KHR Au.fic HBD.Hayato [8059] Lipstick : 03
: KHR Fanfiction AU
: 8059
: E+Ro+man+tic [เรทเชี่ยไรของมันเนี่ย?]
: NC-17
: AU โคตรๆเลยนะคะ *w*
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ข้าวของกองพะเนินที่กลางห้องของผมนั่นมันอะไรกัน?
ผมมองหาเจ้ากระต่ายตัวดีที่คงจะเป็นเจ้าของกองนั่นอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ก็ไม่เห็นแม้แต่เงา.....ไปไหนกันนะ?
ผมถือแก้วกาแฟแล้วพยายามเดินเลี่ยงออกไปข้างๆ แต่สายตาก็ดันไปสะดุดเข้ากับแผ่นใบปลิวอะไรบางอย่างที่วางอยู่ใต้กองสิ่งของพวกนั้น สีสันที่สดใสชวนให้ผมหยิบมันขึ้นมาดู....ฮาวาย?...ดิสนี่แลนด์?....งานเทศกาลที่เกียวโต?....อาโอโมริ?....ออนเซ็นที่ภูเขาไฟฟูจิ?.....ทำไมมีแต่ใบปลิวสถานที่ท่องเที่ยวทั้งนั้นเลยล่ะ?
“ กลับมาแล้ว” เสียงของเจ้ากระต่ายดังขึ้นเมื่อประตูปิดลง ผมละสายตาจากใบปลิวในมือไปมองคนที่ขนของพะรุงพะรังเข้ามาในห้องอีกกองใหญ่...นี่คิดจะปักหลักอยู่ที่นี่เลยใช่ไหม? ถึงได้ไปขนซื้ออะไรมามากมายขนาดนี้เนี่ย
“ อ๊ะ!! เอามานี่นะ ใครให้นายดูกัน!” และเมื่อนัยน์ตาสีมรกตเห็นว่าใบปลิวพวกนั้นอยู่ในมือผม เจ้าตัวก็รีบมาคว้ากลับคืนไปก่อนจะเอาไปยัดไว้ในกระเป๋าของตัวเอง ใบหน้าแดงระเรื่อที่ทำเป็นก้มลงไปจัดการกองสิ่งของนั้นไม่อาจหลบสายตาของผมได้พ้น....ผมนึกตารางงานคร่าวๆในหัว...
“ นี่โกคุเดระ....วันนี้กับพรุ่งนี้มีงานอะไรหรือเปล่า”
“ ไม่มี....ความจริงว่างไปจนถึงวันจันทร์เลยละ” เพราะแบบนั้นเองสินะ.....ผมนั่งลงไปให้อยู่ในระดับเดียวกับเจ้าคนที่กำลังรื้อค้นของในถุง เอื้อมมือไปจับข้อมือบางที่พยายามทำเป็นไม่สนใจผมเอาไว้ให้อยู่นิ่งๆ
“ คราวหลังก็ลองชวนดูสิ...ฉันอาจจะว่างเหมือนคราวนี้ก็ได้นะ” ผมยิ้มให้ใบหน้าสวยที่มองมาด้วยใบหน้าอายๆ....คงอยากจะไปไหนมาไหนกับผมบ้างแต่ก็ไม่กล้าชวน...เพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมา ตารางเวลาของเราแทบจะไม่ตรงกัน
“ ถึงว่างก็คงไปด้วยกันไม่ได้หรอก...ที่แบบนั้น....” และนั่นก็คงเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เจ้ากระต่ายนี่ได้แต่เก็บเรื่องใบปลิวสถานที่ที่อยากไปเอาไว้คนเดียว
“ อืม...ก็จริง....แต่ถ้าเป็นที่ที่หนึ่งฉันคิดว่าพอจะเป็นไปได้นะ” เจ้ากระต่ายหูผึ่งขึ้นมาทันที ผมยิ้มเอ็นดูให้กับปฏิกิริยาแบบนั้น ทั้งผมและเขาต่างก็ไม่ได้มีเวลาพักผ่อนที่เรียกว่าพักผ่อนที่แท้จริงมานานมากแล้ว ผมตั้งใจว่าจะพาเขาไป....
ตรู้ด....ตรู้ดดด....
เป็นเสียงโทรศัพท์ของเจ้ากระต่าย...
นัยน์ตาสีมรกตหันมามองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะจำต้องกดรับโทรศัพท์ ร่างบอบบางลุกขึ้นก่อนจะเปิดประตูระเบียงห้องออกไปคุยอยู่ข้างนอก แค่เห็นใบหน้าสวยสลดลงผ่านแผ่นกระจกกว้าง...ผมก็รู้แล้วว่า แผนของเราในครั้งนี้คงจะไม่มีหวัง
“ คือว่า...ขอโทษนะ...คือ...” เจ้ากระต่ายเดินหูตกเข้ามาบอกผม
“ ไม่เป็นไร” ผมบอกออกไปด้วยใบหน้าที่พยายามจะยิ้ม แต่มันก็คงยากในเมื่อในใจผมมันไม่ได้เป็นแบบนั้น ต่อหน้าเจ้ากระต่ายผมไม่เคยเสแสร้งอย่าที่ทำกับคนอื่นๆได้สำเร็จ และเจ้ากระต่ายเองก็คงจะรู้ถึงความรู้สึกของผมดี
ใบหน้าสวยหันมามองผมด้วยสายตาละห้อยก่อนที่จะออกจากห้องไป
บางครั้งผมก็คิดเหมือนกันนะว่า...เราจะมีชื่อเสียงไปเพื่ออะไร...เราจะมีเงินทองไปเพื่ออะไร....ในเมื่อมันไม่ได้ช่วยทำให้เรามีความสุข ไม่ได้ช่วยทำให้เราได้อยู่กับคนที่เรารัก
ผมกดเปลี่ยนช่องสถานีโทรทัศน์ไปเรื่อยๆ ความจริงแล้วผมไม่ชอบดูมันซักเท่าไหร่หรอก เพียงแต่อยู่ดีๆผมก็เกิดคิดถึงหน้าของเจ้ากระต่ายขึ้นมา....ผมนี่ท่าจะเป็นเอามาก...
ทั้งๆที่เจ้าตัวดียังไม่เคยบอกว่าชอบผมซักคำ...
ไม่เห็นจะมีอะไรน่าสนใจเลยแหะ....มีแต่ข่าวแล้วก็รายการตลก....ผมหันหน้ากลับมายังคอมพิวเตอร์ที่เชื่อมต่อไปยังคีย์บอร์ด สตูดิโอย่อยๆของผมเอง หูฟังที่พาดอยู่ที่คอถูกยกขึ้นไปประกบที่สองหู.....มีเพลงบางเพลงที่ผมแต่งค้างเอาไว้....มันเกี่ยวกับกระต่ายที่หล่นลงมาจากดวงจันทร์....
