KHR Au.fic [805918] ความหวังครั้งสุดท้าย : บทย้อนอดีต : [-01]


: KHR Fanfiction Au
: 185980  1006927  XSD
: Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ


ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......


[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....



.
.
.
.
.






ฤดูกาลนั้นผันผ่านไปรวดเร็วกว่าที่คิด....ปีกว่าแล้วกับการที่หลายๆคนต้องอยู่กับความทรมาน และอีกหลายคนยังคงมีความสุข



นามิโมริในขณะนี้นั้นราวกับมีเงาดำมืดของสิ่งชั่วร้ายครอบคลุมอยู่ ท่านหญิงแห่งโกคุเดระยังคงอาการทรุดลงเรื่อยๆและนั่นยิ่งทำให้เด็กชายผมดำว่าที่เจ้าของแผ่นดินผืนนี้ราวกับใกล้จะคลั่งเต็มที ทั้งหมอหลวงทั้งตำรายาทั้งหมดถูกสั่งให้ใช้รักษา แต่ก็ไม่มีทีท่าว่านางจะอาการดีขึ้นมาเลย



ร่างของเด็กชายผมดำเดินออกมาจากห้องของผู้เป็นพี่สาวด้วยรังสีน่ากลัวที่แผ่ออกมาจากร่างกาย จนข้ารับใช้ไม่มีใครหาญกล้าเข้าไปยุ่งวุ่นวายด้วยสักคน ร่างในชุดสีดำเดินตรงดิ่งไปยังอีกห้องก่อนที่มือจะเลื่อนประตูเปิดออก นัยน์ตาสีดำคมกริบจับจ้องไปยังแม่นมและสาวใช้จนพวกนางยอมละออกไปอย่างรวดเร็ว



มือเล็กของเด็กชายรอรับร่างของเด็กน้อยซึ่งกำลังคลานต้วมเตี้ยมมาหา นัยน์ตาสีมรกตยังคงใสแจ๋วอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราว เส้นผมที่เริ่มจะยาวขึ้นนั้นเป็นสีเงิน....มีเพียงที่นี่ ที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้น....ร่างทั้งร่างทรุดนั่งที่พื้นเสื่อทาทามิ สายตายังคงจับจ้องร่างเล็กๆของเด็กน้อยคลานไปคลานมารอบๆห้อง....เจ้าไม่ได้พบกับท่านแม่ของเจ้านานแค่ไหนกันแล้วนะ



และตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ตัว ว่าเขากลับมานั่งเหม่อลอยนึกถึงอาการป่วยของผู้เป็นพี่สาว จนกระทั่งร่างเล็กๆนั่นมาปีนป่ายอยู่ที่หน้าตัก มือเล็กๆวางแปะมาที่ใบหน้า ให้นัยน์ตาสีดำสนิทเบิกกว้าง....เจ้าคงจะไม่รู้ตัวและทำไปตามประสาเด็ก แต่ทว่าสัมผัสนั้นกลับค้างคาอยู่ในใจของข้าไปอีกนานแสนนาน....ฮายาโตะ





.......................................................................................................................................................................................





เสียงถอนหายใจนั้นมันเงียบหายไปจากศาลเจ้าแห่งนี้มานานแล้ว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กำลังจ้องมองเกสรของดอกไม้สีแดงสดดอกหนึ่งอยู่ภายในโรงเก็บถ่านผุพัง มือเล็กค่อยๆหยิบมันออกมาอย่างระมัดระวังก่อนที่จะวางลงไปในแก้วใส่น้ำ แล้วร่างเล็กๆก็ถือมันออกมาที่ภายนอกก่อนจะเทน้ำที่มีสีแดงระเรื่อนั่นลงไปยังแปลงดอกไม้ซึ่งมีหนอนตัวอ้วนเกาะอยู่.....เสียงดังซู่พร้อมกับควันสีจางลอยขึ้นมาในขณะที่หนอนตัวนั้นกลับหายไปไม่เหลือแม้แต่ร่องรอย....



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จ้องมองไปด้วยแววตานิ่งสนิท....ถ้าใช้มันในปริมาณมากกว่านี้จะปลิดชีวิตสิ่งที่ใหญ่กว่านี้ได้หรือไม่กันนะ



ใบหน้าน่ารักก้มลงมองที่สองมือ ก่อนที่จะเงยหน้าเหม่อมองฟากฟ้าที่อยู่ไกลแสนไกล.....ข้าไม่มีอะไรสู้เขาได้เลยสักอย่าง ไม่มีทั้งพลัง ไม่มีทั้งอำนาจ ไม่มีอะไรที่จะฉุดรั้งให้เจ้ากลับมาหาข้าได้เลย...ไม่มี.....



ยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านไป ก็ราวกับว่าข่าวคราวของเจ้าจะเงียบหายไป....แต่ไม่ว่าใครๆจะลืมเจ้าแต่ว่าข้านั้นไม่เคยลืมเลือน ข้ายังคงเฝ้ารอคอยการกลับมาของเจ้าอยู่ทุกวัน ทุกคืน ทุกลมหายใจ คงจะไม่มีใครรู้ว่ามันทรมานเพียงใด เพราะไม่เคยมีใครพูดคุยกับข้า....ตลอดเวลาข้ามีเพียงแต่เจ้าเท่านั้น....มุคุโร่



และยิ่งเวลาล่วงเลยผ่านไปมากเท่าไหร่....ข้าก็ยิ่งรู้ ยิ่งเข้าใจว่าการรอคอยโดยไม่ทำอะไรนั้นจะไม่อาจฉุดรั้งให้เจ้ากลับมาหาข้าได้อีก....หากข้ายังคงเป็นแค่ดอกไม้อ่อนแอ...สักวันมันก็คงจะเหี่ยวเฉาไปกับการรอคอยเมฆฝนที่อยู่ไกลแสนไกล....ข้าจะไม่ยอมเป็นเช่นนั้น....ในเมื่อเจ้าไม่อาจกลับมาหาข้าได้ ข้าก็จะยอมทำทุกวิถีทางให้เจ้าได้กลับมา....ข้าจะเปลี่ยนจากดอกไม้ที่อ่อนแอให้กลายเป็นดอกไม้มรณะ



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ฉายแววมุ่งมั่น....



