[AuS.fic][All59] Alice in Vongola World =[ ]=!!!
: KHR fanfiction Au
: All59 [All59]
: RomanticComedy
: PG
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เช้าวันหนึ่งที่อากาศสดใส....ใบไม้ปลิวร่วงหล่นลงมาจากต้นไม้ อากาศเริ่มจะเปลี่ยนจากเย็นสบายกลายเป็นหนาว
และเมื่ออากาศเริ่มเปลี่ยน...ร่างกายของสิ่งมีชีวิตที่ปรับตัวไม่ทันก็จะเกิดอาการเจ็บป่วย...แม้แต่ “หมา” ก็ไม่มีละเว้น!
ผมเดินถือถ้วยข้าวต้มอย่างระมัดระวังขึ้นบันไดไปช้าๆ ได้ยินเสียงไอแค่กๆแว่วออกมาจากประตูห้องที่เปิดทิ้งเอาไว้
“ โกคุเดระ.....แค่กๆๆ.....หนุนหมอนมันหายใจไม่ออกอ่ะ...ขอฉันหนุนตักนายนะ แค่กๆๆ” น้ำเสียงอ่อนระโหยโรยแรงออดอ้อนดังออกมาจากไอ้หมาป่วยที่ใช้อาการป่วยบังหน้ามาเนียนลวนลามลูกสาวกระต่ายของผม! แล้วดูท่าว่าเจ้าตัวก็จะไม่รู้เรื่องถึงจะทำหน้าบูดแต่ก็ยอมให้หัวดำๆนั่นหนุนแต่โดยดี....หนอย....ไหนใครว่าหมาบ้าจะไม่เป็นหวัด(?) แล้วนี่มันอะไรกัน!
“ หนาวด้วยอ่ะ...กอดหน่อยนะ....” แล้วแขนของไอ้เจ้าหมาสองบุคลิกก็กอดหมับเข้าไปที่เอวของเจ้ากระต่ายอลิส ใบหน้าคมถูไถไปมาอยู่บนหน้าตัก ถ้วยข้าวต้มในมือผมมันสั่นระริกราวกับอยากจะราดลงไปบนหัวหมามากกว่าจะให้มันกลืนลงคอยังไงอย่างงั้น!
“ แล้วก็นะ โกคุเดระ....ถ้านายจุ๊บฉันที่หน้าผาก...ฉันก็จะหลับฝันดีจนไข้หายเป็นปลิดทิ้งเลยละ...นะนะ....” ปี๊ดดดดดควันมันพุ่งออกจากหูผมพอๆกับวิญญาณหวงลูกสาวที่พุ่งมาสิงในร่างอย่างรวดเร็ว
“ ฉันว่านายน่าจะไปหาหมอนะ ยามาโมโตะ” มือวางถ้วยข้าวต้มลงที่พื้นก่อนที่จะคว้าหมับไปที่ตัวของเจ้าหมายามะแล้วหิ้วมันขึ้นกลางอากาศ นัยน์ตาสีเปลือกไม้หันมาส่งประกายไฟใส่นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ของผมทันที....หนอย....ฉันรู้ทันแกหรอกน่าไอ้เจ้าหมาสองบุคลิก!
“ เดี๋ยวฉันพาไปเองนะ...ส่วนโกคุเดระคุงรออยู่ที่นี่แหละ ปล่อยเอาไว้เดี๋ยวจะพลอยติดหวัดไปด้วยนะ” ผมยิ้มอย่างใสซื่อไปให้เจ้ากระต่ายอลิสที่ยังคงนั่งมองตาแป๋วราวกับอยากจะตามไป....ได้ไงล่ะ....กว่าผมจะมีโอกาสจัดการกับเจ้าหมานี่ได้ก็ต้องรอจนกว่ามันจะป่วยจนไม่มีแรงจะต่อต้านแบบนี้แหละ....คึหึหึ....แกเสร็จชั้นแน่ ยามาโมโตะ!
“ ไม่ให้ผมไปเป็นเพื่อนหรอครับรุ่นที่สิบ...” เจ้ากระต่ายตัวน้อยยืนส่งเราสองคนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน.....
“ ไม่ต้องหรอก ใกล้แค่นี้เอง” ผมหันไปยิ้มอ่อนโยนให้ ก่อนที่จะหิ้วตัวเจ้าหมาหูดำที่ยังคงต่อต้านอยู่เล็กๆออกเดินไปยังทางที่คุ้นเคย หากเป็นเวลาปกติแล้ว อย่างผมคงไม่สามารถจะจับตัวเจ้ายามาโมโตะได้หรอก ความร้ายกาจของมันนั้นผมยอมรับโดยดุษฎี....แต่ก็เพราะมีมันอยู่นี่แหละเจ้ากระต่ายอลิสถึงได้ยังปลอดภัยอยู่ในบ้านของผมได้ เพราะงั้นคงให้มันป่วยนานๆไม่ได้หรอก เพราะไม่รู้ว่าไอ้ตัวอันตรายอีกสามตัวจะโผล่มาอีกเมื่อไหร่......
เอ๊ะ.....จะว่าไป.....ทำไมวันนี้มันถึงยังได้สงบสุขอยู่นะ?
ปกติจะต้องมาสโตรกด้วยเสียงดังโครมคราม(?) หรือไม่ก็ถือสับปะรดมาระรานตั้งแต่เช้าเลยนี่นา....แปลกแหะ?