จนกระทั่งภาพข่าวบันเทิงข่าวหนึ่งแว่บเข้ามาในสายตา หูฟังจึงถูกถอดออกอีกครั้ง
มันเป็นข่าวของเจ้ากระต่าย....
รู้สึกว่าวันนี้จะมีการเดินแบบที่รปปงหงิ
ผมก็ไม่ได้อยากจะทำตัวน่าสงสัยหรอกนะ แต่ผมก็จะให้ใครรู้ไม่ได้เช่นกันว่าวันนี้ผมอยู่ที่รปปงหงิ
เพราะฉะนั้นผมจึงจำต้องทิ้งเสื้อเชิ้ตสีดำมาใส่สูทผูกเนคไทและเซตผมให้ดูราวกับหนุ่มไฮโซที่ไหนสักคน แน่นอนว่าทุกอย่างถูกจัดการอย่างสนุกสนานด้วยมือของผู้นำแฟชั่นประจำวงอย่างมุคุโร่ ไม่เว้นแม้แต่บัตรเข้างานที่ไม่ทราบว่าคุณท่านไปหามาด้วยวิธีใดถึงได้มาอย่างรวดเร็วทันใจภายในเวลาแค่สองชั่วโมง
ผมบอกหมอนั่นว่าทุกอย่างเป็นความลับ เจ้าตัวก็ไม่คิดที่จะถามต่อไปอีกว่าผมจะเข้าไปทำอะไรในงาน เพราะแค่ผมยอมเป็นหุ่นที่สมบูรณ์แบบให้หมอนั่นได้ละเลงจนมันมือก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่ไม่เคยยอมให้หมอนั่นได้จับแต่งตัวอย่างผม
ผมก้าวขาเข้าไปในงานและดูเหมือนจะเป็นที่สะดุดตาอยู่พอสมควรนั่นเพราะว่าผมเข้าไปตัวคนเดียว ผมเลือกที่จะนั่งลงที่มุมหนึ่งของห้องที่มีแคทวอล์คอยู่ตรงกลาง
งานนี้เป็นการเดินแบบแฟชั่นชุดราตรีที่ผมไม่ได้สนใจมันหรอก...ผมมาที่นี่ก็เพราะว่างจัดและอยากเห็นเจ้ากระต่ายในแบบที่ผมไม่เคยเห็นสักครั้งก็เท่านั้น
แสงไฟในห้องเริ่มหรี่ลง พร้อมกับแคทวอล์คที่สว่างไสวขึ้น งานเริ่มขึ้นด้วยพิธีกรพูดอะไรผมก็ไม่ได้ใส่ใจ จนกระทั่งเสียงเพลงค่อยๆดังขึ้นและเหล่านางแบบนายแบบเริ่มทยอยเดินออกมาจากหลังเวที ผมนั่งมองแต่ละคนอย่างพิจารณาแต่ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่เห็นเจ้ากระต่ายของผมเลย
การเดินแบบผ่านไปเรื่อยๆ นางแบบบางคนผมก็จำหน้าได้ว่าเดินมาหลายรอบแล้ว....แล้วเจ้ากระต่ายล่ะ?....หรือว่าผมจะฟังมาผิด?
เสียงเพลงเปลี่ยนจังหวะไป ดูเหมือนคนรอบข้างจะเริ่มฮือฮาอะไรบางอย่างที่ผมจับใจความได้ว่า ชุดที่กำลังจะเดินต่อไปนั้นคือชุด ฟินอลเล่ ....ชุดสุดท้ายแล้วหรอ? แสงไฟที่เคยสาดไปทั่วเวทีกลับส่องไปยังจุดเดียวจนผมรู้สึกขนลุกเกรียว มันมีพลังอย่างน่าประหลาด และทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่จุดจุดนั้น
นางแบบที่จะออกมายืนตรงนั้นได้คงไม่ใช่คนธรรมดา อย่างน้อยก็ต้องมีแรงใจแกร่งกล้าที่จะสู้สายตาของผู้คนขนาดนี้ได้
และที่สำคัญคือทั้งร่างกายและใบหน้าจะต้องส่งให้กับเสื้อผ้าจนสามารถสะกดทุกสายตาเอาไว้ ให้สมกับที่เป็นผลงานชิ้นโบแดง
และคนที่กำลังก้าวเดินอยู่นั้น...ก็สามารถทำหน้าที่ได้อย่างดีเยี่ยม....
ทั้งรูปร่างบอบบางและผิวพรรณที่ขาวละเอียด ทั้งใบหน้าที่อ่อนหวานและเส้นผมสีเงินเป็นประกาย ทั้งนัยน์ตาสีมรกตที่งดงามดั่งอัญมณีและริมฝีปากสีเชอร์รี่ที่คลี่ยิ้มน้อยๆ...ทุกๆอย่างของนางแบบคนนั้นส่งให้ชุดราตรีสีขาวทอประกายราวกับเป็นเจ้าหญิง ทุกย่างก้าวราวกับมีมนต์ขลังสะกดทุกสายตาให้มองตามตั้งแต่เดินออกมาจนกระทั่งเดินกลับเข้าไป
เสียงปรบมือดังลั่นปลุกให้ผมตื่นออกมาจากภวังค์
ผมก็เพิ่งจะรู้เอาวินาทีนี้เอง ว่าสิ่งที่ผมคว้ามาได้คืออัญมณีเลอโฉมที่หาใดเปรียบได้อีก
เจ้ากระต่ายที่ไม่ได้ทำหน้างอง้ำเอาแต่ใจนั้นงดงามจนผมเกิดคำถามขึ้นในใจ....
ว่าผมคู่ควรกับเขาจริงหรือ?
ผู้คนทยอยเดินออกจากงานและผมเองก็เช่นกัน...ไม่มีค่าอะไรที่จะอยู่รอเขา เพราะเหล่านางแบบคงไม่ได้เดินออกมาทางนี้อยู่แล้ว ผมเดินกลับไปที่รถก่อนจะสังเกตเห็นว่ารถที่จอดอยู่ข้างๆผมนั้นคือรถของผู้จัดการสาวของเจ้ากระต่ายนั่นเอง....ผมควรจะอยู่รอดีไหมนะ....
