KHR Au S.Fic [8059] Blooming Heart : 01
: KHR feat.Natural city Fanfiction AU
: TYL80 x TYL59 , TYL80x59
: Romantic Drama Sci-fi
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เสียงกรอบแกรบดังมาจากถุงไยสังเคราะห์หน้าตาเหมือนกระดาษสีน้ำตาลที่อยู่ในอ้อมแขน แต่ใบหน้าคมก็ไม่ได้ก้มลงมาสนใจ เขายังคงเดินหอบมันไปตามทางเท้าซึ่งมีเพียงเสียงลมแหวกอากาศจากยานพาหนะซึ่งลอยอยู่เหนือพื้นผิวของถนน หน้าตาของมันก็ยังคงเหมือนรถยนต์ของเมื่อร้อยกว่าปีก่อนเพียงแต่หลักการทำงานและพลังงานที่นำมาใช้นั้นต่างออกไป
คศ.2218
คริสต์ศตวรรษที่วิวัฒนาการก้าวไปสู่จุดสูงสุด พลังงานที่ได้มาจากธรรมชาติถือเป็นสิ่งหายาก เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะหันหน้าไปทางไหน ทุกๆอย่างจึงล้วนแต่ทำขึ้นมาจากเทคโนโลยีและเครื่องจักร
ใบหน้าคมเงยขึ้นไปมองบนท้องฟ้าที่สดใส แต่หากมองลงมาจากอวกาศ...โลกที่มองเห็นก็จะไม่ใช่สีฟ้าแต่กลายเป็นสีดำสนิท จุดสีฟ้าๆที่มีมนุษย์อาศัยอยู่นั้นเหลืออยู่เพียงน้อยนิด และทุกๆที่ก็จะถูกครอบเอาไว้ด้วยแผ่นพลาสติกขนาดมหึมา ที่เขามองเห็นจากตรงนี้ว่ามันคือท้องฟ้าอันกว้างใหญ่
เมืองทั้งเมืองมีแต่ตึกสูง ถูกสร้างไปเป็นบลอคๆอย่างเป็นระเบียบ มันเงียบเชียบราวกับว่าไม่ใช่เมืองที่มีชีวิต เพราะทุกสิ่งทุกอย่างถูกสื่อสารผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์เล็กๆที่ติดอยู่ที่ข้อมือ การส่งเสียงดังโวยวายจึงไม่ใช่สิ่งที่ควรกระทำอีกต่อไป
ต้นไม้ที่ยืนต้นใหญ่แผ่ขยายกิ่งก้านใบอยู่ที่สองฝั่งถนนนั่นถึงแม้จะดูไม่ต่างไปจากภาพต้นไม้ของในอดีต แต่ทว่าต้นไม้เหล่านี้ก็ไม่ได้สังเคราะห์แสงเพื่อหล่อเลี้ยงตัวเองจนเติบใหญ่...มันไม่เคยผ่านการเป็นต้นอ่อน...เพราะครั้งแรกที่มันถูกเรียกว่าต้นไม้ กิ่งก้านของมันก็ใหญ่เท่าที่เห็น...เพราะมันเป็นต้นไม้ที่ถูกประดิษฐ์ขึ้นมา
ร่างสูงยังคงเดินต่อไปตามทางที่คุ้นเคย ถึงแม้ว่าตึกแต่ละตึกจะมีหน้าตาที่คล้ายคลึงกัน แต่เขาเกิดและเติบโตมาในเมืองที่แห้งผากเช่นนี้.....ยี่สิบสี่ปีแล้ว....มันจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่เขาจะเดินกลับบ้านของตัวเองถูก
จากทิวทัศน์ที่เป็นระเบียบเรียบร้อยแลดูเนี้ยบจนไร้ซึ่งชีวิตจิตใจ จากถนนเส้นใหญ่ค่อยๆเล็กลงจนเหลือแค่ทางเดิน หมู่ตึกที่เคยสูงระฟ้าค่อยๆลดระดับลงมาเรื่อยๆ จนเหลือเพียงอพาทเม้นต์ขนาดกลางที่ตั้งอย่างเบียดเสียดกัน สองข้างทางในยามนี้ไม่ได้สะอาดสะอ้านดังเช่นเมื่อครู่ที่เดินผ่านมา ตึกแถวนี้ดูเก่าโทรมและผนังก็ยังเป็นอิฐแดงมิได้ฉาบปูนเรียบทาสีเหมือนกับที่อื่นๆ
แต่ทว่า มันกลับดูมีชีวิตชีวาในสายตาของเขามากกว่าเมืองที่เงียบงันนั่น...
เขาจึงเลือกที่จะมาใช้ชีวิตอยู่ที่ย่านแห่งนี้
กระดาษเก่าเหลืองใบหนึ่งปลิวคลุกพื้นถนนจนมาหยุดอยู่ตรงหน้าชายหนุ่มร่างสูง นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบลงไปมองแล้วยิ้มที่มุมปาก...นานแค่ไหนกันแล้วนะที่ไม่ได้เห็น “กระดาษ”
‘ เป็นเจ้าของ MR รุ่นใหม่ก่อนใครได้แล้ววันนี้....’
ร่างสูงที่อยู่ในเสื้อโค้ทตัวหนาอ่านประโยคที่อยู่บนกระดาษเก่าๆนั่นในใจ....สมัยที่ยังใช้ ‘กระดาษ’ อยู่ เรื่องของ MR ก็คงถือว่าเป็นเรื่องแปลกใหม่ทีเดียว...แต่ถ้าเทียบกับตอนนี้แล้ว....
ใบหน้าคมหันไปมองรอบๆกาย ผู้คนต่างเดินกันควั่กไขว่ บ้างก็ดูรีบเร่ง บ้างก็เดินเอ้อระเหย บ้างก็เดินดูสิ่งของในตู้กระจกของร้านข้างทาง บรรยากาศนั้นไม่ต่างอะไรไปจากโตเกียวของเมื่อร้อยกว่าปีก่อนที่เขาเคยเห็นในบันทึก... ภาพของผู้คนที่เดินสวนกันไปมา ผู้คนที่เดินอยู่คนเดียว ผู้คนที่เดินไปด้วยกันสองคน ยิ้มและหัวเราะให้กัน หรือแม้แต่ภาพของผู้คนที่เดินส่งเสียงดังอย่างครื้นเครงไปเป็นกลุ่มก้อน....สิ่งเดียวที่ต่างกันออกไปนั่นก็คือ ผู้คนที่เขาเห็นอยู่ในขณะนี้นั้น....กินแบตเตอรี่เป็นอาหาร....