ข้าจะทำทุกอย่างไม่ว่าจะทางไหนหรือต่อให้ต้องเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยง ข้าก็จะทำ....ขอแค่เจ้ากลับมาอยู่เคียงข้างข้าอีกครั้งเท่านั้นก็พอ





...............................................................................................................................................................................................





อาการของท่านหญิงแห่งโกคุเดระทรุดหนักจนหมอหลวงต่างหมดหวังในการรักษา ใบหน้าของว่าที่เจ้าของแผ่นดินสีดำในยามนี้จึงแลดูเย็นชายิ่งกว่าเดิม ทั้งความห่วง ความกังวลใจในชีวิตที่เหลือน้อยเต็มทีของผู้เป็นพี่สาวที่รักยิ่งกว่าใครๆนั้นทำให้ ฮิบาริ เคียวยะตัดสินใจที่จะใช้พิธีตุ๊กตาตัวแทน เพื่อช่วยยื้อลมหายใจสุดท้ายที่ริบหรี่เต็มทีนั้นเอาไว้



เมื่อคำสั่งถูกประกาศออกไปทำให้ชาวเมืองต่างหวาดหวั่น เพราะพิธีนี้นั้นจำต้องใช้ชีวิตของใครอีกคนเข้ามาเป็นตัวแทนรับโชคร้ายและโรคภัยไข้เจ็บต่างๆเอาไว้แทนไปชั่วชีวิต ซึ่งท่านหญิงแห่งโกคุเดระอาจจะรอดชีวิต แต่คนที่ต้องเป็นตัวแทนก็จะต้องรับความทรมานไปจนวันตาย พิธีที่โหดร้ายเช่นนี้จึงเป็นทางออกสุดท้ายที่ใครสักคนจะเลือกใช้ และคนที่จะมาเป็นดั่งตัวแทนจะต้องมีความยินยอมพร้อมใจ เพราะหากตัวแทนตายไปเสียก่อน โชคร้ายและโรคภัยก็จะกลับไปหาเจ้าของเดิมอีกครั้ง



ตระกูลซาวาดะซึ่งเป็นตระกูลมิโกะและผู้ทำพิธีจึงต้องรับหน้าที่นี้ไปโดยปริยาย เพราะตัวแทนที่มีเชื้อสายของมิโกะนั้นได้ชื่อว่ามีความบริสุทธิ์ ถึงแม้จะเป็นตุ๊กตาตัวแทนแต่ก็อาจไม่ได้หมายความว่าจะต้องป่วยไข้ไปตลอด....ใช่....หากแม้ว่าเป็นมิโกะซึ่งเป็นหญิง...คงไม่มีอันตรายใดๆถึงชีวิต



แต่ทว่า...ตระกูลซาวาดะในตอนนี้นั้น...แทบจะไม่มีมิโกะเหลืออยู่เลย.....



ร่างเล็กของเด็กชายผมสีน้ำตาลลอบแอบฟังคนในตระกูลประชุมกันอย่างเคร่งเครียดอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ภายในบ้าน ท่านยายและท่านแม่คือมิโกะสองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่ ท่านพ่อและท่านอาต่างคัดค้านอย่างเด็ดขาดที่จะให้ใครคนใดคนหนึ่งในสองคนนั้นไปเป็นตุ๊กตาตัวแทน....เพราะถึงแม้จะไม่มีอันตรายถึงชีวิตแต่ก็จะไม่แข็งแรงพอที่จะทำพิธีอะไรให้ใครได้อีก...การประชุมจบลงที่ยังหาข้อสรุปอะไรไม่ได้ และกำหนดที่จะต้องทำพิธีนั้นก็ใกล้เข้ามาเต็มที



นิ้วเล็กสัมผัสอยู่บนกลีบของดอก SNOWDROP นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เหม่อลอยไปไกล...ในใจนั้นยังคงครุ่นคิดอยู่ตลอดเวลา



หากจะให้มุคุโร่กลับมา...คงมีแต่โอกาสนี้เท่านั้น....แต่ทว่า....ชีวิตของท่านหญิงแห่งโกคุเดระก็ไม่ใช่เรื่องที่จะมองข้ามได้....หากความรักของเขาต้องแลกมาด้วยชีวิตของคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวด้วยแบบนั้นมันคงจะกลายเป็นบาปติดตัวเขาไปชั่วชีวิต....ถึงจะบอกกับตัวเองเอาไว้ว่าจะยอมแลกได้ทุกอย่าง...แต่เขาก็ไม่อาจทำร้ายชีวิตผู้ซึ่งยังคงมีคนที่รักและรอคอยให้หายดีชีวิตนั้นได้ลง....ใบหน้าน่ารักถอนหายใจออกมาอีกครั้ง....เขาไม่ได้ถอนหายใจแบบนี้มานานแค่ไหนกันแล้วนะ....มือเล็กวางดอกไม้สีขาวลงบนที่บันไดศาลเจ้า....ถึงจะรู้ดีว่าวันนี้คงไม่มีใครมาเอา......ฮิบาริ เคียวยะ ไม่ได้มาที่นี่มาหลายอาทิตย์แล้ว ซึ่งเขาก็เข้าใจดีว่าทำไม.....



