KHR Au. Fic [8059] --- Shiki : เลือดหยดที่สี่ ---


KHR AuS.Fic [8059]    --- Shiki : เลือดหยดที่สี่ ---

: KHR feat. Shiki Fanfiction
: 8059 , Ozaki x Muroi , Muroi x Sunako , Toru x Natsuno
: Horror Romance 
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ










แสงตะเกียงวูบไหวในความมืด ส่องให้เห็นผนังกระจกสีที่ทำเป็นรูปสัตว์ร้ายในศาสนาคริสต์ เก้าอี้เก่าโทรมเนื่องจากไม่มีคนใช้และใครดูแลตั้งเรียงรายเข้าหาแท่นพิธีตามแบบโบสถ์ของคริสต์ตามปกติ แต่ที่จะดูแปลกประหลาดคืออาคารที่ตั้งใจทำให้คล้ายโบสถ์หลังนี้ดันมาตั้งอยู่ในป่าลึกด้านหลังวัดเพียงหนึ่งเดียวของหมู่บ้านโซโตบะ...


เสียงประตูเปิดออกทำให้ใบหน้าเรียวของมุโรอิ เซอิชิน หันไปมองแขกในยามวิกาลที่เดินเข้ามาหาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม


“ มุโรอิซัง หนูเอาหนังสือมาด้วยช่วยเซ็นต์ให้ตามที่สัญญาด้วยนะคะ”       หนังสือจากปลายปากกาของตนถูกยื่นมาให้ ใบหน้าที่กำลังนั่งครุ่นคิดมาตลอดจนถึงเมื่อครู่จึงเปลี่ยนมาขึ้นสีระเรื่อในชั่วพริบตา


“ เขินเหมือนกันนะครับเนี่ย”       ลายเซ็นถูกเขียนลงไป และเด็กหญิงเองก็ทำหน้าดีใจอย่างที่สุด


“ ขอบคุณค่ะ จะเก็บเอาไว้อย่างดีที่สุดเลยละ”     หนังสือถูกส่งคืนสู่อ้อมกอดเล็กๆของเด็กหญิง  การพบกันแบบแปลกประหลาดเกิดขึ้นนับตั้งแต่คืนนั้น....ปกติแล้วมุโรอิ เซอิชิน มักจะมานั่งคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ที่โบสถ์ร้างกลางป่าเขาแบบนี้อยู่แล้ว จะต่างออกไปที่หมู่นี้มักจะมีเด็กหญิงมานั่งคุยด้วยหากสามารถออกมาได้


“ ซูนาโกะ หนูไม่ควรจะออกมาที่นี่บ่อยๆนะ”


“ ทำไมละคะ คุณไม่ชอบให้ใครเข้ามาในที่ของคุณอย่างนั้นหรอ”     น้ำเสียงเล็กฟังดูเหงาหงอยจนอีกคนต้องรีบพูดตัดบท


“ ไม่ใช่หรอก...แต่หนูสุขภาพไม่ดี ออกมาเดินกลางดึกแบบนี้อาการจะแย่ลงนะ”       เด็กหญิงตรงหน้าเป็นโรคแพ้แสงแดดขั้นรุนแรง เพราะเช่นนั้นจึงไม่สามารถออกไปไหนมาไหนในเวลากลางวันได้ จะมีก็แต่เวลากลางคืนที่จะสามารถออกมายืนอยู่ตรงนี้ได้


“ มุโรอิซังห่วงหนูด้วยหรอคะ ดีใจจังเลยน้า...”      ใบหน้าราวกับตุ๊กตาอมยิ้มพร้อมนั่งลงข้างๆ


“ ที่จริงผมก็อยากจะเก็บไว้เป็นความลับ แต่คงต้องเตือนหนูเอาไว้ ว่าตอนนี้ในหมู่บ้านของเรากำลังมีโรคระบาดที่น่ากลัวแพร่กระจายอยู่”


“ เอ๋...อย่างนี้ก็แย่สิคะ หนูอุตส่าห์ย้ายมาที่นี่เพื่อรักษาตัวแท้ๆ...”     เสียงเล็กๆไพเราะราวกับเสียงของระฆังทำให้คนที่ได้ฟังรู้สึกราวกับว่าได้ปล่อยวางทุกๆอย่างลง ไหล่ที่เคยตั้งตรงและแบกรับเอาทุกความคาดหวังไว้กลับลู่ลงราวกับยกของพวกนั้นออกไปจนหมด


“ วันนี้หน้าคุณดูไม่ดีเลยนะคะ ไม่สบายใจเรื่องอะไรหรือเปล่า”      คงจะมีแต่ที่นี่และเด็กคนนี้ที่เขาจะสามารถแสดงสีหน้าที่แท้จริงออกไปได้


“ โทชิโอะเค้าดูจะหัวเสียที่ช่วยคนไข้ของเขาเอาไว้ไม่ได้จึงมาลงที่ผม แต่เค้าไม่ได้หงุดหงิดผมหรอก แต่ที่เค้าหงุดหงิดคือตัวของเค้าเองมากกว่า”       ใบหน้าที่เคยสงบนิ่งเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อย ทั้งๆที่อยากจะช่วยเพื่อนเพียงคนเดียวคนนั้นแต่ก็กลับช่วยอะไรไม่ได้เลย


เหมือนทุกๆครั้ง....ที่เขาได้แต่ปล่อยให้โทชิโอะต้องแบกรับกับเรื่องราวต่างๆแต่เพียงผู้เดียว...สำหรับโทชิโอะแล้ว...เขามักจะเป็นฝ่ายที่ถูกปกป้องอยู่เสมอ


“ ทะเลาะกันมาอย่างนั้นหรอคะ”       เสียงใสทำให้ใบหน้าเรียวพยักหน้าลงน้อยๆ


“ หนูเสียใจด้วยทั้งมุโรอิซังและคุณหมอโอซากิ”       ร่างกายเล็กๆขยับมายืนอยู่ตรงหน้าแล้วมือเล็กของเด็กหญิงก็ยื่นมาลูบหัวอีกฝ่ายราวกับจะช่วยปลอบโยน ความอบอุ่นซึ่งเป็นฝ่ายได้รับมันเป็นเช่นนี้เองหรือ
