MR คือตุ๊กตาชนิดหนึ่ง ซึ่งถูกสร้างขึ้นมาอย่างละเอียดอ่อน มันแตกต่างจากไซบอร์กที่คนเมื่อหลายร้อยปีก่อนเคยใฝ่ฝันถึงมากนัก
MR เหมือนมนุษย์ทุกประการ ไม่ว่าจะผิวพรรณ ใบหน้า นัยน์ตา เส้นผม และมิใช่เพียงแค่กายภาพ แม้แต่นิสัยใจคอ ตุ๊กตาเหล่านี้ก็ถูกสร้างขึ้นมาให้รองรับได้กับอารมณ์ของมนุษย์ทุกประเภท ซ้ำยังมิใช่แค่ทำตามคำสั่งไปตามโปรแกรมที่ถูกกำหนดเอาไว้...แต่ MR ยังมีความทรงจำ ทำให้ช่วงเวลาที่อาศัยอยู่กับมนุษย์คนนั้นมันเกิดเป็นความผูกพัน....จนหลายๆคนก็เชื่อมั่นว่า....MR นั้นมีหัวใจ....
MR จึงมิใช่แค่หุ่นยนต์รับใช้ แต่สำหรับบางคน...MR ก็เป็นเหมือนพี่ชาย น้องสาว เพื่อน หรือแม้แต่คนรัก....
ท่อนแขนแข็งแรงเผลอกระชับถุงสีน้ำตาลใบใหญ่ที่หอบอยู่...มันคือสิ่งที่บ่งบอกว่าเขาแตกต่างจาก MR ...ในนั้นมันเต็มไปด้วยขนมปัง เนื้อ ผักและองุ่นผลเล็กๆ
ใช่...ยามาโมโตะ ทาเคชิ เป็นมนุษย์....
มนุษย์ที่ยังคงกินพืชผักเป็นอาหาร...
ร่างสูงใหญ่เดินเลี้ยวเข้าไปยังช่องว่างระหว่างตึกสองตึก นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองเห็นผู้ชายที่คุ้นหน้ายืนอยู่กับกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ เขาพยักหน้าให้เป็นเชิงทักทาย
ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของผู้ชายคนนั้นดูก็รู้ว่ากำลังดีใจที่จะได้ย้ายออกไปจากที่นี่...และคงจะจากไปยังเมืองที่ไร้ชีวิตซึ่งเขาเดินผ่านมา...คนทั่วๆไปอยากที่จะไปอยู่ที่นั่น เพราะมันแสดงถึงฐานะที่ดีกว่า
ขายาวก้าวเดินต่อไปจนมองเห็นคอร์ตเล็กๆที่ถูกล้อมรอบเอาไว้ด้วยอาคารอพาทเม้นต์ทั้งสี่ด้าน สนามหญ้าสีเขียวทำให้บริเวณนั้นดูเหมือนเป็นโอเอซิสที่ให้ความชุ่มฉ่ำแก่เมืองที่แห้งผาก มีคู่แม่ลูกนั่งเล่นอยู่ที่ม้านั่งข้างๆสวน
เด็กคนนั้นเป็นมนุษย์
เป็นเด็กมนุษย์ที่หาได้ยากยิ่งในปัจจุบัน เพราะการที่มนุษย์กับมนุษย์จะรักกันนั้นมันกลับกลายเป็นเรื่องที่แทบจะหาไม่ได้ในโลกที่เต็มไปด้วย MR
เพราะว่า MR นั้นเพอร์เฟคทุกอย่าง ทั้งรูปร่างและหน้าตา คนจึงหันมาสนใจ หันมารักใคร่ MR มากกว่ามนุษย์ด้วยกันเอง
และเขาเองก็ไม่ได้ต่างไปจากคนพวกนั้น....
ประตูห้องถูกเปิดออกเพียงแค่นิ้วสัมผัสที่สแกนซึ่งติดอยู่ข้างประตู ร่างสูงเดินเข้าไปในห้องซึ่งสว่างสไวก่อนจะวางถุงสีน้ำตาลลงบนโต๊ะกินข้าว ได้ยินเสียงน้ำไหลดังมาจากในห้องน้ำ มือใหญ่ถอดเสื้อโค้ทออกก่อนที่จะเอามันไปแขวนไว้ที่หน้าตู้เสื้อผ้าแล้วเดินไปเคาะประตูเบาๆบอกคนที่ยังอาบน้ำอยู่ว่า
" ฉันกลับมาแล้วนะ....ฮายาโตะ"
ร่างสูงใหญ่ทิ้งกายลงบนโซฟาสีดำอย่างเหนื่อยล้า มือโยน ID การ์ดลงบนโต๊ะกระจกอย่างไม่ใส่ใจ
" เก็บให้มันดีๆหน่อยสิฟ๊ะ นั่นมันของสำคัญไม่ใช่รึไงไอ้บ้านี่" เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นมาจากด้านหลังเมื่อเสียงน้ำเงียบไป ไม่นานกระป๋องเบียร์เย็นเฉียบก็ถูกเอามาแนบอยู่ที่แก้มของเขาด้วยมือบางของใครบางคน หยดน้ำร่วงพราวลงมาจากเส้นผมสีเงินที่ยังคงเปียกชุ่ม
" ไม่มีอะไรสำคัญกับฉันไปมากกว่านายหรอกน่า...ฮะฮะ" แต่แทนที่มือใหญ่จะเอื้อมไปหยิบกระป๋องเบียร์ มันกลับตรงไปคว้าเอวบางของคนที่ยังอยู่ในชุดคลุมอาบน้ำจนคนที่ยังไม่ทันตั้งตัวเซถลาลงมานั่งอยู่บนหน้าตัก ถึงแม้ว่าใน ID ของอีกฝ่ายจะระบุเอาไว้ว่าคนที่อยู่ในอ้อมแขนเขาตอนนี้นั้นมีอายุเท่าๆกัน แต่รูปร่างบอบบางที่เขาคลอเคลียอยู่ก็ไม่ได้ใกล้เคียงกับเขาเลยแม้แต่น้อย
" ยะ...อย่ามาน้ำเน่า!" ใบหน้าสวยแดงระเรื่อก่อนที่จะพยายามดันตัวเองออกไปจากมือที่เริ่มจะเลื้อยไปทั่วร่างที่มีเพียงผ้าบางๆห่อหุ้มเอาไว้
“ ฮะฮะ” เขาหัวเราะให้กับความดื้อดึงของคนตรงหน้า...กว่าหกปีแล้วสินะ ที่พวกเขาอยู่ด้วยกันมา
“ ซื้ออะไรมาเนี่ย? ทำไมมีแต่ขนมปัง...ขนมปัง...แล้วก็ขนมปังล่ะฟ๊ะ...แกควรจะหัดกินอาหารให้ครบ 5 หมู่บ้างนะ จะได้มีสารอาหารไปเลี้ยงสมองไม่ใช่ปล่อยให้มันมีแต่กล้ามเนื้อ!” เจ็บครับ...เจ้าคนตรงหน้ายังคงด่าเขาอย่างเจ็บแสบทุกครั้งตั้งแต่เจอกันมา....ริมฝีปากสีชมพูนั่นยังคงพ่นแต่คำร้ายๆใส่แต่ในขณะเดียวกันมันก็ทำให้เขาได้รู้ด้วยว่า สิ่งที่หวานกว่าน้ำตาลนั้นมันยังมีอยู่ในโลก
“ นี่ไอ้บ้ายามาโมโตะ แกฟังฉันอยู่รึเปล่า...” แล้วเจ้าของร่างบางๆนั่นก็เดินกลับมายืนอยู่ตรงหน้าอีกครั้งพร้อมกับถุงสีน้ำตาลในมือ...หื๋อ?...ถ้าเขาบอกออกไปว่าไม่ได้ฟังเพราะมัวแต่มองสะโพก อก เอว ของเจ้าตัวนี่ เขาจะโดนไล่กระทืบไหมนะ?