………………………………………………………………………………………………………………
เสียงฝีเท้าหนักๆที่เดินมาตามระเบียงทางเดินไม้ ทำให้ร่างเล็กๆถึงกับสะดุ้งเฮือก ใบหน้าหล่อเหลาแต่เล็กจิ๋วค่อยๆหันไปมองยังที่มาของเสียงเดินด้วยหวาดผวาเล็กน้อยราวกับคนที่มีความผิดติดหลัง
ไม่หรอกน่า.....เขาใช้เวทมนต์เสกให้มันกลับไปติดกันเหมือนเดิมแล้วนี่นา....เคียวยะไม่มีทางรู้หรอกว่าเขาเป็นคนทำตุ๊กตาอลิสซาเบธสุดรักสุดหวงของเคียวยะแขนหลุดขากระเด็นน่ะ....ก็ใครจะไปคิดล่ะว่านั่นมันจะเป็นแค่ตุ๊กตา ก็รูปร่างหน้าตาเหมือนกับโกคุเดระคุงอย่างกับแกะ เขาก็นึกว่าเคียวยะไปแฮปเจ้ากระต่ายน้อยมาจากสึนะได้แล้ว เลยตั้งใจว่าจะไปขอขนกระต่ายสักเส้นสองเส้น แต่ด้วยความเคยชินยามเมื่อขนกระต่ายอยู่ตรงหน้าเลยสะดุดอากาศฟาดลงไปบนพื้นก่อนจะกลิ้งอย่างสวยงามเข้าไปหา หมายจะแอบสอยขนกระต่ายไม่ให้รู้ตัว แต่ที่ไหนได้....ผิวเรซิ่นนั้นแข็งโป๊กนอกจากจะไม่มีขนซักเส้น.....หัวเขาแทนที่จะชนตัวนิ่มๆแล้วเด้งกลับ ดันไปกระแทกเข้ากับผิวเรซิ่นนั่นจนเลือดอาบแถมคุณตุ๊กตาอลิสซาเบธดันล้มหน้าทิ่มลงจากเก้าอี้ ดีที่คอไม่หลุด มีแต่แขนกับขาที่กระเด็นเด้งดึ๋งๆไปกองรวมกันอยู่ที่พื้นแทน....โชคยังดีที่เขาเป็นพ่อมด....เพราะงั้นไอ้เรื่องซ่อมแซมของพังๆจึงเป็นงานที่ถนัดเพราะเขาก็ซ่อมไอ้พวกขวดแก้วที่ชอบตกใส่หัวเขาอยู่ทุกวันอยู่แล้ว
ครืดดดดด!!!!
ประตูเลื่อนกระแทกเปิดออกพร้อมด้วยเจ้าของบ้านที่เดินหน้าเหี้ยมเข้ามา มือหนึ่งถือทอนฟาส่วนอีกมือถือตุ๊กตาอลิสซาเบธที่ใบหน้ายังคงน่ารักแต่ร่างกายดูพิกลพิการยังไงชอบกล นัยน์ตาสีดำคมกริบตวัดมองเจ้าของห้องผมทองที่ยังคงนั่งยิ้มพรายเป็นผู้ร้ายปากแข็ง
“ แกเป็นคนทำใช่ไหม” มือใหญ่ยกอลิสซาเบธสุดรักสุดหวงซึ่งจำลองขึ้นมาเลียนแบบสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่น่าหลงใหลตัวนั้น ในสภาพแขนและขาซ้ายขวาสลับกัน ต่อให้เป็นคนบ้าที่ไหนก็มองออกอยู่แล้วละว่ามันไม่เหมือนเดิม.....หนอย....แค่เดินไปหยิบขนมในระหว่างที่นั่งจิบชายามเช้าอยู่ด้วยกัน กลับมาอีกทีอลิสซาเบธที่รักก็ตกอยู่ในสภาพนี้ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าใครจะเป็นคนทำ.....ต้องขย้ำ....อย่างนี้มันต้องขย้ำให้ตาย!
“ เอ๋...อลิสซาเบธคุงเป็นอะไรล่ะ ท่าทางก็ยังดูสบายดีอยู่นี่นา” สภาพแบบนั้นเป็นใครก็ดูออกกันคุณท่าน!!!
และไม่ต้องพูดพร่ำทำเพลงอะไรให้มากความ ทอนฟาฟ้าประทานก็จู่โจมลงไปอย่างรวดเร็ว แต่เจ้าพ่อมดก็สะดุดชายผ้าคลุมหงายหลังทำให้หลบทอนฟาได้แบบฉิวเฉียด ใบหน้าเล็กหล่อเหลาเริ่มจะมีเหงื่อหยดที่หน้าผาก...เคียวยะนี่ช่างฉลาดล้ำลึก....แม้แต่การซ่อมแซมที่แนบเนียนที่สุดในโลกจากฝีมือของพ่อมดอันดับหนึ่งเช่นเขาก็ยังดูออก....สงสัยแบบนี้คงต้องงัดแผนปรองดองขั้นสองขึ้นมาใช้.....มือคว้าหมับลงไปในถุงย่าม(?)ที่ห้อยอยู่แถวนั้นก่อนที่จะคว้าอะไรบางอย่างออกมาสวมไว้บนหัวสีทองของตน....
หูยาวๆสีขาวที่ดูยังง๊ายยังไงก็เหมือนหูของเจ้ากระต่ายอลิสกระดุกกระดิกไปมาให้นัยน์ตาสีดำคู่คมกริบมองมาด้วยความเบิกกว้าง.....ฮี่ๆ....เสร็จฉันละเคียวยะ!.....ถ้าชั้นมีหูกระต่ายนายก็จะไม่ฟาดชั้นใช่ไหมล่ะ
“ คิดว่าผมโง่รึไง!” ผลั๊วะ!!!!! ทอนฟาเสยเข้าไปเต็มคางก่อนที่ร่างของพ่อกระต่ายกำมะลอจะลอยละลิ่วออกจากบ้านไป แต่อีกฝ่ายก็ไม่ยอมปราณี กระชับทอนฟาแล้ววิ่งไล่ตามไปขย้ำซ้ำให้ตายกันไปข้าง
จงเป็นสุขเป็นสุขเถิดพ่อม้า.....เกิดชาติหน้าขอให้มีหูกระต่ายสมใจแล้วกันนะ....อาเมน.......
.............................................................................................................................................................
แน่นอนว่าผมไม่มีทางวิ่งวนไปรอบเมืองเพื่อหาคลินิกรักษาไอ้เจ้าหมาหูดำตัวนี้เหมือนที่พาเจ้ากระต่ายอลิสตอนป่วยวิ่งไปทั่วแบบนั้นหรอก....หึหึ....ผมหิ้วมันตรงดิ่งมาที่คลินิกซึ่งก็ยังอุตส่าห์เรียกตัวเองว่าคลินิกทั้งๆที่มันไม่ได้มีจรรยาบรรณของการแพทย์เลยสักนิดของไอ้เจ้าหมอหัวสับปะรดนั่นอย่างไม่มีลังเล
ผมเปิดประตูเข้าไปในคลินิกซึ่งก็ยังคงเงียบกริบไร้เงาของใครที่จะพาตัวอะไรมารักษา....น่าแปลกที่มันยังไม่ยอมเจ๊งไปซะที
ฮึก....ฮึก......
