่า

แล้วทำไมเขายังจะต้องทนต่อไปอีก กับคนไร้หัวใจพรรณนี้

ร่างเล็กค่อยๆลุกขึ้นยืน ก่อนจะหันไปมองหน้าอีกคนทั้งน้ำตา

“ อยากเห็นนักใช่ไหม...น้ำตาของข้าน่ะ...อยากเห็นนักใช่ไหม! สมใจเจ้าแล้วสิ!!

เพี๊ยะ!!!

มือเล็กตบลงไปที่ใบหน้าคมจนหน้าหัน เพราะไม่ทันตั้งตัวหรือตกใจกับหยาดน้ำตาที่ไม่คิดว่าจะได้เห็นนั่นก็ไม่รู้ แต่คนอย่าง ฮิบาริ เคียวยะ มีหรือจะยอมให้ใครมาหยามเกียรติด้วยการตบหน้าเขาเช่นนี้

ใบหน้าคมหันกลับไปทั้งๆที่เลือดไหลที่มุมปาก นัยน์ตาสีดำอำมหิตจ้องมองลงไปในดวงตาสีน้ำตาลไหม้แข็งกร้าว ก่อนที่มือจะคว้าไปที่ข้อมือเล็กแล้วบีบเต็มแรง ถึงจะเจ็บแต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมร้องออกมาง่ายๆ และนั่นมันยิ่งทำให้อารมณ์ร้อนยิ่งโหมกระหน่ำเข้าไปอีก

มือเหวี่ยงร่างเล็กๆจนเซถลาแล้วตกลงไปในสระน้ำทันที แรงเหวี่ยงอย่างไร้ปราณีนั่นทำให้ร่างเล็กได้แต่สำลักน้ำ ทั้งใบหน้าและเนื้อตัวเปียกปอนไปหมดแต่ว่าที่เจ้าเมืองคามาคุระก็ยังไม่ยอมปล่อย มือโหดร้ายคู่นั้นยังตามลงมากระชากตัวเล็กๆให้ขึ้นจากน้ำ

ขาก้าวด้วยความเร็วทั้งๆที่คนถูกลากยังไม่ทันจะได้หายใจหายคอ ใบหน้าเล็กที่เพิ่งจะจมน้ำมาไอจนเจ็บไปทั้งแผ่นอก ลมหายใจก็ปรับไม่ทัน สภาพของเขาตอนนี้นั้นคงน่าสมเพชจนคนที่เดินผ่านมาต่างมองด้วยสายตาตกตะลึง

แต่ผู้กระทำก็ยังไม่ยอมหยุด

เด็กชายผมดำยังคงใช้แรงลากบังคับให้ร่างเล็กก้าวขาตามมา ถึงจะทรมานขนาดไหนแต่มือที่ราวกับคีมเหล็กนั่นก็ทำให้ต้องกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไป

มือเปิดประตูเลื่อนออกก่อนจะเหวี่ยงร่างเล็กลงไปกองอยู่บนพื้นเสื่อทาทามิ ตัวประกันจากอิสุหอบหายใจหนักหน่วงจนน่ากลัว สายตาพร่ามัวจนคิดว่าสติกำลังจะหายไปและเขาคงจะตายในไม่ช้า แต่ทว่า มือแข็งแรงนั่นก็ยังไม่ยอมปล่อยให้เขาสบาย ฮิบาริ เคียวยะยังคงกึ่งลากเขาไปยังหน้าแท่นอันหนึ่งในห้องนั้น

และเมื่อปรับสายตามองดูให้ดีๆ สิ่งที่อยู่ตรงหน้าของเขาก็คือ...โกโตะสีดำ

“ เล่นมันเดี๋ยวนี้...และอย่าหยุดจนกว่าข้าจะสั่ง”     น้ำเสียงเหี้ยมออกคำสั่ง ใบหน้าน่ารักเงยมองอีกฝ่ายด้วยแววตาแข็งกร้าวและไม่คิดที่จะทำตาม

พอกันที...

เขาทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว จะฆ่าจะแกงยังไงก็เชิญ

และพอเห็นว่าเขาไม่ยอมทำตาม ร่างสีดำนั่นก็เดินไปที่แท่นข้างๆ...ฮิบาริ เคียวยะ ในเวลานี้ดูน่ากลัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ...

โครม!!!

ซอญี่ปุ่นที่ตั้งอยู่บนนั้นถูกทอนฟาอาวุธประจำกายที่คนคนนั้นใช้ได้ดียิ่งกว่าดาบฟาดจนพังยับคามือ นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เบิกกว้างอย่างเข้าใจความหมายที่อีกฝ่ายกำลังจะบอก

ถ้าเขาไม่ทำตามคำสั่ง เครื่องดนตรีทั้งหมดในห้องนี้คงจะถูกทำลายไม่เหลือชิ้นดีแน่...

เหมือนขลุ่ยของเขา....

ทั้งๆที่มันไม่ใช่ความผิด...ของพวกเจ้าเลยสักนิด....


ใบหน้าน่ารักก้มลงก่อนจะยกสองมือขึ้นวางบนสายของโกโตะด้วยสายตาเลื่อนลอย...เขาปล่อยให้พวกมันถูกทำลายไม่ได้....

เขาไม่ได้ไร้หัวใจ...เหมือนคนตรงหน้า...


ไม่ว่าจะเป็นเสียงดนตรีหรืออะไรก็คงไม่อาจแทรกลงไปในจิตใจของเจ้าได้เลยสินะ

สักวัน...ในใจที่ดำมืดของเจ้านั้น จะมีข้าอยู่บ้างหรือไม่

ใบหน้าน่ารักยิ้มฝืนๆให้กับตัวเอง ยังจะหวังอะไรอยู่อีก ในเมื่อคำตอบมันออกจะชัดเจน


....ไม่มี.....


ปลายนิ้วบรรเลงเพลงที่แสนเศร้าสร้อยดังก้องกังวานไปทั่วเรือนเจ้าเมือง...

และเสียงก็ดังอยู่แบบนั้นทั้งวัน...ทั้งคืน...




สายตามันพร่ามัวไปหมด ร่างกายก็แทบจะทรงตัวไม่ไหว ปลายนิ้วก็เจ็บแสบเพราะหยาดเลือดชโลมอยู่ทั่วเส้นเสียงเล็กๆนั่น สายของโกโตะขาดไปตั้งไม่รู้กี่สาย จากบทเพลงที่เคยไพเราะกลับขาดๆหายๆ ท่วงทำนองแหว่งเว้าจนกลายเป็นเสียงที่หลอนเข้าไปจนถึงก้นบึ้งของจิตใจ

คนทั่วทั้งคฤหาสน์ต่างตกอยู่ในอำนาจความสะพรึงกลัวเพราะเสียงดนตรีที่ดังออกมา อยากจะเอามืออุดหู อยากจะก้าวเข้าไปกระชากร่างเล็กๆที่เล่นอยู่นั่นให้หยุดลงเสียที แต่ก็ไม่มีใครกล้าทำเพราะคนออกคำสั่งโหดร้ายนั่นยังคงยืนเฝ้าอยู่ที่หน้าห้อง

ไม่เคยเห็น ฮิบาริ เคียวยะ น่ากลัวขนาดนี้มาก่อน...

ถึงจะเป็นคนที่โหดร้ายแต่ก็ไม่เคยทรมานใครจนเหมือนกับตายทั้งเป็นแบบนี้...


แล้ววันที่สามหลังจากที่เสียงเพลงดังติดต่อกันมา....ในที่สุดมันก็จบลงพร้อมกับร่างเล็กๆที่ล้มพับคาโกโตะสีดำตัวนั้น...


.
.
.
.
.
.
.
.


วันเวลาเคลื่อนผ่านไปอย่างช้าๆ ท่ามกลางความมืดมิดที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามา...ถึงจะอยากจมอยู่ในห้วงแห่งความสุขนี้ตลอดไปแต่มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้....