“ อะไรหรอ?” เหมือนจะเห็นเส้นเลือดกระตุกอยู่บนใบหน้าสวยๆนั่นเลยแหะ
“ ฉันกำลังสงสัยว่าแกเป็น MP ได้ยังไง...แล้วก็ไอ้นี่น่ะ...แกไม่ควรจะเอามันมายัดใส่ถุงรวมกับขนมปังนะโว้ย” ใบหน้าบูดบึ้งกระฟัดกระเฟียดนั่นแทนที่จะทำให้รู้สึกแย่ แต่กับเขาแล้วมันดันรู้สึกว่าคนตรงหน้านั้นดูน่ารักซะมากกว่า...อ่า....ถ้าจะบอกว่าเขาแกล้งลืมไอ้สิ่งของชิ้นนั้นเอาไว้ในถุงก็เพราะอยากเห็นใบหน้าแบบนี้...จะมีใครว่าเขาโรคจิตไหมนะ
มือบางยัดวัตถุชิ้นนั้นมาไว้ที่หน้าตักของเขาก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เขาจึงต้องเอามันไปวางไว้ข้างๆ ID การ์ดบนโต๊ะกระจกอย่างช่วยไม่ได้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่เคยอบอุ่นยามเมื่อมองไปที่ร่างบอบบางมันกลับดูเย็นชาและนิ่งสนิทเมื่อมองลงไปยังวัตถุและการ์ดตรงหน้า
วัตถุชิ้นนั้นคือ ปืน...และ ID การ์ดนั่นก็จะมีเพียงมนุษย์แค่หยิบมือเดียวที่จะสามารถมีมันในครอบครองได้...เพราะมันคือเครื่องยืนยันว่าเขาคือ MP
ถ้าจะให้อธิบายง่ายๆ MP ก็คืออาชีพ อาชีพหนึ่งซึ่งในอดีตน่าจะเคยเรียกมันว่า “ทหาร” แต่เป็นเพราะมนุษย์ที่เหลืออยู่ในปัจจุบันนี้มีน้อยเต็มที อีกทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีก็สามารถตรวจสอบทุกอย่างได้อย่างเคร่งครัดและง่ายดาย เพราะฉะนั้นหน้าที่ของเขาหลักๆแล้วก็จะไม่ได้จัดการกับมนุษย์โดยตรง...แต่สิ่งที่ต้องจัดการส่วนมากจะเป็น MR ที่มีปัญหา
จะยังไงเสีย MR ก็ถูกสร้างขึ้นมาโดยน้ำมือของมนุษย์ เพราะเช่นนั้นมนุษย์จึงจำเป็นที่จะต้องควบคุมมันให้อยู่ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่า ทำไมคนที่จะเป็น MP ได้ ถึงได้มีแค่มนุษย์อย่างเขา
และก็เพราะว่า MR นั้นเป็นตุ๊กตา แน่นอนว่ามันต้องแข็งแรงยิ่งกว่ามนุษย์...และหากว่า MP อย่างพวกเขาอ่อนแอกว่ามัน ก็คงจะควบคุมมันไม่อยู่ เพราะเช่นนั้นเขาจึงถูกฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจให้แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ทั่วๆไปและแน่นอนว่าจะต้องแข็งแกร่งยิ่งกว่า MR
ร่างสูงใหญ่เอนหลังไปกับโซฟา กับคนที่อยู่กับการต่อสู้และเสียงปืนมาตั้งแต่เด็กอย่างเขา...ไม่เคยคิดเลยจริงๆว่าจะได้รักหรือแม้แต่จะแสดงความอ่อนโยนต่อใครสักคนแบบนี้ได้
นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองไล่ไปตามแผ่นหลังบอบบางของคนที่แต่งตัวเรียบร้อยแล้วกลับมาตั้งหน้าตั้งตาทำอาหารง่วนอยู่ที่เคาน์เตอร์ครัว...อาหารที่ทำเพื่อเขาเพียงคนเดียว...
เหลือบตากลับมามองที่จานเปล่าซึ่งถูกนำมาวางรออยู่ที่โต๊ะกินข้าว...มันมีเพียงใบเดียวเท่านั้น...ทั้งๆที่เราอยู่ด้วยกันสองคน
ฮายาโตะ เป็น MR
เมื่อก่อนเขาเคยคิด...ว่าคนที่หลงรัก MR นั้นบ้าสิ้นดี....เมื่อก่อนเขาเคยกำจัดพวกมันได้อย่างง่ายดายโดยที่ไม่เคยมีแม้แต่ความสงสารให้
แล้วตอนนี้เป็นยังไง...