ดะ...ได้ยินเสียงเหมือนผู้หญิงร้องไห้ดังแว่วเข้ามา....หรือว่าไอ้หัวสับปะรดนั่นมันจะจับใครมาผ่าแล้วฝังศพเอาไว้ที่ใต้คลินิก....ฮี้.....กลัวก็กลัว แต่ก็จะกลับไปทั้งๆที่ไอ้หมาในมือนี่ยังไม่หายป่วยก็ไม่ได้ ยังไงก็ไม่ยอมให้มันกลับไปนัวเนียๆลูกสาวกระต่ายของผมได้หรอก!
ผมจึงค่อยๆย่องเข้าไปที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เสียงสะอื้นของหญิงสาวดังชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ....สงสัยจะแค้นหนักถึงได้โผล่มาหลอกมาหลอนกันแต่หัววันขนาดนี้.....ว่าแต่ไอ้หมอโรคจิตตัวการร้ายมันหายไปไหน?
ที่มุมด้านในสุดของหลังเคาน์เตอร์ซึ่งมืดและอับทึบ ปรากฏเป็นเงาลางๆของแผ่นหลังเล็กๆของผู้หญิงคนหนึ่ง....ฮี้!!!....ทำไมไม่ออกมาหลอกมาหลอนตอนที่ไอ้หมอโรคจิตนั่นอยู่กันเล่า เธอออกมาหลอกผิดคนแล้ว! แต่ก่อนที่ผมจะเผ่นป่าราบ มือเล็กๆเย็นๆก็คว้าหมับเข้ามาที่แขนของผม....ม่ายยยย ชั้นไม่รู้เรื่องการตายของเธอนะ เอาไว้จะไปบอกตำรวจให้มาขุดศพให้ก็แล้วกัน ปล่อยชั้นไปเถิด ชั้นยังมีลูกสาว(?)น่ารักๆต้องดูแลอยู่อีกทั้งคน
“ สวัสดีค่ะ พาสัตว์มารักษาหรอคะ” เอ๊ะ....เสียงนี้มันคุ้นๆนะ ?
และเมื่อหันไปมองก็ต้องสะดุ้งเฮือก เมื่อวิญญาณ เอ้ย หญิงสาวที่จับแขนของผมอยู่นั้นคือนางพยาบาลร่างเล็กที่อยู่ที่คลินิกนี้นั่นเอง ฟู่วววว
“ โคลมนี่เอง....ว่าแต่ใครทำอะไรเธอถึงได้มานั่งร้องไห้อยู่ตรงนี้” ไอ้หมอหัวสับปะรดนั่นใช่ไหม! มันทำอะไรบอกฉันมา เดี๋ยวฉันไปจัดการให้.....แต่ก่อนที่ผมจะสวมถุงมือแล้วเข้าไปฟาดกบาลซึ่งมีผมทรงแปลกๆนั่น เด็กสาวก็หันหลังกลับไปแล้วชี้นิ้วไปที่จอโทรทัศน์ซึ่งกระพริบอยู่ท่ามกลางความมืด....
......คุณพี่ใจร้าย! คุณพี่รักมันแล้วใช่ไหมคะ!!........ฟังก่อนสิพิสมัย.......ไม่ฟัง!น้องไม่ฟังอะไรทั้งนั้น!.......พ่อประจักษ์!ตามหนูพิสมัยไปสิ วิ่งไปนู่นแล้ว!..........
เสียงละครยามบ่ายแว่วออกมาพร้อมทั้งภาพพระเอกที่วิ่งตามนางร้ายไปให้นางเอกช้ำใจเล่น ทำเอาคนดูน้ำตาคลอด้วยความเห็นใจ.....
นี่จะบอกว่านั่งร้องไห้เพราะละครยามบ่ายอยู่เร๊อะ!!!!
“ คุณหมออยู่ข้างใน เชิญค่ะ...” แล้วนางพยาบาลร่างเล็กก็กลับไปนั่งซับน้ำตาอยู่ที่หน้าทีวีต่อไป.............เอ่อ.........
ปะ...ปล่อยให้เธออยู่ในโลกของเธอต่อไปคงดีกว่ามั้ง....เพราะงั้นผมจึงหิ้วเจ้าหมาป่าตัวน้อยเข้าไปที่ห้องด้านหลังตามลำพัง....ไม่ว่าจะมาที่นี่อีกกี่ครั้งมันก็ยังคงเต็มไปด้วยความสยดสยองทุกทีไปให้ตายสิ....ในระหว่างทางมืดๆที่มีเพียงแสงเทียนสลัวๆส่อง....ผมก็ได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแว่วมาอีกแล้ว....
พรหมลิขิตบันดาลชักพา ดลให้มาพบกันทันใด คึหึหึ
มะ....เหมือนจะเป็นเสียงเพลง....มือผมเผลอบีบไปที่กลางลำตัวของเจ้ายามาโมโตะแน่นจนมันดิ้นขลุกขลัก....
ก่อนนี้อยู่คนละภพไกล พรหมลิขิตดลจิตใจ ผมจึงได้มาใกล้กับเธอ คึหึหึ
อะ ไอ้เสียงมันก็เพราะอยู่หรอก แต่ไอ้ คึหึหึ นั่นมันอะร๊ายยยย
เออชะรอยเธอเป็นเนื้อคู่ ควรอุ้มชูผ่าดูบำเรอ
ผมย่องเข้าไปใกล้ๆบานประตูที่ไม่มีประตู(?) เสียงเพลงที่เนื้อออกจะเพี้ยนๆดังชัดขึ้นเรื่อยๆ ราวกับว่าไอ้คนร้องมันกำลังทำอะไรบางอย่างแล้วก็ร้องเพลงนี้ไปด้วย ผมแอบเข้ามาแบบนี้จะดีหรือเปล่านะ? ไม่ใช่ว่ามันกำลังผ่าอะไรอยู่หรอกนะ?