จากเด็กชายตัวเล็กๆที่อายุเพียงแค่แปดเก้าขวบค่อยๆเติบโตเป็นหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ปี จากร่างกายของเด็กๆค่อยๆยืดออกยามเมื่อเข้าสู่วัยแรกรุ่น จากเสียงใสที่เคยตะโกนวิ่งไล่กันก็กลับกลายเป็นเสียงทุ้มที่เพียงกระซิบอยู่ริมใบหู

เวลาเจ็ดปีที่อยู่ด้วยกันมันช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว เพราะทุกนาทีมันล้นปรี่ไปด้วยร่องรอยของความสุข

สุข...จนไม่กล้าคิด....ถึงวันที่จะต้องจากมันไป....

ร่างกายสูงโปร่งของลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเอี้ยวหลบดาบไม้ในมือบางของคนตรงหน้า สายตาสีดำคมกล้าไม่ได้มองเพียงแค่วิถีดาบของโกคุเดระ ฮายาโตะ แต่ยังจ้องมองเลยไปถึงร่างกายที่ถึงแม้จะเติบโตขึ้นแต่กลับดูแตกต่างจากร่างกายของเขาอย่างสิ้นเชิง

โกคุเดระ ไม่ได้มีรูปร่างสูงใหญ่แบบเขา ถึงเจ้าตัวจะสูงขึ้นแต่กลับแลดูบอบบางน่าทะนุถนอม...

โกคุเดระ ไม่ได้มีใบหน้าคมคายเหมือนที่ผู้ชายควรจะเป็นแบบเขา แต่ใบหน้าของเจ้าตัวดันยิ่งเหมือนมารดาอย่างที่เคยคิดไว้ไม่มีผิด ยิ่งโตก็ยิ่งสวย...

และเพราะโกคุเดระเป็นแบบนั้นมันเลยทำให้เขาหยุดความรู้สึกของตัวเองไม่ได้....

ทั้งๆที่รู้ว่าอีกฝ่ายเป็นผู้ชายแต่กลับหยุดความต้องการให้อยู่เพียงแค่เพื่อนคนสำคัญเท่านั้นไม่ได้...


ดาบไม้ในมือบางตรงเข้ามาหมายจะเล่นงาน แต่แทนที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะจะยกดาบขึ้นรับ กลับเอี้ยวตัวหลบทำให้คนที่พุ่งเข้ามาเซถลาวืดไปข้างหน้า

“ หว๋า...”     แต่ก่อนที่ร่างบอบบางจะได้ลงไปวัดพื้น ท่อนแขนแข็งแรงก็ตวัดรอบเอวบางก่อนจะดึงรั้งร่างของโกคุเดระเอาไว้ ใบหน้าคมส่งยิ้มกวนๆไปให้ใบหน้าเรียวสวยที่เริ่มจะบูดสนิท

“ ทำไมข้าถึงได้แพ้เจ้าทุกที! ฮึ...ก็คงจะเป็นเพราะเจ้าใช้เพลงดาบของตระกูลยามาโมโตะที่เป็นสายวิชาดาบที่แข็งแกร่งที่สุดละสิ ไม่งั้นนะ อย่างเจ้าหรอจะชนะข้า”     ร่างบอบบางที่แพ้ราบคาบแต่ยังมีหน้ามายืนกอดอกมองเขาอย่างไม่ยอมรับ แถมยังบ่ายเบี่ยงว่าที่เขาชนะเป็นเพราะเพลงดาบของตระกูลไม่ใช่เป็นเพราะฝีมือ

พูดไม่ดูตัวเองแบบนี้มันน่าจัดการให้หลาบจำนัก

ร่างสูงโปร่งได้แต่กดความหมั่นเขี้ยวเจ้าคนอวดดีเอาไว้ พรางก้มลงไปหยิบดาบไม้

“ ใครว่าเพลงดาบของตระกูลยามาโมโตะแข็งแกร่งที่สุดล่ะ”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะพูดออกไปในขณะที่มองดูดาบไม้ในมือ