มนุษย์ที่เขาเคยคิดว่ามันบ้า...ก็ดันกลายเป็นว่าเขากำลังด่าตัวเขาเอง
เพราะเขาดันหลงรัก MR ที่มีชื่อว่า ฮายาโตะ
“ อ๊ะ!” เสียงอุทานดังขึ้นพร้อมกับมีดที่หยุดหั่นผัก
“ เอามือแกออกไปจากเอวฉันนะไอ้บ้าจอมลามก จะกินไหมเนี่ย ข้าวเนี่ย? เดี๋ยวก็สับนิ้วแกใส่ลงไปด้วยซะหรอก” คนปากดีหมุนตัวกลับมาพร้อมเอามีดชี้มาที่หน้าเขา แขนแข็งแรงยังคงกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆ ....เขาก็คงจะบ้าอย่างที่เคยด่าตัวเองเอาไว้นั่นแหละ เพราะถึงแม้ว่าฮายาโตะจะดุจะด่าหรือแม้แต่ตอนที่อยู่เฉยๆ แค่มีตัวตนอยู่ตรงหน้าเขามันก็ทำให้อยากจะยิ้มอยากจะหัวเราะ
“ ยิ้มอะไรของแก! ปล่อยสิฟ๊ะฉันจะทำกับข้าว” ใบหน้าสวยแดงน้อยๆก่อนพยายามเสไปทางอื่น
“ นายก็ทำไปสิ คิดซะว่าฉันเป็นหมีโคล่าตัวน้อยๆเกาะหลังอยู่ก็ได้” จากใบหน้าที่กำลังเขินดูเหมือนจะกลายเป็นอยากอ้วกขึ้นมาทันที เขาได้แต่หัวเราะร่า
“ อย่างแกน่ะมันหมีควายเฟ้ย ไม่ได้ดูน่ารักเอาซะเล้ย...” นัยน์ตาสีมรกตจิกกัดมาเล็กน้อยก่อนจะหันกลับไปทำอาหารต่อ...โดยที่ก็ยอมให้หมีควายอย่างเขาเกาะหลังเอาไว้...
“ หวา...หมูนั่นมีมันเพี้ยบเลย...เอาออกให้หน่อยซี่” เขาเอาคางเกยไหล่บางเอาไว้
“ เรื่องมากจริง” ถึงจะบ่นแต่ก็ยังเอามีดเฉือนมันหมูออกให้ เขาเหลือบมองใบหน้าใสที่อยู่ใกล้กว่าคืบ....ไม่เคยคิดมาก่อนเลยจริงๆ ว่ากับสิ่งที่ไม่เคยต้องการอย่าง MR จะทำให้เขารักได้มากขนาดนี้
เมื่อหกปีก่อน....ในขณะที่ใครๆต่างก็มี MR เป็นของตัวเอง บ้างเอาไว้รับใช้ บ้างเอาไว้เป็นเพื่อน แต่เขาในตอนนั้นกลับไม่สนใจมันแม้แต่น้อย เพราะสิ่งที่ต้องทำอยู่ทุกวันคือการกำจัดพวกมัน เขาจึงไม่อยากจะนึกถึงวันที่เขาต้องกำจัด MR ของตัวเอง...และเพื่อไม่ให้วันแบบนั้นมาถึง เขาจึงเลือกที่จะไม่มี MR
แต่จนแล้วจนรอด....เขาก็หนีไม่พ้น
เมื่อจู่ๆวันหนึ่งซึ่งสายฝนเทกระหน่ำ....ประตูบ้านถูกเคาะจนแทบจะพังลงมา และเมื่อเปิดออกมาดูก็พบว่า ท่านนายพล...ผู้บังคับบัญชาเพียงหนึ่งเดียวของเขาพาใครบางคนมาด้วย จากนั้นก็บอกกับเขาสั้นๆด้วยรอยยิ้มว่า “ฝากเด็กคนนี้ด้วย ช่วยดูแลเขาที” โดยที่ไม่ได้บอกอะไรอีก
เขามารู้เอาทีหลัง จากการเค้นคอถามกันแทบตาย ว่าเด็กคนนี้...ว่าฮายาโตะ เป็น MR ที่ถูกสร้างขึ้นมาโดยนักวิทยาศาสตร์ที่เป็นเพื่อนสนิทของท่านนายพล...และคนคนนั้นก็ถูกฆ่าตายไปแล้ว…
และคนที่ไม่มี MR อยู่แล้วอย่างเขาจึงเหมาะที่เอาฮายาโตะไปอยู่ด้วยเป็นที่สุด...นั่นคือความเห็นของท่านนายพล...
จำได้ว่าตอนนั้นเขาอยากจะเถียงแทบตาย...แต่จนแล้วจนรอดก็จำต้องยอมใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน
แล้วความผูกพันที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้น....มันก็ดันเกิดขึ้น
เขาว่าเขาต้องบ้าอย่างที่เคยด่าตัวเองเอาไว้นั่นแหละ...ไม่อย่างงั้นจะไปรัก MR ปากร้ายนิสัยเสีย เอาแต่ใจและด่าเขาไฟแล่บตั้งแต่เจอหน้ากันแบบนั้นได้ยังไง
“ เลิกยิ้มโง่ๆแล้วเอานี่ไปวางที่โต๊ะได้แล้ว!” เสียงด่ามาพร้อมๆกับกลิ่นหอมกรุ่น ทำให้เขาหลุดออกมาจากสิ่งที่กำลังคิดอยู่
“ จ้า...” อ้อมแขนกอดกระชับเอวบางแน่นๆครั้งนึงก่อนจะขโมยหอมแก้มใสให้เจ้าของผมสีเงินหันมาแยกเขี้ยวใส่ ก่อนที่เขาจะคว้าถ้วยซุปหลบฝ่ามือออกมา
“ เป็นไง?” ถึงแม้ว่าจะมีเขาเพียงคนเดียวที่กินอาหาร แต่ฮายาโตะก็มักจะมานั่งที่ฝั่งตรงข้ามพร้อมทำดวงตาเป็นประกายถามอยู่ทุกครั้งว่าไอ้ที่ตัวเองทำออกมาน่ะ มันรสชาติเป็นยังไง
“ อร่อยที่สุดในโลกเลย โอ๊ย!” เท้าของคนตรงหน้าเหยียบลงมาที่เท้าของเขา.... นี่เขาพูดจริงๆนะ รสชาติมันอาจจะไม่ได้เลิศเลอ แต่ที่เขาว่ามันอร่อยที่สุดนั่นก็เพราะในถ้วยๆนี้มันมีสิ่งที่ไม่มีพ่อครัวคนไหนจะทำให้เขาได้อีก...รสชาติที่เติมเต็มไปด้วยความห่วงใยและรู้ใจเขาอย่างที่สุด
“ รีบๆกินเข้าไปเลย!” เขาได้แต่หัวเราะร่า เมื่อคนที่ไม่ต้องกินข้าวตรงหน้ากลับมีช้อนส้อมเป็นของตัวเอง และตอนนี้มือบางก็กำลังใช้มันกวาดอาหารในจานราวกับจะช่วยเขากินข้าวด้วยเสียแบบนั้น
“ ฮายาโตะ เดี๋ยวฉันล้างเอง” และเมื่อมื้ออาหารผ่านไป มือบางที่กำลังทำท่าจะเก็บจานไปล้างก็ชะงักลง
“ ตามใจ...” แล้วร่างโปร่งบางก็สะบัดตัวเดินไปนั่งที่โซฟาเปิดโทรทัศน์ดูหน้าตาเฉย...เขายิ้มที่มุมปาก....ก็ถ้าเป็น MR บ้านอื่นก็คงจะพูดออกมาว่า...นายท่าน ให้ฉันทำเถอะ ให้ฉันทำทุกอย่าง...อะไรก็ได้ที่นายท่านจะพอใจ....