“ โกคุเดระ...”       เสียงเรียกเบาๆทำให้คนที่นั่งอยู่บนสกูตเตอร์หลุดออกมาจากภวังค์ เรื่องราวจากหลุมศพทำให้พระร่างเล็กที่เคยซุกซนและไม่กลัวเกรงต่อสิ่งใดถึงกับประสาทด้านชา เพราะรู้ดีว่าตอนนี้มันกำลังเกิดอะไรขึ้นในหมู่บ้านแห่งนี้


“ ลงมาล้างหน้าล้างตาก่อนเถอะ กลับไปที่วัดทั้งสภาพมอมแมมแบบนั้นคงจะถูกสงสัยแย่”      นัยน์ตาสีมรกตแลมองรอบกายอย่างงงๆแสงแดดยามเย็นส่องให้เห็นว่าตนกลับมาอยู่ที่บ้านของยามาโมโตะแล้ว


“ อะ....อื้อ”




โกคุเดระนั่งเหม่อมองสวนสีเขียวอยู่ที่ระเบียง ใบหน้าสวยที่เคยเต็มไปด้วยฝุ่นดินถูกชำระล้างจนเรียบร้อย ร่างสูงเดินถือถาดน้ำชาตรงเข้าไปหา ถึงแม้ถ้วยชาจะถูกวางลงข้างๆแต่ใบหน้าที่ยังคงครุ่นคิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้สึกตัวเลย


นัยน์ตาสีเปลือกไม้ไล่มองร่างเล็กบางที่นั่งหันหลังอยู่ตรงหน้า....


เขารักโกคุเดระ....


รักมาตลอด....


แต่เพราะขนบธรรมเนียมและจารีตประเพณีของหมู่บ้านชนบทที่ยังคงยึดมั่นในความคิดแบบเดิมๆ ทำให้เขาไม่อาจจะทำอะไรให้ความรักของเขาสมหวังได้ เขาเป็นผู้ชายและโกคุเดระก็เป็นผู้ชาย มันจึงเป็นไปไม่ได้เลยที่เราจะรักกันโดยผ่านความเห็นชอบของคนทั้งหมู่บ้าน เพราะที่นี่ยังคงมีแต่คนเฒ่าคนแก่ที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยนไปของโลก ไม่ยอมรับคนที่รักเพศเดียวกัน


ตัวอย่างนั้นมีให้เห็นอยู่....และแทบไม่มีใครรู้เรื่องนี้เพราะมันคือความลับอย่างที่สุดของทั้งสองตระกูลที่เป็นผู้ค้ำจุนหมู่บ้านอย่างตระกูลมุโรอิและตระกูลโอซากิ....สองคนนั้นถูกจับแยกกัน....มุโรอิ เซอิชิน ถูกจับให้บวชและรับสืบทอดงานของวัดทั้งๆที่เจ้าอาวาสคนก่อนก็ยังทำได้อยู่...ส่วนโอซากิ โทชิโอะถูกจับให้แต่งงานกับผู้หญิงที่ไม่ได้รัก....


โกคุเดระเองก็อยู่ที่นี่ในฐานะเด็กในปกครองของรองเจ้าอาวาสเพราะเช่นนั้นจึงเป็นที่จับตามองของผู้คนในหมู่บ้านอย่างเลี่ยงไม่ได้ หมู่บ้านที่มีประชากรเพียงพันกว่าคนเพราะเช่นนั้นไม่ว่าใครจะทำอะไร ไม่ช้านานก็จะรู้กันไปทั้งหมู่บ้าน


แต่ถึงจะเป็นสถานที่แบบนี้ แต่โกคุเดระกลับรักที่นี่และไม่คิดจะจากไปไหน


และนั่นมันทำให้เขาตัดสินใจที่จะละทิ้งทุกอย่างเพื่อจะอยู่เคียงข้างโกคุเดระอยู่ที่นี่ พยายามเพื่อจะปกป้องสถานที่แห่งนี้ให้สงบสุขและปลอดภัยพอที่โกคุเดระจะอาศัยอยู่ เขาเฝ้าดูการเติบโตของโกคุเดระเพียงในฐานะเพื่อน เขาพอใจที่โกคุเดระตัดสินใจที่จะบวชตั้งแต่ยังเด็ก เพราะนั่นหมายความว่าจะไม่มีผู้หญิงคนไหนได้ตัวโกคุเดระไป


ถึงแม้จะรักกันไม่ได้ แต่หากยังคงเป็นอย่างที่เป็นอยู่ทุกวันนี้ เขาก็พอใจกับมันแล้ว


แต่ความสงบสุขที่เฝ้ารักษาเอาไว้กลับกำลังถูกทำลายโดยศัตรูที่ไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าจะต่อสู้กับมันได้ยังไง...ใครจะคิดว่าผีดิบนั้นมีจริงอยู่ในโลก...ภาพหลุมศพที่ไปเห็นมากับตาลอยขึ้นมาในหัวสมองอีกครั้ง มือที่วางอยู่ข้างกายได้แต่กำแน่นก่อนจะเงยหน้ามองแผ่นหลังเล็กที่ดูไร้เรี่ยวแรง....โกคุเดระเองก็คงกำลังรู้สึกเย็นเยือกที่ไขสันหลังเช่นเดียวกันสินะ..เพราะเราไม่รู้เลยว่า...หมู่บ้านโซโตบะจะอยู่แบบนี้ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน


จะต้องต่อสู้ดิ้นรนอย่างไร....ไม่รู้เลย....


ร่างสูงขยับกายเข้าไปหาร่างเล็กบางก่อนจะนั่งลงที่ด้านหลัง....ปกติเขาจะหักห้ามใจตัวเองได้เสมอ....แต่มีครั้งนี้ที่รู้สึกอยากโอบกอดโกคุเดระเอาไว้จนไม่อาจห้ามตัวเองได้....สองแขนแข็งแรงโอบรัดให้แผ่นหลังเล็กแนบชิดไปกับแผ่นอกของตัวเอง ใบหน้าคมวางไว้ที่หัวไหล่เล็ก สายตาแลเห็นใบหน้าสวยขยับเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับมาเศร้าสร้อยดังเดิม


“ ยามาโมโตะ....”      สองมือเล็กยกขึ้นมาวางไว้ที่แขนที่โอบกอดตนอยู่


“ แกจะไปจากที่นี่ไหม....”      คำถามที่แทบจะไม่ต้องใช้เวลาในการตอบ ใบหน้าคมส่ายหน้าในทันใด


“ ชั้นเองก็ไม่ไปไหนเหมือนกัน....”       แล้วทุกอย่างก็เงียบลงดังเดิม ด้วยต่างคนต่างไม่รู้ว่าจะใช้คำพูดใดมาปลอบใจอีกคน จึงเพียงปล่อยให้ร่างกายได้สัมผัสความอบอุ่นของอีกฝ่ายแทน


“ นี่...ยามาโมโตะ...”