“ เจ้าหมายความว่าไง?”      และร่างบางข้างๆก็ดูจะสนใจมากทีเดียว

“ ถ้าแข็งแกร่งที่สุด...มันจะต้องไม่มีจุดอ่อนสิ”     เขาก็ไม่รู้หรอกนะ ว่าคนอื่นๆในตระกูลจะรู้ถึงขีดจำกัดข้อนี้หรือเปล่า...แต่เขาเห็นมันมาตลอด...เห็นทุกๆครั้งที่จับดาบ

“ จริงน่ะ? อย่ามาหลอกข้าหน่อยเลย ถึงข้าจะไม่ชำนาญวิชาดาบเท่าเจ้า แต่ข้าก็เฝ้าหาจุดอ่อนเพื่อที่จะเอาชนะเจ้ามาตลอด และข้าไม่เคยพบมันเลยนะ”      ใบหน้าสวยมองใบหน้าคมอย่างคาดคั้น

นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องตอบกลับไปในดวงตาสีมรกต....เวลาเย็นแบบนี้พวกพี่ๆของโกคุเดระมักจะออกไปลาดตระเวนข้างนอก เพราะงั้นที่นี่จึงแทบจะเหลืออยู่แค่พวกเขาสองคน...และถึงแม้ว่าสิ่งที่เขาจะทำต่อไปนี้คือเรื่องต้องห้ามที่สุดของนักดาบ ต้องห้ามที่สุดของตระกูล....แต่เพราะเป็นโกคุเดระ ฮายาโตะ...เขาจึงไม่ลังเลเลยที่จะเอ่ยปากออกไป

เขาจะบอกจุดอ่อนของเพลงดาบตัวเอง...ซึ่งนั่นหมายถึงจุดอ่อนของตระกูลยามาโมโตะ...ให้กับคนที่ถือได้ว่าเป็นศัตรูชั่วชีวิตรู้

“ ดูให้ดีนะ...เพราะว่าปกติข้าจะใช้ท่านี้ด้วยความเร็ว เจ้าเลยอาจจะไม่ทันสังเกตว่าที่จริงแล้วมันมีช่องว่าง...ที่สามารถสอดดาบเข้ามาเสียบทะลุหัวใจได้”      ร่างสูงพูดพร้อมกับขยับร่างกายวาดเพลงดาบที่บอกอย่างช้าๆ

“ ถึงจะใช้ดาบสองมือ แต่ก็ยังไม่สามารถปิดช่องว่างตรงนี้ได้อยู่ดี”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะพูดด้วยใบหน้าครุ่นคิด หลังจากที่วาดเพลงดาบช้าๆให้คนตรงหน้าดู

“ ถ้างั้น....ใช้ดาบของข้าสิ!”      แล้วจู่ๆโกคุเดระก็ทำให้เขาตกใจจนเผลอเบิกตากว้างไปกับคำพูดคำนั้น แน่นอนว่าเขาไม่เข้าใจจนทำหน้างงออกไป และยิ่งได้ฟังคำเฉลยต่อไปก็ยิ่งใจเต้นระรัว

“ ให้ข้าอยู่ข้างๆเจ้า แล้วใช้เพลงดาบของข้าปิดช่องว่างให้เจ้าสิ”     ใบหน้าสวยพูดออกมาอย่างกระตือรือร้นให้อีกคนได้แต่มองตาค้าง

เจ้ารู้ตัวหรือเปล่าว่าพูดอะไรออกมา...และมันยิ่งทำให้ข้าถอนตัวไม่ขึ้น....

