KHR Au.Fic [692718 8059] ……Yuki Shizuku Aishiteru…. : 08
: KHR Au Fanfiction
: 692718 8059
: Romance Drama Incest
: PG
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
.
.
.
.
.
.
“ นาระ!!”
“ เจ้าคิดว่าจากเมืองหลวงไปนาระต้องใช้เวลาแค่ไหนกันฮึ!...ไม่มีทาง ข้าไม่ไปกับเจ้าเด็ดขาด พาข้ากลับเดี๋ยวนี้เลยนะ!” ร่างบางโวยวายด้วยใบหน้าบูดสนิท แต่กระนั้นอีกคนก็หาได้ใส่ใจไม่ ร่างสูงยังคงยิ้มระรื่นและยังคงมุ่งหน้าไปตามเส้นทางที่ตนคุ้นเคย
“ ทำไมข้าจะไม่รู้ล่ะ ว่ามันต้องใช้เวลาแค่ไหน....ถึงเจ้าจะไม่เชื่อแต่อย่างน้อยข้าก็เป็นแม่ทัพนะ ฮะฮะ” เสียงสบายๆยังอุตส่าห์ทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยเสียงหัวเราะให้อีกคนยิ่งหน้าบึ้งหนักเข้าไปใหญ่ ใจก็นึกห่วงองค์ชายของตน ไม่รู้ว่าป่านนี้จะเป็นยังไงบ้าง
“ เอาน่า...ถ้าไปตามเส้นทางของข้าละก็....ค่ำนี้เราก็จะไปถึงนาระแน่นอน” เจ้าคิดว่าข้าออกตามหาเจ้ามานานแค่ไหนกัน....ที่นั่น....คือที่ที่ข้าได้พบกับเจ้า....ข้าจึงเฝ้าหวนกลับไปเผื่อว่าสักวันข้าจะได้พบกับเจ้าที่นั่นอีกครั้ง
“ ฮึ! แม่ทัพที่เป็นเจ้าบ้าอย่างเจ้าน่ะ ข้าไม่เชื่อถือหรอก....ในตำราภูมิศาสตร์ไม่มีแผนที่ไหนเคยบันทึกไว้แน่นอนว่าจากเมืองหลวงไปนาระจะเดินทางได้เร็วกว่าสองวัน...เพราะงั้นสั่งม้าเจ้าให้พาข้ากลับเดี๋ยวนี้!” เจ้าลูกแมวตัวดีทำท่าขู่ฟ่อตามประสา มือบางเริ่มลงไม้ลงมือเมื่อร่างสูงไม่ยอมทำตามคำสั่ง
“ เจ้าจำไม่ได้หรอ? ว่าที่นาระมีร้านไดฟุกุที่อร่อยมากๆอยู่ร้านนึงน่ะ จนถึงตอนนี้มันก็ยังขายอยู่นะ....ไม่อยากจะลองกลับไปกินอีกสักครั้งหรอ ?”
“ มะ...ไม่ต้องเอาของกินมาล่อข้านะ!....ขะ....ข้าไม่ไป...” แต่ดูเหมือนน้ำเสียงช่วงท้ายๆจะแฝงไว้ด้วยความลังเลยังไงไม่รู้นะ....ร่างสูงลอบยิ้มพร้อมกับบังคับเจ้าม้าสีขาวคู่ชีพให้ออกนอกเส้นทางปกติ
“ โกคุเดระ....เจ้ายังจำ...คฤหาสน์รัตติกาลไม่หวนกลับ....ได้หรือเปล่า....” จู่ๆร่างสูงก็เปลี่ยนเรื่องพูดไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ทำเอาร่างบางที่ยังงอแงไม่เลิกตีหน้าสงสัยก่อนจะครุ่นคิดถึงชื่อที่คุ้นเคย
“ ทำไมข้าจะจำไม่ได้ล่ะเจ้าบ้า! ก็ในเมื่อที่นั่นคือคฤหาสน์ต้องห้ามของตระกูลข้า....ว่าแต่เจ้า....ทำไมถึงได้รู้จักที่นั่น?! บอกข้ามานะ!” เพราะนอกจาก “ลูกชาย” ซึ่งมีสายเลือดโดยตรงของตระกูลแล้ว ผู้อื่นจะไม่ได้รับอนุญาตให้ล่วงรู้ถึงการมีอยู่ของคฤหาสน์แห่งนั้น
เพราะมันคือ บาปแห่งสายลม....
ม้าสีขาวถูกมือใหญ่บังคับให้หยุดวิ่งพร้อมกับร่างบางที่ถูกรั้งให้หันหลังกลับมารับริมฝีปากจากใบหน้าคม...นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อคางมนถูกบีบให้เผยอออกแล้วลิ้นร้อนก็สอดแทรกเข้ามาอย่างถือสิทธิ์ ลำตัวบางถูกแขนแข็งแรงโอบรัดเอาไว้แน่นจนไม่อาจต่อต้าน
ลมหายใจถี่กระชั้นมากขึ้นเมื่อความหวานถูกตักตวงออกไป และใบหน้าคมก็ไม่ได้พอใจกับรสจูบแค่ครั้งเดียว หลังจากถอนริมฝีปากออกมา ใบหน้าคมก็เปลี่ยนมุมประกบจูบลงไปอีกจนมือบางที่คอยผลักไสจำต้องยึดคอกิโมโนสีดำเอาไว้เป็นที่พึ่ง เรียวลิ้นที่ช่ำชองเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กที่ไร้เดียงสา เสียงน้ำลายในลำคอเอ่อล้นจนได้ยินที่สองหู ใบหน้าเนียนร้อนผ่าวราวกับถูกไฟสุม....จนเมื่อเสียงประท้วงดังอู้อี้ขึ้นมาใบหน้าคมจึงยอมละออกมาแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ก็ยังคงจับจ้องไปที่วงหน้าแดงระเรื่อด้วยสายตานิ่งสนิท
ร่างบางหอบหายใจหนักหน่วง เพราะถูกจู่โจมให้ทำในสิ่งที่ไม่คุ้นเคย นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าคมอย่างกล้าๆกลัวๆ เพราะปกติชายตรงหน้าจะยิ้มรับและบังคับเขาด้วยความแนบเนียน....ไม่เคยใช้กำลังกับเขาแบบนี้มาก่อน ให้เกิดความสงสัยว่ามันจะมีเรื่องอะไรที่เกี่ยวพันกับคำถามของเขาเมื่อครู่นี้หรือเปล่า...
....ทำไมยามาโมโตะถึงได้รู้จัก คฤหาสน์รัตติกาลไม่หวนกลับ.....
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะหลุบตาลงเมื่อรู้สึกว่าใบหน้านั้นเริ่มจะขยับเข้ามาใกล้
“ เจ้าอยากจะรู้คำตอบอย่างนั้นหรือ...ว่าทำไมข้าถึงได้รู้จักที่นั่น....” เสียงพูดนั้นราวกับกระซิบ แต่ด้วยลมหายใจที่แทบจะเป่ารดใบหน้าทำให้ทุกถ้อยคำนั้นได้ยินอย่างชัดเจน
“ ก็เพราะว่าข้าเคยอยู่ที่นั่นมาก่อนน่ะสิ....”
แล้วคำตอบก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง พร้อมครางออกมาด้วยร่างกายที่ชาวาบ....
“ ......ไม่จริง.....เป็นไปไม่ได้......”
เหตุผลที่เจ้าไม่เชื่อว่ามันคือเรื่องจริงคงมีอยู่แค่เหตุผลเดียว....
เพราะคฤหาสน์หลังนี้มีความหมายเช่นเดียวกับชื่อของมัน.....รัตติกาลไม่หวนกลับ......สิ่งที่ถูกตัดสินว่าดำมืดจะไม่อาจออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้นได้อีก
ใช่....มันคือลานประหารลับและสถานที่จองจำนักโทษระดับสูง
“ ตระกูลของเจ้าเป็นตระกูลที่กุมอำนาจทางการทหารมาตั้งแต่บรรพบุรุษ นอกจากจะช่วยจักรพรรดิจัดการกับกบฏในสมรภูมิรบแล้ว...งานที่พวกเจ้าทำเพื่อจักรพรรดิก็ไม่ได้มีแค่นั้น” มือใหญ่บังคับม้าสีขาวให้ออกวิ่งต่อไปด้วยท่วงท่าสบายๆ แต่ทว่าบรรยากาศยามที่กำลังพูดถึงเรื่องของคฤหาสน์หลังนั้นกลับทำให้ร่างบอบบางในอ้อมแขนรู้สึกเย็นเยียบที่ไขสันหลัง และทุกครั้งที่แผงอกแข็งแรงกระทบมาที่แผ่นหลังบางของตนก็ทำเอาสะดุ้งเฮือก
“ หึ...รู้ตัวแล้วสินะ....” ใบหน้าคมก้มลงไปกระซิบเสียงเย็นที่ใบหู ใบหน้าสวยได้แต่เกร็งนิ่งอยู่กับที่...เพราะเริ่มจะนึกออกอย่างที่คนข้างหลังว่าจริงๆ
“ กบฏในสนามรบอาจจะจัดการได้ง่าย เพราะใครๆก็เห็นอยู่ว่าพวกนั้นคิดก่อกบฏต่อจักรพรรดิ...แต่มีกบฏอีกประเภทที่จัดการยากกว่า นั่นก็คือกบฏที่อยู่ใต้ดิน....แต่ไม่ว่าจะเป็นกบฏแบบไหน ตระกูลของเจ้าก็จะต้องเป็นคนจัดการทั้งหมด...ในสนามรบก็ใช้ธนูยิงให้ตาย...แต่ถ้าเป็นนักโทษชั้นสูงที่ไม่อาจประหารให้ชาวบ้านรับรู้ได้....พวกเจ้าก็จะพาตัวมาที่คฤหาสน์หลังนั้น....คุมขังเอาไว้เพื่อรอวันตัดสินโทษตาย...หึ...ช่างเป็นงานที่ไม่เหมาะกับตระกูลที่มีเส้นผมสว่างไสวอย่างเช่นพวกเจ้าเลยสักนิด เจ้าคิดแบบนั้นไหมโกคุเดระ...” มือใหญ่จับปอยผมสีเงินเล่นยิ่งทำให้ร่างบอบบางเกร็งจนแทบจะแข็งเป็นหินเข้าไปใหญ่
“ เจ้าคงนึกออกแล้วสินะ......จริงอยู่ที่ว่ามีคนใช้นามว่ายามาโมโตะกันทั่วบ้านทั่วเมือง.....เจ้าถึงได้ไม่เอะใจ.....แต่หากเป็นคนของตระกูลยามาโมโตะที่รู้จักคฤหาสน์หลังนั้นแล้ว...เจ้าคงรู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่าอย่างไร” สองมือใหญ่ย้ายมากอดกระชับลำตัวบาง แผ่นหลังแนบชิดไปกับแผ่นอก แก้มใสรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆของอีกฝ่ายแต่ทว่าหัวใจสองดวงกลับเย็นเสียยิ่งกว่าน้ำแข็ง รอยยิ้มเผยอยู่ที่มุมปากของร่างสูงก่อนจะกระซิบบอกนกน้อยที่ถูกเขาจับตัวมาจากกรงทอง...
“ ข้าคือคนเพียงคนเดียวที่หนีรอดออกมาจากคฤหาสน์หลังนั้น และเป็นคนของตระกูลยามาโมโตะเพียงคนเดียวที่เหลือรอดจากแดนประหารของพวกเจ้า....เอาละ โกคุเดระ....เจ้าคิดว่าข้าควรจะแก้แค้นให้กับตระกูลของข้ายังไงดี?”
