KHR Au.fic HBD.Hayato [8059] Lipstick : 06 END


KHR Au.fic HBD.Hayato [8059]    Lipstick : 06

: KHR Fanfiction AU
: 8059
: E+Ro+man+tic [เรทเชี่ยไรของมันเนี่ย?]
: NC-17

: AU โคตรๆเลยนะคะ *w*

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







ขณะนี้ผมนั่งอยู่ใน BMW สีดำสนิท


สองข้างที่ประกบผมอยู่คือชายในชุดดำร่างยักษ์ ซึ่งดูจากรูปลักษณ์แล้วไม่น่าจะเป็นคนญี่ปุ่น และถึงพวกเขาจะเก็บมันไปแล้ว แต่ผมก็รู้ดีว่าที่ซองหนังที่อยู่ใต้สูทสีดำพวกนั้นมีปืนซุกซ่อนอยู่


อ่า...นี่ผมไปทำอะไรเข้าล่ะเนี่ย? มีแฟนเพลงของเจ้ากระต่ายที่แอบรู้เรื่องของเราแล้วส่งคนพวกนี้มาเก็บผมหรือเปล่านะ?


รถจอดลงในที่จอดรถของตึกสูงเสียดฟ้าหลังหนึ่งในย่านชินจูกุ ก่อนที่ผมจะถูกพาตัวขึ้นไปยังชั้นบนสุดของตึกหลังนี้ ภายในห้องนั้นมีเพียงแค่โต๊ะทำงานตัวใหญ่ตัวเดียวกับชุดรับแขกที่ดูหรูหราหนึ่งชุดเท่านั้น รอบด้านคือกระจกที่มองลงไปเห็นเมืองโตเกียวได้อย่างชัดเจน....ไม่บอกก็รู้ว่าคนที่ผมจะต้องพบด้วยต้องเป็นระดับมหาเศรษฐีแน่ๆถึงได้มีห้องทำงานอยู่บนนี้ได้


แต่ผมก็นึกไม่ออกจริงๆว่าผมรู้จักคนระดับนั้นด้วย?


ในขณะที่กำลังกวาดสายตาเตรียมหาทางหนีทีไล่ ประตูบานใหญ่ก็เปิดเข้ามา และคนที่กำลังเดินตรงมาหาผมนั้นก็ทำให้ช็อคยิ่งกว่า


“ ฉันคิดว่าเธอคงจะรู้อยู่บ้างว่าฉันเป็นใคร...”        น้ำเสียงน่าเกรงขามทำเอาผมเกร็งขึ้นมาทันที ผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขานอกไปเสียจาก


“ พ่อ....ของโกคุเดระ?”


“ หึหึ....แปลว่าเธอเป็นคนที่เค้าไว้ใจมาก ถึงได้ยอมเล่าเรื่องของฉันให้ฟัง...รู้แบบนี้ก็ดี...การเจรจาของเราจะได้ง่ายขึ้น”        พ่อของโกคุเดระนั่งลงที่โซฟาฝั่งตรงข้าม เขาดูภูมิฐานสมกับห้องนี้จริงๆ แต่กลิ่นอายบางอย่างก็ทำให้ผมรู้ว่าเขาไม่น่าจะเป็นแค่มหาเศรษฐีธรรมดาๆ


“ ฉันจับตาดูเธอมาพักใหญ่แล้ว”    สิ่งที่ออกมาจากปากของเขายิ่งทำให้ผมงงหนักเข้าไปอีก


“ เดี๋ยวก่อนนะครับ...นี่แปลว่าคุณรู้...ว่าโกคุเดระคือลูกชายของคุณ?”


“ ถูกต้อง....ฉันรู้มาตลอดและคอยตามดูเขามาตลอดโดยที่เขาคงจะไม่มีทางรู้ตัว”      ผมถึงกับพูดอะไรไม่ออกเมื่อรู้ความจริง


“.....แล้วทำไม.....”      ผมพูดไม่ออกว่าทำไมเขาถึงไม่เข้ามารับเลี้ยงดูแลโกคุเดระให้มันถูกต้อง  ตามดูขนาดนี้ก็แปลว่าเขาเองก็คงจะรักโกคุเดระเช่นกัน


“ หึ....จะถามว่าทำไมฉันถึงไม่รับเขามาเป็นลูก ทำไมไม่ดูแลเขา ปล่อยให้เขาเผชิญโลกตามลำพังแบบนั้นใช่ไหม?”      ผมทำได้เพียงแค่พยักหน้า


“ โลกของมาเฟียน่ะ...มันไม่สวยงามแบบนั้นหรอกนะ....”


“ อะ...อะไรนะครับ?!”     ผมได้ยินอะไรผิดไปหรือเปล่า? อย่าบอกนะว่ากลิ่นไออันตรายที่โชยออกมาจากร่างกายของผู้ชายคนนี้นั้นก็เพราะ...


“ ฉันคือบอสของแก๊งมาเฟียที่ใหญ่เป็นอันดับหนึ่งในอิตาลี...ทีนี้พอจะเข้าใจหรือยังว่าเพราะอะไรฉันถึงให้ใครรู้ไม่ได้ว่าเขาเป็นลูกชายของฉัน”       จะบอกว่าเป็นการปกป้องในรูปแบบหนึ่งอย่างนั้นสินะ...ผมแทบจะทรุดลงกับพื้น....นี่ผมก็แค่รักเจ้ากระต่ายแต่ไม่คิดเลยว่าจะต้องมาเกี่ยวข้องกับคนอันตรายแบบนี้เลยจริงๆ


“ อีกอย่าง...เธอลองคิดดูสิว่า ถ้าคนอื่นๆรู้ว่าเจ้าหญิงแห่งเสียงเปียโนผู้อ่อนหวานดันมีพ่อเป็นถึงหัวหน้าแก๊งมาเฟีย....อนาคตของเขาจะเกิดอะไรขึ้น”      อ่า...ผมเข้าใจดีเลยละ เพราะว่ามันคงจะไม่ต่างไปจากกรณีของผมเท่าไรนัก


“ แล้วทำไม...คุณถึงได้มาบอกผมล่ะครับ?”      ก็ตามดูต่อไปเรื่อยๆก็ได้นี่ ถ้าผมทิ้งเจ้ากระต่ายหรือทำให้ร้องไห้ก็ยิงทิ้งซะ....คิดถึงตรงนี้แล้วก็ให้หน้าซีด...นี่ผมเกือบตายโดยไม่รู้ตัวมากี่ครั้งกันแล้วนะ?


“ ก็เพราะว่าฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอ”       อ้อ...การเจรจาที่ว่านั่นสินะ


“ จะช่วยเลิกกับฮายาโตะได้หรือเปล่า?”        ว่าไงนะ?  ผมเปลี่ยนสีหน้าแล้วจ้องกลับไปที่ใบหน้ากร้านโลกของเขานิ่ง


“ ผมไม่เข้าใจ...”       ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นพ่อของเจ้ากระต่ายแต่ว่าเขาก็เป็น “คนอื่น” เพราะฉะนั้นผมจึงไม่จำเป็นต้องแสดงสีหน้าจริงๆของผมให้เขาเห็น ผมมองเขาด้วยใบหน้าเรียบเฉย จะให้ผมทำอะไรให้ลูกชายเค้าก็ได้แต่สำหรับเรื่องจะให้เลิกกันนี่...ผมไม่เข้าใจและก็ไม่คิดจะทำตาม


“ เธอคิดว่าการที่ผู้ชายคบกันมันจะเป็นที่ยอมรับอย่างนั้นหรือ?  ในฐานะที่ฉันเป็นพ่อ ฉันไม่มีทางยอมรับได้อยู่แล้ว”      ผมถึงกับกำมือแน่น พยายามข่มความรู้สึกโมโหเอาไว้...เขากล้าพูดได้ยังไงว่าคนเป็นพ่อจะไม่ยอมรับเรื่องแบบนี้ ในเมื่อพ่อของผมเองยังยอมรับได้เลย


“ ถ้าคุณเป็นพ่อจริงๆ...ถ้าคุณทำให้โกคุเดระเรียกว่า พ่อ ได้เมื่อไหร่ ผมถึงจะยอมเลิกกับเขา!”       ผมเอ่ยออกไปเสียงนิ่ง นัยน์ตาที่จ้องมองใบหน้าของผมนั้นอ่านไม่ออก เขาก็คงอึ้งไปเพราะไม่คิดว่าผมจะกล้าพูดกับเขาแบบนี้


“ เธอต้องการอะไร?  เงิน? หรือชื่อเสียง?  เธอน่าจะยอมรับมันแต่โดยดี เพราะถึงเธอจะไม่ยอมทำตามที่ฉันบอก ฉันก็มีวิธีมากมายที่จะทำให้เธอเลิกกับลูกชายของฉัน”       ผมไม่เคยรู้สึกกดดันแบบนี้มาก่อนเลยในชีวิต ตอนนี้เหงื่อมันเกาะจนเหนียวมือไปหมด เขากำลังเอาเงินฟาดหัวผม พอไม่สำเร็จเขาก็ใช้วิธีขู่ผมต่อ.....ถูกแล้ว....ผมไม่ใช่ลูกกำพร้า ผมไม่ใช่คนที่อยู่ตัวคนเดียว...ผมยังมีพ่อ มีเพื่อน มีวงดนตรีที่ผมรัก


“ หึ....แต่ถ้าเธอยังบอกว่าเธอไม่สนใจหรอกว่าใครจะเป็นยังไง....ฉันก็ยังเหลือวิธีสุดท้ายที่จะทำให้เธอเลิกกับฮายาโตะได้”       เสียงวัตถุหนักๆวางลงบนโต๊ะเตี้ยด้านหน้าของผม ประกายสีเงินวาววับของกระบอกปืนส่งเข้ามาที่นัยน์ตาของผม....จะบอกว่าถ้าผมไม่ยอมเลิกกับโกคุเดระ...เขาจะฆ่าผมใช่ไหม?


“ หึหึ...”     ผมส่งเสียงหัวเราะในลำคอ....จากที่รู้สึกกดดันกลับกลายเป็นผ่อนคลาย....ในเมื่อถ้าผมจะต้องตายอยู่แล้ว ผมก็ควรจะพูดอะไรกับคนที่คิดว่าตัวเองเป็น พ่อคนนี้เสียหน่อย


“ ลองดูไหมละครับ?....ถ้าคุณฆ่าผม....คนที่คุณจะทำให้ตายเป็นรายต่อไปก็คือลูกชายของคุณเอง...”        นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของผมจ้องมองที่ดวงตาแข็งกร้าวของเขาอย่างไม่ลดละ ผมอยากจะบอกให้เขารู้เอาไว้ว่า เจ้ากระต่ายจะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีผม!


“ ไม่ว่ายังไงก็ไม่ยอมเลิกใช่ไหม....”      น้ำเสียงนิ่งที่เขาใช้ถามผมมันช่างน่ากลัวเสียยิ่งกว่าการตะคอกเป็นไหนๆ เพราะผมไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาคิดอะไรอยู่


“ ครับ...”


“ จะบอกว่ารักฮายาโตะยิ่งกว่าชีวิตของตัวเองงั้นรึ? ยิ่งใหญ่จริงนะพ่อหนุ่ม...หึหึ”       ก็เป็นอย่างที่เขาพูดนั่นแหละ ผมยิ้มเย็นๆส่งคืนให้ มาถึงขั้นนี้สิ่งดียวที่เสียใจก็คือไม่ได้ไปจูบลาเจ้ากระต่ายเสียก่อน  ปืนที่เคยวางอยู่บนโต๊ะ บัดนี้มันย้ายไปอยู่ในมือของชายตรงหน้า ผมจ้องมองมันเขม็ง....ผมจะไม่หลับตาเพราะว่าผมไม่ได้ยอมรับว่าจะยอมตาย แต่เขาเป็นฝ่ายบังคับผมเอง


ปากกระบอกปืนจ่อมาที่หัวของผม แต่ผมไม่มีทางแสดงท่าทีว่ากลัวให้เขาเห็น ผมยังคงประสานสายตากับเขาอย่างไม่ลดละ


“ ถ้าอย่างงั้นก็....ลาก่อน...”        ชั่ววินาทีที่ไกปืนถูกเหนี่ยวลงไป สิ่งที่ผมมองเห็นไม่ใช่ดวงตาแข็งกร้าวของเขาแต่กลับเป็นใบหน้าที่หันมายิ้มให้ของเจ้ากระต่าย...นึกถึงค่ำคืนแรกที่กระต่ายสีขาวตัวนั้นมันหล่นลงมาจากฟากฟ้า...เพื่อมาเป็นของผม....ถึงจะต้องจากไปแต่ผมก็ไม่เสียใจแล้วละที่ชีวิตหนึ่งผมจะรักใครได้มากขนาดนี้


แรงที่กระทบมายังหน้าผากเล่นเอาเจ็บจนชา และในที่สุดสติที่ผมมีมันก็ค่อยๆดับวูบไป....