แต่ครั้งแรกเมื่อพบเธอใจนึกเชื่อเมื่อแรกเจอ …..ผมและเธอคือคู่สร้างมา....คึหึหึ
และเมื่อผมมองเห็นทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ในห้องน่าสยองนั่นก็ถึงกับต้องอ้าปากค้าง.....นี่มันอะไรก๊านนนนนน!!!!!
เตียงผ่าตัดที่เคยเลอะๆเขรอะๆกลับเต็มไปด้วยแป้งขาวโพลน กรงหมาบ้าที่เคยเห่าหอนน้ำลายย้อยบนชั้นวางนั้นหายไปกลับกลายมาเป็นเตาอบขนาดใหญ่แทน โต๊ะเหล็กที่เคยมีเครื่องมีการแพทย์สนิมเขรอะกลับกลายเป็นที่วางอุปกรณ์การแต่งหน้าเค้กวางระเกะระกะเกลื่อนกลาด
และ....
เจ้าหมอโรคจิตอยู่ในชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูสดใสลายสับปะรดสีเหลืองแทนที่จะเป็นชุดกราวน์ของคุณหมอ ในมือถือถาดเค้กก้อนกลมที่ทำเป็นรูปสับปะรดมีน้ำตาลปั้นรูปกระต่ายตัวน้อยนอนหลับปุ๋ยเกาะอยู่
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันกำลังทำไอ้เค้กหน้าตาประหลาดก้อนนี้ไปให้ลูกสาวกระต่ายสุดโมเอ้ของผมแหงแซะ
เนื้อคู่.....ถึงอยู่แสนไกลคงไม่คลาดครา มุ่งหวังสมดังอุราไม่ว่าใครใคร
ร่างสูงโปร่งมือนึงถือเค้ก อีกมือนึงวาดไปมาราวกับซุปเปอร์สตาร์ยามขึ้นคอนเสิร์ต ยังคงร้องเพลงซึ่งตอนนี้ผมรู้แล้วว่ามันมีความหมายถึงใคร ไปเรื่อยๆ เจ้าหมอโรคจิตขยับกายพลิ้วไหวไปรอบห้องอย่างกะกำลังลีลาศ
หากมิใช่คู่ครองแท้จริงจะแอบอิงรักยิ่งปานใด ยากนักที่จะสมใจคงพบเหตุอาเพศภัย พลัดกันไปทำให้คลาดครา....คึหึหึ
น่าน....แล้วคราวนี้นัยน์ตาสองสีนั่นก็ปรายมามองที่ผมกับเจ้ายามาโมโตะ....จะบอกว่าแกกับลูกสาวกระต่ายของชั้นเป็นเนื้อคู่กันงั้นสิ!!! ไม่มีทางหรอกเว้ยเฮ้ย อย่างแกมันเป็นได้แค่เนื้อร้ายเท่านั้นแหละ!!!
“ คึหึหึ...มาทำอะไรกันหรือครับ?” ไอ้เจ้ามุคุโร่หยุดเพ้อแล้วยืนมองผมกับเจ้ายามาโมโตะอย่างพิจารณา มือข้างที่ไม่ได้ถือเค้กยกขึ้นไปลูบคางมนของตน ผมจึงชี้ไปที่เจ้าหมาหูดำ แต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรไอ้หมอสับปะรดนั่นก็ชิงพูดขึ้นมาซะก่อน
“ โอย่ะ....ผมไม่รักษาหมาตัวผู้ขนสีดำหรอกนะครับ” .....พูดมาเลยสิฟะว่าไม่รักษาไอ้เจ้ายามาโมโตะนี่น่ะ!
“ เป็นหมา...เลียเอาเองเดี๋ยวก็หายครับ....แล้วยิ่งตอนนี้ ผมมีภารกิจหัวใจที่ต้องนำเค้กแห่งความรักที่ผมทำเองกับมือมาตั้งแต่เมื่อสามวันก่อนไปมอบให้แก่คุณกระต่ายยอดรัก เพราะงั้น...ตอนนี้ผมไม่ว่างครับ” สามวันก่อน.......นี่แกกะจะให้โกคุเดระคุงกินแล้วก็อาหารเป็นพิษจะได้มาให้แกรักษาอย่างงั้นใช่ม๊ายยยย
พรหมลิขิตบันดาลทุกอย่าง เป็นผู้วางหนทางปวงชน ได้ลิขิตชีวิตคนนำเนื้อคู่มาเปรอปรน ทั้งยังดลเธอให้กับผม......
ยัง....มันยังคงร้องเพลงพร้อมกับเดินเพ้อไปรอบๆห้อง เพราะแบบนั้นจึงไม่ได้ยินเสียงโครมครามบางอย่างที่แว่วเข้ามา และด้วยลางสังหรณ์แห่งวองโกเล่ทำให้ผมเอี้ยวตัวหลบได้แบบฉิวเฉียด
แผละ!!!
ร่างปริศนาที่โผล่มาจากไหนไม่รู้เหยียบลงไปบนเค้กรูปสับปะรดจนขั้วหลุด ก่อนจะหล่นลงไปกองเละเป็นซากอยู่ที่พื้นห้อง และเมื่อร่างปริศนานั่นโดดดึ๋งหนีไปที่อีกฝั่ง ทอนฟาปริศนาก็ฟาดซ้ำลงไปที่กลางสับปะรดจนเละคามือ ให้เจ้าของนัยน์ตาสองสีได้แต่ยืนอ้าปากพะงาบๆ
เสียงโครมครามวิ่งผ่านไป ตามมาด้วยความเสียหายของข้าวของที่พังยับเยิน ราวกับเพิ่งเกิดพายุทอร์นาโดพัดผ่านไปอย่างรวดเร็ว เจ้าตัวต้นเหตุทั้งสองที่ไล่ฟาดกันนั่นหายไปแล้ว เหลือเอาไว้เพียงเจ้าของร่างสูงโปร่งที่ยืนหัวเราะหึหึกับรังสีดำๆที่แผ่ออกมา....
