KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 02



KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827]   Ryuusei : 02
  
: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





วันสิ้นสัปดาห์มาถึงในที่สุด...

ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะสวมฮากามะชุดพิธีการสีดำสนิท ที่ลาดไหล่ทั้งสองข้างมีตราประจำตระกูลยามาโมโตะปักอยู่....และก็เพราะตรานี้นี่แหละที่คงจะทำให้เด็กชายผมดำถูกจับตามองไม่น้อยไปกว่าบรรดาลูกชายของผู้ปกครองเมืองอิสุเป็นแน่

ไม่เห็นจะเข้าใจเลย...ว่าทำไมตัวประกันเช่นเขาจะต้องเข้าไปร่วมงานด้วย...หรือพวกนั้นอาจจะต้องการแค่ให้เขาเป็นเป้าของความเกลียดชังจากชาวเมืองก็ได้มั้ง...แต่จะยังไงก็ได้อยู่แล้ว เพราะเขาเองก็ไม่ได้คิดว่าจะได้รับการต้อนรับจากใครที่นี่มากมายนัก

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองประตูห้องข้างๆซึ่งปิดสนิทในขณะที่นั่งรอข้ารับใช้มาพาไปขึ้นรถเทียมม้า

เจ้าลูกชายคนเล็กนั่นถูกปลุกให้ลุกออกไปจากห้องตั้งแต่ฟ้ายังไม่ทันจะสาง ก็แน่ละ ต้องสวมกิโมโนไม่รู้กี่ชั้นแบบนั้นคงไม่ใช่เรื่องที่จะทำกันได้ในเวลาแค่ชั่วโมงสองชั่วโมง แค่คิด...ภาพกิโมโนสีแดงกับร่างเล็กๆที่เห็นเมื่อวันก่อนก็ลอยวนไปวนมาอยู่ในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า

ถึงจะยังไม่เข้าใจแต่เขาก็ไม่คิดว่าอยากจะลบเลือนมันออกไปจากจิตใจนักหรอก...ภาพๆนั้น...

ใบหน้าคมยิ้มเย็นที่มุมปากอย่างหาดูได้ยาก....

จะเกิดอะไรขึ้นกันนะ...ถ้าคนซึ่งทุกคนที่นี่ต่างชิงชังเช่นเขา....ได้ตัวโกคุเดระ ฮายาโตะไป....

เสียงฝีเท้าใกล้เข้ามาทำให้ใบหน้าคมปรับกลับไปนิ่งเฉยตามเดิม ข้ารับใช้เดินนำลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะไปยังม้าสีดำน้ำตาลเข้มตัวหนึ่งในบรรดาม้าทั้งหมดซึ่งยืนเรียงแถวกันอยู่ นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงไล่มองขบวนทั้งขบวน ปรากฏว่ามีรถเทียมม้าอยู่เพียงคันเดียวเท่านั้น นั่นแปลว่าเขาและลูกชายของเจ้าเมืองอิสุทั้งหมดจะต้องขี่ม้าไป และคงจะมีเพียงคนเดียวที่จะได้นั่งในรถคนนั้น นั่นก็คือ

ข้ารับใช้ที่ยืนรีรออยู่ที่หน้าเรือนรับรองส่วนหน้าต่างก็แหวกทางให้เมื่อนายหญิงของบ้านในชุดกิโมโนแบบพิธีการสีแดงเข้มก้าวขาลงจากเรือนมา เนื้อผ้าชั้นดีซึ่งสีดั่งเลือดนกนั่นขับผิวขาวให้ดูผุดผาดยิ่งขึ้นกว่าเดิม แต่ทว่าก็ยังไม่อาจสะดุดดวงตาสีเปลือกไม้ไปมากกว่าร่างเล็กบางที่เดินตามหลังมา

โกคุเดระ ฮายาโตะ ทำให้เขาต้องตะลึงงันอีกครั้ง....

ในเมื่อคราวนี้ร่างเล็กๆนั่นแต่งกายเต็มยศยิ่งกว่าที่ได้เห็นเมื่อวันก่อน ปากนิดจมูกหน่อยนั่นถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆทำให้ดูราวกับสาวน้อยแรกแย้ม เส้นผมสีเงินที่เป็นประกายดั่งเส้นไหมถูกมัดด้วยเชือกสีแดงก่อนจะประดับไปด้วยปิ่นปักผมพู่ระย้าเป็นสายลงมาพลิ้วไหวคลอเคลียไปกับเส้นผม กิโมโนชั้นในใส่สลับระหว่างสีขาวและสีแดงก่อนที่จะถูกสวมทับด้วยกิโมโนแบบพิธีการสีแดงสดลวดลายนกกระเรียน ยิ่งผนวกกับทุกก้าวย่างที่ดูสง่างามไม่แพ้ผู้เป็นแม่ยิ่งทำให้ยากต่อการถอนสายตา

“ เชิญขึ้นม้าเถิดขอรับ”     จนกระทั่งเสียงข้ารับใช้ดังอยู่ใกล้ๆ ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะถึงได้เพิ่งรู้สึกตัวว่าร่างเล็กๆนั่นขึ้นรถเทียมม้าไปแล้ว

 ขบวนม้าจากเรือนเจ้าเมืองค่อยๆวิ่งเหยาะๆไปตามถนนซึ่งมุ่งหน้าสู่ศาลเจ้าประจำเมือง สองข้างทางล้วนเต็มไปด้วยผู้คนที่ต่างออกมายืนรอชมความสง่างามของบรรดาลูกหลานผู้ปกครองเมืองซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะได้เห็นในเวลาที่อยู่กันครบทุกคน

ที่ให้ขี่ม้าออกมาก็น่าจะเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง

ใบหน้าคมเหลือบไปมองรถเทียมม้าที่วิ่งช้าๆอยู่ข้างหลัง....ถ้าเช่นนั้นคนที่นั่งอยู่ในรถนั่น คงจะเป็นอะไรที่หาดูได้ยากเสียยิ่งกว่าเงินทองอีกสินะ ในเมื่อโกคุเดระ ฮายาโตะ เป็นลูกชายคนเล็กสุด เพราะฉะนั้นคงจะไม่เคยขี่ม้าปรากฏแก่สายตาให้ใครๆได้เห็นเป็นแน่

ยิ่งเข้าใกล้ศาลเจ้ามากเท่าไหร่ ผู้คนก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น ด้านหลังโทริอิสีแดงที่ตั้งตระหง่านอยู่หน้าศาลเจ้าเต็มไปด้วยฝูงชนที่ต่างเบียดเสียดกันอยู่ด้านหลังเชือกที่ขึงเอาไว้ ขบวนม้าวิ่งผ่านไปช้าๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่หน้าหอพิธีการที่เปิดโล่ง บรรดาลูกชายของเจ้าเมืองอิสุต่างทยอยลงจากหลังม้า ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก็เช่นกัน

นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองไปรอบกาย ดูเหมือนเขาจะไม่ได้ถูกมองด้วยสายตาเหยียดหยามมากอย่างที่คิด ในเมื่อทุกสายตาต่างมัวแต่จับจ้องอยู่ที่รถเทียมม้า  ใบหน้าคมลอบยิ้มที่มุมปาก....

ดูเหมือนว่าพ่อของเขาจะเข้าใจผิดมหันต์...ที่ไม่เรียกร้องให้ตระกูลโกคุเดระส่งลูกชายคนเล็กนั่นไปเป็นตัวประกัน....