ไหล่เล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อใบหน้าคมกดริมฝีปากลงไปที่แก้ม เจ้าคนปากดีถึงกับพูดไม่ได้เถียงไม่ออกไปในทันทีที่รับรู้ความจริง ถึงจะหวาดหวั่นต่อคนเบื้องหลังแต่ทว่ากลับคับแค้นใจในความโง่เขลาของตนเองที่ยอมติดบ่วงของศัตรูมาเพียงเพราะคำว่า “รัก”
เพราะรอยยิ้มสบายๆ เพราะใบหน้าที่ไม่คิดร้าย และทุกครั้งที่อยู่ในอันตรายผู้ชายคนนี้ก็จะเข้ามาช่วย
เพราะแบบนั้นจึงไม่ได้คลางแคลงสงสัยเลย....ว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ คนนี้ จะเป็นคนเดียวกับนักโทษระดับสูงที่ตระกูลของเขาตามล่าตัวมาตลอดสิบปี
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว...ตระกูลยามาโมโตะถูกตัดสินว่าเป็นกบฏที่กำลังวางแผนเพื่อล้มล้างระบบจักรพรรดิ....ครอบครัวทั้งหมดของเจ้านั่นถูกจับไปกักขังเอาไว้ที่คฤหาสน์รัตติกาลไม่หวนกลับ....และทุกคนจะต้องถูกประหาร....ตามลำดับอายุ
ถึงแม้ว่าความทรงจำของเขาจะเลือนราง แต่ก็ถูกพร่ำสอนจากท่านปู่ ท่านพ่อ ท่านพี่....ว่าเหตุการณ์ในครั้งนั้นคือความอัปยศเดียวของตระกูลโกคุเดระ ที่ปล่อยให้นักโทษคนหนึ่งหลบหนีไปได้
ยามาโมโตะ ทาเคชิ ซึ่งในตอนนั้นเป็นเพียงเด็กชายอายุ 15 ปี เป็นคนสุดท้ายของตระกูลยามาโมโตะที่จะต้องถูกประหารแต่กลับ.......หนีออกไปได้
สองมือเล็กได้แต่กำแน่น แต่ยังไม่ทันที่จะได้ใช้สมองหาทางเอาตัวรอด จู่ๆม้าสีขาวก็หยุดวิ่ง
“ ข้าเปลี่ยนใจละ....เอาไว้รุ่งเช้าเราค่อยเดินทางต่อ...ส่วนคืนนี้เราจะค้างที่นี่กัน” ร่างสูงใหญ่กระโดดลงจากหลังม้าไปเสียดื้อๆ นัยน์ตาสีมรกตมองไปรอบกายอย่างหวาดๆ....ถึงบอกว่าจะพัก แต่ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดนอกจากต้นไม้กับใบหญ้าเลยสักนิด แล้วยิ่งเหลือบไปเห็นรอยยิ้มเย็นของอีกฝ่าย มือบางยิ่งเกาะหลังเจ้าม้าสีขาวแน่นราวกับจะบ่งบอกว่าจะนอนมันบนนี้แหละ
“ เอ๊ะ! เหว๋อ....” แต่ไม่ทันไรอ้อมแขนแข็งแรงก็อุ้มลำตัวบางลงมาจากหลังม้าจนได้ คนที่เปรียบเสมือนเชลยถอยครูดตั้งท่าจะหนีทันที แต่ร่างสูงใหญ่มีหรือจะไม่รู้ มือจึงคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ได้ทัน
“ ถ้าเจ้าหนีไปข้าก็แย่สิ...รู้ไหมว่าข้าตามหาตัวเจ้ามานานแค่ไหน” เจ้าคนปากดีได้แต่ก้มหน้าตัวสั่นระริก....นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองอย่างรู้ทันว่านั่นไม่ใช่อาการของคนที่กำลังหวาดกลัว...โกคุเดระถูกเลี้ยงมาแบบคุณหนู ถึงไม่มีทางสู้แต่คนเอาแต่ใจก็คงไม่มีวันยอมอะไรง่ายๆ
“ หนอย.....เจ้า!!! จะมาตามหาข้าทำไม? ถ้าอยากแก้แค้นตระกูลข้านักทำไมไม่ไปไล่ฆ่าพี่ชายที่มีตั้งมากมายของข้าล่ะ! ถ้าเจ้าทำร้ายข้าละก็ เรื่องไม่จบง่ายๆหรอกนะ!!”
“ นั่นคือคำร้องขอชีวิตของเจ้างั้นหรอ?” ถึงแม้จะเสียเปรียบเห็นๆ แต่นัยน์ตาสีมรกตก็ยังแข็งกร้าว
“ ข้าไม่มีวันร้องขอชีวิตกับนักโทษเดนตายอย่างเจ้า!” ใบหน้าสวยเม้มปากแน่นอย่างตั้งมั่นแล้วว่าจะไม่ยอมให้อภัยไอ้ผู้ชายสารเลวที่ล่อลวงหัวใจของตนจนมาติดกับ
“ หึ....ก็ตามใจเจ้า....เพราะถึงเจ้าจะร้องขอ ข้าก็ไม่มีวันยกชีวิตของเจ้าให้กับใคร แม้แต่ตัวของเจ้าเอง.....มันจะต้องเป็นของข้า....ในเมื่อตระกูลของเจ้าพรากเอาชีวิตทุกชีวิตในครอบครัวของข้าไป....แต่เจ้าอาจจะไม่รู้....ว่าชีวิตของเจ้าเพียงคนเดียวนั้นสามารถฆ่าหัวใจทุกดวงของคนในตระกูลโกคุเดระได้” มันเป็นแบบนั้นจริงๆ เพราะร่างบอบบางตรงหน้าคือที่รักของทุกคนในตระกูลต้องสาปนั่น
“ เจ้า!! ถ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้า จะยอมเจ้าง่ายๆละก็ คิดผิด!!” มือเล็กสั่นระริกชี้หน้าอีกฝ่ายเพราะทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
“ ข้าก็ไม่คิดว่าพยศๆอย่างเจ้าจะเชื่องได้ง่ายๆหรอกนะ แต่แบบนี้ข้าก็สนุกดี” ใบหน้าคมยิ้มให้อีกฝ่ายก่อนจะรวบข้อมือบางทั้งสองข้างเอาไว้แล้วมัดติดกันด้วยเชือก
“ เอ๊ะ?! ปล่อยข้านะ!!”
“ อยู่ตรงนี้ไปก่อน ข้าจะไปหาอะไรมาให้เจ้ากิน แล้วก็อย่าเพิ่งส่งเสียงจนหมดไปซะก่อนล่ะ” รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นบนใบหน้าคมก่อนสายตาเจ้าเล่ห์จะเสไปมองรอยแหวกของกิโมโนให้อีกฝ่ายสะดุ้งโหยง
“ อะ...ไอ้บ้า!!! จะไปไหนก็ไสหัวไปเลย!!”
แผ่นหลังกว้างหายลับไปกับผืนป่า ร่างบอบบางจึงได้แต่ทรุดนั่งลงกับผืนดิน ใบหน้าสวยก้มลงมองข้อมือทั้งสองข้างที่ถูกมัดติดกัน ที่ปลายอีกข้างหนึ่งของเชือกพันอย่างแน่นหนาเอาไว้กับโคนต้นไม้ใหญ่ จะหนีก็ไม่ได้ จะร้องเรียกออกไปก็คงไม่มีใครได้ยิน
“ ฮืออออ ไอ้บ้าๆๆๆๆๆ!!!” มือบางได้แต่ตะกุยต้นหญ้าอย่างระบายอารมณ์ เสียงกุบกับเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ และไม่นานใบหน้าของเจ้าม้าสีขาวก็ก้มลงมาคลอเคลีย
“ ฮึ! เจ้าไม่ต้องมาทำเป็นปลอบใจข้าเลยนะ เจ้ามันก็สมรู้ร่วมคิดกับเจ้านายของเจ้าใช่ไหมล่ะ!” ใบหน้าบูดบึ้งหันไปมองเจ้าม้าสีขาวอย่างพาลๆก่อนจะหันกลับมาถอนหายใจให้กับตัวเอง
จากนี้ไป...จะโดนทำอะไรบ้างก็ไม่รู้....
ยิ่งนึกถึงใบหน้าคมยามที่เคยเอ่ยบอกคำว่า “รัก” ก็ยิ่งคับแค้นแน่นในใจ
ทำไมถึงไม่เอะใจเลย...ว่านั่นจะเป็นคำลวง
เพราะอะไรถึงได้หลงใหลและมอบความเชื่อใจให้แก่ชายผู้นั้น
สองแขนขยับไปกอดหัวเข่าเอาไว้ก่อนจะเกยคางลงไป นัยน์ตาสีมรกตที่เคยแข็งกร้าวมาตลอดบัดนี้มีแต่แววหม่นหมองที่จะต้องตกเป็นเหยื่อของความแค้น....ยามาโมโตะคงจะโกรธแค้นตระกูลของเขามากถึงได้ทำทุกอย่างเพื่อแก้แค้น หมอนั่นอาจจะกลายเป็นคนไม่มีหัวใจไปแล้วก็ได้นับตั้งแต่วันที่หนีออกมา
คำว่า “รัก” ก็คงจะเป็นแค่ลมปาก ที่เอ่ยออกมาเพื่อใช้ในการแก้แค้นอย่างนั้นสินะ....