ผมเหลือบมองดูกองซากเค้กสับปะรดที่อดีตเคยรุ่งเรืองอย่างไม่รู้ว่าจะสงสารหรือสมน้ำหน้าคนทำมันขึ้นมาดี...รู้แต่ตอนนี้ เจ้าหมอโรคจิตเรียกสามง่ามมาไว้ในมือเป็นที่เรียบร้อย
“ คึหึหึ...ผมคงต้องไปทำตามบัญชาสวรรค์ลากเจ้าสองตัวนั่นไปลงทัณฑ์ในพิภพนรกก่อนก็แล้วกันนะครับ แล้วผมจะรีบกลับไปหาคุณกระต่ายยอดรักในเร็ววัน...” แล้วร่างโปร่งก็วิ่งถือสามง่ามหายไปทั้งๆชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพู
เอ่อ....แล้วเจ้าหมาป่วยนี่ล่ะ.....
ผมจำต้องเดินคอตกหิ้วเจ้ายามาโมโตะกลับไปที่บ้านอีกครั้ง....ซึ่งเจ้าตัวมันเองก็ดูไม่ได้จะสะทกสะท้านใดๆกับอาการป่วยนี่เลยแม้แต่น้อย
“ สึนะ! หยุดตรงนั้นเดี๋ยวสิ” เจ้าหมาป่าบอกให้ผมหยุดลงแถวๆริมแม่น้ำซึ่งมีหญ้าขึ้นเต็มไปหมด แล้วตัวจิ๋วๆของมันก็วิ่งหายเข้าไปในพงหญ้า ก่อนที่จะกลับออกมาด้วยหญ้าเต็มปาก ใบหน้าที่เคยซีดเซียวดูสดใสขึ้นทันตา ร่างกายที่ดูหมดเรี่ยวหมดแรงก็ดูจะกลับมาแข็งแกร่งดังเดิม......แค่กินหญ้าก็หายแล้วเร๊อะ แล้วทำไมไม่บอกให้มันเร็วกว่านี้!!! หลอกให้ชั้นไปผจญกับอะไรก็ไม่รู้ในคลินิกผีสิงนั่นอยู่ด๊ายยย
ว่าแต่.....สมกับที่เป็นหมาจริงๆเลยนะแก.....
……………………………………………………………………………………………………………….
“ กลับมาแล้วคร้าบบบบ” ยังไม่ทันที่เสียงยานคางของผมจะจบดี เสียงวิ่งตึงตังก็ดังออกมาจากห้องนั่งเล่น ไม่นานเจ้ากระต่ายอลิสตัวจิ๋วก็วิ่งหน้าตาตื่นออกมา
“ โกคุเดระ...เป็นห่วงฉันขนาดนั้นเลยหรอเนี่ย....” เจ้าหมาสองบุคลิกพูดลอยๆพร้อมส่งรอยยิ้มเยาะประหลาดๆมาให้ ก่อนที่จะยักไหล่แล้วหันไปอ้าแขนรอรับคนที่กำลังวิ่งมา
“ รุ่นที่สิบครับ มาดูนี่หน่อยสิครับ ไอ้เจ้าพวกนั้นทำอะไรกันก็ไม่รู้ครับ!!!” แกรก....ผมได้ยินเหมือนเสียงหมาบางตัวแข็งเป็นหิน เมื่อเป้าหมายของเจ้าลูกสาวกระต่ายไม่ใช่มัน หึหึ ผมไม่ได้แสดงอาการยิ้มเยาะอะไรออกไปหรอกนะ
ที่หน้าจอโทรทัศน์นั้นเต็มไปด้วยภาพของงานฉลองวันฮาโลวีน ทุกคนที่อยู่ในนั้นต่างแต่งตัวเลียนแบบผีหลายสายพันธุ์(?) แถมที่หน้าบ้านยังมีโคมไฟที่สลักเสลาจากฟักทองลูกใหญ่วางอยู่ นัยน์ตาสีมรกตใสแจ๋วของเจ้ากระต่ายอลิสจ้องมองภาพนั้นด้วยประกายระยิบระยับ ดูท่าทางจะชอบอะไรพวกนี้แหะ
“ เค้าเรียกว่าเทศกาลฮาโลวีนน่ะ....ฉันเองก็ไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่หรอกนะ แต่ว่าในวันนี้คนเค้าจะจัดปาร์ตี้และแต่งกายเลียนแบบผีและปีศาจกันน่ะ”
“ รุ่นที่สิบ.....” เจ้ากระต่ายตัวน้อยหันหน้ามามองผมด้วยนัยน์ตาเป็นประกายวิ้งๆกระพริบปริบๆ รอยยิ้มแย้มพรายพร้อมกับใบหน้าเล็กน่ารักแดงระเรื่อ สองมือเล็กๆยกขึ้นมากอบกุมกันอยู่ที่หน้าอก.......โอกกกกก..........อ้อนกันขนาดนี้แล้วผมจะทนไหวได้ยังง๊ายยยยย
“ ดะ....ได้สิ....เรามาจัดปาร์ตี้ฮาโลวีนกันเถอะนะ”
“ เพลงดาบชิงุเระโซเอ็นริว กระบวนท่ารุกที่80 พิรุณกระชากผ้า(?)!!!” ดาบญี่ปุ่นเล่มเล็กคมกริบตัดริบบิ้นสีส้ม-ดำที่เคยอยู่เป็นม้วนให้ขาดออกจากกันแบบเท่ากันเป๊ะอย่างสวยงาม และตามมาด้วย....
