KHR Au.fic HBD.Hayato [8059] Lipstick : 02


KHR Au.fic HBD.Hayato [8059]    Lipstick : 02

: KHR Fanfiction AU
: 8059
: E+Ro+man+tic [เรทเชี่ยไรของมันเนี่ย?]
: NC-17

: AU โคตรๆเลยนะคะ *w*


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ











วันนี้ผมตื่นขึ้นมาด้วยจิตใจที่ขุ่นมัว....ไม่น่าเชื่อว่าแค่กระต่ายตัวเดียวจะทำให้ผมเป็นเอามากขนาดนี้


ผมควรจะนั่งจิบกาแฟพรางคิดทำนองของเบสที่จะใช้ในซิงเกิลต่อไป ไม่ใช่ออกมายืนลับๆล่อๆอยู่ที่หน้าห้องของตัวเองแบบนี้


เสียงปลดล็อคเบาๆดังขึ้นมาจากประตูห้องที่อยู่ข้างๆทำให้ผมกระโดดหลบเข้ามาหลังบานประตูของตัวเอง และเพราะว่าประตูห้องของผมอยู่ใกล้ลิฟท์มากกว่า ไม่ว่าอย่างไรเจ้ากระต่ายสีขาวนั่นก็จำเป็นต้องเดินผ่านหน้าห้องของผม ผมลอบมองห้องตรงข้ามผ่านรอยเปิดของประตูเพียงน้อยนิด


นัยน์ตาสีมรกตกระพริบปริบๆเมื่อใบหน้าสวยนั่นยื่นหน้าออกมาจากห้องแล้วจ้องมาที่ประตูของผมเขม็ง เมื่อเห็นว่าผมไม่มีวี่แววว่าจะโผล่ออกไป ร่างกายบอบบางจึงค่อยๆเยื้องย่างออกมาจากห้องอย่างกล้ากลัวๆ และแค่ชั่ววูบที่เจ้ากระต่ายหลับหูหลับตาวิ่งผ่านหน้าห้องผม ผมก็เอื้อมมือออกไปคว้าหมับเข้าที่ข้อมือบางก่อนจะออกแรงลากร่างๆนั้นเข้ามาในห้องพร้อมปิดประตูลงกลอนเรียบร้อย


“ ปะ..ปล่อยนะ! ไอ้บ้า ไอ้โรคจิต! ชั้นจะแจ้งตำรวจจับแกแน่ถ้าแกทำอะไรชั้น ปล่อย! บอกให้ปล่อยไง!       ยังไม่ทันที่จะได้ฟังผมอธิบายอะไร ปากร้ายๆนั่นก็โวยวายออกมาทันที ร่างที่อยู่ในอ้อมแขนดิ้นขลุกขลักอย่างที่น่าจะรัดให้ตายคามือ คนอะไรช่างดื้อจริงๆ


“ ฟังก่อนสิ โกคุเดระ!        ผมตะโกนออกไปจนอีกฝ่ายสะดุ้งเฮือกแล้วยอมผ่อนแรงต่อต้านลง ร่างบอบบางยอมหยุดนิ่งอยู่ในอ้อมแขนของผม สองมือจึงค่อยๆปล่อยร่างที่นิ่งเฉยออกก่อนจะจับไหล่บางให้หันหน้ามาเผชิญซึ่งกันและกัน


“ คือว่า.....เมื่อคืนนี้ฉัน......ขอโทษ”        แล้วก็เป็นผมที่เอ่ยปากออกไปก่อน ใบหน้าใสที่ผมจ้องมองอยู่นั้นแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีก่อนที่มันจะก้มหน้าลง


แปลกแหะ....ผมนึกว่าเจ้ากระต่ายตัวดีตรงหน้าจะทำหน้าเชิดแล้วบอกผมว่าไม่เป็นไรอย่างไม่สำนึกผิดเสียอีก


“ ฉัน....ก็ไม่ได้อยากจะทำแบบนั้นหรอกนะ....แต่ว่า....ถ้าหากเรารู้จักกัน....ฉันกับนายอาจจะไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วยกันอีก.....”        เห๋....อะไรล่ะนั่น มีเรื่องแบบนั้นด้วยหรอ? ผมแสดงสีหน้าสงสัยออกไปอย่างไม่ปิดบัง ทำให้ใบหน้าสวยอธิบายออกมาอีก


“ ไอดอลน่ะ ไม่ว่าจะขยับตัวไปไหนก็เป็นที่สนใจทั้งนั้น ฉันไม่มีอิสระที่จะคบกับใครหรอกนะ....ไม่ว่าจะเป็นใคร....หากลงว่ารู้จักกันละก็จะโดนเอาข่าวไปเขียน จะโดนขุดคุ้ยแล้วถ้าหากยิ่งรู้ว่าอยู่ที่เดียวกันแบบนี้ละก็....ฉันคงโดนให้ย้ายไปอยู่ที่อื่นเหมือนที่เป็นๆมาอีกแน่ๆ...แล้วนายเองก็ไม่ใช่คนธรรมดาที่จะไม่เป็นที่สนใจเสียเมื่อไหร่...”       คำพูดที่ดูหงอยเหงานั่นทำเอาผมอึ้งไป....ที่เจ้ากระต่ายทำลงไปทั้งหมดนั้น....


“ นายอยากอยู่ที่นี่....อยากอยู่กับฉันงั้นหรอ?”       ผมถามออกไปตรงๆให้ใบหน้าสวยยิ่งแดงจัด


“ อยากอยู่ที่นี่...ตะ...แต่ไม่ได้อยากอยู่กับนายซักหน่อย.....”       ใบหน้าที่ก้มงุดนั่นราวกับกำลังเอียงอาย ความรู้สึกบางอย่างในใจของผมมันกำลังเอ่อล้นขึ้นมา...แย่ละสิ...รู้สึกดีใจจนอยากจะดึงคนตรงหน้ามากอดเอาไว้ให้แน่นๆเลยละ


“ แล้วนี่...........มีอะไรกินบ้างไหม?”      แต่ทว่าความโรแมนติกที่อุตส่าห์สร้างขึ้นมันก็พังครืนไปกับความอยากอาหารของเจ้ากระต่ายสีขาวไปเสียสิ้น....