จนแล้วจนรอดผมก็นั่งเอนหลังพิงเบาะรถที่หยุดนิ่งอยู่ที่เดิม
ผมมองเห็นนางแบบนายแบบหลายต่อหลายคนเดินผ่านหน้ารถไป และในไม่ช้าคนที่ผมรอคอยก็ค่อยๆเดินออกมา ใบหน้าของเจ้ากระต่ายยังดูละมุนละไมยิ้มแย้มให้คนนู้นคนนี้อย่างที่มันคงไม่มีวันเป็นเมื่ออยู่กับผม ผมไม่ได้เสียใจหรอกนะที่ไม่เคยได้รอยยิ้มจอมปลอมแบบนั้น
ผมมองตามร่างบอบบางที่เดินใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ผมไม่คิดว่าจะออกไปทักเพราะกลัวว่าใครจะมาเห็นเข้าแล้วเราจะเดือดร้อนด้วยกันทั้งคู่....ผมตั้งใจว่าหากเขาไม่เห็นรถแล้วกระโดดขึ้นมานั่งข้างๆเอง ผมก็จะปล่อยให้เขากลับกับผู้จัดการตามเดิม
แต่ก่อนที่จะเดินมาถึงรถ เสียงของใครคนหนึ่งก็เอ่ยทักเจ้ากระต่ายให้หันหลังกลับไป จากใบหน้าที่เคยยิ้มแย้มกลับบึ้งตึงเอาแต่ใจขึ้นมาทันที ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะเข้ามาพูดคุยกับเจ้ากระต่ายด้วยท่าทางสนิทสนม....
ใครกัน?....ความจริงนั่นก็ไม่ใช่เรื่องสำคัญ....แต่สิ่งที่ทำให้ผมเต็มไปด้วยคำถามนั้นคือ....เจ้ากระต่ายแสดงนิสัยจริงๆด้วยต่างหาก
หมอนั่นเป็นใครกัน?....ทำไมถึงได้รู้ถึงอีกด้านของเจ้ากระต่ายเหมือนที่ผมรู้.....
ไม่ชอบใจ.....
รู้สึกไม่ชอบใจเอาเสียเลย....
ผมถอยรถออกไปอย่างเงียบงัน คนคู่นั้นคงไม่ทันจะสังเกตเห็นผมด้วยซ้ำ
ผมโยนสูทลงที่โซฟาสีดำอย่างหงุดหงิด ยิ่งเห็นกองสิ่งของของเจ้ากระต่ายที่วางอยู่กลางห้องก็ยิ่งทำให้หงุดหงิดยิ่งขึ้นไปอีก....เมื่อไหร่จะกลับมา...ผมจะได้ถามให้มันรู้เรื่องกันไป หรือว่านั่นกำลังจะไปไหนกันต่อ?
ผมระบายอารมณ์กับเนคไทด้วยการปามันออกไปแรงๆ....นี่ผมเป็นอะไร?....ผมกำลังสูญเสียการควบคุมตัวเอง ผมกำลังหึง?
ทุกๆอย่างเป็นเพราะเจ้ากระต่ายตัวดีที่หล่นลงมาจากฟากฟ้าเพื่อมาปั่นป่วนผมเล่น!
ผมเดินเข้าไปในห้องน้ำเพราะหวังว่าบางทีความเย็นของสายน้ำอาจจะช่วยทำให้ผมเย็นลงไปได้บ้าง.....ผมนอนแช่น้ำอยู่นานแต่ดูเหมือนความหงุดหงิดใจนี้จะไม่ได้ลดลงไปเลยแม้แต่น้อย....ได้ยินเสียงล็อคประตูถูกเปิดออก....เจ้ากระต่ายกลับมาแล้ว?
ผมออกมาจากห้องน้ำด้วยผ้าขนหนูผืนเดียว
ก่อนจะยืนกอดอกพิงประตูมองดูแผ่นหลังบอบบางที่กำลังก้มเก็บสัมภาระของตัวเองอยู่ ใบหน้าสวยหันมาเห็นผมเข้าและนั่นคือครั้งแรกที่เจ้ากระต่ายเห็นร่างกายของผมชัดๆ ใบหน้าสวยนั่นจึงเสกลับไปมองพื้นด้วยสองแก้มที่แดงระเรื่อ แต่สิ่งที่ผมมองเห็นไม่ใช่มีแค่ความเขินอายเพียงอย่างเดียว ใบหน้าของเจ้ากระต่ายดูเหมือนจะมีความลำบากใจอะไรบางอย่างแฝงอยู่ด้วย
“ กลับมาแล้วหรอ?” ผมถามออกไปด้วยน้ำเสียงนิ่งสนิท
“ อื้อ.....” เจ้ากระต่ายอาจจะคิดว่าผมยังโกรธเรื่องเมื่อเช้าอยู่จึงไม่เงยหน้ามาสบสายตาอย่างทุกครั้ง แต่ผมยังไม่ทันที่จะได้ถามเรื่องของผู้ชายคนนั้น เจ้ากระต่ายก็ชิงเอ่ยออกมาเสียก่อน
“ คือว่า...ฉันหากุญแจห้องเจอแล้วละ....แล้วจากนี้ไปก็จะกลับไปอยู่ที่ห้องของตัวเอง....เราจะได้กลับมาเป็นเพื่อนบ้านกันเหมือนเดิม” ราวกับมีเสียงฟ้าฟาดลงมาที่กลางหัวใจ....กลับมาเป็นเพื่อนบ้านกันเหมือนเดิม?....มันหมายความว่ายังไง?......หมายความว่าต้องการจะสิ้นสุดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับผมแล้วก็ให้กลับไปเป็นแค่คนรู้จักกันแบบเดิมงั้นหรอ?
ไม่ตลกนะ....
แค่ความหงุดหงิดเดิมก็ใกล้จะระเบิดเต็มที แล้วยิ่งได้ฟังถ้อยคำแบบนั้นเข้าไปอีกมันถึงกับทำให้ความอดทนของผมขาดผึง
ผมตรงเข้าไปจับข้อมือบางทั้งสองข้างก่อนจะออกแรงลากร่างบางๆแล้วเอาไปโยนลงที่เตียงในห้องนอน สองขาก้าวคร่อมร่างที่ยังตกใจเอาไว้ใต้ร่างก่อนจะล็อคสองมือที่กำลังจะต่อต้านเอาไว้ด้วยมือข้างเดียวของผม
“ ทำไม....?” ผมถามออกไปด้วยแววตากดดัน
“ เอ๊ะ....อ่ะ คือ....” ร่างข้างใต้ดูจะอ้ำๆอึ้งๆไม่ยอมตอบมาตามตรง
“ เพราะผู้ชายคนนั้นใช่ไหม....นายกำลังจะขอเลิกกับฉันแล้วไปคบกับหมอนั่นใช่ไหม”
“ ผู้ชายคนนั้น?” เจ้ากระต่ายดูเหมือนจะไม่ยอมรับแล้วยังมาทำหน้าสงสัยให้ผมโมโหมากขึ้น ผมไม่รู้หรอกว่าดาราหรือไอดอลทั่วไปจะเป็นยังไง คบคนนู้นทีคนนี้ทีเพื่อสร้างข่าวไปเรื่อยๆ หรือเบื่อแล้วก็ทิ้ง ก็เลิกกันไป....แต่สำหรับผมมันไม่ใช่....ถ้าผมจะรักใครสักคนผมจะเลือกและทบทวนดูแล้วว่าจะจริงจังกับคนคนนั้นไปชั่วชีวิต...และในเมื่อผมเลือกเขาแล้ว....