ร่างบอบบางนั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเองได้ไม่นาน เสียงที่เป็นสัญญาณว่าร่างสูงกลับมาแล้วก็ดังขึ้น
“ โทษที่นะที่ที่นี่ไม่มีหมูเห็ดเป็ดไก่ ทนกินของง่ายๆไปก่อนแล้วกัน” ผลเบอร์รี่ป่าที่อยู่ในใบไม้ใหญ่ถูกวางลงไปตรงหน้าร่างบอบบาง นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองมันอย่างสนใจ ทั้งๆที่ตกอยู่ในสถานะเสียเปรียบแต่ก็ไม่มีอะไรจะมาหยุดความอยากรู้อยากเห็นและแสนซนของเจ้าคนเอาแต่ใจนี่ได้
“ แล้วจะให้ข้ากินยังไงล่ะ? แก้มัดสิ!” ยังคงไม่มีน้ำเสียงอ้อนวอนอยู่ในคำพูดของคนที่เป็นเชลยเหมือนเคย
“ หื๋ม...กินยังไงงั้นหรอ....” ใบหน้าคมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ ก่อนจะมองไปที่ริมฝีปากสีแดง
“ ก้มลงมากินเหมือนลูกหมาตัวน้อยเป็นไง?” นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนหรี่มองใบหน้าสวยที่กำลังขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“ เจ้า!! ฝันไปเถอะว่าข้าจะก้มลงไปกราบกรานเจ้าเหมือนหมาแบบนั้นน่ะ! ข้าไม่กินก็ได้ไอ้ของแบบนี้!” ใบหน้าสวยสะบัดไปอีกข้างด้วยความเจ็บใจ ไม่น่าเผลอคิดไปเลยว่าอีกฝ่ายจะใจดีด้วยเหมือนที่เคยเป็น
“ อ๊ะ?!” จู่ๆลำตัวบางก็ลอยหวื๋อขึ้นไปบนอากาศ และเมื่อรู้ตัวอีกทีก็ลงไปนั่งอยู่บนหน้าตักของร่างสูงใหญ่ไปเสียแล้ว ร่างบอบบางดิ้นขลุกขลักเมื่อถูกขังอยู่ในอ้อมแขนที่โอบรัดเข้ามาจนแผ่นหลังแนบชิดไปกับแผงอกแข็งแกร่ง
“ ถ้าเจ้าไม่ยอมกินเอง...งั้นข้าจะใจดีป้อนให้ก็แล้วกัน” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ข้างใบหู ตอนนี้ร่างบางชักจะเสียใจที่ไม่ยอมกินๆเข้าไปยังไงไม่รู้ มือใหญ่รั้งใบหน้าสวยให้หันกลับมาหา ผลเบอร์รี่ป่าถูกหยิบขึ้นมาโดยมีนัยน์ตาสีมรกตจับจ้องอย่างสงสัยว่าร่างสูงใหญ่จะป้อนมันยังไง
“ อ้าปากสิ” นัยน์ตาสีมรกตย้ายไปมองใบหน้าที่มีแผลเป็นที่ปลายคางอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ดูจากผลเบอร์รี่ที่ถูกจ่ออยู่ใกล้ริมฝีปากของตนแล้วก็คิดว่าอีกฝ่ายคงจับมันยัดเข้ามาในปากแค่นั้น ริมฝีปากแดงค่อยๆเผยอขึ้นทีละน้อย
“ อื้อ!!” แต่มันกลับไม่ใช่ปลายนิ้วที่ส่งผลเบอร์รี่เข้ามาในปาก แต่เป็นลิ้นร้อนของร่างสูง ริมฝีปากบดเบียดกันให้ลิ้นแทรกเข้ามาในปากเล็กได้มากขึ้น ผลเบอร์รี่แตกกระจายในปากให้รสชุ่มฉ่ำผสมผสานไปกับเรียวลิ้นที่พันพัวจนรู้สึกได้ถึงรสชาติที่หวานล้ำ
สองมือที่ถูกมัดพยายามจะผลักไส แต่กำลังก็สู้อะไรไม่ได้ ใบหน้าคมละริมฝีปากออกมาก่อนจะหยิบผลเบอร์รี่เข้าไปในปากตนแล้วประกบลงไปบนริมฝีปากของร่างบางอีก ลิ้นเล็กที่พยายามจะต่อต้านแต่ก็ทนต่อความหวานไม่ไหว ลำคอระหงจึงเผลอกลืนน้ำของผลเบอร์รี่ลงไป แต่ก็มีบางส่วนที่ไหลย้อยออกมาจากริมฝีปากที่บดเบียดกันและค่อยๆไหลลงมาตามซอกคอเรื่อยๆ
“ อร่อยดีไหม?” ใบหน้าคมละออกมาจ้องมองใบหน้าสวยที่แดงซ่านปนหอบ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมาอย่างเคืองๆแต่ริมฝีปากแดงช้ำที่มีคราบน้ำเบอร์รี่ไหลไปตามปลายคางก็ยังไม่มีแรงพอจะโต้ตอบอะไร
ร่างสูงเผลอเลียริมฝีปากเมื่อสายตาแลไปเห็นน้ำสีม่วงไหลอยู่ที่ลำคอระหง ใบหน้าคมยื่นเข้าไปใกล้ก่อนเรียวลิ้นจะแล่บออกมาเลียให้ร่างบางสะดุ้งเฮือก
“ หยุดนะ!” เสียงแข็งดังขึ้นมาพร้อมกับมือที่พยายามผลักร่างสูงอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ หึ...” แม่ทัพหนุ่มหัวเราะในลำคอ ก่อนจะยอมหยุดก่อนที่จะเตลิดไปมากกว่านี้ ใบหน้าสวยสะบัดหนีอย่างแง่งอน
เจ้าคนที่ชอบโวยวายกลับนิ่งสนิท ทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่จับจ้องใบหน้าใสจากด้านข้างเริ่มมีสายตาที่อ่อนลง
สงสัยจะแกล้งมากไป.....
มือใหญ่หยิบผลเบอร์รี่ขึ้นมาก่อนจะยื่นไปจ่อใกล้ริมฝีปากที่บัดนี้เห็นรอยแดงช้ำอย่างชัดเจน....ยกมือค้างเอาไว้อยู่แบบนั้นในเมื่อร่างบอบบางไม่ยอมอ้าปากกินเข้าไป
นิ้วยาวจึงกดผลเบอร์รี่เข้าไปในปากแดงอย่างกึ่งบังคับ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมามองอย่างเคืองๆก่อนจะหันหนีไป
กว่าเบอร์รี่ป่าจะหมดไปจากบนใบไม้ได้ก็เล่นเอามืดค่ำพอดี....
ริมฝีปากแดงช้ำยังคงเม้มแน่นไม่ปริปากอะไรออกมาอีก ถึงแม้ว่านัยน์ตาคู่สวยจะจับจ้องทุกการเคลื่อนไหวด้วยคิ้วที่ขมวดจนแทบจะผูกเป็นปมอยู่ก็ตาม
ผ้าผืนเล็กเปียกชุ่มด้วยน้ำเย็นๆถูกลูบไล้ไปบนแก้มใสโดยมือใหญ่อย่างช้าๆ ร่างบอบบางถูกอุ้มมานั่งอยู่บนโขดหินใกล้กับธารน้ำโดยมีร่างสูงคุกเข่าเช็ดหน้าให้ ความเย็นจากผืนผ้าค่อยๆไล่จากใบหน้าไปตามลำคอ คราบของผลเบอร์รี่ที่จริงถูกเลียไปจนหมดแล้ว เพียงแต่ความรู้สึกเหนียวเหนอะน่ะยังคงอยู่ คนที่หวังดีแต่มีประสงค์ร้ายเลยช่วยเช็ดทำความสะอาดให้กับร่างบาง
ร่างบอบบางถูกอุ้มขึ้นมาในท่าเจ้าสาวอีกครั้งเมื่อทุกอย่างสิ้นสุดลง
เมื่อคนขี้โวยวายกลับปิดปากเงียบ ยิ่งทำให้ผืนป่าดูวังเวงและน่ากลัวเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่า
ร่างสูงวางคนที่เป็นจำเลยของตนไว้บนผืนหญ้า มีเพียงกิ่งก้านสาขาของต้นไม้ใหญ่ที่แผ่คลุมอยู่ด้านบน
“ อะ” เสียงอุทานเบาๆหลุดออกมาจากริมฝีปากสีแดง เมื่ออ้อมแขนแข็งแรงกอดกระชับมารอบเอวพร้อมๆกับความอบอุ่นจากร่างกายสูงใหญ่ที่แนบชิดมาจากด้านหลัง
“ นอนซะ.....ถ้าไม่อยากถูกข้าทำอะไร” เสียงกระซิบดังอยู่ที่ใบหูทำให้คนที่ยังโกรธอยู่ลอบกัดฟันกรอดๆ แต่กระนั้นก็ยอมอยู่นิ่งๆแต่โดยดี
นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองไปยังท้องฟ้ายามราตรีกาล หมู่ดาวพร่างพราวระยิบระยับ ความสวยงามทำให้เผลอปล่อยตัวปล่อยใจให้ล่องลอยไป จนร่างถูกพลิกให้หันเข้าหาแผงอกอุ่นก็ยังไม่ว่าอะไร ใบหน้าสวยเผลอซุกเข้าไปปล่อยให้กายใจที่เหนื่อยล้าถูกโอบกอดไปด้วยหมู่ดาวและอ้อมแขนที่แสนอบอุ่น
ขอวางเรื่องหมางใจทั้งหมดเอาไว้ให้คิดต่อวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน....
ฟ้ายังไม่ทันจะสางดี ร่างบอบบางก็ถูกอุ้มให้ไปนั่งงัวเงียอยู่บนหลังม้า
“ เจ้า...จะพาข้าไปไหนเนี่ย...?” เสียงงึมงำเอ่ยพรางยกมือขึ้นขยี้ตา...ถ้าหากว่าจะแก้แค้นแล้วที่ไหนก็ย่อมทำได้ไม่ใช่หรือไงกัน
“ คฤหาสน์รัตติกาลไม่หวนกลับ” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้น แต่ร่างบางถึงกับตาสว่าง ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเปลี่ยนไปเป็นเศร้าหมอง...ตั้งใจจะพาเขากลับไม่ฆ่าแกงที่นั่นหรือยังไงกัน....
แต่มันก็คงจะสาสมแล้วละ ในเมื่อครอบครัวของยามาโมโตะถูกฆ่าตายที่นั่น
ม้าสีขาววิ่งไปตามถนนปูด้วยหินซึ่งเต็มไปด้วยตะไคร่....เส้นทางนี้แทบจะไม่มีใครใช้เพราะว่ามันอยู่ในเขตที่ดินส่วนตัวของตระกูลโกคุเดระซึ่งกินพื้นที่กว้างใหญ่ในแถบนี้
และในที่สุดมันก็วิ่งมาจนถึงปลายเนิน ซึ่งบนที่ราบสูงตรงนั้นจะเป็นที่ตั้งของคฤหาสน์ต้องห้าม ร่างสูงหยุดม้าอยู่ที่หน้าประตูทางเข้า สายตามืดมนเหม่อมองไปที่เบื้องหลังบานประตูราวกับกำลังรู้สึกปล่อยวางหลังจากที่กำลังจะทำหน้าที่สำเร็จเสียที
ในที่สุดสิ่งที่ตามหาและเฝ้ารอคอยมานานก็มาตกอยู่ในกำมือของเขาจนได้....
“ โกคุเดระ....ข้าเล่าให้เจ้าฟังเอาไหม...ว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่....เมื่อสิบปีก่อน” ใบหน้าคมกระซิบบอกร่างในอ้อมแขนก่อนที่จะนึกย้อนไปถึงวันหนึ่งในฤดูใบไม้ร่วง วันที่ตนมีอายุ 15 ปีพอดี
วันนี้....ต้นโมมิจิต้นใหญ่ยังคงตั้งตระหง่านรอวันเปลี่ยนใบเป็นสีแดงสดยามฤดูใบไม้ร่วงมาเยือนอยู่ที่หน้าคฤหาสน์เช่นไร......
เมื่อสิบปีก่อนมันก็ยืนต้นอยู่เช่นนั้น…..
ซุ้มประตูทางเข้าเก่าแก่ถูกฉาบไล้ไปด้วยสีแดงสดของใบโมมิจิที่ร่วงโรยลงมา ก่อให้เกิดภาพอันตระการตา
คฤหาสน์ไม้สีเข้มที่สร้างตามอย่างโบราณตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางป่าสนสูงเสียดฟ้า เมื่อนำมาผนวกเข้ากันก็จะเป็นเช่นปราการเลือดที่ไหลนองทั่วผืนป่า
รถม้านับสิบคันวิ่งผ่านบานประตูเก่าแก่นั้นเข้าไป และเมื่อมันหยุดลงคนที่อยู่บนรถม้าก็ถูกนำตัวลงมา ที่ข้อมือของทุกคนมีโซ่เส้นใหญ่รัดพันเอาไว้แน่นหนา มีผ้าปิดตาที่จะเอาออกไม่ได้จนกว่าจะถูกนำตัวเข้าสู่คฤหาสน์
ทั้งหมดล้วนมีเส้นผมสีดำสนิท....สมกับที่เป็นคนของตระกูลยามาโมโตะ....ตระกูลนักดาบอันดับหนึ่งซึ่งไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะก่อกบฏ
และเพราะความแข็งแกร่งแบบนั้น มันทำให้ต้องเฝ้าระวังเป็นพิเศษ แม้จะเป็นแค่เด็กเล็กๆที่มาจากตระกูลนี้ก็จะประมาทไม่ได้....ตอนนี้ “ลูกชาย”สายตรงของตระกูลโกคุเดระจึงมาอยู่ที่นี่แทบทั้งหมด...มาเพื่อจัดการกวาดล้างอีกฝ่ายให้สิ้นซากไม่ให้เหลือแม้แต่คนเดียว...ไม่ว่าจะคนรับใช้หรือใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตระกูลยามาโมโตะ....จะต้องตายที่นี่ทั้งหมด!
เสียงโซ่ลากไปกับพื้นระเบียงไม้ จากเบื้องหน้าที่เป็นคฤหาสน์เก่าแก่ค่อยๆแปรเปลี่ยนไปเป็นแดนประหาร จากอาคารที่ถูกสร้างขึ้นมาอย่างสวยงามค่อยๆเปลี่ยนไปเป็นผืนป่าที่รายล้อมคุกใต้ดินซึ่งถูกสร้างอยู่ด้านหลังเนินเขา
เหล่าผู้คนที่ถูกเรียกว่านักโทษระดับสูงถูกแยกตัวไปขังเอาไว้ห้องละหนึ่งคน....กำหนดการประหารจะเริ่มตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป....และจะประหารวันละหนึ่งคนเท่านั้น
จากคนที่มีอายุมากที่สุด ไปจนถึงคนที่มีอายุน้อยที่สุด....