แต่มันก็ดีสำหรับเขาแล้วละ...ที่ได้เข้ามาล่วงรู้ความลับนี้




เสียงประโคมดนตรีดังใกล้เข้ามาเรื่อยๆ และไม่นานขบวนรถลากที่ถูกตกแต่งประดับประดาอย่างงดงามก็ค่อยๆปรากฏแก่สายตา สำหรับเมืองอิสุ รถลากหรือเกี้ยวเหล่านี้จะถูกใช้เฉพาะในงานเทศกาลขอพรเท่านั้น แต่ละคันล้วนสูงเสียดฟ้าและต่างสวยงามจนไม่อาจละสายตาไปได้

รถลากค่อยๆเคลื่อนผ่านหน้าหอพิธีการซึ่งบรรดาลูกหลานของเจ้าเมืองนั่งอยู่ หลังจากที่รถลากเหล่านี้เคลื่อนผ่านถนนสายสำคัญๆมาทั่วทั้งเมืองเพื่อความเป็นสิริมงคล จนกระทั่งมันกำลังจะจอดลงในไม่ช้า เป็นอันสิ้นสุดการขอพรต่อทวยเทพเพื่อให้การเกษตรเป็นไปด้วยดีในปีนี้

และที่ศาลเจ้าก็จะมีงานฉลองเทศกาลกันต่อ แต่สำหรับผู้ปกครองเมืองแล้วยังมีหน้าที่สำคัญอยู่อีก นั่นก็คือการที่ต้องขึ้นไปเคารพสักการะต่อรูปปั้นเทพเจ้าที่อยู่บนเขาซึ่งนับเป็นจุดสูงสุดของเมืองแห่งนี้....และผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ขึ้นไปได้ก็มีเพียงครอบครัวของเจ้าเมืองเท่านั้น

ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเดินรั้งท้ายขบวน ถึงจะไม่เข้าใจว่าทำไมตนที่ไม่ถือว่าเป็นคนในครอบครัวถึงต้องขึ้นไปด้วย แต่ก็น่าจะดีกว่าถูกปล่อยเอาไว้กับคนที่ไม่รู้จักข้างล่าง

ทางขึ้นเขานั้นเป็นเพียงทางเดินปูด้วยหินแคบๆขนาดที่ว่าต้องเดินเรียงหนึ่ง หัวแถวจึงไล่จากเจ้าเมืองอิสุ...นายหญิง...โกคุเดระ ฮายาโตะ...จากนั้นจึงเป็นพวกพี่ชายไล่เรียงตามกันมาจนกระทั่งลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเดินปิดท้ายแถว

นอกจากทางจะแคบแล้วยังมีตะไคร่ขึ้นหนาทำให้ต้องเดินอย่างระมัดระวัง อีกทั้งทางแยกยังมากมาย เสาหินที่ตั้งเรียงรายอยู่ข้างทางยิ่งทำให้แยกไม่ออก ว่าทางไหนเป็นทางไหน

นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไปรอบกายอย่างพยายามจดจำ ถึงแม้จะทำได้ไม่มากนักก็เถอะ....ทางแยกมันเยอะเกินไป...ไม่ว่าจะยังไงคนที่เพิ่งมาที่นี่ครั้งแรกก็ไม่มีทางจำเส้นทางพวกนี้ได้เลย

“ ฮึ....”      รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นไม่ใช่ของลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะที่มีต่อตนเอง แต่มันเป็นรอยยิ้มที่ส่งมาจากพี่ชายของโกคุเดระ ฮายาโตะ...

เขาไม่รู้หรอกนะ ว่าพวกนั้นตั้งใจจะทำอะไรกัน แต่ทั้งรอยยิ้มและสายตาที่ไม่น่าไว้วางใจพวกนั้นมันทำให้เขายิ่งต้องระวังตัว

ยิ่งเดินขึ้นเขาไปมากเท่าไหร่ ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก็ยิ่งสังเกตเห็นได้ถึงความผิดปกติ...หลายต่อหลายครั้งที่พวกพี่ชายหันมาซุบซิบคุยอะไรกัน บางครั้งก็มองมาที่เขา บรรยากาศยิ่งกดดันมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆเมื่อยิ่งขึ้นไปสูง เพราะผืนป่านั้นเริ่มจะหนาทึบจนแสงข้างบนรอดผ่านลงมาเพียงรำไรทำให้รอบกายนั้นมีแต่เงาไม้วูบไหวราวกับจะมีอะไรโผล่ออกมาได้ทุกขณะ

คนที่เดินตามอยู่ข้างหลังอย่างเขามองเห็นชัดเจนทุกอย่าง จะมีก็แต่ผู้ปกครองของพวกนั้นกับร่างเล็กๆในกิโมโนสีแดงที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลย

ริมฝีปากบนใบหน้าคมเผลอขบกัดกันเพราะต้องรับความกดดันอยู่คนเดียว...พวกนั้นจะทำอะไร...ทั้งๆที่รู้ว่ามันกำลังจะมีอะไรเกิดขึ้นกับตัวเขา แต่ก็ไม่สามารถจะบอกกับใครได้ ไม่มีใครรับรู้ ไม่มีใครให้ความช่วยเหลือได้.....มือเผลอกำแน่น นัยน์ตาก็จ้องมองไปที่บรรดาพี่ชายที่เดินอยู่ข้างหน้าไม่ให้คลาดสายตา

จะทำอะไร....

พวกนั้นจะหาเรื่องกลั่นแกล้งเขาแบบไหนกัน.....


“ ฮึฮึ...ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นก็ได้น่า...เจ้าตัวประกัน”      จู่ๆพี่ชายคนที่เดินอยู่หน้าเขาก็ก้าวขาช้าลงจนกลายเป็นว่าเดินแทบจะอยู่ระดับเดียวกัน เสียงพูดเบาๆนั่นแทบจะกลืนหายไปกับเสียงใบไม้และหริ่งเรไร ถ้าไม่เป็นเพราะประสาทแข็งเกร็งที่จำเป็นต้องถูกลับจนคมเพื่อเอาชีวิตรอดแล้วละก็ เขาคงจะไม่ได้ยินมัน

“ เพราะพวกข้าจะไม่ทำอะไรเจ้าหรอก”     แต่น้ำเสียงมันดูเย็นเยือกจนฝ่ามือของเขาถึงกับชื้นเหงื่อ ใครจะไปเชื่อลง...และเขาคงไม่รู้สึกว่าตกเป็นรองขนาดนี้ถ้าสถานที่จะไม่ใช่ที่นี่...ใบหน้าคมเหลือบมองใบหน้าของพี่ชายที่ค่อยๆหันมา รอยยิ้มที่มุมปากนั่นมันทำเอาเสียวสันหลังวาบ

“ พวกข้าไม่ได้ทำอะไรเจ้า.....แต่เจ้าตกลงไปของเจ้าเอง...”     และยังไม่ทันที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะจะทันได้ตกใจกับประโยคเลือดเย็นนั่น ร่างทั้งร่างก็เซถลาล้มกลิ้งลงไปตามเนินสูงชันที่มีแต่ตะไคร่ลื่นทำให้มือยึดจับอะไรไม่อยู่

เขาโดนผลัก...โดนมือของหมอนั่นผลักลงมาแน่ๆ....