ตกลงว่าอยากอยู่ที่นี่ เพราะมีพ่อบ้านสุดหล่ออย่างผมแค่นั้นอย่างงั้นสินะ....





วันนี้รถของผมก็จอดติดไฟแดงอยู่ที่ชิบูย่า แต่ทว่ารูปขนาดยักษ์ตรงหน้ามันกลับทำให้ผมอมยิ้ม


โลกที่เคยหยุดนิ่งและเย็นชา กำลังจะเดินหน้าขึ้นมาอีกครั้ง....










ผมก้าวขาลงจากรถยนต์สีดำสนิทของตัวเองเมื่อเวลาตีสองกว่าๆ คืนนี้ก็อยู่อัดเสียงจนดึกดืนอีกแล้ว...ก็นะ...มันคงจะไม่ดึกขนาดนี้ถ้ามือกีต้าตัวดีทั้งคู่ไม่ไล่ฟาดกันเกือบเป็นเกือบตายเพราะใครสักคนเล่นกระโดดคีย์ก่อนน่ะนะ  และก่อนที่มือจะรูดคีย์การ์ดที่ประตูทางเข้าคอนโด


“ คุณยามาโมโตะคะ”          เสียงหนึ่งเรียกให้ผมจำต้องหันหลังกลับไป ใบหน้าที่คุ้นตาปรากฏอยู่ที่หน้ารถคันหนึ่ง....ผู้จัดการของเจ้ากระต่ายไม่ใช่หรือน่ะ?


“ คุณพักอยู่ที่นี่ด้วยหรือคะ....โล่งอกไปหน่อย ฉันกำลังคิดไม่ตกอยู่พอดีว่าจะเข้าไปได้ยังไง”       เธอทำหน้าโล่งใจอย่างที่ว่าจริงๆ


“ มาหาโกคุเดระงั้นหรอครับ?”


“ เปล่าค่ะ...พาเจ้าตัวมาส่งนั่นแหละ แต่ดูเหมือนจะทำคีย์การ์ดหายไป....”        เพราะอย่างงั้นสินะถึงได้มายืนอยู่ตรงนี้


“ งั้นก็ตามมาสิ...แล้วโกคุเดระอยู่ไหนล่ะ?”      ไม่เห็นเจ้ากระต่ายตัวดีที่ปกติคงจะมายืนหน้าหงิกไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนหรอกที่ทำคีย์การ์ดหายน่ะ


“ รอสักครู่นะคะ”      ผู้จัดการสาวเดินหายไปที่อีกฝั่งหนึ่งของรถ....ถึงจะบอกให้รอแต่ก็ดูเหมือนเวลาจะผ่านไปนานพอสมควร ผมเดินตามไปดูที่ประตูรถที่เปิดค้างเอาไว้


“ อะ....เอ่อ.....”      คุณผู้จัดการดูอ้ำๆอึ้งๆแล้วก็ไม่รู้จะทำยังไงกับเจ้ากระต่ายที่หลับปุ๋ยอยู่ที่เบาะรถ เธอพยายามเรียกให้อีกฝ่ายตื่นแต่ก็ดูจะไม่ได้ผลเอาเสียเลยในเมื่อเจ้ากระต่ายสีขาวยังคงหลับนิ่งไม่รู้เรื่อง....นี่ขี้เซาขนาดนี่เลยหรอเนี่ย?


“ คือ...ปกติก็ปลุกไม่ยากแบบนี้หรอกนะคะ....แต่พอดีมีงานฉลองปิดกล้องละครน่ะค่ะ แล้วมีใครสักคนพยายามคะยั้นคะยอให้โกคุเดระคุงดื่มเหล้า...ที่เจ้าตัวดื่มไม่เป็นน่ะค่ะ เลยน็อคไปตั้งแต่แก้วแรกนั่นละ”       สรุปว่าเมาสินะ....


กระต่ายเมาเหล้า แล้วหลับปุ๋ยไปแบบนี้ ก็น่าเอ็นดูดีเหมือนกัน


“ ถ้าอย่างนั้นคุณช่วยเปิดประตูแทนผมก็แล้วกัน”      ผมยัดคีย์การ์ดใส่มือของผู้จัดการสาวก่อนที่จะสอดแขนเข้าไปที่ท้ายทอยและใต้ขาของเจ้ากระต่ายแล้วอุ้มออกมาจากรถ...ปกติก็เห็นอยู่แล้วละว่าตัวกระเปี๊ยกเดียว แต่นี่มันจะไม่เบาเกินไปหน่อยหรอ?


“ ขอบคุณมากๆนะคะ”      ผู้จัดการสาวก้มหัวให้ผมก่อนจะวิ่งไปเปิดประตู


เสียงลิฟท์ดังเป็นสัญญาณ ไม่นานประตูลิฟท์ก็เปิดออกยังชั้นที่คุ้นเคย  ผมก้าวขาตรงไปหยุดอยู่ที่หน้าประตูห้องของเจ้ากระต่าย  ผู้จัดการสาวค้นหากุญแจห้องในกระเป๋าของเจ้ากระต่ายอยู่พักใหญ่แล้วใบหน้าที่เงยขึ้นมามองผมก็ถึงกับซีดเผือด


“ สงสัยว่า....มันจะหายไปพร้อมกับคีย์การ์ด.....”       ให้มันได้แบบนี้สิ ของสำคัญขนาดนั้นยังทำหายได้อีกนะเนี่ย....ผมถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้


“ ถ้างั้นเอาไปไว้ที่ห้องผมก่อนก็แล้วกัน”


“ เอ๋....ตะ..แต่ว่า....”       ใบหน้าของผู้จัดการสาวดูเกรงใจและตกใจอยู่พอสมควร


“ ไม่เป็นไรหรอกครับ เพราะห้องผมก็อยู่ข้างๆนี่เอง”


“ เอ๊ะ!!!!       ที่ว่าเมื่อกี้ดูตกใจอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ดูตกใจยิ่งกว่าจนผมเผลอหัวเราะออกมา


