จากตรงนี้ไปจะเริ่มทางแยกใหม่แล้วนะคะ เป็นตอนจบที่สมการ 8059 6927 XSD โดยจะใช้ตอนที่ 1 – 12 ร่วมกับทางแยกก่อนหน้านี้ หากกลัวว่าจะสับสนจะกลับไปอ่านทวนคร่าวๆก่อนก็ได้ค่ะ ^ ^
: KHR Fanfiction Au
: 8059 6927 XSD
: Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......
[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....
.
.
.
.
สมการสามเส้า ของพวกเขาสามคู่
กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน
กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก
สุดท้าย.......
ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน
กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน
กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก
สุดท้าย.......
ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน
By : K_Guardian_7
.
.
.
.
.
.
.
.
“ ตกลงว่าเจ้า....อยู่กับข้าที่นี่นะ....สควอลโล่”
มือบางกำนิ่ง ผมด้านหน้าที่สั้นกว่าปรกลงปิดใบหน้าที่กำลังพยายามกักเก็บความรู้สึกทั้งหมดที่มี....
ข้าไม่น่าหลงใหลไปกับความรู้สึกอ่อนแอเช่นความรัก
ขนาดคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต คนที่ข้ารักมากที่สุดยังทิ้งข้าไป....แล้วจะมีใครรักข้าจริงๆกันเล่า
ชายผู้มีนัยน์ตาสีโลหิตผู้นั้นต้องการกักขังข้าเอาไว้ให้อยู่เคียงข้าง....
เพราะข้าเหมือนพี่ชายฝาแฝด....
ชายผู้มีเส้นผมสีทองผู้นี้ต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่....
เพราะเข้าใจว่าข้าคือพี่ชายฝาแฝด....
แต่ไม่มีใครต้องการข้า ที่เป็นตัวข้าเลย....
ข้าไม่ใช่....ตัวแทนของใคร...และไม่มีวันเป็นได้.....
ในใจนั้นรู้สึกเหนื่อยล้ากับช่วงเวลาที่ผ่านเข้ามาในชีวิต...
หรือข้าควรจะเลิกหวัง...เลิกชิงชัง....แล้วกลับไปอยู่ในที่ที่ควรจะอยู่....
แต่ที่ใดกันเล่าที่จะเป็นที่ของข้า...ที่ที่รู้จักข้าที่เป็นข้ามิใช่เป็นเพียงเงาของพี่ชายฝาแฝด….
“ อื้อ...ข้าจะอยู่ที่นี่....”
ปากแสร้งตอบออกไปแบบนั้น รอยยิ้มกว้างบนใบหน้าหล่อเหลาที่ส่งกลับมาให้ยิ่งทำให้ในใจรู้สึกเจ็บแปลบและแทบไม่อาจที่จะนั่งอยู่ตรงนั้นได้อีก........รอยยิ้มนั้นไม่ใช่ของข้า....
“ อย่างนี้ต้องฉลองนะสควอลโล่...จริงสิ ถือว่าเป็นการต้อนรับเจ้าอย่างเป็นทางการ ข้าจะยอมสละเหล้าอย่างดีที่หมักไว้เป็นสิบปีให้เจ้าเลยด้วยเอ้า!” ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในบ้านด้วยใบหน้าและท่าทางที่มีความสุข นัยน์ตาสีน้ำแข็งได้แต่มองตามไปอย่างทอดอาลัย
นี่คงจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ข้าจะได้เห็นแผ่นหลังกว้างใหญ่ที่อบอุ่นราวกับดวงตะวันของเจ้า...
เมื่อประกายสีทองของเส้นผมหายลับไปกับเงามืดของตัวบ้าน ร่างโปร่งบางก็ลุกขึ้นยืนช้าๆแล้วก้าวขาจากมาโดยที่ไม่ล่ำลา....เพราะมันคงยากจะหักใจหากได้เห็นใบหน้าของเจ้าอีกครั้ง....
“ ลาก่อน...ดีโน่...”
คำพูดแผ่วเบาพัดไปกับสายลม....ถึงจะไม่อยากจำแต่ข้าจะไม่ลืม......
ว่าครั้งหนึ่งสายฝนสีเลือดเคยอยากที่จะอยู่เคียงข้างท้องนภาสีฟ้าใส.....
...............................................................................................................................................................
นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องอยู่ที่ใบสีเขียวของต้นบอนไซในกระถางน้อยๆ ใบหน้าสวยยื่นเข้าไปใกล้แล้วทำแก้มป่องอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้า....ใบที่ควรจะเหยียดตรงรับแสงตะวันกลับดูห่อเหี่ยวอ่อนระโหยโรยแรง.....นิ้วเรียวคีบใบเหี่ยวๆอย่างแผ่วเบาก่อนจะพลิกดูไปมาอย่างสงสัย
“ ท่านแอบมาทำอะไรมันหรือเปล่า ?!” เมื่อหาสาเหตุไม่ได้นายน้อยแห่งโกคุเดระจึงหันควับกลับมาหาเรื่องคนที่นั่งตากสายลมเอื่อยเฉื่อยอยู่ที่ระเบียง ให้ใบหน้าคมหันมามองอย่างแอบทอดถอนใจ...
“ ข้าเป็นคนให้มันกับเจ้า...แล้วใยข้าต้องไปทำให้มันเหี่ยวเฉาด้วยเล่า” เจ้าของแผ่นดินสีดำตอบกลับไปท่ามกลางสายตาไม่ไว้วางใจของอีกฝ่าย....นี่เขากลายเป็นพวกชอบทำลายข้าวของในสายตาร่างบอบบางไปแล้วหรือนี่....รอยยิ้มที่มุมปากเผยขึ้นน้อยๆในขณะที่ลอบมองร่างบางในกิโมโนสีขาวที่ยังคงก้มๆเงยๆมองต้นบอนไซที่เขามอบให้ นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นมันไร้ซึ่งแววของความเกลียดชังและหวาดกลัวเขาอย่างที่เคยเป็นมา...แต่ร่างบอบบางกลับกล้าที่จะเผชิญหน้าและแสดงอาการดื้อดึงกับเขา...เอาแต่ใจ....ได้อย่างไม่กลัวเกรง....ซึ่งนั่นคือสิ่งที่เขาปรารถนา....เพราะว่ามันบ่งบอกว่าคนตรงหน้ายอมรับว่าเขาคือคนในครอบครัว
เพราะชนชั้นปกครองเช่นพวกเขา...ไม่ได้รับอนุญาตให้แสดงความรู้สึกต่อหน้าผู้อื่น....แต่กับคนในครอบครัวหรือคนรักแล้วไม่ใช่...
