: KHR Fanfiction Au
: 185980 1006927 XSD
: Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......
[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....
.
.
.
.
.
ร่างสูงโปร่งของเด็กหนุ่มผมสีไพลินที่ด้านหลังยาวสลวยกระโดดลงจากกำแพงตำหนักเป็นปกติ...ยามบ่ายแบบนี้เขามักจะแอบหลบออกมาจากความวุ่นวายและการแก่งแย่งชิงดีกันภายในสถานที่อันศักดิ์สิทธิ์อย่างตำหนักเจ้าเมือง...หนี....ออกไปหาความอบอุ่นอ่อนโยนจากดอกไม้ดอกเล็กๆที่ไม่มีใครรู้จัก ดอกไม้ที่ไม่มีใครรัก แต่หารู้ไม่ว่านั่นคือดอกไม้ที่มอบหัวใจให้กับชายผู้ซึ่งได้ทำมันหายไปตั้งแต่กำเนิดถึงสองคน
วันนี้เขาก็ทำได้เพียงแค่นั่งมองร่างเล็กๆของเด็กชายผมสีน้ำตาลนอนหลับปุ๋ยอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ภายในศาลเจ้าเนื่องด้วยพิษไข้ต่ำๆ ใบหน้ายามหลับนั้นช่างไร้เดียงสาและอ่อนโยน ริมฝีปากเล็กแดงระเรื่อดูนุ่มนิ่มน่าสัมผัส...เวลากว่าสองปีที่รู้จักกันมาทำให้เขาเริ่มจะรู้แล้วว่า ความรู้สึกที่มีให้กับร่างเล็กๆคนนี้คืออะไร...
รัก....
สิ่งที่ไม่ควรจะมี...ไม่ควรจะเกิดขึ้นสำหรับคนในตระกูลชั้นปกครองเช่นเขา...
เพราะไม่รู้เลยว่า ในอนาคตอันใกล้ เขาอาจจะต้องถูกจับให้แต่งงานกับท่านหญิงที่ไหนสักคนด้วยเรื่องทางการเมือง...แล้วความสัมพันธ์ที่แอบซ่อนอยู่กับร่างเล็กๆคนนี้เล่า...จะทำเช่นไรต่อไป....จะให้ทิ้งไปก็คงทำไม่ได้...แต่จะให้เปิดเผยก็ยิ่งอันตรายกับทั้งสองฝ่าย....
แล้วเขาควรจะทำยังไง ?
เมื่อเวลาจากลามาถึง มือเล็กๆก็ยังคงมอบดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ให้เขาเช่นเดิม ให้เขานำมันไปส่งต่อถึงอีกคนที่กำลังรอคอย...ให้เขาเป็นคนคอยเล่าเรื่องต่างๆของอีกคนหนึ่งให้อีกคนหนึ่งฟัง...ร่างเล็กๆตรงหน้านี้รู้จักกับเด็กชายผมดำผู้เป็นน้องชายของเขาทั้งๆที่ไม่เคยพบหน้ากัน...และเคียวยะเองก็ดูจะสนใจเด็กชายผู้มอบดอกไม้ให้ตนอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
เป็นการพบกันที่เป็นดั่งความฝัน...การที่ทั้งสองคนเชื่อว่าอีกฝ่ายมีตัวตนจริงๆนั่นก็เพราะ....เชื่อใจเขา
ขาเรียวก้าวเดินออกมาจากเขตศาลเจ้าด้วยความระมัดระวัง นัยน์ตาสองสีมองไปรอบๆ....ดูเหมือนวันนี้จะเงียบผิดปกติ...ขาเรียวเดินเข้าไปยังในตัวเมือง ผ่านร้านรวงต่างๆที่ตั้งอยู่สองข้างทาง ลอบสังเกตสีหน้าของแม่ค้าพ่อค้าที่ยืนพูดคุยกันอยู่ แต่ละคนมีท่าทางหวาดกลัวต่ออะไรสักอย่าง....ซึ่งไม่น่าจะใช่ตัวเขา...
