KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 01
: KHR Fanfiction Au
: 8059 1827
: Period Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
สมัยคามาคุระ....คือยุคแรกที่ดินแดนแห่งอาทิตย์อุทัยถูกปกครองด้วยชนชั้นนักรบ
คนที่มีอำนาจสั่งการทหารมิใช่จักรพรรดิแต่กลายเป็นโชกุน...คนที่ชี้นำทิศทางของประเทศคือนักรบเฉกเช่นซามูไรมิใช่เพียงนักปราชญ์
ฉะนั้นการเกิดมาในตระกูลนักรบซึ่งเป็นชนชั้นปกครองของยุคสมัยนั้น....มีร่างกายแต่ก็เหมือนมิใช่ของตัวเอง....
เพราะหากมันจะเป็นประโยชน์ต่อตระกูลของตนแล้ว...อาจจะถูกจับแต่งงานการเมืองหรือไม่ก็กลายเป็น......ตัวประกัน
ถ้าไม่อยากเจ็บปวดก็จงอย่าได้มีความรัก....
นั่นคือสิ่งที่ผู้เป็นแม่พร่ำสอนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย....
และถ้าเขาจะใส่ใจมันสักนิด.....
หัวใจที่ปิดสนิทก็คงจะไม่ต้องทุรนทุรายเหมือนคนใกล้ตายแบบนี้....
.
.
.
.
.
.
ลูกธนูปักลงไปข้างๆแป้นที่ใช้ฝึกอย่างน่าเสียดาย ใบหน้าเล็กของคนที่เป็นเจ้าของลูกธนูนั้นงอหงิกเพราะไม่ได้ดั่งใจขึ้นมาทันที
“ น่าเสียดายจังน้า ฮายาโตะ...” น้ำเสียงเย้ายวนกวนโมโหดังขึ้นมาจากเด็กชายผู้สูงวัยกว่า ตามมาด้วยเสียงหัวเราะอีกหลายเสียงจากเด็กชายที่วัยไล่เลี่ยกันลงมาแต่ก็ยังนับว่ามากกว่าร่างเล็กๆของเจ้าของชื่อ ‘ฮายาโตะ’ อยู่ดี
“ ตั้งใจฝึกเข้าล่ะ...อย่างน้อยถ้าเจ้ามีฝีมือพอจะออกรบได้ จะได้ไม่ต้องถูกส่งตัวไปแต่งงานกับท่านหญิงที่น่าสงสาร ฮ่าๆๆ” ถ้อยคำกวนประสาทมาพร้อมกับมือใหญ่ๆที่โยกหัวสีเงินเล็กๆนั่นไปมา จะว่าด้วยความเอ็นดูก็น่าจะใช่ แต่คนที่ถูกกระทำกลับไม่ได้คิดแบบนั้น มือที่เล็กกว่าเยอะจึงยกขึ้นก่อนจะชี้นิ้วด่ากราด
“ หนอย...คอยดูเถอะ! สักวันข้าจะเก่งกว่าพวกเจ้า แล้วยึดเอาตระกูลมาเป็นของข้า รวมทั้งเมืองนี้ด้วย ไอ้พวกพี่บ้า!!!” แล้วก็ดูท่าทางว่าคนที่ถูกด่าจะไม่ได้รู้สึกรู้สาหรือจะหาความอะไรกับร่างเล็กๆนั่นมากนัก เมื่อต่างโบกมือให้แล้วเดินออกไปจากโรงฝึกธนูด้วยรอยยิ้ม ปล่อยให้ร่างเล็กของน้องชายคนสุดท้องยืนฟึดฟัดอยู่กับคันธนูตามลำพัง
“ อ้าว....พวกพี่ๆของเจ้าไปกันหมดแล้วหรอ?” น้ำเสียงไพเราะดังขึ้นเมื่อประตูถูกเปิดออกอีกครั้ง
“ ท่านแม่.....” ร่างเล็กตรงดิ่งเข้าไปกอดเอวผู้เป็นมารดา
“ ถ้าเจ้ายังอ้อนแม่อยู่แบบนี้ก็ไม่มีวันยึดตำแหน่งผู้นำตระกูลมาจากพี่ของเจ้าได้หรอกนะ” น้ำเสียงไพเราะพูดหยอกล้อคนที่ยังซบหน้าอยู่กับเอวของตน
“ ท่านแอบฟังข้าหรอ?! เป็นความผิดท่านนั่นแหละที่ให้ข้าเกิดมาทีหลังเจ้าพี่พวกนั้นตั้งเยอะขนาดนี้” ใบหน้าน่ารักเงยขึ้นมาเอ่ยน้ำเสียงเง้างอดให้ผู้เป็นแม่นึกเอ็นดู
เด็กคนนี้....โกคุเดระ ฮายาโตะ....เป็นลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระซึ่งเป็นตระกูลนักรบและเป็นตระกูลที่ปกครองเมืองอิสุอยู่...ด้วยความที่เกิดมาห่างจากพี่ชายคนที่ไล่กันถึงเจ็ดปีทำให้ใครๆในตระกูลมักจะเอ็นดูราวกับเป็นเด็กๆอยู่เสมอ ทั้งๆที่เวลานี้เจ้าตัวก็มีอายุย่างแปดปีเข้าไปแล้ว ส่วนหนึ่งอาจจะมาจากนิสัยที่เอาแต่ใจด้วยความเป็นลูกชายคนเล็ก และยังมีรูปร่างหน้าตาที่ดันถอดแบบมาจากมารดามากกว่าบิดาอย่างเห็นได้ชัด จึงมักโดนเย้าแหย่ด้วยความรักจากคนส่วนใหญ่ในตระกูล
“ ไปหาท่านพ่อของเจ้ากันเถอะ....เห็นว่ามีหน้าที่สำคัญจะมอบหมายให้เจ้าแน่ะ ถ้าทำสำเร็จตำแหน่งเจ้าบ้านรุ่นต่อไปอาจจะเป็นของเจ้าก็ได้นะ” ผู้เป็นมารดาเอ่ยหลอกล่อให้วงหน้าเล็กยิ้มรับอย่างติดกับ ความกระตือรือล้นเกิดบนใบหน้าน่ารักขึ้นมาทันที
“ งั้นหรอๆ เห็นไหมล่ะ ขนาดท่านพ่อยังเห็นถึงความเก่งกาจของข้าเลย” เสียงเจื้อยแจ้วดังไปตามระเบียงทางเดินจวบจนทั้งสองแม่ลูกไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องรับรองที่อยู่หน้าสุดของหมู่อาคารทั้งหมด
และเมื่อประตูถูกเปิดออก....
ท่วงทำนองของบทเพลงต้องห้ามก็ได้เริ่มบรรเลงขึ้นโดยที่ไม่มีใครทันรู้ตัว....
“ มาพอดีเลย นั่งลงสิฮายาโตะ” เจ้าเมืองอิสุผายมือไปที่ฟูกรองนั่งที่ยังว่างอยู่ให้กับลูกชายคนเล็กที่เดินเข้าไปด้วยท่วงท่ามั่นใจ ร่างเล็กไม่ได้มีแววตื่นตระหนกเมื่อต้องออกสู่สังคมด้วยถูกฝึกมาเป็นอย่างดี
“ ข้ามีหน้าที่จะมอบหมายให้แก่เจ้า” ใบหน้าเล็กเชิดขึ้นแต่กระนั้นนัยน์ตาสีมรกตสดใสก็แอบเหลือบมองใครอีกคนที่นั่งอยู่ภายในห้องนั้นด้วย
เป็นเด็กชายที่น่าจะมีอายุไล่เลี่ยกัน แต่ก็หาได้มีแววตาหรือกิริยาที่สดใสเปล่งประกายเหมือนลูกชายคนเล็กของเจ้าเมืองอิสุไม่
เด็กคนนั้นมีนัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ฉายแววมืดมน มีเส้นผมสีดำสนิทราวกับสีของรัตติกาล มีใบหน้าคมคายฉายชัดว่าจะหล่อเหลาเมื่อโตขึ้นแต่มันกลับเย็นชาจนน่ากลัว และถึงแม้ว่าร่างกายจะอยู่นิ่งๆแต่ก็รู้สึกได้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
“ นี่คือลูกชายคนเล็กของข้า...โกคุเดระ ฮายาโตะ...และเขาจะรับหน้าที่ดูแลเจ้าตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่” เจ้าเมืองอิสุหันไปพูดกับเด็กชายผมดำด้วยท่าทางเป็นทางการ นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนเพียงแค่เหลือบมามองใบหน้าของอีกฝ่ายเล็กน้อย เล่นเอาเจ้าคนที่อยู่ไม่สุขถึงกับคิ้วกระตุกขึ้นมาทันที
“ ฮายาโตะ...นี่คือบุตรชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ....ตั้งแต่วันนี้เค้าจะมาอยู่กับเรา เจ้าช่วยดูแลเค้าด้วย” ใบหน้าเล็กถึงจะเริ่มงอหงิกแต่ก็โค้งรับคำสั่งแต่โดยดี....มานึกดูให้ดีตระกูลยามาโมโตะนั้นก็เป็นตระกูลนักรบเฉกเช่นเดียวกับตระกูลของเขา แถมพื้นที่ปกครองยังอยู่ในคามาคุระซึ่งนับว่าเป็นเมืองที่สำคัญมากอีกต่างหาก แล้วเหตุใดจึงส่งลูกชายมาอยู่ที่ตระกูลของเขาได้ล่ะ?
“ ถ้าเจ้ามีเรื่องเดือดร้อนอันใดหรือมีสิ่งใดที่ต้องการก็บอกฮายาโตะได้...เอาละ...เชิญพักผ่อนตามสบายนะ” เมื่อผู้เป็นพ่อเอ่ยออกมาเช่นนั้นหมายความว่าให้ออกไปจากห้องได้ ร่างเล็กจึงได้แต่โค้งคำนับแล้วเดินนำอีกคนออกมา
“ เจ้าชื่ออะไร?” ร่างเล็กเอ่ยถามทำลายความเงียบ แต่คนที่เดินตามมาก็ยังไม่ยอมตอบ ลูกชายคนเล็กของเจ้าเมืองอิสุจึงตวัดตัวกลับไปจ้องใบหน้าของคนที่เดินอยู่ข้างหลังเขม็ง
“ ข้าถามชื่อของเจ้า?!” น้ำเสียงห้วนห้าวหาญไม่สมรูปร่างหน้าตาทำให้ร่างที่สูงกว่าจำต้องเอ่ยตอบทั้งๆที่สีหน้ายังคงนิ่งเฉย
“ ยามาโมโตะ....ทาเคชิ...” ก็แค่นั้นแหละ! ร่างเล็กตวัดตัวกลับมาเดินต่อก่อนจะแอบเหลือบมองคนที่เดินอยู่ข้างหลังเป็นระยะๆ บรรยากาศดำมืดที่ส่งผ่านออกมาทำให้คิดว่าหมอนี่ไม่คิดที่จะยิ้มจะแย้มให้เจ้าของบ้านอย่างเขาบ้างหรือไงกัน
“ นี่! ถ้าเจ้าเป็นคนของตระกูลยามาโมโตะละก็ คงจะใช้ดาบเป็นใช่มะ? ถ้างั้นกล้าประลองกับข้ารึเปล่าล่ะ?!” ร่างเล็กหันไปท้าอีกฝ่ายที่ยังคงมีใบหน้านิ่งเฉย ก่อนที่ฝ่าเท้าเล็กจะพาลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะออกนอกเส้นทางที่จะต้องไป
แล้วทั้งคู่ก็มาหยุดอยู่ที่หน้าโรงฝึกแทนที่จะเป็นเรือนพัก....