“ หือ...?”


“ แกคิดว่า....เราจะสู้กับพวกมันได้ไหม....ชั้นน่ะ...ยังไงก็ตัดใจให้พวกมันยึดบ้านของชั้นไปไม่ลงหรอก”


“ นั่นสินะ....”      เขาไม่ได้คิดหรอกว่าจะปกป้องหมู่บ้านได้ เขาไม่ใช่ฮีโร่  แต่มีเพียงสิ่งเดียวเท่านั้นที่เขาตั้งใจจะปกป้อง....อ้อมแขนกอดกระชับร่างเล็กบางอีกครั้งก่อนจะยอมปล่อยโกคุเดระให้เป็นอิสระ ใบหน้าที่เอาแต่เหม่อลอยค่อยๆหันกลับมาช้าๆ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองมาที่หน้าของเขาราวกับกำลังตัดสินใจอะไรบางอย่าง


“ ฉันจะไม่ยอมให้พวกมันเล่นงานเราแต่เพียงฝ่ายเดียวหรอก”      นัยน์ตาสีมรกตกลับมาแข็งกร้าว และนั่นมันก็ทำให้เขาอยากจะลองพยายามให้ถึงที่สุดดู


“ ฮะ ฮะ นายนี่เป็นพระที่โหดน่าดูเลยน้า...”      


“ หึ...พระปราบผี...ไม่ถือว่าบาปหรอกน่า”       ร่างกายที่ดูห่อเหี่ยวมาจนถึงเมื่อครู่ดูเหมือนจะค่อยๆฟื้นตัวขึ้นมาเรียบร้อยแล้ว จู่ๆมือเล็กก็จับลงมาที่ข้อมือของเขาก่อนจะพูดออกมาด้วยสีหน้าเด็ดเดี่ยว


“ ฉันน่ะ ยังมีสิ่งสำคัญที่ต้องการจะปกป้องอยู่ เพราะงั้นจึงต้องทำให้ที่นี่น่าอยู่เพื่อให้สิ่งสำคัญของชั้นอยู่ได้ยังไงล่ะ”       ตอนนี้....เขาคงจะกำลังยิ้มอยู่แน่ๆ....




ถึงแม้ว่าเราจะรักกันไม่ได้....แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รัก.....




“ แล้วจากนี้...จะเอาไงดีล่ะโกคุเดระ”


“ แกไปเก็บข้าวเก็บของ จากนี้ไปแกต้องไปค้างกับฉันที่วัด”        นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องไปที่ดวงตะวันที่กำลังจะลาลับขอบฟ้าพรางครุ่นคิดถึงสิ่งที่ได้อ่านมาจากหนังสือของเซอิชิน


“ ห๋า? ทำไมล่ะ นายกลัวหรอ?”


“ ไอ้บ้า! อย่างชั้นน่ะหรอจะกลัว จริงอยู่ที่เรายังไม่รู้อะไรเกี่ยวกับพวกมันเลย แต่ก็มีความเป็นไปได้ที่พวกมันจะกลัวสิ่งที่คนกราบไหว้บูชา แล้วที่วัดเองก็มีสิ่งศักดิ์สิทธิ์อยู่พอสมควร เพราะงั้นหากอะไรพอจะป้องกันได้เราก็ต้องลองเอาไว้ก่อน”


“ แล้วเราจะไม่บอกให้คนอื่นๆรู้หรอ”       .....แต่จะมีใครเชื่อเรื่องแบบนี้กัน....ก่อนจะพูดจบคงจะถูกหัวเราะเยาะด้วยซ้ำ....


“ จะบอกได้ไงล่ะ....ว่าพระกลับไปขุดหลุมศพซะเองเพื่อไปพิสูจน์ว่าในหลุมนั้นไม่มีศพน่ะ!....เราต้องล่อพวกมันออกมาแล้วก็จับตัวเอาไว้ซะ ให้พวกชาวบ้านมาดูว่าคนที่น่าจะตายไปแล้วกลับยังมาเดินเพ่นพ่านหาเลือดกินอยู่ตามหน้าบ้านของพวกเค้าเองน่ะ”      ถึงจะเป็นวิธีที่ดูเสี่ยง แต่ก็คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้วสินะ


“ เอาละ ไปกันเถอะ”       สกูตเตอร์สีชมพูแล่นออกไปจากบ้านที่คงจะร้างไร้คนอยู่ไปอีกพักใหญ่ เงาของทั้งสองค่อยๆเล็กลงจนหายไปกับท้องถนนโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีใครอีกคนแอบติดตามมาตั้งแต่ที่หลุมศพ....






หากพวกเราต้องการที่จะปกป้องของที่รัก....

แล้วศัตรูของเราเขาก็ย่อมต้องการปกป้องของของเขาเช่นกัน....

















ไฟจากสกูตเตอร์สีเขียวอ่อนส่องลงไปบนท้องถนนจนเห็นผิวขรุขระ....


ถึงแม้ใบหน้าของคนขับจะยังคงสงบเยือกเย็น แต่สิ่งที่ได้ยินมาเมื่อกลางวันกลับรบกวนจิตใจจนมันไม่อยู่กับเนื้อกับตัว


หมู่บ้านของเรากำลังโดนเล่นงานโดยผีดิบ!’     คำพูดที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของคนอย่างโทชิโอะได้ทำเอาเข่าของเขาแทบทรุด มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน...เรื่องแบบนั้น... ถ้างั้นก็มาพิสูจน์กัน คืนนี้ชั้นให้คนไข้มานอนรักษาตัวที่คลินิก มาดูกันให้รู้ไปเลยว่าอะไรกันแน่ที่ทำให้พวกเขาเสียเลือดมากจนถึงขั้นช็อคตายได้น่ะ ......... เซอิชิน ชั้นต้องการให้นายช่วยนะ  ....ถึงแม้จะอยากหัวเราะแค่ไหนแต่ประโยคสุดท้ายที่ได้ยินกลับทำให้หัวเราะไม่ออก และเขาก็กำลังมุ่งหน้าไปที่คลินิกโอซากิอยู่ในขณะนี้


บางที....ปีศาจที่ร้ายกาจยิ่งกว่าผีดิบ....อาจจะเป็นมนุษย์อย่างนายก็ได้ โทชิโอะ....

