ได้ยินเสียงเอะอะโวยวายดังลั่นมาจากมุมถนนซึ่งเป็นเขตตำหนักของเขา ขาเรียวยังคงก้าวเดินด้วยจังหวะปกติ แต่มือข้างหนึ่งก็ปลดอาวุธประจำกายที่ซุกซ่อนเอาไว้ให้เตรียมพร้อมรับมือกับอะไรก็ตามที่อยู่ตรงหน้า...แล้วสายตาก็มองเห็นเหล่าทหารตัวโตหลายคนล้มกลิ้งออกมาหยุดอยู่แทบเท้า
“ ทะ....ท่านมุคุโร่....” ใบหน้าที่เงยขึ้นมามองเขานั้นมีแววหวาดกลัวเคลือบอยู่
“ เกิดอะไรขึ้น”
“ มะ...มีคำสั่งจากส่วนกลาง...ให้ทหารทั้งเมืองตามจับชายผู้หนึ่ง”
“ ใคร ?”
“ ขะ...ข้าทราบแค่ว่า....เขาเป็นกบฏที่หนีมาจากแผ่นดินสีขาว”
“ กบฏ ?”
“ ทราบแค่ว่า เขาลอบปลงพระชนม์เจ้าเมืองคนต่อไปที่เพิ่งจะขึ้นครองเมืองได้ไม่นาน...เอ่อ....รู้สึกว่าจะเป็นท่านอาของเขา”
“ แล้วจับตัวได้รึยัง?”
“ ยังขอรับ....ทะ...ท่านก็ระวังตัวด้วย...เขาหนีมาอยู่แถวๆนี้ อาจจะหนีเข้าไปในตำหนัก....”
“ คึหึหึ....เจ้าคงไม่คิดนะ...ว่าใครจะลอบเข้าไปในตำหนักของข้าน่ะ” เพราะว่าใครๆก็ต่างรู้ดี...ว่าหมอกมายาคนนี้ก็เป็นหนึ่งในตัวอันตรายเช่นกัน
เขาเดินผ่านเหล่าทหารพวกนั้นไปด้วยท่าทางสบายๆเช่นเดิม แต่แทนที่จะเข้าไปยังตำหนักของตัวเอง ขาเรียวกลับเดินเลยออกไป...ไปยังที่ที่ไปอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน
.........................................................................................................................
ดอกไม้สีขาวยังคงถูกวางเอาไว้ที่ชานระเบียงที่เดิม พร้อมกับร่างสูงโปร่งที่กระโดดขึ้นไปนั่งที่เดิม
“ นี่....เจ้ารู้รึเปล่า....ว่าวันนี้มีกบฏจากแผ่นดินสีขาวหนีมาที่นี่ด้วยละ” ใบหน้าเรียวสวยยังคงพูดอยู่คนเดียวเช่นเดิม นัยน์ตาสองสีลอบมองใบหน้าของเด็กชายที่แอบมองมาอย่างสนใจ มือเล็กยังคงเช็ดคันธนูสีดำ ทำเหมือนไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของอีกฝ่าย
แต่ถ้าไม่ได้ใส่ใจ....แล้วใยจะมานั่งรอเขาอยู่ที่ห้องนี้ทุกวันอย่างนั้นหรือ...
“ เคียวยะ...ถึงจะเห็นแบบนี้....แต่ว่าข้าน่ะ...จะไม่มีวันทรยศต่อเจ้า...เพราะว่าเจ้าคือน้องชายคนเดียวของข้า” ถ้อยคำสุดท้ายเอ่ยออกไปก่อนที่ร่างสูงโปร่งจะกระโดดลงจากชานระเบียง เตรียมตัวจะเดินกลับไปยังตำหนักของตน
“ ดะ...เดี๋ยว....” น้ำเสียงนิ่งๆที่เขาแทบจะไม่เคยได้ยินของอีกฝ่ายเอ่ยเรียก ทำเอาแทบจะตกตะลึงจนทำอะไรไม่ถูก...เด็กคนนี้ยอมเอ่ยปากพูดกับเขา ?