“ จะยืนยิ้มสยองแบบนี้อีกนานไหม?! ถ้าไม่ล้างก็ไสหัวไป!” ในขณะที่กำลังเคลิ้มๆ นัยน์ตาสีมรกตดุๆที่น่าจะมองโทรทัศน์อยู่กลับจ้องมาที่เขา....เอาเถอะ...ถึงจะไม่เคยถูกเรียกว่านายท่าน แต่แบบนี้ก็ดีกว่าเป็นไหนๆ
“ ดูอะไรอยู่น่ะ?” เขาขยับลงไปนั่งข้างๆร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว นัยน์ตาเหลือบไปมองภาพของโบสถ์สีขาวหลังน้อยที่หน้าจอ ดูเหมือนจะมีสารคดีเกี่ยวกับการแต่งงาน
“ หื๋ม....นายอยากทำแบบนั้นบ้างหรอ?” เขาหันใบหน้ากรุ้มกริ่มไปมองใบหน้าสวยที่แดงแปร้ดขึ้นทันที
“ อะ...ไอ้บ้า! ใครเค้าจะอยากแต่งงานกับแก” ก็ไม่ได้บอกซักคำนี่นะว่าจะให้ใครแต่งกับใคร?
“ แล้วมันก็เป็นไปไม่ได้ด้วย....” จากเสียงตวาดกลับดูหงอยเหงาลงทันที
“ .........” เขาไม่ได้พูดอะไร ได้แต่ทำเพียงแค่กดหัวของอีกฝ่ายมาพิงไว้ที่หัวไหล่ ก่อนจะไล่สายตาดูภาพตรงหน้านั้นด้วยกัน
มันอาจจะเป็นแค่ความฝันอันแสนไกลของพวกเขาก็ได้.....สำหรับสิ่งที่เรียกว่า “การแต่งงาน”
“ ไปนอนไหม...ฮายาโตะ?” นัยน์ตาสีมรกตที่เคยกลมโตกำลังหรี่ปรือลงเรื่อยๆ ใบหน้าสวยที่เคยซบอยู่ที่ไหล่ของเขาก็กำลังเริ่มจะสัปหงก
“ อือ...” ถึงจะตกลง แต่ร่างบางก็ยังคงไม่ขยับไปไหน ราวกับว่ามันเป็นหน้าที่ของเขาไปเสียแล้ว....กับการที่ต้องอุ้มอีกฝ่ายเข้านอนแทบทุกวัน
แผ่นหลังบางถูกวางลงไปกับเตียงนุ่ม แสงไฟที่ลอดผ่านกระจกหน้าต่างเข้ามาทำให้ภายในห้องมองเห็นสลัวๆ ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีเงินถูกวางอย่างนุ่มนวลลงไปบนหมอนใบใหญ่ เปลือกตาบางหลับพริ้มมองเห็นขนตาเรียงสวยแนบไปกับแก้มใส เขาก้มลงไปจูบเบาๆที่หน้าผากมน และในขณะที่จะพลิกตัวลงไปนอนข้างๆ ลำแขนบางของคนที่คิดว่าหลับไปแล้วกลับตวัดมาที่รอบคอของเขา
" ทำสิ...นั่นมันก็เป็นหน้าที่ของชั้นด้วยไม่ใช่รึไง..." เสียงงึมงำทำเป็นพูดจาประชดประชัน หากแต่เป็นเพราะว่าอยู่ด้วยกันมานาน เขาจึงรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็แค่ปากไม่ตรงกับใจ
" นายก็รู้ว่าฉันทำ...เพราะว่าอยากทำ...." จงใจขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูบางแล้วเป่าลมอุ่นๆลงไป
MR ถูกสร้างขึ้นมาให้มีประสาทสัมผัสคล้ายกับมนุษย์มาก เพราะเช่นนั้นไม่ว่าจะเป็นจุดอ่อนไหวใดๆ MR ก็จะรับรู้ได้เช่นเดียวกัน
เขาฝังใบหน้าลงไปที่ซอกคอระหง ในขณะที่ก็รับรู้ได้ว่ามือบางๆนั่นกำลังลูบไล้อยู่ที่หน้าท้องซึ่งเต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขา สัมผัสที่เบาหวิวของมันทำเอาเขาแทบจะควบคุมตัวไม่อยู่ มือบางลากไล้ตามสันกล้ามเนื้อไปเรื่อยๆก่อนจะค่อยๆสอดเข้าไปข้างในกางเกงนอนของเขา
“ อ๊ะ” แต่เขาก็ไม่ได้ปล่อยให้เจ้า MR ตัวดีปลุกเร้าเขาแค่ฝ่ายเดียว ริมฝีปากกดลงไปที่ลำคอก่อนจะดูดดันมันจนเจ้าของสะดุ้งเฮือกก่อนจะสะบัดหน้าขึ้นพร้อมกับเสียงครางในลำคอ ถึงแม้ว่าริมฝีปากของเขาจะลากไปตามผิวขาวใสอย่างเชื่องช้าแต่ทว่าสองมือกลับดึงกระดุมเสื้อนอนของร่างข้างใต้ออกด้วยความรวดเร็วปนร้อนลน ก็เป็นเพราะเจ้าคนข้างล่างนี่ส่งมือไปก่อกวนเขาจนมันแทบจะทนไม่ไหว สิ่งที่เคยสงบนิ่งกลับขยายใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ
เขาละใบหน้าออกมาจากลำคอที่เริ่มจะเต็มไปด้วยรอยแดง ใบหน้าสวยหัวเราะคิกคักอย่างถูกใจที่เป็นฝ่ายทำให้เขาทนไม่ไหวได้...เดี๋ยวเถอะ...เดี๋ยวจะทำให้รู้ ว่าเรื่องแบบนี้อย่างเจ้าตัวดีนี่น่ะ ไม่มีวันชนะเขาได้หรอก
“ อ๊ะ...อื้อ...” เขากระชากสาบเสื้อของคนข้างใต้ออกจากกัน จนมันเผยแผ่นอกเรียบเนียนให้เห็น สองจุดอ่อนไหวคือเป้าหมายที่เขาตรงเข้าไปหยอกล้อ ข้างหนึ่งด้วยปลายนิ้ว และอีกข้างหนึ่งด้วยริมฝีปาก ร่างบอบบางบิดเร่าพร้อมส่งเสียงคราง สองแขนบางกอดรั้งไปที่แผ่นหลังของเขาอย่างลืมตัว นัยน์ตาสีมรกตหรี่ปรือหยาดเยิ้ม ใบหน้าสวยที่เผยอปากน้อยๆนั่นก็เซ็กซี่เร้าใจ มือบางพยายามกดศีรษะของเขาเอาไว้กับแผ่นอกขาวละเอียดของตนเพื่อไม่ให้เขาหนีไประหว่างที่กำลังทำให้ตนเองสุขสม