“ ฉันไม่ยอม...โกคุเดระ....ฉันไม่ยอม.....”
“ ฉันไม่มีทางที่จะกลับไปเป็นแค่เพื่อน เป็นแค่คนรู้จักของนายได้อีก....แล้วถ้าจะให้เลิกกับนายก็ไม่มีทาง” ผมพูดออกไปด้วยสีหน้าจริงจังจนคนที่อยู่ใต้ร่างดูจะอึ้งไป นัยน์ตาสีมรกตสั่นไหวอย่างที่ผมไม่รู้ว่ามันดีใจหรือว่าหวาดกลัวในความมืดมนของผมที่เขาไม่เคยรู้จัก
มือของผมที่จับข้อมือของเขาเอาไว้คลายออก นั่นทำให้มือขาวเนียนยกขึ้นมาลูบที่ใบหน้าของผม ริมฝีปากที่เคลือบเอาไว้ด้วย “ลิปสติก” สั่นระริกก่อนที่จะเอ่ยถามผมด้วยเสียงสั่นเครือ
“ นาย....จะไม่เสียใจภายหลังแน่นะ...ถ้าจะต้องมาคบกับคนอย่างฉัน....”
“ หมายความว่ายังไง?”
“ ฉันอาจจะไม่มีเวลาให้นาย และมันอาจจะมีอีกหลายต่อหลายครั้งที่เราจะต้องยกเลิกเดทแบบที่เป็นอย่างในวันนี้น่ะ นายจะทนได้หรอ? ถ้าจะคบกันต่อไปแล้วสักวันนายทนไม่ได้แล้วทิ้งฉันไป...ถ้าจะเป็นแบบนั้นก็เลิกกันเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยยังดีซะกว่าไม่ใช่หรือไง” นัยน์ตาสีมรกตที่สั่นพร่ามองมาที่ผม.....ที่แท้....สาเหตุที่ทำให้เจ้ากระต่ายจอมดื้อยอมแพ้ก็คือเรื่องนี้เองน่ะหรอ?
“ ฉัน....คงจะไม่สามารถเป็นคนรักที่ดีที่สุดให้กับนายได้....แบบนั้นนายจะไม่เสียใจภายหลังหรอ?” เรื่องที่ทำให้คิดมากจนจะขอเลิกกับผมคือเรื่องเวลา...คือเรื่องแบบเมื่อเช้านี่น่ะหรอ?....ผมได้แต่ถอนหายใจกับความคิดมากของเขา.....ก่อนจะจ้องมองลงไปในดวงตาคู่นั้นอีกครั้งอย่างจริงจัง
“ เวลาของเรามันอาจจะมีไม่มาก....แต่หากช่วงที่เราได้ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเราก็สามารถทำให้มันมีค่ามาทดแทนช่วงที่หายไปได้นี่”
“ ไม่ต้องอยู่ด้วยกันตลอดเวลา แต่สร้างคุณค่าของเวลาอันน้อยนิดให้น่าจดจำก็พอแล้วไม่ใช่หรอโกคุเดระ?”
“ แค่ฉันรักนาย....แล้วนายก็รักฉัน....แค่นั้นมันก็พอแล้ว” ผมยิ้มอย่างอ่อนโยนให้คนที่ทำหน้าอย่างกับจะร้องให้อยู่ใต้ร่างของผม ผมทิ้งตัวลงไปกอดเขาเอาไว้แนบอก สองแขนบางกอดตอบพร้อมกับซุกหน้าลงมาที่แผงอกของผมพร้อมกับร้องไห้โฮเป็นเด็กๆ...ที่ผ่านมาผมอาจจะไม่เคยได้บอกเขาตรงๆ.....ตอนนี้ผมจึงพร่ำกระซิบอยู่ที่ใบหูของเขาว่า
....ผมรักเขา......
....ผมรักเขามาก.....
....มากอย่างที่ไม่เคยคิดว่าผมจะรักใครได้ในเวลาอันสั้นแค่นี้.....
....ผมรักเขา....เจ้ากระต่ายสีขาวที่หล่นลงมาฟากฟ้า.....
“ จูบได้ไหมโกคุเดระ...” ผมกระซิบที่ใบหูแดงระเรื่อ เจ้ากระต่ายไม่ตอบอะไรเพียงแต่ซุกหน้าเข้าหาไหล่กว้างของผมและผมถือว่านั่นคือไม่ปฏิเสธ
ผมไล้เรียวนิ้วไปบน “ลิปสติก” ตามริมฝีปากนุ่มนิ่มของเขาอย่างแผ่วเบา ใบหน้าที่อยู่ใกล้กันแค่คืบนั้นราวกับมีแรงดึงดูดให้ผมขยับเข้าไปหา....ผมรู้แต่ว่าเจ้ากระต่ายเอาแต่ใจในยามนี้นั้นดูเย้ายวนเชิญชวนให้ผมอดใจเอาไว้ไม่ไหว
ริมฝีปากที่แตะกันเพียงแผ่วเบาเริ่มจะเพิ่มน้ำหนักมากยิ่งขึ้น ผมส่งลิ้นไปไล้เลียริมฝีปากของเขาให้เผยอออกน้อยๆเพียงพอที่ผมจะสอดลิ้นเข้าไป กวาดต้อนเกี่ยวพันกับลิ้นของเขา สัมผัสหอมหวานทำให้อารมณ์เริ่มจะเคลิบเคลิ้มคล้อยตาม
มือของผมสอดเข้าไปในเสื้อของเขาก่อนจะลูบไล้ไปตามผิวเนื้อเนียนนุ่ม ทั้งเสียงจูบทั้งฝ่ามือของผมทำให้ผิวกายของเขาร้อนขึ้นอย่างรู้สึกได้
“ กอดได้ไหมโกคุเดระ...” ผมกระซิบถามแผ่วเบาหลังจากที่ละริมฝีปากออกมาจากปากแดงช้ำของเขา แต่ถึงคราวนี้จะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์ ในเมื่อผมตั้งใจแล้วว่า จะลองเป็นหมาป่าล่ากระต่ายดูสักครั้ง ผมก้มลงไปคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของเขาด้วยใบหน้า กดจูบสูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆที่ไม่ว่าน้ำหอมยี่ห้อไหนก็ไม่มีวันหอมได้เท่านี้ มือบางของเขาจับที่แขนผมก่อนจะออกแรงยันให้ผมละใบหน้าออกไปมองหน้าเขา
“ อย่าทำรอยนะ....พรุ่งนี้ต้องไปถ่ายแบบให้กับชุดที่ไปเดินมาวันนี้น่ะ” อ้อ....ชุดราตรีสีขาวเปิดไหล่ที่ผมเห็นวันนี้สินะ