“ ระวังตัวด้วย...ท่านพ่อบอกว่ากบฏนั่นไม่ธรรมดา” ใบหน้าที่เคยเฉยชานิ่งสนิทนั้นกลับมีสีแดงระเรื่อพาดผ่านที่แก้มใส ดวงตาคมกริบสีดำสนิทลอบมองมาที่เขาก่อนที่เจ้าตัวจะเดินหายเข้าไปยังห้องด้านใน....นัยน์ตาสองสีได้แต่เบิกตากว้าง....นี่ข้าไม่ได้ฝันไปใช่หรือไม่ ?....รอยยิ้มละไมปรากฏขึ้นบนใบหน้าเรียวสวย ความรู้สึกที่รอคอยมานานแสนนานดูเหมือนจะเอ่อล้นขึ้นมาในหัวใจ จนร่างกายของตนเดินกลับมาถึงตำหนักได้อย่างไรนั้นก็ไม่อาจจำได้
มือผลักบานประตูไม้เข้าไปยังสวนอย่างคุ้นเคย ภายในตำหนักของเขายังคงสงบเงียบเชียบเช่นเดิม ถึงแม้ว่าภายนอกจะวุ่นวายเพียงใดก็ตาม มุคุโร่เดินตรงไปยังบันไดทางขึ้นตำหนักไม้หลังใหญ่ของเขาที่ไม่มีใครกล้าเข้ามายุ่มย่าม นอกจากเวลาทำความสะอาดและเวลาจัดเตรียมอาหารเท่านั้น เพราะแบบนั้น...ที่นี่น่าจะเป็นที่ซ่อนชั้นดี ถ้าเจ้ากบฏนั่นจะกล้า...ใบหน้ายิ้มละไมเหยียดยิ้มน่าขนลุกพร้อมกับมือที่ตวัดอาวุธประจำกายไปยังด้านหลังของตนเอง
เคล้ง!!!
สิ้นเสียงปะทะระหว่างสามง่ามของเขากับดาบสีขาวบริสุทธิ์ เจ้าของอาวุธทั้งคู่ต่างหยุดมองคู่ต่อสู้ของตน เงาร่างสูงโปร่งที่ทุกสิ่งในร่างกายราวกับจะกลืนหายไปกับความสว่างเจิดจ้าของแสงอาทิตย์สะท้อนออกมาจากดวงตาคู่สีแปลก ใบหน้านิ่งที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีขาวและนัยน์ตาสีอเมทริสมองมายังร่างตรงหน้าด้วยความรู้สึกกดดันน่าอึดอัด มือใหญ่ฟาดสันดาบลงไปที่หน้าท้องของคนที่มัวแต่ตะลึงจนมุคุโร่ถึงกับล้มกองอยู่กับพื้น
มือใหญ่ของชายแปลกหน้าคว้ารวบไปที่เอวที่บางกว่า ก่อนที่จะกระชากตัวของคนที่ตนทำร้ายขึ้นมาแล้วพาดคมดาบเอาไว้ที่คอระหง
“ อย่าส่งเสียงใดๆทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้นคอขาวๆของเจ้าจะมีริ้วรอยเอาได้นะ” น้ำเสียงลอยๆเย็นๆเอ่ยออกมาจากชายที่พยายามจะลากตัวเขาเข้าไปยังตำหนัก...ต้องยอมรับว่าคนคนนี้แข็งแกร่งกว่าที่เขาคิด ถึงขนาดเข้ามาอยู่ในเขตหมอกมายาของเขายังไม่รู้สึกสะทกสะท้าน...
บานประตูเลื่อนถูกปิดลงพร้อมกับร่างกายของเขาที่ถูกปล่อยให้เป็นอิสระ ร่างกายสูงโปร่งสีขาวทรุดลงนั่งอยู่ที่พื้นราวกับปลดปล่อยความเหนื่อยล้าออกมา....ปล่อยให้เขาเป็นอิสระแบบนี้...คิดดีแล้วอย่างนั้นหรือ....
นัยน์ตาสองสีจ้องเขม็งไปยังผู้บุกรุก จะจัดการกับชายผู้เหนื่อยล้าคนนี้หรือแค่ร้องเรียกให้คนมาช่วยนั้นมันช่างแสนง่ายดาย แต่ทว่า...อะไรบางอย่างในดวงตาสีอเมทริสคู่นั้นมันก็ได้หยุดความคิดเมื่อครู่ของเขาลง....
“ เห๋....ไม่คิดจะเรียกคนมาช่วยรึ?” รอยยิ้มเสแสร้งฉาบไล้ไปทั่วใบหน้าขาวก่อนที่ร่างกายที่ดูเหมือนความเหนื่อยล้าจะค่อยๆจางหายไปจะลุกขึ้นมา แล้วค่อยๆย่างสามขุมเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ เจ้าทำถูกแล้วละ....ที่ไม่คิดจะปากโป้ง...เพราะว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ภายในพริบตา” มือใหญ่ถือวิสาสะจับเข้าที่ปลายคางของร่างโปร่งที่ตัวเล็กกว่าก่อนจะยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าเรียวสวยของมุคุโร่เบี่ยงหลบพร้อมกับสะบัดตัวแล้วถอยออกห่าง
“ ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็เชิญไสหัวออกไปจากที่นี่ด้วยนะครับ” ใบหน้าเนียนสวยเพียงแค่ส่งยิ้มละไมกลับมาให้ ไม่มีทีท่าว่าจะกลัวเกรงเลยแม้แต่น้อย...