ร่างเล็กถูกใช้ให้ลงไปซื้อของที่ย่านร้านค้าในเมือง....ที่นั่นทุกคนต่างยังคงพูดกันไปต่างๆนานาถึงเรื่องพิธีตุ๊กตาตัวแทน....บ้างก็พูดกันว่าหามิโกะที่จะรับหน้าที่นี้ได้แล้ว แต่บ้างก็ลือกันว่ายังหาไม่ได้และคงต้องใช้คนสามัญชนแทน....ที่เป็นแบบนี้นั่นก็เพราะ....ไม่มีใครรู้...ว่ามิโกะของศาลเจ้าซาวาดะนั้นแท้ที่จริงแล้วมีอยู่กี่คนกันแน่...เพราะนี่คือหนึ่งในความลับที่ต้องปิดบัง...มิโกะจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกนอกศาลเจ้าหรือพบปะกับใครที่ไม่ได้รับเลือก



เขาเพียงแค่ฟังข่าวลือพวกนั้นผ่านๆ ก่อนจะตั้งหน้าตั้งตาหาซื้อของที่ถูกจดไว้ในรายการยาวเหยียด....แต่แล้วข่าวที่ดูจะไม่เข้ากับเรื่องในช่วงนี้ของกลุ่มทหารที่กำลังนั่งกินเหล้ากันแต่หัววันนั้นกลับเข้ามาอยู่ในหูของเขามากกว่า.....ชายคนหนึ่งในนั้นเพิ่งกลับมาจากการนำของไปส่งให้แก่ตัวประกันที่อยู่ที่แผ่นดินสีขาว....นั่นคือเรื่องราวของมุคุโร่....ของที่ถูกส่งไปก็เป็นแค่เครื่องใช้ธรรมดา เพียงแต่ว่า ทหารคนนั้นค่อนข้างจะแปลกใจเมื่อได้รับอนุญาติให้เข้าไปส่งของถึงด้านในสุดของปราสาทกล้วยไม้ขาวที่ซึ่งถือว่าเป็นที่ที่เข้าไปได้ยากที่สุด....เพราะที่นั่นคือที่อยู่ของเจ้าของแผ่นดินสีขาว....ที่อยู่ของเบียคุรัน



นั่นหมายความว่าอย่างไร....สิ่งที่ได้ยินมานั้นยังคงก้องอยู่ในหู....คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกเสียจาก...มุคุโร่อยู่ที่เดียวกับเบียคุรัน....ซึ่งผิดวิสัยของตัวประกันเป็นอย่างมาก...



ร่างเล็กยังคงครุ่นคิดไปตลอดทางทั้งๆที่ต้องแบกของเต็มสองมือ



“ โอ้ย!       เสียงร้องของใครบางคนปลุกให้เด็กชายผมสีน้ำตาลหลุดออกจากภวังค์ ร่างสูงใหญ่ของชายที่ดูราวกับอันธพาลล้มกองอยู่ที่พื้นตรงหน้า สงสัยว่าตนคงจะเดินไปชนเข้าโดยที่ไม่รู้ตัว



“ ข้าขอโทษ”     ร่างเล็กก้มหัวให้ แต่ชายคนนั้นกลับลุกขึ้นมากระชากลำตัวเล็กๆก่อนที่จะเหวี่ยงจนเด็กชายล้มลงไปบ้าง ข้าวของที่ถืออยู่เต็มสองมือนั้นหล่นกระจัดกระจาย



“ หื๋อ?....ไอ้เด็กจากศาลเจ้านี่เอง ถึงอัดเจ้าไปก็คงไม่มีใครว่าอะไรหรอกมั้ง ฮ่าๆๆ”      ชายผู้โหดร้ายยืนหัวเราะเยาะ แขนเล็กรู้สึกเจ็บแปลบจากการโดนกระแทก ทั้งๆที่อีกฝ่ายดูจะไม่เป็นอะไรเลยด้วยซ้ำ    “คราวหน้าก็หัดเดินดูตาม้าตาเรือหน่อยสิโว้ย!     และก่อนที่จะจากไปมือหยาบยังหยิบห่อผ้ามาฟาดใส่ใบหน้าเล็กๆจนขึ้นรอยแดง....ทุกคนต่างมองเห็น....แต่ไม่มีใครคิดจะเข้ามาช่วยเหลือ....



หากเป็นเมื่อก่อน....คงมีมือยกขึ้นมาขยี้หัวแล้วบอกข้าว่า..... “ไม่เป็นไรนะครับ” .......แต่ตอนนี้ที่ข้างกายของข้ามีเหลือแต่ความว่างเปล่า



ร่างเล็กยังคงเก็บข้าวของที่กระจัดกระจายต่อไปด้วยความทุลักทุเล แก้มบวมช้ำเริ่มรู้สึกเจ็บปวด แต่มันคงไม่เท่าจิตใจที่เจ็บระบมราวกับหนามที่มันทิ่มคาเอาไว้นานแสนนานมันเริ่มสะสมจนทนไม่ไหว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้คลอไปด้วยหยาดน้ำตา ทั้งข่าวที่ได้ยินมาทั้งความโดดเดี่ยวที่ได้รับ มันทำให้รู้สึกเจ็บจนไม่อยากจะสู้ต่อไป



หากมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง...บางที...........