“ ข้าจะใช้ดาบสู้กับเจ้าก็ได้ เพราะหากใช้ธนูเดี๋ยวเจ้าจะหาว่าเจ้าบ้านอย่างข้ารังแกเจ้า เอ้า รับไปสิ!” ดาบไม้ถูกโยนไปให้เด็กชายผมดำรับเอาไว้ นัยน์ตาที่มีแววดำมืดส่องประกายขึ้นมาเล็กน้อยยามที่ได้จับดาบ
“ ข้าไม่ออมมือให้หรอกนะ ระวังตัวเอาไว้ด้วยล่ะ” เจ้าคนปากกล้ายังคงพูดฉอดๆ ยิ่งเห็นยามาโมโตะที่ยังคงนิ่งเฉยจับดาบด้วยท่าทางราวกับเห็นตนเป็นคนที่ไม่คู่ควรจะสู้ด้วย ใบหน้าน่ารักยิ่งฟึดฟัดมากกว่าเดิม สองมือเล็กจับดาบไม้มั่นก่อนจะวิ่งเข้าใส่ด้วยเพลงดาบที่เคยร่ำเรียนมา
แต่ทว่า....ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะกลับตวัดสกัดเพลงดาบนั้นได้อย่างง่ายดาย ดาบไม้ในมือเด็กชายผมดำฟาดลงมาที่ดาบไม้ในมือร่างเล็ก น้ำหนักที่ใส่ลงมานั้นไม่มีคำว่าออมแรง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่จ้องมองใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินนั้นไม่มีแววของคำว่ามิตร มีแต่จิตสังหารที่ตั้งใจจะเล่นงานกันให้ตายไปข้าง
ร่างเล็กได้แต่ตั้งรับด้วยมืออันสั่นระริก ริมฝีปากสีแดงได้แต่ขบเม้มอย่างเจ็บใจที่แรงของตนไม่อาจสู้คนตรงหน้าได้เลยสักนิด ยิ่งนัยน์ตาสีมรกตมองสบประสานเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้มืดมิดก็ยิ่งรู้สึกราวกับจะถูกแร่เนื้อเถือหนังด้วยจิตมุ่งร้ายที่พุ่งมายังเขานั่น และก่อนที่จะเพลี่ยงพล้ำ ดาบไม้จากที่ไหนก็ไม่รู้ก็สอดเข้ามาเหวี่ยงดาบของยามาโมโตะออกไปเสียก่อน
ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระได้แต่ทรุดนั่งหอบหายใจอยู่ที่พื้นโรงฝึก....สายตาที่มืดมนแบบนั้นมันอะไรกัน.....
แล้วเขาไปทำอะไรให้หรือไงกันถึงได้ไม่ยั้งมือกันเลยแบบนี้
นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องไปที่สองคนซึ่งกำลังประดาบกันอยู่ตรงหน้า คนที่มาช่วยเขาไว้คือพี่ชายคนโตซึ่งเรื่องดาบไม่เป็นสองรองใครในบรรดาพี่ชายทั้งหมด และด้วยความที่โตกว่ายามาโมโตะเยอะจึงได้เปรียบ ร่างเล็กได้แต่นั่งมองทั้งสองคนไปมา ทั้งๆที่อีกฝ่ายก็เป็นเด็กที่อายุน่าจะเท่าๆกับเขาแต่พี่ชายกลับไม่ได้ออมแรงเอาไว้เหมือนตอนที่ฝึกดาบให้เขาเลยแม้แต่น้อย เพราะอะไรกัน แค่ประดาบกับเด็กๆถึงต้องจริงจังขนาดนั้นด้วย? เขามองพี่ชายอย่างไม่เข้าใจ เพราะใบหน้าของพี่ชายนั้นเอาจริงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ เพราะแบบนั้นเด็กชายผมดำจึงถูกเล่นงานจนต้องเป็นฝ่ายตั้งรับ และในจังหวะสุดท้ายดาบไม้ในมือก็ถูกงัดโดยดาบของพี่ชายจนหลุดมือกระเด็นไปไกลพร้อมกับปลายเท้าที่ถูกตวัดโดยขาของพี่ชายจนลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะหงายหลังล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
แต่การประดาบของเด็กๆก็ไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้น เมื่อดาบไม้ในมือพี่ชายกลับชี้จ่อลงไปที่คอของยามาโมโตะพร้อมด้วยสายตาเหยียดๆของพี่ชายที่มองลงไปยังคนที่เงยหน้ามองขึ้นมา
และคนที่ตกเป็นรองก็ไม่ได้มีท่าทางกลัวเกรง เมื่อนัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงจ้องตอบกลับไปด้วยแววนิ่งสนิท
วูบหนึ่งเขามองเห็นซึ่งความแค้นอยู่ในดวงตาคู่นั้น....
“ ท่านพี่!!” ร่างเล็กตะโกนเรียกทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัด ดาบไม้ถูกลดลงไปก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายจะหันหลังให้
“ เจ้าควรจะรู้ตัวนะ ว่าถูกส่งให้มาอยู่ที่นี่ในฐานะอะไร....และไม่ควรเอาจิตสังหารเช่นนั้นมาใช้กับฮายาโตะ” ผู้เป็นพี่ชายพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยน้อยๆอย่างที่น้องชายคนเล็กไม่เข้าใจความหมาย แต่กับอีกฝ่ายแล้วไม่ใช่
ในเมื่อลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเข้าใจดี....เข้าใจความหมายของทุกประโยคนั้นดี.....มือถึงได้จำต้องกำเอาไว้อย่างเจ็บใจ
“ ท่านพี่!! กลับเรือนของเจ้าไปได้แล้ว! มายุ่งอะไรกับการประลองของข้าเนี่ย ไปเลยนะ” เสียงตะโกนไล่ของร่างเล็กๆนั่นทำให้ใบหน้าคมคายเงยขึ้นไปมอง
“ ฮ่าๆ ข้ามาช่วยเจ้าไม่ให้โดนรังแกจนร้องไห้ขี้มูกโป่ง ยังไม่ขอบใจอีก”
“ ใครต้องการ?! ไปเดี๋ยวนี้เลย ไม่งั้นข้าจะฟ้องท่านแม่”
ภาพของพี่น้องที่กระเซ้าเย้าแหย่กันอยู่ตรงหน้าทำให้มือของเด็กชายผมดำเผลอกำแน่นกว่าเดิม เพียงเพราะหน้าที่ เพียงเพื่อตระกูล เพื่อความสงบสุขของบ้านเมืองของเขา ต่อให้โดนดูถูกเหยียดหยามหรือไม่ได้รับการต้อนรับจากคนที่นี่ยังไง เขาก็คงได้แต่เก็บมันเอาไว้ในใจ
ในเมื่อเขาตระหนักดีในหน้าที่ของ....ตัวประกัน
“ ห้องของข้าอยู่ข้างๆนี่ ถ้าเจ้ามีอะไรก็เรียกข้าแล้วกัน...ฮึ...ถ้ากลางคืนเกิดกลัวขึ้นมาจนไม่กล้าไปห้องน้ำคนเดียวละก็....ข้าจะไปเป็นเพื่อนก็ได้” ใบหน้าคมมองเข้าไปในห้องที่กว้างขวางสมฐานะ ถึงแม้จะเรียบโล่งแต่การประดับฝาผนังและเพดานก็ประณีตสมกับที่เป็นเรือนของเจ้าเมืองทีเดียว ร่างเล็กๆที่เป็นผู้ดูแลเขาหันหลังออกจากห้องไป ทิ้งให้เขาได้อยู่คนเดียวเสียที มือเลื่อนเปิดประตูอีกฝั่งที่เชื่อมต่อกับสวน นัยน์ตาสีเปลือกไม้นิ่งสนิทเหม่อมองไปในความเขียวขจีทั้งๆสิ่งที่มองเห็นก็เป็นเพียงแค่ความมืดมน
ผู้ดูแลงั้นหรอ....แล้วมันต่างอะไรกับคนที่คอยจับตามองเขากันเล่า....
เสียงเคาะที่ประตูหน้าห้องทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้จำต้องเปิดขึ้นมาในความมืด มือควานหาไม้ขีดไฟก่อนจะจุดเทียนที่ตั้งอยู่ข้างฟูกนอนให้สว่างพอจะมองเห็น นี่เป็นคืนแรกที่ต้องมานอนต่างบ้านต่างเมือง ทั้งๆที่กำลังจะข่มตาให้หลับลงได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ก็โดนปลุกขึ้นมาเพราะใครบางคนจนได้
“ เจ้า....จะไปห้องน้ำใช่ไหม มาสิ ข้าจะไปเป็นเพื่อน...” ร่างเล็กๆของเจ้าเด็กผมสีเงินยืนขยุกขยิกอยู่หน้าห้อง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่จ้องมองด้วยความสงสัยว่าเขาอยากจะไปห้องน้ำตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?
“ มาสิ ไม่ต้องกลัวหรอกน่า!” ไม่ว่าเปล่า มือเล็กนั่นยังจับแขนเขาก่อนจะออกแรงลากให้เดินตาม....แล้วไหงคนที่มาเป็นเพื่อนถึงได้วิ่งเข้าห้องน้ำไปก่อนเขาแบบนี้ล่ะ?
สรุปว่าคนที่กลัวจนมาเข้าห้องน้ำเองคนเดียวไม่ได้คือเจ้าคนปากดีนี่เองสินะ....
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองแผ่นหลังเล็กของคนที่มีอายุน่าจะไล่เลี่ยกันซึ่งกำลังเดินนำเขากลับไปที่ห้องพัก ในคราแรกเขารู้สึกไม่สบอารมณ์ที่จะต้องมีคนคอยดูแลยามที่ต้องอยู่ที่นี่ แล้วยิ่งรู้ว่าเด็กคนนี้คือคนที่ว่านั่นก็ยิ่งรู้สึกเหมือนถูกดูหมิ่น ถึงจะเป็นตัวประกันแต่ยังไงเสียเขาก็มีฐานะเป็นถึงลูกชายของเจ้าเมืองคามาคุระ การให้เด็กเล็กๆแบบนี้มาดูแลมันก็เหมือนจะไม่ให้เกียรติกันเลย
ทั้งๆที่การที่เขามาอยู่ที่นี่ ไม่ใช่แค่เพื่อบ้านเมืองของตัวเองเพียงอย่างเดียวแท้ๆ เพราะตราบใดที่เขายังอยู่ที่นี่ แผ่นดินของตระกูลโกคุเดระก็จะปลอดภัยและไม่ถูกตระกูลยามาโมโตะคุกคาม....ตราบใดที่คนของตระกูลยามาโมโตะ....ยังเห็นว่าชีวิตของเขามีค่าอยู่....
ใบหน้าคมฉายแววเย็นชา....ถึงอย่างไรเขาก็จะต้องอดทนและผ่านบททดสอบของการถูกทำให้อับอายแบบนี้ไปให้ได้
เพราะเขาจะไม่มีวันเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่ไปจนชั่วชีวิตแน่...