“ หรือจะเป็นเพราะถึงเวลาเปลี่ยนดิน.....” มือบางลูบคางตนเองไปมาก่อนที่จะหันหน้ามาหาเขา
“ ข้าอยากได้ดินใส่กระถางบอนไซนี่ ต้องไปเอาที่ไหน?” ใบหน้าสวยนั้นออกอาการกระตือรือร้น....มันดูมีชีวิตชีวาอย่างที่เขาปรารถนาที่จะได้เห็น.....อย่างน้อยๆเขาก็คิดไม่ผิดที่นำบอนไซต้นนั้นมาให้ร่างบาง.....เจ้าจะได้เลิกหงอยเหงาและนึกถึงแต่ชายผู้นั้นเสียที....
“ เจ้าไม่ต้องไปไหนทั้งนั้นแหละ ข้าจะให้คนเตรียมมาให้” นัยน์ตาสีดำมองไปยังใบหน้าสวยด้วยออกคำสั่ง
“ ไม่! ข้าจะไปเอาเอง...นี่มันต้นไม้ของข้า...ข้าก็ต้องดูแลมันเอง” แต่นัยน์ตาสีมรกตดื้อดึงก็มองกลับมาอย่างไม่ลดละจนเจ้าของแผ่นดินสีดำเผลอถอนหายใจ....บทจะเอาแต่ใจ แม้แต่เขาเองก็ยังต้องยอม....
“ ดินที่เหมาะสมสำหรับปลูกต้นไม้นั่นคือดินที่อยู่เชิงเขาด้านหลังหมู่ตำหนัก”
“ ถ้าเช่นนั้นวันนี้ข้าจะไปที่นั่น” ใบหน้าสวยเชิดขึ้นอย่างมั่นใจ ก่อนจะปีนป่ายราวกับเด็กซนๆขึ้นมาบนระเบียง ปลายผมระพื้นดินจนเลอะคราบโคลน ให้มือใหญ่คว้าตัวเอาไว้แทบไม่ทัน
ผ้าเช็ดหน้าที่ทอจากเส้นไหมอย่างดีห่อปลายผมเอาไว้ก่อนที่มือใหญ่จะค่อยๆเช็ดรอยดินออกไปจากเส้นผมสีเงินอย่างอ่อนโยน นัยน์ตาสีดำสนิทลอบมองใบหน้าด้านข้างของคนที่หันหลังให้ ที่แก้มใสนั้นแดงระเรื่อ....
“ ใส่นี่ไปด้วย” เสื้อคลุมกิโมโนสีดำสนิทถูกคลุมให้ที่ไหล่บาง นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าคมอย่างสงสัยแต่ด้วยความเขินอายที่ยังคงอยู่ทำให้ไม่ได้ถามอะไรก่อนจะรีบสะบัดหน้าหนีไป
มือบางเปิดประตูเลื่อนออกมาจากห้องท่ามกลางสายตาตกตะลึงของสองสาวใช้ที่นั่งรออยู่หน้าห้อง ก่อนที่ทั้งคู่จะหันไปส่งยิ้มให้กัน....เพราะเสื้อคลุมสีดำตัวนั้นมันบ่งบอกถึงฐานะและความสำคัญของผู้ที่สวมใส่ได้เป็นอย่างดี....และใครที่คิดจะทำร้ายคนผู้นี้...โทษของมันคือต้องตายสถานเดียว
เขตตำหนักทางฝั่งนี้นั้นเงียบเชียบ...มันยังถือว่าเป็นเขตตำหนักชั้นใน เพราะฉะนั้นนอกจากคนในครอบครัวของฮิบาริ เคียวยะแล้ว จึงไม่มีใครได้รับอนุญาติให้อยู่ภายในรั้วสีดำแห่งนี้....ตำหนักที่สวยงามและใหญ่โตหลายหลังจึงเหมือนไม่มีใครอยู่......นั่นเพราะว่าท่านไม่เหลือใครแล้วอย่างนั้นใช่หรือไม่....
แต่ท่ามกลางความนิ่งสงบกลับพบประกายแห่งชีวิต...ถึงแม้จะแค่เล็กน้อยแต่ตำหนักที่อยู่ตรงหน้ากลับให้ความรู้สึกว่าแตกต่าง....
ตำหนักที่มีสัญลักษณ์เลขหกอยู่บนแผ่นไม้สีดำ....
ร่างบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระหยุดยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูรั้ว...ที่บานประตูไม่ได้มีโซ่ห้อยเหมือนตำหนักอื่นๆบ่งบอกว่าที่นี่ยังมีคนเข้าออกอยู่เสมอ สองสาวใช้หยุดตามท่านหญิงของพวกเธอพรางมองแผ่นหลังบางด้วยความสงสัย
“ ที่นี่....” ริมฝีปากสีระเรื่อเปรยออกมาทำให้สองสาวใช้เข้าใจได้ทันที
“ ท่านเจ้าเมืองสั่งให้คนคอยมาทำความสะอาดที่นี่อยู่เสมอ เพราะฉะนั้นเราจึงไม่ได้ใส่โซ่คล้องเอาไว้....พวกข้าทราบเพียงแต่ว่าเป็นตำหนักของพี่ชายของท่านเจ้าเมืองเมื่อครั้งอดีตน่ะเจ้าค่ะ”
ตำหนักของมุคุโร่......