แสงไฟภายในห้องสว่างไสวขึ้น ผมก้าวขาเข้าไปยังส่วนของห้องนอนก่อนจะวางเจ้ากระต่ายสีขาวในอ้อมแขนลงช้าๆ เตียงที่กว้างพอสำหรับสองคนยุบลงไปตามน้ำหนักที่ไม่ได้มากเท่าไหร่นั่น


“ ขอบคุณมากๆนะคะ....นี่แสดงว่าคุณยามาโมโตะรู้จักโกคุเดระคุงอยู่แล้วอย่างนั้นสินะคะ”      เธอก้มหัวให้ผมอีกหลายครั้ง


“ ก็....ประมาณนั้นแหละครับ...”       จะว่าไงดี...ถึงไม่อยากรู้จัก แต่เจ้ากระต่ายนี่ก็มักจะแวะเวียนมาป่วนผมอยู่เป็นระยะๆ


“ ค่อยโล่งใจหน่อย....ถ้าอย่างนั้นก็ฝากไว้ที่นี่ก่อนแล้วกันนะคะ พรุ่งนี้ฉันจะรีบจัดการเรื่องกุญแจกับคีย์การ์ดให้เรียบร้อย...ขอบคุณจริงๆค่ะ”       เธอบอกผมแบบนั้นแล้วจากไป


ผมถือกะละมังกับผ้าขนหนูผืนเล็กเข้าไปในห้องนอน...อย่างน้อยๆก็เช็ดหน้าเช็ดตาซักหน่อยก็แล้วกัน....ผมจัดการเช็ดเครื่องสำอางที่ทาเอาไว้บางๆออกให้ด้วยครีมสำหรับล้างเครื่องสำอางโดยเฉพาะ...ใบหน้าใสๆของเจ้ากระต่ายนั้นเนียนนุ่มจนผมเผลอสัมผัสไปโดยที่ไม่รู้ตัว ริมฝีปากที่ไม่มีลิปสติกเคลือบนั้นมีสีแดงระเรื่อ...น่าหลงใหล......


ถ้าหากจูบลงไปจะเป็นอะไรไหมนะ....




แสงแดดยามเช้าส่องผ่านผ้าม่านผืนบางเข้ามา พร้อมกับเสียงอืออาที่ดังอยู่ที่ข้างหู ความนุ่มนิ่มและอบอุ่นขยับขยุกขยิกเข้าแนบชิดแผงอกของผมมากกว่าเดิม เมื่อเปิดเปลือกตาดูก็เห็นว่าเจ้ากระต่ายเมาเหล้ากำลังซุกตัวเข้ามาพร้อมใบหน้าสวยที่ยังหลับปุ๋ย


คงไม่คิดหรอกนะ...ว่าผมจะทนไหว...


ยังไงซะผมก็เป็นผู้ชาย


ถึงแม้ว่าเจ้ากระต่ายแสนสวยนี่จะเป็นผู้ชายเหมือนกันก็เถอะ แต่มองจากรูปลักษณ์ที่ยั่วเย้าโดยไม่รู้ตัวแบบนี้ ก็ไม่มีตรงไหนที่ทำให้คิดว่าเป็นผู้ชายเลยสักนิด


“ อือ....”        ดูเหมือนเจ้าคนที่ผมเผลอนินทาอยู่ในใจจะรู้สึกตัว เสียงงึมงำดังลอดออกมาก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเปิดขึ้นอย่างช้าๆ  และเมื่อมันตื่นขึ้นมาเห็นแผงอกเปลือยเปล่าของผมเข้า


“ ว๊ากกกกกกกกกกกก!!!!


โครม!!!


แล้วทำไมถึงเป็นผมที่ต้องลงมากลิ้งอยู่ที่ข้างเตียงด้วยเนี่ย?





“ ก็อย่างที่เล่าให้ฟังนั่นแหละ นายเมาแล้วก็เข้าห้องไม่ได้ เลยต้องมาอยู่ที่ห้องฉัน”        ผมยืนอธิบายให้เจ้ากระต่ายที่มีใบหน้าหาเรื่องเต็มที่ในขณะที่อีกมือก็ชงกาแฟอยู่ที่เคาน์เตอร์


“ แล้วทำไมแกถึงถอดเสื้อนอนกอดฉันเอาไว้...กำลังคิดอะไรไม่ดีอยู่ใช่ไหม!         ถูกเผงเลยครับ...


“ ปกติฉันไม่ได้ใส่เสื้อนอนอยู่แล้วนี่”        อันนี้เป็นความสัตย์จริงครับ เมื่อก่อนก็กลับดึกๆดื่นๆจนเผลอหลับไปทั้งๆที่เพิ่งออกจากห้องน้ำอยู่บ่อยๆ เพราะงั้นมันเลยกลายเป็นความเคยชินไปแล้ว...แต่อย่างน้อยผมก็ใส่กางเกงน่า...


“ ฮึ....ฉันไม่เชื่อแกหรอก”      จริงดังว่า เมื่อมือบางๆนั่นกดโทรศัพท์หาผู้จัดการสาว...แล้วหลังจากผ่านการพูดคุยไปสักพัก เมื่อปลายสายถูกตัดไป ใบหน้าใสที่ไม่มีวี่แววว่าจะสำนึกผิดหรือเอียงอายที่เข้าใจผมผิดก็หันมาทำหน้าเชิดใส่ตามปกติ


“ จนกว่าจะหากุญแจกับคีย์การ์ดเจอ...ฉันจะอยู่ที่นี่ไปก่อน”       เฮ้ย! นี่ไม่ถามผมซักคำเลยหรอ?!


ดูท่าว่า....ผมคงจะวุ่นวายไปอีกพักใหญ่ๆเลยละ....











ผมเดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกับผ้าขนหนูที่เช็ดผมเปียกลู่ ได้ยินเสียงฮั่มเพลงเบาๆมาจากด้านหลังโซฟาสีดำ ทำให้ผมชะโงกหน้าไปดู เจ้ากระต่ายสีขาวกำลังเขียนอะไรขยุกขยิกลงไปในกระดาษโน้ตของผม


“ โกคุเดระ! ทำอะไรน่ะ?!       นี่อย่ามาเล่นเป็นเด็กๆนะ จะขีดเขียนที่ไหนก็หัดดูซะหน่อย ผมดึงกระดาษโน้ตออกมาจากมือบาง


“ ลองเล่นดูสิ!        น้ำเสียงกระตือรือร้นดังมาจากริมฝีปากแดงระเรื่อ นัยน์ตาสีมรกตใสแจ๋วราวกับตาของกระต่ายจ้องเขม็งมาที่กระดาษโน้ตในมือ ผมก้มลงไปมองมัน....น่าน....เล่นลบของผมซะเกลี้ยงแล้วเหลือไว้แต่ลายมือของตัวเอง


ผมหยิบเบสขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ แล้วนั่งลงข้างๆทั้งๆที่หัวยังเปียก สายตามองไล่ไปตามโน้ตที่ถูกเขียนเอาไว้...มันใกล้เคียงกับทำนองที่ผมแต่งเอาไว้มาก เพียงแต่ดูเหมือนมันจะลงตัวกว่า....จริงๆด้วย.....เมื่อเล่นจนจบผมก็หันไปมองเจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยสายตาอึ้งนิดๆ


“ มองอะไรล่ะ?  ฉันไม่ได้ได้ชื่อ เจ้าหญิงแห่งเสียงเปียโนมาเพราะเป็นแค่ไอดอลงี่เง่านั่นอย่างเดียวหรอกนะ”       จริงอยู่ที่ว่าผมไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเจ้ากระต่ายนี่เลยสักนิด


“ เดิมทีฉันเป็นนักเปียโน...แต่ด้วยรูปร่างหน้าตาแบบนี้...เลยมีงานอย่างอื่นเข้ามาด้วย....จนรู้ตัวอีกทีใครๆต่างก็เรียกฉันว่า...ไอดอล...”        คำสุดท้ายนั้นฟังดูหงอยเหงา เพราะการที่จะมีชื่อเสียงขนาดนั้นย่อมต้องแลกมาด้วยอะไรหลายๆอย่าง


“ ฉันน่ะ...ที่จริงแล้วก็แค่อยากเล่นเปียโน....”       สองขาเรียวยกขึ้นมานั่งกอดเข่าเอาไว้หลวมๆ ท่าทางที่ราวกับว่าไม่มีใครอยู่เคียงข้างมันทำให้ผมขยับเข้าไปหาโดยที่ไม่รู้ตัว ริมฝีปากจูบลงไปที่หน้าผากใสอย่างแผ่วเบา....แทนทุกคำพูด แทนทุกคำปลอบโยนที่ผมไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไรออกไปดี


“ .......”        เจ้ากระต่ายมองหน้าผมนิ่งค้าง ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเสไปอีกทางอย่างเอียงอาย มือบางเอื้อมมาที่ผ้าขนหนูบนหัวผมทั้งๆที่ยังไม่ยอมมองหน้า


ผมได้แต่เฝ้ามองใบหน้าสวยที่อยู่ห่างแค่คืบ แรงขยับของมือบางที่ผ่านผ้าขนหนูมานั้นทำให้ผมรู้สึกดีไม่น้อย....นานแล้วที่ผมออกมาใช้ชีวิตอยู่ตัวคนเดียว ทั้งๆที่คิดว่าการมีใครสักคนมันยุ่งยากและผมคงไม่มีเวลาให้ แต่ทำไมตอนนี้ผมกลับอยากจะทำในสิ่งที่ตรงกันข้ามกับความคิดของผม...


ตรู้ด.....ตรู้ดดด.....


เสียงโทรศัพท์ทำให้ริมฝีปากที่เกือบจะสัมผัสกันนั้นหยุดชะงัก เจ้ากระต่ายที่ดูเหมือนจะเพิ่งรู้สึกตัวผลักผมจนกระเด็นตกโซฟาแล้ววิ่งหายเข้าไปในห้องนอน


“ ไงสึนะ?”       ผมเพิ่งรู้สึกอยากจะตัดขาดจากโลกภายนอกเป็นครั้งแรกก็คราวนี้เอง


“ ยามาโมโตะ! ลืมไปแล้วหรอว่าวันนี้เรานัดซ้อมกัน....ถ้านายยังไม่รีบมาละก็....ว๊ากกกก คุณฮิบาริอย่าครับ!!!  แล้วก็...มุคุโร่!!!       เสียงโครมครามดังขึ้นก่อนที่สายจะถูกตัดไป...สองคนนั้นก็ตีกันประจำอยู่แล้ว สึนะจะตื่นเต้นอะไร? 


ถึงจะเสียดายนิดๆแต่ยังไงก็คงต้องออกไปละนะ ผมเดินเข้าไปในห้องนอน เจ้ากระต่ายสีขาวเอาโค้ทสีดำของผมมาดัดแปลงเป็นเดรสสั้นไปเรียบร้อยแล้ว...ถึงแม้จะแปลกตาที่เจ้าตัวดีอยู่ในชุดสีดำ แต่มันก็กลับเซ็กซี่ไปอีกแบบ


“ วันนี้มีงานหรอ?”       ผมถามเจ้ากระต่ายในขณะที่หยิบเสื้อเชิ้ตสีดำออกมาจากตู้เสื้อผ้า


“ มีตอนเย็น แต่ก่อนหน้านั้นจะไปซื้อของ ห้องนายมันไม่มีอะไรซักอย่าง”       ขอโทษนะครับ ที่ผมไม่ใช่ผู้ชายช่างแต่งตัว


“ ออกไปพร้อมกันสิ ฉันต้องออกไปซ้อมพอดี.....เอ่อ....ได้รึเปล่านะ?”        ผมลืมไปว่าเราไม่ควรจะไปไหนมาไหนด้วยกัน.....แต่แบบนั้นมันก็แอบเศร้านิดๆแหะ และดูเหมือนคนข้างๆจะรับรู้ถึงความรู้สึกของผม