ล้อจักรยานกำลังหมุนวนไปบนถนนดินเช่นเดียวกับยามค่ำคืนที่หมุนวนกลับมาเยือนอีกครั้ง


นัทสึโนะ ยูกิ กำลังปั่นจักรยานกลับบ้านหลังจากที่เขาเพิ่งจะไปค้นพบความจริงที่น่าสะพรึงกลัวบางอย่างมา


วันนี้...กลุ่มคนที่ไปขุดหลุมศพไม่ได้มีแต่พระร่างเล็กกับครูพละเท่านั้น...


แต่อีกฝั่งหนึ่งของหมู่บ้าน....หลุมศพของชิมิสุ เมงุมิก็ถูกขุดขึ้นมาพิสูจน์ความจริงเช่นกัน และหนึ่งในคนกลุ่มนั้นก็คือร่างที่กำลังขี่จักรยานกลับบ้านคนนี้เอง


ดวงตาทั้งคู่เพ่งมองไปที่ถนนซึ่งมีเพียงแสงสลัวๆจากไฟเก่าคร่ำคร่าที่ส่องลงมาเท่านั้น...ในใจกำลังนึกประหวั่นกับสิ่งที่กำลังคุกคามหมู่บ้านแห่งนี้...สิ่งที่กำลังคุกคาม...เขา


หลังจากวันนั้นที่เขาไปนอนค้างที่บ้านของโทรุและเห็นภาพที่ไม่ควรจะเห็น...ทั้งๆที่เขาเห็นชิมิสุกัดลงไปที่คอของโทรุ แต่เมื่อรู้สึกตัวอีกทีรอยพวกนั้นกลับไม่มีเหลืออยู่แล้ว...และถึงแม้จะติดใจสงสัย....แต่ความเจ็บปวดในใจทำให้เขาไม่อยากจะกลับไปเห็นหน้าโทรุในช่วงเวลานั้นอีก...


อยากจะอยู่ห่างสักพัก....เพื่อให้เวลาช่วยรักษาบาดแผลแม้จะเล็กน้อยก็ยังดี


เขาจึงได้แต่หลบเลี่ยงที่จะกลับไปที่นั่น....ที่ที่ความทรงจำมันยังคงตราตรึงอยู่เสมอว่าเขาก็เป็นแค่ เพื่อน คนหนึ่งของโทรุก็เท่านั้นเอง....แล้วอีกอย่าง


วันอาทิตย์หลังจากวันนั้นก็คือวันที่โทรุขอร้องให้เขาไปเป็นเพื่อนเพื่อเดทกับผู้หญิงที่เค้าเลือก....


เขาก็แค่อยากจะมีเวลารักษาบาดแผลให้หายดีก่อนที่จะต้องถูกทำให้บาดเจ็บอีกครั้งอย่างเย็นชา....จากคนที่เขาคิดมาตลอดว่าใจดี....แต่แท้ที่จริงแล้วนายมันโหดร้ายที่สุดโทรุ....


แต่จะไปโทษใครได้ ในเมื่อตัวเขาเองกว่าจะรู้ ว่ารู้สึกอย่างไรกับอีกฝ่าย...มันก็สายไปเสียแล้ว....


และตอนนี้ก็เช่นกัน.....กว่าจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นมันก็สายไปเสียแล้ว....




โทรุ...ตายแล้ว....




มือเผลอกำแฮนด์จักรยานแน่น...ในใจรู้สึกปวดหนักหน่วง....เป็นเพราะเขาเองที่ไม่กลับไปดูให้แน่ใจ เป็นเพราะเขาเองที่มัวแต่เป็นห่วงตัวเองและเอาแต่ปกป้องตัวเองจากบาดแผลแค่นั้น....หลังจากวันนั้นที่เขาเดินออกจากห้องนั้นมา...โทรุก็ไม่ได้ออกมาจากที่นั่นอีกเลย....


ทั้งๆที่มันผิดปกติที่คนร่าเริงอย่างโทรุจะเอาแต่หมกตัวเล่นเกมส์อยู่แต่ในห้องอย่างที่น้องสาวของโทรุบอก ทั้งๆที่รู้อย่างนั้นแต่เขากลับไม่คิดที่จะกลับไปดู


จนกระทั่งวันอาทิตย์ ที่เขาคิดว่าตัวเองพร้อมแล้วที่จะออกไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่าย แต่กลับกลายเป็นว่า วินาทีที่ขาก้าวเข้าไปในห้อง...คือวินาทีที่โทรุไม่มีลมหายใจอยู่ในโลกนี้อีกต่อไป


ร่างสีซีดที่ราวกับจะหายไปในอากาศกับใบหน้าที่หลับตาอย่างสงบนิ่งคือสิ่งที่ติดตาเขามาตลอด...โทรุที่นอนอยู่ตรงนั้นราวกับไม่ใช่โทรุที่เขารู้จัก ไม่ใช่โทรุที่คอยยิ้มแย้มและยื่นมือมาให้เขาเหมือนเช่นทุกครั้ง...โทรุที่เหลือไว้เพียงร่างไร้วิญญาณกับหัวใจที่ราวกับกำลังจะฉีกขาดออกเป็นชิ้นๆของเขา


เสียใจในภายหลัง....เพิ่งจะรู้จักคำพูดนี้อย่างดีที่สุดก็ตอนนี้เอง...


และนั่นมันทำให้ภาพในคืนนั้นไหลย้อนกลับมา....ภาพของชิมิสุที่กัดลงไปที่คอของโทรุ....


มันไม่ใช่แค่ความฝัน ?


ถ้าอย่างนั้น...บางที...คนที่ฆ่าโทรุก็อาจจะเป็นเขาเอง....


ถ้าหากเขาไม่รู้จักโทรุ....ถ้าหากชิมิสุไม่อิจฉาที่เขาอยู่กับโทรุมากกว่า.......ถ้าหากเป็นเช่นนั้น.....โทรุคงไม่ต้องตาย....