เด็กชายเดินกลับมาจนถึงศาลเจ้าในที่สุด....มือวางของลงที่ห้องครัวด้านหลัง ผักและสิ่งของหลายอย่างมีร่องรอยบอบช้ำและเสียหาย



“ ตายแล้ว! นี่มันอะไรกันเนี่ย ทำไมมันถึงได้เละเทะแบบนี้...เจ้าลื่นล้มอีกแล้วใช่ไหม! จะทำตัวไม่ได้เรื่องไปถึงเมื่อไหร่! ออกไป...ออกไปให้พ้นๆเลย!       เสียงดุด่าตามมาทันทีที่ท่านอามองเห็นข้าวของที่กองอยู่ โดยที่ไม่ถามไถ่ถึงร่องรอยบนใบหน้าของเขาสักนิด  เสียงบ่นไล่หลังมาว่าเขาคือตัวเกะกะยังคงก้องอยู่ในหู ถึงจะรู้ดีว่าช่วงนี้ทุกคนในตระกูลกำลังเคร่งเครียด....แต่จะมีใครสักคนบ้างไหมที่สนใจเขา....



น้ำตาไหลลงไปเป็นทางเมื่อนั่งลงอยู่ข้างๆแปลงดอกไม้ ในมือถือแก้วซึ่งมีน้ำสีแดงระเรื่อที่มีปริมาณมากพอที่จะสังหารใครสักคน...ใช่...ข้าเองก็อยากจะรู้ว่ามันจะฆ่าคนได้จริงๆหรือเปล่าและในเมื่อข้าไม่อาจใช้กับใครได้ คงมีแต่ตัวเองเท่านั้นที่จะต้องลองเอง....ในเมื่อข้าอยู่ไปก็ไม่มีใครต้องการ....



แก้วถูกยกขึ้นจ่อที่ริมฝีปาก......ก่อนที่นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จะเห็นดอกไม้สีขาวดอกน้อยลอยผ่านหน้าไป.....





SNOWDROP....

หมายถึง ความหวัง....


SNOWDROP....

หมายถึง ความรัก....


และ......SNOWDROP....

หมายถึง ความตาย....





ปากแก้วถูกพลิกไปอีกทางให้น้ำข้างในไหลลงสู่พื้นดิน....



หากมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง...บางที...........ข้าคงไม่ตัดสินใจทำลงไป......



ก่อนที่จะตาย...ข้าขอใช้เดิมพันสุดท้ายของชีวิต





........................................................................................................................................................................





ร่างเล็กเดินเข้าไปบอกกับท่านยายด้วยสายตาตกตะลึงของคนทั้งตระกูล...เพราะต่างก็รู้ดีว่า หากมิใช่มิโกะที่เป็นผู้หญิง....อาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตได้...แต่กระนั้นเด็กชายผมสีน้ำตาลกลับยังคงยืนยันที่จะเป็นตุ๊กตาตัวแทนด้วยตัวของตัวเอง



“ สึนะ....เจ้า...แน่ใจหรือ....”      พ่อเอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงที่เขาไม่เคยคาดคิดว่าจะได้ยิน แต่กระนั้นในใจก็ยังคงแน่วแน่...เดิมพันครั้งนี้เขาจะขอใช้ทุกสิ่งทุกอย่างที่มีเข้ามาเสี่ยง...หากได้ผล เขาก็จะมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง ถึงแม้จะมีตราบาปติดตัวไปชั่วชีวิตเขาก็ยอม....แต่หากมันไม่สำเร็จ...เขาก็ยินดีรับความทรมานนั้นเอาไว้เองเพราะมันอาจจะเป็นเพราะสวรรค์ลงทัณฑ์แก่เรื่องเลวร้ายที่เขาคิดจะสร้างมันขึ้นมา....



“ ข้าจะทำ....เพียงแต่พวกท่านต้องสัญญากับข้าข้อหนึ่ง....ห้ามบอกฮิบาริ เคียวยะว่าคนที่จะมารับหน้าที่ตุ๊กตาตัวแทนคือข้า”     นั่นเพราะเขารู้ดีว่าถ้าฮิบาริรู้เรื่องนี้เข้า คนคนนั้นจะต้องไม่ยอมให้เขาเป็นตัวแทนแน่ๆ....เพราะถึงจะไม่เคยพูดคุยกัน แต่เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายยังคงรักษาสัญญาที่ให้ไว้กับมุคุโร่อยู่เสมอ....เขาจะไม่เป็นอันตรายและจะไม่โดนรังแกหากอยู่ในเขตของศาลเจ้าหรือที่ใดๆที่คนคนนั้นจะตามไปคุ้มครองเขาได้



ทั้งๆที่เจ้าดีกับข้าถึงเพียงนี้ แต่ข้าก็ยังทำร้ายเจ้าได้ลง....ข้าขอโทษ.....ถึงแม้ว่าคำคำนี้จะไม่อาจเทียบได้กับสิ่งที่ข้าจะทำ...แต่ข้าก็ยังอยากจะขอโทษเจ้า....












การเตรียมงานพิธีนั้นรอบคอบและละเอียดอ่อนกว่าพิธีใดๆ...เพราะหากมีอะไรผิดพลาดขึ้นมานั่นหมายถึงชีวิตของท่านหญิงแห่งโกคุเดระทันที.....ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปเขาจะต้องใช้ชีวิตอยู่แต่ในห้องเพื่อชำระล้างร่างกายและจิตใจให้บริสุทธิ์...เพราะฉะนั้นวันนี้จึงเป็นวันสุดท้ายที่เขาจะออกมาเดินที่ย่านร้านค้าได้...



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้สอดส่ายมองหาใครบางคน...และแล้วเขาก็พบชายผู้นั้นอยู่ที่ร้านเหล้าที่เดิม....