ไม่ได้ตกลงมาเอง

ปกติเขาก็ไม่ใช่คนที่จะเอ่ยปากขอความช่วยเหลือจากใคร ยิ่งเวลาแบบนี้แม้แต่จะอ้าปากก็ยังทำไม่ได้...ทุกอย่างมันผ่านไปด้วยความรวดเร็วเกินไป

แขนขารู้สึกได้ถึงแรงกระแทกเมื่อลำตัวยังคงกลิ้งลงไปตามแรงโน้มถ่วงของโลก ศีรษะสีดำหมุนวนไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบจนไม่แน่ใจแล้วว่าตอนนี้ตัวเองจะยังมีชีวิตอยู่ จนกระทั่งแรงปะทะครั้งสุดท้ายที่หนักหน่วงจนเล่นเอาชาไปทั้งร่างก่อนจะรู้สึกว่าทุกสิ่งหยุดนิ่งลง....รวมทั้งสติ...ที่ค่อยๆดับวูบไปไม่รับรู้อะไรอีก.....


จะมีใครรู้บ้างไหม....ว่าเขาถูกทำให้ตกลงมาที่นี่....

จะมีใครรู้บ้างไหม...ว่าเขาหายไป....


โกคุเดระ....





มือเล็กๆกำปลายแขนเสื้อกิโมโนสีแดงสดอย่างไม่รู้ว่าควรจะเอามันไว้ที่ไหน ใบหน้าน่ารักยังคงก้มงุดเพราะความอายจนอยากจะหายไปจากตรงนี้ เขาไม่เคยชินหรอกถึงแม้จะถูกจับแต่งตัวแบบนี้มาไม่รู้กี่ครั้งแล้วก็ตาม แล้วยิ่งคราวนี้ดันมีเจ้าคนที่เขาไม่อยากให้เห็นในสภาพน่าอายแบบนี้มาเดินตามอยู่ห่างๆอีก ยิ่งไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน

แค่คิดว่าหมอนั่นจะยิ้มเยาะ แค่คิดว่าใบหน้านิ่งๆนั่นจะยิ้มขำเมื่อเห็นเขาแต่งตัวแบบนี้ ใบหน้าก็ราวกับจะร้อนผ่าวขึ้นมาทันที

เพราะฉะนั้นนัยน์ตาสีมรกตจึงก้มลงมองพื้นดินมาตลอดจนกระทั่งเดินขึ้นมาถึงบนยอดเขา ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระยอมรับว่าตัวเองไม่กล้ามองหน้ายามาโมโตะ ไม่กล้าแม้แต่จะสบตาเพราะคิดว่าจะต้องโดนล้อแน่ๆ

บนนี้มีศาลเจ้าที่สร้างด้วยไม้ตามแบบโบราณหลังเล็กๆขนาดพอให้คนแค่ครอบครัวเดียวเข้าไป ผู้ทำพิธีมายืนรออยู่ก่อนแล้ว และในขณะที่เจ้าเมืองอิสุกำลังจะก้าวขาเข้าไป นัยน์ตาสีมรกตที่เผลอเหลือบมองคนที่อยู่ท้ายขบวนก็ต้องเบิกกว้าง

“ เดี๋ยวท่านพ่อ! ยามาโมโตะล่ะ? เขาหายไปไหน?”      ร่างเล็กร้องออกมาอย่างประหลาดใจเมื่อไม่เห็นเด็กชายผมดำยืนอยู่ที่หางแถว เจ้าเมืองอิสุหันไปส่งสายตาถามลูกชายคนที่เดินติดกับลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะทันที

“ ข้าก็ไม่รู้ ก็เดินกันมาอยู่ดีๆนี่นา...อาจจะแวะเข้าห้องน้ำหรือเปล่า?”     น้ำเสียงและใบหน้าบ่งบอกว่าไม่รู้เรื่องแต่ก็ยังไม่พ้นสายตาขี้สงสัยของเจ้าน้องชายคนเล็กไปได้

“ งั้นเดี๋ยวก็คงตามมา..เราไม่มีเวลาแล้วละ เข้าไปกันก่อนก็แล้วกัน ไม่งั้นจะลงเขามืดค่ำเปล่าๆ”     แต่ผู้เป็นพ่อกลับไม่ติดใจสงสัย ทั้งยังเตรียมจะก้าวขาเข้าไปในศาลเจ้า

“ ข้าจะไปตามหายามาโมโตะก่อน เดี๋ยวข้าตามเข้าไป”     ร่างเล็กๆประกาศออกไปก่อนจะลากกิโมโนที่หนักไม่รู้กี่กิโลเดินย้อนกลับไปตามทางเดิมท่ามกลางสายตาตื่นตะลึงของทั้งผู้เป็นพ่อ แม่ และพี่ชาย

“ ฮายาโตะ!!”     ได้ยินเสียงเรียกให้หยุดแว่วตามหลังมา แต่ในหัวใจดวงน้อยกลับสังหรณ์แปลกๆ....ทำไมมันไม่สบายใจเอาเสียเลย....

“ ยามาโมโตะ!!!”     ร่างเล็กตะโกนเรียกอีกฝ่าย สองแขนดึงชายกิโมโนขึ้นให้เดินได้สะดวก...เพราะไอ้กิโมโนหนักๆพวกนี้นี่แหละที่ทำให้ก้าวขาไวๆดั่งใจไม่ได้...ใบหน้าน่ารักฉายแววหงุดหงิดก่อนจะมองไปรอบๆที่มืดครึ้มไปด้วยเงาของต้นไม้ใหญ่ด้วยสายตากังวล

ที่แห่งนี้...ขนาดเขามาหลายต่อหลายครั้งก็ยังจำทางไม่ค่อยจะได้เลย...แล้วหมอนั่น.....

“ ยามาโมโตะ!!!”      เรียวขาภายใต้กิโมโนสีแดงหยุดยืนอยู่หน้าทางแยกหลังจากที่เดินลงมาไกลพอสมควร จากตรงนี้ไปก็จะมีแต่ทางแยกมากมาย แล้วเขาจะรู้ได้ยังไงว่ายามาโมโตะไปทางไหน ใบหน้าเล็กหันไปหันมา ก่อนจะตัดสินใจก้าวขาเข้าไปในทางแยกหนึ่ง

ขอให้ข้ากับเจ้า.....ใจเราตรงกัน







ปลายนิ้วค่อยๆขยับทีละน้อย ก่อนที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้จะลืมขึ้นมาช้าๆ ลำแสงแดดที่ลอดใบหนาทึบของต้นไม้ลงมาได้ ส่องกระทบอยู่บนใบหน้า ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะค่อยๆลุกขึ้นนั่งทั้งๆที่ยังมึนงง...นี่เขาสลบไปนานแค่ไหนกัน...ในป่าแบบนี้ก็ไม่มีอะไรจะบอกเวลาได้เลย

รอบกายนั้นเงียบสนิท...มีแต่เพียงเสียงของสัตว์เล็กๆ

ไม่มีใครร้องเรียกเขา...ไม่มีใครตามหา....ไม่มีใครรู้เลยว่าเขาอยู่ที่นี่

“.......”      ได้แต่กัดริมฝีปากอย่างที่ไม่รู้ว่าในใจมันรู้สึกยังไงกันแน่ เจ็บใจ เคียดแค้น หรือว่า....น้อยใจ....ไม่มีใครเห็นค่า ไม่มีใครให้ความสำคัญ...ไม่มีใครเลย

มือกำแน่นก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองผืนป่าด้วยนัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดสนิท ร่างทั้งร่างค่อยๆลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ยังรู้สึกได้ว่าเจ็บร้าวไปทุกส่วน เลือดยังคงไหลลงมาตามขมับ ถึงแม้ว่าจะขยับได้อย่างยากลำบาก แต่เขาจะไม่มีวันยอมตายอยู่ที่นี่

ในเมื่อรอบกายของเขาไม่เคยมีใคร เพราะฉะนั้นจึงไม่มีอะไรให้ต้องปกป้อง ไม่มีอะไรมาฉุดรั้งให้จิตใจอ่อนแอ

ทั้งตระกูลของเขาเองที่ผลักไสให้เขาต้องมาอยู่ที่นี่ ทั้งตระกูลโกคุเดระที่ทำให้เขาเป็นแบบนี้....