“ จอดส่งฉันที่หน้าร้านกาแฟตรงข้ามกับสตูดิโอโดยที่นายไม่ต้องลงจากรถ....แบบนั้นละก็ พอไหว”       อย่างน้อยผมก็ได้รู้ว่า เขาอยากอยู่กับผม ถึงแม้จะต้องเสี่ยงนิดๆแต่ชีวิตหลบๆซ่อนๆแบบนี้ก็ใช่ว่าพวกเราจะไม่คุ้นเคยเสียเมื่อไหร่










การซ้อมวันนี้ก็ผ่านไปได้ด้วยดี....ผมคิดว่าอย่างงั้นนะ....แต่ทว่ามันยังเพิ่งผ่านมาได้แค่ครึ่งทางเท่านั้นเอง ยังมีอีกหลายเพลงที่เราต้องซ้อมซ้ำแล้วซ้ำอีกเพื่อให้เล่นได้อย่างเข้าขากัน เตรียมไว้สำหรับคอนเสิร์ตที่กำลังจะมีขึ้นในไม่ช้า


ผมเงยหน้ามองท้องฟ้าที่เปลี่ยนเป็นสีดำสนิท เสียงโวยวายยังคงดังอยู่คู่กับสตูดิโอของผมเสมอ เวลาพักกำลังจะหมดลงผมจึงกระดกน้ำเกลือแร่เข้าปากก่อนที่จะเดินกลับไปยังสตูดิโออีกครั้ง....แต่ยังไม่ทันที่มือของผมจะได้เปิดประตูเข้าไป โทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นซะก่อน


เบอร์ใคร....?


มันเป็นเบอร์ที่ไม่ได้ถูกบันทึกชื่อเอาไว้ ผมมองมันด้วยความสงสัยก่อนจะตัดสินใจกดรับ แล้วผมก็ตกใจจนแทบจะทำโทรศัพท์ร่วงเมื่อเสียงปลายสายดังขึ้นมา


“ ทำไมรับช้าจังห๊ะ?! ถ้านายจะกลับบ้านแล้วแวะมารับชั้นด้วย”       เจ้ากระต่ายจอมเอาแต่ใจนั่นเอง....นี่คงจะไม่มีใครรู้เลยละสิว่าเจ้าหญิงผู้อ่อนหวานแท้จริงแล้วจะดื้อรั้นกะโปโลได้ขนาดนั้น


“ เดี๋ยวก่อน.....ตอนนี้นายอยู่ที่ไหนเนี่ย?”


“ อุเอโนะ”      ห๋า?....สวนอุเอโนะ น่ะหรอ?


“ แล้วนายไปทำอะไรที่นั่น? ถ่ายละครหรือยังไง?”       ผมก้มมองนาฬิกา มันบอกเวลาว่าตอนนี้ปาเข้าไปสามทุ่มแล้ว สวนนั่นมันมีเวลาปิดหรือเปล่านะ ผมไม่แน่ใจ


“ หนีออกมา....ก็งานเลี้ยงสินค้าที่เป็นพรีเซ็นเตอร์อยู่มันน่าเบื่อนี่ มีแต่ตาแก่พูดจาไม่รู้เรื่อง...”      หนีอีกแล้วหรอ....เจ้าเด็กนี่มันเอาแต่ใจซะจริงๆถ้ายิ่งตามใจจะยิ่งเคยตัวรึเปล่านะ


“ ไปรับก็ได้อยู่หรอก แต่ว่าคงต้องรอฉันเลิกซ้อมก่อน จะเอาไงล่ะ”        เสียงปลายสายเงียบไป...คงรู้แล้วสินะว่าผมออกไปหาตอนนี้ไม่ได้


“ งั้นจะรอ”       แล้วเจ้ากระต่ายตัวดีก็กดวางสายไปโดยไม่คิดจะฟังอะไรจากผมต่อ ผมมองมือถืออย่างรู้สึกฉุนนิดๆ ทำไมถึงได้เอาแต่ใจและไม่ยอมฟังอะไรเลยแบบนี้นะ และถ้าคิดว่าผมจะเป็นเจ้าชายใจดีที่จะยอมตามใจทุกเรื่องละก็ คิดผิดแล้ว....ผมก็มีหน้าที่ที่จะต้องทำ มีงานที่ผมรักซึ่งจะทิ้งไปง่ายๆเหมือนที่เด็กนั่นทำไม่ได้  ผมโยนมือถือลงกระเป๋าก่อนจะเดินเข้าห้องซ้อมไป


เข็มนาฬิกาชี้ที่เวลาเที่ยงคืนตรงเป๊ะ ผมเดินออกจากห้องซ้อมมาด้วยความอ่อนล้า และกว่าจะได้หยิบมือถือขึ้นมาดูอีกครั้งก็เมื่อกำลังเดินไปที่รถของตัวเอง....มีสายที่ไม่ได้รับกว่าสิบสายและมันล้วนเป็นเบอร์ของเจ้ากระต่ายทั้งสิ้น


ลืมไปเลยว่าเจ้าตัวดีบอกว่าจะรอ....แต่ป่านนี้แล้ว มีหรือไอดอลคนดังจะยังนั่งรอผมอยู่น่ะ....แต่ยังไงก็ลองโทรเช็คดูหน่อยก็แล้วกัน


“ โกคุเดระ อยู่ที่ไหนน่ะ?”        ถึงแม้จะกดรับแต่ดูเหมือนปลายสายจะเงียบไปอยู่นาน ก่อนจะมีเสียงตอบกลับมาเบาๆว่า


“ อุเอโนะ”        บ้าจริง! นี่ยังรออยู่อีกหรอ?!


“ ถ้างั้นรอเดี๋ยวนะ จะรีบไป”       ผมกระโดดขึ้นรถแล้วรีบขับออกไปราวกับพายุ ภายในใจรู้สึกสับสนจนบอกไม่ถูก ทั้งโมโห ทั้งดีใจ แต่ที่มากกว่าอะไรในตอนนี้คือเป็นห่วง...