“ เพลงดาบชิงุเระโซเอ็นริว กระบวนท่ารับที่59 พันธนาการข้อมือ(?)!!!” และริ้บบิ้นที่ถูกตัดขาดนั้นกลับมาคล้องกันใหม่ในสภาพของเครื่องประดับงานปาร์ตี้ที่มันเห็นมาจากทีวี...ต้องยอมรับว่าไอ้หมานี่มันเก่งจริง....ถึงแม้ว่าชื่อกระบวนท่ามันจะฟังดูส่อไปในทาง.....เอ่อ......ซักเล็กน้อยก็เหอะนะ
ผมปรายตาไปมองเจ้าหมาสองบุคลิกที่ยังคงตั้งอกตั้งใจทำริบบิ้นก่อนที่จะหันหน้ากลับมามองอีกคนที่ยืนอยู่ที่ระเบียงบ้าน
เจ้ากระต่ายอลิสยืนกอดอกประจันหน้าอยู่กับฟักทองสีส้มลูกใหญ่ซึ่งความสูงของทั้งคู่ดูเหมือนจะสูสีกัน ไม่นานแขนเล็กๆก็หยิบปากกาเมจิกออกมาก่อนที่จะแบกขึ้นไหล่แล้วเดินไปรอบๆฟักทองเพื่อเขียนเส้นบางอย่างเอาไว้ ใบหน้าเล็กน่ารักนั่นดูตั้งอกตั้งใจจนคนเป็นพ่ออย่างผมอดที่จะภูมิใจไม่ได้ ราวกับได้เห็นลูกสาวตัวน้อยไปโรงเรียนได้โดยที่ไม่ร้องไห้งอแง...อ้า...มันช่างน่าปลื้มใจอะไรเช่นนี้(<<นี่ก็ท่าทางเป็นเอามาก)
มือเล็กๆจับมีดปังตอซึ่งผมไปสั่งทำพิเศษเป็นไซส์มินิมาให้ เพราะงั้นจึงใช้ได้ไม่ยากลำบาก จากฟักทองเต็มๆลูกตอนนี้เจ้ากระต่ายอลิสกำลังค่อยๆแกะมันออกมา ถึงหน้าตาจะบูดๆเบี้ยวๆไม่สมกับหน้าตาของคนทำก็ตาม แต่ใครได้มาเห็นภาพตรงหน้าก็คงอดที่จะมองพร้อมน้ำลายหยดแหมะๆเหมือนผมไม่ได้แน่ๆ เจ้ากระต่ายตัวน้อยมุดเข้าไปในลูกฟักทองก่อนที่จะโผล่หัวออกมาอีกฝั่งพร้อมกับเม็ดฟักทองที่มือเล็กผลักออกมา ใบหน้าเนียนเลอะสีส้มของฟักทองเป็นหย่อมๆ ก่อนที่เจ้าตัวจะถอยกลับเข้าไปอีกเหลือแต่หูยาวๆสีขาวที่โผล่ออกมา ไม่นานเม็ดฟักทองก็ถูกมือเล็กผลักออกมาอีก....มะ....โมเอ้ขาดใจ......
สักพักเจ้ากระต่ายอลิสก็ค่อยๆคลานออกมาจากข้างในลูกฟักทองก่อนจะยืนมองผลงานของตัวเองด้วยรอยยิ้ม......อ้า.....นั่นเจ้ากำลังเลือกว่าจะขึ้นรถฟักทองคันไหนอยู่ใช่ไหม ซินเดอเรร่าลูกพ่อ....(?)
มือข้างหนึ่งยกขึ้นปาดน้ำลายส่วนอีกข้างควานหาโทรศัพท์ก่อนจะกดเบอร์ๆหนึ่ง
“ ฮัลโหล...ร้านขายผักหน้าปากซอยใช่ไหมครับ....ครับ.....เอามาส่งที่บ้านซาวาดะเลยนะครับ...ครับ.....ฟักทองหมดทั้งร้านนั่นแหละครับ....” ก่อนจะไปเต้นรำกับเจ้าชายแล้วทิ้งรองเท้าแก้วเอาไว้(?) ป๊ะป๋าขอดูหนูอยู่ในฟักทองให้หนำใจก่อนเถอะนะ.......อร๊ายยยย
ในที่สุดค่ำคืนแห่งปาร์ตี้ฮาโลวีนก็พร้อมแล้ว เจ้ากระต่ายอลิสขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ส่วนเจ้ายามาโมโตะก็มาในมาดหมาป่า.....ถึงไม่แต่งแกก็เป็นหมาป่าอยู่แล้วไม่ใช่เร๊อะ!!!....ส่วนผม...ขอเป็นแดรกคิวล่าเท่ห์ๆสักวันเถ๊อะ....
ผมสะบัดเสื้อคลุมก่อนอีกมือจะใช้ผ้าเช็ดคราบน้ำลายที่ทำหกเอาไว้ตามพื้น แต่แล้วมือก็ต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงทั่กๆ ราวกับฝูงอะไรกำลังวิ่งมาหา
โครม!!!!
เมื่อหันกลับไปดูก็ต้องพบกับศพหวีดสยองที่ครองรางวัลสุดยอดคอสเพลย์ของฮาโลวีนนี้ไปแน่นอน แถมไม่ใช่ศพที่ตายอย่างสงบสุขเพราะทั่วทั้งร่างนั้นโชกไปด้วยเลือดสดๆ ตั้งแต่เส้นผมสีทองไล่ลงมาจนใบหน้าเล็กหล่อเหลาที่มีแต่รอยฟกช้ำดำเขียว....แต่งหน้าได้เหมือนสุดๆไปเลยนะคุณดีโน่....ฮะฮะ....ใช่ซะที่ไหนเล่า!!!
ร่างเล็กๆของเจ้าพ่อมดจอมเป๋อกลิ้งกุกๆมาตามพื้นก่อนจะดีดตัวหลบอยู่ข้างหลังกำบังร่างกายโดยใช้ผมเป็นโล่....ไม่นานเสียงโครมครามก็ดังตามมาติดๆพร้อมด้วยประตูหักเป็นสองท่อนที่ปลิวหวือผ่านหน้าของผมไป....ฮี้!!!.....อะไรอีกล่ะ!!!
เงาดำทะมึนที่ยืนจังก้าอยู่ที่หน้าประตูดูเละๆด้วยน้ำเหนียวๆกลิ่นเดียวกับโคลนตมปล่อยรังสีอำมหิตออกมาไม่ขาดสาย ร่างทั้งร่างกำลังไหลย้อยตั้งแต่หัวจรดเท้าทุกส่วนนั้นเต็มไปด้วยโคลนจนมองไม่ออกว่าใบหน้าจริงนั้นเป็นเช่นไร....นอกจากจะลงทุนแต่งตัวเลียนแบบปีศาจโคลนแล้วยังอุตส่าห์แผ่รังสีปีศาจออกมาได้เหมือนเปี๊ยบอีกด้วยนะ....ถึงผมจะไม่รู้ว่าเจ้าแขกไม่ได้รับเชิญนี่เป็นใครก็เถอะนะ.....ฮะฮะ....วิ้ง......ประกายสีเงินแวววับอยู่ที่สองแขน....ทอนฟาฟ้าประทานตวัดผ่านหัวผมไปจนแทบหลบไม่ทัน......คุณท่านฮิบาริเองเร๊อะ!!!!