ผมได้แต่ภาวนาให้พ่อของเจ้ากระต่ายเอาศพของผมไปทิ้งที่ไหนก็ได้ที่จะไม่ให้เขารู้...ว่าผมไม่อยู่ข้างๆเขาอีกต่อไปแล้ว


ถึงจะบอกพ่อของเจ้ากระต่ายไปแบบนั้น...แต่ใจจริงแล้วผมก็อยากให้เขามีชีวิตอยู่ต่อไป












“ โอ๊ย!!!”         ผมเด้งตัวขึ้นมาจากโซฟาเมื่อรู้สึกเหมือนโดนอะไรฟาดเข้าที่ใบหน้า


“ จะนอนไปถึงเมื่อไหร่? บอสรอคุยกับนายอยู่นะ”        ผมทำหน้างงเพราะคนที่กำลังพูดกับผมนั้นเป็นหญิงสาวชาวต่างชาติคนหนึ่งซึ่งกำลังก้มลงไปเก็บหมอนที่นอนกลิ้งอยู่ที่พื้น ตัวการที่ทำให้ผมตื่นขึ้นมาก็คือมันนั่นเอง


“ เรายังเจรจากันไม่จบนะ ยามาโมโตะ ทาเคชิ...”        นี่ผมตายไปแล้ว? หรือว่าแค่ฝันไป? หรือมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? ก็ผมจำได้ว่าผมโดนยิงแสกหน้าเข้าไปขนาดนั้น ดูยังไงๆก็ไม่น่าจะรอดมาได้...และเมื่อเห็นผมทำหน้างง หญิงสาวคนเมื่อครู่ก็ถอนหายใจแล้วอธิบายให้ผมฟังว่า


“ ไอ้ที่นายโดนไปน่ะ มันไม่ใช่กระสุนหรอก...แต่เป็นนี่...”      แล้วเธอก็แบมือเผยให้ผมมองเห็นเมล็ดกาแฟเล็กๆเมล็ดหนึ่ง


“..........”       ผมพูดอะไรไม่ออกจึงได้แต่เงยหน้ามองชายที่อยู่ตรงหน้าอย่างต้องการคำตอบ


“ ฉันก็แค่ทดสอบเธอดู....ว่าฉันจะไว้ใจให้เธอดูแลลูกชายของฉันได้ไหม”      ด้วยการแกล้งฆ่าผมทิ้งเนี่ยนะ? โอย...นี่ถ้าไม่ใช่คนใจแข็งอย่างผม ป่านนี้คงช็อคตายไปแล้ว ผมได้แต่เอนหลังพิงผนังโซฟาอย่างหมดแรง


" อืม....."       พ่อของเจ้ากระต่ายไล่สายตามองผมตั้งแต่หัวจรดพื้นอีกรอบ...เอาเถอะ....อยากจะทำอะไรก็ทำไป ผมไม่สนละ


" ฉันก็เคยเป็นห่วงอยู่นะว่า อย่างฮายาโตะคงจะรับช่วงแฟมมิลี่ต่อจากฉันไม่ได้....แต่ถ้าเป็นเธอก็ไม่แน่...ว่าไง?...สนใจไหม?"        อะไร? เมื่อกี้จะฆ่าผมทิ้ง ตอนนี้จะให้ผมเป็นบอสมาเฟียต่อจากเขาเนี่ยนะ


" ไม่ละครับ"       ผมตั้งใจแล้วว่าถ้าแก่เฒ่าผมจะพาเจ้ากระต่ายกลับไปขายซูชิกระหนุงกระหนิงกันสองคน!


" ฮ่าๆๆๆ หายากนะ...คนที่ไม่กลัวเมื่ออยู่ต่อหน้าฉัน...และที่หายากยิ่งกว่าคือคนที่กล้าจ้องตาฉันในขณะที่ถูกปืนจ่อหัวอยู่"        เขาเผยรอยยิ้มที่มุมปาก แต่ผมไม่ดีใจหรอกนะที่ถูกคนแบบนี้ถูกใจเข้าน่ะ


ผมก็แค่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเจ้ากระต่าย ก็แค่นั้น...


" เอาละ...มาเจรจากันต่อดีกว่า....เธอจะสาบานได้ไหม? ว่าจะดูแลฮายาโตะไปตลอดชีวิต"      ใบหน้าของเขากลับมาจริงจังอีกครั้ง


" คุณก็พิสูจน์ไปแล้วนี่ หรือจะต้องให้ผมตายให้คุณดูอีกซักรอบ?"


" ตอบฉันมาว่าเธอสาบาน...."


" ครับ...ผมสาบาน"          เขามองผมด้วยสายตาอ่อนโยนเป็นครั้งแรก บรรยากาศที่เคยดูอันตรายมาตลอดกลับผ่อนคลายลงเมื่อเขาหัวเราะอย่างถูกใจแล้วเอนหลังพิงโซฟาด้วยท่าทางสบายๆ


" ดี!"        เขายิ้มให้ผมด้วยใบหน้าเยี่ยงมาเฟีย     “ แต่เมื่อใดที่เธอผิดคำสาบาน รู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น....”      เขาจงใจวางปืนกระบอกเดิมลงบนโต๊ะเตี้ยตรงหน้าผมอีกครั้ง และผมรู้ดีว่าคราวนี้มันคงจะไม่ใช่แค่เมล็ดกาแฟแน่ๆ


แต่ถึงจะเห็นแบบนั้น ผมก็ยังพยักหน้าอย่างไม่ลังเล


" และเพื่อตอบแทนคำสาบานของเธอ...ฉันก็มีข้อแลกเปลี่ยนจะมอบให้"      


" ........."       ผมจ้องตอบเขากลับไป เพราะผมยังไม่ไว้ใจหรอกว่าเขาจะไม่จับผมหมกท่อแล้วเอาไปโยนทิ้งที่อ่าวไหน


" ฉันจะช่วยปิดความสัมพันธ์ของเธอกับฮายาโตะ ไม่ให้สื่อเอาไปเผยแพร่"     เขายิ้มให้ผมด้วยรอยยิ้มที่มุมปาก


" จะช่วยจัดการข่าวของเธอกับฮายาโตะให้..."        .....ด้วยวิธีการของมาเฟีย....ผมต่อประโยคที่เขาไม่ได้พูดออกมาให้ในใจ แต่ถ้าเป็นอำนาจมืดและเงินที่เขามี ผมก็เชื่อละว่าเขาทำได้แน่ๆ



จะว่าเป็นโชคดีหรือโชคร้ายกันนะที่ผมมีพ่อตาเป็นมาเฟีย...










ผมถูกพากลับมาปล่อยไว้ที่สตูดิโอตามเดิม ตอนนี้ผมจึงขับรถมาจอดติดไฟแดงอยู่ที่ชิบูย่า ในขณะที่นิ้วก็เคาะพวงมาลัย สายตาก็เหม่อมองภาพของเจ้ากระต่ายขนาดใหญ่ยักษ์ที่ติดอยู่ข้างตึกฝั่งตรงข้ามแยก พรางนึกถึงเรื่องราวที่เพิ่งเกิดขึ้นสดๆร้อนๆ


พ่อของเจ้ากระต่ายจะคอยตามเช็ดตามล้างเก็บกวาดข่าวระหว่างผมกับเจ้ากระต่ายให้ แลกกับที่ผมต้องไปรายงานตัวกับเขาทุกๆครั้งที่เขามาญี่ปุ่น


มานึกๆดูอีกที เขาก็อาจจะเป็นแค่ตาแก่ที่แค่อยากจะฟังเรื่องราวของลูกชายที่รัก แต่ก็ไม่สามารถจะเข้าใกล้ได้ เลยคิดว่าอย่างน้อยได้ฟังเรื่องราวของเจ้ากระต่ายในมุมที่คนนอกไม่อาจจะรู้ได้จากปากของผมคงจะดีกว่า


ผมไขกุญแจห้องเข้าไปด้วยมัวแต่นึกถึงเรื่องของคนพ่อจนลืมไปว่าเจ้ากระต่ายตัวดีส่งเมสเซสไปข่มขู่ผมเอาไว้ยังไง เพราะงั้นแค่ผมก้าวเท้าเข้าไปในห้อง หมอนใบใหญ่นับสิบไปก็กระหน่ำฟาดเข้ามาที่ร่างกายทันที


" อ๊ะ โกคุเดระ?!"         ผยกแขนข้างหนึ่ขึ้นมาป้องหน้าก่อนจะกวาดสายตามองหาเจ้าตัวดีที่ซ่อนอยู่ข้างหลังหมอนพวกนั้น ผมเอื้อมมือออกไปหมายจะคว้าตัวบางๆนั่นเอาไว้ แต่เจ้ากระต่ายก็ไวพอที่จะกระโดดหลบ....



โครม!!



ไม่ใช่เสียงผมล้มแน่ๆ  ในเมื่อผมยังยืนนิ่งอย่างสง่าผ่าเผยอยู่ ผมก้มลงไปมองเจ้ากระต่ายสีขาวที่นอนคว่ำหน้าอยู่กับกองหมอนที่พื้นพร้อมยกมือมาลูบสะโพกปอยๆ


" ฮะฮะฮะ...."        ผมเผลอหัวเราะออกไปเมื่อมองเห็นสภาพของเจ้าคนที่จ้องจะเล่นงานผม ใบหน้าสวยหันมาค้อนควับ ก่อนจะพยายามลุกขึ้นนั่ง ดูท่าทางจะลำบากพอดู ผมจึงซ้อนตัวเขาขึ้นก่อนจะอุ้มไปนั่งที่โซฟา


" โกคุเดระ...."       ผมคุกเข่าอยู่ต่อหน้าเขา มือเอื้อมไปจับมือของเขาเอาไว้หลวมๆ


" อะ  อะไร...."       แก้มใสออกสีชมพูระเรื่อ นัยน์ตาสีมรกตใสแจ๋วราวกับตาของกระต่ายสบมองกลับมา ผมส่งสายตาอ่อนโยนไปให้เขาจึงไม่ลุกหนี


" ถามอะไรหน่อยสิ"       ผมนั่งลงไปที่พื้นก่อนจะแนบหน้าไปที่หน้าตักของเขา แขนอีกข้างกอดขาของเจ้ากระต่ายเอาไว้


" หืม?..."        ผมรับรู้ได้ถึงมือที่ลูบอยู่ที่หัวผมเบาๆ สัมผัสจากเขามันทำให้ผมรู้สึกดี


" นายรู้สึกยังไงกับพ่อของนายอย่างงั้นหรอ?"         มือเขาชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ


" อารมณ์ไหนของแก?  นี่คงไม่ได้หึงแม้แต่หมอนั่นหรอกนะ?"         เขายังคงเรียกพ่อของเขาว่า 'หมอนั่น' เหมือนเดิม แทนที่ผมจะหึงผมควรจะห่วงชีวิตของตัวเองดีกว่ามั้ง


" ..........."           เขาเงียบไปในขณะที่ลูบหัวผมต่อ เมื่อเห็นว่าผมไม่ได้พูดอะไรต่อเขาจึงเอ่ยออกมาเบาๆ


" ก็....ไม่ได้เกลียดหรอกนะ...."          ผมลอบยิ้มกับคำตอบของเขา


คงจะมีสักวัน...ที่พ่อลูกจะได้เจอกัน...เหมือนความสัมพันธ์ของผมกับเขาที่สักวันมันคงจะเปิดเผย...