ราวกับว่า อยากจะให้คนที่เกิดมาช้ากว่าใคร ได้มองดูโลกอันสวยงามเป็นครั้งสุดท้ายมากกว่าคนอื่นๆ
รอยยิ้มเหยียดปรากฏอยู่บนใบหน้าของเด็กหนุ่มที่ถูกคุมขังเอาไว้ในห้องท้ายที่สุด....ยามาโมโตะ ทาเคชิ....คือชื่อของเขา
เช้าวันที่สองของการมาอยู่ที่คุกใต้ดินแห่งนี้....
มีเพียงช่องแสงบานเดียวที่ทำให้รู้ว่าตอนนี้ข้างนอกเป็นเวลากลางวันหรือกลางคืน....
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เหม่อมองท้องฟ้าที่อยู่สูงขึ้นไปอย่างไร้จุดหมาย....ทำไมพวกเขาจะต้องมาตายแบบนี้ด้วย....พวกตระกูลโกคุเดระเอาอะไรมาตัดสินว่าพวกเขาสมควรตาย เอาอะไรมาตัดสินว่าสิ่งที่พวกเขาคิดมันผิด
ก็แค่ความเห็นของพวกเขามันไม่ตรงกับความเห็นของคนอื่นๆ....
เพราะแค่นี้เท่านั้นน่ะหรือ ที่ทำให้พวกเขาจะมีลมหายใจต่อไปไม่ได้
สองมือได้แต่กำแน่นอย่างเจ็บแค้น....ดาบของพวกเขาไม่มีทางแพ้ธนูของพวกนั้นแน่...แต่มีความจริงเพียงข้อเดียวที่ต้องยอมรับ...ว่าคนของตระกูลโกคุเดระฉลาดเกินไป...
เช้าวันที่ห้าที่ลืมตาตื่นขึ้นมาในความมืด....
มีเพียงแสงที่ลอดผ่านบานช่องแสงเท่านั้นที่เป็นเพียงแสงสว่างเดียวในชีวิต....
เสียงโซ่เคร้งคร้างยามเมื่อขยับกายทำให้รู้ตัวดีว่าเขาเองก็จะมีชีวิตต่อไปได้อีกไม่นาน...และถ้าวันนี้เป็นวันที่ห้า....พ่อของเขาก็จะต้องถูกประหารในอีกไม่กี่ชั่วโมงที่จะมาถึง
มือได้แต่กำแน่น...นี่เขาไม่มีทางทำอะไรได้เลยอย่างนั้นหรือ....ทั้งๆที่ถูกเรียกว่าอัจฉริยะในทางดาบมาตั้งแต่เด็กๆ แต่แค่นี้ยังใช้ดาบที่ภาคภูมิใจมาตลอด ช่วยชีวิตคนในครอบครัวก็ยังไม่ได้เลยด้วยซ้ำ.....สันกรามของใบหน้าคมกัดฟันกรอด ทั้งโกรธแค้น ทั้งสิ้นหวัง
เช้าวันที่เจ็ดที่ตื่นขึ้นมาด้วยดวงตามืดมนของคนตาย.....
แต่แสงสว่างจากหน้าต่างบานนั้นก็ยังคงอยู่.....
ป่านนี้พ่อแม่ของเขาคงจะไม่มีชีวิตอยู่แล้ว...คนต่อไปที่จะต้องตายคือท่านอาผู้สอนวิชาดาบให้กับเขา
“ ฮึก....” มันไม่สนุกเลยสักนิด ที่จะต้องมานับวันรอความตายและเห็นคนในครอบครัวหายไปแบบนี้....วันละคน...วันละคน....เขาจะทนได้โดยไม่เป็นบ้าไปก่อนจะถึงวันตายของตัวเองได้ไหมนะ....
คนของตระกูลยามาโมโตะรวมคนรับใช้และคนที่เกี่ยวข้องที่ถูกพาตัวมามีทั้งหมด 67คน.....คนที่ 67....เขาจะต้องตายหลังจากนี้ไปอีก 60 วัน
ร่างสูงเดินโซเซไปยืนอยู่ใต้บานช่องแสงอย่างไร้เรี่ยวแรง....การที่ต้องทนอยู่ในความมืดและความเงียบแบบนี้ มันทำให้มีแต่ความสิ้นหวัง...
ตอนที่มาวันแรกๆเขายังเคยคิดที่จะหนี สายตาแหลมคมยังคงมองทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวว่ามันจะมีช่องว่างไหนที่จะหนีออกไปได้...หนีออกไป...และเขาจะกลับมาแก้แค้นให้คนที่ตายไปก่อนหน้านี้แน่นอน....
แต่ทว่า....เมื่อเวลาค่อยๆผ่านพ้นไป....ไม่รู้ว่ามันเป็นเพราะสถานที่ที่ถูกสร้างขึ้นมาราวกับจะสะกดมากกว่าคุมขัง หรือว่าเป็นเพราะได้รับรู้การจากไปทีละคน ทีละคนของคนใกล้ตัว....ทุกๆอย่างมันหลอมรวมกันจนกลายเป็นความสิ้นหวัง....กลายเป็นความท้อแท้ที่จะมีชีวิตอยู่
จนในที่สุดก็จะต้องมานั่งนับวันตายของตัวเอง....
เช้าวันที่แปดสายตาที่เคยเปล่งประกายของเขาก็ค่อยๆหายไป
นิ้วขีดเส้นที่แปดลงไปบนผนังหินฝุ่นจับซึ่งแสงจากหน้าต่างส่องลงมากระทบจึงเป็นที่เดียวที่มองเห็นได้
วันนี้เขาก็ยังนั่งรอความตายเช่นเดิม
ทำไมกัน...ทำไมถึงไม่ประหารไปพร้อมๆกันให้มันรู้แล้วรู้รอด พวกนั้นเองก็จะได้หมดหน้าที่คุมขังนักโทษอย่างเขาด้วยไม่ใช่หรือ?
“ หึ....พวกเจ้ามันเป็นตระกูลต้องสาป...เป็นตระกูลของมัจจุราชเลือดเย็นโดยแท้จริง”
ร่างสูงนั่งพิงผนัง เงยศีรษะที่เอนพิงขึ้นไปมองยังช่องแสง....วันนี้ข้างนอกดูท่าทางว่าจะอากาศดี
แต่เขาก็ไม่คิดที่จะออกไปแล้วละ....
ใบหน้าคมก้มลงมามองโซ่ที่พันธนาการข้อมือทั้งสองข้างอย่างหมดหวัง....ซามูไรยามไม่มีดาบ ก็เป็นแค่คนไร้ค่าเท่านั้นเอง
....แซ่ก แซ่ก.....
เสียงของอะไรบางอย่างดังอยู่ที่เหนือหัวจนต้องเงยหน้าขึ้นไปมอง....แสงที่ลอดมาตามช่องแสงวูบไหวไปมาเหมือนมีอะไรบางอย่างอยู่ตรงนั้น นัยน์ตาสีเปลือกไม้ค่อยๆปรับให้เข้ากับความสว่างก่อนจะจ้องมองมันให้เต็มตา....แล้วในไม่ช้าอะไรบางอย่างก็ยื่นมาห้อยอยู่ที่ลูกกรงไม้แข็งแรง....ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูง แต่หน้าต่างนั้นก็ยังสูงเกินไป ใบหน้าคมหันไปหันมาก่อนจะตัดสินใจออกแรงดันเตียงที่ทำจากท่อนไม้หนักอึ้งให้พลิกกลับแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนนั้น
มือหยิบของที่ห้อยอยู่มาพิจารณา
พวงดอกไม้....?
มันเป็นพวงดอกไม้ที่ร้อยมาจากดอกหญ้าหลากหลาย...จะว่าไปมันก็ไม่ได้สวยงามนักหรอก ออกจะเบี้ยวๆบูดๆด้วยซ้ำ
แต่ไม่รู้ว่าทำไม....หัวใจที่เคยแห้งผากกลับอุ่นวาบขึ้นมาทันที
ของใครกัน?
สายตามองออกไปภายนอกหน้าต่าง....สิ่งเดียวที่เห็นทำให้นัยน์ตาเบิกกว้าง
มันคือแผ่นหลังเล็กของเด็กที่มีเส้นผมสีเงินเป็นประกายที่กำลังเดินหายไปในแสงสว่าง....
เจ้าคือนางฟ้าหรือว่าเทพธิดากันแน่.....
เช้าวันที่เก้าที่เขาตื่นขึ้นมาด้วยความกระตือรือร้นกว่าทุกวัน
รอจนผู้คุมเอาข้าวมาให้แล้วจากไป...จากนั้นจะไม่มีใครโผล่มาอีกจนกว่าจะถึงเวลาข้าวเย็น
ร่างสูงดันเตียงท่อนไม้ให้ตั้งขึ้นแล้วกระโดดไปนั่งอยู่บนนั้น....เขาเพิ่งจะรู้ว่าคุกใต้ดินแห่งนี้ไม่ได้สร้างอยู่ใต้ดินทั้งหมด แต่มันจะมีส่วนที่อยู่เหนือหัวขึ้นไปที่จะโผล่พ้นดิน ขอบหน้าต่างล่างจะอยู่สูงกว่าผืนหญ้าเขียวขจีภายนอกแค่ศอกเท่านั้นเอง
เขานั่งกอดเข่าอยู่ในเงามืด....
เฝ้ารอเทพธิดาตัวน้อยๆมาปรากฎตัวให้เห็นอีกสักครั้ง
แต่เวลาล่วงไปจนบ่ายคล้อย ก็ยังไม่เห็นแม้แต่เงาของใครสักคน....หรือว่าเมื่อวานที่เขาเห็นจะเป็นภาพหลอนที่เผลอคิดไปเอง
แสงแดดกำลังอ่อนลงทุกทีๆ เช่นเดียวกับความหวังของเขาที่มันกำลังจะกลับเข้าสู่โลกที่มืดมิดอีกครั้ง
ในขณะที่จะหันหลังแล้วเตรียมตัวกระโดดลงมาจากสันเตียง เสียงแซ่กแซ่ก ก็ดังแหวกทุ่งหญ้ามาให้ได้ยิน เขารีบหันกลับไปมอง
แล้วสองตาก็ต้องถูกสะกดเอาไว้....
ร่างเล็กๆที่อยู่ในชุดกิโมโนขาวบริสุทธิ์กำลังวิ่งเล่นอยู่ท่ามกลางสีเขียวขจีของผืนหญ้า เส้นผมสีเงินเป็นประกายพลิ้วไหวไปกับสายลม ใบหน้าเล็กน่ารักจิ้มลิ้ม ริมฝีปากแดงอิ่มที่ยิ้มแย้มอย่างร่าเริง นัยน์ตาสีมรกตสดใสเปล่งประกายราวกับอัญมณีล้ำค่า ผิวพรรณขาวเนียนสะอาดตา....เหมือนนางฟ้าตัวน้อยๆที่หลุดมาจากสรวงสวรรค์
ร่างสูงได้แต่เหม่อมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาที่ถูกสะกด ทุกท่วงท่านั้นช่างน่ารักแต่ก็แฝงเอาไว้ด้วยความงดงามตามแบบอย่างของคนที่ถูกฝึกมาอย่างดี
นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองร่างเล็กๆที่ราวกับจะเปล่งประกายได้ผ่านลูกกรงไม้แข็งแรง...ความงดงามที่แสนบริสุทธิ์ผุดผ่องนั้นมองอย่างไรก็ไม่มีวันเบื่อ.....เด็กคนนั้นน่าจะอายุราวๆหกเจ็ดขวบ
เป็นใครมาจากไหนกันนะ...