จริงอยู่ว่ามันยังคงเงียบเชียบราวกับว่ายังไม่มีใครกลับมา...แต่ทว่าเขากลับรับรู้ถึงเสียงแห่งชีวิตแผ่วเบาที่แฝงกายอยู่ทุกอณูของตำหนัก....ถึงแม้มันจะเป็นแค่ความรู้สึกลมๆแล้งๆ...แต่แค่มีความหวังเพียงเล็กน้อย เขาก็พร้อมที่จะไขว่คว้าเอาไว้เพื่อคลายเรื่องที่ยังคงค้างคาใจอยู่ทุกลมหายใจเข้าออก
ข้าอยากรู้.....ว่ายามาโมโตะ.......
“ รีบไปกันเถอะเจ้าค่ะ ท่านหญิง” เสียงเรียกทำให้ร่างบอบบางจำต้องละจากตำหนักตรงหน้าไป ถึงแม้ภายในตำหนักรอบกายจะไม่มีใครอยู่แต่ตามทางเดินก็ยังคงมีซามูไรในชุดสีดำยืนเฝ้าอยู่มากมาย...ดูจะมากกว่าปกติด้วยซ้ำ....นี่คงเป็นคำสั่งของท่านสินะ...ท่านเคียวยะ
เบื้องหลังกำแพงสูงคือทุ่งหญ้ากว้างก่อนที่จะเป็นชายป่าเชิงเขาที่อยู่ไกลริบ นายน้อยแห่งโกคุเดระเดินฝ่าพงหญ้าที่สูงราวหัวเข่าไปเรื่อยๆ สายลมอ่อนๆพัดให้เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวคลอเคลียกับแก้มใส ชายกิโมโนสีขาวและเสื้อคลุมสีดำโบกสะบัดน้อยๆในทิศทางเดียวกับยอดหญ้าลู่ลม
จากทุ่งหญ้าค่อยๆผสมกลมกลืนไปกับดอกไม้ป่าหลากสี ความงดงามทำให้นัยน์ตาสีมรกตเต็มไปด้วยความสดใส ใบหน้าสวยอมยิ้มน้อยๆกับสิ่งที่อยู่รอบกาย
เช่นเดียวกับสองสาวใช้ที่เหม่อมองภาพตรงหน้าด้วยความตราตรึง....พวกเธอเชื่อเหลือเกินว่าท่านเจ้าเมืองเองก็คงอยากเห็นภาพนี้....จึงได้เลือกที่จะบอกท่านหญิงว่าดินที่จะต้องไปเอานั้นอยู่ที่เชิงเขา เพราะแท้ที่จริงแล้ว...ดินที่ไหนในนามิโมริก็สามารถใช้ปลูกบอนไซได้ทั้งนั้น.....ท่านคงอยากให้ท่านหญิงยิ้มออกมาเมื่ออยู่ท่ามกลางดอกไม้ป่าที่กำลังแย้มบาน....
ร่างบอบบางย่อตัวลงไปก่อนที่ปลายนิ้วเรียวจะแตะลงไปที่กลีบดอกไม้สีม่วง ใบหน้ายิ้มแย้มราวกับกำลังนึกสนุกอะไรอยู่
แล้วไม่นานภายในอ้อมแขนบางก็เต็มไปด้วยช่อดอกไม้ป่าหลากสี “ข้าจะเอามันไปประดับให้เต็มห้อง...ดูซิว่าเจ้านายของพวกเจ้าที่ชอบทำหน้าบูดไม่เข้ากับดอกไม้พวกนี้จะทำหน้ายังไง” ใบหน้าสวยหันมาบอกด้วยแววตาซุกซน....สงสัยว่าท่านหญิงของพวกเธอกำลังวางแผนจะกลั่นแกล้งท่านเจ้าเมืองอยู่ แต่เท่าที่ดูแล้วนอกจากแผนจะไม่สำเร็จยังจะเป็นไปตามที่ท่านเจ้าเมืองคิดเอาไว้ตั้งแต่แรกโดยที่ร่างบอบบางนั่นคงไม่รู้ตัว....
สองสาวใช้ลอบยิ้มให้แก่กัน ก่อนที่จะช่วยนายน้อยแห่งโกคุเดระถือดอกไม้ป่ามากมายเต็มสองแขน
และเมื่อเดินต่อไปเรื่อยๆ....จากผืนดินที่เต็มไปด้วยมวลดอกไม้กลับค่อยๆกลับมาเขียวขจีอีกครั้งเพราะใบเรียวยาวของต้นไม้ที่คุ้นเคย
จากตรงนี้ไปจนสุดชายป่า...คือทุ่งหญ้าที่เต็มไปด้วย SNOWDROP.....
ดอกสีขาวที่ชูช่อรับแสงอรุณทำให้แผ่นดินนี้ดูขาวบริสุทธิ์ ราวกับเป็นเขตแดนของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ขาเรียวภายใต้กิโมโนสีขาวก้าวเข้าไปด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน....ดอกไม้ดอกน้อยรายล้อมร่างกายอยู่ทำให้รู้สึกราวกับกำลังได้รับการโอบกอดด้วยความรักจากใครบางคน.....
แต่เมื่อเข้าไปใต้เงาของไม้ใหญ่ ข้างในป่าที่มืดทึบกลับเต็มไปด้วยแสงเล็กๆของหิ่งห้อยนับร้อยบินไปมาอยู่รอบกาย จากรอยยิ้มสดใสแปรเปลี่ยนไปเป็นความเศร้าสร้อยเพราะหิ่งห้อยนับร้อยทำให้รู้สึกราวกับกำลังได้รับการโอบกอดจากใครอีกคน....
ยามาโมโตะ......
“ ดินตรงนี้น่าจะใช้ได้นะเจ้าคะ” เสียงจากสองสาวใช้ทำให้นายน้อยแห่งโกคุเดระหลุดออกมาจากภวังค์ ใบหน้าสวยพยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะนั่งลง มือบางคลี่ห่อผ้าสีขาวออกก่อนจะกอบดินสีเข้มร่วนซุยใส่ลงไป
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองหมู่หิ่งห้อยที่บินอ้อยอิ่งมาวนอยู่รอบกายก่อนที่จะค่อยๆหายกลับเข้าไปในร่มเงามืดทึบของต้นไม้ราวกับอาลัยอาวรณ์ ใบหน้าเนียนหันไปอีกทางอย่างพยายามระงับความเจ็บปวดที่ฝังรากลึกอยู่ในจิตใจ ก่อนที่ขาเรียวจะตัดสินใจก้าวออกมาจากร่มเงาของชายป่า แสงสว่างเจิดจ้ากำลังถูกเมฆก้อนใหญ่บดบังจนทำให้นัยน์ตาที่พร่าเลือนมองเห็น...... ทุ่ง SNOWDROP ตรงหน้ากลายเป็นสีดำ.....