จากวันแรกที่ผมได้พบกับพ่อของเจ้ากระต่ายก็ผ่านมานานหลายเดือน....จากความหนาวเหน็บของฤดูหนาวตอนนี้อากาศกลับกำลังดีเพราะเป็นช่วงของฤดูใบไม้ผลิ ผมพาดคอเอาไว้กับที่เท้าแขนของโซฟาในขณะที่สายตาก็เหม่อมองออกไปข้างนอกประตูเลื่อนบานใหญ่ที่เป็นกระจกใสทั้งชุด...ซากุระที่เรียงเป็นแถวกำลังผลิดอกตูมรอวันเบ่งบานในอีกไม่นาน....จะว่าไปนี่คงจะเป็นซากุระแรกของผมกับเจ้ากระต่ายสินะ....ทั้งๆที่คบกันมาได้ยังไม่ถึงปี แต่ทำไมผมถึงได้รักเขามากมายขนาดนี้กัน


ผมพลิกตัวกลับมานอนหงายอยู่บนโซฟาด้วยท่วงท่าราวกับคนขี้เกียจ....ก็แหม...นานๆจะได้หยุดกับเค้าซักที....แต่จะว่าไปมันก็ไม่ใช่วันหยุดตามตารางงานหรอกนะ บังเอิญว่าเจ้ามุคุโร่มันหนีไปตามหาฝันอะไรของมันที่ปารีส เดือดร้อนสึนะที่ต้องไปตามลากตัวกลับมา ส่วนมือกีต้าอีกคนก็ตามไปด้วยเหตุผลที่ว่า อยากเปลี่ยนสถานที่ในการไล่ขย้ำ? 


สรุปคือตอนนี้วงของผมที่น่าจะกำลังเริ่มอัดเสียงซิงเกิลใหม่ แต่ดันไม่มีใครอยู่ที่ญี่ปุ่นเลยน่ะสิ แล้วจะให้ผมไปอัดเสียงยังไงได้


ในขณะที่กำลังนอนกลิ้งอยู่บนโซฟาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ม้วนกระดาษในมือใครบางคนก็เคาะลงมาที่หัวผม


“ โกคุเดระ?”       ผมผงกหัวขึ้นไปมองดูเจ้ากระต่ายที่เดินไปกดอะไรขยุกขยิกอยู่ที่เครื่องเสียงของผม ก่อนที่ดนตรีคลาสสิคจะดังขึ้นมาให้ได้ยิน


“ ลุกขึ้นมา”        เจ้ากระต่ายตัวดีสั่งผมฉอดๆ แต่จะด้วยความเคยชินหรืออะไรไม่รู้ ร่างกายผมก็ลุกขึ้นนั่งตามคำสั่งเป็นที่เรียบร้อย


“ มีอะไรหรอ?”      จะให้ผมหยิบอะไรให้หรือไง?


“ มาเป็นคู่ซ้อมเต้นรำให้ฉันหน่อย”


“ ห๋า?!”       ผมอุทานออกไปอย่างไม่ปิดบัง เขาคิดว่าเขาพูดอยู่กับใครเนี่ย? ผมเป็นมือเบสของวงร็อคนะ ไม่ใช่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 อย่างเจ้ามุคุโร่ ตั้งแต่เกิดมาผมเคยเต้นรำอะไรกับเค้าที่ไหน


“ ฉันว่า....”       แต่เจอดวงตากระต่ายดุๆแบบนั้นมันก็ไม่มีทางปฏิเสธได้


“ แกแค่ขยับตามฉันเท่านั้นแหละน่า อย่างน้อยแกก็เดินได้ดีกว่าหมอนข้างละ”       ก็จริงของเค้า...ถ้าเจ้ากระต่ายไปเต้นรำกับหมอนข้างคงฮาน่าดู.....มือบางจัดการจับมือผมขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนที่จะจับมือผมอีกข้างหนึ่งไปวางไว้ที่เอวของเขา และเมื่อมือของเจ้ากระต่ายวางมาบนไหล่ผม ความใกล้ชิดก็เล่นเอาผมเผลอกลืนน้ำลาย


ชักไม่อยากให้เค้าไปเต้นรำกับคนอื่นซะแล้วสิแหะ


“ โอ้ย!”        มือที่เคยวางอยู่บนไหล่ผมกลับย้ายมาบิดแก้มผมซะอย่างงั้น


“ คิดเรื่องลามกอยู่ใช่ไหมแกน่ะ”       รู้อีกแน่ะ   ผมได้แต่หัวเราะแหะแหะ แล้วเริ่มขยับตามจังหวะการก้าวเท้าของเขา


“ นี่โกคุเดระ...ไม่ใช่ว่านายต้องมาอยู่ในตำแหน่งของผู้ชายหรอ?”      ถึงผมจะไม่ค่อยรู้เรื่องนัก แต่ดูจากท่าทางแล้ว ผมคิดว่าเขากำลังซ้อมเต้นในตำแหน่งของผู้หญิง


“ ก็ฉันต้องไปในฐานะพรีเซ็นเตอร์ของสตูดิโอมิยาซามินี่”        ชื่อคุ้นๆแหะ เหมือนจะเป็นสตูดิโอเสื้อผ้าที่เจ้ากระต่ายแทบจะเป็นนางแบบประจำให้อยู่


“ คราวนี้ต้องใส่ชุดราตรียาวๆด้วย ถ้าไม่ซ้อมเดี๋ยวสะดุดหัวทิ่มกันพอดี”


“ ชุดราตรี?”


“ ใช่...ก็คอลเลคชั่นเดียวกันกับที่แกเคยไปดูฉันเดินแบบนั่นแหละ”      ผมพยักหน้าหงึกๆอย่างไม่แปลกใจเท่าไหร่นัก เพราะที่นี่คือญี่ปุ่น การที่จะให้นายแบบมาใส่ชุดของผู้หญิงมันก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไร ถ้าอิมเมจมันได้ เท่านั้นก็พอแล้ว


จังหวะของดนตรีเปลี่ยนไป จากเพลงเร็วค่อยๆเปลี่ยนมาเป็นเพลงช้า ผมไม่ถนัดเพลงคลาสสิคอย่างที่บอก เพราะงั้นจึงไม่รู้ว่าเพลงแบบนี้เรียกว่าอะไร แต่อาจจะเพราะผมก็เป็นนักดนตรีเหมือนกัน ทำให้การจับจังหวะและก้าวเดินให้ตรงกันนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไร


แล้วยิ่งเป็นเพลงช้าๆแบบนี้ ดวงตาสีเขียวใสที่อยู่ใกล้ๆแบบนี้ ริมฝีปากที่ไม่ได้เคลือบเอาไว้ด้วย “ลิปสติก” อยู่ไม่ไกลแบบนี้...ราวกับว่ามีแรงดึงดูด....มือสองข้างกระชับเอวบางให้เข้ามาแนบชิดก่อนที่ใบหน้าของผมจะก้มลงไปใกล้กับใบหน้าสวยที่นิ่งค้างรอรับ...




ตรูด....ตรูด........




เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นมาก่อนที่ริมฝีปากของผมกับเขาจะสัมผัสกันอีกแค่นิดเดียว ผมได้แต่งอแงไม่อยากจะปล่อยมือจากเอวเขา เจ้ากระต่ายจึงไล่ฟาดให้ผมไปรับโทรศัพท์ซึ่งยังคงไม่มีทีท่าว่าจะหยุดส่งเสียงง่ายๆ


“ ครับ?”      ผมมองดูเบอร์ที่ขึ้นมาก่อนจะรับไปแบบไม่ใส่ใจนัก


“ คุณ.....ออกมาพบกันเดี๋ยวนี้เลยได้ไหมคะ”      ผมหันไปมองเจ้ากระต่ายที่จ้องเขม็งมาก่อนจะยกมือขึ้นเกาท้ายทอย


“ อ่า...ได้สิ....งั้นเดี๋ยวผมออกไป เจอกันที่เดิมนะ”       ผมแอบเหลือบมองเจ้ากระต่ายอีกรอบก่อนจะวางสายไป


“ ใครน่ะ?”     


“ คนที่สตูดิโอน่ะ ฮะฮะ”      ผมหัวเราะกลบเกลื่อนก่อนจะบอกกับเขาว่าจะออกไปข้างนอก เจ้ากระต่ายไม่ว่าอะไรเพราะงั้นผมถึงได้เดินออกมาโดยไม่หันไปมองหน้าเขาให้ดีๆก่อน...











ผมเปิดประตูเข้าไปในร้านกาแฟเล็กๆ แผ่นหลังโปร่งบางของผู้หญิงคนหนึ่งนั่งรอผมอยู่แล้ว  เธอเป็นคนที่สวยมาก สวยเสียจนไม่คิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนกล้าปฏิเสธ ถ้าไม่ติดที่ว่า...


“ รอนานไหม?”      ผมเอ่ยทักในขณะที่เธอส่ายหน้าช้าๆบ่งบอกว่าไม่เป็นไร


“ เรื่องแหวน...ที่คุณบอกว่าอยากให้ฉันไปเลือก...ถ้าเกิดว่าเป็นวันนี้เลย.....”      ใบหน้าแดงระเรื่อของเธอดูเอียงอายเล็กน้อยเมื่อเอ่ยถึงเรื่องที่ผมเคยขอร้องเธอไป ทำให้ผมรู้สึกว่าคนที่อยู่ตรงหน้าผมนั้นก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่ง


“ ได้สิ”     ผมยิ้มให้เธอก่อนที่เราทั้งคู่จะเดินออกจากร้านไปด้วยกัน



ภายในห้างสรรพสินค้าที่หรูที่สุดแห่งหนึ่งของโตเกียว ผมยืนอยู่ในร้านที่เต็มไปด้วยแหวนนานาชนิด กับคนที่ไม่เคยรู้เรื่องเครื่องประดับอย่างผมจึงได้แต่ยืนงง ต่างจากอีกคนที่มาด้วยกันที่ดูจะรู้ดีในเรื่องพวกนี้ไม่ใช่น้อย เธอเดินไปหยุดอยู่ที่หน้าตู้โชว์ตู้หนึ่งซึ่งมีชุดเครื่องประดับวางอยู่เพียงชุดเดียว ก่อนจะเหลือบมองมาที่ผม


“ ฮะฮะ ไม่ต้องเกรงใจน่า เลือกได้ตามสบายเลย...ผมขอแค่...มันจะเป็นแหวนที่ดีที่สุด”        ของผมกับเขา.....ผมพูดมันอยู่ในใจเพื่อไม่ให้คนเลือกหน้าแดงไปมากกว่านี้


เธอบอกให้พนักงานหยิบแหวนที่วางอยู่บนกำมะหยี่สีดำสนิทวงนั้นมาให้ดู ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายเมื่อมองดูแหวนเงินวงเล็กที่ถูกขึ้นรูปให้คล้ายกับยอดหญ้าพันกันเป็นวงกลมที่ปลายมีเพชรน้ำงามเม็ดเล็กประดับอยู่ ขนาดผมยังรู้เลยว่ามันสวยมากขนาดไหน


“ วงนี้...ได้ไหม?”        ผมพยักหน้าในขณะที่ดวงตาก็ยังคงจ้องมองความงดงามของแหวนวงนั้นอย่างไม่ละสายตา


ถ้าไปอยู่บนนิ้วเรียวสวยนั่น มันต้องงดงามยิ่งกว่านี้แน่ๆ










กว่าผมจะได้กลับบ้านมาก็ปาเข้าไปดึกดื่น ไม่คิดว่าร้านอาหารอิตาลี่ที่ผมพาเธอไปจะคนเยอะได้มากขนาดนั้น ผมไขกุญแจห้องเข้ามาอย่างระมัดระวัง เพราะไม่รู้ว่าเจ้ากระต่ายจะหลับไปหรือยัง ผมไม่อยากจะไปกวนให้เขาตื่นขึ้นมา


“ ไปไหนมา?”      แต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นประตู เสียงนิ่งๆของเจ้ากระต่ายก็ดังขึ้นมาจากที่โซฟา


“ ปะ..ไป....สตูดิโอน่ะ”     ผมจะให้เขารู้ไม่ได้เด็ดขาด...เรื่องของเธอคนนั้น....    “ พอดีทาง ESP เอากีต้าตัวใหม่มาส่งน่ะ เลยไปเช็คสภาพแทนเจ้าพวกนั้น”      ผมพยายามกุเรื่องที่ทำให้เขาสงสัยน้อยที่สุดออกไป


“ แล้วนี่ยังไม่นอนอีกหรอ”     ผมตรงดิ่งเข้าไปคลอเคลียถึงแม้ว่านัยน์ตาสีมรกตจะยังมีแววสงสัยอยู่บ้าง แต่ก็ยอมเชื่อผมแต่โดยดี...ผมคิดว่างั้นนะ


“ ยัง....ก็.....”       นัยน์ตาสีมรกตเสลงไปมองพื้นก่อนจะเหลือบไปมองที่เคาน์เตอร์ครัวซึ่งยังมีจานข้าววางอยู่....นี่อย่าบอกนะว่ารอผม


“ ยังไม่ได้กินข้าวหรอโกคุเดระ? มานี่เลย ถ้าคราวหลังถ้ามันดึกขนาดนี้ก็ไม่ต้องรอนะ”     ผมลากเจ้ากระต่ายไปวางไว้ที่เก้าอี้ด้านหลังเคาน์เตอร์ ใบหน้าสวยงอง้ำนิดๆซึ่งมันเป็นเรื่องปกติจนผมไม่ได้เอะใจ ว่าเขากำลังคิดมากอะไรอยู่


อีกอย่าง...ผมก็เป็นผู้ชายที่ไม่เคยมีคนรัก เลยไม่เคยรู้ความหมายของการที่เขาอยู่รอผม เพื่อกินข้าวด้วยกัน


“ ไม่กินแล้ว! ดึกขนาดนี้แกจะให้ฉันอ้วนเป็นหมูรึไง?!”       เจ้ากระต่ายยังคงพยายามขัดขืน ในขณะที่ผมกำลังคิดว่าจะจัดการเจ้ากระต่ายดื้อยังไง เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นมาอีก พอเห็นว่าเป็นเบอร์ของเธอคนนั้นผมจึงเลี่ยงออกไปคุยข้างนอกระเบียง


“ ครับ?”