“ อ้า...” เพราะมัวแต่เคลิบเคลิ้มกับสัมผัสข้างบนทำให้ร่างกายช่วงล่างไม่ทันรู้ตัวว่าเขาสอดนิ้วเข้าไป สองนิ้วขยับเข้าออกช้าๆตามจังหวะของลิ้นที่เขาเร้าเลียยอดอก
“ อึก...อ้า....” นิ้วยาวขยับไปเรื่อยๆจนสะโพกมนเริ่มจะขยับตาม ตอนนี้ร่างข้างใต้ถูกครอบงำโดยสมบูรณ์ และเมื่อเขาถอนนิ้วออกไป นัยน์ตาสีมรกตจึงมองมาที่นัยน์ตาของเขาอย่างอ้อนวอน
“ ว่าไง?” แกล้งถามออกไปทั้งๆที่รู้ดีว่าคนตรงหน้ากำลังต้องการร่างกายของเขาอย่างที่สุด
“ ฮ้า...ฮ้า....” ใบหน้าสวยหอบน้อยๆ เหงื่อเม็ดเล็กเกาะพราวที่ขมับ ร่างบางยังคงใช้สายตาออดอ้อนมองมาและยังไม่ยอมพูดอะไร
“ หื๋ม...?” เขาแกล้งขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ใบหูแดงแล้วแล่บลิ้นเลียมันเบาๆ
“ อื้อ...ขะ...เข้า...เข้ามา....” ลอบยิ้มน้อยๆกับถ้อยคำที่ได้ยิน ใบหน้าสวยแดงแปร้ดยิ่งกว่าผลเชอร์รี่ เขาลูบไล้ไปตามเอวบางก่อนจะจับยึดมันเอาไว้
“ อ๊า!....” แล้วสอดใส่ความเป็นชายที่อีกฝ่ายเป็นคนปลุกมันขึ้นมาเข้าไปในช่องทางที่พร้อมรอรับอยู่แล้ว
“ ฮ๊า...อ่า...อ๊ะ...เบาๆ” แล้วก็เป็นเขาเองที่ทนไม่ไหวต่อความคับแน่น ความร้อนระอุ และความอ่อนนุ่มภายในนั้น ร่างกายขยับเข้าใส่อย่างหิวกระหาย ต่อให้ทำแบบนี้กันบ่อยแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยเพียงพอ
“ อ่ะ อ๊า...” เสียงครางใสยังคงดังต่อเนื่อง เช่นเดียวกับร่างกายของเขาที่ขยับกระแทกเข้าหาร่างข้างใต้ตามแต่ใจของตน จังหวะที่พยายามหน่วงเวลาเอาไว้ให้นานที่สุดเพราะเขารู้สึกดีที่ได้สอดใส่เข้าไปในนั้น และมันเริ่มจะตอดรัดรับสัมผัสร่างกายของเขามากขึ้นเรื่อยๆ
“ ฮายาโตะ...” จากที่ขยับสม่ำเสมอเริ่มจะทนต่อความต้องการที่พุ่งสูงขึ้นไม่ไหว จนร่างกายเผลอขยับเร็วและแรงขึ้นเรื่อยๆ
“ อ๊า...ยะ...ยามะ...อ้า” นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่น มีเพียงริมฝีปากสีระเรื่อที่ยังคงปล่อยเสียงเรียกชื่อของเขาผสมผสานไปกับเสียงคราง สองมือใหญ่ยึดจับสะโพกมนให้แน่นพอที่จะรับความหนักหน่วงครั้งสุดท้ายที่จะสอดใส่เข้าไป
“ อึก อ๊า!!” เสียงครางสูงดังขึ้นพร้อมกับจังหวะสุดท้ายที่เขาถอนกายออกมาหลั่งข้างนอก เพราะถึงแม้ว่าช่องทางของฮายาโตะจะสามารถขยายจนรับเขาเอาไว้ได้ แต่การจะเอาของที่เขาปล่อยไว้ข้างในออกมานั้นก็ยุ่งยากเต็มที
“ ฮ้า...ฮ้า....” ริมฝีปากเล็กอ้าออกหอบหายใจหนักหน่วง ใบหน้าสวยยังคงมองตรงมาที่เขา
“ แฮ่ก...แฮ่ก.......ยะ.....”
“ ยามา...โมโตะ.....” ร่างบอบบางทิ้งตัวลงไปบนเตียงอย่างหมดแรง นัยน์ตาสีมรกตหวานหรี่ปรือชายมองร่างที่อยู่เหนือตัวเอง ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยกระซิบออกมาแผ่วก่อนที่จะผลอยหลับไป
“ ........รัก......”
หลังจากปล่อยให้ลมหายใจกลับมาเป็นปกติ ร่างสูงใหญ่ยันตัวขึ้นมาจ้องมองแพขนตาที่ปิดแนบแก้มป่องอย่างเผลอไผล มือลูบอย่างแผ่วเบาลงไปยังใบหน้าของคนที่หลับสนิทไปแล้ว
รัก....อย่างนั้นหรอ...
เขาเคยดีใจมากที่ได้ยินคำคำนี้ออกมาจากปากอีกฝ่าย...จนถึงตอนนี้ก็ยังดีใจที่จะได้ยิน แต่ทว่ามันกลับมีความเจ็บปวดที่กำลังค่อยๆขยายวงกว้างที่พุ่งสวนทางกลับมา...ปลายนิ้วยกขึ้นเช็ดที่หัวตาของตัวเอง...เพราะรู้ทั้งรู้ว่าจะไม่มีวันอยู่ด้วยกันได้
ทั้งๆที่รู้แบบนั้นแต่ก็ยังหักห้ามใจตัวเองไม่อยู่
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ได้แต่เหม่อมองริมฝีปากอมยิ้มบนใบหน้าที่หลับพริ้มด้วยดวงตาสั่นพร่า....ทุกวันนี้พวกเขายังคงทำเหมือนทุกวันคือเรื่องปกติ ยังคงยิ้ม ยังคงหัวเราะ ยังคงโต้เถียง กันเหมือนเดิม....แต่ลึกๆในใจของเราทั้งคู่ต่างก็รู้ดีว่าการกระทำแบบนี้ไม่อาจลบเลือนหรือต่อต้านสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นได้
ทั้งๆที่ในหัวใจต่างก็รู้ดี แต่ก็ยังพยายามที่จะใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันจนวินาทีสุดท้าย...