ตัวเองเป็นใครทำไมไม่สำนึกบ้าง ไปนั่งอยู่ในที่แบบนั้นมันอันตรายแค่ไหน เรื่องแค่นี้ทำไมไม่รู้ ยิ่งมองความมืดและความเงียบเชียบของสองข้างทางในยามนี้ ในใจยิ่งรู้สึกกังวลจนไม่คิดว่าคนอย่างผมจะห่วงใครได้ขนาดนี้....ทั้งๆที่เพิ่งจะเจอกันได้แค่ไม่นาน....


เสียงรถจอดดังสนั่น ขารีบก้าวออกจากรถก่อนจะกระโดดข้ามรั้วเข้าไปโดยไม่ฟังเสียงของยามที่ตะโกนห้ามอยู่ไกลๆ สวนที่กว้างใหญ่ขนาดนี้...อยู่ที่ไหนกันล่ะ....ผ่านหลังบอบบางนั่นอยู่ที่ไหนกัน


ผมวิ่งปนหอบแฮ่กไปตามทางที่สลัวๆไปด้วยโคมไฟเก่าๆ  และแล้วผมก็มองเห็นคนที่ผมเฝ้าตามหา แผ่นหลังบางของเขานั่งอยู่ที่เก้าอี้ตัวหนึ่ง ถึงแม้รอบข้างจะมืดมัวแต่รอบๆตัวของเขากลับสว่างไสว....สมกับที่เป็นกระต่ายสีขาวที่หล่นลงมาจากฟากฟ้า.....


ผมเดินเข้าไปหาเขาช้าๆ ใบหน้าหงอยเหงาที่ก้มมองพื้นค่อยๆเงยขึ้นเมื่อรับรู้การมีอยู่ของผม และชั่ววินาทีที่ดวงตาของเราสบกัน ผมก็ดึงร่างบอบบางของเขาเข้ามากอดเอาไว้ในอ้อมแขนโดยที่ไม่รู้ตัว


ร่างกายนุ่มนิ่มนั้นเย็นเฉียบ ผมยิ่งกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นราวกับว่าต้องการจะส่งผ่านความอบอุ่นของตัวเองไปสู่ร่างที่กำลังสั่นระริก


ใบหน้าสวยของเขาซุกลงที่แผงอกของผม   แขนของเขากอดมาที่แผ่นหลังของผม   และมือของเขาจับที่เสื้อของผมแน่น


“ ขอโทษ...ขอโทษที่ให้รอนะโกคุเดระ”        ผมกระซิบแผ่วเบา ก่อนจะกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นไปอีก


“ จะขอโทษทำไม คนที่ผิดไม่ใช่นายซักหน่อย”      เจ้ากระต่ายที่ไม่ได้พูดเอาแต่ใจแบบนี้ยิ่งทำให้ในใจของผมเจ็บแปลบอย่างแปลกประหลาด ถ้าหากผมจะสัญญาว่าต่อจากนี้ไปจะขอดูแลเขาให้ดีกว่านี้....เขาจะยังเชื่อผมอยู่ไหมนะ


“ กลับบ้านกันนะ...”


“ อื้อ...”


ผมถอดเสื้อโค้ทที่ใส่อยู่คลุมไปบนร่างของเขาอีกชั้น ก่อนที่จะเอื้อมมือไปจับมือของเขาเอาไว้แล้วเดินไปด้วยกัน บรรยากาศที่เงียบสงบของสวนสาธารณะที่งดงามทำให้ความรู้สึกเริ่มจะปลอดโปร่ง หากเป็นเวลากลางวันเราคงไม่สามารถมาเดินด้วยกันแบบนี้ได้


“ แล้วทำไมนายไม่กลับไปรอที่บ้านก่อนล่ะ มานั่งตากยุงอยู่แบบนี้ ถ้ามีจุดแดงๆขึ้นละจะทำยังไง”      มันน่าเสียดายใช่ไหมล่ะถ้าผิวขาวๆของเจ้ากระต่ายจะมาเป็นจุดแดงๆเพราะยุง ไม่ใช่เพราะริมฝีปากของผม


“ กลับไปก็เข้าไม่ได้อยู่ดี...”         เสียงตอบกลับมานั้นงึมงำ...เอ๊ะ!.....ผมลืมไปเลยว่าทั้งคีย์การ์ดทั้งกุญแจห้องนั้นอยู่ที่ผมทั้งหมด.....อ้า....ถึงว่า


“ ถ้างั้นก่อนกลับ ฉันขอแวะไปที่ที่นึงก่อนนะ”


รถของผมออกวิ่งอีกครั้งก่อนจะไปหยุดอยู่ที่หน้าบ้านเดี่ยวหลังหนึ่ง ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากสตูดิโอของผมนัก ผมออกไปยืนเคาะประตูหน้าบ้านในขณะที่ปล่อยให้เจ้ากระต่ายนั่งรออยู่ในรถ


“ โทษทีนะสึนะ”


“ อือ...ไม่เป็นไร....”         ผมรับของบางอย่างมาจากนักร้องนำร่างเล็กที่ยืนหาวหวอดสลึมสลือ  หลังจากได้ของที่ต้องการแล้วผมก็บอกลาเจ้าของบ้านก่อนจะตรงดิ่งกลับมายังที่นั่งคนขับ


“ เอ้า!       ผมโยนของที่ว่านั่นไปยังมือของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ นัยน์ตาสีมรกตก้มลงมองก่อนจะเบิกกว้าง


“ กุญแจห้อง....ของนาย?”