“ คือว่า...พรุ่งนี้เช้าคุณพ่อของ”        สงสัยว่าทางนั้นจะสัญญาณไม่ค่อยดี ถ้อยคำหลังจากนั้นผมเลยฟังไม่ค่อยจะรู้เรื่อง


“ อะไรนะครับ?”


“ .....เค้าต้องการให้คุณมาพบ พรุ่งนี้เช้าค่ะ!”         เสียงตะโกนดังมาตามสาย ทำให้ผมเข้าใจได้ไม่ยาก


“ อ่า...เข้าใจแล้ว...ถ้างั้นพรุ่งนี้ผมจะไปพบคุณก่อนแล้วกัน”       ผมวางสายพร้อมกับหันเข้าไปในห้องที่ว่างเปล่า ชะโงกหน้าเข้าไปดูในห้องนอนก็พบว่าเจ้ากระต่ายหนีไปซุกตัวอยู่บนเตียงไปเรียบร้อยแล้ว...ผมคิดว่าเขาคงหนีเพราะไม่อยากกินข้าว เพราะงั้นผมจึงได้แต่แอบอมยิ้มโดยที่ไม่ได้รู้อะไรเลย


“ นี่โกคุเดระ....”       ผมทรุดตัวนั่งลงไปที่ด้านข้างของเตียง ก่อนจะกระซิบบอกเขาผ่านผ้าห่มผืนหนาที่เจ้ากระต่ายเอามาทำเป็นปราการป้องกันตัวจากผม


“ พรุ่งนี้ฉันมีงานแต่เช้านะ เพราะงั้นเดี๋ยวฉันโทรบอกให้ผู้จัดการของนายมารับแล้วกันนะ”       หมู่นี้ผมพอจะมีเวลาว่างอย่างที่บอก เพราะงั้นจึงไปส่งเขาทุกๆเช้า


“.......ไม่...ถ้าแกไม่ไปส่งฉันนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้”        เจ้ากระต่ายเงียบไปนานก่อนจะเอ่ยถ้อยคำเอาแต่ใจออกมาให้ผมระอาใจ ผมไม่นึกอยากจะเถียงกับเขาจึงเดินออกไปโทรบอกผู้จัดการสาวอย่างที่ว่า









แต่แล้วพอตื่นขึ้นมา เจ้ากระต่ายก็หายไปจากข้างกายไม่เหลือแม้แต่เงา


คงจะงอนที่ผมไม่ยอมไปส่งสินะ....ผมถอนหายใจออกมาน้อยๆ แต่เอาเถอะ ปกติก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว เอาไว้กลับมาค่อยมาง้อก็คงไม่เป็นไร...ในเมื่อเช้านี้ผมยังมีหน้าที่สำคัญต้องไปทำอยู่อีก


ผมคิดแบบนั้น....แต่ทว่าเมื่อกลับมาก็ยังคงไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้ากระต่าย


เขาไม่ได้กลับบ้านมาสองวันเต็มๆ โทรไปก็ไม่รับ โทรหาผู้จัดการสาวก็เอาแต่บ่ายเบี่ยง


มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?  ผมกำลังงงและสับสนเต็มที่ ว่าผมไปทำอะไรให้เขาไม่พอใจหรือเปล่า? แต่ถ้าจะเป็นเรื่องข่าวระหว่างผมกับเขาละก็ไว้ใจได้ว่าไม่ใช่แน่ๆ


วันนี้ก็เข้าวันที่สามแล้วที่เขาหายไปโดยไม่บอกไม่กล่าว และผมก็กำลังจะทนไม่ไหวอีกต่อไป จึงได้มายืนพิงประตูรถเพื่อดักรอเขาอยู่ที่ข้างสตูดิโอแห่งหนึ่ง...โชคดีที่ผมพอจะรู้ตารางงานคร่าวๆของเขาในช่วงเดือนที่จะถึงนี้


แต่แล้วผมก็คิดผิด....


เพราะต่อให้รอนานแค่ไหน จะผ่านไปชั่วโมงแล้วชั่วโมงเล่า เจ้ากระต่ายก็ไม่ได้เดินออกมาจากสตูดิโอนั้น....อย่าบอกนะว่าเขายกเลิกงานในช่วงนี้เพื่อหลบหนีผมโดยเฉพาะ?


ไม่ตลกนะ....


ผมไปทำอะไรให้ทำไมไม่บอก ไม่ถามกันก่อน


ผมตบพวงมาลัยรถอย่างหงุดหงิด และเมื่อกลับไปที่บ้านมันก็ยิ่งทำให้ผมรู้สึกราวกับว่าตัวเองกำลังจะคุ้มคลั่ง เมื่อมีร่องรอยว่าเจ้ากระต่ายเข้ามาในห้อง และเสื้อผ้าส่วนใหญ่ก็หายไป....เขาคิดจะทำอะไรกันแน่? ทำแบบนี้จะเลิกกับผมใช่ไหม?


ไม่ตลกนะ....ไม่ตลกเลยจริงๆ


แล้วผมก็อยากจะบอกกับเขาด้วยว่าผมไม่มีวันยอมแน่


นัยน์ตาสีเปลือกไม้ของผมคงมีแต่ความมืดมน....ถ้าหากเป็นแบบนี้ละก็....


“ ฮัลโหล....คุณพอจะหาให้หน่อยได้ไหม ว่าผู้จัดการของโกคุเดระพักอยู่ที่ไหน...แล้วก็เช็คให้ผมหน่อยว่ามีโรงแรมที่ไหนที่เขาเช็คอินในช่วงนี้หรือเปล่า”       ผมกรอกเสียงลงไปตามสายโทรศัพท์ ในเมื่อพ่อของเขาใช้อำนาจมืดปกปิดข่าวทุกอย่างได้ ผมก็จะใช้อำนาจมืดนั้นแหละตามหาตัวเขาอีกที!


และไม่ถึงสิบนาที เมล์แผนที่และตารางการเช็คอินของโรงแรมก็ถูกส่งเข้ามาที่มือถือของผม


ผมจะไม่ปล่อยให้เจ้ากระต่ายตัวดีหนีรอดไปได้หรอก


ผมไปดักรออยู่ที่หน้าอพาทเม้นต์ของผู้จัดการสาว เพราะผมไม่คิดว่าเธอจะไว้ใจให้เจ้ากระต่ายที่ทำอะไรเองไม่เป็น อยู่คนเดียวที่โรงแรม ตอนนี้ผมอาจจะดูเหมือนสโตรกเกอร์โรคจิตหรือไม่ก็ผู้ชายเลวๆสักคนที่ไม่ยอมเลิกรากับคนที่ตัวเองรัก ผมเฝ้ารออย่างอดทน จนในที่สุดผมก็เห็นผู้จัดการสาวขับรถออกไป


ผมเดินเข้าไปในอพาทเม้นต์อย่างช้าๆ ผมเองก็เพิ่งรู้เดี๋ยวนี้เองว่ามาเฟียน่ากลัวขนาดไหน เพราะทั้งๆที่เป็นอพาทเม้นต์ที่มีการรักษาความปลอดภัยในระดับหนึ่ง แต่ผมก็ยังเดินเข้าไปได้ง่ายๆ รู้ได้ง่ายๆว่าเขาพักอยู่ที่ห้องไหนและก็ยังเข้าไปในห้องนั้นได้...ง่ายๆ


“ โกคุเดระ!”      เจ้ากระต่ายสะดุ้งเฮือกก่อนจะหันมาตะลึงงันเมื่อเห็นว่าผมกำลังเดินเข้าไปหาเขา ร่างบอบบางกระโดดลงจากเตียงก่อนจะพยายามวิ่งหนี


“ เดี๋ยว!”      ผมจับตัวเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะใช้ท่อนแขนที่แข็งแรงกักขังเขาเอาไว้


“ ปล่อยนะ!”      เขาพยายามดิ้นหนีสุดขีด สิ่งที่เขาทำยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจ ยิ่งทำให้ผมโมโห


“ นายจะหนีฉันทำไม...คิดจะเลิกกับฉันใช่ไหมโกคุเดระ!”      ผมบีบข้อมือเขาแน่น น้ำเสียงนิ่งที่ผมใช้ก็ทำให้ร่างกายของเขาชะงักค้าง  นัยน์ตาสีมรกตที่จ้องมาที่ดวงตาของผมนั้นมันกำลังสั่นพร่า


“ แกเองไม่ใช่หรือไง....ที่กำลังจะขอเลิกกับฉัน....”       เขาพูดออกมาด้วยเสียงสั่นๆและนั่นยิ่งทำให้ผมไม่เข้าใจไปใหญ่


“ เลิกกับนาย?”


“ แกกำลังจะแต่งงาน...กับผู้หญิงคนนั้นใช่ไหมล่ะ?....น่าดีใจออกนะ เธอทั้งสวยทั้งเหมาะสมกับนาย ยิ่งกว่าชั้นซึ่งเป็นผู้ชาย...”       คำพูดของเขายิ่งทำเอาผมงงหนัก


“ นายเอาอะไรมาพูดน่ะโกคุเดระ? ฉันน่ะหรอจะแต่งงาน?”       ริมฝีปากสีสดเม้มเข้าหากันน้อยๆก่อนที่ร่างกายที่เคยนิ่งไปจะเริ่มดิ้นต่อต้านอีกครั้ง


“ อย่าให้ฉันต้องพูดจะได้ไหม ไอ้เจ้าบ้า ไอ้คนใจร้าย ไอ้ๆๆ”       เขาด่าผมออกมาเป็นชุดและดูท่าทางจะไม่ยอมฟังอะไรอีก แรงดิ้นภายในอ้อมแขนก็ดูเหมือนจะรุนแรงขึ้น แต่ถ้าผมไม่ทำให้เขาพูดออกมา วันนี้ก็ไม่มีทางเข้าใจกันเสียที


ผมอุ้มเจ้ากระต่ายจอมดื้อก่อนจะเอาไปโยนลงไปบนเตียง หลังจากจัดการล็อคแขนล็อคขาเรียบร้อยแล้วผมจึงถามเขาด้วยน้ำเสียงนิ่งและจริงจัง


“ ฉันถามนายจริงๆ...ว่านายคิดว่าฉันจะเลิกกับนายได้อย่างงั้นหรอโกคุเดระ....คิดว่าฉันเป็นผู้ชายที่ทำแบบนั้นได้ง่ายๆอย่างงั้นหรอโกคุเดระ”


“ ก็แล้วจะให้ฉันคิดยังไง ในเมื่อแกไปซื้อแหวนกับเธอ วันรุ่งขึ้นก็ยังไปพบพ่อของเธอ เข้าๆออกๆจากโรงแรมกับเธอบ่อยๆอีก...แล้วจะให้ฉันคิดยังไง ในเมื่อฉันถามแกก็เอาแต่โกหก!”       ผมนิ่งอึ้งไปเมื่อได้ยินสิ่งที่ออกมาจากปากของเจ้ากระต่าย ไอ้เรื่องที่เขาจะแอบตามผมไปผมไม่ได้ใส่ใจมากไปกว่าเขาคิดเรื่องของผมมากว่าที่คิด....เขาใส่ใจผมมากกว่าที่คิด...