ทุกสิ่งทุกอย่างมักจะมีความโหดร้ายซุกซ่อนเอาไว้อยู่เสมอ ไม่เว้นแม้แต่ในโลกที่เต็มไปด้วยเทคโนโลยีและดูเหมือนจะสงบสุขเช่นนี้...
เพื่อจะให้ดำรงไว้ซึ่งมนุษยชาติ...จึงต้องมีกลไกอะไรบางอย่างเพื่อจำกัดให้ MR ไม่ใช่ที่ต้องการของมนุษย์ทุกคน
เพราะมนุษยชาติจำเป็นที่จะต้องมีคนสักกลุ่มหนึ่งที่จะสืบสานเผ่าพันธุ์ต่อไป
เพราะแบบนั้น MR จึงถูกสร้างขึ้นมาให้มีวันหมดสิ้นอายุขัย
เหมือนหุ่นยนต์ที่จะพังไปเมื่อเหล็กเสื่อมสภาพ...
แต่ MR ไม่ได้ทนทานเท่าเหล็ก เพราะมันจะมีอายุอยู่แค่ 7 ปีเท่านั้น
มนุษย์ที่รับไม่ได้กับการที่ MR จะต้องตายจากไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขาเหล่านั้นก็จะหันมาเลือกมนุษย์ด้วยกันเอง
‘ MR หมายเลข 29059 HAYATO เหลือเวลาอีก 92 วัน...โปรดนำมากำจัดที่โรงกำจัด MR ที่399 ก่อนวันสิ้นอายุขัย ’
เสียงนิ่งของระบบเตือนดังขึ้นมาจากนาฬิกาข้อมือที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง...นาฬิกา...ซึ่ง MR ที่ถูกกฎหมายทุกตัวจะต้องมี
‘ MR หมายเลข 29059 HAYATO เหลือเวลา.....เพล้ง!!!
เสียงที่ไร้ชีวิตจิตใจยังคงเตือนซ้ำสอง แต่กลับเป็นร่างสูงใหญ่ที่ทนฟังไม่ได้อีกต่อไป มือคว้าหน้าปัดสีขาวเหวี่ยงไปกระแทกกำแพงจนแน่นิ่งไปในที่สุด
“ ฮึก....”
ใบหน้าคมได้แต่ก้มหน้าลงบนสองฝ่ามือ.....
แสงไฟสลัวๆสาดส่องให้มองเห็นคนที่นอนหลับอยู่ข้างๆ....
จะมีทางไหนบ้างไหม....ที่จะทำให้ร่างบอบบางนี้จะไม่ต้องจากเขาไป.....
จะมี....
บ้างไหม........
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
ยัง...นางเอก(?)ตัวจริงยังไม่ออก....ครึ ครึ
ว่าแต่นี่มันฟิคอะไรกันเนี่ย ว๊ากกกกกกก *กุมหัวสะบัดไปมา* คะ คือว่า...เป็น Sci-fi เรื่องแรก ถ้าหากมีอะไรแหม่งๆก็ช่วยมองข้ามไปด้วยนะค้า (โดนโบก!) ก็เพราะว่าไม่ใช่พีเรียดอย่างที่คุ้นเคย แถมยังเป็นเรื่องของนวัตกรรมใหม่ๆ ศัพท์ใหม่ๆ เพราะงั้นเลยต้องมีบทบรรยายอธิบายกันเยอะหน่อย อย่างเพิ่งเบื่อกันซะก่อนนะ TT[ ]TT
จะเห็นที่ หัวเรื่องมีบอกว่าเรื่องนี้เป็น KHR feat.Natural City …มาจะกล่าวบทไป...อันอิฟิคเรื่องนั้นได้แต่ใดมา = =
คือว่ามีอยู่วันหนึ่ง อิน้องชายก็เข้ามาดูหนังในห้องข้าพเจ้าเป็นปกติ ทั้งๆที่ห้องมันก็มีแล้วทำไมต้องมาสิงอยู่ห้องตรูด้วย จะฟังดราม่าซีดีที่มีเสียงครวญคราง(?)เลยต้องใช้หูฟังเลย ชิ(<<เกรงใจข้างบ้านเค้ามั่งเห้อ) ในระหว่างที่มันก็ดูไป ส่วนไอ้เราก็ กดก๊ก ทำงานอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกล ก็นะ...อยู่ในห้องเดียวกันถึงจะมีผนังกั้นระหว่างห้องนอนกับห้องทำงาน แต่ผนังมันก็เจาะช่องให้มองทะลุได้...ผ่านไปซักพัก ไอ้คนเปิดแม่งหลับไปแล้ว แต่ไอ้คนที่ไม่ได้อยากจะรับรู้เสือกดูจนจบเรื่องซะงั้นอ่ะเว้ยค่า T[ ]T แถมนั่งน้ำตาไหลพรากร้องไห้กระซิกๆอยู่คนเดียว ฮือออออ หนังบ้าไรเนี่ย จบได้ซาบซึ้งสะเทือนใจสุดตรีนมาก สมกับที่เป็นหนังเกาหลี ชื่อ Natural City สุดๆอ่ะ โฮวววววว ด้วยความอินจัดเลยจับ 8059 ไปยัดลงในเรื่องแทนพระเอกนางเอก(?)ซะเลย เหอ...ในเมื่อออริแม่งจบเศร้าดีนัก เดี๋ยวตรูจะเขียนใหม่ให้มันจบแฮปปี้กว่านี้หน่อย คึหึหึ
เพราะยังไงซะ ฟิคเรื่องนี้ก็ตั้งใจแต่งให้ในวันเกิดอ่ะเนอะ เพราะงั้นจะ sad story มันก็ยังไงอยู่ =3= นี่ก็ว่าจะควบวาเลนไทน์ด้วยเลยนะคะเนี่ย(โดนโบก) เพราะโครงเรื่องมันดูๆไปแล้ว 6 ตอนจะจบเปล่าก็ไม่รู้เนี่ยค่า T[ ]T อ่ะ...ก่อนจะเวิ่นไปมากกว่านี้
HAPPY BIRTHDAY นะคะคุณอ้อม >3<
สุขสันต์วันเกิดค่า มีความสุขมากๆนะค้า ขอให้ Thesis ผ่านไปได้ด้วยดี น้องแมงหวี่ให้ความร่วมมือกันอย่างแข็งขัน ฮ่าๆๆ ไม่ว่าจะเจอปัญหาอะไรก็ขอให้ผ่านมันไปได้ทุกๆอย่างนะคะ หากท้อใจก็อย่าลืมว่ายังมีกำลังใจอยู่ตรงนี้อีกคนนึงนะคะ ส่งสายตาปิ๊งๆ ส่วนของขวัญชิ้นนี้มันอาจจะยาวปนเพลียๆไปหน่อย ค่อยๆอ่านเวลาว่างๆก็แล้วกันเน้ ไม่ใช่พีเรียดแบบนี้ไม่รู้จะถูกใจหรือเปล่า *หัวเราะแห้งๆ ฮะฮะ* แต่เก๊าก็ตั้งใจสุดขีดเลยนะ
จะ จะพยายามจบให้ได้ภายในเดือนนี้นะคะ ฮ่าๆ (อีกแล้วเร๊อะ!!)