สองมือของนายน้อยแห่งโกคุเดระถือห่อผ้าใส่ดินด้วยความระมัดระวัง ตลอดทางที่เดินกลับมายังคงเต็มไปด้วยซามูไรในชุดสีดำยืนเฝ้าอยู่เช่นเดิม....ข้างหน้าคือตำหนักของมุคุโร่....แม้เพียงความหวังน้อยนิด....เขาก็อยากที่จะไขว่คว้าเอาไว้....
“ จริงสิ....ข้าว่าข้าน่าจะเก็บSNOWDROPกลับไปบ้างก็ดีนะ” แค่ลองเปรยออกไป หนึ่งในสองสาวใช้ก็รับอาสาไปเก็บมาให้ทันที “พวกเจ้าไปด้วยกันเถอะ ข้าจะยืนรออยู่ตรงนี้...เอาดอกไม้นั่นวางไว้ที่นี่ก่อนก็แล้วกัน” สายตาจับจ้องไปที่ดอกไม้ที่มีอยู่เต็มสองแขนของสองสาวใช้ที่ทำท่าเหมือนไม่อยากจะทิ้งเขาเอาไว้คนเดียว แต่เพราะการที่ต้องเดินกลับไปที่ชายป่าเพียงลำพังก็ไม่ใช่สิ่งที่หญิงสาวอยากจะทำนัก สองสาวใช้จึงจำต้องทำตามคำบอก
ตอนนี้ไม่มีใครอยู่แล้ว....
ร่างบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระค่อยๆแทรกกายเข้าไปยังบานประตู้ไม้ที่แง้มออกมาเพียงเล็กน้อย ใบหน้าสวยมองซ้ายมองขวา ที่สวนตรงหน้านั้นไร้เงาของสิ่งมีชีวิตใด แต่ความสดใสของต้นไม้ใบหญ้าก็ทำให้รู้ได้ว่าที่นี่ยังคงได้รับการดูแลเป็นอย่างดี ร่างบอบบางเดินไปตามทางเดินปูด้วยหินตัดผ่านสวนไปจนถึงตัวเรือนซึ่งเล็กกว่าเรือนส่วนตัวของฮิบาริ เคียวยะ แต่รายละเอียดต่างๆของอาคารกลับดูคล้ายคลึงกัน สายตาเหลือบไปเห็นกอต้นอะจิไซ(ไฮเดรนเยีย)กำลังออกดอกเป็นสองสียิ่งทำให้นึกถึงนัยน์ตาคู่แปลกประหลาดของเจ้าของตำหนักได้เป็นอย่างดี
เจ้าจะอยู่ที่นี่หรือไม่กันนะ....มุคุโร่.....
และเจ้า...จะรู้ข่าวคราวความเป็นไปของเขาผู้นั้นบ้างหรือเปล่า......
หลังจากเดินวนไปรอบตัวเรือนแต่ก็ไม่มีวี่แววของใคร ร่างบอบบางจึงตัดสินใจเดินขึ้นบันไดไปยังชานระเบียงของตัวเรือน ทุกอย่างยังคงเงียบเชียบ...หรือเจ้าจะไม่ได้อยู่ที่นี่จริงๆ...ใบหน้าสวยหมองลงเล็กน้อย แต่กระนั้นมือบางก็ยังคงไม่ละความพยายาม สัมผัสที่ประตูบานกันฝนก่อนที่จะเลื่อนออกน้อยๆ....แสงที่ส่องเข้าไปในตัวเรือนนั้นแสดงให้เห็นว่าภายในนั้นว่างเปล่า......ไม่มีใครอยู่จริงๆ.....
ร่างบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระนั่งลงยังพื้นระเบียง สายตาเหม่อมองไปที่สวน.....รู้ทั้งรู้ว่าไม่มีใครอยู่....แต่ทำไมถึงได้ยังนั่งรอ.....
ภาพร่างบอบบางในชุดกิโมโนสีขาวที่นั่งแกว่งขาไปมาอยู่บนพื้นระเบียงตรงหน้าทำให้นัยน์ตาสองสีเบิกกว้าง....
แขนเรียวจับยึดกิ่งไม้ก่อนจะโหนตัวลงมายังด้านในของกำแพงอย่างแผ่วเบา....เขารู้สึกได้....ว่ามีใครบางคนเหยียบย่างเข้ามาในตำหนักของเขา ถึงแม้จะไม่ได้ใช้สายหมอกอำพรางไว้เหมือนเช่นแต่ก่อนเพราะไม่อยากให้น้องชายรู้ว่าเขากลับมาและแอบมาอาศัยอยู่ที่ตำหนักแห่งนี้ก็ตาม แต่คนที่เขามองเห็นก็ทำให้ประหลาดใจได้มากกว่าใครๆ
นายน้อยแห่งโกคุเดระ......ทำไมมาอยู่ที่นี่.....
ร่างโปร่งบางของมุคุโร่ค่อยๆเดินเข้าไปหานายน้อยแห่งโกคุเดระที่ยังคงนั่งเหม่อมองสวนตรงหน้าอย่างไม่ได้รับรู้ได้เลยว่าเขากลับมาแล้ว...นัยน์ตาสองสีมองแผ่นหลังบางอย่างพินิจพิจารณา.....ตลอดเวลาที่เขากลับมายังนามิโมริแห่งนี้ก็ได้ข่าวอยู่เสมอว่าเคียวยะได้ตัวนายน้อยแห่งโกคุเดระกลับมาแล้ว....และคงจะยกให้อยู่ในฐานะที่เหนือกว่าใครๆ....ดูจากเสื้อคลุมสีดำตัวนั้นก็เข้าใจได้อย่างทันที
เจ้าคงได้ตัวของเขาไปแล้ว....แต่หัวใจของเขาเล่า....เจ้าได้ไปหรือยังเคียวยะ....