ไปทำอีท่าไหนมาถึงได้มาในสภาพนี้เนี่ย!!!
เหลือบตาไปมองไอ้เจ้าพ่อมดผมทองที่ยืนหลบอยู่ข้างหลัง......งั้นเองสินะ......วิ่งไล่ฟาดคุณดีโน่จนตกบ่อโคลนมาสินะ.......ว่าแต่.....แกจะมาหลบอยู่ข้างหลังชั้นทำม๊ายยยย อย่างงี้ก็ตายหมู่ดิเว้ยเฮ้ย!!!!
“ คึหึหึ......หึหึ......หึหึหึ.....” น่าน.....เสียงหัวเราะแบบนี้ ผีไม่ได้รับเชิญโผล่ออกมาจากหลุมอีกตัวนึงแล้วสินะ.....จะว่าไปมุคุโร่มันก็วิ่งไล่ฟัดคุณท่านทั้งสองมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วนี่นะ.....สองคนแรกยังโผล่มาได้สยองขนาดนี้ แล้วคุณพี่นั่นจะมาในสภาพไหนเนี่ย?
ผมค่อยๆชายตาไปยังเงาสูงโปร่งที่ยืนถือสามง่ามหอบแฮ่กอยู่ข้างหลังคุณฮิบาริ......ผมทรงสับปะรดดูกระเซอะกระเซิง....แต่ไอ้ที่ทำให้ผมถึงกับอ้าปากค้างกลับเป็นเครื่องแต่งกายของเจ้านั่นมากกว่า.....นี่มัน.....
ผีตายท้องกลมหรือไงกันคุณท่าน!!!!
ผมว่าไอ้ชุดผ้ากันเปื้อนสีชมพูเมื่อเช้าก็เกินรับได้แล้วนะแล้วนี่คราวนี้เจ้าหมอโรคจิตดันไปพกความมั่นใจมาจากไหนถึงได้มาในชุดคลุมท้องแบบนี้!!!
ร่างสูงโปร่งในชุดคลุมท้องสีฟ้าติดระบายที่ชายกระโปรงดูน่าจะเป็นคุณแม่ที่อ่อนโยน ถ้าไม่ติดที่ว่าผมเผ้ายาวๆสีน้ำเงินนั้นจะกระเซอะกระเซิงและใบหน้าหล่อเรียวนั่นจะแสยะยิ้มราวกับวิญญาณพยาบาทอาฆาตแค้นที่โดนแย่งลูกไป.....นี่ก็คอสเพลย์ได้สมบทบาทสุดๆไปเลยนะครับ ฮะฮะฮะ......ใช่ซะที่ไหนเล่า!!!
ต้นเหตุคงไม่พ้นไอ้เจ้าพ่อมดจิ๋วที่กระโดดหลบทอนฟาไปมาอยู่นี่หรอก....คราวนี้ใช้ยากำจัดวัชพืชสูตรไหนฉีดใส่ไอ้เจ้ามุคุโร่นั่นเข้าไปล่ะ? ขืนไม่ถอดชุดเปลี่ยนมีหวังตายถึงรากแน่...และก็คงไม่พ้นไปคว้าเสื้อใครที่ตากๆอยู่แถวนั้นมาใส่สินะ....แต่ว่า....คราวหน้าคราวหลังก็ช่วยดูชุดก่อนใส่หน่อยเห๊อะ! จะเป็นดาราเกาหลีก็ต้องมีคอสตูมนะเว้ยเฮ้ย!
“ เล่นอะไรกันอยู่น่ะ?! ท่าทางน่าสนุกนะ ให้ชั้นเล่นด้วยสิสึนะ!!!” โห....นี่ไม่ได้ดูเลยใช่ไหมว่าชั้นกำลังจะเป็นจะตายยังไง ไอ้หมาสองบุคลิกนั่นถึงได้ปามีดบินเข้ามาร่วมแจมด้วยอีกแรงน่ะ!
“ หนวกหูเฟ้ย!!! เงียบๆแล้วดับไปซ๊า!!!”
ตูมๆๆๆ!!!
เสียงอันห้าวหาญของเจ้ากระต่ายอลิสดังขึ้นที่ระเบียงบันไดชั้นสอง ก่อนที่ระเบิดควันจะพุ่งลงมาจนผีทุกสายพันธุ์ต่างสำลักควันไปตามๆกัน
แต่ทว่า....เมื่อกลุ่มควันจางหาย......ร่างเล็กๆที่ยืนอยู่ ณ ปลายบันไดชั้นบนนั้นก็ทำให้ทุกนัยน์ตาเบิกกว้าง.....
เจ้ากระต่ายอลิสสวมกางเกงทรงฟักทองขาสั้นสีส้มป่องๆจั้มขา รองเท้าบูทสีดำสูงขึ้นมาถึงหัวเข่า ต้นขาขาวที่โผล่พ้นกางเกงออกมานั้นเรียวสวย เสื้อแขนยาวขาดๆรุ่ยๆสีดำสนิทคอกว้างเผยให้เห็นลาดไหล่เล็กและลำตัวบาง ใบหน้าเล็กน่ารักเชิดขึ้นเล็กน้อยสมกับหมวกทรงสูงของแม่มดที่วางแปะอยู่บนเส้นผมสีเงิน หูกระต่ายยาวๆสีขาวโผล่ออกมาจากปีกหมวก......ช่างเป็นแม่มดที่โมเอ้ที่สุดในสามโลกเลยลูกเอ้ย.......
โจ่กกกกก............แหมะ แหมะ.............วิ้ง วิ้ง............หงึกๆๆ..........
สะ....เสียงอะไร.....ไม่น่าไว้ใจสุดๆ....
สารภาพตามตรงว่าผมไม่กล้าหันไปมอง....แต่เพื่อความปลอดภัยของเจ้ากระต่ายที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวตรงหน้า ป๊ะป๋าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องหนูเอง!!!
ผมค่อยๆเหลือบไปมองข้างหลังอย่างช้าๆ....เฮือก!!!