ยะ ยังไงก็ลงตอนต่อไปเอาไว้แล้วนะ เนื้อเรื่องมันจะเข้มข้นปนปวดตับขึ้นเรื่อยๆ แหะแหะ ปะ ไปกันเลยค่า...
บอกได้คำเดียวว่า สุดยอด~! =[ ]=b
ตอบลบฉากอลังการงานสร้างมาเลยเจ๊ Y^Yo
ว่าแต่ MR ย่อมาจากไหนเหรอท่าน
ขอบคุณค่าคุณลีโอ >w< ส่วนที่ถามมา...
ตอบลบMR ก็ย่อมาจาก Mobile suit Robot
MP ก็ย่อมาจาก Mobile suit Police
MG ก็ย่อมาจาก Mobile suit Gundum =[ ]= ผิดแล้ว!!!
สรุปคือ...ก็ไม่รู้เหมือนกันค่ะ อันนี้ไม่มีที่มา (ห๊ะ?!) แต่ก็อย่างที่บอกว่าเรื่องนี้เป็นแฟนฟิคของเรื่อง Natural City ด้วย เพราะงั้นจึงขอยืมศัพท์ MP มาจากในเรื่องนี้ค่ะ ^ ^
ในเรื่อง Natural city พระเอกก็เป็น MP (ตำรวจไซบอร์ก) เหมือนยามะนี่แหละค่ะ แต่ในเรื่องเค้าจะเรียกแอนดรอยไซบอร์กว่า doll ซึ่งข้าพเจ้าอยากได้คำที่มันใกล้เคียงกันมากกว่านั้น เลย บัญญัติ MR ขึ้นมาซะเองเยย (เฮ้ย) ก็...ประมาณนั้น ฮ่าๆๆ มั่วขึ้นมาล้วนๆนั่นเอง (หมดสิ้นกันความโรแมนติก...)
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์นะค้า พอรู้ว่ามีคนอ่าน ก็อยากจะโยนทุกอย่างทิ้งแล้วหันไปตะบี้ตะบันแต่งต่อมากๆเลยอ่ะตอนนี้ 555 โอยยยย
เราแอบตามมาจาก 8059 Anthology ค่ะ หุหุ
ตอบลบอ่านเรื่อง sen no yoru ของคุณ waketsu แล้ว เราติดใจมากๆเลย จึงต้องตามมาถึง multiply
แอบเสียดาย น่าจะเขียนเป็นฟิคยาวนะคะ (โดนถีบ ข้อหาเพิ่มงานให้) รู้สึกมันยังดราม่าไม่เต็มที่เลย
หรือว่าเราซาดิสเองก็ไม่รู้!? ฮ่าๆๆ
แล้วก็มาเจอเรื่องนี้เข้า!! มันเป็นอะไรที่เยี่ยมมากเลยค่ะ
แปลกแหวกแนวมากๆ ไม่เคยอ่าน 8059 แนวนี้มาก่อนเลย ชอบๆ
มี MR แบบฮายาโตะ เป็นเราก็คงหักห้ามใจไม่อยู่เหมือนกัน
ฮายาโตะไม่ใช่นางเอกตัวจริงสินะคะ (รู้สึกว่าเริ่มจะดราม่านิดๆ)
แต่คุณ waketsu บอกว่าจะจบแบบแฮปปี้ ไม่ sad story ใช่มั้ยยยย??
เราแอบสงสารฮายาโตะขึ้นมาตะหงิดๆ
ยังไงก็ สู้ๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ แล้วก็จะคอยติดตามอ่านต่อไปนะคะ
^
ตอบลบ^
ขอบคุณมากๆค่า >/////<
นั่นจิ...Sen no yoru....ทางนี้ก็อยากจะเขียนให้มันยาวกว่านี้แต่ ตอนส่งต้นฉบับมันก็พอดีหน้าที่เค้ากำหนดแบบ...ใช้ตัวเล็กและขยายขอบกระดาษแบบเต็มพิกัดมาก คาดว่าถ้าเอามาใส่หน้าแบบปกติคงทะลุเป้า โดนเค้าฆ่าเอาได้555...*กระซิบ*...อยากเขียนตอนพิเศษมากๆเลยอ่ะค่ะ แง๊....ถ้ามีโอกาสจะเขียนต่อให้ได้เลยเรื่องนี้...ก็ก๊กเวอร์ชั่นนินจามันเซะซี่น้อยซะที่ไหน *ซับเลือด*
ส่วน Blooming Heart คะ คิดว่าไม่ bad end นะก๊ะ...เพราะคนแต่งเองก็ภูมิต้านทานต่อน้ำตาก๊กต่ำเหมือนกัน อยากทำให้ร้องไห้(ห๊ะ)แต่ก็ไม่อยากเห็น...อร๊ายยยย มี๊เป็นอะไรไปแล้ว(เข้าขั้นละ...)
ขอบคุณสำหรับกำลังใจมากๆเลยค่ะ จะรีบปั่นตอนต่อไปมาให้ไวเยย m( _ _)m
กร๊าซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซซ
ตอบลบชอบบบบบบบบบบบบบบบบบบบบ
ก๊กเป็นหุ่นยนต์ที่เซ็กซี่และน่ารักมากกกกกกกกกกกกกกกก
//หลงรักก๊กแบ้วอ่าาาา อั๊ยยยยยยย ♥
สงสารยามะ T T
ถ้าเป็นเราคิดว่าจะต้องได้อยู่กับคนที่รักแค่ 7 ปี ก็รู้สุกใจหายเหมือนกันอ่ะ
ฮืออออออออออออออออออ
หวังว่าจะไม่เศร้าน้ำตาท่วมจอนะคะ แอร๊ T^T
อ้ากกก
ตอบลบอยากได้ MR บ้างงงงง
น่ารักที่สุดอ้ะ
ชอบบบบบแหวกแนวมาก สนุกกกก
ตอบลบชอบๆๆๆ