บางที...การที่ร่างบอบบางมานั่งอยู่ในตำหนักของเขาทั้งๆที่รู้แบบนี้ อาจจะกำลังคาดหวังว่าจะได้เจอเขา....แล้วสิ่งใดกันที่เจ้าอยากรู้จากข้า....ถ้าไม่ใช่เรื่องของ.........ยามาโมโตะอย่างนั้นหรือ?
ร่างโปร่งหยุดชะงักลงทันที
นัยน์ตาสองสีที่ทอดมองแผ่นหลังบอบบางนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เศร้าหมอง.....เขาไม่อยากจะทำผิดต่อน้องชายของเขาอีก....ไม่อยากจะทรยศต่อเจ้าอีกแล้วเคียวยะ เพราะฉะนั้น....
ข้าจะช่วยเจ้าทุกอย่าง มีพียงเรื่องของความรักเท่านั้นที่เจ้าต้องสร้างมันขึ้นมาเอง....
เพราะความรักคือเรื่องระว่างเจ้ากับเขาเพียงสองคน....ข้าไม่สามารถจะทำให้เขารักเจ้าหรือแยกเขาออกจากใครได้....เพราะถ้าเขาจะรักเจ้า ข้าก็อยากจะให้เขารักเจ้าด้วยตัวของเขาเอง...มิใช่รักเจ้าเพราะเขาไม่มีใคร....
อีกอย่าง....ข้าเองก็รู้ดียิ่งกว่าใคร...ว่าการที่ต้องพรากจากคนที่รักมันทรมานเพียงใด....
ข้าจะบอกความจริงกับเขา....ว่ายามาโมโตะยังไม่ตาย......
เพราะข้าเชื่อ....ว่าเจ้าจะทำให้เขารักเจ้าด้วยตัวของเจ้าเองได้...เคียวยะ.....
ร่างโปร่งตัดสินใจเดินเข้าไปหานายน้อยแห่งโกคุเดระอีกครั้ง เสียงแผ่นไม้กระดานเสียดสีกันด้วยแรงน้ำหนักทำให้ร่างบอบบางค่อยๆหันหน้ามาช้าๆ......
“ ท่านหญิง....มาอยู่ที่นี่เองหรือเจ้าคะ....กลับกันเถอะค่ะใกล้จะเย็นป่านนี้แล้ว” แต่แล้วเสียงของสองสาวใช้ที่เปิดประตูไม้เข้ามาก็ทำให้ใบหน้าสวยหันกลับไปพร้อมๆกับร่างโปร่งที่หลบหายเข้าไปในเงามืด นายน้อยแห่งโกคุเดระพยักหน้าน้อยๆก่อนที่จะเดินลงไปจากระเบียง ใบหน้าสวยหันกลับมามองเรือนของมุคุโร่อีกครั้งด้วยใบหน้าหงอยเหงา...จนแล้วจนรอดที่นี่ก็ไม่มีใครอยู่จริงๆสินะ....
แผ่นหลังบางลับหายไปพร้อมกับประตูไม้ที่ปิดลง....ร่างโปร่งขยับออกมาจากเงามืดมายืนอยู่ที่เดิม....
“ น่าเสียดายจังน้า....ถ้าเด็กคนนั้นรู้เรื่อง ข้าอยากรู้จังว่ามันจะเป็นยังไง...” เสียงของใครอีกคนดังขึ้นจากอีกฟากของระเบียง ร่างสูงโปร่งสีขาวราวกับจะกลืนหายไปกับแสงแดดปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัวให้มุคุโร่นั้นสะดุ้งเฮือก
“ คึหึหึ....ทำไมเจ้าถึงมาอยู่ที่นี่ละ....เป็นนายเหนือของแผ่นดินนี่ว่างขนาดนั้นเชียวหรือครับ” เมื่อปรับสีหน้าได้ก็ยิ้มละไมทักทายไปอย่างที่ทำจนชินชา
“ ถ้าเป็นเรื่องของเจ้า ข้ามีเวลาเสมอนั่นแหละมุคุโร่คุง....แล้ว....อยากจะรู้ไหมว่าข้ามีข่าวอะไรมาบอกเจ้า....เกี่ยวกับกบฏทางเหนือที่น้องชายของเจ้าต้องไม่ชอบใจแน่ๆ” เจ้าของแผ่นดินสีขาวก็ยังยิ้มร่าตอบกลับมา ทั้งๆที่อีกคนเริ่มจะยิ้มไม่ออกกับเรื่องที่ร่างสูงบอก
เจ้าของแผ่นดินสีขาวเดินผ่านหน้ามุคุโร่ไปก่อนจะเปิดบานประตูเลื่อนกันฝนราวกับว่านี่เป็นบ้านของตัวเอง กลิ่นอับชื้นลอยเข้ามาในจมูก ร่างสีขาวจึงเดินไปเปิดประตูเลื่อนฝั่งตรงข้ามให้อากาศถ่ายเทและการเปิดประตูทางฝั่งนี้จะไม่มีใครมองเห็น
“ ข้าอยากรู้เรื่องที่เจ้าพูดเมื่อกี้” ร่างโปร่งที่เดินตามเข้ามาพูดเข้าเรื่องทันทีไม่มีแม้แต่การทักทายใดๆ.....เพราะเป็นคนที่รู้จักกันดีอย่างนั้นใช่ไหม...หรือว่าเจ้าไม่เคยเห็นข้าอยู่ในสายตา....แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ไม่ว่าเจ้าจะเย็นชากับข้าแค่ไหน....สิ่งที่ข้ายังยืนยันว่าจะทำก็ยังคงเป็นเรื่องของเจ้าอยู่วันยังค่ำ
“ ข้าบอกเจ้าแน่มุคุโร่คุง...แต่ก่อนหน้านั้น....” เจ้าของแผ่นดินสีขาวนั่งลงระหว่างประตูเลื่อนกับชานระเบียง ขาข้างหนึ่งเหยียดยาว มือใหญ่ตบลงไปที่พื้นเสื้อทาทามิข้างกายให้เจ้าของนัยน์ตาสองสีเข้าใจได้ทันที...ร่างโปร่งนั่งลงตามคำสั่งทั้งๆที่ไม่อยากยอมรับ แต่ร่างกายกลับไม่อาจต่อต้านได้
มือใหญ่คว้าที่แขนของมุคุโร่ก่อนจะบังคับให้ร่างโปร่งนอนลง ศีรษะที่เต็มไปด้วยกลุ่มผมสีน้ำเงินเข้มหนุนอยู่ที่ท่อนขาซึ่งอยู่ภายใต้กิโมโนสีขาว
“ นอนซะมุคุโร่คุง....ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ได้นอนมาหลายวัน....ส่วนเรื่องที่เจ้ากังวลนั้นมันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรับรู้” ถ้อยคำที่ได้ยินทำเอานัยน์ตาสองสีที่ไม่เคยหวาดกลัวหรือลดละในการเผชิญหน้ากับใครนั้นเสไปมองทางอื่น ในใจที่ร้อนลนอยู่เมื่อครู่กลับถูกอีกฝ่ายใช้การบังคับเข้ามาข่มให้มันสงบลง....เหมือนกับทุกครั้ง.....ทั้งๆที่โดนบังคับแต่สิ่งที่ได้รับกลับมีแต่สิ่งที่ทำเพื่อเขา
“ แต่ว่า...”