“ นี่! ไหนๆเจ้าก็ตื่นแล้ว ข้าจะพาไปดูที่ดีๆเอาไหม?” จู่ๆคนที่เดินนำหน้าก็หันมาถามเอาดื้อๆ และยังไม่ทันที่จะปฏิเสธ มือเล็กๆนั่นก็ลากแขนลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะให้เดินตามไปอย่างเสียมิได้
ร่างเล็กพาเดินผ่านเรือนพักที่ต่างก็ปิดไฟเข้านอนไปกันหมดแล้ว แสงจันทร์สลัวๆทำให้รู้ว่าเวลานี้ร่างทั้งสองกำลังเดินผ่านพงหญ้าขึ้นไปบนเนินที่อยู่ด้านหลัง แล้วร่างเล็กบางก็ไปหยุดยืนอยู่ข้างๆต้นไม้ใหญ่ที่ยืนต้นโดดเดี่ยวอยู่บนยอดเนินที่มีเพียงผืนหญ้าหน้านุ่มปกคลุม
เจ้าลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระนั่งลงไปกับพื้นหญ้าอย่างไม่กลัวว่ากิโมโนเนื้อดีจะมีรอยเปื้อน ใบหน้าเล็กหันมามองเด็กชายผมดำเป็นทำนองว่าให้ไปนั่งลงข้างๆ แต่อีกคนเพียงแค่ขยับไปยืนใกล้ๆโดยไม่มีทีท่าว่าจะลดตัวลงไปนั่งตามที่อีกฝ่ายต้องการ
เขาไม่คิดจะไว้ใจใครที่นี่ ไม่คิดจะผูกความสัมพันธ์กับใคร เพราะในฐานะตัวประกันแล้วมันไม่จำเป็น
“ อะ” ใบหน้าคมเผลอร้องเมื่อจู่ๆเจ้าเด็กผมเงินนั่นก็โถมเข้าใส่จนหงายหลังล้มลงไป
“ ห้ามยืนค้ำหัวข้า! เพราะอีกหน่อยข้าจะเป็นเจ้าเมืองอิสุ” ใบหน้าเล็กยิ้มด้วยความภาคภูมิ นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่มองร่างเล็กๆนั่นตั้งแต่หัวจรดเท้า....ว่าก็ว่าเถอะนะ อย่างเจ้าน่ะให้ไปเป็นนายหญิงบ้านไหนสักบ้านยังจะเป็นไปได้มากกว่าเป็นเจ้าเมืองที่ว่านั่นอีก
เขาอาจจะเผลอยิ้มเยาะออกไปทำให้ใบหน้าเล็กบูดบึ้ง....แต่ก็เพราะแบบนั้นแหละเขาถึงเพิ่งได้มีโอกาสมองดู โกคุเดระ ฮายาโตะ แบบเต็มๆตา มีเพียงเด็กคนนี้เท่านั้นที่ดูแตกต่างจากพี่ชายทุกคน คนอื่นๆล้วนมีเส้นผมสีดำสนิทและโครงร่างน่าจะสูงใหญ่ในภายภาคหน้า แต่ทว่าคนตรงหน้ากลับดูบอบบางและมีเส้นผมสีเงินเป็นประกาย วงหน้าเล็กๆนั่นก็น่ารัก ปากนิดจมูกหน่อย แก้มป่องดูเอาแต่ใจรับกับดวงตาสีมรกตกลมโต ถึงเขาจะไม่เข้าใจในเรื่องของความงามแต่กลับรับรู้ได้เมื่อได้มองดูเด็กคนนี้
“ ดูสิ! นั่นไง!!” น้ำเสียงของโกคุเดระดูจะตื่นเต้นเมื่อนัยน์ตาสีมรกตมองออกไปในท้องฟ้ากว้าง เมื่อเขาหันไปมองก็เห็นเพียงท้องฟ้าที่มีแค่หมู่ดาวพร่างพราว ถึงมันจะสวยแต่ก็ไม่เห็นต่างไปจากที่อื่นตรงไหน
ให้มองคนที่นั่งข้างๆยังจะรู้สึกว่าน่าดูกว่าตั้งเยอะ
“ นั่นไง!!” ร่างเล็กยังคงตื่นเต้นไปกับดวงดาวแต่เขากลับมองอย่างเมินเฉย....เราคงจะถูกเลี้ยงมาต่างกัน....ดูก็รู้ว่าโกคุเดระถูกตามใจเพราะเป็นลูกคนเล็ก อีกทั้งยังมีแต่พี่ชายที่อายุห่างกัน เพราะงั้นจึงไม่ต้องได้รับความกดดันจากความคาดหวังอะไร ได้แต่ถูกเลี้ยงดูมาด้วยความรักความเอ็นดู.....ส่วนเขา....เติบโตมาในฐานะลูกชายคนรอง ต้องได้รับความกดดันทุกอย่าง ถูกเปรียบเทียบกับพี่ชายคนโตมาโดยตลอด ทั้งๆที่เกิดห่างกันแค่ปีเดียวแต่พี่ชายกลับได้รับตำแหน่งว่าที่เจ้าเมือง ส่วนเขาต้องมาเป็นตัวประกันอยู่ที่นี่....คนหนึ่งมีอนาคตที่สดใส ส่วนอีกคนหนึ่งจะตายวันตายพรุ่งก็ไม่อาจจะรู้ได้เลย
ถ้าตระกูลของเขาคิดจะรุกรานเขตแดนของอิสุเมื่อไหร่ ตัวประกันอย่างเขาก็คงจะตายทันที
“ อธิษฐานสิ!” น้ำเสียงตื่นเต้นทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะหลุดออกมาจากภวังค์ ก่อนจะหันไปมองคนข้างๆอย่างงงๆ มือเล็กทั้งสองข้างยกขึ้นมากุมกันเอาไว้ก่อนจะหลับตาขยับปากขมุบขมิบ
“ ดาวตกไง” นัยน์ตาสีมรกตแวววาวลืมขึ้นมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ นั่นไง มาอีกแล้วรีบอธิษฐานสิ!” เมื่อโดนอีกคนเร่งเร้าลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก็ได้แต่ทำตามน้ำไป เปลือกตาหลับลงทำทีเหมือนอธิษฐานอะไรทั้งๆที่ในใจนั้นว่างเปล่า....
ตอนนี้เขาไม่มีอะไรที่อยากได้ ไม่มีความหวังอะไร....และไม่เชื่อด้วยว่าคำอธิษฐานจะเป็นจริง
เขาเชื่อว่าทุกๆสิ่งจะเกิดขึ้นได้ด้วยมือของตัวเอง….
น้ำหนักไม่มากไม่น้อยหล่นตุบลงมาที่หัวไหล่ และเมื่อใบหน้าคมหันหน้าไปมองก็ต้องถอนหายใจออกมาอย่างหน่ายๆ เจ้าคนที่ลากเขามาถึงนี่หลับปุ๋ยไปแล้ว แพขนตายาวเรียงสวยอยู่บนแก้มใส....แล้วเขาจะทำไงล่ะทีนี้ ในเมื่อเขย่าก็แล้วปลุกก็แล้ว คนข้างๆก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะตื่นขึ้น
“ ยุ่งจริงๆ” ตัดสินใจแบกร่างที่น้ำหนักไม่มากขึ้นหลัง....ทำไมเขาต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วย ทั้งๆที่น่าจะถูกคุมขังอย่างหนาแน่นกว่านี้ แต่นี่กลับต้องกลายมาเป็นเพื่อนเล่นกับลูกชายคนเล็กของเจ้าเมืองอิสุ แค่คิดก็ไม่สบอารมณ์อย่างบอกไม่ถูก
เสียงดาบไม้กระทบกันและเสียงลูกธนูปักลงไปบนแป้นดังมาจากทางโรงฝึก คละเคล้าไปกับเสียงหัวเราะหยอกล้อ ทำให้คนที่เป็นตัวประกันได้แต่ยืนมองอยู่ภายในห้องด้วยสายตามืดมน แต่ก่อนที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะจะเดินไปนั่งลงที่ฝั่งสวน เสียงวิ่งตึงตังที่ดังมาจากระเบียงก็ทำให้ต้องเงี่ยหูฟัง และไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกอย่างหาได้มีความนุ่มนวลไม่
“ นี่เจ้าน่ะ! ไปโรงฝึกกับข้า” แล้วการกระทำที่ไม่มีพิธีรีตองอะไรก็เป็นของเจ้าเด็กผมเงินที่ไม่รู้ว่าไม่ให้เกียรติเขาหรือเจ้าตัวไม่ใส่ใจเรื่องมารยาทกันแน่ ร่างเล็กในชุดฮากามะสำหรับฝึกซ้อมจึงตรงดิ่งเข้ามาในห้องทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอนุญาติ มือเล็กนั่นก็ลากเขาออกไปทั้งๆที่ไม่ได้ต้องการ
แล้วเมื่อก้าวขาเข้าไปในโรงฝึก ทุกคนในนั้นต่างมองมาที่เขาเป็นสายตาเดียว
มันเป็นสายตาที่มีแต่ความเย็นชา...