ข้าสาบาน....ว่าจากนี้ไปไม่ว่าสองตระกูลนี้จะพินาศเช่นไรข้าจะไม่สนใจ...เพราะข้า...จะทำตามความต้องการของตัวเองเพียงอย่างเดียวเท่านั้น!



“ ยามาโมโตะ!!!”      คำสาบานที่มืดมิดยังไม่ทันจะสลักลงบนหัวใจได้หมด เสียงใสที่ได้ยินแว่วมาแต่ไกลก็ทำเอาเด็กชายผมดำถึงกับชะงักค้าง

เสียงของโกคุเดระ ฮายาโตะ.....

ใบหน้าคมก้มลงก่อนจะยิ้มเย้ยหยันตัวเอง...ทั้งๆที่เพิ่งจะบอกกับตัวเองว่าจะไม่ยอมให้มีสิ่งใดมาฉุดรั้งให้หัวใจอ่อนแอ....แต่ตอนนี้

“ ยามาโมโตะ!!”     ใบหน้าคมเงยหน้ามองขึ้นไปบนทางเดินหินที่อยู่สูงขึ้นไป เงาร่างเล็กบางในชุดกิโมโนสีแดงยืนหอบพร้อมกับสองมือที่ถลกชายกิโมโนขึ้น ผมเผ้าสีเงินที่มันควรจะเรียบสวยกลับกระเซอะกระเซิงราวกับว่าวิ่งมาตลอด....ตามหาเขามาตลอด.....

“ เจ้าบ้า ทำไมไม่ตะโกนตอบห๊ะ?!!”     ถึงปากจะต่อว่าแต่ร่างกายเล็กๆกลับกระโดดเข้าใส่อีกฝ่ายจนเด็กชายผมดำหงายหลังล้มลงไป ความเจ็บร้าวตรงเข้าเล่นงานแต่กระนั้นอ้อมแขนเล็กๆที่กอดเขาเอาไว้พร้อมกับใบหน้าใสที่ซุกลงมาที่หน้าอกมันเป็นดั่งยาที่รักษาความเจ็บปวดทั้งหมดให้หายไป

อ้อมแขนเผลอกอดตอบทั้งๆที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

“ ทำไมจู่ๆถึงหายไป? ถ้ารู้ตัวว่าหลงทางก็ตะโกนเรียกข้าสิ แล้วสารรูปเจ้านี่มันอะไรกันน่ะ?!”     ใบหน้าเล็กเงยขึ้นมาจากอกเสื้อกิโมโนของเขาก่อนจะถามด้วยความไร้เดียงสา...จะให้เขาตอบยังไง จะบอกได้หรอว่าโดนพี่ชายของเจ้าผลักตกลงมา ริมฝีปากจึงได้แต่ปิดสนิทก่อนจะเสหน้ามองไปทางอื่น

ก่อนที่ใบหน้าจะรู้สึกได้ถึงความนุ่มของผืนผ้า...โกคุเดระกำลังเอาแขนเสื้อกิโมโนตัวสวยเช็ดเลือดที่ไหลลงไปตามขมับให้อย่างแผ่วเบา

“ กิโมโนเจ้า...”     นั่นเป็นชุดที่สำคัญไม่ใช่หรือยังไง....

นั่นเป็นชุดพิธีการซึ่งปักตราของตระกูลเจ้าเอาไว้...และตอนนี้มันก็กำลังถูกย้อมไปด้วยเลือดของข้าซึ่งถือว่าเป็นศัตรู

“ ช่างมันเถอะน่า อยู่นิ่งๆสิเจ้าลิงนี่!”     คนที่ซนเป็นลิงไม่น่าจะใช่เขานะ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กชายผมดำก็นั่งนิ่งๆให้อีกฝ่ายเช็ดแผลให้

ฝ่ามือเล็กกดผ้าลงไปที่ปากแผลซึ่งยังคงมีเลือดซึมออกมาอย่างพยายามจะช่วยห้าม นัยน์ตาสีมรกตมองไปที่บาดแผลบนขมับก่อนจะเผลอละสายตาลงมามองใบหน้าคม ในใจที่เคยเต็มไปด้วยความกังวลตลอดระยะทางที่วิ่งตามหาค่อยๆผ่อนคลายเมื่อเห็นใบหน้าของอีกฝ่าย....เขากลัว...กลัวว่าจะไม่ได้เห็นใบหน้าเฉยชานี้อีก เพราะไม่ว่าจะร้องเรียกยังไง ไม่ว่าจะมองหาแค่ไหนก็ไม่เห็นแม้แต่เงา ยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านไปนานเท่าไหร่ ในใจก็ยิ่งกังวลจนแทบจะเปลี่ยนเป็นความบ้าคลั่ง

ทำไมถึงเป็นแบบนั้นกันนะ?

เพราะฉะนั้นตอนที่ได้เห็นอีกฝ่ายยืนอยู่ที่ปลายทางจึงเผลอกระโดดเข้าใส่ ทั้งๆที่รู้ว่าเป็นกิริยาที่ไม่ควรแต่ก็ห้ามความดีใจเอาไว้ไม่ได้ นัยน์ตาสีมรกตละจากใบหน้าคมก่อนจะเหลือบน้อยๆไปมองสองแขนของยามาโมโตะที่ยังคงโอบรอบเอวของตนไว้ หัวใจดันเต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ....เขายังคงนั่งทับอยู่บนตัวของอีกฝ่าย เป็นเพราะมัวแต่สนใจบาดแผลที่ขมับเลยทำให้ลืมขยับตัวออกไปจากอ้อมแขนของยามาโมโตะ...

เพิ่งจะมารู้สึกอายก็ดูเหมือนจะสายไปเสียแล้ว ใบหน้าที่ร้อนผ่าวจึงได้แต่ก้มหลบ

“ จะ เจ้า!...เดินไหวไหม...รีบกลับลงไปกันเถอะ ถ้ามืดแล้วจะลงเขาลำบาก”     ใบหน้าเล็กยังคงก้มหน้าก้มตาพูดก่อนจะลุกออกไปจากตัวของอีกฝ่าย

ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะพยายามลุกขึ้นช้าๆ แต่ทว่าแผลที่ขาก็ทำเอาเซถลาและคงจะล้มลงถ้าไม่มีมือของใครอีกคนมาจับตัวเอาไว้เสียก่อน

“ หะ เห็นว่าพิการหรอกนะ จะให้จับมือก็ได้! ปะ ไปกันได้แล้ว!”     เสียงพูดตะกุกตะกักดังออกมา นัยน์ตาสีเปลือกไม้ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อมองดูมือเล็กๆที่จับมือของตนเอาไว้ก่อนที่อีกฝ่ายจะออกเดินนำ

“ ฮึ! เป็นผู้ชายเสียเปล่า ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆเจ้าเนี่ย!”      ถึงแม้คำพูดคำจาจะไม่ได้น่าฟัง แต่แก้มใสที่แดงระเรื่อไปในขณะที่จับมือเขาเดินไปกลับน่ามอง ใบหน้าคมอมยิ้มออกมาในขณะที่ขาก็พยายามก้าวเดินให้ช้าที่สุด

หากจะขอแก้ไขคำสาบานยังจะทันอยู่ไหม....