แสงแดดอ่อนๆของยามเย็นส่องกระทบยอดหญ้า ใบหน้าเล็กหันไปหันมาก่อนจะทำท่าเหมือนเพิ่งนึกอะไรขึ้นมาได้ ร่างในชุดกิโมโนสีบริสุทธิ์นั่งยองๆลงกับพื้นก่อนที่มือเล็กจะเด็ดดอกหญ้าสีขาวขึ้นมาสองสามดอก
ร่างสูงขยับตัวหลบแทบไม่ทัน เมื่อจู่ๆร่างเล็กๆนั้นก็วิ่งตรงดิ่งมายังหน้าต่างบานที่เขาเฝ้ามองอยู่ ช่อดอกไม้ถูกวางลงมา ก่อนที่สองมือเล็กจะพนมเข้าหากัน นัยน์ตาสีมรกตปิดลงราวกับกำลังอธิษฐานอะไรสักอย่าง
เสียงหัวเราะคิกคักดังขึ้นมา เมื่อนัยน์ตาคู่สวยเปิดขึ้นอีกครั้ง
นี่กำลังคิดว่าตรงนี้เป็นศาลเทพเจ้าหรือยังไงกันนะ?
แต่ความไร้เดียงสาแบบนั้นมันก็ทำให้เขาเผลอยิ้มออกมา
“ คุณหนูขอรับ....อยู่ที่ไหนขอรับ....” เสียงตะโกนดังแว่วมาตามสายลม ให้ใบหน้าเล็กหันกลับไปมองด้วยรอยยิ้มซุกซน ร่างเล็กวิ่งฉิวหายไปในทางตรงข้ามกับเสียงเรียกทันที
เขามองตามแผ่นหลังของเด็กคนนั้นไปจนลับสายตา แล้วยื่นมือออกไปหยิบดอกไม้เข้ามาถือเอาไว้....ความอบอุ่นใจในฐานะมนุษย์ค่อยๆแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
รู้สึกว่า...อยากจะมีชีวิต....ต่อไป
เช้าวันที่สิบเขาก็ยังคงลืมตาขึ้นมาในความมืด
แต่ดูเหมือนวันที่สิ้นหวังจะถูกทดแทนด้วยช่วงเวลาที่เขาใช้เฝ้ารอคอยการมาเยือนของนางฟ้าตัวน้อยๆคนนั้น
เผลอยิ้มหยันตัวเอง ที่ดันไปหลงใหลกับลูกหลานของศัตรูแบบนี้
มาลองคิดดูให้ดีแล้ว....เด็กคนนั้นต้องเป็นคนของตระกูลโกคุเดระแน่ๆ เพราะเท่าที่รู้มาพื้นที่แถบนี้ทั้งหมดเป็นเขตหวงห้ามที่จะมีเฉพาะคนของตระกูลเท่านั้นที่จะเข้ามาได้ และเมื่อคิดว่าเป็นเพราะต้องมาประหารคนในตระกูลของเขาทำให้พวกนั้นต้องมากันเกือบทั้งตระกูลเพื่อคุ้มกันไม่ให้พวกเขาหนีไปได้...มันก็ไม่แปลกเลยที่จะมีเด็กแบบนั้นมาวิ่งเล่นอยู่ที่นี่
แล้วอีกอย่าง....เส้นผมสีเงินเป็นประกาย....ที่จะพบได้เฉพาะคนในตระกูลนี้เท่านั้น
หึ.....ราวกับเป็นการประชดประชันจากสวรรค์...ที่ส่งเด็กงดงามและบริสุทธิ์แบบนั้นมาเป็นมัจจุราชในอนาคต
เสียงโซ่ล่ามประตูดังกระทบกันให้เขาหันไปมอง ผู้คุมนำข้าวเข้ามาให้ตามปกติ ถึงหน้าตาจะไม่ค่อยซ้ำกันแต่ทั้งหมดก็เป็นผู้ชาย....จะว่าไปก็รวมไปถึงข้ารับใช้ที่วิ่งไล่ตามเด็กคนนั้นเมื่อวานนี้ด้วย...นั่นก็ผู้ชาย
ทั้งๆที่เป็นคุณหนูของตระกูลที่สูงส่งขนาดนี้ ทำไมปล่อยให้ข้ารับใช้เป็นผู้ชาย?
“ นี่พี่ชาย....ที่นี่น่ะมีผู้หญิงอยู่บ้างหรือเปล่า? อย่างน้อยก่อนตายข้าก็อยากให้พี่สาวของข้าหลับอย่างสบายๆน่ะ ขอให้คนลงดาบเป็นผู้หญิงได้ไหม” เขาเอ่ยถามกับชายร่างสูงใหญ่ที่ถือชามข้าวเข้ามาให้
“เสียใจด้วยนะ ที่นี่ไม่มีผู้หญิงอยู่หรอก...แม้แต่นายหญิงของพวกเรายังไม่รู้เลยว่ามีสถานที่แบบนี้อยู่ในตระกูลด้วย” คงจะคิดว่าไหนๆเขาก็ใกล้ตายเลยยอมเล่าให้ฟังละมั้ง....
“ เอ๋....ทำไมล่ะ?”
“ ก็มันเป็นลานประหารลับน่ะสิ ข้ารับใช้ที่อยู่ที่นี่มีแต่ผู้ชาย แล้วก็มีแต่ลูกชายสายตรงของตระกูลโกคุเดระเท่านั้นที่จะรับรู้การมีอยู่ของที่นี่ได้” ผู้คุมตัดบทก่อนจะปิดประตูคล้องโซ่เอาไว้ตามเดิม แต่ความจริงที่ร่างสูงเพิ่งรับรู้มีแต่จะยิ่งทำให้งงงวย
ลูกชายสายตรง?
ถ้างั้นเด็กผู้หญิงที่เขาเห็นเมื่อวานนี้มันอะไรกันล่ะ?
“ ระ...หรือว่า.....” นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เบิกกว้าง อย่าบอกนะว่าเด็กที่เหมือนตุ๊กตาตัวสวยนั่นเป็นเด็กผู้ชาย....ทั้งการแต่งกายทั้งบรรยากาศ มันไม่ใช่เลยชัดๆ
เดี๋ยวก่อนนะ....เหมือนจะเคยได้ยินมาว่า ตระกูลโกคุเดระเป็นตระกูลต้องสาป...เด็กที่เกิดในตระกูลไม่มีเด็กผู้หญิงเลยสักคน....ถะ ถ้างั้นก็หมายความว่า....
“ ฮะฮะ....มีรักแรกพบเป็นเด็กผู้ชายนี่มันน่าสงสารจังน้าเรา...” ใบหน้าคมได้แต่หัวเราะออกมา แต่ก็น่าแปลกที่ไม่ได้รู้สึกผิดหวังอะไรมากมายนัก อาจจะเป็นเพราะกำลังจะตายอยู่แล้วก็เลยไม่ได้คิดว่าการหลงรักและแอบมองเด็กคนนั้นจะเป็นเรื่องเสียหายอะไร
ยังไงเขามันก็เป็นได้แค่คนที่เฝ้ามองอยู่ในเงามืด...
วันนี้เด็กคนนั้นก็มาวิ่งเล่นอยู่ที่เนินหญ้านั่นเหมือนเดิม
เป็นเช้าวันที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ที่เขาลืมตาขึ้นมา...
เป็นเพราะไม่ได้นับ...เพราะตอนนี้มีสิ่งที่เขารอคอยมากกว่าความตาย
เขากระโดดขึ้นไปนั่งอยู่บนสันเตียงเหมือนที่ทำทุกๆวัน เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง รอการมาเยือนของเด็กคนนั้น ที่เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อ....
สงสัยว่าจะแอบหนีมาเล่นที่นี่คนเดียว จึงไม่มีใครตามมาเรียกชื่อของเด็กคนนั้นให้เขาได้ยิน
วันนี้ร่างเล็กเดินมาพร้อมกับว่าวตัวน้อยในมือ
เด็กนั่นเอาว่าวสีแดงวางไว้กับพื้นก่อนที่จะออกวิ่ง....แต่แน่ละในเมื่อไม่มีแรงส่ง เจ้าว่าวตัวน้อยเลยไม่ยอมลอยลมขึ้นไป ร่างเล็กวิ่งไปหันกลับมามองไปด้วยใบหน้าที่เริ่มจะทำแก้มป่อง แขนเล็กพยายามตวัดไปมา แต่แทนที่ว่าวจะขึ้นกลับกลายเป็นเชือกสายป่านเริ่มพันไปรอบตัวเล็กๆนั่นแทน
" อุ ฮึ ฮึ..." เขาเผลอหลุดหัวเราะออกมากับสภาพที่ราวกับลูกแมวที่เล่นเชือกแต่กลับถูกพันเอาไว้เองแบบนั้นของร่างเล็ก
เด็กคนนั้นนั่งลงก่อนจะพยายามแกะเชือกออกจากตัวเองด้วยใบหน้ามุ่ย แต่ถึงจะแกะออกไปได้ก็ยังไม่ยอมละความตั้งใจ ใบหน้าน่ารักหันไปหันมา ก่อนจะพาเจ้าว่าวตัวนั้นวิ่งตรงดิ่งมายังหน้าต่างที่เขาเฝ้ามองอยู่
" หว๋า...." เขาขยับตัวเขาไปแนบกับผนังด้านข้าง ไม่ให้เด็กคนนั้นเห็น เจ้าว่าวตัวน้อยถูกวางพิงเอาไว้กับหน้าต่าง ส่วนเจ้าของมันก็ออกวิ่งไปอีกครั้ง
เขาอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยื่นมือออกไปจับแกนของว่าวเอาไว้....ช่วยซักหน่อยก็แล้วกัน.....และเมื่อเชือกตึงกำลังดี เขาก็ปล่อยมือ
เจ้าว่าวสีแดงถลาลอยลมขึ้นไปทันที
ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคัก กับใบหน้าเปื้อนยิ้มของเด็กคนนั้น....และมันทำให้หัวใจของเขากระตุกถี่
ไม่อยากตาย....
ไม่อยากให้ใบหน้าของเด็กคนนั้นหายไปจากสายตาของเขา.....
ทำยังไงดี.....
เช้าวันนี้เขาตื่นขึ้นมาด้วยแววตาครุ่นคิด
ทั้งๆที่ตั้งใจจะทิ้งชีวิตไปแล้วแท้ๆ แต่กลับ.....
วันนี้เด็กคนนั้นอยู่ในชุดที่แปลกตาไปจากเดิม...ปกติมักจะใส่กิโมโนสีอ่อน แต่วันนี้กลับเป็นกางเกงฮากามะสีดำ ในมือเล็กถือคันธนูสีงาช้างขนาดพอดีตัวมาด้วย....คงจะได้รับการฝึกฝนเรื่องธนูตั้งแต่เด็กเลยสินะ...สมแล้วที่เป็นคนของตระกูลโกคุเดระ....เขาเองก็จับดาบมาตั้งแต่จำความได้เช่นกัน
แต่จะว่าไปทั้งๆที่ก่อนหน้านี้เขาเคยชิงชังธนูของพวกโกคุเดระที่มาทำลายล้างตระกูลของเขา....แต่พอมันมาอยู่ในมือเล็กๆคู่นั้นแล้ว เขากลับคิดว่ามันช่างน่าหลงใหล
นี่เขาเป็นอะไรไปแล้วเนี่ย...?
เช้าวันนี้คงเป็นเช้าวันที่เขาเฝ้ามองเด็กคนนั้นมากว่าเดือน
ใบหน้าเล็กที่ทำสีหน้าหลากหลาย ร่างกายน้อยๆที่ดูบอบบางน่าทะนุถนอม อีกทั้งนัยน์ตาสีมรกตสดใสถึงจะมีแววดื้อดึงแต่ก็แข็งกร้าว...ทุกๆอย่างล้วนอยู่ในสายตาของเขา
ถึงแม้จะไม่เคยพูดคุยกัน....