“ หึ...ฉันรู้ขนาดนี้แล้วก็บอกเลิกกันมาซะ มันจะได้จบๆ”      ในดวงตาสีมรกตมีแต่แววเจ็บปวด


“ โกคุเดระ....”      ผมพูดกับเขาด้วยเสียงที่อ่อนลง


“ ฉันขอโทษนะ....”      ผมไม่ได้จะขอเลิกกับเขา แต่ที่ขอโทษเพราะว่าผมดันทำให้เขาคิดมาก ผมดันทำให้เขาต้องเจ็บปวดโดยที่ผมไม่เคยรู้ตัวเลย


“ ฉันรักนาย และไม่เคยแม้แต่จะคิดเรื่องที่จะเลิกกัน”


“ แต่ว่าผู้หญิงคนนั้น”     


“ มันไม่ใช่อย่างที่นายเข้าใจเลยแม้แต่น้อย เธอคนนั้นเป็นมือขวาของบอสมาเฟียคนหนึ่ง เธอถูกสั่งให้อยู่ที่ญี่ปุ่นคอยประสานงานและคอยปกปิดข่าวของลูกชายของบอสมาเฟียคนนั้น วันนั้นฉันให้เธอไปช่วยเลือกแหวนเพราะฉันเลือกไม่เป็น และที่นายเห็นฉันเข้าๆออกๆโรงแรมกับเธอนั่นก็เพราะว่าฉันต้องเข้าไปรายงานตัวกับบอสมาเฟียคนที่ว่า....”


“ บอส..มาเฟีย?”       เจ้ากระต่ายเอ่ยออกมาอย่างเลื่อนลอย ผมได้แต่ถอนหายใจ...ผมอาจจะคืนดีกับเจ้ากระต่ายได้ แต่พรุ่งนี้อาจจะต้องจากกันเนื่องจากผมคงถูกจับถ่วงน้ำอยู่ที่อ่าวไหนสักที่แน่ๆ


“ พ่อของนายไงล่ะโกคุเดระ...”


เจ้ากระต่ายนัยน์ตาเบิกกว้าง และจากที่เคยโดนผมล็อคแขนล็อคขาเอาไว้เจ้าตัวดีก็อาศัยช่วงที่ผมเผลอจนพลิกตัวเองกลับมาอยู่เหนือผมได้


“ เล่ามาเดี๋ยวนี้เลยนะ ว่าแกรู้จักหมอนั่นได้ยังไง มีอะไรปกปิดฉันเอาไว้อีก ไม่งั้นฉันจะเป็นฝ่ายกดแกบ้าง!”       เขาหมายถึงเขาจะออนท็อป? แบบนั้นผมก็โอเคนะ ผมหัวเราะแห้งๆให้กับดวงตาสีมรกตดุๆคู่นั้น แต่อย่างน้อยๆตอนนี้ผมคลายความมืดมิดในจิตใจลงไปได้ ที่เขาคิดมากจนอยากจะเลิกกับผมก็เพราะเรื่องเข้าใจผิด...เขาไม่ได้คิดเพราะว่าเบื่อหรือหมดรักผมแล้ว แค่นั้นก็พอ


ผมเล่าให้เขาฟังในขณะที่มือก็โกยเสื้อผ้าของเขาลงกระเป๋า  “ นี่โกคุเดระ...แทนที่นายจะมัวหึงฉันกับผู้หญิงคนนั้นน่ะ...นายควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยของฉันมากกว่านะ นายเห็นว่าเธอสวยๆแบบนั้นแต่ที่จริงแล้วทั้งโหดทั้งดุเลยอ่ะ ฉันเกือบโดนหล่อนเอาปืนเป่าหัวมาตั้งหลายรอบแล้วเนี่ย”


“ สม!”      เจ้ากระต่ายหันมาซ้ำผมก่อนจะหันออกไปเหม่อมองภายนอกห้อง ตอนนี้ในหัวของเขาคงกำลังคิดเรื่องของพ่ออยู่แน่ๆ


“ ถ้านายยังไม่พร้อมจะเจอเขา นายก็ทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบนี้ต่อไปสิโกคุเดระ....ฉันว่าเขาเองก็เข้าใจดีถึงสถานะของตัวเอง เพราะงั้นเลยเลือกที่จะให้มันเป็นอยู่แบบนี้”     ผมโอบไหล่เขาเบาๆ เจ้ากระต่ายได้แต่พยักหน้าช้าๆ


อย่างน้อยเขาก็ยอมรับและไม่ต่อต้านกับเรื่องนี้ อนาคตดีๆคงจะเกิดขึ้นได้ไม่ยากอย่างที่คิดแล้วละ











ผมพาเจ้ากระต่ายกลับมาอยู่ที่คอนโดตามเดิม และเนื่องด้วยสมาชิกในวงของผมยังคงไปตามหาความฝัน(?)...ตามลาก(?)...ตามขย้ำ(?)...กันอยู่ที่ฝรั่งเศส ผมจึงยังมีเวลาว่างพอที่จะเป็นคู่ซ้อมเต้นรำให้เขาเหมือนเคย....เมื่อวานนี้เจ้ากระต่ายใส่ชุดราตรีสีขาวที่จะใส่ในงานมาซ้อมด้วย เล่นเอาผมเกิดหวงขึ้นมาทันที


ผมน่าจะสั่งให้ลูกน้องของพ่อเขาไปเก็บเจ้าผู้ชายทุกคนที่จะไปงานนี้เสียดีไหมนะ?


“ เฮ้อ....”      ในขณะที่ผมนั่งฟุ้งซ่านอยู่ที่โซฟา เจ้ากระต่ายก็กลับมาจากข้างนอกพอดี


“ เฮ้...โกคุเดระ!”       แต่แล้วเมื่อสายตาไปสะดุดกับผ้าพันแผลที่พันเอาไว้ที่ข้อเท้าของเจ้ากระต่าย ร่างกายของผมก็ลุกขึ้นไปพยุงเขามานั่งโดยอัตโนมัติ


ขานาย...เป็นอะไรน่ะโกคุเดระ?!”       ผมถามออกไปด้วยท่าทางลนๆ เมื่อเช้าตอนออกไปก็ยังดีๆอยู่นี่ แล้วนี่ใครบังอาจมาทำให้เขาบาดเจ็บกัน!


ไม่เป็นไร...”       เจ้ากระต่ายก้มหน้าอึกๆอักๆ ไอ้ท่าทางแบบนี้มีหรือผมจะเชื่อว่ามันไม่มีอะไร


จะให้เชื่อได้ยังไง เป็นอะไรกันแน่บอกฉันมาเถอะหรือว่าใครทำอะไรนาย?”       ผมถามออกไปอีกครั้งด้วยใบหน้าจริงจัง


ไม่ได้เป็นอะไรทั้งนั้นแหละ! ก็แค่....”       ใบหน้าสวยเงยขึ้นมาตัดบทเหมือนจะรำคาญ แต่ผมก็ยังคาดคั้นต่อไป


แค่....?”     


ไม่อยากเต้นรำ....กับคนอื่น.....”         ห๋า?...ถ้าอย่างงั้นแผลนี่....


“ เห็นไหมล่ะ? ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย”       มือบางแกะผ้าพันแผลออกก่อนจะเดินลิ่วๆเข้าไปในห้องนอน อย่างที่ดูก็รู้ว่าไม่ได้เป็นอะไรแน่ๆ....แผลนั่นก็คงจะแกล้งพันขึ้นมาเองให้คนอื่นเข้าใจว่าเขาขาเจ็บ ในวันงานจะได้ไม่มีใครกล้ามาขอเต้นรำด้วย


“ หึหึ”      ผมหัวเราะกับตัวเอง ผมหลงรักเจ้ากระต่ายตัวร้ายก็เพราะว่าเขาเป็นแบบนี้นี่แหละ...










วันนี้เจ้ากระต่ายถูกผู้จัดการสาวมารับตัวไปตั้งแต่เช้า ถึงแม้ว่าขาจะเจ็บจนเต้นรำไม่ได้แต่เจ้ากระต่ายก็ยังคงต้องไปงานในฐานะนางแบบของชุดนั้นอยู่ดี


ผมมองกล่องกำมะหยี่ที่อยู่ในมือ...ก่อนจะเงยหน้ามองห้องจัดเลี้ยงในโรงแรมหรูหรา....ถึงแม้ว่าตอนนี้เจ้ามุคุโร่จะไม่อยู่ แต่ผมก็มีมือขวาสุดโหดที่สามารถจับผมแต่งตัวให้เข้าไปเดินในงานนั้นได้อย่างไม่อายใคร...ดูจากเวลาแล้ว ป่านนี้งานคงเริ่มไปได้กว่าครึ่งค่อน


ผมวางกล่องกำมะหยี่ลงที่หน้ารถก่อนจะเก็บของที่อยู่ในกล่องเอาไว้ที่ภายในอกเสื้อสูท หยิบหน้ากากขนนกสีดำสนิทขึ้นมาสวมบนใบหน้าก่อนที่จะก้าวขาเข้าไปในงาน


หลังจากประตูปิดลงทุกสายตาต่างหันมามองที่ผมเป็นตาเดียว แหงละ...นี่เป็นปาร์ตี้ทั่วไปไม่ใช่ปาร์ตี้หน้ากาก...เพราะงั้นผมที่เดินสวมหน้ากากเข้าไปด้วยท่วงท่าราวกับเจ้าชายจึงสะกดสายตาของใครต่อใครได้ไม่ยากเลย


แต่ผมก็ไม่ได้สนใจว่าใครต่อใครจะมองมาสักแค่ไหน เพราะสายตาที่มั่นคงของผมมองตรงไปที่ที่เจ้าหญิงของผมยืนอยู่เพียงลำพังเบื้องหน้ากอกุหลาบสีขาวที่ถูกจัดเอาไว้อย่างสวยงาม


ภายในห้องเงียบสนิท....ยามเมื่อผมไปยืนอยู่ตรงหน้าโกคุเดระ....นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างที่ผมรู้ว่าเขาจำผมได้


ผมโค้งตัวให้ก่อนจะยื่นมือออกไป...


“ ให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”      รอบกายนั้นเงียบจนเสียงของผมคงดังก้องไปทั่วห้องอย่างแน่นอน นัยน์ตาสีมรกตสั่นไหวน้อยๆ ริมฝีปากที่เคลือบเอาไว้ด้วย “ลิปสติก” อมยิ้มก่อนจะค่อยๆยื่นมือบางที่อยู่ภายใต้ถุงมือสีขาวยาวจนถึงศอกมาให้ผม


มือใหญ่ของผมจับมือบางของเขาเอาไว้แล้วไม่นานเสียงดนตรีก็ดังขึ้นมาท่ามกลางแสงแฟลชที่มืดฟ้ามัวดิน  รอบข้างต่างถามเป็นเสียงเดียวกันว่า....ผมคือใคร?


แต่นั่นมันเป็นหน้าที่ของพ่อเจ้ากระต่าย...ผมลอบยิ้มน้อยๆอย่างถูกใจ เขาเคยแกล้งจะฆ่าผมทิ้งเพราะงั้นคราวนี้ผมเลยขอเอาคืนด้วยการให้เขาแก้ข่าวที่ยากที่สุดแบบนี้บ้าง...จะปิดข่าวว่ายังไงดีล่ะ?...เป็นการโฆษณา?....เป็นการแสดงเพื่อพรีเซ็นต์เสื้อผ้า?


“ แก...มาได้ไง?”       เจ้ากระต่ายกระซิบเบาๆในขณะที่ตัวของเราทั้งสองแทบจะแนบชิดกัน ถึงแม้ว่าขาจะก้าวไปตามจังหวะแต่มือทั้งสองข้างของผมก็ไม่ได้อยู่ในท่วงท่ามาตรฐานของการเต้นรำ แต่ผมเอามันไปวางไว้ที่เอวบางของเขา


“ ฉันเอาของ...ที่นายลืมไว้มาให้”      ผมยิ้มนิ่งๆภายใต้หน้ากาก เจ้ากระต่ายทำหน้างงก่อนที่ผมจะพาเขาก้าวขาไปอยู่กลางฟลอร์


มือข้างหนึ่งยอมละออกมาจากเอวก่อนจะล้วงเข้าไปในอกเสื้อสูท...หยิบของที่เคยอยู่ในกล่องกำมะหยี่ออกมาให้ดวงตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตกตะลึง


มันคือแหวนเงินวงเล็กที่ถูกขึ้นรูปให้คล้ายกับยอดหญ้าพันกัน ที่ปลายมีเพชรน้ำงามเม็ดเล็กประดับอยู่วงนั้นนั่นเอง


ผมเอื้อมมือไปจับมือข้างซ้ายของเขาก่อนที่จะสวมแหวนลงไปที่นิ้วนาง


นัยน์ตาสีเปลือกไม้สบมองไปที่นัยน์ตาสีมรกตที่กำลังสั่นพร่า เจ้ากระต่ายกระโดดกอดมาที่รอบคอผมอย่างไม่แคร์สายตาใคร



ผมโอบกอดเขาไว้....