คุณฮิบาริยืนยกมือปิดจมูกเลือดกำเดาไหลโจ่กๆ.......ไอ้เจ้ามุคุโร่ยืนอ่าปากค้างน้ำลายไหลย้อย นัยน์ตาสองสีเหม่อลอยไปโลกไหนแล้วก็ไม่รู้......และผมเห็นดวงดาวมากมายส่องประกายวิ้งวับระยิบระยับออกมาจากดวงตาสีทองของคุณดีโน่.....แต่ไอ้ตัวที่น่ากลัวที่สุด.....ไอ้เจ้าหมาสองบุคลิก!....ริมฝีปากแสยะยิ้มดาร์กพร้อมสองมือสั่นระริก นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องลูกสาวกระต่ายของผมราวกับหมาป่าจ้องจะจับเหยื่อ
ยะ...แย่แล้ว.....ผมคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อขัดขวางไอ้ตัวอันตรายทั้งสี่นี่
“ โกคุเดระคุง!!” ผมหันควับไปตะโกนเรียกเจ้ากระต่ายอลิสที่ยังคงยืนท้าวสะเอวอยู่ที่ปลายบันไดชั้นบน
“ ครับ!” เจ้ากระต่ายตัวน้อยก็ขานรับแข็งขันตามปกติ
“ ส่งจูบมาให้ชั้นซิ!”
“ ครับ!”
.....จุ๊บ.........
พรวด! จอกๆๆ.......ติ๋งๆๆๆๆ.........ปิ๊งๆๆๆ.........กึกๆๆๆๆ..................อ่อก!!!
แล้วเสียงทุกอย่างก็เงียบหายไปพร้อมกับไอ้สี่ตัวอันตรายที่นอนตายกันเป็นเบือ....หึหึหึ....เป็นไงล่ะ!....เจอโมเอ้แอตแทคของลูกสาวกระต่ายสุดโมเอ้ของชั้นเข้าไป เจอกันใหม่บนสวรรค์ละกันนะ วะฮะฮะ
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
“ ปล่อยไว้แบบนี้จะดีหรือครับ?”
“ ช่างเถอะ เราไปกินเค้กฮาโลวีนกันดีกว่านะ”
นานๆจะไม่มีมารมาผจญ....คืนนี้คุณพ่อจะเต้นรำกับหนูเองก็แล้วกันนะ.....อ้า....ช่วงเวลาแห่งความสุขที่หาได้ยากยิ่ง ในที่สุดมันก็เป็นจริงจนได้สินะ....ขอบคุณครับพระเจ้าอามาโนะ(?)
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป.....ไป........ไป........(ยังจะมีต่ออีกเร๊อะ!!)
แหะ แหะ ฮาโลวีนแบบเลทสุดๆ ^ ^” เอาน่า....มาช้ายังดีกว่าไม่มานะ ^ ^” ฮะฮะ
แบบว่าหมดแรงกลางทาง เลยหนีไปเดินเล่นอยู่หลายวัน ตอนนี้กลับมาพร้อมกับอะไรในหัวอีกแล้ว(พอซะทีเถอะเฮ้ย!)....ก็ในระหว่างเดินเล่น ดันหยิบโทระโดระฉบับไลท์โนเวลไปด้วย(พระเอกเรื่องนี้มันสุดยอดจริงๆฮ่าๆๆอยากได้มาไว้ที่บ้านซักคน เอิ้ก)....อ่านไปอ่านมา....อ้า....เค้าอยากรวมเล่มกระต่ายอลิสแบบเล่มเล็กๆแบบนี้มั่งง่า....เล็กๆน่ารักพกพาสะดวกดีด้วยเนอะ (กร๊ากกก คุวาริคุงเคยหยิบฟิกขนาดพกพาแบบนี้มาให้ดู...แล้วบอกว่าลอร์ดออฟเดอะริง(แฝดน้อง ^ ^”) ของเธอน่ะ ทำแบบนี้ไม่ได้หรอก กร๊ากกก ตอนนั้นยังตอบเล่นๆไปว่า....ทำได้สิ! 10เล่มจบไง ฮ่าๆๆ).....แต่ตอนนี้เริ่มคิดจริงจังแล้วนะเนี่ย >w< อยากทำเป็นของขวัญวันปีใหม่ให้ตัวเองซักเล่มจัง >w< ถ้าหากมีคนเอาด้วยจะได้ส่งโรงพิมพ์ แต่ถ้าไม่มีก็ปริ้นท์เก็บเองอย่างที่ทำๆอยู่นี่แหละ ฮี่...
หงึก....มีคนถามหาตอน X59S แหะแหะ....นั่นสิ? มันหายไปไหนกันนะ? ก็ว่าลงไปแล้วนี่นา...(อย่ามาเนียน!!!)....แฮ่....ขออภัยมันยังไม่เสร็จ ^ ^”.....สักวันนะ.....สักวัน ^ ^”
ขอบคุณค่า.....^ ^....
ได้เวลามาอ่านกระต่ายน้อยแล้ว!!!!
ตอบลบตอนนี้เจ้าหมายามะก็ยังเนียนตามเคย แต่ว่าที่ฮาสุดน่ะ....สัปป้าเอ๊ยยยยอารมณ์สุนทรีมากอ่ะ//ฮาท้องแข็ง รั่วแรดไม่มีใครเกินจริงๆ
ปล.แอบสังเกตว่าทูน่ามีการปีกกล้าขาแข็งขึ้นเรื่อยๆนะคะพี่ แบบว่าอยู่ในดงตัวประหลาดแบบนี้ ก็เลยเริ่มเรียนรู้ มีภูมิคุ้มกันสินะซือ แถมยังรู้จักวิธีการจัดการผู้ไม่ประสงค์ดี?ทั้งหลายด้วย ๕๕๕
จะมีวาเรียโผล่ด้วยรึเปล่าคะเนี่ย เห็นแว๊บๆว่าเป็นตอนต่อไป
“ เพลงดาบชิงุเระโซเอ็นริว กระบวนท่ารุกที่80 พิรุณกระชากผ้า(?)!!!”
ตอบลบ55555+ นี่มันท่าอะไรเนี่ย
ก๊ากกกกกกกกกกกกกกก เรื่องนี้เพลงเยอะจริง คู่กรรม พรหมลิขิต ไปจนถึงผู้ชนะสิบทิศ
ไรเตอร์อายุเท่าไหร่ก๊านนนนนนน 555555555 หยอกๆนะคะ
ก๊กน่ารักจริงๆเลย อยากเลี้ยงบ้าง -0-