ว่าจากนี้ไปไม่ว่าสองตระกูลจะพินาศเช่นไรข้าจะไม่สนใจ...เพราะข้า...จะทำตามความต้องการเพียงอย่างเดียวของตัวเองเท่านั้น นั่นก็คือ....เจ้า




แสงแดดยามสายของเช้าวันใหม่ส่องกระทบพื้นชาน ประตูบานเลื่อนด้านที่ติดกับสวนถูกเปิดเอาไว้ในขณะที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะกำลังนั่งพันผ้าพันแผลให้ตัวเองอย่างทุลักทุเล บาดแผลส่วนใหญ่ไม่สาหัสนัก หมอบอกว่าพักไม่กี่วันก็คงจะหาย

เมื่อวานนี้กว่าจะลงมาถึงศาลเจ้าด้านล่างก็มืดค่ำพอดี และก็ดูเหมือนว่าถ้าลงมาช้ากว่านี้อีกนิดคงได้กลายเป็นเรื่องใหญ่ เพราะเจ้าเมืองอิสุที่ลงมาถึงตั้งแต่ช่วงเย็นๆกำลังรวบรวมชาวบ้านให้ออกตามหาพวกเขาสองคนอยู่

ที่คิดจะออกตามหาก็เพราะว่าหนึ่งในคนที่หายไปคือโกคุเดระ ฮายาโตะสินะ....

ถ้าเป็นเขาที่หายไปคนเดียว....จะคิดตามหากันบ้างหรือเปล่า?

ตึง ตึง ตึง....

เสียงลงส้นเท้าหนักๆแบบนี้มีอยู่คนเดียวที่จะกล้าทำ และไม่นานประตูบานเลื่อนก็ถูกเปิดออกก่อนที่ร่างเล็กบางของเจ้าลูกชายคนสุดท้ายจะปรากฏตัวขึ้น ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินมองเขาอย่างพินิจพิจารณาแล้วก้าวขาเข้ามาในห้อง

“ สภาพแบบนี้จะไปเก็บหญ้าให้ข้าได้ไง”      น้ำเสียงผิดหวังดังขึ้นท่ามกลางความพิศวงของเด็กชายผมดำ....เขา?...จะไปเก็บหญ้า?...ตั้งแต่เมื่อไหร่แล้วเพื่ออะไร? ตัวของเขาเองแท้ๆยังไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย...นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงได้แต่เงยหน้ามองร่างเล็กด้วยสายตาสงสัยอย่างไม่ปิดบัง

“ ก็หญ้าอาหารกระต่ายของเจ้าไง มันหมดแล้ว! ต้องไปเก็บที่เนินข้างหลังนู้น”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่ เจ้ากระต่ายนั่นมันเป็นของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่ล่ะ? เห็นเจ้าลูกชายคนเล็กตัวดีนี่อุ้มไปอุ้มมาอยู่คนเดียวเลยไม่ใช่หรอ?

เด็กชายผมดำลอบยิ้มในใจ...สรุปว่า เรื่องใช้แรงงานหรืออะไรเหนื่อยๆนี่กะจะโยนให้เขาละสิ...มันน่าจับมาลงโทษนัก

แต่ก็นับว่าโกคุเดระ ฮายาโตะ ฉลาดเป็นกรดทีเดียว

“ ฮึ! เจ้าเป็นหนี้ข้าเลยนะคราวนี้ จะไปเก็บให้ก็ได้”     นั่นไง...อยู่ดีๆก็เป็นหนี้ซะงั้น....ใบหน้าคมพยายามกลั้นขำเอาไว้แล้วยังปั้นหน้านิ่งตอบกลับไป

“ เดี๋ยวสิ โกคุเดระ”     ก่อนที่ร่างเล็กจะหันหลังกลับไปเด็กชายผมดำก็เรียกเอาไว้เสียก่อน

“ อะไร?”

“ ช่วยข้า...พันแผลหน่อยสิ”     ใบหน้าคมเอ่ยบอกทั้งๆที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงจ้องอยู่ที่ใบหน้าเล็กอย่างต้องการจะเห็นทุกปฏิกิริยา นัยน์ตาสีมรกตคู่โตเบิกขึ้นน้อยๆและแก้มใสก็แดงระเรื่อเมื่อได้มองสภาพของเขาเต็มๆตา....ก็อย่างที่บอกแหละว่าเขากำลังพันผ้าพันแผลอยู่ เพราะงั้นท่อนบนจึงมีเพียงผ้าพันแผลหลุดลุ่ยๆห่อหุ้มร่างกายอยู่เท่านั้น

“ จะ เจ้า!! กล้าดียังไงมาใช้ข้า!”       แล้วใบหน้าแดงก็สะบัดไปอีกทางพร้อมกับร่างเล็กที่เดินปึงปังออกไป....ทำไมต้องหน้าแดงด้วยล่ะ? ปฏิกิริยาแบบนี้แหละที่น่าสนใจนัก ใบหน้าคมที่ลอบยิ้มมองตามจนแผ่นหลังเล็กลับหายไปจากสายตาก่อนจะกลับมาก้มหน้าก้มตาพันแผลของตัวเองต่อไป


ผ่านไปค่อนวัน....เจ้าคนที่ไปเก็บหญ้าก็ยังไม่กลับมา....



ไปไหนของเค้านะ....ใบหน้าคมหันซ้ายหันขวา ถ้าปล่อยให้เย็นไปกว่านี้ละก็คงได้เกิดโกลาหลเหมือนเมื่อตอนที่เจ้าลูกชายคนเล็กนั่นไปตกน้ำตกท่าเพราะช่วยกระต่ายแน่ๆ ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ เดินไปตามระเบียงทางเดินก่อนจะดักข้ารับใช้คนหนึ่งเอาไว้

“ ข้ากับโกคุเดระจะกลับมาช้าหน่อย พอดีหญ้าของกระต่ายหมดเลยจะไปเอา พวกเจ้าก็ยกอาหารไปรอไว้ในห้องก็แล้วกัน”      สั่งเอาไว้แบบนี้คงไม่มีใครวิ่งหากันให้แตกตื่นเพราะพวกเขาหายไปหรอกมั้งนะ

ขาที่ยังคงมีผ้าพันแผลก้าวลงจากเรือนก่อนจะเดินกระเผลกๆไปทางด้านหลัง ในใจก็ได้แต่หวังว่าจะเจอตัวเจ้าลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระไวๆ เพราะเขาเองก็ใช่ว่าจะหายดีแล้วเสียเมื่อไหร่

ท่ามกลางก้าวย่างที่เชื่องช้า เวลาก็ผ่านไปเรื่อยๆจนรอบกายเริ่มจะมืดสลัว




เสียงร้องโครกครากดังมาจากกระเพาะที่หิวโหย...แต่ทว่าไม่ใช่กระเพาะของยามาโมโตะ แต่เป็นกระเพาะของร่างเล็กๆที่ติดแหงกอยู่บนต้นไม้ต่างหาก

“ หิวจัง....”       นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองท้องฟ้าที่เริ่มจะดำสนิท จากหมู่เมฆที่เคลื่อนคล้อยลอยอยู่เป็นเพื่อนมาทั้งวัน บัดนี้กลับแปรเปลี่ยนเป็นหมู่ดาวที่ก้าวขามานั่งเป็นเพื่อน 

ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระนั่งห้อยขาแกว่งไปมาอยู่บนต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นอย่างโดดเดี่ยวอยู่บนเนินที่เขามักจะมานั่งดูดาวเป็นประจำในช่วงที่เจ้าเด็กผมดำนั่นยังไม่มาอยู่ที่นี่ มือเล็กยกขึ้นลูบท้องที่ส่งเสียงร้องกันให้ระงม ริมฝีปากเอ่ยบ่นถึงคนบางคน

“ ทำไมยังไม่มาอีกนะ เจ้าบ้านั่น...เจ้าต้องออกตามหาข้าสิ...หรือว่า...ป่านนี้จะกินข้าวคนเดียวไม่รอข้า แถมยังกินส่วนของข้าด้วยแน่ๆเลย คอยดูนะ ถ้าข้ากลับไปได้ละก็ ข้าจะเอาไม้ตีเจ้าให้ตายเลย”      ร่างเล็กนั่งบ่นงึมงำอยู่บนต้นไม้ ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้มั่นใจนักว่าอีกฝ่ายจะต้องออกมาตามหา ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้คนคนนั้นยังเคยปล่อยให้เขาเกือบจะจมน้ำตายอยู่เลย

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองท้องฟ้ายามรัตติกาล ท้องฟ้าดำมืดที่เหมือนกับแววตาของยามาโมโตะ....ไม่รู้ว่าทำไม เขาถึงอยากจะให้มันหายไป...