บางทีเด็กคนนั้นอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีเขาอยู่บนโลกใบนี้ มีเขาอยู่ที่นี่ด้วยอีกคน...
แต่เขากลับรู้สึกผูกพันอย่างน่าประหลาด....
อยากจะเห็นเด็กคนนั้นตลอดไป...
อยากจะยึดครองเอาไว้ให้เป็นของตัวเอง....
คนที่ใกล้จะตาย....มีสิทธิ์ที่จะคิดแบบนี้ไหมนะ....
วันนี้อ้อมแขนเล็กหอบดอกไม้มาเต็มสองแขน....คงจะไปเด็ดมาจากแถวๆนี้
เด็กคนนั้นนั่งลงบนพื้นหญ้าหนานุ่ม ก่อนจะค่อยๆหยิบดอกไม้ขึ้นมาร้อยเรียงทีละดอก ใบหน้าน่ารักดูตั้งอกตั้งใจ ถึงแม้ว่าพวงดอกไม้มันจะดูไม่ได้พัฒนาขึ้นมาเท่าไหร่ แต่ภาพตรงหน้าก็ทำให้เขาเผลอยิ้ม
น่ารัก....
มือเล็กชูพวงดอกไม้วงกลมที่น่าจะเรียกว่าเสร็จแล้วขึ้นเหนือหัว ก่อนจะยิ้มด้วยใบหน้าเปี่ยมสุข ร่างเล็กลุกขึ้นยืนก่อนจะใช้มือปัดกิโมโนแล้วเดินตรงมาที่เขา
พวงดอกไม้ถูกยื่นมาห้อยไว้ด้านในหน้าต่าง ก่อนที่เด็กคนนั้นจะหลับตาราวกับขอพรเหมือนที่เคยทำมา
นี่ยังคิดว่าหน้าต่างนี้คือศาลเจ้าอยู่งั้นหรอเนี่ย....
เขาหัวเราะเบาๆกับความไร้เดียงสาและน่ารักของอีกฝ่าย
ถ้าหากว่าสามารถยื่นมือออกไปคว้าตัวเอาไว้ได้....เขาก็คงทำไปแล้ว
เช้าวันนี้ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับดูมืดครึ้ม เมฆฝนลอยทะมึนมาแต่ไกล
เขาได้แต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง พรางคิดว่าวันนี้เด็กคนนั้นคงจะไม่มา
แต่แล้วยามเมื่อเม็ดฝนเริ่มโปรยปราย สายตาของเขาก็เห็นร่างเล็กในมือถือร่มไม้คันน้อยเดินตัดผืนหญ้ามาหยุดยืนอยู่นอกหน้าต่าง
ร่มอีกคันถูกกางขึ้นมาก่อนจะวางเอาไว้ เพื่อกันฝนให้ 'ศาลเจ้า' ก่อนจะยิ้มให้แล้วเดินจากไปในสายฝน
เขาได้แต่ยืนนิ่งด้วยดวงตาสั่นพร่า...
ความบริสุทธิ์ของเด็กคนนั้นกำลังดึงรั้งเขาเอาไว้ไม่ให้จากไป
ไม่อยากตาย....
ไม่อยากตาย....
ไม่อยากตาย!!!
เช้าวันนี้น่าจะใกล้วันที่ตระกูลโกคุเดระจะหมดธุระกับพวกเขาเสียที....
อีกไม่กี่วัน เด็กคนสุดท้ายของตระกูลยามาโมโตะอย่างเขาคงจะถูกประหาร...
จากที่เคยคิดอยากมีชีวิตรอดแล้วหนีออกไปเพื่อกลับมาแก้แค้น....จากที่เคยหมดอาลัยสิ้นหวังจนกระทั่งจะทิ้งลมหายใจไป....แต่ตอนนี้เขาอยากมีชีวิตอยู่....ไม่ได้อยากอยู่เพื่อจะแก้แค้น....แต่อยากอยู่....เพื่อตัวเอง
เพื่อที่ตัวเองจะได้เห็นรอยยิ้มของเด็กคนนั้นตลอดไป
วันนี้เขาก็ยังคงนั่งมองใบหน้าไร้เดียงสาอยู่หลังเงาของหน้าต่างเช่นเดิม
มือเล็กกำลังพับอะไรบางอย่างด้วยใบไม้สีเขียว....ถึงจะไม่แน่ใจแต่มันก็ดูคับคล้ายคับคลาว่าจะเป็นนกกระเรียน
“ ฮายาโตะ...” เสียงของใครบางคนทำให้เขาสะดุ้งเฮือก เพราะไม่คิดว่าจะมีใครตามร่างเล็กๆนั่นมา และเมื่อเงยหน้าขึ้นไปมอง ร่างกายของเขาก็แทบจะแข็งเป็นหิน....คนคนนั้น....คนที่เป็นผู้นำในการกวาดล้างกบฏ.....คนที่เป็นประมุขของตระกูลโกคุเดระ
“ อ๊ะ! ท่านปู่” เป็นครั้งแรกที่เขาได้ยินเสียงใส ใบหน้าน่ารักหันไปยิ้มให้ร่างสง่าที่เพิ่งเดินเข้ามา
“ มาเล่นอยู่ที่นี่เองรึ....ข้าจะมาบอกเจ้าว่า....ทางพระราชวังส่งจดหมายมา ว่าตอนนี้องค์ชายเล็กหายประชวรแล้ว ให้เจ้ากลับไปได้” คนที่เป็นดั่งมัจจุราชนั่งลงพรางยิ้มแย้มให้เด็กคนนั้น มือใหญ่นั่นก็ยกขึ้นลูบหัวหลานรักอย่างเอ็นดู บรรยากาศช่างแตกต่างจากตอนอยู่ต่อหน้าพวกเขา
แต่ชั่วแว่บหนึ่ง เขารู้สึกได้ถึงสายตาแหลมคมที่มองมาอย่างรู้ทัน ว่าเขาแอบมองอยู่ตรงนั้น
น้ำลายเหนียวๆถูกกลืนลงคอ เพราะคิดว่าจะถูกจับได้ แต่แล้วใบหน้าที่ซีกขวาเต็มไปด้วยรอยสักก็หันไปคุยกับหลานรักต่อ
“ จริงหรอ!!” เสียงใสตอบรับอย่างดีใจ....เขาเองก็ประหลาดใจ....ในเมื่อเห็นศัตรูมาอยู่ตรงหน้าแท้ๆ แต่กลับยืนมองโดยไร้ซึ่งความเกรี้ยวโกรธ....สายตายังคงจ้องมองปู่หลานพูดคุยกันอย่างไม่อาจละไปได้
“ อื้อ!”
“ แหม...จริงๆข้าควรจะอยู่ดูแลมากกว่า ท่านไม่น่าไปพาข้ามาเลย ฮึ” ดูเหมือนยามที่อยู่กับคนอื่น เด็กคนนั้นจะดื้อดึงเอาแต่ใจอยู่บ้าง แต่มันกลับเป็นเสน่ห์มากกว่าจะน่ารำคาญ
“ ได้ที่ไหนล่ะ....คราวนี้องค์ชายเล็กป่วยเป็นอีสุกอีใส ขืนเจ้าอยู่ใกล้แล้วติดขึ้นมาจะทำยังไงล่ะ...ข้าไม่ยอมให้หลานข้ามีตุ่มขึ้นเต็มหน้าแบบนั้นหรอกนะ”
“ เป็นเด็กผู้ชายต้องดูแลหน้าตาให้ดีๆเข้าใจไหม?” มันใช่หรอน่ะที่สอน? เขาพอจะรู้แล้วว่าเพราะอะไรทั้งๆที่เป็นเด็กผู้ชายแต่กลับมีบรรยากาศที่นุ่มนวลสดใส....คงเป็นเพราะถูกท่านปู่เอาแต่ใจนี่เลี้ยงมาแบบเด็กผู้หญิงสินะ
" อื้อ!" ใบหน้าน่ารักพยักตอบด้วยไร้เดียงสา จนเขาเผลอยิ้มตาม
" ถ้างั้นกลับวันพรุ่งนี้เลยดีไหม? ข้าจะได้ให้คนเตรียมรถม้า" ราวกับมีฟ้าผ่าลงมากลางหัวใจ....เด็กคนนั้นจะไม่มาให้เขาเห็นแล้วอย่างนั้นหรอ....
ร่างทั้งร่างแทบจะทรุดลงกับพื้นเมื่อใบหน้าน่ารักพยักลงตอบรับ
อยากจะตะโกนร้องห้าม....ว่าไม่ให้ไป
แต่ก็ทำไม่ได้...
อยากจะเอื้อมมือออกไปรั้งเอาไว้
แต่ก็ทำไม่ได้...
แล้วเขาจะต้องทำยังไง....เพื่อไม่ให้แสงสว่างเพียงดวงเดียวในชีวิตดวงนี้หายไป...
" กลับเรือนไปเตรียมตัวกันเถอะ พรุ่งนี้ปู่จะให้คนพาเจ้าไปส่งแต่เช้าเลย" มือใหญ่เอื้อมมาจับมือหลานชายเอาไว้ แต่ก่อนที่ทั้งคู่จะเดินจากไป
" เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนนะท่านปู่" ร่างเล็กอุทานอย่างนึกอะไรขึ้นมาได้ เด็กคนนั้นวิ่งกลับมายังที่ที่เคยนั่งอยู่ ก่อนมือเล็กจะกอบนกกระเรียนที่พับจากใบไม้แล้วตรงดิ่งมาที่หน้าต่างที่เขาเฝ้ามอง
นกกระเรียนตัวน้อยหลายตัวถูกวางเอาไว้พร้อมด้วยรอยยิ้ม
" ถ้าข้ากลับมาที่นี่ ข้าจะมาหาท่านอีกนะ...คามิซามะ(ท่านเทพ)"
แผ่นหลังเล็กวิ่งหายไปนานแล้ว แต่เขาก็ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม มือที่ค่อยๆเอื้อมไปหยิบนกกระเรียนใบไม้สั่นเทา
จะมาหาข้าอีก...จะมาพบกับข้าอีก....ทั้งๆที่หากผ่านคืนวันพรุ่งนี้ไปแล้วข้าก็จะไม่มีแม้แต่ลมหายใจแล้วน่ะหรอ...
นัยน์ตาสีเปลือกไม้สั่นไหวที่เคยทำเพียงครุ่นคิดว่าไม่อยากจะตาย บัดนี้มันเริ่มเปลี่ยนกลับมามืดมนและแข็งกร้าว
เขาคิดผิด...ที่บอกว่าไม่อยากจะตาย...
มันไม่ใช่...
ไม่ใช่.....ไม่อยากตาย...
แต่เขาจะต้องมีชีวิตรอดให้ได้ต่างหาก!
เช้าวันนี้คือวันที่เขาจะต้องโดนประหาร
แต่เขาก็ยังนั่งเหม่อมองออกไปที่นอกหน้าต่างเหมือนทุกๆวัน
ป่านนี้เจ้าคงจะออกเดินทางไปแล้วสินะ....
รอก่อนล่ะ....ไม่ว่าจะอีกกี่สิบวัน สิบเดือน หรือสิบปี....ข้าก็จะต้องไปหาเจ้าให้ได้
กว่าจะถึงเวลาประหาร แสงแดดก็หายไปจากท้องฟ้า
ผู้คุมสองคนพาเขาเดินไปตามระเบียงทางเดินท่ามกลางแสงไฟสลัวๆจากคบเพลิงที่ติดอยู่ตามเสา ดูเหมือนทหารยามที่เฝ้าอยู่รอบๆจะน้อยกว่าเมื่อวันที่เขามา แต่ถึงอย่างนั้นก็ใช่ว่าจะมีช่องว่างให้หนีออกไปได้ง่ายๆ
เขาเดินตามผู้คุมไปด้วยใบหน้าสบายๆ หลังจากที่ตัดสินใจได้ เขาก็ไม่กังวลอะไรอีก
ขอเพียงหาดาบให้ได้....เพียงเล่มเดียวเท่านั้น....