ล้อจักรยานหมุนวนอย่างบ้าคลั่งตามอารมณ์ของคนขี่ที่ไม่สามารถหยุดความรู้สึกราวกับพายุโหมกระหน่ำลงได้....เขาทำให้คนที่รักต้องตาย ทั้งๆที่อีกฝ่ายอาจจะไม่เคยรับรู้อะไรด้วยเลย...ทั้งๆที่อีกฝ่ายควรจะได้ใช้ชีวิตที่สดใสภายใต้ท้องฟ้าสีคราม


มันเป็นเพราะเขา....


เป็นเพราะเขาเอง....



เอี๊ยดดดดดด!!!



เสียงเบรกจักรยานดังสนั่นด้วยมือที่บังคับเบรกอย่างกะทันหันจนจักรยานล้มลงกวาดไปที่พื้น ก่อนคนที่ล้มลงไปพร้อมกันจะยกมือขึ้นขยี้หัว......นัยน์ตาอ่อนล้าแต่กลับแฝงไปด้วยความมืดมนอย่างน่าขนลุก...


เขาจะแก้แค้น....


จะกระชากพวกมันออกมาแล้วฆ่ามันให้ตายไม่ว่าจะอีกกี่ครั้ง...ให้สาสมกับที่มันทำกับหัวใจของเขา


ให้สาสมกับที่พวกมันฆ่าโทรุ....

















หญิงในวัยชราดูเหี่ยวแห้งและหมดเรี่ยวหมดแรงยิ่งขึ้นยามเมื่อป่วยไข้....ร่างที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้คือแม่สามีของนาโอะซังผู้ตายจากไปเมื่อไม่นานมานี้...ร้านก่อสร้าง...ช่างน่าสงสารอย่างที่ใครๆเขาว่ากัน ลูกสะใภ้ตายไปได้ไม่นาน ลูกชายกับหลานชายก็ตายตามไป และตอนนี้ภรรยาก็ยังมาป่วยด้วยโรคที่ดูจะใกล้เคียงกันเสียอีก


รองเจ้าอาวาสยืนมองร่างของหญิงชราอยู่ที่หน้าประตูห้องผู้ป่วย....คืนนี้เขามาอยู่เป็นโทชิโอะซึ่งยืนยันหนักแน่นถึงสมมติฐานใหม่ที่ตนคิดขึ้นมาได้...แต่เขายังไม่ปักใจเชื่อจนกว่าจะได้เห็นด้วยตาของตัวเอง...ถึงแม้จะเป็นพระและเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งลี้ลับมามาก...แต่หากจะให้เชื่อว่าผีดิบมีจริงอยู่บนโลก มันก็ดูจะไม่เข้ากับยุคสมัยนี้อย่างไรชอบกล


ร่างโปร่งของรองเจ้าอาวาสนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามกับหมอประจำคลินิกให้นัยน์ตาสีน้ำตาลเหลือบขึ้นมามอง


“ ขอบใจนะที่มาอยู่เป็นเพื่อน...เซอิชิน”       รอยยิ้มน้อยๆเผยออกมาอย่างที่หาดูได้ยากนัก เพราะปกติแล้วเขาไม่เลือกที่จะใช้รอยยิ้มแบบนี้กับใคร


“ ไม่เป็นไรหรอก ผมเองก็อยากจะรู้อยู่เหมือนกัน”        มือเรียวยกแก้วกาแฟขึ้นมาจิบด้วยใบหน้าสงบ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่ได้เห็นแต่ใบหน้าแบบนี้ของเซอิชิน ทั้งๆที่จริงแล้วรอยยิ้มของนายนั้นงดงามยิ่งกว่าใคร...รอยยิ้มที่ออกมาจากใจจริงๆมิใช่สิ่งที่ทำเพื่อให้ผู้อื่นสบายใจอย่างที่นายทำอยู่ในปัจจุบัน


มือที่วางอยู่บนหน้าตักเผลอกำแน่น....ถ้าหากตอนนั้นเขามีกำลังพอ...มีกำลังพอที่จะขัดขืนต่อคำสั่งของตระกูล....เรื่องของพวกเขาคงไม่จบลงแบบนี้....ทั้งๆที่สัญญากับตัวเองเอาไว้ ว่าไม่ว่าจะต้องใช้วิธีไหนก็จะต้องปกป้องคนตรงหน้าให้ได้...แต่สัญญานั้นเขาก็ไม่อาจทำได้สำเร็จ


และนอกจากจะไม่สำเร็จแล้ว...มันยังผูกมัดคนตรงหน้าจนหนาแน่นกว่าเดิม....


ปีกแห่งอิสรภาพของเซอิชิน....เขาเป็นคนหักมันออกมาเอง....


“ คืนนี้...พวกมันต้องกลับมาอีกอย่างแน่นอน”       เขาเอ่ยออกไปเพื่อทำลายความเงียบและจิตใจที่กำลังฟุ้งซ่านของตัวเอง


“ ดูนายจะมั่นใจนะ”


“ ก็คงงั้น....นายลองคิดดูสิ...แต่ละเคสที่เจอมาคนไข้จะไม่ได้ตายในวันแรกที่เริ่มป่วย แต่ต้องใช้เวลาสามหรือสี่วันกว่าที่อวัยวะภายในจะล้มเหลวจนตาย...นั่นอาจจะเป็นไปได้ว่าพวกมันไม่ได้ฆ่าเหยื่อตั้งแต่ครั้งแรก และเป็นไปได้ว่าพวกมันจะดูดเลือดเหยื่อราว3-4ครั้ง”


“ 3-4 ครั้งหรอ?”