และสุดท้ายภาพที่โด่งดังไปทั่วญี่ปุ่นเพียงชั่วข้ามคืน ก็คือภาพของริมฝีปากที่สัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแต่ทว่าเนิ่นนานของเจ้าหญิงผู้เลอโฉมและเจ้าชายผู้สวมหน้ากาก





และไม่ว่าจะผ่านไปนานแค่ไหน....


ก็ยังคงไม่มีใครรู้....ว่าเจ้าชายคนนั้น....คือผมเอง
















…Epilogue




เสียงโทรศัพท์มือถือที่กำลังดังก้องไปทั่วห้องนั้นทำให้ผมจำใจลืมตาขึ้นมาและยอมละอ้อมแขนไปจากหมอนข้างแสนนุ่มนิ่มนามว่าเจ้ากระต่ายไปอย่างน่าเสียดาย ขาก้าวออกไปจากห้องนอนในขณะที่มือก็กดรับสายไปโดยที่ไม่ได้มองดูว่าใครโทรมา


“ ยามาโมโตะ....”        แล้วก็เป็นเสียงของนักร้องนำร่างเล็กของวงที่โอดครวญมาตามสาย ผมหันไปมองปฏิทินให้แน่ใจว่าวันนี้มันวันหยุดตามตารางงานไม่ใช่หรอ?


“ ไงสึนะ?”     ผมรู้สึกว่าจะมีลางร้ายลอยอยู่รอบกายยังไงไม่รู้ สึนะโทรมาด้วยน้ำเสียงแบบนี้ทีไรไม่มีเรื่องดีๆซักที


“ คือว่าฉันมีเรื่องจะขอร้อง”      นั่นไง...       


“ แต่ถ้าไม่ใช่นายก็คงไม่มีใครทำงานนี้ได้อีกแล้วละ...ถือว่าช่วยวงหน่อยเถอะนะยามาโมโตะ....”      แปลว่ายังไงก็ต้องรับใช่ไหม?  ว่าแต่ไอ้เหตุการณ์แบบนี้มันคุ้นๆชอบกลนะ?


“ มีเรื่องอะไร...ล่ะ?”      


“ คือว่านะ....อยากให้นายช่วยไปทำงานแทนไอ้หัวสัปป้านี่หน่อย....”       น่าน....คุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นอีก!


“ งานที่ว่านี่....”


“ ถ่ายแบบน่ะ....ก็ไอ้เจ้ามุคุโร่ดันไปรับงานถ่ายแบบเอาไว้ แล้วพอคุณฮิบาริรู้เรื่องเข้าก็โดนไล่ฟาดจนเหยียบเปลือกสับปะรดลื่นล้มหัวแตกเนี่ย”      สรุปว่าที่หัวแตกเพราะเหยียบเปลือกสับปะรดลื่นล้ม? ยังว่าอยู่  ปกติถึงจะไล่ฆ่ากันจนบ้านพังเป็นหลังๆ เจ้ามุคุโร่ก็ไม่เคยมีแม้แต่รอยข่วน...ว่าแต่ไปรับงานอีท่าไหนมาถึงได้โดนฮิบาริพิโรธได้ขนาดนี้เนี่ย?


“ ถ่ายแบบอะไรล่ะ?”      ผมถามออกไปด้วยเสียงปลงๆ


“ ก็....ชุดแต่งงานน่ะ....ความจริงเจ้ามุคุโร่กะจะให้ฉันไปถ่ายคู่กัน....แต่รู้สึกว่าทางทีมงานเค้ามีนางแบบอยู่แล้วนะ”        อืมๆ...เพราะแบบนั้นสินะถึงได้โดนเจ้าฮิบาริไล่ฆ่าเอา....เฮ้!...เดี๋ยวนะ!!


“ เมื่อกี้นายบอกว่าชุดอะไรนะ?!


“ ชุดแต่งงาน...แบบญี่ปุ่นซะด้วย...น่าจะเป็นคอนเซ็ปแบบไบโอเซ็กซ์ชวลมั้งถึงได้เลือกนางแบบเป็นผู้ชาย?”       อะไรก็ไม่รู้ละ...รู้แต่ว่าผมได้แต่อ้าปากพะงาบๆ...จะให้ผมไปถ่ายแบบในชุดเจ้าบ่าวเนี่ยนะ?! ตายๆๆ


“ สิบเอ็ดโมงเช้าที่สตูดิโอ Y รปปงหงินะ  ขอบใจมากยามาโมโตะ”        แล้วสึนะก็วางสายไป ทิ้งผมเอาไว้กับใบไม้แห้งที่ปลิวลงมาเป็นฉากหลังให้....


แล้วผม....จะบอกเจ้ากระต่ายยังไงดีเนี่ย...


“ นี่.....”       ผมถึงกับสะดุ้งเฮือกด้วยยังไม่ทันที่จะเตรียมใจ เจ้ากระต่ายในสภาพเสื้อนอนตัวใหญ่คอกว้างแทบจะหลุดจากหัวไหล่บางๆเดินลากผ้าห่มออกมาจากห้องนอน มือบางยกขึ้นขยี้ตาก่อนจะพูดกับผมต่อว่า


“ วันนี้แกว่างใช่มะ...ขับรถไปส่งที่สตูดิโอที่รปปงหงิหน่อย....”


“ รปปงหงิ!!!”       ยะ  อย่าบอกนะว่า....นางแบบที่จะถ่ายชุดแต่งงานคู่กับผมน่ะ....


“ ฉันก็ต้องไป...ที่นั่นเหมือนกัน....”       ผมบอกออกไปอย่างอึ้งๆ เจ้ากระต่ายที่หายงัวเงียก่อนจะหันมาจ้องหน้าผมอย่างเริ่มจะเข้าใจความหมาย


เขาหัวเราะออกมาเบาๆ เช่นเดียวกับผมที่หลุดเสียงหัวเราะออกไปผสมผสานกับเสียงของเขา







เรื่องบังเอิญน่ะไม่มีหรอก...จะมีก็แต่......พรหมลิขิต....


ผมคิดแบบนั้นจริงๆนะ






ตั้งแต่วันนั้นในฤดูใบไม้ร่วง...วันที่เจ้ากระต่ายสีขาวหล่นลงมาจากฟากฟ้า......

ตกลงมาเพื่อเป็นของผม.......



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

Story never End








จบแล้วววววว TTT[ ]TTT ดีใจน้ำตาไหลพราก...อย่างน้อยๆปีนี้ปริมาณไหก็ลดไปหนึ่งละวะ โวะโฮะโฮะ...

เป็นไงกันบ้างคะ กับเรื่องราวเซะซี่ๆเปรี้ยวอมหวานเรื่องนี้ >w< ขอบอกว่าตอนแต่งตอนจิ้นฉากของยามะก๊กในฟิคเรื่องนี้เป็นอะไรที่สนุกสุดๆเลยอ่ะ เพราะธีมเรื่องไร้ดราม่าด้วยมั้ง มันเลยออกมาเว่อร์ๆหวานๆได้ใจคนแต่ง อิอิ ยังไงก็ขอบคุณที่อ่านกันจนมาถึงตรงนี้นะคะ ฮะฮะ 

อยากจะส่งท้ายปีด้วยไหอีกซักใบจังเลยน้า.....


[8059]  Shiki

[1859]  Wo ai ni

[692718  8059]  หิมะ หยดน้ำ ความรัก...

[1896]   พราว   (<<มาจากไหนวะเรื่องนี้?)

[TakaZura]  จันทรากับราตรีกาล



เอ้า!  เปิดโหวตดีก่า.....ยังมีใครอยากอ่านเรื่องในไหต่อไปนี้อยู่ไหมน้า....(เลือกได้คนละเรื่องนะ = =")....ส่วนไหใบที่เก่ากว่านี้ก็...............................................(จุดเยอะไปแล้วเฮ้ย!)  ปะ ปีหน้านะ ฮะฮะ


ปิดท้ายกันด้วย รูปคุณอิจิในบลอคคุณอิโนะ *w* คือ...คุณอิโนะแกไปเจอคุณอิจิที่โรงละครค่ะ (คุณอิจิกำลังซ้อมละครเวทีอยู่) คุณอิโนะแกเลยถ่ายรูปมาแปะบลอคตัวเอง แถมยังบอกว่า  " ดีใจโคตรๆที่ได้เจอคุณอิจิ"    แอร๊ยยยยยยย เมื่อสองอาทิตย์ติดกัน อ.อามาโนะขราก็เซอร์วิส 8059 กันไปรอบแล้ว นักพากย์เลยเซอร์วิสบ้างหรอค้า >w<b (ขอบคุณคำแปลโฮกๆจากน้องหวาน Kazahaya ด้วยนะก๊ะ)




เออ....เรื่องรวมเล่มฟิค "รัตติกาลไม่หวนกลับ : หมายเลขหนึ่ง"    กำลังจะส่งวิธีโอนเงินให้ภายในวันสองวันนี้แหละค่ะ สำหรับคนที่รับทางไปรษณีย์ ^ ^ รอสักครู่เน้...มี สคส.ปีใหม่รุ่นคลายร้อน(?)ส่งไปให้ด้วยนะ  แว่บไปดูหน้าตากันได้ที่...แดงๆข้างล่างน่ะ จิ้มเลยๆ


สำหรับคนที่รับในงานก็เจอกันวันที่ 15 มกรา 2555 งาน Double Date นะค้า...^ ^....




8 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดด เห็นแว่บๆว่าอัพตั้งกะเวลางานละ
    แต่เน็ตก็ทำเอาเซ็ง แวะมาไม่ได้ โฮฮฮฮฮฮฮฮ
    ขอแปะไว้ก่อนนะ แล้วจะรีบกลับมาอ่านนนนน
    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก ตะกุยตะกายยย

    -------------

    มา edit ละ เหะๆ

    อ่านตอนสุดท้ายจบแล้วววว ฟิคนี้ไม่ดราม่าเลยจริงๆ ให้ตายเถอะ ขยี้ตาชื่อคนแต่งอีกรอบ ขนาดก๊กอลิสยังมีดราม่าเลย(?ตอนไหนฟร่ะ) ฮ่าฮ่า ทำไมเรื่องนี้ไม่เฉียดดราม่าเป็นไปได้ อิอิ// โดนเสย

    จบแฮปปี้ม๊ากมากก แฮ่ สรุปว่าก็อยู่กันไปแบบนี้ ให้คุณพ่อมาเฟียปิดข่าวไปเรื่อยๆ ครึครึ แอบเชียร์ให้ยามะมันเอาคืน ให้คุณพ่อมาเฟียไล่ปิดข่าวให้ แบบนั้นจริงๆนะ ตั้งกะแว่บแรกเลยที่บอกจะปิดข่าวอ่ะ แอบหมั่นไส้ แล้วก็อยากให้ยามะมันเจ้าเล่ห์ๆ ฮ่าฮ่า

    แต่ขนาดที่ว่าเปิดตัวสวมแหวนโชว์จูบกลางฟรอเต้นรำนี่ กล้านะยะพ่อรูปหล่อ ขนาดนี้แล้วเปิดตัวไปเลยเถอะพ่อคุ๊ณณ ฮา จะลำบากปิดข่าวไปไย

    ตอนแถมท้าย สัปป้ายังโพล่มารั่ว ไล่กันแทบตายไม่ได้แผล มาตกม้าตายเอาเพราะเปลือกพวกเดียวกับตัวเอง น่าสมน้ำหน้า เอ๊ย น่าสงสารจังเลยนะ อ้อ แอบเข้าใจผิดไปแว่บนึงที่ว่า คุณฮิไล่ฟาดไปมุคุเค้าไปถ่ายแบบใส่ชุดแต่งงานแล้วคุณฮิเกิดหึง เฮ้ย หรือสมการจะเป็น 6918 กร๊ากกก คิดไปได้แว๊บเดียวเท่านั้น เจ้าสาวที่ชวนไปถ่ายคือสึนะ อ้ออออออ เพราะงี้นี่เอง ไขว้เขวสมการซะงั้น ฮา