“ ถ้าเจ้ายังมีแรงไล่ตีข้าได้แบบนี้ เห็นทีข้าว่าข้ากลับดีกว่า”     แล้วจู่ๆเสียงที่อยากได้ยินมานานก็ดังอยู่ใกล้ๆ ทำให้นัยน์ตาสีมรกตรีบเหลือบลงไปมองที่โคนต้นไม้ ใบหน้าบูดสนิทแย้มบานขึ้นมาทันทีที่เห็นอีกฝ่าย

ดีใจที่อีกฝ่ายออกมาตามหา...ดีใจที่อีกฝ่ายรู้ว่าเขาอยู่ที่นี่....เดี๋ยว! ไม่สิ! ข้าก็แค่ดีใจที่จะได้กลับบ้านไปกินข้าวก็เท่านั้นแหละ ไม่ได้ดีใจที่ได้เห็นเจ้าบ้านั่นหรอก!

“ ไปนั่งทำอะไรอยู่บนนั้นล่ะ? ลงมาสิข้าชักจะหิวแล้วนะ”      ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยืนแหงนคอมองร่างเล็กที่นั่งอยู่บนกิ่งไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่สูงขึ้นไปมากทีเดียว เจ้าจอมซนนั่นขึ้นไปทำอะไรบนนั้นล่ะ? อันตรายไม่ใช่หรอน่ะ?

“ กะ ก็......”     

“ ก็ ?”

“ ก็ข้าลงเองไม่ได้น่ะเซ่ เจ้าโง่! ถ้าลงได้ข้าจะมาติดแหงกอยู่อย่างงี้หรอ ถามอะไรไม่รู้จักคิด!”     ใบหน้าเล็กหลับหูหลับตาด่าลงมาเป็นชุด...ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มในใจ...ใครมันจะไปคิดได้ละว่าลิงปานวอกแบบนั้นจะลงมาเองไม่ได้

“ แล้วเจ้าขึ้นไปทำอะไรบนนั้นล่ะ? หญ้าของกระต่ายเจ้ามันอยู่บนนั้นหรือไง?”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยอมรับว่ามันสนุกสนานทีเดียวที่จะได้ต่อปากต่อคำกับเจ้าเด็กผมเงินนั่น

ตั้งแต่เกิดมาเขาไม่เคยหยอกเย้าใครแบบนี้ ไม่เคยพูดกับใครมากขนาดนี้....

“ หญ้าบ้านเจ้าน่ะสิอยู่บนนี้! ก็ตอนที่ข้าเดินมาถึงนี่ ก็ได้ยินเสียงลูกแมวมันร้องเพราะมันลงไม่ได้...ข้าเลยปีนขึ้นมาช่วยมัน...แล้ว...แล้วทีนี้มันก็สูงใช่ไหมล่ะ? ข้าเลย...เลย....”      เลยลงมาไม่ได้เหมือนกัน?...ตกลงใครขึ้นไปช่วยใครกันแน่เนี่ย?

“ แล้วลูกแมวที่เจ้าว่าล่ะ? ไม่เห็นมีเลยนี่?”

“ ก็พอมันหิว มันก็โดดผล็อยลงไปเฉยเลย...น่าโมโหชะมัด ข้าอุตส่าห์ขึ้นมาช่วยมัน แล้วดูมันทิ้งข้าเอาไว้ซิ คอยดูนะ ถ้าเจอตัวละก็จะจับไปขังไว้ในห้องเจ้าซะให้เข็ด!”     เขาคงปล่อยให้ทำแบบนั้นหรอกน่ะ....

“ ยิ้มอะไรของเจ้า! มาช่วยข้าลงไปเลยนะ!”     คงจะเห็นเขาเผยรอยยิ้ม คนที่ยังติดอยู่บนต้นไม้เลยด่าลงมาอีกชุด เสียงดีขนาดนี้ทำไมไม่ร้องเรียกให้ใครช่วยละเนี่ย

“ ทำไมไม่ร้องเรียกให้ใครมาช่วยล่ะ?”

“ จะบ้าหรอ! ถ้าใครรู้เข้าว่าข้าลงจากต้นไม้เองไม่ได้ มีหวังโดนล้อไปทั้งชาติแน่ แล้วข้าก็รู้ว่าเดี๋ยวเจ้าต้องมาตามหาข้าแน่ ก็เลยรออยู่เนี่ย ช้าชะมัด”      ถึงแม้จะเป็นคำบ่นที่ดูเหมือนไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่คำพูดเมื่อครู่มันกลับทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้าง

โกคุเดระ.....เจ้ารอข้า.....เพราะคิดว่าข้าจะมาหาเจ้าแน่ๆ.....

หัวใจที่เคยเป็นแค่ภาชนะว่างเปล่ากลับรู้สึกอุ่นวาบราวกับมีอะไรมาเติมจนเต็ม....

เพิ่งจะรู้ว่าการถูกใครสักคนเชื่อใจ...มันทำให้ดีใจได้ขนาดนี้


“ อ้าแขนรับให้ดีล่ะ!”      เสียงตะโกนจากเบื้องบนทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะไม่มีเวลาตกอยู่ในภวังค์ ใบหน้าคมเงยขึ้นไปมองร่างเล็กๆที่ลุกขึ้นยืนอยู่บนกิ่งไม้อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตาว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร....อย่าบอกนะว่าจะโดดลงมา? ไหนบอกว่ารอให้เขามาช่วยไง?

“ ดะ เดี๋ยว!”       แต่ยังไม่ทันจะได้ห้าม เจ้าลูกชายคนเล็กก็กระโดดผล็อยลงมา แขนที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลยกขึ้นรับอย่างไม่ทันตั้งตัว แม้แต่จะตกลงมาตรงไหนยังไม่ทันจะได้ดูให้ดีด้วยซ้ำ ขาที่ยังกระเผลกๆอยู่ขยับไปให้แขนอ้ารับร่างเล็กได้ทันแบบฉิวเฉียด น้ำหนักที่ถึงจะเบาแต่ตกลงมาจากที่สูงขนาดนั้นก็เล่นเอาเด็กชายผมดำถึงกับหงายหลังลงพื้น

“ อุก....”     แผลเก่ายังไม่ทันจะหายดีก็มีแผลใหม่มาซ้ำอีก ใบหน้าคมถึงกับบิดเบี้ยวเมื่อแผ่นหลังกระแทกพื้นดินนุ่มเข้าไปเต็มๆ

“ ลงพื้นอย่างสวยงาม ฮึ!”     แต่เจ้าคนที่อยู่ในอ้อมแขนกลับไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด ถึงจะดีแล้วแต่ก็แอบหมั่นไส้ไม่ได้ในเมื่อใบหน้าเล็กยังลอยไปลอยมาอย่างไม่คิดจะสำนึกผิด

“ เพื่อเป็นการขอบใจ ข้าจะให้เจ้าได้ดูอะไรสวยๆ”      นัยน์ตาสีมรกตระยิบระยับหันมามองคนที่ตัวเองนั่งทับอยู่....ส่วนอะไรสวยๆที่ว่าน่ะ.....