“ พูดง่ายๆถ้านายเสียเลือดไป 50 เปอร์เซ็นต์ จะเกิดภาวะหัวใจหยุดเต้น ถ้าเราคิดจากเลือดทั้งหมด 4 ลิตร ครึ่งหนึ่งคือ 2 ลิตร ยังไงพวกมันก็ไม่มีทางดูดเลือดทีเดียว 2 ลิตรได้หรอก พวกมันจะอิ่มน่ะนะ”


“ เพราะอย่างนั้นพวกมันจะต้องกลับมาดูดเลือดเหยื่ออีกอย่างแน่นอน”


“ ถ้างั้น...เหยื่อจะไม่รู้สึกตัวเลยหรอ เวลาที่ถูกดูดเลือดอีกน่ะ ทำไมพวกเค้าถึงไม่พูดอะไรเลยล่ะ”


“ มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะถูกอะไรบางอย่างขวางไว้ไม่ให้พูด....อย่างพวกแมลง...เวลาที่มันดูดเลือดเรามันจะปล่อยสารบางอย่างเข้าไปในร่างกายของเรา....พวกมันอาจจะใช้วิธีเดียวกันนี้ก็ได้...”        เสียงพูดขาดหายไปพร้อมกับใบหน้าของทั้งสองที่มีแววเหม่อลอย....หากมันเป็นเช่นนั้นจริงๆ.....หมู่บ้านโซโตบะจะมีอนาคตเช่นไรกัน....




ดูเหมือนว่าคืนนี้พวกมันจะไม่มา....


ตีห้ากว่าแล้ว....ใบหน้าคมหันไปมองนาฬิกาก่อนจะหันกลับมาที่ข้างกาย...ร่างโปร่งของเซอิชินหลับฟุบอยู่กับโต๊ะ ใบหน้าที่ตะแคงหันมานั้นช่างแตกต่างจากตอนที่ตื่น มือเผลอยกขึ้นลูบไปที่แก้มเนียน


คุณหมอลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างแผ่วเบาก่อนจะหยิบผ้าห่มที่วางอยู่ไม่ไกลคลี่ออกแล้วคลุมลงไปบนไหล่บาง นัยน์ตาสีน้ำตาลจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยแววตามุ่งมั่น


ต่อให้ต้องเปื้อนเลือดอีกแค่ไหน...ฉันก็จะปกป้องนายให้ได้ด้วยวิธีของฉัน!

















นัยน์ตาสีมรกตกระพริบมองใบหน้าคมที่อยู่ห่างแค่คืบในความมืด...คืนที่สองแล้วที่ยามาโมโตะมานอนค้างที่วัด....ร่างเล็กบางซุกตัวเข้าไปในอ้อมแขนของคนที่หลับไม่รู้เรื่องมากยิ่งขึ้น...รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีเลย....จู่ๆก็นึกกลัว...ว่าคนตรงหน้าจะหายไป...


ถึงแม้จะไม่รู้ว่าได้ผลหรือเปล่า...แต่วันกว่าๆที่ผ่านมา เขาและยามาโมโตะต่างช่วยกันขุดหลุมศพที่เพิ่งฝังแล้วขนพวกเครื่องรางลงไปไว้ที่ก้นหลุม ส่วนศพเองก็ตอกลิ่มเอาไว้ที่หัวใจ ก่อนจะกลบฝังดังเดิม....ไม่รู้ว่าจะช่วยได้แค่ไหน แต่ก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย


ส่วนพวกที่ฟื้นขึ้นมาแล้ว...ก็มีแต่จะต้องลากพวกมันออกมาให้ชาวบ้านได้รับรู้เท่านั้น


เสียงกุกกักที่ระเบียงทำให้นัยน์ตาสีมรกตที่แข็งกร้าวเหลือบไปมอง เงาร่างของใครบางคนพาดอยู่ที่บานประตูให้นัยน์ตาของคนที่มองอยู่ถึงกับเบิกกว้าง


“ ช่วยกรุณาออกมาคุยกับกระผมหน่อยนะครับท่านเณร....”        สิ่งที่ดังก้องอยู่ในหัวนี้คือเสียงหรือเปล่านะ? มันเย็นเยือกจนขนทั้งร่างพากันลุกซู่


“ ถ้าไม่เช่นนั้น....ผู้ปกครองของท่านจะตกอยู่ในอันตรายเอาได้นะ...”       .....เซอิชินหรอ!!.....ร่างเล็กที่นอนนิ่งถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก....ไม่สิ...ต้องตั้งสติดีๆ....เซอิชินไม่มีทางเป็นอะไรอยู่แล้ว เจ้าหมอบ้านั่นต้องดูแลเซอิชินได้อย่างแน่นอน....


“ ท่านอยู่แต่ที่นี่ก็คงจะไม่รู้เลยสินะ...ว่าสกูตเตอร์สีเขียวคันนั้นน่ะ....มันไปไม่ถึงคลินิกโอซากิ”


!!!!!


ใบหน้าสวยนิ่งค้างตกตะลึงไปกับคำพูดของอีกฝ่าย...จะเชื่อได้หรือไม่ก็ไม่รู้....แต่จะให้ปล่อยผ่านไปได้ยังไง


ร่างที่แข็งเกร็งค่อยๆลุกขึ้นจากอ้อมกอดของคนที่ราวกับหลับเป็นตายช้าๆ ใบหน้าสวยเหลือบมองใบหน้าคมอีกครั้งก่อนจะก้าวเดินเข้าไปหาบานประตู....ไม่อยากจะคิด...ว่านั่นจะเป็นการมองอีกฝ่ายเป็นครั้งสุดท้าย


“ เปิดประตูแล้วออกมาคุยกันดีๆนะขอรับ”      ถึงคำพูดคำจาจะนอบน้อมแต่มันล้วนแล้วแต่เป็นคำสั่งที่คนฟังถึงกับสั่นสะท้าน มือซึ่งบางทาบอยู่ที่ประตูเลื่อนราวกับถูกถ่วงด้วยน้ำหนักมหาศาล ความคิดกำลังตีกันให้ยุ่งอยู่ในหัว...สมองนั้นสั่งการว่าอย่าเปิด...แต่หัวใจกลับสั่งให้ทำตรงกันข้าม....เพราะเซอิชินคือผู้ให้ชีวิต....หากจะต้องตายเพื่อปกป้องคนผู้นี้ เขาก็ไม่คิดจะเสียใจ...


ครืดดดดด....


ในที่สุดบานประตูก็ถูกเปิดออก...คนที่ยืนอยู่ท่ามกลางแสงจันทร์นั้นทำให้ร่างบางถึงกับสั่นระริก....น่ากลัว...