ปกติพวกผู้คุมจะไม่พกอาวุธอะไรเข้าไปในที่คุมขังเลย คงจะกลัวว่าพวกเขาจะแย่งมาใช้....นั่นรวมไปถึงทหารยามที่จะไม่พกดาบแต่อาวุธที่อยู่ในมือคือธนู...อาวุธเฉพาะตัวที่ไม่ว่าใครก็คงใช้ได้คล่องไม่เท่าพวกโกคุเดระ
เพราะเช่นนั้นเขาจึงได้แต่รอคอย...
ช่วงเวลาเดียวที่พวกนั้นจะเอาดาบออกมาใช้...
นั่นก็คือช่วงเวลาที่จะตัดคอเขานั่นเอง...
เขาถูกนำตัวเข้าสู่ลานประหาร ท่อนไม้ที่ตั้งอยู่กลางลานนั่นคือที่ที่เขาจะต้องไป นัยน์ตาคมกล้าเหลือบมองไปรอบๆ ดูเหมือนบรรดาผู้ใหญ่ในตระกูลโกคุเดระจะยังอยู่กันครบ
หึ....แค่เด็กคนเดียว ไม่เห็นต้องอยู่ดูกันเลยก็ได้นี่นา
แต่ทว่าเขากลับไม่เห็นประมุขของตระกูลโกคุเดระ....หรือว่าจะกลับไปพร้อมหลานชายแล้วก็เป็นได้
เขาถูกพาไปนั่งอยู่หน้าท่อนไม้ ข้อมือถูกมัดติดกันด้วยเชือก พวกนั้นไม่ได้มัดเขาติดกับท่อนไม้ แต่ก็เอาผ้าปิดตาเอาไว้
โชคดีจริงๆที่เวลาประหารคือช่วงกลางคืนแบบนี้....เพราะถือได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่เงียบสงัด...ทำให้เขาได้ยินเสียงต่างๆได้อย่างชัดเจน
ถึงแม้จะถูกปิดตาเอาไว้ แต่คนที่ประสาทสัมผัสดีและอยู่กับดาบมาตั้งแต่เกิด แค่เสียง....เขาก็รู้แล้วว่าตอนนี้คนที่จะลงดาบกำลังเดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เสียงคมดาบตัดผ่านอากาศกับบรรยากาศกดดัน ทั้งยังจิตสังหาร เขารู้ได้ทันทีว่าดาบกำลังจะมาจากทางไหน
ฟุ่บ!
และเขาก็เอามือที่ถูกมัดติดกันขึ้นไปรับดาบเอาไว้ โดยที่เชือกถูกตัดขาดกระจุย
และเมื่อมือมีอิสระ....กับดาบที่อยู่ตรงหน้า....
" จับมันเอาไว้!!"
เสียงตะโกนโวยวายและความโกลาหลเกิดขึ้นทันที ดาบในมือตวัดตัดผ่านลำตัวของใครก็ตามที่คิดจะเข้ามาจับเขาเอาไว้ เขาวิ่งสุดกำลังและฆ่าคนทุกคนที่ขวางหน้า เพราะไม่มีเวลาจะมายั้งมือ
ลูกธนูพุ่งเฉียดเหนือหัวและลำตัวไปไม่ใช่น้อย แต่หากมีดาบ กับของแค่นี้ก็ไม่ใช่อะไรที่เขาจะเอาชนะไม่ได้
ถึงจะเหนื่อยหอบแต่เขาก็ยังวิ่งต่อไป ใบหน้ามีแต่เหงื่อเกาะพราว สายตาสอดส่องมองหาว่าทางไหนจะปลอดภัยที่สุด ขาก้าวไปเรื่อยๆไม่หยุดหย่อน ก่อนจะโหนตัวข้ามรั้วเตี้ยๆเข้าไปยังเรือนที่ดูเงียบสงบ
เขาหยุดยืนหอบอยู่ที่ใต้ต้นโมมิจิที่กำลังสละใบสีแดงต้องแสงจันทร์
แต่แล้วเงาร่างของใครคนหนึ่งก็ถึงกับทำให้นัยน์ตาของเขาเบิกกว้าง
ประมุขของตระกูลโกคุเดระในชุดยูคาตะสีดำกำลังยืนจ้องมองเขาจากบนระเบียง ใบหน้าที่มีรอยสักอยู่ครึ่งหนึ่งมองเขาด้วยสายตานิ่งเฉย
ถ้าเป็นคนคนนี้ละก็...เขาอาจจะสู้ไม่ไหวแน่ เพราะขนาดปู่ของเขาก็ยังเคยพ่ายแพ้มาแล้ว
" ข้าชดใช้ให้เจ้าได้เท่านี้แหละ...อุเก็ตสึ" ร่างสง่าเอ่ยคำพูดที่เขาไม่เข้าใจออกมา ก่อนที่นัยน์ตาสีเพลิงแหลมคมจะเหลือบมามองที่เขาก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าไปในห้อง โดยไม่แม้แต่จะหยิบธนูออกมา
แบบนี้...แปลว่าปล่อยให้เขาหนีไปใช่ไหม?
คนคนนี้น่าจะรู้ทั้งรู้ว่าเขามีเป้าหมายอยู่ที่หลานชายของตัวเอง แต่ก็ยัง....
เขาสะบัดหน้าสองสามที เวลานี้ไม่ใช่เวลาจะมามัวคิดมาก ขารีบก้าวยาวๆออกไป ต่อให้ต้องวิ่งจนแทบจะหมดแรงตาย เขาก็จะต้องหนีออกไปให้ได้
ต่อให้รั้วจะสูงใหญ่สักแค่ไหนเขาก็จะข้ามมันไป จะต้องหนี จะต้องมีชีวิตรอด
หลังจากที่หลับหูหลับตาวิ่งฝ่าความมืดออกมา รอบกายตอนนี้มีแต่ผืนป่า ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองอยู่ที่ไหน รู้แต่ว่าคงไกลจากคฤหาสน์นั่นมาพอสมควร
ร่างทั้งร่างทรุดลงกับพื้นอย่างไร้แรงจะยืน ดวงตาที่เคยตื่นอยู่จนถึงเมื่อครู่ดูเหมือนจะค่อยๆพร่าเลือน
สงสัยว่าจะใช้แรงกายแรงใจที่มีไปจนหมดเกลี้ยงเลยสินะ
รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าคมที่แนบอยู่ที่พื้นดิน ถึงแม้ตอนนี้ตาจะปิดลงไปก็ไม่เป็นไร ริมฝีปากขยับเป็นคำพูดแผ่วเบาแต่ก็หนักแน่น
“ เมื่อข้าลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง....ข้าสาบานว่าจะไม่ยอมให้ตระกูลโกคุเดระคุมขังข้าอีก....ข้าจะมีชีวิตต่อไป.....”
“ เพื่อเป็นนักโทษของเจ้าคนเดียวเท่านั้น....โกคุเดระ ฮายาโตะ”
" วะ ว่าไงนะ!!!" ใบหน้าสวยตะโกนขึ้นมาพร้อมนัยน์ตาเบิกกว้าง
" นี่อย่าบอกนะ ว่าเป็นเพราะข้า ที่ทำให้เจ้าหนีออกมา....ถ้างั้นข้าก็เป็นต้นเหตุให้ตระกูลต้องด่างพร้อยน่ะสิ" นัยน์ตาสีมรกตหรี่ลงก่อนจะเสมองไปที่อื่นพร้อมกับมีเหงื่อหยด
" ก็ประมาณนั้น" ใบหน้าคมยิ้มให้หลังจากเล่าเรื่องราวในอดีตให้อีกคนฟังจนจบ
" ตรงนั้นไงที่เจ้าชอบมานั่งเล่น...แล้วข้าก็มองเจ้ามาจากในหน้าต่างนั่น" ร่างสูงใหญ่ชี้นิ้วไปที่เนินหญ้าและหน้าต่างที่มองจากมุมนี้แล้วมันก็คล้ายศาลเจ้าจริงๆ
" งะ งั้นเจ้าก็เห็นท่าทางของข้าหมดเลยล่ะสิ...." ใบหน้าสวยแดงแปร๊ดเอ่ยออกมาอย่างอายๆ
" ตอนเจ้ายิ้มนะ โลกของข้าเปลี่ยนเป็นสีชมพูเลยละ เพราะงั้นยิ้มให้ข้าดูหน่อยสิ" มือบางตีเพี๊ยะมาที่ต้นแขน
" ฝันไปเถอะเจ้าบ้า!" ใบหน้าสวยก้มลงราวกับอยากจะมุดดินหนีไปให้รู้แล้วรู้รอด ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าจะมีใครแอบดูเขามาจากตรงนั้น....เพราะจนป่านนี้ก็ยังคิดว่าหน้าต่างนั่นเป็นศาลเจ้าอยู่เลย
" แล้วก็เจ้า!! ถ้าเจ้าหนีออกมาเพราะรักข้า แล้วเมื่อคืนทำไมต้องขู่ให้ข้ากลัวด้วย!!" ร่างบอบบางนึกขึ้นมาได้แล้วหันไปหาเรื่องอีกฝ่ายล้างอายทันที
" น่า...นานๆทีข้าก็อยากทำอะไรเร้าใจๆกับเจ้าบ้าง โอ๊ย!" มือบางบิดเข้าให้ที่ต้นแขน
" ถ้าเจ้าทำอีกข้าจะเอาธนูยิงเจ้าให้ตายเลย....บอกมาซิ! ว่าเจ้ารักข้าจริงๆ ไม่ได้หลอกลวงข้าเพื่อว่าจะแก้แค้นน่ะ!" ตรงสมกับที่เป็นซึนเดเระตอนโกรธ ใบหน้าคมอมยิ้มก่อนจะก้มลงไปกระซิบใกล้ๆใบหน้าใส
" ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า" ถ้อยคำพร่ำกระซิบทำให้ใบหน้าสวยยิ่งแดงขึ้นเรื่อยๆ ใบหน้าคมยิ่งขยับเข้าไปใกล้ๆ ใกล้ๆ จนในที่สุดริมฝีปากก็แนบไปกับแก้มใส
" รักเจ้าที่สุดในชีวิตของข้าเลย" อ้อมแขนโอบกระชับเอวบางเข้ามา ท่าทางอายๆยิ่งอยากจะกอดรัดเขาไปใหญ่
“ อย่ามาทำได้ใจนะ เจ้านักโทษ!”
“ ชีวิตของเจ้าจะต้องหาไม่แน่....เพราะเหตุการณ์ที่เจ้าหนีออกไปได้ในครั้งนั้นถูกจารึกลงในประวัติศาสตร์ของตระกูลข้าว่ามันนำมาซึ่งความเสื่อมเสียชื่อเสียง....และเจ้า....ยังคงถูกคนของตระกูลข้าตามล่าตัวอยู่....ฮึ!....หนีหัวซุกหัวซุนแบบนั้นยังจะมีหน้ามาบอกรักข้าอีกอย่างนั้นหรอ” ใบหน้าสวยเชิดหน้าพูดฉอดๆทำเอาคนที่มองอยู่นึกหมั่นไส้ในความอวดดีจนนึกอยากจะแกล้งขึ้นมา
“ อีกอย่างนะ....เจ้าไม่มีทางได้ตัวข้าไปง่ายๆหรอกจะบอกให้....เพราะว่าข้าน่ะ...อื้อ!” เสียงใสขาดหายไปด้วยริมฝีปากของร่างสูงที่ประกบจูบลงไปไม่ให้ทันได้ตั้งตัว มือใหญ่สอดเข้าไปที่กลุ่มผมสีเงินนิ่มบริเวณท้ายทอยก่อนจะจับเอาไว้ให้จูบได้ถนัดมากขึ้น
ถึงเจ้าไม่บอกข้าก็รู้ตัวดี.....ว่าข้าไม่มีสิทธิ์รักเจ้าได้เลย....