“ นี่เจ้ารู้หรือไม่...ว่าข้าเป็นใคร” อดที่จะทึ่งกับคนตรงหน้านี้ไม่ได้...ที่ไม่มีท่าทางหวาดกลัวเขาเลยแม้แต่น้อย....ตั้งแต่เกิดมาก็เพิ่งเคยเจอเป็นคนแรกนี่แหละ
“ ถ้าข้าเดาไม่ผิด...เจ้าก็คือกบฏที่หนีมา....คือหลานชายที่ลงมือฆ่าอาของตัวเอง...ถูกไหมล่ะครับ?”
“ กบฏ ?”
“ หึ....ใครๆต่างก็เรียกข้าว่าแบบนั้น....ทั้งๆที่จริงแล้วคนที่ต้องถูกเรียกว่า “กบฏ” น่าจะเป็นเจ้านั่นต่างหาก....” ใบหน้าขาวที่ฉาบไล้ไปด้วยเงาดำมืดกัดฟันระงับอารมณ์บางอย่างที่กำลังพุ่งพล่านอยู่ในใจ ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างมันควรจะเป็นของเขา...ทั้งแผ่นดินและเหล่าผู้คน...เขา...ที่เป็นลูกชายเพียงคนเดียวของเจ้าเมืองคนก่อน....
ความเงียบยังคงดำเนินต่อไปภายในตำหนักที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้ คนสองคนที่ยืนเผชิญหน้ากันอยู่ทั้งๆที่ไม่มีคำพูดใดหลุดออกมาอีก....
จนกระทั่งเสียงเคาะประตูโครมๆดังเข้ามาในโสตประสาท สายตาสองคู่หันไปมองที่ประตูโดยมิได้นัดหมาย ความตึงเครียดก่อเกิดขึ้นมาทันที ร่างสีขาวตรงเข้าประกบร่างโปร่งของมุคุโร่ทันที ดาบสีขาวพาดไปที่ลำคอระหง ก่อนที่บานประตูจะถูกเปิดออก
“ ช่วยอยู่นิ่งๆหน่อยนะ แล้วข้าจะไม่ทำอะไรเจ้า” เสียงเย็นกระซิบลงมาที่ข้างใบหู ก่อนที่จะลากร่างโปร่งในอ้อมแขนออกไปเผชิญหน้ากับเหล่าทหารมากมายที่ยืนอยู่เต็มสวน ถึงไม่บอกเขาก็เดาได้ว่าร่างในอ้อมแขนนี้น่าจะเป็นคนสำคัญคนหนึ่งของแผ่นดินสีดำ ดูจากที่อยู่และความหยิ่งทระนงที่ปรากฏออกมาจากสายตาและท่าทางของเด็กหนุ่มคนนี้ ทั้งที่เผชิญหน้ากับคนที่ไม่ว่าใครก็กลัวเกรงเช่นเขา แต่กลับไม่มีแววซึ่งความหวาดกลัวเผยให้เห็นเลยแม้แต่น้อย…ช่างน่าสนใจจริงๆ
“ กะ...แก” เหล่าทหารต่างตกตะลึงเมื่อมองเห็นว่าใครที่ถูกจับไปเป็นตัวประกัน
“ ปล่อยท่านมุคุโร่นะ” ....หื๋ม...มุคุโร่....หมอกมายาที่แสนอันตรายคือเด็กคนนี้เองหรือนี่...ก็นับว่าโชคดีที่เขาคือท้องนภา ไม่เช่นนั้นคงได้กลายเป็นศพไปตั้งแต่พบกันนั่นแล้วกระมัง
“ ช่วยหลบหน่อย ก่อนที่คอของท่านมุคุโร่ของพวกเจ้าจะเป็นรอย” เป็นผล...เมื่อผู้คนที่ห้อมล้อมอยู่จนถึงเมื่อครู่ต่างหลบออกไป ร่างโปร่งบางในอ้อมแขนถูกลากออกมาด้วย ก่อนที่ทั้งคู่จะออกวิ่งไปในเงามืด....วิ่งไปอย่างไม่มีจุดหมาย........คืนนี้เขาจะหนีรอดหรือไม่ก็มิอาจรู้ได้.....
ทำไมกันล่ะ....ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างนั่นมันต้องเป็นของเขา....แต่กลับโดนแย่งไป...ไม่เว้นแม้แต่...ชีวิตของคนที่เขารักมากที่สุด.....ท่านแม่.....