“ ผมทัตซึมิ...คนของบ้านคิริชิกิขอรับ”      ใบหน้ายิ้มพรายส่งประกายตากระหายเลือดมาให้ รูปร่างล่ำสันนั้นกำลังสะกดให้พระร่างเล็กไม่อาจจะขยับร่างกายได้


“ ผมชื่นชมความฉลาดเฉลียวของท่านเณรที่สามารถรับรู้ถึงการมีอยู่ของพวกเราได้เร็วขนาดนี้...แต่ว่า...เพราะพวกเรายังมีน้อยและยังไม่พร้อมที่จะให้ใครได้รับรู้ เพราะเช่นนั้นกระผมจึงไม่อาจปล่อยให้ท่านเณรทำอะไรตามใจต่อไปได้”     น้ำเสียงกดดันราวกับจะกดทับร่างกายจนรู้สึกอึดอัด ใบหน้าสวยนิ่งค้างด้วยเริ่มจะรู้ตัวแล้วว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวเอง....


น่าสมเพช....ทั้งๆที่เมื่อกลางวันยังเป็นฝ่ายล่าเขา แต่ตอนนี้กลับถูกเขาล่าเสียเอง...


“ กรุณาอย่าขัดขืนให้เปล่าประโยชน์เลยนะขอรับ จริงอยู่ว่าของพวกนั้นอาจมีผลกับ ชิกิทั่วไป...แต่มันใช้ไม่ได้กับผมหรอกขอรับ”      มือบางที่แอบซ่อนแผ่นไม้ที่ทำเป็นรูปกางเขนไว้ใต้แขนกิโมโนถึงกับชะงัก....ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ตัว ว่าคนตรงหน้าดูจะร้ายกาจกว่าผีดิบอย่างนาโอะซังมากมายนัก...ถ้าไม่เช่นนั้นจะมายืนลอยหน้าอยู่ในวัดได้แบบนี้หรือ


“ ชิกิ นั้นมีหลายสายพันธุ์ และกระผมนั้นแตกต่างออกไปเล็กน้อย....”     คนตรงหน้ายิ้มเย็นมาให้พร้อมด้วยร่างใหญ่ที่ย่างสามขุมเข้ามา พระร่างเล็กถอยหนีอย่างช้าๆจนในที่สุดแผ่นหลังบางก็ชนเข้ากับผนังห้อง


ผลั๊วะ!!!


และภาพตรงหน้าก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอีกครั้ง เมื่อหมัดหนักๆของใครบางคนต่อยลงไปที่กลางลำตัวของทัตซึมิจนกระเด็นไปอีกฝั่งของระเบียง


“ ยามาโมโตะ!!      แผ่นหลังกว้างขวางอยู่ระหว่างพระร่างเล็กกับผีดูดเลือด


“ ขอโทษทีโกคุเดระ กลัวมากหรือเปล่า....ฉันพยายามจะสะบัดอะไรบางอย่างให้หลุด มันเลยช้าไปหน่อย”     มือใหญ่เอื้อมมาจับมือบางเอาไว้ ความอบอุ่นที่แผ่ซ่านเข้ามาทำให้ใบหน้าสวยเริ่มผ่อนคลาย


“ หื๋ม....กลิ่นนายนี่.....หอมดีชะมัด....เหมือนพวก....พันธุ์พิเศษ....”       ร่างที่ถูกต่อยคว่ำไปกลับยื่นหน้ามาพร้อมสูดจมูกฟึดฟัด ทรงผมประหลาดที่คล้ายหูสุนัขสองข้างกระดิกไปมา.....   “ น่าสนใจ...น่าสนใจ....”    อีกฝ่ายยังคงพูดทั้งๆที่หลับตาราวกับกำลังนึกถึงอะไรบางอย่าง


โครม!


แต่เมื่อนัยน์ตาคู่นั้นเปิดขึ้นมามันกลับแวววับอย่างน่าสะพรึงกลัว แล้วหมัดหนักๆก็เสยเข้ามาที่ปลายคางของยามาโมโตะจนล้มไป ร่างใหญ่ทั้งสองต่อสู้กัน แต่ในไม่ช้าฝ่ายผีดูดเลือดก็แสดงให้เห็นชัดเจนว่าเหนือกว่า


“ ยามาโมโตะ!!!      ร่างเล็กบางถลาเข้าไปหาร่างสูงที่ค่อยๆลุกขึ้นนั่งช้าๆ มือยกขึ้นปาดเลือดที่ริมฝีปากก่อนจะไอออกมาเป็นเลือด


“ หึหึ...เอางี้ไหมล่ะ...ผมจะไม่ทำอะไรท่านเณรก็ได้...แต่นาย....”       นัยน์ตาที่น่าสะพรึงกลัวเหลือบลงมามองที่ร่างสูง





“ ต้องเป็นฝ่ายตายแทน”






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.



เลือดหยดที่ห้า.....
To be continue….







แอบมาอัพ...ทั้งๆที่ของขวัญของคุวาริคุงอีกอันก็ยังไม่เสร็จ...โฮกกกก แบบว่าทางนี้กำลังคลั่งยังไงไม่รู้ค่า....

นะ...หลังจากที่แอบ(ทำไมต้องแอบด้วยฟะ!) นั่งทำคลิปประกอบการจิ้นของคู่ โทรุนัทสึโนะ เสร็จก็เกิดอาการเพ้อหนักกว่าเดิม =[ ]= ปกติแล้วตรูไม่แต่งฟิกเร็วขนาดนี้นะเนี่ย...ทำไงดี...รู้สึกผิด(ต่ออะไร?) อ๊ากกก เอามือกุมหัว (<<ดูท่าทางจะอาการหนักใช้ได้)

สำหรับท่านผู้อ่านที่รู้สึกได้ว่าฟิกเรื่องนี้มันไม่ละเมียดละไมต่างจากฟิกเรื่องที่ผ่านๆมาก็ขอให้เข้าใจตรงกันนะว่า มันเป็นสไตล์อ่ะ สไตล์ (โดนโบก! แก้ตัวน้ำข้นเลยนี่หว่าเฮ้ย)

ส่วนคลิปประกอบการจิ้น...ตามไปดูที่ยูตูบก่อนแล้วกันนะ


ไว้อีกสองสามวันค่อยอัพลงที่นี่ เนื่องจากอัตราการอัพของเนตที่ห้องมันนรกได้ใจมากเลยค่ะ แบบว่า...ขอหนูไปหลับไปนอนหน่อยเหอะ...แค่นั่งเอนโค้ดนี่ก็ปาเข้าไปเกือบชั่วโมงแล้วอ่ะคลิปตัวนี้ เพราะไฟล์ต้นฉบับใหญ่และชัดวิ้ง เลยกระตุกกันตั้งแต่ตอนทำเลยค่ะ ฮะฮะ โอยยย กว่าจะรอดปลอดภัยออกมา เล่นเอาพรีเมียร์โปรเดี้ยงไปหลายรอบ ^ ^” ยังไงก็...อีกสองสามวันจะไปอัพลงที่นี่ที่ออฟฟิศเน้