“ ข้ามีเรื่องจะขอร้องท่าน....”      ชายผู้เป็นทหารซึ่งเป็นคนไปส่งของให้แก่มุคุโร่เงยหน้ามองด้วยแววตาสงสัย มือเล็กจึงยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งไปให้ มือใหญ่รับไปเปิดดูแต่ก็เห็นเป็นเพียงกระดาษยันต์ของศาลเจ้า      “ข้าอยากให้ท่านช่วยส่งมันให้แก่ท่านมุคุโร่...ยามเมื่อท่านไปส่งของให้เขาอีกในครั้งหน้า....ได้โปรด”      ร่างเล็กก้มหัวโค้งขอร้องให้แก่ชายผู้นั้น ซึ่งยังคงมีสีหน้างงๆ แต่ก็รับปากว่าจะใส่ลงไปในห่อของให้ อาจจะเป็นเพราะเขาดูไม่น่าจะเป็นอันตรายใดๆและกระดาษนั้นก็ไม่ได้มีข้อความน่าสงสัยอะไร



แต่หากว่ามุคุโร่ได้รับก็จะรู้ได้ทันทีว่าที่กระดาษมีข้อความซ่อนอยู่ เพราะตัวหนังสือถูกเขียนด้วยสีของดอกไม้ หากไม่ละลายน้ำจะไม่มีวันมองเห็น...



เพียงแต่....กระดาษแผ่นนี้จะถูกส่งถึงมือมุคุโร่หรือไม่....เขาไม่อาจรู้ได้เลย.....






...............................................................................................................................................................................................






หอพิธีการถูกเปิดใช้เพราะเป็นที่เดียวที่มีพื้นที่เพียงพอ.....พิธีตุ๊กตาตัวแทนจะกินเวลาร่วมอาทิตย์....ซึ่งผู้ป่วยกับตัวแทนจะเข้าทำพิธีตั้งแต่เช้าจรดเย็นอยู่ภายในห้องโถงใหญ่และตัวแทนจะพักได้ในยามค่ำคืนภายในห้องทำพิธีด้านใน เพราะทั้งสองต้องอยู่ภายใต้หลังคาเดียวกันตลอดเจ็ดวัน



เช้าวันนี้อากาศแจ่มใส นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กวาดมองแปลงดอกไม้ของตนเป็นครั้งสุดท้ายเพราะอาจจะไม่ได้กลับมาที่นี่อีก....ขอบใจพวกเจ้า...ที่อยู่กับข้าเสมอมา...



ก่อนที่จะมีเสียงของใครบางคนร้องเรียกให้เข้าไปเตรียมตัว....



ชุดมิโกะถูกแขวนไว้ที่ราวอย่างดงาม....ความจริงหากตุ๊กตาตัวแทนเป็นผู้ชายก็ไม่จำเป็นต้องใส่มัน...แต่ทว่า...ข่าวที่ปล่อยออกไปนั้น คนทำพิธีคือมิโกะเพื่อให้คนทั่วไปสบายใจและอีกอย่างเขาจะได้วางใจว่าฮิบาริ เคียวยะจะไม่ล่วงรู้ความจริง



เสื้อกิโมโนสีขาวถูกสวมทับลงไปบนไหล่เล็ก ผิวขาวเนียนละเอียดไม่มีร่องรอยใดๆเนื่องจากอยู่แต่ภายในห้องมาหลายอาทิตย์ กางเกงฮากามะสีแดงผูกเชือกอย่างแน่นหนา ใบหน้าน่ารักสะอาดสะอ้านนั้นทำให้ดูต่างจากเวลาปกติ นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตยังคงสุกใสอ่อนโยน ริมฝีปากแดงอิ่มราวกับสีของเชอร์รี่นั้นไม่ได้ถูกแต่งแต้มใดๆ เส้นผมสีน้ำตาลถูกมัดรวบเอาไว้อย่างเรียบร้อย ผมหน้าม้ายังคงถูกปล่อยให้คลอเคลียหน้าผากใส....ยามเมื่อก้าวย่างออกมาจากห้อง นั้นทำให้สายตาของคนในตระกูลถึงกับเบิกกว้าง ด้วยความแตกต่างที่มีมากเกินไป....ใครเลยจะคิดว่าจากเด็กตัวเล็กๆที่อยู่ในชุดมอซอใบหน้ามอมแมมแบบนั้นจะกลายเป็นมิโกะตัวน้อยที่ดูเรียบร้อยและงดงามได้ขนาดนี้....



เกี้ยวสีขาวซึ่งมีผ้าม่านปิดทุกด้านถูกยกจากศาลเจ้าซาวาดะไปยังหอพิธีการ



ที่กลางห้องโถงมีร่างงามระหงของท่านหญิงแห่งโกคุเดระนอนนิ่งอยู่บนฟูก รอบๆทั้งสี่ด้านมีมู่ลี่ไม้ไผ่กั้นสายตาไม่ให้ใครมองเห็น เงาร่างที่คุ้นเคยของเด็กชายผมดำก็นั่งอยู่เคียงข้างนางด้วย....มิโกะร่างเล็กเดินไปนั่งยังตำแหน่งของตน....มาจนถึงป่านนี้....ก็ยังคงมีจิตใจอีกด้านที่ไม่อยากให้จดหมายไปถึง....



ใบหน้าเล็กสะบัดหน้าน้อยๆ ก่อนจะกลับมามุ่งมั่นในแผนการของตนต่อไป....



เสียงสวดทำพิธีผ่านไปในวันแรก...ทุกสิ่งทุกอย่างยังคงนิ่งสงัด....ราวกับวันก่อนที่พายุจะโหมกระหน่ำ....เมื่อเวลาพลบค่ำมาเยือน มิโกะร่างเล็กจึงได้เวลาเข้าไปพักยังห้องด้านใน และกว่าฮิบาริ เคียวยะจะออกมาจากมู่ลี่ไม้ไผ่ ร่างเล็กๆก็หายไปจากที่นั่งเรียบร้อยแล้ว






.........................................................................................................................................................................................................