“ สร้างเป็นเพลงดาบคู่ ที่มีแค่ข้ากับเจ้าที่ใช้ได้เป็นไง?....หว๋า...สง่างามชะมัด”     ไม่รู้หรอกนะว่าเจ้าลูกคนเล็กตรงหน้ากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เขาเองกำลังจะยืนไม่ไหวเพราะหัวใจมันเต้นแรงเกินไป...แล้วก็ใช่ว่าสิ่งที่ร่างบางเสนอมานั้นจะทำไม่ได้

เพลงดาบคู่....

“ เจ้าอ่านนิยายจีนมากเกินไปแน่ๆ”      ฝ่ามือใหญ่สับสันลงไปบนหัวสีเงินก่อนจะหัวเราะน้อยๆให้ใบหน้าที่กำลังเคลิ้มอยู่นั้นกลับมาบึ้งตึง ร่างสูงโปร่งที่กำลังจะเดินออกไปจากโรงฝึกนั้นทำราวกับข้อเสนอของร่างบางเป็นแค่เรื่องไร้สาระ และมันก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตวูบไหวด้วยความน้อยใจ

ไม่ว่าใครๆก็ไม่เคยคิดที่จะฟังเขา คิดแต่ว่าเขาเป็นแค่น้องเล็กที่พึ่งพาอาศัยอะไรไม่ได้และไม่จำเป็นจะต้องทำอะไรแค่ใช้ชีวิตไปวันๆเท่านั้นก็พอ

ไม่เคยมีใครคาดหวัง ไม่เคยมีใครเชื่อในฝีมือที่แท้จริงของเขา

ในขณะที่ก้าวขาเพื่อจะเดินตามยามาโมโตะไปด้วยจิตใจห่อเหี่ยว จู่ๆร่างสูงโปร่งก็หยุดยืนอยู่ที่ประตูก่อนจะหันกลับมา แสงอาทิตย์ยามเย็นที่สาดส่องมาบนร่างสูงทำให้นัยน์ตาสีมรกตราวกับถูกสะกด  คำพูดที่ริมฝีปากของยามาโมโตะค่อยๆขยับทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นระรัว...เพราะนั่นคือครั้งแรก...ที่รู้สึกราวกับว่าถูกยอมรับ

“ ยังไงก็....ฝากแผ่นหลังของข้าด้วยล่ะ โกคุเดระ”



จากวันนั้นมา....เพลงดาบคู่ของพวกเขาสองคนก็ค่อยๆถูกคิดค้นขึ้นอย่างเป็นความลับ

และเขาก็ต้องยอมรับว่า โกคุเดระ ฮายาโตะ นั้นมีหัวสมองที่ล้ำเลิศ เพราะถึงเจ้าตัวจะไม่ได้เชี่ยวชาญด้านการใช้ดาบเท่าเขา แต่กลับมองออกและช่างสรรหาสารพัดท่ามาเพื่อสร้างเพลงดาบที่จะใช้จัดการกับจุดอ่อนของเขา

“ เจ้าคิดว่าแบบนี้เป็นไง?”     มือบางยื่นแผ่นกระดาษมาตรงหน้า ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ที่โรงฝึกแต่กำลังนั่งอยู่ที่ริมสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งอยู่ในบริเวณรั้วบ้านของเจ้าเมืองอิสุ

ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระกำลังคิดกระบวนท่าด้วยกระดาษและพู่กัน จากนั้นก็ยื่นมาให้เขาลองใช้มโนภาพดูว่าจะทำได้ไหม ก็นับว่าเป็นการวางแผนที่ไม่เลว

แสงแดดยามเย็นค่อยๆอ่อนแรงลงเรื่อยๆ แต่ดูท่าทางว่าร่างบอบบางที่นั่งอยู่ข้างๆจะยังคงสนุกสนานไปกับการได้คิดเพลงดาบอยู่ จึงไม่ได้รู้ตัวเลยว่าสายตาของเขาตอนนี้มันไม่ได้อยู่ที่กระดาษนั่นแล้ว

นัยน์ตาสีเปลือกไม้จับจ้องไปที่ใบหน้าสวยซึ่งยังคงก้มหน้าก้มตาขีดเขียนอะไรลงไปในกระดาษด้วยความตั้งใจ


เจ้าจะรู้ตัวบ้างไหมว่าข้ามองเจ้าด้วยสายตาแบบไหน...