    จบไปอีกหนึ่งไหแล้วว เย้ๆ ดีใจด้วยค่าาาา รอไหใบต่อๆไปแตกกกกกก

    พูดถึงเรื่องไหต่อไปนั่นก็ ชิกิ ก็อยากอ่านต่อ เพราะยังคงไม่ได้ดูชิกิอยู่ดี ก็เลยอยากรู้เรื่องว่าใครจะเป็นสปีชี่ย์ไหนกันแน่ อิอิ หว่ออ้ายหนี่ เอ่อ เฮ้ยเรื่องไหนฟร่ะนี่ ลืมเนื้อเรื่องไปแว้ว (โดนเสย) ส่วน หิมะหยดน้ำความรัก ก็อยากอ่านต่อ เฮ้ยเรื่องถึงไหนแล้วเนี่ย (ลืมอีกแล้วโดนเสยอีกรอบ) เรื่องพราว อืมสมการนอมอล ชื่อเรื่องพราว ?? แหม เอามาจากไหนกันเนี่ย ครึครึ ส่วนเรื่องสุดท้ายทากะซึระ ไม่ได้แตะกินทามะมาซะนานเลยแฮะ คิดถึงเหมือนกันนะเนี่ย ที่ว่าลืมๆเนื้อเรื่องเนี่ย ไม่ใช่อะไรหรอก ช่วงนี้อ่านนิยายในเล้าเป็ดเยอะจัดจนเนื้อเรื่องตีกันให้วุ่น กร๊ากกกกก ถ้าได้อ่านต่อเมื่อไหร่ก็จำได้ทันทีละว่า เรื่องไหนเป็นเรื่องไหน อิอิ

    เอ้ออ สรุปว่า อยากอ่านเรื่องไหนดีน๊าาาาา งั้นก็..เรื่องไหนก็ได้ที่คนแต่งคิดว่าจะให้บทคนตาสองสีเยอะๆนั่นล่ะ จัดมา ฮ่าฮ่า

    ตอบลบ
  2. ปาดดดดดดดดดดดดดดดดดดด เอร๊ยยยยย เดี๋ยวเค้ามาดิทเม้นท์รับปีใหม่นะ
    แต่ว่า....อยากอ่านทากาซึร้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา (เห้ย แหกเรื่องไปเปล่าฟะ)

    ตอบลบ
  3. โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
    ที่แท้ท่านพ่อของก๊กก็เป็นมาเฟียนี่เอง
    อืมๆๆๆอยากจะปกป้องลูกสินะ เลยไม่ให้ก๊กเข้าไปอยู่ในโลกมืด

    รับไม่ได้ที่ลูกชายคบกับผู้ชายแต่เค้ารับได้ค่า!!!(เกี่ยวไหมเนี้ย?)
    หึหึ ชอบจังประโยคที่ยามะบอกว่า เจ้ากระต่ายอยู่ไม่ได้หรอกถ้าไม่มีผม
    (แกก็อยู่ไม่ได้เหมือนกันนั่นแหละถ้าไม่มีก๊ก!!!)
    โอ้ย กัดฟันลุ้นแทบตายแน่ะค่ะ ตอนที่ป๋าของก๊กจะยิงยามะ
    คิดว่างานนี้ก๊กจะต้องร้องไห้หรือไม่ก็วิ่งมาขวางซะแล้ว
    ที่แท้ไอ้ที่ยิงมันคือเมล็ดกาแฟเองเรอะ!!!?

    เชียร์ให้ยามะรับตำแหน่งหัวหน้ามาเฟียต่อค่า! ความดาร์ก+เนียนคงเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวแหงๆ
    ผมก็แค่ทำทุกอย่างเพื่อให้ได้อยู่กับเจ้ากระต่าย ก็แค่นั้น...<ไอ้ประโยคนี้ที่ท่านพูดมันสุดยอดจริงๆ
    กร๊ากกกกกกกกกกกกก สุดท้ายยามะก็ได้รับการยอมรับให้เป็นว่าที่ลูกเขยแล้วสินะค้ะ
    โชคดีแล้วล่ะค่ะ ได้พ่อตาเป็นถึงมาเฟียเชียวนะ
    สั่งเก็บเมะทุกตัวที่บังอาจจะมากดก๊กให้หมดทุกตัวเลยค่ะ

    แอบขำนะเนี้ย ก๊กคิดจะออนทอป ไม่ได้นะค้าหนูเกิดมาเพื่อเป็นเคะเท่านั้น!!!
    แล้วก็อย่าคิดมากนะยามะมันไม่มีทางบอกเลิกหรอก
    ฮุๆยังไง8059ก็ไม่มีวันแยกจากกันได้อยู่แล้ว

    ก๊กน่าร๊ากกกกกกกกกกกกกอ่ะค่ะ พอจิ้นภาพก๊กเต้นรำกับหมอนข้างแล้วมันดูโมเอะสุดๆ
    นี่ใช้ไม้ตายแกล้งทำเป็นเจ็บขาเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเต้นรำกับคนอื่นนอกจากยามะสินะ
    เป็นท่าไม้ตายที่เนียนได้น่ารักจริงๆค่ะ

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกก สำลักให้กับความน่ารักของฟิคเรื่องนี้
    ชอบจังเลยค่ะ แนวเรื่องแบบนี้ เค้ายิ้มจนแก้มแทบจะปริแล้วน้า~
    โอ้วววววว ประทับใจมากๆค่ะ ตอนที่ก๊กกระโดดกอดยามะกลางเวที
    บรรยายไม่ถูกเลยค่ะ ในที่สุดพวกท่านก็สามารถแสดงออกต่อหน้าผู้คนว่ารักกันได้โดยไม่ต้องกลัวว่าจะถูกจับได้แล้วสินะ งานนี้คงต้องขอบคุณท่านพ่อของก๊กนะเนี้ย
    (ว่าแต่ไม่กลัวจะโดนเจี๋ยนทิ้งเหรอยามะ ไปทำแบบนั้นต่อหน้าสื่อเยอะๆน่ะ เดี๋ยวก็โดนจับได้กันพอดีหรอกว่าคนๆนั้นคือแก)

    นั่งทุบคีบอร์ดอยู่หลายที หลังจากอ่านฉากจบเสร็จ
    เป็นฉากจบที่สวยมากค่ะ ยกเรื่องราวตอนแรกที่เราพบกันมาเล่าอีก เขาชอบฟิคแบบนี้อ่า~
    อ๊ากกกกกกกกกกกก ใช่แล้วๆๆๆๆมันคือพรหมลิขิตของสวรรค์ชั้นวายที่ทำให้ทั้งคู่มาพบกัน
    ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่มีใครสามารถมาแทรกกลางความรักของพวกท่านได้!!!
    เอ... ไหนๆก็อุตส่าห์ได้ถ่ายแบบชุดแต่งงานแล้ว ไม่ลองแต่งไปจริงๆเลยล่ะค้า!?
    (เดี๋ยวเค้าจะเป็นตากล้องให้เอง)< โดนตบข้อหานอกเรื่อง

    งืมๆๆๆๆๆชอบฟิคเรื่องนี้มากๆๆๆเลยค่ะ แต่ในที่สุดฟิคเรื่องนี้ก็จบแล้ว รู้สึกเหงาๆแฮะ

    เค้าเป็นคนไม่มักมาก ถ้าจะทุบไหดองล่ะก็....ทุบทั้งหมดเลยจะดีที่สุดค่ะ(โดนตบ ไหนว่าไม่มักมากไง)
    อืมๆๆๆๆ กดโหวตข้อแรกค่า!!!
    อยากอ่าน Shiki ต่อง่า~

    ไม่รอช้ารีบกระโดดไปอ่านพราวต่อดีกว่า

    ตอบลบ
  4. ยามะนี่มัน แสบจริงๆเล้ยยยยยย
    ชักสงสารคุณพ่อตาขึ้นมาหน่อยๆเลยค่ะมีลูกเขยขยันสร้างเรื่องแบบนี้ ฮะฮะ

    เรื่องนี้จริงๆไม่ใช่แค่อีโรแมนติก แต่เป็นอีโรแมนติกคอมเมดี้ตะหากล่ะคะ//โดนตบ555555

    อยากเห็นรูปแต่งงานจังเลย~

    ตอบลบ
  5. กวางซาม๊าาาาาาาาาาา T [ ] T
    อยากจะกู่ก้องโลก(?)ว่าจะตาย(?)กับฟิคลิปสติค
    โฮกกกกกกกกกกกกกก ทำไมมันถึงได้โฮกฮากแบบเน้~~~~!!!!!
    เจ้ากระต่ายที่หล่นมาจากฟากฟ้า เจ้ากระต่ายที่โคตรน่ารักน่ากดแบบนั้น
    หล่นมาให้ตูสักตัวเถิดดดด (ประเด็นหล่อนอยู่ตรงนี้สินะ 555)

    กวางซามะ T __ T ฮือออออ ฟิคเรื่องนี้น่ารักมากจริงๆนะคะ
    คือเป็นฟิคที่น่ารักโคตรรรร และเซะซี่(?)โคตรรรรรรรร
    เค้าชอบ เค้าชอบแบบเน้ ฮือออออ เรท E-RO-MAN-TIC (?)นี่อยากจะยกขึ้นหิ้งชาบูว่าเป็นเรทที่ตัวเองโคตรชอบ(?)
    ตกลงว่ามันมีการบัญญัติ(?)ว่ามันมีเรทนี้แล้ว?

    คือยามะโคตรเท่!!!!!!!!!!!!!!!!!!! ถ้าลุคของเอ็งจะหล่อและเท่ขนาดนี้ละก็นะ
    ก็พอดีอ่ะ ก็พอดีไม่ต้อง all 59(?)กัน #ห่ะ!!!
    คือส่วนตัวเป็นคนชอบมองมือเบส ลุคของมือเบสที่กระแทกใจ
    มักจะสูงยาวเข่าดี นิ้วเรียว เพราะส่วนใหญ่เบสจะมีให้ดีดอยู่ที่ 4 - 6 สาย
    เห็นบ่อยๆก็ 4 สาย เพราะถ้ายิ่งสายเยอะโทนเสียงจะยิ่งต่ำ
    เวลาที่เห็นนิ้วเรียวๆดีดจะทำให้ตื่นเต้นตึกตักโฮกกกกกก
    (เดี๋ยวๆ หล่อนจะมาวิเคราะห์เครื่องดนตรีทำเพื่ออออ 55555)
    แล้วลุคของมือเบสจะออกไปทางขรึมๆมากกว่าขี้เล่นสนุกสนาน คือมันจะแตกต่างจากมือกีต้าร์โดยสิ้นเชิง
    อาจจะเพราะเบสเป็นจุดต้องคอยคุมจังหวะทั้งหมดของวง (ตกลงนี่ตูจะพูดเข้าเรื่องในฟิคได้หรือยัง 555555 โกยออกทะเลตลอด)
    แลัวยิ่งมาบรรยายว่ามันเป็นลุคหน้ากากที่ยามะสร้างเอาไว้ให้เข้ากับอิมเมจของวงอีกกกกก
    ตายยยยยยย อิตาเนียนมาเล่นเบสทำคะแนน(?)เพื่ออออออ
    คือตายกับบทยามะมือเบส แม้ว่าจะไม่มีฉากที่บรรยายถึงการเล่นเบส(?)เลยก็ตาม 555555

    คือเปิดเรื่องมาก็ตายแล้ว(?) ถ้ายามะจะเครียดคิดทำนองเพลงไม่ออกได้โคตรเท่ขนาดนั้น
    แล้วคือพรหมลิขิตโฮกฮากกกกกกก พระเจ้าจงใจ(?)ใช่มั้ย ว่าอุตส่าห์จัดให้อยู่ข้างห้องกัน
    เป็นคนวงการเหมือนกัน แต่มั๊นดันไม่ป๊ะ(?)กันสักที เลยจัดให้หล่นใส่ตัว(?)กันไปเต็มๆ
    คือก๊กเป็นกระต่ายน้อยที่แบบไม่ไหวแล้วววววว > ___ <
    ไอ้ความน่ารักที่มาพร้อมกับความเอาแต่ใจเฉพาะตัว(?)ที่คนอื่นทำไม่ได้นั่นน่ะ
    ถ้ายามะไม่รักก็ไปเอาหัวโหม่งมุคุโร่ตายซะ (คือมันเกี่ยวอะไรกับสัปป้า(?)ฟ่ะคะนั่น 55555)