“ เมื่อเจ้าตื่นขึ้นมา ข้าจะเล่าทุกอย่างให้เจ้าฟัง” ทั้งๆที่แสงแดดยังแรงกล้า แต่ความอ่อนโยนของฝ่ามือที่ลูบอยู่ที่หัวกลับทำให้รู้สึกเคลิบเคลิ้ม นัยน์ตาสองสีค่อยๆปรือปิดลงในที่สุด สติที่พยายามฉุดรั้งมาหลายวันนั้นค่อยๆจมดิ่งลงไปในห้วงนิทรา....เขาสามารถหลับได้ถ้ามีมือคู่นั้นอยู่เคียงข้าง
เช่นเดียวกับมือเล็กๆของใครอีกคนที่มักจะกุมมือเขาเอาไว้ยามหลับใหล....
ไม่ได้เห็นมานานแค่ไหนแล้วนะ....ใบหน้ายามหลับของเจ้า...มุคุโร่คุง
ดวงตาสองสีที่ฉายแต่แววอวดดีและเจ้าเล่ห์ ปากที่พูดแต่ถ้อยคำเลาะร้ายทำลายจิตใจของข้า....แต่ยามที่มันเข้าสู่ห้วงนิทรากลับดูราวกับเด็กน้อยที่ไร้พิษภัย มือยังคงลูบลงไปที่เส้นไหมสีน้ำเงินเข้มอย่างแผ่วเบา...เพราะมันคงจะเป็นสัมผัสเดียวจากข้าที่จะบ่งบอกว่า....ข้ารักเจ้ามากแค่ไหน....
เพราะนอกจากนี้แล้วในสายตาของเจ้า...ข้าคงเป็นเพียงแค่ชายผู้ร้ายกาจที่ใช้อำนาจและกำลังบังคับเจ้า....ใช่.....ข้าบังคับเจ้าได้ทุกอย่าง....ยกเว้นเพียงหัวใจที่ข้าไม่อาจบังคับเจ้าได้เลย.....
แสงตะวันกำลังอ่อนแรงเหลือไว้เพียงแสงแค่เล็กน้อย......เปลือกตาของคนที่นอนหลับค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆถึงแม้จะหลับไปไม่นานแต่กลับรู้สึกสดชื่นขึ้นมาก....รอยยิ้มสีขาวถูกส่งมาให้ในทันที
“ ได้เวลาแล้วละมุคุโร่คุง....” นัยน์ตาสีอเมทริสละจากใบหน้าของเขาแล้วมองออกไปยังฟากฟ้ากว้าง....ราวกับว่ากำลังรอคอยช่วงเวลานี้อยู่
“ ตามข้ามาสิ....ข้ามีอะไรจะให้เจ้าดู...” เจ้าของแผ่นดินสีขาวเดินสบายๆออกไปทางด้านหลังของตำหนัก ใบหน้าเรียวของมุคุโร่นิ่งเฉยเหม่อมองแผ่นหลังกว้างที่ค่อยๆห่างออกไปเรื่อยๆก่อนที่จะยอมเดินตามร่างสูงนั่นไป....ใช่...ถ้าเป็นเรื่องของเขา...ก็ไม่มีอะไรต้องคลางแคลงใจเพราะผู้ชายคนนี้ก็เป็นอีกคนที่เขารู้ดีว่าเป็นห่วงเขาแค่ไหน....ไม่ได้ต่างไปจากสึนะโยชิเลยสักนิด....
........................................................................................................................................................................................
ฟากฟ้ากำลังเปลี่ยนเป็นสีดำ....เงาร่างสองร่างวิ่งอย่างเงียบเชียบไปในเงามืด ลัดเลาะหมู่ตำหนักมากมายจากเขตชั้นในออกมายังชั้นนอก เส้นทางเหล่านี้มุคุโร่รู้จักดี เพราะมันคือเส้นทางที่เขาใช้หลบหนีไปหาสึนะโยชิที่ศาลเจ้าซาวาดะบ่อยๆเมื่อครั้งอดีต....นัยน์ตาสองสีลอบมองแผ่นหลังสีขาวที่อยู่เบื้องหน้าที่ยังคงวิ่งสบายๆด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม “ข้ารู้มาว่า จะมีการส่งสาล์นลับกันในค่ำคืนนี้ น่าจะเป็นการนัดแนะอะไรบางอย่างจากกบฏทางเหนือกับคนในที่แฝงกายอยู่ที่นามิโมริ” คำพูดสบายๆของเจ้าของแผ่นดินสีขาวทำเอาเขารู้สึกไม่ดีอย่างถึงที่สุด...กบฏทางเหนือ....