“ เอ้า!ดาบไม้ของเจ้า แสดงให้ไอ้พวกพี่บ้านั่นดูเลยว่าเจ้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกนั้นว่ากัน!” เขาได้แต่รับดาบไม้มาด้วยความมึนงง....หนึ่งในกลุ่มเด็กชายที่สูงวัยกว่าหลายปีเดินออกมา ดูเหมือนจะเป็นคนละคนกับเมื่อวาน
“ หึ....ฮายาโตะ...สงสัยว่าวันนี้เจ้าจะได้ถูโรงฝึกจนเหนื่อยแน่ๆที่ไปเข้าข้างเจ้าเด็กปวกเปียกนี่” คนที่พูดอยู่นี่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในพี่ชายของโกคุเดระ ฮายาโตะสินะ แต่แววตาที่มองมาที่เขากลับแตกต่างจากที่ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระมองเขาอย่างสิ้นเชิง เพราะสายตาของคนที่ยืนอยู่ตรงหน้ามันเต็มไปด้วยความเย็นชา ชิงชัง รังเกียจ...อาจจะเป็นไปได้ว่าบรรดาพี่ชายจะรู้ว่าเขามาที่นี่ในฐานะอะไร แต่เจ้าเด็กผมเงินที่อาจจะยังเด็กเกินไปจึงไม่มีใครบอกให้รู้ เด็กนั่นถึงยังได้เข้าข้างเขาเพราะถูกว่าร้ายอย่างไม่ยุติธรรม
ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะจับดาบไม้ขึ้นมาแล้วตั้งท่าด้วยเพลงดาบของตระกูลยามาโมโตะ....คราวนี้จะไม่มีวันยอมแพ้
เท้าของคู่ต่อสู้ทั้งสองฝ่ายสืบเข้าหากัน ก่อนที่ดาบไม้จะตรงเข้าปะทะหลายต่อหลายครั้ง ถึงแม้ว่ายามาโมโตะจะเด็กกว่าหลายปีและเรี่ยวแรงยังไม่มีเท่าอีกฝ่าย แต่เพลงดาบสายของตระกูลที่ร่ำเรียนมาก็มีวิธีที่จะทำให้สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ที่แรงเยอะกว่าได้ผนวกกับทางดาบที่เรียกได้ว่าอัจฉริยะทำให้เด็กชายผมดำงัดดาบของอีกฝ่ายจนกลายเป็นฝ่ายได้เปรียบ
เสียงดาบปะทะกันหนักหน่วงถึงแม้ว่าพี่ชายของโกคุเดระจะใส่แรงเข้าไปเต็มที่แต่ก็ยังถูกเด็กชายที่อายุน้อยกว่าโต้กลับมาได้ทุกครั้ง และนั่นก็ยิ่งทำให้คนที่โตกว่าเริ่มอารมณ์ครุกรุ่นขึ้นเรื่อยๆ
ดาบในมือของคนที่โตกว่าฟาดลงไปแต่ยามาโมโตะก็หลบวูบก่อนจะวาดเพลงดาบมาที่หน้าท้องของอีกฝ่าย ความรวดเร็วและรุนแรงทำให้คนที่โตกว่าหลบไม่พ้นจนหงายหลังล้มลงไป สายตาที่ทั้งคู่จ้องมองกันนั้นดูน่าขนลุก
“ ท่านแพ้แล้ว!” เป็นเสียงของน้องเล็กที่ชี้หน้าพี่ชายด้วยแววเยาะเย้ยอย่างไร้เดียงสา โดยไม่ได้รู้ตัวเลยว่านั่นจะทำให้เส้นความอดทนของผู้เป็นพี่ชายขาดผึง ด้วยศักดิ์ศรีของเจ้าบ้านที่ไม่น่าจะไปแพ้ไอ้เด็กที่เป็นแค่ตัวประกัน มือของคนที่โตกว่ากำดาบแน่นก่อนที่จะจับมันตรงเข้าเล่นงานยามาโมโตะที่อยู่ในท่าที่หยุดการต่อสู้ไปแล้ว
“ เอ๊ะ? ท่านพี่! หยุดนะ!” ร่างเล็กได้แต่ยืนมองพี่ชายฟาดดาบสะเปะสะปะเข้าใส่ยามาโมโตะอย่างขาดสติ ใบหน้าน่ารักดูจะตื่นตระหนกต่างจากพี่ชายคนอื่นๆที่ยืนมองอย่างไม่คิดจะห้าม เด็กชายผมดำที่ไม่ทันตั้งตัวได้แต่ยกดาบขึ้นกันตัวเองเท่านั้น
“ บอกให้หยุดไง!!” มีเพียงโกคุเดระ ฮายาโตะเท่านั้นที่วิ่งเข้ามาห้าม มือเล็กรั้งแขนพี่ชายเอาไว้ก่อนจะโดนแรงโกรธเกรี้ยวที่รุนแรงเหวี่ยงจนร่างเล็กๆนั้นล้มลงไปท่ามกลางสายตาเบิกกว้างของพี่ชายคนอื่นๆ
“ ฮายาโตะ!...........เจ้า!!” ได้ยินเสียงบรรดาพี่ชายเรียกน้องเล็กนั่นอย่างตกใจ แต่แทนที่จะกล่าวโทษพี่ชายคนที่ทำให้เด็กนั่นล้ม ทุกคนต่างมองไปที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะด้วยสายตาเคียดแค้น
“ เกิดอะไรขึ้น?!” แล้วก่อนที่จะโดนรุม นายหญิงของบ้านก็เดินเข้ามาห้ามปรามเสียก่อน
“ ท่านแม่ดูเจ้าพี่พวกนั้นสิ นิสัยไม่ดี! ท่านต้องสั่งลงโทษให้หนักๆเลยนะ” เจ้าน้องเล็กเริ่มฟ้องแม่ในขณะที่หญิงสาวที่มีรูปร่างหน้าตางดงามดูละม้ายคล้ายเด็กคนนั้นกำลังจับแขนเล็กๆนั่นทำแผลให้อยู่ ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะลอบมองทั้งสองคนอยู่ที่ระเบียงห้องของเจ้าเด็กผมเงิน
เขาถูกจับแยกกับบรรดาพี่ชายของโกคุเดระทันทีที่นายหญิงของบ้านมาถึง พวกนั้นยังคงมองเขาด้วยสายตาชิงชังทั้งๆที่กำลังเอ่ยคำขอโทษตามคำสั่งของมารดา
ดูท่าทางว่าเขาคงจะไม่ได้อยู่ที่นี่อย่างสงบเสียแล้ว....
สาเหตุส่วนใหญ่อาจจะเป็นเพราะเขาเป็นตัวประกันที่มาจากตระกูลซึ่งมีประวัติการแย่งชิงดินแดนกันมานาน แต่อีกสาเหตุนึงก็น่าจะมาจากเจ้าเด็กผมเงินที่ยังคงอ้อนแม่อยู่ไม่ไกลนั่น...เพราะเด็กคนนั้นถูกสั่งให้ดูแลเขา อยู่เป็นเพื่อนเขา และการเอาน้องเล็กซึ่งเป็นที่รักมาเก็บไว้คนเดียวย่อมต้องทำให้พวกพี่ชายไม่พอใจเป็นธรรมดา
แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิด...
“ เพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะและการทะเลาะวิวาท ท่านจะสามารถไปใช้โรงฝึกได้ในช่วงเย็นเท่านั้น...ส่วนช่วงเช้าและกลางวันข้าจะจัดอาจารย์ผู้มีความรู้มาสอนหนังสือและโคลงกลอนให้” นายหญิงของบ้านขยับกายนั่งทับส้นก่อนจะหันมาบอกด้วยท่าทางให้เกียรติ เขาได้แต่พยักหน้ารับ
“ เจ้าเองก็ด้วยนะฮายาโตะ ตั้งแต่วันนี้ไปก็อยู่เรียนกับท่านยามาโมโตะ จะได้ไม่ไปก่อเรื่องซุกซนที่ไหนอีก” ผู้เป็นมารดาหันไปบอกลูกชายคนเล็ก
“ เห๋.....อะไรล่ะไม่เอาหรอก...ข้าน่ะท่องได้หมดแล้วนะ ไม่ว่าจะตำราพิชัยยุทธ์หรือเฮียะคุนินอิชชุ จะต้องเรียนอะไรอีกล่ะ” ใบหน้าเล็กส่ายไปมาพร้อมกับเสียงครางที่ไม่ยอมท่าเดียว แต่นายหญิงของบ้านก็เพียงแค่อมยิ้มแล้วหันกลับมาหาเขาอีกครั้ง สองมือของนางวางไว้ที่พื้นด้านหน้าก่อนจะโค้งตัวให้น้อยๆทำเอาเขาได้แต่ทำอะไรไม่ถูก
“ ท่านยามาโมโตะ....ข้าต้องขออภัยในความไร้มารยาทของพวกลูกชายด้วย....แล้วก็....จงอย่าได้คิดเป็นอื่น...การที่ให้ฮายาโตะอยู่เคียงข้างท่านนั้นมันคือสิ่งที่ดีที่สุดเท่าที่เราจะทำให้ท่านได้จริงๆ”
ตอนนั้น....เขาไม่เข้าใจความหมายของมันเลย....แต่ตอนนี้เพิ่งจะมารู้...ว่าสิ่งที่ดีที่สุดนั้น หมายถึงอะไร....
ทั้งๆที่นายหญิงผู้งามสง่าได้สั่งนักสั่งหนาเอาไว้แล้วว่าให้เขาและเจ้าลูกชายคนเล็กอ่านตำราอยู่เงียบๆในขณะที่ยังหาอาจารย์มาสอนให้ไม่ได้...แต่เจ้าเด็กผมเงินนั่นกลับมานอนกลิ้งไปมาพร้อมทำหน้าเบื่อหน่ายและไม่นานก็แว่บหายออกไปจากห้อง
ช่างเถอะ...จะยังไงก็ไม่ใช่เรื่องของเขา
และในขณะที่นั่งเปิดตำราไปเรื่อยๆอย่างที่ไม่ได้ใส่ใจจะอ่านมากนัก จู่ๆประตูก็ถูกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับการมาเยือนของเจ้าเด็กผมเงินที่หายไปพักใหญ่ ใบหน้าเล็กดูงอง้ำคงจะไปเจออะไรที่ไม่ได้ดั่งใจมาละสิ
“ นี่เจ้าน่ะ! ไปโรงฝึกกับข้า เจ้าพวกพี่บ้ามันดูถูกเจ้าอีกแล้วนะ ไปใช้เพลงดาบของเจ้าทำให้พวกนั้นรู้ซะว่าเจ้าไม่ได้ขี้แพ้ ไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกนั้นว่า!” สงสัยว่าคงไปโดนพี่ชายยั่วมาอีกแล้วละสิ เขาจึงได้แต่ทำท่าเมินเฉยเพราะไม่คิดจะเต้นไปกับการยั่วยุของคนพวกนั้น
“ นี่!!!” แต่อีกฝ่ายกลับตรงเข้ามาลากแขนเขา คงตั้งใจจะพาไปให้ได้และมันยิ่งทำให้เขาหงุดหงิด…ทำไมกัน ทั้งๆที่ไม่ใช่เรื่องของตัวเองแท้ๆ ถึงจะยังเด็กแต่ก็น่าจะรู้สิว่าตระกูลของเขาเป็นตระกูลคู่แค้น การที่เขาซึ่งเข้ามาอยู่ที่นี่ตามลำพังจะโดนดูถูกเหยียดหยาม โดนกลั่นแกล้งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร
“ ข้าไม่ไป” เขาบอกอีกฝ่ายด้วยเสียงนิ่ง ร่างกายพยายามยืนหยัดอยู่กับที่ไม่เอนเอียงไปตามแรงลากของร่างเล็กๆนั่น
“ ทำไมล่ะ? พวกนั้นดูถูกเจ้าอยู่นะ แถมยังว่าลับหลังเจ้าเสียๆหายๆ เจ้ายอมได้ยังไง?!” ใบหน้าเล็กยังคงมองมาอย่างไม่เข้าใจและพยายามจะลากเขาไปให้ได้
“ เลิกยุ่งกับข้าสักที ทุกๆอย่างมันเป็นเพราะเจ้าไม่ใช่รึไงที่ทำให้เราต้องโดนกักบริเวณอยู่แบบนี้น่ะ!” เขาตะคอกออกไปทำให้ร่างที่เล็กกว่าชะงัก...อยากจะบอกให้รู้ตัวสักทีว่าการที่อีกฝ่ายเข้ามายุ่งกับเขานั่นแหละ ที่ทำให้พวกพี่ชายไม่พอใจ อยากจะบอกให้ออกไปไกลๆเขาเสียที
“ เจ้า!!” มือที่เคยดึงแขนเขาแปรเปลี่ยนมากระชากคอเสื้อกิโมโน ใบหน้าใสขมวดคิ้วจนแทบจะผูกติดกัน ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะตะโกนใส่หน้า
“ ถ้าเจ้าไม่สู้ เจ้ามันก็คงอ่อนแออย่างที่พวกนั้นว่าจริงๆ” ไม่รู้ทำไม คำว่าอ่อนแอที่ออกมาจากริมฝีปากเล็กๆนี่ถึงทำให้เจ็บไปถึงขั้วหัวใจ สายตาผิดหวังที่มองมานั่นก็อีก
ทำไมไม่มองเขาด้วยสายตาเกลียดชังแบบที่คนอื่นๆมองกัน เพราะถ้าเป็นแบบนั้นเขาก็แค่ส่งความชิงชังตอบกลับไป...แต่พอเป็นแบบนี้...เขาไม่รู้จะทำยังไง....
ไม่รู้ว่าจะรับมือกับร่างเล็กๆตรงหน้านี้ ยังไงดี...