“ ใช่....ทั้งคีย์การ์ดทั้งกุญแจห้อง...คราวหลังถ้ามันต้องรอนานขนาดนี้ก็กลับไปรอที่ห้องก่อน...เข้าใจนะ....ฉันไม่ได้ลำบากหรอกที่ต้องไปรับนาย แต่ว่าบางทีมันก็อันตรายเกินไปที่จะไปนั่งอยู่แบบนั้นคนเดียว”      ผมพูดออกไปเป็นชุด แต่ดูเหมือนเจ้าคนข้างๆจะยังไม่ยอมละออกมาจากพวงกุญแจในมือ


“ อะ...อื้อ...”         ก็แค่กุญแจห้องเองน่า...อย่าอึ้งซะจนพาลทำให้ผมหน้าแดงไปด้วยแบบนี้สิ....ผมขยับมือไปที่เกียร์ก่อนจะออกรถ ผมหันไปมองนักร้องนำร่างเล็กที่ยังยืนอยู่หน้าบ้านแล้วโบกมือพร้อมยิ้มน้อยๆทั้งๆที่ตาแทบจะติดกันมาให้


“ นั่น....นักร้องนำวงนายสินะ”       เสียงเจ้ากระต่ายเอ่ยออกมาเบาๆอยู่ข้างๆ ทำให้ผมตอบรับไปแบบไม่ได้คิดอะไร


“ อื้อ”


“ น่ารักดีนะ......”      หื๋อ?  ทำไมน้ำเสียงมันฟังดูซึมๆผิดปกติวิสัยของเจ้าคนที่หยิ่งและเอาแต่ใจแบบนั้น


“.....คงจะเป็นคนสำคัญละสิ ถึงได้มีกุญแจห้องนายแบบนี้....”        เห๋.....ไอ้การที่จะเริ่มน้อยใจจากการเข้าใจผิดแบบนี้นี่มัน....


“ หึงหรอโกคุเดระ?”


“ บะ...บ้า! ใครจะไปหึงกัน?! ฉันไม่ได้เป็นอะไรกับแกซักหน่อย!!       รถที่เพิ่งจะออกวิ่งได้ไม่นานถูกผมหยุดลงที่ข้างทางอีกครั้ง


“ ถ้างั้น.....อยากเป็นไหมล่ะ...”       ใบหน้าของผมขยับเข้าไปใกล้เจ้ากระต่ายสีขาวที่นั่งตัวแข็งอยู่ที่เบาะข้างๆ ใบหน้าสวยก้มลงนิดๆแต่ก็ไม่ได้ขยับหนี ยิ่งเห็นแบบนั้นผมยิ่งไม่อาจหยุดยั้งริมฝีปากให้เข้าไปใกล้เขาเรื่อยๆ เรื่อยๆได้


ริมฝีปากนุ่มที่เคลือบเอาไว้ด้วย “ลิปสติก” ของเขาถูกผมแนบลงไปด้วยริมฝีปากอย่างแผ่วเบา ความหอมหวานของเขาทำให้ผมขบเม้มลงไปที่ริมฝีปากล่างก่อนจะสอดลิ้นเข้าไปควานหาความหอมหวานที่มีมากยิ่งกว่า เรียวลิ้นที่ไร้เดียงสาของเขาพยายามตอบรับผมเท่าที่จะทำได้ ในขณะที่มันเกี่ยวพันกันจนแทบจะไม่มีที่ว่างเหลืออยู่อีก


ลมหายใจที่เริ่มจะติดขัดของเขาทำให้ผมจำต้องละออกมาอย่างน่าเสียดาย ผมเอื้อมมือไปเช็ดน้ำลายที่มุมปากของเขาพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้ ใบหน้าสวยผงะไปเล็กน้อยก่อนจะเสไปอีกทาง  ไฟที่ส่องเข้ามาจากภายนอกทำให้ผมมองเห็นรอยแดงๆบนสองแก้มของเขา




แย่ละสิ....


ผมคงจะตกหลุมรักเด็กนี่เข้าให้แล้วไง.....






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Continue







อืม....ความจริงมีสเก็ตผังคอนโดที่ทั้งสองคนอยู่ด้วยกันอยู่ด้วยนะ แต่เนื่องจากลายเส้นชั่วร้ายมากเลย....ไว้ก่อนละกันฮ่าๆๆๆ (เฮ้ย)  ก็ตอนแรกว่าจะเขียนให้มันดีๆแล้วเอามาแปะประกอบฟิคด้วย....แต่ทว่า....มันก็ไม่ทันอีกแล้วค่ะ โฮๆๆๆๆ

อะ....เอาเป็นว่า....จิ้นกันไปเองก่อนก็แล้วกันนะ (โดนโบก)




6 ความคิดเห็น:

  1. โฮกกกก ตกหลุ่มรักเข้าซะแล้วววว พึ่งจะคิดได้เหรอออ ยามะเอ้ยยย
    จากเพื่อนบ้านกวนประสาท เลื่อนมาเป็นพ่อบ้านสุดหล่อ
    ดูแลกระต่ายเมาเหล้า เนียนๆตามระเบียบเลยน๊า แถมไปว่าคนหลับเค้ายั่วอีก ฮา
    ก๊กกอดเข่า ยามะจูบหน้าผาก ก๊กเอาผ้าขนหนูเช็ดผมเช็ดหัว โฮกกกก
    กะลังอินไปกับทั้งคู่ >///<

    สองคนนั้นก็ตีกันประจำอยู่แล้ว สึนะจะตื่นเต้นอะไร? << ยาม๊าา แกไม่คิดจะช่วยสึนะหน่อยเร้อออ ฮ่าฮ่า โพล่นิดๆหน่อยๆแต่ก็ได้ใจอ่ะ กร๊ากกก ตัวปัญหาสินะสองคนนั่นน่ะ^^"

    เดี๋ยวโกรธ เดี๋ยวงอนเดี๋ยวคิดมาก เดี๋ยวๆก็เป็นห่วง เป็นเอามากนะ ยามะ แต่ฉากกระโดนข้ามรั้วไปหานางเอก?ที่นั่งในสวนคนเดียวมันพระเอกม๊ากมาก แอบหมั่นไส้ปล่อยให้คนสวยรอตั้งนาน

    อร๊ายยยย บรรยากาศเป็นใจ อยากเป็นแฟนกันมั้ยแล้วไงต่อๆ รีบดิ่งไปหาตอน3

    ปล.แผนผังคอนโดห้องหับ อะไรข้างในอะไรประมาณนี้ป่ะคะ อยากเห็นเหมือนกันน๊าาา ชอบดูพวกผังห้องอะไรพวกนี้อ่ะ แต่ก็พอจะจิ้นได้อยู่นะ อิอิ

    ตอบลบ
  2. อ่านแล้วยิ้มไม่หยุดเลยค่ะ
    มาอยู่ด้วยกันแบบนี้น้องกระต่ายไม่รอดแน่ๆ
    แถมดูท่าทางก็มีใจให้พ่อหนุ่มมือเบสด้วยนี่นาา