แล้วยิ่งบวกกับเส้นทางที่กำลังวิ่งไปอยู่นี้....ถึงไม่อยากจะคิด...แต่คนเดียวที่น่าจะเป็นไปได้ว่าจะคิดก่อกบฏซ้ำขึ้นมาอีกก็คงไม่พ้น.....ท่านหญิงตำหนักซ้าย...
จู่ๆมือใหญ่ของคนที่วิ่งนำหน้าก็ส่งสัญญาณให้หยุด เขาขยับเข้าไปอยู่เบื้องหลังและส่งสายตาจ้องมองสิ่งที่กำลังเคลื่อนไหวอยู่ในเงามืด...มีใครบางคนกำลังวิ่งมาทางนี้....กลิ่นที่ลอยมากับสายลมนั้นคุ้นเคยดีอย่างที่สุด.......เหมือนกลิ่นของสึนะโยชิ.....
เจ้าของแผ่นดินสีขาวหยิบกุหลาบสีน้ำเงินออกมาจากอกเสื้อก่อนที่จะทำให้มันสลายหายไปกับสายลมเพื่ออำพรางกลิ่นของตนซึ่งรู้ดีว่าผู้ที่มาใหม่นั้นคงจำกลิ่นนั้นได้ดี....กลิ่นกล้วยไม้สีขาว
นัยน์ตาสองสียังคงจ้องมองร่างเล็กๆที่วิ่งอย่างเงียบเชียบ.....ทุกๆอย่างในร่างที่วิ่งผ่านหน้าเขาไปทำให้รู้ได้ดีว่าคงไม่ใช่ใคร แต่เป็นสึนะโยชิแน่นอน....แล้วเจ้า....มาทำอะไรที่นี่กัน....ถ้าเจ้ามาหาข้าแล้วทำไมถึงไม่ออกมาพบ แต่กลับมาทำลับๆล่อๆอยู่ที่นี่.....
มุคุโร่สะบัดหัวสองสามที ไล่ความคิดเล็กคิดน้อยออกไป....เพราะคิดเข้าข้างตัวเองมาตลอดว่าร่างเล็กนั้นรักตนมากที่สุดเพราะฉะนั้นคงไม่อาจทนที่จะไม่มาหาตนได้....รอยยิ้มเย้ยหยันปรากฏแทนรอยยิ้มละไม.....เจ้ายังจะหวังอะไรอีกมุคุโร่....ในเมื่อเป็นเจ้าเองที่ทำให้ทุกอย่างมันจบลง...เป็นเจ้าเองที่ทิ้งร่างเล็กนั่นมา.....ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเจ้ากับเขามันจบลงแล้ว...แล้วเขาจะเปลี่ยนไป มันก็ไม่ใช่ความผิดของเขา....ไม่ใช่ความผิดของสึนะโยชิ....แต่คนที่ผิดก็คือเจ้าเอง มุคุโร่....
“ เราตามไปกันเถอะมุคุโร่คุง” เมื่อร่างเล็กวิ่งลับสายตาไปยังทางที่พวกเขาจะไป เจ้าของแผ่นดินสีขาวก็ก้าวออกไปจากเงามืด เงาร่างสองร่างออกวิ่งกันอีกครั้ง
ที่ด้านหลังตำหนักที่อยู่นอกสุด....กลิ่นของสึนะโยชิหยุดลงที่ตรงนี้....
นัยน์ตาสองสีพยายามสอดส่องหาร่างเล็กๆ แต่กลับไม่พบเลย เบียคุรันบอกให้เขาย่อตัวลงแล้วหลบอยู่ด้านหลังพุ่มไม้...
ท่ามกลางแสงจันทรา ร่างระหงของหญิงสาวยืนอยู่ภายในสวน ใบหน้าสวยเรียบเฉยเหลียวมองไปรอบกาย....ในมือของท่านหญิงตำหนักซ้ายถืออะไรบางอย่างอยู่.....นางหันกลับมามองรอบๆอีกครั้งก่อนที่จะเดินหายเข้าไปในตัวเรือน
“ ว้า...สงสัยว่าเราจะมาช้าไป....ไม่ทันตอนที่พวกนั้นส่งสาล์นกัน....แต่ก็รู้ได้อย่างนึงละว่าคนในที่ว่าคือนางนี่เอง” เบียคุรันยังคงพูดแบบสบายๆ....แต่อีกคนที่อยู่ข้างกายนั้นไม่ใช่....ใบหน้าเรียวของมุคุโร่นิ่งงันสองคิ้วเหนือดวงตาสองสีเริ่มขมวดเข้าหากัน.....เรื่องการก่อกบฏนั้นรบกวนน้องชายของเขา....แต่สิ่งที่รบกวนจิตใจเขาคือใครเป็นผู้ส่งสาล์นที่ว่านั่นมากกว่า.....คงไม่ใช่เจ้านะ....สึนะโยชิ.....ต้องไม่ใช่เจ้า ไม่ใช่.....
ท่ามกลางความเงียบ....นัยน์ตาสีอเมทริสลอบมองใบหน้าของคนที่อยู่ด้านข้าง....รอยยิ้มร้ายเผยขึ้นที่มุมปาก......
ข้าเคยสาบาน....หากวันใดข้าพบเจอคนที่ข้าจะรัก....ข้าจะทำทุกอย่างและกำจัดทุกขวากหนาม...จะไม่ยอมให้ใครมาพรากคนคนนั้นไปจากข้าอีก....ข้าสาบาน
……………………………………………………………………………………………………………………………………………..
“ สควอลโล่!!!!” เสียงเรียกดังกึกก้องไปทั่วท้องทุ่ง นัยน์ตาสีทองส่องประกายในความมืดมิด
ไม่มี.....ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็ไม่มี....ไม่มีเงาของร่างโปร่งบางที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันคนนั้นเลย....สองมือเริ่มจะกำแน่น....ข้าทำอะไรผิด....ข้าทำอะไรให้เจ้าไม่พอใจ เจ้าถึงได้หนีจากข้าไป....สควอลโล่
ขาก้าวเข้าไปในตัวบ้านอีกครั้ง....กลิ่นน้ำหมึกที่คุ้นเคยลอยอบอวลไปทั่วบ้าน
แต่ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว ก็อยากจะลองฉุดรั้งร่างโปร่งบางนั่นดูสักครั้ง
จะได้ไม่ต้องมานั่งเสียใจเหมือนเมื่อครั้งอดีตอีก...