ภาพของหญิงสาวที่แสนบริสุทธิ์กอดลูกชายเพียงคนเดียวของเธอทั้งๆที่แผ่นหลังบอบบางนั้นเต็มไปด้วยเลือดจากคมดาบของคนที่ขึ้นชื่อว่าเป็นอา ที่ลงดาบมาอย่างไม่คิดที่จะปราณี...
แล้วอย่างนี้...เขายังต้องปราณีมันอีกหรือ.....เขาจะเอาของๆเขากลับคืนมาไม่ได้เชียวหรือ....
แต่ถึงแม้ว่าทุกๆอย่างมันจะกลับคืนมา...แต่ชีวิตที่ถูกพรากไปแล้ว....มันก็ไม่มีวันกลับมาอยู่เคียงข้างเขาอีก....ไม่มีวัน....ที่ท่านแม่จะกลับมา....
เพราะเช่นนั้น...ข้าจึงสาบาน....หากวันใดข้าพบเจอคนที่ข้าจะรัก....ข้าจะทำทุกอย่างและกำจัดทุกขวากหนาม...จะไม่ยอมให้ใครมาพรากคนคนนั้นไปจากข้าอีก....ข้าสาบาน
ความมืดมิดโอบรอบร่างสองร่างที่กำลังหยุดยืนหอบหายใจอยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ด้านหลังศาลเจ้า เขาไม่รู้หรอกว่าที่นี่มันคือที่ไหน แต่ร่างโปร่งบางของคนข้างๆเป็นคนพาเขามาที่นี่ ร่างกายที่เหนื่อยล้าเพราะต้องหลบๆซ่อนๆมาหลายวันทรุดนั่งลงอยู่ที่โคนต้นไม้
“ ทำไม...ถึงช่วยข้า....” เมื่อลมหายใจเริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ ร่างสีขาวจึงหันไปถามคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน ทั้งๆที่เขาคือคนที่คิดจะทำร้าย แล้วทำไม...ทำไมยังพาเขาหนีออกมา...
“ ไม่รู้สิ...หน้าตาของเจ้ามันดูเหมือนดอกหน้าวัวละมั้งครับ”
“ ฮะ ฮะ...เจ้านี่ช่างกล้านะ...ใครๆต่างก็ยกย่องข้าว่าคือกล้วยไม้ขาว...เพิ่งมีเจ้านี่แหละที่บอกว่าข้าเหมือนดอกหน้าวัว” แผ่นหลังเอนพิงไปที่ต้นไม้อย่างรู้สึกผ่อนคลาย...ความรู้สึกที่หายไปในช่วงหลายวันมานี่...ถ้าเป็นเมื่อก่อนเขาคงจะโกรธ กับคำพูดเชิงดูหมิ่นนั่น...แต่ตอนนี้มันช่างเป็นคำพูดที่ทำให้รู้สึกเบาใจอย่างน่าประหลาด สายตาเหลือบไปมองเสี้ยวหน้างดงามหมดจดของคนข้างๆ ความรู้สึกโหยหาบางอย่างทำให้ร่างกายขยับเข้าไปใกล้อย่างมิอาจต้านทานได้
“ เจ้า!” ร่างโปร่งสะดุ้งตกใจเมื่อสองแขนของเขาโอบไปที่รอบเอวก่อนที่ร่างทั้งร่างจะทิ้งตัวลงนอนหนุนอยู่บนตักของคนที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยพอใจเท่าไรนัก
“ ช่วยข้าอีกนิดเถอะมุคุโร่คุง....ขอให้ข้าได้หลับอย่างสงบในคืนนี้....แล้วพรุ่งนี้ข้าจะเข้ามอบตัว” ดวงตาสีอมเทริสทั้งคู่หลับตาลงช้าๆ ปล่อยใจให้ล่องลอยไป...กับความรู้สึกแปลกประหลาด น่าแปลกที่หน้าตักนี้คือของคนที่เพิ่งจะพบกันเป็นครั้งแรก แต่ความรู้สึกราวกับว่าคุ้นเคยมานานแสนนาน....เหมือนตอนที่นอนอยู่ในตักของ....ท่านแม่....
...............................................................................................................................................