ในใจตอนนี้มันอัดแน่นไปด้วยความรู้สึกมากมาย ทั้งเคียดแค้น ทั้งชิงชัง ทั้งเจ็บใจ ทั้งความเหงา ความเดียวดาย ทุกอย่างที่พยายามกดมันเอาไว้กลับระเบิดออกมาเพราะคำว่า อ่อนแอ ของคนตรงหน้าเพียงแค่คำเดียว
“ ข้าไม่ได้อ่อนแอ! อย่างน้อยคนที่ไม่รู้อะไรเลยอย่างเจ้าก็ไม่ควรจะพูดคำนี้กับข้า!” มือผลักไสร่างเล็กๆนั่นจนเซถลาล้มลงกับพื้นเสียงดังสนั่น นัยน์ตาเผลอกระตุกเมื่อเห็นว่าโกคุเดระทำท่าจะร้องไห้....เขาไม่ได้ตั้งใจ
“ ก็ได้! จากนี้ไปข้าจะไม่ยุ่งเรื่องของเจ้าอีก!!” ร่างเล็กๆนั่นลุกขึ้นพรวดพราดก่อนจะวิ่งออกจากห้องไป
เขาได้แต่ยืนเหม่อมองอากาศว่างเปล่าที่อยู่ภายในห้อง.....ปล่อยให้มันเป็นแบบนี้นั่นแหละดีแล้ว หากไม่มีมิตรไมตรี วันใดที่เขาจะต้องหันคมดาบเข้าใส่ จะได้ไม่ต้องรู้สึกอะไร
ให้ต่างฝ่ายต่างเมินเฉยต่อกันแบบนี้แหละ...ดีแล้ว
แสงอาทิตย์ยามเช้าทอประกายด้วยความเงียบสงบ...เสียงเจื้อยแจ้วที่มักจะปลุกให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะตื่นขึ้นมาในทุกๆเช้าวันนี้มันกลับเงียบเหงา เด็กชายผมดำลุกขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะเปิดประตูเพื่อมองหาเจ้าผู้ดูแลแต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา
สงสัยว่าจะเลิกมายุ่งกับเขาอย่างที่บอกจริงๆ
ฝ่าเท้าเดินไปตามทางเดินปูด้วยหินเล็กๆซึ่งเชื่อมต่อไปยังด้านหลังของหมู่เรือนเจ้าเมือง ถึงแม้ว่าจะเป็นตัวประกันแต่ก็ไม่ได้ถูกจำกัดเขต ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยังสามารถไปไหนมาไหนได้อิสระ...ภายในตัวเมืองอิสุ
เด็กชายผมดำเดินช้าๆ สายตาคมกริบกวาดมองไปทั่วอย่างตั้งใจจะจดจำให้ได้ทุกตารางนิ้ว ขาก้าวเพลินจนเดินออกมานอกรั้วโดยบังเอิญ หูแว่วเสียงน้ำไหลจึงเดินต่อไปข้างหน้าเรื่อยๆด้วยความสงสัย
ไม่น่าเชื่อเลยว่าด้านหลังฝั่งซ้ายของเรือนเจ้าเมืองจะติดกับเชิงเขาซึ่งมีป่าทึบปกคลุม ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่บนนี้ล้วนสูงใหญ่...ดูเหมือนเนินที่เจ้าลูกชายคนเล็กพาเขาไปเมื่อวันก่อนจะอยู่อีกด้าน...นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองผืนป่า...ช่างไม่มีการระวังตัวกันเลยนะ ถึงได้ปล่อยให้หลังบ้านของตัวเองสามารถรุกล้ำเข้ามาได้ง่ายขนาดนี้
“ ฮึบ....” เสียงใครบางคนทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะถึงกับสะดุ้งน้อยๆ ใบหน้าคมหันซ้ายแลขวาแต่ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของใคร ขาจึงขยับเข้าไปใกล้ๆลำธารข้างหน้าอย่างเงียบเชียบ
“ ฮึบ...อย่าขยับหนีข้าสิ....” และแล้วก็มองเห็นเจ้าตัวต้นเสียงจนได้
โกคุเดระ ฮายาโตะกำลังนอนพาดอยู่บนกิ่งไม้ที่ยื่นออกไปในลำธาร เสียงน้ำไหลที่ได้ยินไปไกลนั้นถึงจะไม่ลึกมากแต่ก็เชี่ยวกรากพอสมควร มือเล็กๆกำลังพยายามยื่นออกไปสุดแขน เพราะที่ปลายของกิ่งไม้นั่นมีเจ้ากระต่ายสีขาวท่าทางขี้กลัวอยู่
“ เจ้าทำอะไรอยู่น่ะ?” และแค่เสียงทักจากลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะดังออกไป...
ตูม!!!
ร่างเล็กๆก็ร่วงจากกิ่งไม้ลงไปในลำธารทันที แขนเล็กตีน้ำพยุงตัวเองขึ้นมามองคนที่อยู่บนฝั่งด้วยสายตาเคืองๆทั้งๆที่อีกฝ่ายก็ไม่ได้ทำอะไรผิด
“ ข้ากำลังช่วยเจ้ากระต่ายอยู่...อ๊ะ!!! ไปไหนแล้วล่ะ?!” ใบหน้าเล็กมองเลิ่กลั่กหากระต่ายสีขาวที่คงจะร่วงลงมาพร้อมกัน
“ อ๊ะ! ลอยไปนั่นแล้ว!” หูสีขาวผลุบๆโผล่ๆลอยตามน้ำไป ทำให้ร่างเล็กเตรียมจะว่ายเข้าไปช่วย
“ เจ้าไปเอาไม้ดักข้างหน้าไว้ให้หน่อยสิ” ใบหน้าเล็กหันมาบอกแต่แล้วนัยน์ตาสีมรกตก็ต้องเบิกกว้างเมื่อเห็นเพียงแผ่นหลังของอีกฝ่ายที่กำลังเดินจากไปอย่างไม่ไยดี จู่ๆหัวใจดวงน้อยก็เจ็บแปลบขึ้นมาเพราะคาดหวังเอาไว้ว่าอีกฝ่ายจะเข้ามาช่วย
แต่สิ่งที่ได้รับกลับกลายเป็นความเมินเฉย...
“ เจ้าคนแล้งน้ำใจ” ริมฝีปากเม้มแน่นก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดน้ำตาแล้วสะบัดหน้ากลับไปมองหาเจ้ากระต่ายเพียงลำพัง
แสงอาทิตย์ที่เคยทอประกายเริ่มจะจางหายไปจากท้องฟ้า...เสียงโหวกเหวกโวยวายทำให้ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะเปิดประตูห้องออกไปมองที่นอกระเบียงทางเดิน
เกิดอะไรขึ้นกัน? ปกติที่นี่ไม่เคยมีเสียงดังขนาดนี้
ภาพสาวใช้วิ่งกันให้วุ่นวายรวมไปถึงบรรดาพี่ชายของโกคุเดระที่ต่างกระจายตัวกันออกไปพร้อมทหารหลายสิบทำให้เด็กชายผมดำไม่อาจอยู่นิ่งเฉยได้อีก มือดักข้ารับใช้ที่วิ่งอยู่แถวๆนั้นก่อนจะถามถึงความสงสัย
“ เกิดอะไรขึ้น?” ข้ารับใช้ชายคนนั้นละล่ำละลัก บอกออกมาสั้นๆก่อนที่จะรีบวิ่งจากไป....เป็นคำสั้นๆที่ทำเอาหัวใจที่เคยคิดว่าปิดสนิทถึงกับกระตุกวูบ….
“ นายน้อยฮายาโตะหายตัวไปขอรับ”
อย่าบอกนะว่า....ยังไม่กลับมาจากลำธารนั่น?
ขาก้าวลงจากเรือนโดยไม่ทันที่สมองจะสั่งการ...เขาบอกตัวเองว่าเขาไม่เคยสนใจเจ้าเด็กนั่น...แต่ถ้าหากโกคุเดระ ฮายาโตะ เป็นอะไรไป...
เขาคงรู้สึกผิดไปชั่วชีวิต
“ .....ชิ” ได้แต่สบถกับตัวเอง....ถ้าตอนนั้นเขาย้อนกลับไป...ถ้าตอนนั้นเขา.....
เจ็บใจ...ทำไมถึงได้แต่เอาแต่เจ็บใจอยู่แบบนี้ ทั้งเรื่องที่ตัวเองต้องมาอยู่ที่นี่ก็ได้แต่เฝ้าเจ็บใจโดยไม่คิดจะทำอะไร แล้วยังคราวนี้...ยังปล่อยให้มันเป็นแบบนี้แล้วมานั่งเจ็บใจ
ทำไม....ทำไมเขาถึงไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยเด็กนั่นตรงๆ
จะได้ไม่ต้องมาเจ็บใจ
ไม่ต้องมารู้สึกเสียใจทีหลังแบบนี้
“ ฮายาโตะ!!!” ได้ยินเสียงเรียกชื่อก้องไปทั่วป่า และหากมันยังดังอยู่แบบนี้ก็แสดงว่า...ยังไม่มีใครพบตัวลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระ
เด็กชายผมดำวิ่งไปตามทางที่เมื่อเช้าเพิ่งเดินจากมา ขาวิ่งเลาะไปตามลำธารด้วยหัวใจที่กังวลจนไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นห่วงเจ้าเด็กนั่นมากขนาดนี้ ทั้งๆที่เป็นคนที่เจอกันได้ไม่นาน ทั้งๆที่เป็นลูกของศัตรู ทั้งๆที่ชอบเข้ามาจุ้นจ้านวุ่นวาย แล้วทำไม...ทำไมขาเขาถึงไม่ยอมหยุดวิ่ง ทำไมสายตาถึงไม่เลิกสอดส่องมองหา
“ โกคุเดระ!!!” นั่นเป็นครั้งแรก...ที่เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายออกไป...และในใจก็เฝ้าภาวนา...
ว่ามันจะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย.....
“ เจอแล้ว!! เจอตัวแล้ว!!!” เสียงตะโกนก้องที่ดังต่อๆกันมาทำให้ขาของลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะชะงักค้าง ร่างทั้งร่างทรุดลงนั่งอย่างที่เพิ่งรู้ตัวว่าเขาโล่งใจขนาดไหน ใบหน้าหันซ้ายแลขวาเพราะรู้สึกว่าเสียงจะดังอยู่ไม่ไกล
แสดงว่าโกคุเดระ ยังอยู่แถวๆริมลำธารนี่จริงๆสินะ....ถึงจะเจอตัวแล้ว...แล้วจะยังปลอดภัยดีหรือเปล่า?
ขารีบลุกขึ้นก่อนจะก้าวไปตามต้นเสียง แลเห็นแสงไฟจากตะเกียงมากมายอยู่ข้างหน้า แต่ทว่าแสงเหล่านั้นมันกำลังเคลื่อนที่จากไปช้าๆ....อาจจะกำลังกลับไปที่เรือนเจ้าเมือง
และพอลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก้าวขาเข้าไปในรั้วบ้าน ความวุ่นวายก็ยังไม่จางหายไปเมื่อสาวใช้ต่างยังคงวิ่งกันจ้าละหวั่น เสียงเรียกหมอประจำเมืองดังออกมาจากห้องที่อยู่ข้างๆห้องของเขา
อย่างน้อยก็น่าจะยังมีลมหายใจ....
เด็กชายผมดำได้แต่ยืนนิ่งอยู่ท่ามกลางความสับสนวุ่นวาย ถึงจะอยากเข้าไปดูใกล้ๆแต่เขาก็ไม่ใช่ทั้งพี่น้องหรือแม้แต่คนในตระกูล
ไม่มีสิทธิ์จะไปคิดห่วงด้วยซ้ำ....