อ้า...ดูดเลือดทั้งน้ำตานี่มันโฮกจริงๆ...ปกติเราจะเห็นกันแต่เมะเข้มแข็ง...คราวนี้มาเจอเมะขี้แยอ่อนแอกว่าเคะแต่มันกลับโฮกไปอีกแบบเนอะ >w<




5 ความคิดเห็น:

  1. อ่านจบแล้ววววค่ะ ตอนนี้ยาวมากเลย (รู้สึกว่างั้นนะ)
    มีสามคู่?ครบเลยอ่ะ อ่านจุใจมากกกกค่ะ อิอิ

    ดูคลิปแล้วด้วยหล่ะ กำลังจะบอกว่า โทรุดูท่าจะเป็นเมะที่ขี้แยจังเลยน๊าา หุหุ
    นัทสึโนะหน้านิ้งนิ่ง แต่ตอนนอนช่างน่ารัก ^^
    (ตอนแรกคิดว่าเหมือน8059 ไปๆมาๆเหมือนD18มากกว่าล่ะคะ)
    งืมม งี้แหละต้องมีคนใดคนหนึ่งที่เข็มแข็ง ผลัดกันดูแล อร๊ายยย
    เรื่องดำเนินมาไกลพอสมควรแล้วเน๊อะ
    ยามะกับก๊กกำลังจะแย่แล้ว !!! นึกว่ายามะมันจะตื่นมาช่วยก๊กไม่ทันซะแล้ว
    อ่านไปลุ้นไป เล็บจิกเบาะเก้าอี้? ฮ่าฮ่า เว่อร์ แต่ที่แน่ๆกัดปากจนจะเป็นร้อนใน!!

    คุณหมอกับคุณมุ?เค้ามีเบื้องหลังกันแบบนั้นหรอ งื้ออ น่าเห็นใจง่ะ
    หมูบ้านปิดเล็กๆแถมไม่ยอมรับโลกภายนอกซะด้วย
    ยามะกับก๊กเลยเป็นได้เท่านี้ โฮกกกกกก
    แต่ได้เท่านี้อยู่ข้างๆกันแบบนี้ก็พอใจแล้ว (ยืมคำยามะมาพูด)

    อ่านจบแล้วอารมณ์ไม่จบ ตอนนี้อยากฆ่าไอ้ชิกิสายพันธ์บ้าอะไรนั่นจัง
    บังอาจมาทำร้ายยามะของก๊ก โฮกกกกกก
    ยามะต้องไม่ยอมให้ก๊กตายแน่ๆ แล้วก๊กจะอยู่ยังไงเนี่ยยย
    แล้วยามะมันพิเศษใช่มั้ย มันจะกลายเป็นพันธ์ไหนกันล่ะ
    แล้วก๊กอ่ะจะเป็นชิกิด้วยมั้ย โฮกกกกก เค้าอยากรู้ตอนจบแล้วววว //โดนเสย
    ลุ้นอ่าาา รออ่านตอนต่อไปเน้

    ปล.ฟิคสด ลงรายวัน(สองวัน) มันส์ดีค่ะ ฮะฮะ
    สไตล์แบบนี้ก็ชอบ ไม่มีอะไรแปลกเลยค่า ^^ สู้ๆค่ะ

    ตอบลบ
  2. ยาวได้ใจมากๆค่ะ แต่ทำไมรู้สึกเหมือนยังอ่านไม่พอ(โดนโบก)
    ก็แหมมันกำลังมันเลยนี่หน่า ยามะกำลังจะถูกสอย?แล้ว
    แถมยังมีแววว่าจะได้เป็นพันธุ์พิเศษด้วย ลุ้นค่าลุ้น

    ตอบลบ
  3. ในที่สุดก็ได้มาอ่านตอนต่อ!!! (ก็ได้แค่ตอนงานไม่เข้าล่ะว๊า)
    แอบอ่านเม้นท์พี่เปา แล้วฮาก๊าก สรุปคุณพระกลายเป็นคุณมุไปแล้วสินะ???? แล้วอย่างนี้หมอโหดจะเป็นใครในรีบอร์นล่ะพี่เปา คุณเคียวเรอะคะ!!!! ๕๕๕

    ทัตซึมิที่บอกว่าให้ยามะตายนี่คงไม่ได้คิดจะทำให้เป็นอะไรๆเหมือนกับตัวเองใช่มั้ยอ่ะ
    อ๊ากกก เรื่องนี้ก๊กน้อยไม่โดนกัดแต่หมายามะโดนแทนหรอ....อึ้งอ้ะ
    ส่วนคู่โทรุนัตสึนี่แอบเหนือความคาดหมายค่า คงเพราะในออรินัตสึเป็นคนใจแข็ง แข็งมากๆ พอมาอ่านแล้วเหมือนจะเป็นพวกรู้ตัวช้า??? แล้วก็อัพดีกรีความโหด???
    แอบลุ้นคู่นี้ด้วย ไม่อยากให้จบเศร้าอ้ะ แล้วก็อยากรู้ว่าพี่กวางจะให้ถูกกัดเหมือนในอนิเมะมั้ยด้วยค่ะ


    ว่าแต่พี่กวางเคยสังเกตมั้ยว่าทัตซึมิในเรื่องต้องแต่งตัวน่าหมั่นไส้อยู่เรื่อยเลยเชียวอ่ะ ใส่เสื้อตัวเล็กๆกางเกงรัดๆอ่ะ = =" เป็นตัวละครที่กี้ไม่ค่อยปลื้มแฮะ

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ4 พฤษภาคม 2556 เวลา 22:05

    เห้ยยยย ยามะพันธุ์อะไรก๊านนนน 555+

    สนุกมากเลยค่ะ อยากอ่านต่อ -3-

    ตอบลบ
  5. ไม่ระบุชื่อ2 สิงหาคม 2566 เวลา 07:16

    ตื่นเต้นนนน

    ตอบลบ