“ มะ...มุคุโร่!” เสียงของใครคนหนึ่งที่เขาไม่รู้จักตะโกนอยู่ไม่ไกลนักทำให้ร่างกายที่หวาดระแวงรีบลุกขึ้นมาจากที่นอนจำเป็นที่แสนอบอุ่น
“ เจ้ามาทำอะไรที่นี่ตั้งแต่เช้าเนี่ย แล้วคนนั้น......” สิ่งที่ปรากฏในสายตาคือร่างเล็กๆของเด็กคนหนึ่ง ร่างกายในชุดสีมอไม่เข้ากับใบหน้าน่ารักดวงตากลมโตสีน้ำตาลไหม้นั่นเลยแม้แต่น้อย มือของเขาชักดาบสีขาวออกมาด้วยสัญชาติญาณป้องกันตัวเอง
“ ชู่วววว เบาเสียงหน่อยครับ สึนะโยชิคุง เรากำลังหลบหนีอยู่นะครับ” ใบหน้าไร้เดียงสาที่มองเห็นนั่นดูตกใจเล็กน้อยกับสภาพของเขาและร่างโปร่งข้างๆเขา มือเล็กเอื้อมออกมาสัมผัสแผลที่มีเลือดแห้งกรังตามแขนของเขา
“ รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ” แล้วร่างเล็กๆนั่นก็วิ่งหายไปยังทางที่เพิ่งเดินมา สายตาที่เขามองเด็กนั่นคงจะหวาดระแวงมากเกินไปจนคนข้างๆจับความรู้สึกได้
“ คึหึหึ....ไม่ต้องกลัวหรอกครับ...เด็กคนนั้นน่ะ... ไม่มีอันตราย หรอกนะครับ คนที่เจ้าน่าจะกลัว น่าจะเป็นข้ามากกว่า”
ไม่นานร่างเล็กๆนั่นก็กลับมาพร้อมกับดอกไม้มากมาย ก่อนที่จะผสมมันแล้วเอามาทาให้ตามบาดแผลทั้งเก่าทั้งใหม่ของเขา...ความบริสุทธิ์ผุดผ่องที่ราวกับท้องฟ้าไร้ราคีนั่นมันอาจจะทำให้จิตใจของใครหลายๆคนรู้สึกอบอุ่น...แต่ทำไม...เมื่อยามที่เขามองไปยังร่างโปร่งที่นั่งอยู่เคียงข้าง เมื่อยามที่มองเห็นความอบอุ่นที่ฉาบไล้ไปทั่วหัวใจที่ควรจะโดดเดี่ยวยามมองเด็กคนนั้น.....มันกลับทำให้ความดำมืดบางอย่างวิ่งเข้ามาครอบงำยังจิตใจ....ราวกับว่ากำลังถูกแย่งของที่สำคัญไป....
ความรู้สึกพวกนี้มันคืออะไร ?
ร่างเล็กๆยืนโบกมือให้เราทั้งสองคนอยู่ที่เชิงบันไดขั้นบนสุดของศาลเจ้าด้วยรอยยิ้มสดใส....
ใครเลยจะล่วงรู้...ว่านั่นคือจุดเริ่มต้นของทุกสิ่งทุกอย่าง...
ใครเลยจะล่วงรู้...ว่าคนที่เคยช่วยชีวิตจะกลับกลายมาเป็นคนที่ต้องมาห้ำหั่นกันเอง...
ใครเลยจะล่วงรู้...ว่ามืออันแสนบริสุทธิ์จะถูกย้อมไปด้วยเลือดในเวลาต่อมา...
.............................................................................................................................................................
นัยน์ตาสีอเมทริสเหลือบมองร่างโปร่งบางที่เดินอยู่ข้างๆกาย....ข้าจะไม่หนีอีกต่อไป...ข้าจะเข้ามอบตัว...และจะกลับไปจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อย
ข้าจึงสาบาน....หากวันใดข้าพบเจอคนที่ข้าจะรัก......
ก่อนที่ข้าจะกำจัดทุกขวากหนามได้...ข้าจำเป็นต้องมีอำนาจ...ข้าจำเป็นต้องมีพลัง...เพราะเช่นนั้นข้าจึงเลือกที่จะกลับไป....
กลับไปเอาทุกอย่างของข้าคืน....
แล้วสักวัน....ข้าจะกลับมาหาเจ้า....
“ มุคุโร่คุง....ช่วยจำไว้อย่างหนึ่งได้ไหม”
“ คึหึหึ...อะไรอีกละครับ ?”
“ จำเอาไว้ให้ดี....ว่าชื่อของข้าคือ.... เบียคุรัน ....”
.
.
.
.
.
.
.
.
แล้วพบกันใหม่ในตอน [-02] [-01]…นะค้า....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น