มือใหญ่ค่อยๆเปิดฐานที่ฝนหมึกอันใหญ่ออก ก่อนที่มือจะลูบไล้ลงไปบนเส้นสีดำของสิ่งที่ไม่ได้จับต้องมานาน...ทั้งๆที่สาบานเอาไว้แล้วว่าจะไม่ใช้มันอีก...แต่ทว่า.....ครั้งนี้
มือใหญ่ข้างที่เต็มไปด้วยรอยสักจับแส้สีดำสนิทขึ้นมาก่อนจะยัดมันไว้ในอกเสื้อ ใบหน้าหล่อเหลาหันมามองพู่กันเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะก้าวขาออกจากบ้านไป....
รอข้าก่อน....สควอลโล่
..............................................................................................................................................
มืดค่ำป่านนี้แล้วทำไมยังไม่กลับมา.....
ใบหน้าสวยของนายน้อยโกคุเดระงอหงิก มือบางจับก้านดอกไม้ป่าปักลงไปในแจกัน ตอนนี้แผนการกลั่นแกล้งคนไม่เคยยิ้มได้เตรียมการพร้อมแล้ว ขาดก็แต่เจ้าตัวที่ปกติจะกลับมาที่นี่ตรงเวลาทุกๆเย็น....แต่วันนี้....แม้แต่อาหารเย็นเขาก็ต้องกินคนเดียว....เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่า?
แต่แล้วเสียงฝีเท้าที่ก้าวเข้ามาใกล้ก็ทำให้ใบหน้าสวยลอบยิ้ม....กลับมาแล้วสินะ.....มือบางยกแจกันสุดท้ายไปวางไว้ที่ข้างประตู ตอนนี้ห้องทั้งห้องเต็มไปด้วยดอกไม้ป่าหลากสี...ร่างบอบบางขยับไปยืนอยู่ด้านหลังบานประตูพรางเงี่ยหูฟัง
แต่แล้วเสียงฝีเท้าที่เดินตรงมาเรื่อยๆกลับหยุดชะงักลงเพราะเสียงฝีเท้าที่วิ่งตามมา ได้ยินเสียงกระซิบกระซาบอะไรบางอย่างก่อนที่เสียงฝีเท้าทั้งคู่จะเดินจากไปอีกครั้ง ให้ใบหน้าสวยงอหงิกดังเดิม....หรือว่าท่านจะล่วงรู้แผนการกลั่นแกล้งของข้า....
ไม่ใช่สิ....ปกติไม่ว่าเขาจะแสดงอาการดื้อดึงเช่นไรแต่ร่างสูงนั่นก็จะรับมือได้ทุกครั้ง....หรือว่าจะเกิดปัญหาขึ้นจริงๆ
มือบางเลื่อนประตูเลื่อนออกอย่างแผ่วเบาแล้วแทรกกายออกมาจากห้อง นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่วจนแน่ใจว่าไม่มีใครคอยเฝ้าอยู่ ร่างบอบบางจึงค่อยๆเดินไปตามระเบียงทางเดินสู่อาคารด้านหน้าของตำหนักชั้นในซึ่งใช้เป็นห้องประชุมด่วนของเจ้าของแผ่นดินสีดำ แสงไฟตะเกียงส่องสว่างออกมาจากห้องโถงใหญ่ ร่างบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระหลบหายเข้าไปในเงามืดของฝาผนัง ใบหูแนบลงไปเพื่อลอบฟังเรื่องราวจากด้านใน
“ เราได้รับจดหมายลับฉบับนี้จากชายปริศนา...ถึงไม่อาจเชื่อได้แต่คิดว่าไม่เสียหายที่จะมีการตรวจสอบขอรับท่านเจ้าเมือง” เสียงของใครบางคนรายงานออกมา จากนั้นเสียงก็เงียบหายไปพักใหญ่ก่อนที่คำสั่งที่ทำให้หัวใจหล่นวูบจะดังขึ้นมา
“ ไม่ต้องตรวจสอบ....เตรียมกำลังพลให้พร้อม อีกสองวันข้าจะขึ้นไปขย้ำพวกมันให้ถึงที่เอง!”
.....................................................................................................................................................................................
นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองไปยังกลุ่มโคมไฟที่สว่างเรืองรองอยู่ทั่วเมืองตรงหน้า
ใบหน้าคมยิ้มเยือกเย็นท่ามกลางแสงจันทร์ที่สาดส่อง
ประกายแรงกล้าในดวงตาเผยออกมาจนสิ่งมีชีวิตรอบกายต่างหลบหนีด้วยรู้ดีถึงจิตสังหารดำมืด....
เขาเฝ้ารอเวลานี้มานานแค่ไหนกัน
ต้องทนรับยาที่บั่นทอนเวลาแห่งชีวิตพื่อที่จะได้กลับมาหาเจ้าให้เร็วที่สุด
ต้องทนเก็บกดเอาความคิดถึงและความเจ็บแค้นใจที่เจ้าถูกช่วงชิงไปต่อหน้าต่อตา
ข้ากลับมาแล้ว...โกคุเดระ.....
กลับมารับตัวเจ้าไป...โดยที่ข้าจะไม่เลือกวิธี.....
เพราะมีแต่เจ้าเท่านั้น...ที่ข้าจะไม่มีวันยกให้ใคร!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป....ไป......ไป.......
หัวใจจะวายค่ะ
ตอบลบยามะที่รักกลับมาแล้ว สควอหนีแล้วสงสารโน่
มุคุใจดีจะบอกก๊กแต่สาวใช้มาขัด เสียดาย
ลุ้นมากเลยค่ะ เอามือทาบอก
วันนี้ลอกอินมาเม้นค่ะ TT