มันก็แค่ให้เขานั่งดูดาวเป็นเพื่อนก็เท่านั้นเองไม่ใช่หรือไง?

น่าแปลก ทั้งๆที่เมื่อครู่ท้องยังหิวอยู่เลยแต่บัดนี้กลับไม่รู้สึกว่าจะอยากกลับเรือนไปกินอะไร ร่างสองร่างนั่งอยู่ข้างๆกันบนเนินหญ้าภายใต้ท้องฟ้าพร่างพราวที่กระจ่างไปด้วยดวงดาวนับล้าน สายลมอ่อนๆพัดมาปะทะใบหน้าทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้เผลอมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆกัน เส้นผมสีเงินละเอียดพลิ้วไหวไปกับกระแสลมคลอเคลียแก้มป่องใสยิ่งทำให้น่าลูบไล้

นึกถึงเมื่อครั้งแรกที่เขามาที่เนินแห่งนี้กับคนข้างๆ ตอนนั้นภายในจิตใจยังคงไม่เปิดให้อีกฝ่ายมากมายขนาดนี้

ไม่ใช่แค่กับโกคุเดระหรอก...แต่ตอนนั้นเขาไม่คิดจะเปิดใจให้กับอะไรเลย....

เพราะผู้เป็นแม่พร่ำสอนเขามาตั้งแต่ยังเด็ก....ว่าชนชั้นนักรบอย่างเรา สิ่งที่เรียกว่าความรู้สึกนั้นคือสิ่งที่ไม่จำเป็น

ถ้าไม่อยากเจ็บปวดก็จงอย่าได้มีความรัก....


ตอนนั้นเขาจึงไม่มีอะไรที่ต้องการ อีกทั้งยังไม่เคยเชื่อเรื่องของแรงอธิษฐาน...ไม่เชื่อ...ว่ามันจะทำให้อะไรเป็นจริงขึ้นมาได้....แต่ตอนนี้ ต่อให้เป็นสิ่งที่เป็นเพียงความเชื่อ เขาก็อยากจะลองอธิษฐานดู

“ อ๊ะ! ดาวตก! อธิษฐานสิ!”      เสียงของคนข้างๆทำให้เขาหลับตาลง...ในใจไม่ได้ว่างเปล่าเหมือนเมื่อคราวที่แล้วอีกต่อไป

เพราะคราวนี้มีเพียงคำพูดเดียวที่ดังก้องอยู่ในหัว

หากดวงดาวจะเมตตา ข้าอยากจะขอเพียงเรื่องเดียว....


...โกคุเดระ ฮายาโตะ...
...อยากอยู่กับเจ้า...ตลอดไป.....



นัยน์ตาสีเปลือกไม้ลืมขึ้นมาก่อนจะหันหน้าไปมองคนข้างๆที่ยังคงหลับตาอธิษฐานไม่เสร็จ ริมฝีปากแดงขมุบขมิบจนคนมองได้อมยิ้ม แพขนตาที่แนบลงบนแก้มป่องทำให้ใบหน้าคมเผลอขยับเข้าไปหาอย่างไม่อาจควบคุม

ก่อนที่ริมฝีปากจะแนบลงไปที่แก้มนุ่มของโกคุเดระ

ถึงแม้จะแผ่วเบาแต่เจ้าคนถูกจูบที่แก้มก็ทันรู้ตัว นัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นมาทันที

“ เจ้า! ทำอะไรน่ะ?!”     ใบหน้าน่ารักหันควับมามองด้วยดวงตากลมโตเบิกกว้าง มือเล็กยกขึ้นมากุมแก้มใสที่เริ่มจะแดงระเรื่อของตัวเองไว้  ใบหน้าคมของเด็กชายผมดำได้แต่ยิ้มอ่อนโยนไปให้โดยไม่พูดอะไร ยิ่งทำให้คนปากดีได้แต่อ้าปากพะงาบๆอย่างพูดอะไรไม่ถูก

“ ขะ ข้า จะ เจ้า....ข้าไม่ใช่เด็กเล็กๆนะ ขะ ข้าไม่หลงกลเจ้าหรอกถ้าเจ้าจะบอกว่าให้ข้าเป็นเจ้าสาวของเจ้าน่ะ”     ริมฝีปากเล็กพูดด้วยใบหน้าเลิ่กลักแต่ก็แดงเถือกจนคนมองได้แต่แอบขำ ทั้งท่าทางตื่นๆ ทั้งความคิดที่ราวกับเด็กๆนั่นยิ่งทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะถึงกับกลั้นเอาไว้ไม่ไหวจนต้องหัวเราะออกมาจนได้

“ ฮ่าๆๆ เจ้านี่ตลกจัง เจ้าเป็นผู้ชายแล้วจะมาเป็นเจ้าสาวของข้าได้ยังไงล่ะ”     ใบหน้าคมที่หัวเราะออกมาแบบนั้นทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับมองตาค้าง เพราะนั่นคือครั้งแรกตั้งแต่มาอยู่ด้วยกันที่ยามาโมโตะยิ้มและหัวเราะออกมา ใบหน้าที่ไร้ความกังวลใจ ไร้ความมืดมนของคนตรงหน้ามันทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นแปลกไปอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร

อยากเห็น...อยากเห็นเจ้าเป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว...

“ จะ เจ้าแกล้งข้าหรอ?!     ฝ่ามือเล็กทุบตีอีกคนที่ยังหัวเราะไม่หยุด ใบหน้าใสยิ่งร้อนผ่าวราวกับจะระเบิดออกมาให้ได้ ก่อนที่มือของเด็กชายผมดำจะจับมือเล็กเอาไว้ นัยน์ตาสีเปลือกไม้ฉายแววจริงจังจ้องมองลึกลงไปในดวงตาสีมรกต ริมฝีปากขยับเป็นคำพูดที่ทำเอาลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระถึงกับชะงักค้างอย่างทำอะไรไม่ถูก


“ นี่โกคุเดระ....ถึงเจ้าจะเป็นเจ้าสาวของข้าไม่ได้...แต่ข้าจะยกให้เจ้าอยู่เหนือใครๆ...ในหัวใจของข้า”


จะยกให้เจ้าเป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตข้า....


ดูเหมือนว่าเจ้าลูกชายคนเล็กจะจิตหลุดไปไกล เพราะหลังจากที่เขาพูดประโยคนั้นออกไป ใบหน้าใสก็ยังคงแดงเถือกอยู่อีกนานสองนาน เสียงกระเพาะร้องประท้วงทำให้เราสองคนลุกออกมาจากตรงนั้นก่อนจะตรงกลับเรือนพักที่ยังคงเงียบสงบ

“ จริงสิ...ข้าว่าจะถามเจ้ามาตั้งนานแล้ว...พี่ชายคนไหนของเจ้าที่ต้องถูกส่งตัวไปเป็นตัวประกันที่คามาคุระ...ข้าอยากจะเตือนอะไรไว้เสียหน่อย”     ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเอ่ยถามคนที่เดินอยู่ข้างๆกัน

“ ตัวประกัน?”      แต่ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระกลับมองกลับมาด้วยใบหน้าประหลาดใจ

“ เจ้าก็น่าจะรู้แล้วนี่ ว่าข้าคือตัวประกันที่มาจากคามาคุระ และอิสุเองก็ต้องส่งลูกชายไปเป็นตัวประกันอยู่ที่นั่นเช่นกันเพื่อเป็นการแลกเปลี่ยน”

“ เอ๋?? ไม่เห็นมีนี่? ข้าไม่ได้ข่าวว่าเจ้าพี่ชายคนไหนต้องไปเลยนะ แล้วในเมื่อเจ้ามาเสนอหน้าอยู่ในบ้านข้ามาตั้งหลายเดือนแล้ว ถ้าทางนี้ต้องส่งใครไป ก็ต้องไปแล้วสิ แต่นี่พี่ชายข้ายังอยู่ครบ...”