ก็รู้หรอกว่ามันแปลกประหลาดและไม่มีจารีตประเพณีที่ไหนยอมรับ แต่เขากลับห้ามใจตัวเองไม่ได้และไม่สนใจด้วยว่าคนอื่นจะมองยังไง...ตอนนี้ก็พอจะเริ่มรู้ตัวแล้วว่าโกคุเดระไม่อาจจะเป็นได้แค่เพื่อนคนสำคัญ แต่ในใจของเขาต้องการมากกว่านั้น...


สายลมพัดวูบเข้ามาและนั่นมันก็ทำให้แผ่นกระดาษที่วางอยู่บนผืนหญ้าปลิวออกไปต่อหน้าต่อตา

“ อ๊ะ!!”     ใบหน้าสวยอุทานลั่น มือบางพยายามคว้ามันเอาไว้ในขณะที่เขาเองก็หลุดออกมาจากภวังค์ มือช่วยกันเอื้อมคว้ากระดาษที่ปลิวว่อน จนกระทั่งเหลือเพียงแผ่นสุดท้ายที่กำลังถูกพัดไปทางสระน้ำ

และนัยน์ตาสีมรกตก็มัวแต่มองอยู่ที่แผ่นกระดาษโดยที่ไม่ได้มองข้างล่าง ต่างจากเขาที่เห็นเต็มสองตาว่าโกคุเดระกำลังก้าวขาเหยียบไปที่ขอบสระที่เป็นดินเปียกลื่น

“ โกคุเดระ!

“ เหวอ?!!!”     แล้วร่างบอบบางก็ลื่นไถลพร้อมๆกับร่างกายสูงใหญ่ที่ตรงเข้าไปหมายจะรั้งเอวบางเอาไว้ แต่ด้วยความที่พุ่งมาอย่างรวดเร็วทำให้ฝ่าเท้ายั้งเอาไว้ไม่อยู่จนเป็นฝ่ายเหยียบดินอ่อนลื่นนั่นแทน


ตูม!!!


เสียงน้ำแตกกระจายเมื่อร่างทั้งคู่ต่างลื่นตกลงไปด้วยกัน ร่างบอบบางได้แต่สะบัดหน้าไปมาอย่างมึนงงก่อนจะมารู้ตัวอีกทีว่าตนนั่งคร่อมอยู่บนร่างกายสูงใหญ่ที่นั่งแช่อยู่ในน้ำไปกว่าครึ่งตัว

มือใหญ่ยังคงรั้งอยู่ที่เอวบาง เช่นเดียวกับมือบางที่วางอยู่บนแผ่นอกแข็งแรง ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าใสถึงกับแดงระเรื่อชวนมอง

ไม่รู้ว่าเพราะบรรยากาศส่งให้หรือเพราะหัวใจเรียกร้อง

มือใหญ่แทนที่จะปล่อยเอวบางให้เป็นอิสระกลับรั้งให้มันขยับลงมาแนบชิดร่างกายของตนมากขึ้นกว่าเดิม ใบหน้าคมขยับเข้าไปหาใบหน้าสวยที่ได้แต่นิ่งค้างราวกับถูกสะกด ริมฝีปากแตะสัมผัสลงไปบนริมฝีปากนุ่มราวกับจะขออนุญาต

และในเมื่อร่างบอบบางไม่ได้ขยับหนี เรียวลิ้นจึงแล่บเลียริมฝีปากสีแดงให้เผยอออกเล็กน้อยก่อนที่ปลายลิ้นร้อนจะแทรกสอดเข้าไป ประสบการณ์แปลกใหม่ทำให้ร่างที่คร่อมอยู่ข้างบนถึงกับทรงตัวไม่อยู่ ภายในช่องปากถูกรุกล้ำด้วยลิ้นที่เกี่ยวพันกันจนไม่มีที่ว่าง เช่นเดียวกับร่างกายที่ถูกแขนแข็งแรงคู่นั้นกอดเอาไว้จนแทบจะจมหายลงไปในแผ่นอก

“ อื้อ...”   ความหวานล้ำค่อยๆแปรเปลี่ยนเป็นความเร่าร้อนที่เรียกร้องนิดๆ ร่างกายเผลอไผลไปกับอีกฝ่ายจนแทบจะขาดอากาศหายใจ

นี่มัน...อะไรกัน...?