เพราะถึงแม้จะตัดเรื่องที่ข้าเป็นนักโทษออกไป....แต่ก็ใช่ว่าจะผ่านด่านอรหันต์ของบ้านเจ้าได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่....
ในเมื่อเจ้า....โกคุเดระ ฮายาโตะ.....เป็นหลานชายคนเล็กของตระกูลต้องสาปที่ไม่ทราบว่าตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ตระกูลโกคุเดระนั้นไม่มีเด็กผู้หญิงเกิดขึ้นมาในตระกูลเลยแม้แต่คนเดียว....ทั้งๆที่เป็นตระกูลใหญ่และทุกๆรุ่นก็มีผู้สืบเชื้อสายเกิดออกมาหลายคน....แต่ก็หาได้มีผู้หญิงไม่....เพราะเช่นนั้นเมื่อมีสะใภ้คนใดตั้งท้อง คนในบ้านจึงเฝ้าอธิษฐานและรอคอยให้เด็กที่เกิดมาเป็นผู้หญิงบ้างสักคน....จนดูเหมือนคำอธิษฐานเหล่านั้นจะประสบผลเมื่อพระผู้เป็นเจ้าจงใจปั้นแต่งลงมาให้เด็กที่เกิดคนสุดท้ายของตระกูลมีรูปร่างหน้าตาดังเช่นเด็กผู้หญิงทั้งๆที่ยังคงเป็นตระกูลต้องสาปเหมือนเดิม.....และนั่นคือเหตุผลว่าทำไมโกคุเดระ ฮายาโตะ จึงถูกรักถูกหวงมากเกินปกติจากคนในตระกูล
“ อื้อ!!!......” มือบางผลักร่างสูงออกไปจนได้ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อพร้อมลมหายใจหอบถี่ แต่กระนั้นนัยน์ตาสีมรกตก็จ้องเขม็งอย่างหาเรื่องไปยังใบหน้าคมที่กลับมายิ้มร่าตามเดิม
“ เจ้า!!....หนอย....” ใบหน้าสวยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อไม่อาจทำอะไรร่างสูงใหญ่ได้ แต่ไม่นานก็กลับมาทำหน้ายิ้มเยาะเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้ “ ฮึ! ข้าก็ไม่ได้จะดูถูกเจ้าหรอกนะ...แต่หน้าอย่างเจ้าแค่จะก้าวขาเข้ามาขอข้า...ก็คงตัวพรุนด้วยธนูของท่านปู่ ท่านลุง ท่านพ่อ ท่านอา ท่านพี่ๆของข้าจนไม่เหลือที่ว่างแล้วล่ะ หึหึ...ทีนี้จะทำยังไงล่ะ” ใบหน้าสวยแสยะยิ้มเยาะเพราะเชื่อมั่นว่าตนจะทำให้เจ้าคนที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาวตรงหน้าหวาดผวาขึ้นมาได้บ้าง....แต่ทว่า
“ ข้าว่า....ข้าจะพาเจ้าหนีตามกันไปเลยดีกว่า....ไปสู่ขอแบบนั้นมันก็ยุ่งยากออกนะ ฮ่าๆๆ”
“ คะ...ใครจะยอมหนีไปกับเจ้ากัน เจ้าบ้า!!!”
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ร่างบอบบางรู้สึกว่าตนเป็นฝ่ายพ่ายแพ้จนได้....
แต่ถึงแบบนั้นก็ยังดีใจ....
ที่คำว่า "รัก" ที่ให้มา ไม่ใช่คำลวง
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
หิมะ....หยดน้ำ....ความรัก..... : 08 End
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป.....ไป......ไป
ยะฮิ้วววววววว ยาวสมการรอคอยมาก กร๊ากกกก
ก่อนอื่นแปะเพลงแรงบันดาลใจของตอนนี้ก๊ะ ว่างๆก็แวะไปฟังกันนะ
เห็นหัวกระทู้ตัดเหลือสมการแค่ 8059 ก็อย่าเพิ่งตกใจไป เพราะนี่คือแผนการล่อลวงแม่ยก8059ที่ยังลังเลไม่ยอมอ่านเรื่องนี้ กร๊ากกก มิได้เปลี่ยนคู่หลักแต่อย่างใด เพียงแต่ตอนที่ 8 นี้มันเป็นตอนของ 8059 ล้วนๆ เลยเอาสมการมานำหน้ามั่ง ถึงจะเป็นคู่รองแต่ก็เด่นไม่แพ้กันนา =3= แถมหนูก๊กเรื่องนี้ยังน่ารักโฮกเลยเน้ออออ เป็นคู่ที่หวานๆฮาๆน่ารัก เอาไว้ตัดอารมณ์ดราม่าของคู่หลักโดยเฉพาะ เหอ...อ่านตอน 8 ช่วงต้นๆคงคิดว่าจะได้เห็นดราม่าของสมการนี้ล่ะสิ คึหึหึ....ม่ายยยยย ถ้าอยากดราม่าไปอ่าน Blooming Heart ไป๊
มาพูดถึงในเรื่องบ้าง
หลายคนอาจสงสัยว่า ในเมื่ออิเนียนมันก็รู้ว่าก๊กเป็นใครแล้วทำไมถึงตามหากันตั้งเป็นสิบปี ไปดักรอที่หน้าบ้านก็น่าจะเจอไม่ใช่เร๊อะ....ที่ยามะมันหาก๊กไม่เจอก็เพราะว่าก๊กอยู่แต่ในวังค่ะ ก๊กถูกส่งเข้าวังให้ไปอยู่เป็นเพื่อนเล่นขององค์ชายเล็กตั้งแต่เด็กมากๆแล้ว แล้วเวลาจะกลับตระกูลทีเพื่อความปลอดภัย ท่านปู่เค้าก็ไม่บอกใครนอกจากคนในบ้านหรอกค่ะ(แล้วคนในบ้านก็จะอยู่กันครบขนาดนั้น ใครหน้าไหนจะกล้าเข้าใกล้55) เพราะงั้นตอนยามะมาดักรอก็จะไม่เคยเจอเลยนั่นเอง กว่ายามะจะสืบรู้ว่าก๊กอยู่ในวัง...กว่าจะหาทางเข้าไปได้(คุณมุโดนใช้เป็นสะพานสินะ หึหึ) มันก็เลยนานเช่นนั้นแล
ส่วนท่านปู่เอง จะรู้เห็นเป็นใจไหม? หรือว่ามีความหลังอะไรกับท่านปู่ของยามะ...นั่นดิ? (ผลั๊วะ!)....หรือไม่ก็อาจจะตั้งใจยกหนูก๊กให้อิเนียนอยู่แล้วก็เป็นได้ แต่จะให้ง่ายๆก็กลัวเสียฟอร์มอะไรงี้ >////<
แล้วก็ชื่อคฤหาสน์ที่มันอาจจะไปซ้ำกับหนังสือบางเล่ม(?) จริงๆต้องบอกว่าเอาชื่อรวมเล่มนั้นไปจากฟิคเรื่องนี้แหละค่ะ ฮ่าๆๆ (แต่งไว้นานขนาดไหนคิดดู = =")
ตอนแรกว่าจะลงตอนวันเกิดยามะ...แต่คิดๆดูแล้วค่อยๆทยอยแฮปให้มันดีก่า...เพราะว่าเรื่องที่แต่งให้เป็นของขวัญจริงๆก็น่าจะยาวอยู่(ถ้าเสร็จนะ) ประกอบกับหิมะฯตอนที่ 8 นี่ก็ยาวนรกอย่างที่เห็น อ่านทีเดียวคงมีตายกันไปข้างแน่ แหะแหะ
เพราะงั้น สุขสันต์วันเกิดล่วงหน้านะจ๊ะยาเมะ *w*
พร้อมกันก็ สุขสันต์วันสงกรานต์ ด้วยค่ะทุกคน สาดน้ำซ้าาาาาา ขอให้เย็นสบายชื่นใจกันถ้วนหน้าค่ะ ^ ^
ปล.ข้าพเจ้าไม่อยู่นะช่วงสงกรานต์นี้ ถ้าเรียกแล้วไม่หื๋อไม่อือก็ไม่ต้องแปลกใจ แหะแหะ
โอ๊ะ จิ้มไปฟังเพลงมาด้วย แอบคิดว่า เฮ้ยย ตอนขึ้นต้นจังหวะเหมือนเคยได้ยิน
ตอบลบเพลงไทยนี่หว่าา ฮ่าๆ นานๆจะเห็นว่าเป็นเพลงไทย อิอิ
ไปเจอเพลงนี้มาได้ยังไง ฮ่าๆ ทำดีให้ทุกๆอย่างทุกๆการกระทำ ไม่รักไม่ได้แล้วว
ตอนต้นขึ้นมาเหมือนจะดราม่า นึกว่ายามะมันจะดาร์กซะแล้ววว
ไม่ใช่แค่ยามะแกล้งก๊ก แต่แกล้งคนอ่านด้วย นึกว่าะจะต้องอ่านมาม่าสองตอนรวด ฮ่าๆ
อดีตสมัยเด็กที่ทำให้สองคนรู้จักกันมันเป็นแบบนี้นี่เอง น่ารักดีอ่ะ
นั่งรอวันประหารไปทีละวันๆ คนที่รอความตาย ..
กับคนที่ต้องคอยรอประหารทีละคนๆก็คงจะรู้สึกแย่ไม่แพ้กัน
หน้าที่ของตราบาปที่คนทั้งตระกูลต้องแบกรับ มันก็แย่นะเนี่ย ขัดคำสั่งก็ไม่ได้ เง้ออ
เห็นใจทั้งสองตระกูลจัง ท่านปู่ก๊กก็ดูท่าจะเสียใจมากเช่นกัน เป็นเพื่อน?รักกันหรือป่าวเนี่ย
ทำไมน้อคู่ปู่ต้องผิดหวังอยู่เรื่อยเลย น่าสงสารจัง T^T
อย่างน้อยชดเชยให้ในรุ่นหลานก็ยังดี ใช่มั้ยก๊ะท่านปู่
ป้อนผลเบอร์รี่กันได้ใจมากอ่ะ หวานนนนน จนไม่รู้จะหวานยังไงแล้ว
กระซิบบอกรักข้างๆหูอีก ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า ข้ารักเจ้า อ๊ากกกกก aishiteru. โฮกกกก
วู้ๆๆๆๆ สุขสันต์วันเกิดยามะล่วงหน้าตาฟิคไปติดๆ ฮ่าๆ อ่านล่วงหน้ากันเลยทีเดียวเชียว อิอิ
อย่างน้อย คู่หลักมันเจ็บปวด หนีมาซบอกคู่รองก่อนก็ได้ แง๊ ~~
ปล. สุขสันต์วันปีใหม่ไทยค่าาาาา สาดน้ำ~~~ อีกสักรอบบบ อากาศร้อนมากมายก่ายกองอ่ะ
กรี๊ดดดดดด
ตอบลบหวานแบบไม่ไหวแล้ววว
5555
ชอบมากเลยอ่า รักใสๆแบบนี้
ชอบตอนนี้มากๆ เลย อ่านแล้วมันอบอุ่นหัวใจ แล้วก็ความน่ารักสดใสของหนูก๊กก็ทำให้ใจสั่น (ยามะเอาดาบเชือดคอ)
ตอบลบฮายาโตะ จะทำให้หลงไปถึงเมื่อไหร่น้าาาา อิจฉายามะทันที ถึงแม้ว่ามันจะต้องผ่าด้านอรหันครอบครัวโกคุเดระเยอะหน่อยก็เถอะ
แต่หรือว่า.....ท่านปู่ของหนูก๊กจะตั้งใจอย่างนั้นจริงๆ แล้วชื่อที่พึมพำออกมา จะเป็นปู่ของยามะหรือเปล่า์?
แบบว่าสัญญากันระหว่างเพื่อนว่าจะยอมยกหลานมาดองกันอะไรอย่างนี้ 5555