“ ฉันว่ามีรอยสิ ดูเซ็กซี่ดีออก...เหมือนเจ้าหญิงที่มีมลทิน...” ผมก้มลงไปซุกไซร้อยู่ที่เดิม ผมชอบผิวบริเวณลำคอของเขา มันอ่อนนุ่ม และหากจูบลงไปหลายๆครั้งผมก็จะได้ยินเสียงครางครือของเขาดังขึ้นเรื่อยๆ
“ อึก...อื้อ.....อะ......” สองมือบางกดศีรษะของผมลงกับลาดไหล่ของเขาเอง จุมพิตที่ไล่ไปเรื่อยๆตามผิวที่ขาวเนียนทำให้เขายิ่งเคลิบเคลิ้ม แน่นอนว่าผมไม่ได้ปลุกเร้าเขาเฉพาะด้านบน มือใหญ่ของผมล้วงเข้าไปในกางเกงยีนส์ตัวเล็กก่อนจะลูบไล้ที่กลางหว่างขาของเขาแผ่วเบา ความร้อนเริ่มทำให้สิ่งเล็กๆเริ่มจะขยายตัว
“ อื้อ....อ่ะอ้า....อะ อึดอัด....” ผมลอบยิ้มในขณะที่จูบไล่ไปตามแผงอกที่เปลือยเปล่าไปตั้งแต่เมื่อไหร่เขาคงไม่รู้ตัว และตอนนี้ท่อนล่างมันก็กำลังจะเป็นเช่นกัน เมื่อผมค่อยๆปลดกระดุมกางเกงออกอย่างเชื่องช้าแล้วรูดมันลงไปตามเรียวขาที่เริ่มจะจิกเกร็งลงไปบนที่นอน เมื่อสิ่งกีดขวางทั้งหมดถูกจัดการเรียบร้อยผมก็ค่อยๆแยกขาเรียวขาวของเขาออกจากกันแล้วขยับลำตัวของผมไปแทรกอยู่ระหว่างกลาง
“ อ๊ะ!” เขาสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อรับรู้ได้ถึงความเปียกแฉะเข้าครอบครองส่วนอ่อนไหวที่เริ่มจะตั้งชันของเขา
“ ยะ....ดะ...เดี๋ยว....อ๊า....” แน่นอนว่าผมไม่ได้ฟังเสียงห้ามที่กระเส่าของเขาแบบนั้นหรอก ริมฝีปากที่ครอบครองแกนกายของเขาอยู่ขยับลิ้นไล้เลียก่อนที่จะขยับเข้าออกช้าๆ เสียงครางดังพร้อมๆกับมือของเขาที่ขยุ้มลงมาที่หัวของผม ร่างกายบางบิดเร่าเว้าวอน เรียวขาแยกออกจากกันโดยที่ไม่รู้ตัวและนั่นมันก็ทำให้นิ้วของผมที่ลูบคลำหาช่องทางที่ปิดสนิทของเขาค้นพบมันเข้า
“ อะ....อ้า....ยะ....อ้า....” ในขณะที่ริมฝีปากกำลังล่อลวงให้เขาสุขสม เรียวนิ้วก็ค่อยๆสอดแทรกเข้าไปในช่องทางของเขาช้าๆ มันคับแน่นอย่างที่คิด หากผมไม่ช่วยเขาคงต้องเจ็บจนลุกไม่ขึ้นแน่ๆพรุ่งนี้ ผมตัดสินใจดึงนิ้วออกมาก่อนที่จะขยับริมฝีปากออกแล้วใช้มือลูบแกนกายของเขาแทน ขยับมันกระชั้นถี่ขึ้นเรื่อยๆ เสียงครางของเขาดังไปทั่วห้องก่อนที่ร่างบอบบางจะแอ่นตัวขึ้นหลังจากที่มาถึงจุดสูงสุด น้ำสีขาวขุ่นฉีดพุ่งออกมาเต็มฝ่ามือของผม
“ แฮ่ก....แฮ่ก.....” เขาทิ้งตัวลงบนที่นอนพรางหอบตัวโยน นัยน์ตาสีมรกตหยาดเยิ้มมองมาที่ผมอย่างเหนื่อยล้า
“ อย่าเพิ่งหมดแรงสิโกคุเดระ....ฉันยังไม่ได้กินนายเลยนะ....” ผมก้มลงไปกระซิบหยอกเย้าให้เขาหน้าแดง แล้วเลื่อนฝ่ามือที่มีน้ำรักของเขาลงไปใกล้โคนขา ลูบมันลงไปที่ช่างทางซึ่งปิดสนิทให้เขาสะดุ้งเฮือก
“ ยามา...โมโตะ?....” คิ้วเรียวของเขาขมวดเข้าหากันด้วยความกังวล ผมก้มลงไปจูบที่หน้าผากมนเป็นสัญญาว่าจะไม่ทำให้เขาเจ็บ
“ อึก.....อือ....” ลิ้นของผมกลับมาทำหน้าที่อีกครั้ง คราวนี้มันไล้เลียแผ่นอกของเขาก่อนจะลากอย่างช้าๆไปมาราวกับกำลังเลียอาหารเลิศรสก่อนที่จะกลืนกินมันลงไปในภายหลัง ยอดอกสีชมพูของเขากำลังชูชันด้วยอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นมารอบ ผมจำต้องผลัดเปลี่ยนไล้เลียไปมาระหว่างสองข้าง เพราะมือของผมตอนนี้มันไม่ว่างพอจะมาช่วยกันที่ด้านบนได้
“ อ้า....ยามะ....อะ อื้อ...” นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่น คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างทรมานเมื่อเบื้องล่างกำลังถูกรุกรานด้วยนิ้วของผมที่ถูกชโลมด้วยน้ำรักของเขาเอง มือหนึ่งจับขาเรียวให้แยกออกจากกัน ส่วนอีกมือก็ส่งนิ้วเข้าไปควานวนไปมาภายในช่องทางคับแน่น หลังจากขยับเข้าออกด้วยความอดทนอย่างสูงของผมดูเหมือนมันจะเริ่มอ่อนนุ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งเสียงครางทั้งความร้อนลุ่มที่รัดนิ้วของผมแน่นทำเอาอยากจะคลั่งให้รู้แล้วรู้รอด เอาไว้ให้ชินกว่านี้ คงมีสักวันที่ผมจะกดเขาโดยไม่เล้าโลม ให้สาสมกับที่ทำให้ผมจวนเจียนจะเสียสติแบบนี้!