    ก็กมีหึงด้วยอ้ะ น่ารักอะไรแบบนี้
    ใจตรงกันสิน้าาา แต่แกปล่อยให้คนสวยรอนาน
    แอบตัดคะแนนได้มั๊ยยามะ555555

    ตอบลบ
  3. ก๊กน่ารักอ่ะ ส่วนยามะยังคงน่าหมั่นไส้อยู่เหมือนเดิม
    ทำมาเป็นปล่อยให้หนูก๊กรอ ชิชะ

    ว่าแต่วงดนตรีของยามะนี่ช่างเป็นวงที่ครึกครื้น?ดีจัง ฮ่าๆๆๆ
    ฮากับความคิดยามะ >>> สองคนนั้นก็ตีกันประจำอยู่แล้ว สึนะจะตื่นเต้นอะไร?

    ตอบลบ
  4. มันต้องอย่างงั้น! ใช่แล้วยามะลาก๊กเข้ามาในห้องเลยยยยย!!!
    โอ๊ยยยย พอจิ้นภาพก๊กวิ่งหลับหูหลับตาผ่านห้องยามะแล้ว มันน่ารักอ่า!!!~
    แหม~ อยากอยู่กับยามะล่ะสิ ไม่ต้องเขินหรอกหนูก๊ก

    “ จนกว่าจะหากุญแจกับคีย์การ์ดเจอ...ฉันจะอยู่ที่นี่ไปก่อน” < ช่างเป็นคำพูดเอาแต่ใจที่ฟังแล้วน่ารักที่สุดในโลกเลยยยยยย

    แอบสงสารซือคุงนะเนี้ย
    แต่นึกสภาพท่านฮิกับคุณมุที่ทะเลาะด้วยวิธีการแบบนี้แล้วฮาจริงๆค่ะ

    ว๊ากกกกกก!!! ก๊กหลับได้น่ารักสุดๆ แบบนี้ยามะจะอดใจไหวได้ยังไง!!! กดเลยๆๆ(โดนเตะออกจากบล๊อก)
    ชอบๆสุดเลยค่ะตอนที่ก๊กนั่งอยู่รอที่สวนอุเอโนะแล้วยามะรีบวิ่งออกตามหา บรรยากาศตอนนี้มันดูโรแมนติกมากๆเลย
    แล้วยิ่งตอนที่ยามะดึงหนูก๊กที่แสนจะบอบบางเข้าไปกอดนี่.......... ว๊ากกกกกกกก คนอ่านแทบจะกระโดดร้องลั่นบ้านเลยค่ะ!!!
    ให้มันได้อย่างนี้สิยามะ!!!
    “ จะขอโทษทำไม คนที่ผิดไม่ใช่นายซักหน่อย” < ไปพูดอย่างนี้ได้ยังไงหนูก๊ก! แกแหละผิดเต็มๆเลยยามะ บังอาจทำให้ก๊กรอนาน นี่เห็นเบสสำคัญกว่าก็กเรอะ!!!

    แต่ว่าก๊กหึงได้น่ารักสุดๆเลย
    “ ถ้างั้น.....อยากเป็นไหมล่ะ...” < คำพูดแบบนี้มัน..............
    พอจิ้นหน้าของยามะที่พูดแบบนี้แล้วมันก็แทบอยากจะตะโกนลั่นบ้านเลยค่ะ
    ความดาร์กกับความอ่อนโยน(?)ผสมผสานกันได้ลงตัวจริงๆ จนอยากจะยกโล่ให้เลยค่ะ!!!

    ช่วงบรรยายตอนที่ทั้งสองคนจูบกันบนรถเนี้ย อ่านแล้วสติแทบแตกเลยค่ะ
    พระเจ้า! ทำไมก๊กถึงได้โมเอะเช่นนี้!!!~
    ร้องโวยวายลั่นบ้าน นี่ยังไม่หุบยิ้มตั้งแต่นั่งอ่านเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นแล้วนะ กลัวขากรรไกรจะค้างจริงๆ (เรื่องนั้นช่างเหอะ)

    ตกหลุมรักแล้ว ตกหลุมรักแล้ววววววววว!!!
    โฮ่ๆๆๆ อย่าหวังเลยว่าจะขึ้นจากหลุมนั้นได้ง่ายๆน่ะ

    อ๊ากกกกกกกกกกก ฟิคเรื่องนี้เป็นเรื่องแรกค่ะ ที่รู้สึกชอบยามะมากๆ (เกือบ)พอๆกับก๊กเลย
    ชอบจนอยากได้ทั้งคู่กลับบ้านเลยยยยยยยยยยย!!!

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ21 กรกฎาคม 2557 เวลา 07:31

    นึกว่ายามะจะรุกแรงลากก๊กเข้าห้องตั้งแต่เช้า
    ที่ไหนได้แค่ปรับความเข้าใจกันเฉยๆ
    แล้วผู้จัดการของก๊กคะ
    ที่จริงคุณพยายามจิ้นคู่นี้อยู่ใช่มั๊ยคะ
    เห็นก๊กเข้าห้องไม่ได้เลยเอามาฝากไว้กับยามะซะงั้น
    เจ้าของห้องเต็มใจสุดๆ
    แถมคนถูกฝากดูแลก็ไม่ได้ปฏิเสธด้วย
    แสดงว่าก๊กเริ่มเปิดใจให้ยามะแล้วล่ะ
    เพราะเป็นคนเดียวล่ะมั้งที่ก๊กพยศด้วยอย่างจริงจัง

    วงที่ยามะอยู่นี่เขาทำงานกันยังไงน่ะ
    เห็นมีสองสมาชิกตีกันตลอด
    เฮ้ออออออ
    สึนะเอาอยู่มั๊ยนั่น

    ตอบลบ
  6. ไม่ระบุชื่อ2 สิงหาคม 2566 เวลา 22:36

    แหมมมมขนาดนี้แล้วนะ ถ้าไม่รู้ใจตัวเองคือแย่เลยน้าาาาา

    ตอบลบ