    ที่ผ่านๆมายังตามอ่านฟิคกวางซามะไม่หมด
    และก็เพิ่งจะได้มาเจอในลุคนักดนตรี คนในวงการแบบนี้ ถึงจะไม่ได้มีเค้าโครงเรื่องเดิมของมาเฟียวองโกเล่
    แต่เรื่องนั้นมันไม่เป็นปัญหาต่อการจิ้น(?)อยู่แล้ว > <
    จริงๆเห็นด้วยเลยกับพลอตที่บอกว่า พอเป็นเรื่องแนวความรักของคนในวงการบันเทิง
    พลอตส่วนใหญ่ก็มักจะพากันไปลงปัญหาเรื่องข่าว เรื่องถูกแฟนคลับที่แอนตี้ ฯลฯ
    แต่กวางซามะสามารถหาพลอตอื่นมาลงได้แบบเจ๋งโฮกกกกจริงจัง
    เล่นมีมาเฟียเบอร์หนึ่งคอยตามเก็บเรื่องให้แบบนี้ กดกันสบายเฮ(?)เลย #เดี๋ยวๆไอ้มาเฟียที่ว่านั่นมันพ่อตานะเฮ้ย 55555
    คือตอนบททดสอบการส่งมอบลูกสาว(?)ให้ยามะ นี่ถูกใจจริงจัง อิอ๊างได้อีกกกกกก
    ยิ่งยามะเอาแต่ย้ำว่ายังไงก็ไม่ยอมเลิก มันแบบ อ๊ากกกกกกกกกกกกกก สู้ต่อไปทาเคชิ
    #ดูเหมือนว่ายามะมันจะเกิดมาเพื่อสิ่งนี้(?) #มันใช่ที่ไหนกันฟ่ะ 555555

    เรื่องนี้อ่านแล้วเค้าฮามุคุโร่จังตลอดเลย ชอบบบบบ
    คือทุกครั้งที่พืชไร่(?)โผล่มาจะเป็นอะไรที่แบบ โอ่ยยยยย จะฮาไปไหน
    ไม่ว่าจะเรื่องชุดพระเจ้าหลุยส์ที่14 ยันลื่นล้มเปลือกสับปะรดหัวแตก 555555555
    ถ้ามุคุโร่จะฮาขนาดนี้ ก็พอดีได้ทำป้ายไฟ(?)ให้ 555555
    แล้วคุณฮิบารินี่เหมือนจะไม่มีอะไร แต่มันมีอะไรอ่ะ!!!! 55555
    คือชอบมากมายเวลาพี่แกจะขย้ำ พี่แกมีเหตุผลในการขย้ำที่ดีเสมอ(?) 555555
    แล้วคือไอ้อาการตีกันในเรื่องแบบนี้ ถามจริงๆว่านี่พวกแกเป็นนักร้องวงร็อคกันจริงๆใช่มั้ยน่ะ
    สึนะน่าสงสาร(?) แต่ก็มักจะเป็นตัวเปิดและปิดเรื่องให้ฮาจริงจัง
    คือไอ้เหตุผลที่พ่อคุณสัปป้าไปก่อเรื่องเอาไว้ ท้ายสุดแล้วทำไมยามะมันต้องเป็นฝ่ายเคลียร์ฟ่ะ
    มือเบสสุดเท่กลายเป็นเบ๊(?)ของวงไปโดยปริยายแถมแบบไม่มีใครรู้อีกตะหาก 555555

    ชอบความสัมพันธ์ที่ค่อยๆก่อตัวขึ้นไปพร้อมๆกันแบบนี้
    และชอบโคตรรรร ที่ยามะหึงแม่มทุกสิ่ง(?)แบบนั้น ยามะแบบนี้แหละที่เป็นยามะของหนูก๊ก (น้ำตาไหลพรากด้วยความปิติปลื้มปริ้มฟินาเล่)
    ปล่อยผ่านวงเล็บข้างบนไป 55555 เรื่องนี้เค้าแอบให้ความรู้สึกว่ายามะมันไม่ค่อยได้ใช้วิชาเนียนขั้นเทพ(?)เท่าไหร่?
    คือเนียนนี่ยามะมันต้องเนียนอยู่แล้ว แต่คงเพราะหนูก๊กเรื่องนี้เป็นหนูก๊กมุมกระต่ายน้อยไร้เดียงสา(?)
    ปากดี(?)ขี้เหงา(?)เอาแต่ใจ(?) #ไม่ร้องทั้งเพลงไปเลยล่ะหล่อน
    แต่ถึงจะต้องไม่เนียนขั้นเทพ ยามะก็กดก๊กได้ใจเสมอ (กัดผ้าเช็ดหน้า(?)ด้วยความฟินคูณล้านปีแสง)

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. คือจากที่อ่าน BiOS มาก่อน (ทั้งๆที่ควรจะอ่านลิปสติคก่อนก็เถอะนะคะ TT)
      แล้วค่อยมาอ่านลิปสติค สตงสติที่ไม่เคยจะมีอยู่แล้ว ยิ่งออกนอกโลกไปตีโค้งอยู่ที่ดาวพูลโต
      คือ BiOS ว่าเอาแต่อ่านวนฉากหื่น(?) ลิปสติคนี่วนแล้ววนอีก(?)
      เหมือนมันเติมเต็ม(?) 5555555 #พูดเองอายเองเว้ยเฮ้ย
      ก็นะเรื่องซอมบี้มันไม่ได้มีเวลาจะมีสหวีวี่วี่(?)กันนี่นะ หนีให้รอดจากซอมบี้ก็เต็มกลืนแล้ว


      - เค้าชอบฉากที่หนูก๊กรอที่สวนอุเอโนะ แม้ว่ายามะจะทำเป็นบอกว่าตัวเองก็มีงาน
      ทำเป็นไม่สนใจ แต่ท้ายที่สุดก็หน้าตั้งมาหาเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายยังรออยู่ที่เดิม
      มาหาด้วยหัวใจที่พร้อมจะหยุดทำงานต่อถ้าหากเจ้ากระต่ายหายไป
      - ไหนจะฉากพาคนรักไปเปิดตัว(?)กับคุณพ่อ ไอ้ฉากที่เล่นเบสบอลด้วยกันนั่นมันอาร๊ายยยย
      คือถ้าเป็นหนูก๊กที่ไม่ใช่เวอร์ชั่นกระต่าย(?)ให้ตายคงไม่ยอมเสียเชิง(?)เล่นเบสบอล
      ให้ไอ้เจ้าบ้าเบสบอลที่ตัวเองด่าทุกหวี่ทุกวันได้หน้าบานกันไปข้างหรอกง่ายๆแน่
      แต่!!!! ถึงหนูก๊กจะให้ฟีลแบบนั้น อ.อามาโนะก็จัดให้ไปแล้ววว โกคุเดระคนนั้น
      โกคุเดระผู้ซึ่งเอาแต่ด่าไอ้เจ้าบ้าเบสบอลงู้นงี้ แต่ไหงถึงยอมใส่ชุดเบสบอล!!!!!!
      (รู้สึกจะออกนอกเรื่องฟิคลิปสติคแล้วตู 555555)
      - แล้วก็ฉากที่ยามะมาโซโล่เพลงให้ก๊กในงานคอนเสิร์ตนั่นจะตายยยยยยยยยย อย่ามาทำเท่จะได้มั้ยหือออออออ
      - ฉากที่ทะเลาะกันเรื่องช่อดอกไม้ บอกตรงๆว่าเป็นคนชอบอารมณ์แบบนี้อ่ะ > < ชอบมากๆๆๆๆ ชอบจริงจัง คือมันบีบๆหัวใจนิดๆ (คือเอานิดๆพอนะคะ บีบเยอะหัวใจแตก ไม่เอานะคะ T T เค๊าอ่อนแอ(?)) มันใช่ที่ว่ายามะไม่ได้ผิด แต่ยังไงเอ็งก็ต้องง้อเฟ้ยยย(?) คือเค้าอยากอ่านอารมณ์ยามะเหนื่อยใจแบบนี้มานานแล้ว อารมณ์ไม่อยากยอม อารมณ์ไม่อยากตามใจ แต่สุดท้ายเหนื่อยแค่ไหนมันก็ไม่สามารถที่จะยอมปล่อยมือก๊กไป เพราะงั้นฉากนี้เป็นฉากที่ชอบมากๆๆๆเลยล่ะค่ะ ตอนที่สบถแล้ววิ่งออกจากรถไปตามมากด(?)นี่นอนฟินาเล่มากๆๆ
      - แน่นอนว่าไอ้ฉากที่ก๊กหายไปเพราะเข้าใจยามะผิดนั่นก็ด้วย (บีบใจน้อยๆพองาม(?)แบบนี้แหละชอบบ > __ <) แม่เจ้าถ้ายามะมันดาร์คกว่านี้รับรองว่าแม่มไปตามตัวกลับตั้งแต่ครึ่งวีนแรก(?)แล้ว

      .....คือเค้าไม่รู้จะหาอะไรมาบรรยายความโฮกฮากกับฟิคเรื่องนี้จริงจัง
      (แล้วไอ้ที่หล่อนพล่ามมาเป็นเรียงความวันแม่ยืดไปถึงวันเด็กข้างบนนั่นมันอะไร)
      คือจะบอกว่าเค้าชอบทุกฉาก ทุกฉากมันโดนใจจริงๆ
      คือเค้าพยายามรวบรวมสติอยู่นะคะ 5555
      แต่เหมือนว่ายิ่งพิมพ์ยิ่งเละเทะ T^T เก๊าขอโต๊ด เค้าอยากจะเม้นท์ให้ทุกอณู(?)เลยจริงจัง
      แต่มันจะเละเทะไปมากกว่านี้แน่ๆ ฮือออออ ไอ้คู่นี้มันจะดาเมจอะไรขนาดนี้นะหือออออ
      เก๊าขอโต๊ดที่เป็นคนที่คอมเม้นท์ไม่รู้เรื่องเสมอต้นเสมอปลาย(?)แบบนี้
      แต่เค้าก็รักฟิคกวางซามะมากจริงจัง ฮืออออ อยากกอดแน่นๆจังเลยค่ะ

      ลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ25 กรกฎาคม 2557 เวลา 08:05

    ใจหายหมด
    นึกว่ายามะจะถูกพ่อตาเป่าดับซะแล้ว
    ก็เล่นโชว์ความมุ่งมั่นแรงกล้าซะขนาดนั้น
    ซึ่งคำพูดมันก็ดูเท่นะ
    แต่ที่ต่อท้ายในใจนั่นมันอะไรกัน
    >>>" ไม่ละครับ" ผมตั้งใจแล้วว่าถ้าแก่เฒ่าผมจะพาเจ้ากระต่ายกลับไปขายซูชิกระหนุงกระหนิงกันสองคน!
    ดูมุ้งมิ้งมากกกกกกกก

    มุคเรื่องนี้นี่ไม่ได้โผล่มาบ้าแฟชั่นอย่างเดียวนะ
    แต่เป็นมือที่มองไม่เห็นด้วย
    อยู่ดีไม่ว่าดี
    มีเรื่องเจ็บตัวจนไปเป็นกามเทพจับคู่ยามะกับก๊กเข้าให้โดยไม่ตั้งใจซะงั้น
    ฮ่าๆๆๆๆๆ

    ฉากเต้นรำคือดีงามมากค่ะ
    ดูเป็นเจ้าหญิงและเจ้าชายจริงๆ
    นี่ถ้าพ่อก๊กไม่ยอมรับยามะเป็นลูกเขย
    รับรองว่าหนังสือพิมพ์คงพาดหัวข่าวใหญ่ว่า "มือเบสวงร๊อคชื่อดังตายอย่างปริศนา" อะไรทำนองนี้แน่ๆ

    ขอบคุณค่ะสำหรับเรื่องสนุกๆให้ได้ฟินกัน ^^

    ตอบลบ
  7. ไม่ระบุชื่อ3 สิงหาคม 2566 เวลา 06:26

    น่ารักมากกกกกกกกรี๊ดดดดดดดดดด บรรยายไม่ถูกเลยค่ะ รู้ว่าดีมากกกกกก
    พ่อโกคุเดระคือน่ากลัวนึกว่าจะตายซะแล้วไม่งั้นน้องเป็นม่ายแน่ๆ55555 สองคนนี่น่ารักมากกพรมลิขิตมากก

    ตอบลบ