“ อะ....อ้า....” ผมเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเมื่อรู้สึกว่าช่องทางนั้นเริ่มจะขยายตัวและสามารถขยับเข้าออกได้ง่ายขึ้นกว่าเดิม มือที่เคยจับสองขาแยกออกจากกันดูเหมือนจะไม่จำเป็นแล้วในยามนี้เมื่อเจ้ากระต่ายดูเหมือนจะถูกผมครอบงำจนยอมอ้าขาให้ผมเอง มันจึงว่างพอจะเลื่อนไปข้างหน้า ไปครอบครองแกนกายที่เคยปลดปล่อยไปก่อนหน้านี้
“ อึก...อ๊า...” และเสียงครางก็ยิ่งดังหนักกว่าเก่า เล่นเอาผมแทบจะคุมตัวเองไม่อยู่....ร้ายและอันตรายจริงๆนะเจ้ากระต่ายตัวน้อย....ผมขยับนิ้วจนแน่ใจแล้วว่าเขาคล้อยตามผมอย่างสมบูรณ์แบบ จากนั้นจึงค่อยๆถอนนิ้วออกมาให้ดวงตาสีมรกตมองตามอย่างเว้าวอน ผมยิ้มให้เขาก่อนจะสอดความเป็นชายที่พร้อมมานานแล้วของผมเข้าไป
“ อึก...โอ๊ย...เจ็บ!” ผมรู้ว่าเขาจะต้องร้องไห้แน่ๆ เพราะความต้องการที่ผมมีต่อเขาต่อให้ใช้นิ้วทั้งหมดที่มีมันก็ไม่มีทางเท่า
“ ยามา..โมโตะ....เจ็บ....” น้ำตาหยดน้อยๆร่วงผล็อยลงมาเมื่อผมดึงดันสอดมันเข้าไปจนหมด ผมขยับใบหน้ามาจูบซับน้ำตาให้เขา
“ ฉันรักนาย โกคุเดระ....ฉันรักนาย....” ผมพร่ำกระซิบถ้อยคำนั้นแทนที่จะขอโทษ นัยน์ตาสีมรกตปิดลงรับจูบของผมแต่โดยดี และผมยังไม่ขยับกายจนกว่าเขาจะขยายตัวมากกว่านี้ โดยอีกมือข้างหน้าที่ขยับลูบไปตามแกนกายที่ขยายขึ้นอีกครั้งของเขา เสียงครางที่เงียบไปเริ่มกลับมาดังขึ้นอีกครั้งเมือความต้องการของเขากำลังพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ
“ นายล่ะ...รักฉันไหม?” ผมกระซิบถามคนที่กลับมาถูกครอบงำอีกครั้ง สองแขนบางกอดแผ่นหลังของผมเอาไว้แน่น แกนกายของผมค่อยๆขยับเข้าออกอย่างช้าๆ ช้าๆ...
“ อะ...อื้อ....” ผมจะคิดเสียว่านั่นคือคำตอบ ไม่ใช่เสียงคราง....ผมอมยิ้มกับใบหน้าที่ดูทรมานปนสุขสมของเขา ผมเริ่มขยับเร็วและหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ ไม่พอ เท่าไหร่ๆมันก็ไม่พอ ช่องทางที่ร้อนระอุนั้นอ่อนนุ่มและรัดพันผมเสียจนแทบคลั่ง อยากจะกระแทกกายเข้าไปให้ลึกกว่านี้ มากกว่านี้ ให้ทุกส่วนในร่างกายของเขาเป็นของผมทั้งหมด
“ ยามะ...อะ อ้า.....” เสียงครางผสมปนเปไปกับชื่อของผม มันรู้สึกดีจนอยากจะมีชีวิตต่อไปในวันพรุ่งนี้ มะรืน และอีกสิบปี ยี่สิบปี มีชีวิตอยู่เพื่อที่จะได้ทำเรื่องแบบนี้กับเขาอีก ได้ยินชื่อของผมที่เขาเป็นคนเรียกแบบนี้อีก....
“ โกคุเดระ...รักนาย....ฉันรักนาย” ผมกอดกระชับร่างกายบอบบางแน่นก่อนที่จะกระแทกกายอย่างหนักหน่วงเข้าไปเป็นครั้งสุดท้าย เสียงครางสูงดังขึ้นที่หูของผมก่อนที่จะรู้สึกถึงความอุ่นวาบไหลทะลักอยู่ที่หน้าท้อง เช่นเดียวกับสิ่งที่บ่งบอกถึงชีวิตของผมที่กำลังไหลเข้าไปในตัวเขา
เราต่างกอดรัดซึ่งกันและกันแน่น...แน่นจนไม่มีแม้แต่ช่องว่างใดๆจนราวกับว่าร่างกายของผมกับเขากำลังหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน
ผมล้มตัวลงบนที่นอนทั้งๆที่ร่างของเขายังอยู่ในอ้อมแขนและร่างของผมก็ยังอยู่ในตัวเขา เสียงหอบหายใจคละเคล้ากันไปกับกลิ่นเหงื่อที่ลอยคละคลุ้ง ผมกระชับอ้อมแขนเช่นเดียวกับเรียวขาที่เกี่ยวพันกันให้สามารถนอนอยู่ได้โดยไม่คิดที่จะเอาของของผมออกมาจากตัวเขาอย่างนั้น
มือของผมลูบไปที่ใบหน้าสวยซึ่งแดงระเรื่อ หน้าผากของเราแทบจะชนกัน สายตาต่างจับจ้องมองที่ใบหน้าของอีกฝ่าย และเมื่อลมหายใจเริ่มจะเข้าสู่ภาวะปกติ ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะปิดลง ผมก็พร่ำบอกกับเขาอีกครั้ง....ว่าผมรักเขา.....
แสงแดดยามเช้าลอดเข้ามาในห้องของผมอีกครั้ง ความนุ่มนิ่มของคนในอ้อมแขนนั้นทำให้ผมต้องลืมตาขึ้นมาอย่างน่าเสียดาย เจ้ากระต่ายเริ่มดิ้นขลุกขลักเพราะผมทั้งกอดรัดทั้งยังอยู่ในตัวของเขา
“ ตื่นแล้วหรอ...” ผมทักเขาอย่างอารมณ์ดี
“ ตื่นแล้วสิ! แล้วก็ปล่อยได้แล้ว!” ใบหน้าสวยของเขาแดงจัด เสร็จผมไปจนถึงขั้นนั้นแล้วยังจะมาเขินอะไรอีก ผมได้แต่หัวเราะออกมา
“ หัวเราะบ้าอะไรของแก อ๊ะ!” ผมพลิกร่างของเขาให้ลงไปอยู่ข้างล่างก่อนจะกางแขนคร่อมเอาไว้ ยอมดึงร่างกายออกมาจากความอบอุ่นอ่อนนุ่มของเขา ดวงตาสีมรกตปิดลงแน่น แก้มใสที่ว่าแดงอยู่แล้วมันยิ่งแดงจนไม่รู้จะว่ายังไง
“ อย่าทำตัวน่ารักแบบนี้สิ เดี๋ยวก็ทนไม่ไหวกันพอดี ” ผมจงใจกระซิบไปที่ใบหูของเจ้ากระต่าย นัยน์ตาสีมรกตลืมตาขึ้นมาส่งสายตาดุ ผมทัดปอยผมสีเงินเอาไว้กับใบหูเพื่อจะได้มองเห็นหน้าเขาชัดๆ จริงสิ...ผมยังมีเรื่องที่อยากรู้จากปากของเขาอยู่นี่....