“ แฮ่ก...แฮ่ก...”     ริมฝีปากแดงถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างบอบบางหอบหายใจหนักหน่วงก่อนจะเงยมองใบหน้าคมด้วยดวงตาที่เต็มไปด้วยความสงสัย

และลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก็รู้ตัวทันทีว่าคนตรงหน้าไม่รู้ว่านี่มันคืออะไร

คงต้องขอบคุณตระกูลโกคุเดระที่เลี้ยงเจ้าคนตรงหน้านี่มาให้ไร้เดียงสาขนาดนี้...

แต่ก่อนที่จะได้พูดอะไร เสียง แซ่ก แซ่ก ก็ดังขึ้นที่ริมสระน้ำให้พวกเขาทั้งสองคนค่อยๆหันไปมอง ก่อนจะต้องดวงตาเบิกกว้างเมื่อสิ่งที่ทำให้เกิดเสียงนั่นคือ พี่ชายคนรองของโกคุเดระ ใบหน้าที่มองมาอย่างตื่นตะลึงนั่นดูก็รู้ว่าพี่ชายเห็นแน่ๆว่าระหว่างพวกเขาสองคนมันเกิดอะไรขึ้น

“ นั่นพวกเจ้า...กำลังทำอะไรกันอยู่!



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




คึหึหึ...ยาวเนอะ ^ ^” แปะรูปแฮปก๊กที่เหลือดีก่า...อยากทำแมดให้แต่ไม่ทัน แง๊...








4 ความคิดเห็น:

  1. สงสารทูน่ามากเลยค่ะ คุณฮินี่มันยิ่งกว่าพิศาลแล้วว
    ใจร้ายอ่ะ ใจร้ายมากเลย อ่านไปแล้วน้ำตาจะไหล ทำไมทำกับทูน่าขนาดนี้ ฮือออ

    พอมาอ่านคู่หลักนี่ฟีลเปลี่ยนเลยค่ะ กระหนุ่งกระหนิงอะไรขนาดนั้นน
    โดนขโมยจูบซะแล้ว จูบลึกซึ้งด้วยล่ะก๊กคุง*เขินแทน* เจ้านั่นมันมือไวใจเร็วจริงๆ ฮะฮะ

    ตอบลบ
  2. ทูน่า เจ๊อะ ....มองข้าม

    น่าเห็นใจจัง โหดมากเลยนะที่ให้เล่นดนตรีข้ามวันข้ามคืน เป็นเค้าสลบ เล่นได้แค่สามวิ เหอๆๆ

    ของก๊กสิ ถึงขนาดฝากแผ่นหลังกันแล้ว เคี๊ยกๆๆๆๆๆ เสียดายจังที่พี่มาเห็นซะก่อน
    แต่เรากลับชอบแฮะ 555 ขอตบจูบนะก๊ะคุณกวาง

    ตอบลบ
  3. สงสารทูน่า
    หนูก๊กจ๋า สิบสี่แล้วนะ ยังซึนไม่เปลี่ยนแปลง อย่างนี้สิถึงได้น่ารักน่า(ก)อ(ด) พี่ชายมาเห็นแล้ว จะเป็นยังไงต่อไปนะ

    ตอบลบ
  4. สงสารสึง่าาาาาาา เค้าจิไม่ให้อภัยฮิ
    คนใจดำำำำำำำำำำ
    แงงงงงงงงงงงงงง

    โตๆกันสักทีนะ5555555555

    ตอบลบ