นัยน์ตาสองสีเหม่อมองฟากฟ้าที่อยู่เหนือปราสาท ภายในหัวใจกำลังยุ่งเหยิงและสับสน ทั้งๆที่โดนบังคับและกักขัง แต่ชายผู้นั้นกลับทำให้เขาราวกับจะขาดอีกฝ่ายไม่ได้ ใบหน้าเรียวได้แต่ถอนหายใจออกมาอีกครั้ง....ถึงจะทำดีกับข้ามากแค่ไหน...แต่หัวใจของข้าก็ไม่อาจมอบให้แก่เจ้าได้ เพราะมันได้กลายเป็นของคนอีกคนที่อยู่ไกลแสนไกล



“ ท่านมุคุโร่....ของที่ส่งมาจากนามิโมริมาถึงแล้วค่ะ”      สาวใช้ยกห่อผ้าเข้ามาวางเอาไว้ในห้อง ร่างโปร่งเดินเข้าไปด้วยท่าทางเฉยๆ มือเรียวรื้อค้นสิ่งของแบบจิตใจไม่ค่อยจะอยู่กับตัว ที่ทำไปก็เพื่อหาอะไรมาทำให้จิตใจไม่ฟุ้งซ่าน....ของที่อยู่ในห่อผ้าก็มีแค่ของใช้ธรรมดาๆ....แต่ทว่าดูเหมือนคราวนี้จะมีอะไรที่แตกต่างจากเดิม



มือเรียวหยิบแผ่นยันต์ของศาลเจ้าซาวาดะขึ้นมาถือเอาไว้ พยายามไม่ให้สาวใช้เห็นว่ามันกำลังสั่นระริก…..จากสึนะโยชิไม่ผิดแน่....



“ คึหึหึ....ช่วยไปหาหมุดให้ข้าที ข้าจะติดมันเอาไว้ที่หน้าห้องเพื่อป้องกันนายเหนือหัวของพวกเจ้า”      ถ้อยคำร้ายกาจแต่กลับทำให้สาวใช้หัวเราะน้อยๆก่อนจะหายตัวออกไปจากห้อง ร่างโปร่งเดินไปยังอ่างน้ำสำหรับล้างมือทันที ก่อนที่จะแช่แผ่นยันต์นั้นลงไป....ข้อความลอยขึ้นมาจากกระดาษราวกับไอพิษ...แล้วไม่นานมันก็สลายหายไป




ใบหน้าเรียวได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่ได้รับรู้....



หมายความว่ายังไง.....



สึนะโยชิเป็นตุ๊กตาตัวแทนได้ยังไง....



เคียวยะไม่น่าจะเป็นคนสั่งการเรื่องนี้ แต่มันจะคิดเป็นอื่นไปได้ยังไง.....



ทำไม....



ทำไมเจ้าถึงผิดสัญญากับข้า......สัญญาที่ว่าจะปกป้องดูแลสึนะโยชิแทนข้า....ทำไม.....



มือเรียวกำแผ่นยันต์แน่น...นัยน์ตาสองสีฉายประกายกร้าว....



ในเมื่อเจ้ากล้าผิดสัญญา....ในเมื่อเจ้ากล้าสั่งให้คนที่ข้ารักและฝากฝังกับเจ้าไว้ให้เดินไปสู่ความตาย....ข้าก็จะไม่สนใจอะไรอีก





ม้าสีขาวพุ่งทะยานออกจากปราสาทกล้วยไม้สีขาวไปอย่างรวดเร็ว.....





นัยน์ตาสีอเมทริสที่เฝ้ามองอยู่บนยอดของปราสาทนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด...ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ยังคงเลือกเขาและยังคงเลือกที่จะเดินจากข้าไป....ไม่เป็นไร....เพราะข้าจะทำให้เจ้ากลับมาหาข้าเอง...มุคุโร่คุง





การเดินทางจากแผ่นดินสีขาวกลับมายังนามิโมริปกติต้องใช้เวลากว่าอาทิตย์ แต่ร่างโปร่งที่เร่งรุดควบม้าไม่หยุดทั้งกลางวันและกลางคืนนั้นกลับมาได้เร็วกว่าที่คิด....จะให้ช้าได้อย่างไร ในเมื่อเหลืออีกเพียงไม่กี่วัน พิธีก็จะสำเร็จเสร็จสิ้น....และเมื่อนั้นทุกอย่างก็จะสายเกินไป....รวมทั้งชีวิตที่อาจจะไม่สามารถเรียกกลับคืนมาได้ของคนที่เขารักด้วย






....................................................................................................................................................................................................................






วันนี้เป็นวันที่ห้าแล้วที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ในหอพิธีการ ถึงพิธีจะยังไม่สำเร็จแต่ความเจ็บแปลบที่หน้าอกก็เริ่มจะรู้สึกได้.....เขาเริ่มจะกลายเป็นตุ๊กตาตัวแทนเข้าไปทุกทีๆ....เช่นเดียวกับหัวใจที่เริ่มจะเหนื่อยล้าและท้อแท้....เพราะมันกำลังสิ้นหวังกับการรอคอยที่ดูเหมือนจะสูญเปล่า...



เจ้าไม่ได้รับจดหมาย....หรือว่าเจ้าลืมข้าไปแล้วกันแน่...มุคุโร่....



บางที...ข้าอาจจะไม่มีค่าพอที่เจ้าจะกลับมาช่วยก็เป็นได้....