“ โกคุเดระ....ผู้ชายคนเมื่อวานนี้ คนที่ยืนคุยกับนายอยู่ที่ลานจอดรถที่รปปงหงิน่ะ เป็นใครกัน?”
“ เอ๋?...นายรู้ได้ไง?....นี่แอบตามไปใช่ไหม?” ผมหัวเราะร่ายอมรับโดยดุษฎี เขาค้อนขวับก่อนจะกลับมาทำหน้าเจ้าเล่ห์แล้วพูดกับผมว่า
“ อ๋อ....นี่นายหึงละสิ?” กะจะต้อนผมน่ะหรอ? เร็วไปสิบปีมั้งเจ้ากระต่ายตัวน้อย!
“ หึงสิ” แล้วเจ้าคนที่กะจะต้อนผมก็หน้าแดงแป้ดเสียเอง
“ แล้วตกลงว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร?” ถ้าไม่มีคำตอบที่ดีละก็ ผมจะกด กด กด ไม่ให้ลืมหูลืมตาเลย!
“ ชิ....ยัยนั่นเคยเป็นผู้จัดการส่วนตัวของฉันมาก่อน เจอกันก็เลยทักทายก็แค่นั้น...แล้วก็นะ....ยัยนั่นน่ะเป็นกระเทยที่ชอบผู้ชายสูงยาวเข่าดี....ถ้าจะหึงฉันละก็ ห่วงตัวเองก่อนเหอะ!” ห๋า?!.....นี่ผมมัวแต่หึงหน้ามืดจนแยกไม่ออกเลยหรอ ว่าคนที่ตกอยู่ในอันตรายตัวจริงน่ะคือผมต่างหาก?!
“ ฮึ....ถ้าแค่นี้นายยังหึงละก็ ต่อจากนี้ไปนายคงได้หึงจนกระอักเลือดตายแน่ๆ เพราะว่าแฟนของนายน่ะ....น่ารัก!” เจ้ากระต่ายเชิดใส่ก่อนจะตลบผ้าห่มคลุมจนมิดหัวแล้วกลิ้งไปอีกฝั่งของเตียง.....โอเค....ผมไม่เถียงหรอกว่า
แฟนของผมน่ะ........น่ารัก!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Continue
อยากให้ไปฟังเพลงแรงบันดาลใจด้วยน้า....Kiss Kiss Kiss อ่ะ >/////<...
เอ๊ะ นอกจากเพลงแล้ววันนี้ที่นี่ยังอัพ Mad โปรโมทงาน Double Date D18 & 8059 Only Event ด้วยนะ
ครึ ครึ วันเกิดก๊กทั้งที อัพกระหน่ำได้อีก เหอ....ความจริงตั้งใจจะแต่งฟิคที่ค้างๆอยู่มาลงให้หมด (โห....ตายได้นะน่ะ) แต่ทว่า...เพิ่งจะรู้ตัวว่า แค่ “ลิปติก” เรื่องเดียวก็ไม่ทันแล้วเฮ้ย มัวแต่ซับเลือดอ่ะดิ ยิ่งแต่งยิ่งยาวตามประสายัยมี๊นี่ ^ ^”
ส่วนงาน อีเว้นท์....ไปกันเยอะๆนะค้า.....ข้าพเจ้า ทำ MAD สำหรับงานนี้เอาไว้ให้อมยิ้มในความเสื่อม(?)อีกเพี้ยบ *w*
เป็นดาราดังทั้งคู่ก็ต้องคอยหลบๆซ่อนๆอย่างนี้ล่ะน๊า งืมมม รักต้องฟันฝ่าอุปสรรคผ่านไปให้ได้ถึงจะเป็นรักแท้อ่าน๊าา อดไปเที่ยวด้วยกันเลยย
ตอบลบอ่ะ โพล่มารั่ว?สักหน่อยให้หายคิดถึง ฮะฮะ แต่งตัวคนเดียวมันไม่หนุกต้องจับคนอื่นมาแต่งตัวถึงจะสนุกใช่มั้ยคุณมุ๊ แต่ยามะมันก็ยอมเน๊อะ เพื่อจะได้ดูก๊กเดินแบบ แอบลุ้นว่าจะเห็นมั้ยว่ายามะมาแอบดู ความจะแตกมั้ยฟร้าาา แต่ว่า ไอ้หมอนั่นใครอ่ะ ดราม่ามั้ยยยเนี่ยย แบบนี้มันต้องจับกดไปเลยจะได้เข้าใจกัน < เฮ้ยย
อ้าวไม่ดราม่านิหน่ะ อิอิ เข้าใจกันได้ด้วยดีก็ดีล่ะ ตะ แต่ว่า ฉากต่อไป ถมดำ โฮกกกกก นึกว่าก๊กจะรอดดดไปซะอีกก อร๊ายยย "มีรอยสิดูเซ็กซี่ดี..เหมือนเจ้าหญิงที่มีมลทิน" โฮกกกกก ความคิดแกนี่ช่างงง Good Job >[]< ฮ่าฮ่า แค่นี้ยังไม่พอ หวานๆอยู่ดีดี ความคิดแกก็ส่อแววดาร์กจากจิตใต้สำนึกใช่ม๊าย รอไว้ถ้าชินเมื่อไหร่ค่อยกดแบบไม่ต้องเล้าโลม โฮกกกก อิเนียนน อิบ้าาา ถนอมลูกสาวบ้างอะไรบ้างสิย่ะ >///< แต่ถ้าก๊กไม่ว่าอะไร หม่ามี๊แถวนี้ก็ไม่ขัดข้อง ฮะฮะ
อ่าสรุปว่า หมอนั่นที่ยามะมันหึงก็ควรที่จะห่วงตัวเองมากกว่าสินะ กร๊ากกก เข้าใจแล้วว่าหนูก๊กนะน่าร๊ากกกกกกอยู่แล้วว >///<
โอ้ยยฟิคนี้เสียเลือดดดแบบหวานๆน่ารักๆเซะซี่ๆ คงไม่มีอะไรดราม่าใช่มั้ยนี่ ตามไปอ่านตอนสี่ต่อล่ะ หึหึ
พีเคเสียเลือดอย่างแรงเลยค่ะคุณกวาง โฮกกกกกก
ตอบลบยามะเรื่องนี้เซ้ลฟ์จัดๆแล้วก็หื่นจัดๆเลยนะคะเนี่ย อ้อ ขี้หึงด้วย ฮาา
ถึงขนาดยอมทิ้งอิมเมจตัวเองเพื่อแอบไปตามดูเนี่ย สุดยอดจริงๆ
ก๊กคุงอ่ะตามใจเจ้าตัวเนียนไม่ใช่เล่นๆเลยน้า
ได้ใจหมดแล้วเจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์ตัวนั้นน่ะ
อัพเคะราชินีกว่านี้อีกนิดมั๊ยลูก
เอาให้มาสยบแทบเท้าเลย//โดนดาบกระซวก
หนูก๊กดูท่าจะดังกว่ายามะอีกนะเนี้ย งานเยอะจริงๆ ไม่เป็นไรถึงจะมีอุปสรรคแค่ไหน ยังไงความรักที่ยามะมีให้ก็ไม่น้อยลงหรอกหนูก๊ก~
ตอบลบโฮกกกกกก บรรยายก๊กได้สุดยอดมากเลยค่ะตอนที่ออกมาเดินแบบอ่ะ
ก๊กคุงสวยมากกกกกกกกกกกกก!~
ฮันแน่ รู้สึกภูมิใจแทนยามะจริงๆที่มีแฟนสวยแถมยังน่ารักขนาดนี้อีก
อ๊ากกกกกกกก ยามะดาร์กมาแล้วววววววว ในที่สุดก็ทนหึงก๊กไม่ไหวเลยต้องจับมัดมือชกทำการรวบหัวรวบหางก๊กซะตั้งแต่ตอนนี้! โอ้~ o___o (ล้อเล่นนะค้ะ 555)
ใครจะไปเสียใจล่ะ ที่จะต้องมาคบกับคนอย่างหนูก๊ก
แหม~ ก็หนูก๊กออกจะน่ารักซะขนาดนี้
แอบซึ้งเล็กน้อยตอนที่ทั้งคู่เจรจากันบนเตียง(?) ค่อยยังชั่วที่มันไม่ดราม่า
ที่สำคัญค่ะ..........