ใบหน้าคมมีแต่ความประหลาดใจ...เป็นไปไม่ได้....ต้องมีแน่ๆ...เพราะเขาเห็นตราตั้งที่ถูกส่งมาจากอิสุเรื่องการขอแลกเปลี่ยนตัวประกันมากับตา

“ แล้วไง? จะเตือนอะไรห๊ะ? บ้านเจ้ามีหมีหรือไง?”      เด็กชายผมดำลอบถอนหายใจที่อย่างน้อยร่างเล็กตรงหน้าก็ไม่ใช่คนที่ถูกส่งตัวไป

เพราะหากโกคุเดระต้องไปเจอกับคนเลือดเย็นเช่นนั้น...จะเป็นเช่นไรก็ไม่รู้

“ ไม่มีหมีหรอกน่า...แต่ว่า....มีพี่ชายของข้าอยู่....ต้องระวัง...คนคนนั้นเอาไว้ให้ดีๆ”

.
.
.
.
.
.

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตที่บัดนี้ไม่เหลือแววของความสดใสจ้องมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่อย่างเจ็บใจ ปลายดาบไม้ปักพื้นอยู่ข้างแก้มที่มีรอยแดงเป็นทางยาว ร่างทั้งร่างได้แต่นอนคว่ำอย่างหมดแรง มือเล็กๆก็สั่นระริกด้วยไม่เคยจับอาวุธมาก่อนในชีวิต

ถึงแม้ที่ปลายนิ้วจะด้านอยู่บ้างเพราะการเล่นดนตรีแต่มือที่เคยนุ่มนิ่มบัดนี้กลับแตกพองจนเลือดไหลซิบ

“ ลุกขึ้นมาเจ้าสัตว์กินพืช”     น้ำเสียงเย็นชาของเงาดำทะมึนที่จ้องมองตนราวกับเหยี่ยวกำลังล่าเหยื่อ ทำให้ร่างทั้งร่างสั่นสะท้าน ท่อนแขนเล็กๆปวดล้าไปทุกอณู สองขาเองก็ไม่มีแรงแม้แต่จะยืน ตอนนี้มีเพียงอย่างเดียวคือจะปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาไม่ได้

เพราะเขายังมีศักดิ์ศรีของเมืองอิสุค้ำคออยู่

ท่านแม่...บอกข้าที...

ว่าทำไม...ข้าจะต้องมาอยู่ที่นี่ด้วย.....



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....




^ ^”””  ปาดเหงื่อ...ทั้งๆที่ในหิมะฯ คู่รองมันออกจะลัลลา แต่ไมในเรื่องนี้คู่รองแม่งดันดราม่ายิ่งกว่าคู่หลัก ^ ^””” ก็แบบว่าเห็นทูน่าโมเอ้แล้วมันอดที่จะรังแกไม่ได้นี่นา ยังไงก็ฝาก 1827 เรื่องที่สองไว้ด้วยนะค้า...ไม่ค่อยจะมั่นใจเท่าไหร่ว่าแต่งออกมาแล้วจะโอเคไหม แหะแหะ ก็จะพยายามกันต่อไป >_<//

มาพูดถึงเรื่องโกดังแห่งนี้กันบ้าง ส่วนใหญ่คงจะทราบกันแล้วเนอะ ว่าเวปมัลติพลายกำลังจะปิดตัวลงในวันที่ 1 ธันวาคมนี้ ทำให้เราจำเป็นต้องย้ายบ้านใหม่กัน *พรากๆๆ*  ข้าพเจ้าเองยังออกแนวขี้เกียจสันหลังยาวหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่555 ก็นะ จะให้ย้ายทั้ง 200เอนทรีไปลงใหม่ เป็นใครก็อยากจะบอกลาทั้งนั้นอ่ะ ฮึกๆๆ

ก็เอาเป็นว่า พร้อมเมื่อไหร่จะประกาศอีกทีว่าจะย้ายไปไหน อะไรยังไง TT^TT ถ้าประกาศในนี้ไม่ทันก็ไปดูในเฟสบุคเก๊าเอาละกันนะ

แต่เตือนไว้ก่อนสำหรับใครที่จะย่องเข้าไปดูในเฟสข้าพเจ้า ถึงจะเปิดสาธารณะไว้ไม่ต้องแอดก็ดูได้ แต่มันเป็นหน้าเพจที่ สปอยด์กระจายและวายสุดหูรูด ฮ่าๆๆ เพราะงั้นใครกลัวสปอยด์และไม่อยากเห็นอะไรวายๆหนูรับไม่ได้ไรงี้ ก็อย่าเปิดเข้าไป ^ ^” เตือนแล้วนา...จะมาไล่ด่าตรูทีหลังระวังจะโดนเชือด ส่วนใครที่แอดแล้วรำคาญอินี่พร่ำเพ้อจะถอนตัวไปก็ได้ค่ะไม่ว่ากัน ^ ^

Waketsu Saya ค่ะ!!


4 ความคิดเห็น:

  1. เจ้าตัวเนียนนี่ดาร์กแต่เด็กแบบสุดๆ
    คิดนู่นคิดนี่วางแผนเต็มที่ แต่สุดท้ายก็แพ้ใจตัวเองล่ะน้า

    ก๊กน่ารักจังเลยค่ะ อยากเห็นออกมาเป็นภาพจังเลยว่าจะงามขนาดไหน>w<

    คุณฮิกับทูน่าโผล่แล้ว คู่นี้ดูดราม่ากว่าจริงๆค่ะ ดราม่าตั้งแต่ปิดตัวเลย

    อ่านต่อ ฮึบๆ

    ตอบลบ
  2. สะใจ ตอนเมื่อกี้ปล่อยเค้าเกือบตาย
    ตอนนี้เลยเบิ้ลสอง ล้มทับตอนขึ้นเขาไม่พอ กระโดดทับซ้ำจากต้นไม้อีก เกงมากลูกแม่
    ว่าแต่คิดอะไรก็เข้าข้างตัวเองซะหมดเลยนะ ดีที่อีกฝ่ายเป็นยามะนะ ไม่งั้นโดนดีแน่ๆ
    (เราคนนึงล่ะจะจับมาฟัดแก้มซ้ายขวา รัวๆ)

    เสียดายจัง อีกใจเค้าก็อยากได้ฮิบะก๊กอ่ะ แหะๆๆ

    ตอบลบ
  3. ขอสารภาพตามตรงว่าไม่ค่อยชอบ 1827 เท่าไหร่ ชอบ 6927 มากกว่า แต่ยังไงก็อ่านอยู่ดี เพราะรักหนูก๊กและคนแต่ง >< คู่รองนี่มาถึงก็มีน้ำตาและเลือดเลยทีเดียว sm หรือคะเนี่ย

    ตอบลบ
  4. สงสารสึง่ะ ดีใจที่มี 1827 ด้วย

    ตอบลบ