แล้วก็ไม่รู้ว่านานแค่ไหนที่ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยืนอยู่แบบนั้น เฝ้ามองประตูห้องของโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่ไกลๆ ตั้งแต่เสียงวุ่นวายยังดังอยู่รอบตัว จนกระทั่งทุกอย่างเริ่มจะสงบลง ตั้งแต่เจ้าเมืองอิสุผู้เป็นพ่อและนายหญิงผู้เป็นแม่เดินเข้าไปในห้องด้วยใบหน้ากังวลจนทั้งคู่เดินออกไปด้วยใบหน้าผ่อนคลาย ตั้งแต่หมอประจำเมืองวิ่งเข้าไปด้วยท่าทางรีบร้อนจนกระทั่งเดินกลับออกมาด้วยท่วงท่าสบายๆ ตั้งแต่บรรดาพี่ชายต่างยืนไม่ติดที่จนกระทั่งพวกนั้นค่อยๆทยอยกลับห้องไป
เขายังยืนอยู่ตรงนั้น....ยืนอยู่ที่เดิม
“ ท่านยามาโมโตะ....ทำไมไม่เข้าไปล่ะ” เป็นเสียงของนายหญิงที่ทำเอาเด็กชายผมดำถึงกับสะดุ้งน้อยๆ ร่างระหงขยับเข้ามายืนใกล้ๆตั้งแต่เมื่อไหร่เขาไม่รู้ตัวเลย
“ ข้า....” ใบหน้าคมก้มลง...เพราะรู้ตัวจึงเข้าไปไม่ได้
“ เป็นความผิดของข้าเอง...ที่ปล่อยให้โกคุเดระอยู่ที่นั่นตามลำพัง”
“ แต่ท่านก็เป็นห่วงฮายาโตะใช่ไหม...ท่านเองก็ออกไปตามหาและไม่ได้เย็นชาจนไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับลูกของข้า จริงไหม” น้ำเสียงอ่อนโยนที่ราวกับจะให้อภัยนั้นมันทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้กล้าที่จะมองดวงตาของท่านหญิงตรงๆ....ไม่ควรเลย...เขาไม่ควรจะมีความรู้สึกอะไรกับคนของตระกูลนี้เลย
ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก แต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะห้ามใจ
เพราะสายตาที่ท่านหญิงมองมายังเขานั้น มันช่างเหมือนกับสายตาของโกคุเดระ ฮายาโตะ
“ มาสิ...ฮายาโตะน่าจะตื่นแล้วละ เด็กคนนั้นคงจะหมดแรงแล้วก็จมน้ำ แต่ดีที่กิ่งไม้เกี่ยวเอาไว้ก่อนเลยไม่จมลงไปจนขาดอากาศหายใจ” นายหญิงของบ้านเดินนำลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะไปที่หน้าห้องของโกคุเดระ มือเลื่อนประตูออกน้อยๆพอให้เขาเข้าไป
ร่างเล็กนอนอยู่บนฟูกกลางห้อง ผ้าห่มผืนหนาคลุมกายจนเหลือแต่หน้าอกกับใบหน้าที่ยังดูซีดเซียว นัยน์ตาสีมรกตนั้นเหม่อลอยน้อยๆ และเมื่อหันมาเห็นว่าคนที่เดินเข้าไปนั่งลงยังข้างฟูกคือลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ ใบหน้าเล็กก็หันหนีไปอีกฝั่งทันที
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองคนที่ยังไม่ยอมมองหน้าตนอย่างไม่ถือโทษ ในใจเพียงแค่เจ็บแปลบเพราะเป็นต้นเหตุให้ร่างเล็กๆมีสภาพแบบนี้
“ เจ้ากระต่ายนั่นน่ะ....ฮึก...เจ้ากระต่ายนั่น.....คงตายไปแล้ว....” น้ำเสียงสั่นน้อยๆดังมาจากคนที่ยังนอนอยู่บนฟูก ถึงจะไม่หันหน้ามาแต่เขาก็รู้ว่าร่างเล็กกำลังร้องไห้อยู่ ไหล่บางถึงได้สั่นสะท้าน
ถึงจะอยากปลอบใจ อยากเอื้อมมือไปจับมือเล็กๆนั่นเอาไว้....แต่เขาคงจะไม่มีสิทธิ์
ไม่รู้ว่าเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่...
นัยน์ตาสีมรกตได้แต่ลืมขึ้นมากระพริบปริบๆในความมืด อะไรบางอย่างขยุกขยิกอยู่ที่หน้าท้องทำให้มือเล็กเผลอยกไปลูบเบาๆ
เส้นขนนุ่มนิ่มทำเอาร่างที่ยังหมดเรี่ยวหมดแรงถึงกับลุกขึ้นมานั่งแล้วจ้องมองก้อนกลมๆที่อยู่บนหน้าตักของตัวเองด้วยดวงตาเบิกกว้าง
นี่มัน...กระต่ายตัวนั้น...
มือเล็กจุดไม้ขีดไฟขึ้นก่อนที่แสงจากตะเกียงจะสว่างตามมา แล้วนัยน์ตาก็เห็นเต็มตาว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้านั้นคือสิ่งมีชีวิตที่ตนพยายามจะช่วยอยู่นั่นจริงๆ...ไม่ได้ฝันไป...
“ เจ้ามาได้ไงเนี่ย?” มือเล็กยกกระต่ายขึ้นดู ใบหน้าน่ารักเอียงซ้ายเอียงขวาสำรวจดูเจ้ากระต่ายที่มีสภาพดีกว่าตัวเองซะอีก แค่เห็นว่ามันปลอดภัย ริมฝีปากเล็กก็คลี่ยิ้มออกมาทันที
ใบหน้าเล็กยื่นเข้าไปถูไถกับขนกระต่ายนุ่ม ก่อนจะกอดมันเอาไว้...ในใจก็พยายามนึกว่ามันจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ในเมื่อเรื่องที่เขาเกือบจมน้ำตายเพราะลงไปช่วยเจ้ากระต่ายนี่มีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่รู้
“ หรือว่า...”
ตึง ตึง ตึง...ครืด!!!!
เสียงวิ่งตึงตังไม่สมกับที่เป็นคนป่วยดังขึ้นเมื่อร่างเล็กๆอุ้มเจ้ากระต่ายก่อนจะเปิดประตูเข้าไปในห้องข้างๆอย่างไม่คิดเลยสักนิดว่ามันจะเป็นการรบกวนอีกคนที่เข้านอนไปแล้ว
“ อั่ก...” ร่างเล็กกระโดดลงไปยังร่างของอีกคนที่นอนอยู่บนฟูกจนแทบจุก ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะค่อยๆลุกขึ้นนั่งพรางลูบท้องของตัวเอง นัยน์ตาที่เพิ่งลืมขึ้นมาพยายามปรับโฟกัสในความมืดก่อนจะเห็นว่าคนที่คิดจะเข้ามาเล่นงานตนนั้นคือเจ้าคนผมสีเงินกับเจ้ากระต่ายสีขาวที่มองเห็นชัดเจนในความมืด
“ นี่เจ้า....” และยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ร่างเล็กๆนั่นก็โถมลงมาทับอีกรอบ
“ เจ้าช่วยมันเอาไว้ใช่ไหม?!” น้ำเสียงที่ตื่นเต้นดีใจนั้นมันทำให้ใบหน้าคมเผลออมยิ้ม ก่อนที่ใบหน้าของกระต่ายจะมาจ่ออยู่ตรงหน้า
“ .......” มือดันมันออกไปก่อนจะพยายามปรับใบหน้าให้กลับมานิ่งเฉยตามเดิม
ใช่....เขาเป็นคนช่วยมันเอาไว้เอง...หลังจากที่เดินจากมาเขาก็เดินไปดักรอที่ท้ายน้ำ และก่อนที่เจ้ากระต่ายนั่นจะจมลงไปเขาก็คว้ามันขึ้นมาได้เสียก่อน...และที่เขาไม่ได้เดินขึ้นไปบอกคนตรงหน้าก็เพราะคิดว่าร่างเล็กๆนี่คงจะตามลงมาเอง...เขาไม่เคยคิดเลยว่าโกคุเดระจะจริงจังไปกับการช่วยชีวิตสัตว์ตัวเล็กๆแบบนี้จนเกือบจะต้องแลกด้วยชีวิตของตัวเอง
“ อ๊ะ! ข้ายังไม่หายโกรธเจ้าหรอกนะ ที่ปล่อยให้ข้า งมหามันอยู่ทั้งวันแบบนั้น...” ร่างเล็กลุกขึ้นยืนพรวดพราดอย่างที่คงจะเพิ่งนึกขึ้นได้ว่ายังงอนเขาอยู่ มืออุ้มเจ้ากระต่ายขึ้นแนบอกก่อนจะเดินกลับไปยังประตู แล้วก่อนที่จะเดินออกไป ใบหน้าเล็กก็หันมาบอกเบาๆ.....ถ้อยคำที่ทำเอาเขาแทบจะนอนไม่หลับ
“ แต่ก็...ขอบใจนะ”
จากวันนั้นมา....เขาก็มองโกคุเดระ ฮายาโตะ ด้วยสายตาที่เปลี่ยนไป.....
ถึงแม้ว่าร่างเล็กๆนั่นจะยังไม่หายงอนเขาและยังไม่กลับมาอยู่ข้างๆอย่างที่ผู้ดูแลควรจะทำ แต่อย่างน้อยเจ้าลูกชายคนเล็กก็อุ้มกระต่ายวิ่งไปวิ่งมาอยู่หน้าห้องของเขา ไม่ได้หลบหน้าเหมือนก่อนนั้น
“ หว๋า...เจ้าอย่าถ่ายเรี่ยราดสิ!” เสียงพูดกับกระต่ายดังอยู่หน้าห้อง ให้ใบหน้าคมได้แต่อมยิ้ม
เสื้อกิโมโนสีขาวถูกสวมทับด้วยกางเกงฮากามะสีดำ ก่อนที่มือของลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะจะผูกเชือกที่เอวกระชับให้กางเกงเข้าที่เข้าทาง ผมสีดำสนิทนั้นตัดสั้นจึงไม่ต้องเสียเวลาผูกผมเหมือนเด็กชายในตระกูลนักรบทั่วไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนมองไปตามระเบียงทางเดินที่จะเชื่อมต่อไปยังโรงฝึก....ไม่รู้ว่าวันนี้จะโดนกลั่นแกล้งอะไรอีกบ้าง....หลังจากวันที่ทะเลาะกับเจ้าลูกชายคนเล็กนั่น พอบรรดาพี่ชายรู้ว่าจะไม่มีร่างเล็กๆมาคอยแว้ดๆอยู่ใกล้ๆเขา พวกนั้นเลยยิ่งแกล้งกันหนักมือขึ้น
ทั้งเอาหุ่นฟางสำหรับฝึกซ้อมไปซ่อนไม่ให้ใช้ ทั้งลงกลอนโรงฝึกให้เปิดไม่ออก และวันนี้.......ก็ไม่มีดาบไม้เหลืออยู่เลยสักเล่ม....
ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะได้แต่ยืนมองที่เก็บดาบไม้ว่างเปล่าตรงหน้า ในใจมันอัดแน่นไปด้วยความไม่พอใจ แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไง จึงได้แต่กำมือแน่นอย่างพยายามระงับอารมณ์ เท้าก้าวเดินกลับมายังเรือนพักของตนก่อนจะเปิดหีบที่นำติดตัวมาจากเมืองคามาคุระด้วย
น้ำหนักที่คุ้นเคยสัมผัสได้เมื่อมือหยิบดาบคู่ใจออกมา
ในเมื่อไม่เหลือดาบไม้เอาไว้ เขาก็จะใช้ดาบจริงๆมันนี่แหละ
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ถูกลับจนคมกริบเช่นเดียวกับคมดาบค่อยๆหลับตาลงช้าๆพรางเพ่งสมาธิไปยังหุ่นฟางข้างหน้า ปลายเท้าขยับออกไปว่องไวเท่ากับท่อนแขนที่ตวัดตัดฉับจนหุ่นฟางขาดออกเป็นสองท่อนด้วยรอยแผลที่บางเฉียบ
ที่ที่เขาจากมาน่ะ ไม่ได้ฝึกซ้อมด้วยดาบไม้เหมือนที่นี่ แต่ทุกนาทีมันคือชีวิต.....เขาผ่านมันมาหมดแล้ว เพลงดาบสังหาร....มิใช่เพียงแค่การละเล่นของเด็กๆที่วันๆเอาแต่คอยกลั่นแกล้งกันแบบนี้
ใบหน้าคมค่อยๆผ่อนลมหายใจ ก่อนจะเงยหน้ามองหาท่อนบนของหุ่นฟาง ก่อนจะพบว่ามันกระเด็นไปตกอยู่แถวใต้ถุนของห้องๆหนึ่งซึ่งอยู่ห่างออกไปพอสมควร
ยังไงก็ลงไปเก็บมาดีกว่า เพราะเขาก็ไม่ค่อยอยากให้คนที่นี่รู้นักหรอกว่าเขาใช้ดาบจริงในการฝึกซ้อม
ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะกระโดดลงจากพื้นชานของโรงฝึกก่อนจะวิ่งตัดสวนสีเขียวไปด้วยเท้าเปล่า หุ่นฟางล้มกลิ้งอยู่ใต้พื้นชานของเรือนอีกฝั่ง ในขณะที่ร่างกายของเด็กชายกำลังก้มลงไปเก็บอยู่นั้นก็รู้สึกเหมือนกับเห็นเงาวูบไหวของใครบางคนอยู่บนพื้นชานด้านบน เสียงฝีเท้าที่ได้ยินก็เหมือนอีกฝ่ายจะเพิ่งเดินออกมาเช่นกัน
และเมื่อเด็กชายผมดำเงยหน้าขึ้นไปมอง ทั้งสองตาก็ต้องเบิกกว้าง....
ร่างทั้งร่างนิ่งงัน....ภาพที่เห็นนั้นมันยังคงติดอยู่ในหัวใจไม่รู้ลืม....
ร่างเล็กๆของโกคุเดระ ฮายาโตะ อยู่ในชุดกิโมโนของเด็กผู้หญิง เป็นกิโมโนแบบพิธีการสีแดงสดปักลวดลายรูปนกกระเรียนด้วยไหมสีสันสวยงาม กิโมโนตัวในซ้อนหลายต่อหลายชั้น ที่เอวน้อยๆนั่นมีโอบิสีเงินคาดด้วยเชือกเส้นใหญ่สีเลือดนกก่อนจะผูกเป็นโบว์ขนาดใหญ่ไว้ข้างหลังรับกับเส้นผมเป็นประกายที่ปอยผมด้านหน้าทั้งสองด้านถูกรวบขึ้นไปก่อนจะผูกมันเอาไว้ที่สองข้างขมับด้วยเชือกมัดผมสีแดงสดที่ห้อยยาวลงมาเคลียไหล่ ใบหน้าใสที่เคยมีแต่แววซุกซนปนดื้อดึงกลับดูละมุนละไม ริมฝีปากเล็กๆแดงอิ่มรับกับสองแก้มที่แดงระเรื่อ นัยน์ตาสีมรกตที่มองลงมานั้นกลมโตก่อนจะค่อยๆเบิกกว้างอย่างตกใจเมื่อเห็นเขายืนอยู่ตรงนั้น
นั่นคงจะเป็นครั้งแรก...ที่ข้าหลงรักเจ้าเข้าไปเต็มๆ
ถึงแม้ว่าตอนนั้นจะยังไม่รู้ว่ามันคืออะไรก็ตาม...
“ เจอมุกที่กลิ้งออกไปไหม ฮายะ”
“ อ๊า!!!!” ยังไม่ทันที่เสียงไพเราะของนายหญิงแห่งบ้านโกคุเดระจะทันได้เรียกชื่อจบ คนตรงหน้าก็ร้องออกมาราวกับไม่ต้องการจะให้เด็กชายผมดำที่ยืนอยู่ได้ยินชื่อ ใบหน้าเล็กร้อนผ่าวจนแดงจัด ขาภายใต้กิโมโนสีแดงหมุนตัวกลับก่อนจะวิ่งได้อย่างเชื่องช้าเพราะน้ำหนักกิโมโนเข้าไปในห้อง ประตูปิดไล่หลังดังปัง แต่กระนั้นลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะก็ยังไม่หลุดออกมาจากภวังค์
หัวใจที่พยายามจะปิดให้สนิทกลับเต้นขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ
ไหนเจ้าบอกว่าจะไม่มายุ่ง ไม่มาก่อกวนข้าอีก...แล้วไอ้สิ่งที่เจ้ากำลังปั่นป่วนข้าอยู่นี่มันอะไรกัน....
มือเล็กที่กำลังถอดกิโมโนออกดูจะหมดเรี่ยวหมดแรง ใบหน้าน่ารักหมดอาลัยตายอยาก รู้สึกอับอายจนอยากจะเอาหน้ามุดลงไปในแผ่นดินให้รู้แล้วรู้รอด....ทำไมหมอนั่นจะต้องมาเห็นตอนนั้นด้วย....
“ แล้วแบบนี้ข้าจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน....” เสียงเล็กครางฮือๆอยู่คนเดียว
มือปัดผมลงมาหลังจากที่แก้เชือกมัดผมออกแล้ว ร่างเล็กๆก้าวขาเดินออกมาจากห้องด้วยใบหน้าห่อเหี่ยว และยิ่งเข้าใกล้เรือนพักของตัวเองมาขึ้นเท่าไหร่ ฝ่าเท้าก็ยิ่งย่องให้แผ่วเบามากขึ้น....อย่างน้อยถ้าไม่เจอกันก็คงไม่เป็นไรน่า....
ถึงจะพยายามทำใจดีสู้เสือ แต่คนที่ไม่อยากเจอที่สุดกลับเดินออกมาจากมุมทางแยกตรงหน้าแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยราวกับสวรรค์กลั่นแกล้ง ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระถึงกับสะดุ้งโหยง จะหันหลังวิ่งหนีก็ไม่ทันแล้วอีกต่างหาก
" คะ คนที่เจ้าเห็นน่ะ....นะ น้องสาวข้า!" นัยน์ตาสีเปลือกไม้แลมองใบหน้าเล็กแดงจัดที่กำลังพูดตะกุกตะกัก ดูยังไงก็โกหกชัดๆ ถึงลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะจะเพิ่งมาอยู่ที่นี่ แต่ก่อนที่จะมาเขาก็ศึกษาข้อมูลมาแล้วว่าบ้านนี้ไม่มีลูกสาวอย่างแน่นอน
ใบหน้าคมมองใบหน้าเล็กแดงเถือกซึ่งกำลังเสมองไปทางอื่น ภาพที่เห็นเมื่อสองชั่วยามที่แล้วกำลังซ้อนทับกับคนตรงหน้า ทำให้ริมฝีปากหนักเผลอพูดออกไปด้วยใบหน้านิ่งอย่างที่เคยชิน
" งั้นหรอ....น้องเจ้า น่ารัก ดีนะ ไม่เหมือนพี่ชายเลยสักนิด" เอ่ยเน้นคำว่า น่ารัก ให้ใบหน้าเล็กยิ่งแดงจัดเข้าไปอีก ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะตั้งใจจะบอกว่าคนตรงหน้านั่นแหละที่น่ารัก ไม่เหมือนกับพี่ชายคนอื่นๆ แต่ดูเหมือนคนที่ปากไม่ตรงกับใจจะคิดไปไกลกว่านั้น
" พี่ชาย?....เจ้าหมายถึงข้าหรอ?...เจ้าว่าข้าน่าเกลียดอย่างงั้นใช่ไหม?! นี่แน่ะ!" แล้วจู่ๆฝ่าเท้าเล็กก็กระทืบลงมาที่เท้าของอีกคนจนลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะได้แต่ก้มลงไปกุมเท้าตัวเอง
" อึก...." แรงไม่ใช่เล่น และเมื่อหันไปหาคนที่ทำร้ายตัวเองก็เห็นเพียงแผ่นหลังเล็กที่วิ่งหนีไปไกลสุดทางเดินแล้ว
ใบหน้าคมลอบยิ้มกับตัวเอง...พอจะเข้าใจแล้วว่าทำไมพวกพี่ชายถึงได้ชอบกระเซ้าเย้าแหย่เจ้าน้องชายคนเล็กนี่นัก
เพราะเจ้าน่ารังแกแบบนี้นี่เอง โกคุเดระ
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหม่อมองสวนสีเขียวอย่างไร้จุดหมาย น่าแปลกที่ในหัวยังคงมีแต่ภาพกิโมโนสีแดงกับร่างเล็กๆนั่นลอยอยู่เต็มไปหมด
ไม่เข้าใจตัวเองเลยสักนิดว่าทำไมจะต้องไปรู้สึกอะไรกับภาพที่เห็นนั่นด้วย ทั้งๆที่ตั้งแต่เกิดมาก็เคยเห็นเด็กผู้หญิงน่ารักๆมามากมายแต่ก็ไม่เคยมีใครที่ติดอยู่ในความทรงจำได้ขนาดนี้.........เดี๋ยวสิ!
มือยกขึ้นมากำเสื้อกิโมโนเหนือตำแหน่งของหัวใจด้วยใบหน้านิ่งค้าง...แบบนี้มันประหลาดเกินไปแล้ว....ในเมื่อโกคุเดระ ฮายาโตะใช่เด็กผู้หญิงเสียเมื่อไหร่?
ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอกว่าเด็กนั่นก็เป็นผู้ชายเหมือนกันแล้วหัวใจที่ดันเต้นแปลกไปเพราะภาพของเด็กคนนั้นมันคืออะไรกัน
ไม่เข้าใจ....ไม่เห็นจะเข้าใจเลยสักนิด...
ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะยังคงนั่งก้มหน้ามองพื้นชานด้วยความสับสน จนกระทั่งมีเสียงดังอยู่ที่หน้าห้องทำให้ต้องหันไปมอง
" ขออนุญาตเข้าไปนะคะ ท่านยามาโมโตะ" นายหญิงของบ้านค่อยๆเลื่อนบานประตูให้เปิดออกก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินเข้ามาด้วยท่วงท่าสง่างาม ข้ารับใช้ที่เดินถือกล่องอะไรบางอย่างตามเข้ามาก่อนจะวางมันไว้แล้วขอตัวออกไป
" ท่านทะเลาะกับฮายาโตะงั้นหรือ" ใบหน้าสวยอมยิ้มราวกับแค่ถามเล่นๆแต่ไม่ได้คิดจะจริงจังอะไรกับการที่เด็กๆทะเลาะกัน ใบหน้าคมจึงได้แต่เสมองพื้นไม่ยอมตอบ
" ข้าให้เค้าเอาชุดมาให้ท่าน แต่เด็กคนนั้นก็ไม่ยอมท่าเดียว" มือเรียวขาวผ่องเลื่อนกล่องสี่เหลี่ยมยาวๆมาตรงหน้าลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะ นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เหลือบมองด้วยความสงสัย
" สิ้นอาทิตย์นี้ ที่ศาลเจ้าประจำเมืองจะมีงานขอพรต่อเทพแห่งการเก็บเกี่ยว และพวกเราในฐานะผู้ปกครองเมืองนี้จะต้องไปร่วมงานด้วย...ท่านเองก็ต้องไป...นี่คือชุดของท่าน" ใบหน้าคมลอบกลืนน้ำลายยามเมื่อมองลงไปที่กล่องใบนั้น นายหญิงของบ้านเหมือนจะรู้ทันจึงเปิดกล่องออกให้เด็กชายดูว่าชุดที่ตนต้องใส่นั้นไม่เหมือนกับที่ลูกชายคนเล็กของตระกูลโกคุเดระต้องสวม
" ท่านคงจะเห็นเข้าแล้วละสิ" หญิงสาวยกมือขึ้นปิดปากพรางหัวเราะน้อยๆ
" บ้านเราไม่มีลูกสาว...เพราะเช่นนั้นจึงเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาตั้งแต่ลูกชายคนที่สองเกิดแล้วละว่า ลูกชายคนเล็กสุดของบ้านจะต้องแต่งกายด้วยชุดเด็กผู้หญิงเพื่อเข้าร่วมงาน" แบบนี้นี่เอง....ลูกชายคนรองของตระกูลยามาโมโตะลอบถอนหายใจ แต่ถึงจะเป็นธรรมเนียมปฏิบัติเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคงมีหลายๆคนในตระกูลหรืออาจจะในเมืองนี้ที่ตั้งหน้าตั้งตารอดูนายน้อยคนนั้นแต่งกายแบบนั้นแน่ๆ
" แต่ก็ดูเหมาะจนไม่น่าเชื่อเลยใช่ไหมล่ะ" ผู้เป็นแม่หัวเราะน้อยๆ ใบหน้างดงามยามยิ้มแย้มแบบนี้มันทำให้เด็กชายผมดำได้แต่มองอย่างไม่อาจละสายตาได้ เพราะอดคิดไม่ได้ว่า....เด็กคนนั้น....โกคุเดระ ฮายาโตะ....ถ้าโตขึ้นคงจะงดงามไม่แพ้ผู้เป็นแม่แน่ๆ
“ ท่านยามาโมโตะ....” ใบหน้าสวยกลับมาจริงจังอีกครั้งแต่ถึงแบบนั้นมันก็เต็มไปด้วยความอบอุ่น
“ ข้าก็ไม่รู้หรอกนะว่าท่านกับฮายาโตะทะเลาะกันด้วยเรื่องอะไร...แต่ว่า...เด็กคนนั้นไม่ได้มีเจตนาร้ายต่อท่านหรอก...ฮายาโตะน่ะไม่เคยคิดร้ายกับใคร เค้าแค่ไม่ชอบสิ่งที่ไม่ถูกต้อง....เพียงแต่...การแสดงออกอาจจะขวานผ่าซากไปนิดแล้วก็ปากไม่ค่อยตรงกับใจอีกหน่อย” ผู้เป็นมารดาอมยิ้มเมื่อพูดถึงลูกชายคนเล็ก
“ ข้าได้แต่หวังว่าท่านจะให้อภัยถ้าหากฮายาโตะทำอะไรผิดไป” นายหญิงของบ้านก้มหน้าให้น้อยๆก่อนจะขอตัวออกจากห้องไป...ถ้าหากเขาโตกว่าที่เป็นอยู่ในตอนนั้น เขาคงจะเข้าใจในท่าทางของนางได้ดีกว่านี้...ว่านั่นไม่ใช่การขอโทษแทนลูกชาย แต่นางกำลังฝากฝังเด็กคนนั้นเอาไว้กับเขา...
ราวกับจะรู้ถึงซึ่งอนาคต….
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป....
ก่อนจะพล่ามอะไร...
สุขสันต์วันเกิดจ้ะหนูก๊ก!!!! >w<
ร้ากกกกกหนูที่สุดในสามโลกเลยเหอะ รักมากขึ้นทุกวันๆๆๆๆ มากขึ้นเท่าที่เวลาเราอยู่ด้วยกันมาเลย!! ขอบคุณพระเจ้าอามาโนะจริงๆที่สร้างเด็กคนนี้ขึ้นมา ไม่รู้จะไปสรรหามาจากไหนได้อีกแล้วเนี่ย งืดๆๆ ขอให้มีความสุขมากๆ อ.อามาโนะรักอ.อามาโนะหลงนะจ๊ะ จะได้ปลอดภัยไร้กังวล ไม่ต้องมีบทเยอะๆก็ได้ช่วงนี้เพราะมี๊รู้สึกว่าอ.แกโหดๆยังไงไม่รู้555
ส่วนของขวัญปีนี้ มี๊เปิดเรื่องยาวให้เลย *w* หลังจากฟิคยาวเรื่องล่าสุดนี่มันอะไร = =? หิมะฯ ป่ะ? (Bios นี่มันยังเขียนหัวเอนทรีมันว่าเป็นฟิคสั้นอยู่นะ555)
โปรดสังเกต ว่ามีคู่รองด้วยนะ ต้องบอกไว้ก่อน เพราะถึงจะเป็นคู่รองแต่บทบาทก็สำคัญไม่แพ้คู่หลัก ถ้าอ่านแฝดน้องมาก็จะรู้ว่าอิคนแต่งมันมีความสามารถทำให้เรื่องมันพันกันยุ่งเหยิงมั่วซั่วขนาดไหน = =” แต่เรื่องนี้พล็อตไม่ซับซ้อนเท่าแฝดเพราะสมการมันลงตัวมาอยู่แล้ว55
สำหรับคู่รอง...คือ...ตอนแรกตั้งใจจะใช้บริการ 6927 ที่ถนัดนี่แหละ แต่ทว่ามาดูบทแล้ว...= =”””....เมะมันซาดิสปานละครพิศาลขนาดนี้ คุณมุดูท่าจะไม่ไหว งั้นให้คุณฮิไปละกัน (ซะงั้นอ่ะเฮ้ย!)
ส่วนฟิคนั้นได้แต่ใดมา? เรื่องมันมีอยู่ว่า วันหนึ่งมีคน(ชื่อน้องสโนว์) เอาเพลงของวง AYABIE มาล่อลวงค่ะ หลังจากที่ได้ฟังเพลงเพลงหนึ่งก็รู้สึกตัวว่า..นี่ตรูตกหลุมไปเต็มๆเลยนี่หว่า =[ ]= ชอบมาก!!! ชื่อเพลงก็ชื่อเดียวกับฟิคเรื่องนี้แหละค่ะ “Ryuusei” หมายถึง ดาวตก....โฮกกกกก อะไรมันจะโรแมนติดปานน้านนนนอ่ะชื่อเพลง เพราะงั้นเลยอดจิ้นไม่ไหว ได้ฟิคเรื่องนี้ออกมานี่แหละ 5555
ความจริงไม่ได้ตั้งใจให้เป็นฟิคยาวนะ แต่ไหนๆโกดังแห่งนี้ก็กำลังจะถูกปิดไป ก็เลยขอทิ้งทวนซักหน่อย รื้อพล็อตมาแต่งใหม่เอาให้ยาวสะใจสมเป็นฟิคเรื่องสุดท้ายกันเลย! (คงจะจบทันมัลติพลายปิดใช่ไหมเอ็งน่ะ?) ต้องบอกตามตรงว่าไม่ค่อยมั่นใจเท่าไหร่ค่ะกับเรื่องนี้ อยากให้มันดีกว่านี้แต่มันก็ได้เท่านี้เองอ่ะ ฮือออออ อิจฉาคนที่แต่งฟิคเก่งๆวางโครงเรื่องเก่งๆจัง *งอแง*
เอาเป็นว่ายังไงก็ฝาก “ดาวตก” ไว้ในใจอีกเรื่องนะคะ ^ ^ ไม่ได้ดราม่าอะไรมากมายอย่างที่เขียนเรทไว้หัวเรื่องหรอกน่า...อือ...ยังคิดอยู่ว่าตัวเองเหมาะจะแต่งฟิคชิลๆมากกว่าหรือเปล่านะ เพราะดราม่าทีไรก็ได้แค่นี้ทุกที ไม่สามารถจะแต่งให้บีบหัวใจเพราะทนเห็นก๊กร้องไห้ไม่ได้อะไรงี้ =[ ]= เลยไปลงกับทูน่าแทนงั้นสินะ
ก่อนจะไปตอนต่อไป แปะรูปคัพเค้ก(?)ของขวัญวันเกิดก๊กไว้ซะหน่อย....ไม่รู้จะได้กินเค้ก หรือจะโดนเค้กกินนะน่ะ เค้ก(?)มันเตรียมพร้อมมากอ่ะ =[ ]=
ปล. เรื่องนี้จำนวนตอนจะน้อย แต่ว่าเนื้อหาในแต่ละตอนยาวมากกกก โปรดระวัง (ระวังอะไรฟ๊ะ?!)
แฮปก๊กย้อนหลังงงงง
ตอบลบฟิคเรื่องนี่นี่สมกับการรอคอยจริงๆค่ะ
พ่อหนุ่มเย็นชานั่น หลงรักเข้าแล้วล่ะซี่
หลงรักก๊กน้อยแสนน่ารักเข้าแล้วใช่มั้ยยย
พี่ๆก๊กนิสัยไม่ดีเลย แต่ก็ตามสภาพการณ์ล่ะเนอะคะ
วิ่งตามไปอ่านต่อปายยยยย
ฮึกๆๆ นี่แต่งมานานแล้วสินะคะ แย่จังเราเพิ่งจะได้มาอ่าน
ตอบลบอยากให้ยามะดาร์กกว่านี้จริงๆเรื่องนี้ ชอบๆๆๆๆตบจูบ แฮ่กๆๆๆๆ อยากได้ๆๆๆๆๆๆ
นี่ตกลงทำอะไรแกก็ต้องบังเอิญไปหมดเลยใช่ม๊ายยยยยอิยามะ ตั้งแต่ฟิกตะกี๊แล้วนะเว้ยยยยย
บังอาจปล่อยให้ก๊กจมน้ำ คนแบบนี้อภัยให้ไม่ได้
แถมยังแอบเห็นตอนแต่งหญิงอีก
อิชั้นเข้าใจจิตใจของบรรดาพี่ๆได้เลยล่ะค่ะ ดิชั้นสัมผัสได้ถึงพลังที่มีอยู่ (สำนวนคุ้นๆ)
อยากร่วมวงกับคุณพี่ๆกระทืบยามะซักทีสองที ฐานทำให้หมั่นไส้ ฮึ
ตอนแรกนึกว่าอ่านผิด จาก 8 ขวบ เป็น 18 (ก็อ่านผิดจริงๆ นั่นแหล่ะ) ก็ว่าทำไมก๊กถึงได้ไร้เดียงสาขนาดนั้น รักในวัยเด็กสินะคะ ก๊กน่ารักมาก
ตอบลบกรี๊ดดดดดด
ตอบลบม่าม๊ายกให้ตั้งแต่เด็กเลยหรอ อร๊ายยยย