“ แค่ฉันรักนาย....แล้วนายก็รักฉัน....แค่นั้นมันก็พอแล้ว” < ว๊ากกกกกกกกก ไอ้ประโยดนี้เนี้ยยิ่งอ่านแล้วก็ยิ่งชอบบบบบบ ยามะสุดยอด ดาร์กแล้วยังอบอุ่นด้วยนะเออ........
เจ้าหญิงมีมลทิน!!!??? โฮกกกกกกกกกก คำนี้ มันแบบว่า สุดยอด!!!!!
เลือดกำเดาแทบพุ่งแน่ะค่ะ อ๊ายยยยยยย ก๊กเซ็กซี่สุดยอดดดดดดด(ทำหน้าหื่นน่าจอคอม)
ไม่เป็นไรๆ วันหลังค่อยกดแบบไม่เล้าโลมก็ได้ แต่ต้องทำแน่นะ!!!
ก๊กดูไปดูมาเหมือนจะแอบร้ายขึ้นนะเนี้ย 555
ส่วนตัวแล้วชอบความสัมพันธ์ของก๊กกับยามะแบบนี้มากๆเลยค่ะ
มันเหมือนกับว่าต้องคอยแอบหรือไม่ก็หลบๆ ไม่ให้ใครรู้ว่าทั้งคู่คบกันอยู่
จุดๆนี้ทำให้รู้สึกลุ้นสุดๆเลยค่ะ ว่ามันจะเป็นยังไงต่อไป
โฮกกกกกกกกกก ต้องไปตามอ่านต่อ!!!
อร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก น่ารักอ่ะ น่ารักโฮกๆๆๆๆ เลยค่ะพี่กวางงงง หลงไอดอลหนูก๊กจวนจะห้ามใจไม่ไหวแล้ว กอดจูบลูบไล้ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ตอบลบอิเนียนเรื่องนี้มัน มัน มัน...หื่นได้อย่างมีสไตล์มาก (ยังไงฟะ!) ชอบทุกคำพูดของมันเลยค่ะ ดูสมจริงสมจังกับที่เป็นพวกไอดอล นักดนตรีมาก ไล่จากล่างขึ้นบน ฮ่าๆๆ นายหึงล่ะสิ...หึงสิ กร๊ากกกกก!! เป็นหนูก๊กสมแล้วจะหน้าแดงก่ำขนาดนั้น ฮ่าๆๆ ช่างตรงได้ใจมี้มากเลยลูกเขยเอร๊ยยยย คาร์แร็กเตอร์เท่อ่ะ >w<
หนูก๊กงานเยอะ งานรุมเร้า ตอนที่บอกว่าจะแยกกันอยู่น่ะ ใจมันจะหายวาบบบ หนูก๊กทำตัวห่างเหินแบบนั้น แสดงว่าอาจจะมีใครรู้แล้ว หรือยังไง แต่ไปๆมาๆพอบอกว่าทำเพื่อความสัมพันธ์นี่มันโฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นั่นสินะ อาจไม่มีเวลาให้ อาจจะไม่ค่อยอยู่ด้วยกัน ตอนเจอหน้ากันเวลางานต้องทำตัวห่างเหินเย็นชา อาจไม่ใช่แฟนที่ดีเลิศ แต่ขอแค่เราสองคนรักกัน พวกหม่ามี้ก็พอใจอย่างที่สุดแล้วหนูเอร๊ยยยยยยย
ฉากต่อมาเลือดกำเดาก็พุ่งเต็มคีย์บอร์ด =.,= ฮุๆๆๆ
เรื่องนี้ไม่ดราม่าสินะคะพี่กวาง โฮยยยย ได้มาอ่านฟิคน่ารักๆ เซ็กซี่ๆอย่างนี้มีความสุข เพราะตัวเองมักจมปลักกับหนังจักรๆวงศ์ๆ ฮ่ะๆๆๆ
กลิ้งไปอ่านตอนต่อไป จะเกิดอะไรขึ้นอีกมั้ยน้อออ
คนดังรักกันมันลำบากตรงนี้แหละ
ตอบลบต้องคอยหลบสื่อ
ไม่งั้นก็จะเป็นประเด็นคุ้ยกันไม่เลิก
เลยอดเห็นฉากสวีทไปเที่ยวตามโบชัวร์ที่ยามะเห็นเลย
แต่ก็ได้ฉากอื่นที่ชวนฟินมาแทน//เลือดพุ่งอย่างสวยงามมมมมมมมม
แล้วนี่ยามะหึงก๊กกับกะเทยเรอะ
ระวังนะ
กะเทยมีพลังมากกว่าที่นายคิด
กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
อิพ่อคือหึงโหดมากก กลัวใจตัวเองจริงๆเลยนะ น้องน่ารักก็งี้ป่ะ น่ารักมากกก เขิน
ตอบลบ