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ที่เหนื่อยล้าเหลือบมองเงาร่างของฮิบาริ เคียวยะที่อยู่เคียงข้างท่านหญิงภายในมู่ลี่ไม้ไผ่...ถ้าเจ้ารู้ว่าเป็นข้า...เจ้าจะโกรธข้าไหมนะ



พลบค่ำของวันที่ห้ากำลังมาเยือน...และก็ยังคงเป็นอีกวันที่มิโกะนั้นเดินกลับเข้าไปในห้องก่อนที่ฮิบาริ เคียวยะจะออกมา ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นใครเพราะทางศาลเจ้าปิดบังเอาไว้ แต่ภายในหัวใจที่ฉาบไปด้วยน้ำแข็งกลับรู้สึกขอบคุณคนผู้นั้นอยู่นับครั้งไม่ถ้วน นัยน์ตาสีดำคมกริบเหลือบไปมองเบาะรองนั่งซึ่งเคยมีมิโกะคนนั้นนั่งอยู่



เพราะความแตกต่างที่มากเกินไป จึงไม่ได้เอะใจเลยว่าจะเป็นคนที่อยู่ใกล้ตัวขนาดนั้น












ในที่สุดเช้าวันสุดท้ายก็มาเยือนจนได้....เมื่อพิธีจบลงในคืนนี้....เขาก็จะกลายเป็นตุ๊กตาตัวแทนของท่านหญิงโดยสมบูรณ์



ร่างเล็กพยายามนั่งให้ตรงที่สุด ทั้งๆที่ภายในอกเจ็บแปลบจนแทบจะหายใจไม่ออก....ไม่ได้...เขาจะทำให้คนที่อยู่หลังม่านนั่นรู้ไม่ได้ว่าเขาไม่ใช่มิโกะที่เป็นผู้หญิง....ใบหน้าเริ่มจะขาวซีด ลมหายใจติดขัดมากกว่าที่เคยเป็นมาจนมือเผลอยกมากดเอาไว้ที่หน้าอก ภาพตรงหน้าเริ่มจะพร่าเลือนจนในที่สุดมันก็กลายเป็นสีขาวโพลน



ร่างเล็กๆของมิโกะล้มฟุ้บลงไปกับพื้นห้อง นั่นสร้างความแตกตื่นให้กับคนที่อยู่ในพิธี



ฮิบาริ เคียวยะ ก้าวขาออกมาจากมู่ลี่ไม้ไผ่ก่อนจะพยุงตัวของร่างที่กำลังสลบไสลเอาไว้ และใบหน้าที่สองตามองเห็นนั้นก็ยิ่งทำให้หัวใจเต้นรุนแรงยิ่งกว่าครั้งไหนๆ....ทำไม....ทำไมถึงเป็นเจ้าได้...สึนะโยชิ



ฟุบ!



เสียงผ้าม่านที่กางกั้นรอบๆห้องโถงถูกเปิดออกก่อนที่สายหมอกจะเข้ามาครอบคลุมทั่วบริเวณ ร่างเล็กๆที่เคยอยู่ในอ้อมแขนของฮิบาริ เคียวยะนั้นหายไปต่อหน้าต่อตา และเมื่อหันกลับมาก็ต้องพบกับใบหน้าเรียวของผู้เป็นพี่ชายซึ่งถึงแม้จะดูเหนื่อยล้าแต่กลับแฝงเอาไว้ด้วยความเย็นชาและน่ากลัว



“ ในเมื่อเจ้าทำผิดสัญญา ข้าก็จะไม่สนใจอะไรอีก...เคียวยะ!      ร่างโปร่งขยับถอยหนีทั้งๆที่มีร่างของมิโกะอยู่ในอ้อมแขน นัยน์ตาสีดำสนิทเบิกกว้างเมื่อรู้ว่ามุคุโร่กำลังจะทำอะไร ทอนฟาที่ถูกซุกซ่อนเอาไว้ถูกดึงออกมาใช้ทันที



ถึงแม้ว่าจะยังจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกแต่ปฏิกิริยาต่อชีวิตที่กำลังเข้าขีดอันตรายของผู้เป็นพี่สาวก็ทำให้ว่าที่เจ้าของแผ่นดินสีดำไล่ต้อนพี่ชายของตนอย่างไม่ลังเล...และนั่นยิ่งทำให้อีกฝ่ายเข้าใจผิดไปยิ่งขึ้น



สิ่งที่ไม่คาดคิดสำหรับร่างเล็กที่กำลังสลบสไล นอกจากชีวิตของท่านหญิงแห่งโกคุเดระจะหาไม่ ยังมีความสัมพันธ์ของพี่น้องที่กำลังจะขาดสะบั้นลงอย่างไม่มีวันจะกลับมาเป็นเหมือนเดิมได้อีก



สามง่ามยังคงรับแรงจากทอนฟาเอาไว้ได้ทั้งๆที่มืออีกข้างยังคงประคองร่างในชุดมิโกะ ถึงแม้จะเดินทางมาเหนื่อยล้าเพียงใดแต่ข้าก็จะพาเจ้าหนีไปจากที่นี่ให้ได้



หนีไปจากที่ที่โหดร้ายเกินไปที่เจ้าจะอาศัยอยู่....หนีไปจากความโดดเดี่ยวเดียวดาย ถึงแม้ว่าจะไม่มีที่ใดต้อนรับ แต่เราก็จะอยู่ด้วยกันสองคน



เสียงการปะทะต่อสู้ดังพอๆกับความโกลาหลของคนในพิธี เสียงสาวใช้ที่อยู่ใกล้ท่านหญิงร้องดังออกมาให้ทอนฟาหยุกชะงัก ร่างในชุดสีดำรีบเร่งกลับไปอยู่เคียงข้างนางอีกครั้ง และนั่นคือโอกาสเดียวที่สายหมอกจะพาตุ๊กตาตัวแทนของพิธีนี้....หนีไป






......................................................................................................................................................................................................






เสียงร่ำไห้ดังไปทั่วตำหนัก.....



ใบหน้าของเด็กชายผมดำเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง เมื่อคนที่รักที่สุดนั้นจากไปอย่างไม่มีวันกลับ ภายในจิตใจที่ไม่เหลือใครนั้นราวกับจะแหลกสลาย แต่นัยน์ตาสีดำสนิทกลับยังคงเต็มไปด้วยเพลิงแค้น และยิ่งแค้นมากเมื่อคนที่ทรยศหักหลังกลับเป็นคนที่รักและไว้ใจมากเช่นกัน



ข้าจะไม่มีวันอภัยให้พวกเจ้า!



สองมือนั้นกำแน่น....







แต่แล้วมือเล็กๆของเด็กน้อยผู้ไม่รู้เรื่องรู้ราวก็วางแปะลงมาบนหลังมือ ร่างเล็กๆพยายามจะปีนป่ายขึ้นมาตามประสาเด็ก



แต่นั่นมันทำให้นัยน์ตาสีดำสนิทเบิกกว้าง.....



ใช่.....



ในยามที่ไม่เหลือใคร....



ข้ายังมีเจ้าอยู่อีกคน.....สายลมอบอุ่นที่จะเป็นของข้าแต่เพียงคนเดียวเท่านั้น....



ฮายาโตะ......





..........................................................................................................................................................................................






เรี่ยวแรงที่มีทั้งหมดถูกใช้ไปกับการวิ่งหนี.....



บัดนี้ทั้งสองขาอ่อนล้าจนเกินกว่าจะหนีได้อีก....



มุคุโร่วางร่างในอ้อมแขนลงที่โคนต้นไม้ ลมหายใจที่เคยติดขัดดูเหมือนจะดีขึ้นมาเรื่อยๆ มือเรียวเขย่าไหล่เล็กเบาๆพร้อมกับพยายามเรียกให้อีกฝ่ายได้สติ ไม่นานดวงตาสีน้ำตาลไหม้ก็เปิดขึ้นอีกครั้ง....



“ มุคุโร่ ?”      เสียงแหบแห้งเอ่ยออกมาแผ่วเบา ก่อนที่ร่างกายที่เจ็บปวดจะพยุงตัวเองขึ้นแล้วโผเข้ากอดร่างโปร่งเอาไว้แน่น...ข้าไม่ได้ฝันไป....เจ้ามาช่วยข้าแล้วจริงๆ



เจ้ากลับมาหาข้า......



“ แล้วท่านหญิง”     ร่างเล็กละออกจากอ้อมแขนอย่างรวดเร็วเมื่อนึกขึ้นได้ถึงอีกหนึ่งชีวิตที่ตนทอดทิ้งมา ใบหน้าเรียวเพียงแต่ส่ายหน้าน้อยๆ....คงไม่มีทางช่วยได้แล้วสินะ....



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ฉายแววเศร้าสร้อย.....ข้าขอโทษ....ข้าจะชดใช้ให้ท่านได้อย่างไรดี ท่านหญิง.....



“ ไม่เป็นไรนะครับ...”     มือใหญ่ลูบลงไปที่หัว สัมผัสนั้นทำให้น้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ที่เอ่อคลอมองไปยังคนที่อยู่ตรงหน้า....



ก่อนที่จะได้ชดใช้ให้แก่ท่าน....ขอเวลาให้ข้าได้อยู่กับเขาอย่างสงบสุขสักนิดจะได้ไหม...ท่านหญิงแห่งโกคุเดระ....ข้าอยากรู้จักความรักความอบอุ่นจากการที่มีใครสักคนอยู่เคียงข้าง อยากรู้จักการที่ไม่ต้องอยู่คนเดียว.....


น้ำตาไหลลงมาอีกครั้งอย่างห้ามไม่อยู่......











เสียงฝีเท้าม้ากลุ่มหนึ่งมุ่งหน้ามาทางนี้...



ร่างโปร่งซึ่งเหนื่อยล้าขยับเข้ามาบังร่างเล็กเอาไว้...หรือว่าพวกเขากำลังจะโดนจับตัวกลับไป....เสียงนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ เรื่อยๆ...หัวใจทั้งสองดวงนั้นเต้นแรง มือทั้งสองจับกันเอาไว้แน่น นัยน์ตาสองสียังคงมีประกายกร้าวแข็ง



“ ไอ้พวกสวะ...หมดทางไปแล้วงั้นสิ”     เสียงห้าวที่ไม่คุ้นหูทำให้นัยน์ตาสองสีเหลือบขึ้นมอง ก่อนจะสบประสานเข้ากับนัยน์ตาสีโลหิตคมกล้า



“ อยากไปอยู่ที่ป่าสายหมอก...หรือว่าอยากจะตายอยู่ตรงนี้....”        ใบหน้าคมของเด็กชายอีกคนมองมาจากที่ม้าอีกตัว นัยน์ตาสีเปลือกไม้คู่นั้นมันช่างน่าขนลุก



“ คึหึหึ....ป่าสายหมอก.....งั้นหรือครับ....”       










ทุกอย่างล้วนเป็นไปตามพรหมลิขิต….

ที่ขีดเส้นชีวิตให้พวกเขาได้มาพบกัน....














To be Continue …….

In ……..

ความหวังครั้งสุดท้าย : The Last SNOWDROP!!!









สุขสันต์วันเกิดทูน่าที่รัก (ของแกตั้งแต่เมื่อไหร่?)

ปีนี้ก็ยังอายุ 14 อยู่สินะ ขอให้มีความสุขมากๆๆๆ โมเอะแอบเมะอย่างนี้ต่อไปนะจ๊ะ >w< ฝากดูแลมือขวาดีๆด้วยล่ะ


ส่วนในฟิกตอนนี้....แบบว่าแต่งไปก็รักทูน่าไป...ถึงในอนาคตทูน่าจะร้าย แต่มี๊ก็รักทูน่านะ



อ้า....ลงจนครบซะทีกับฟิกที่ภาคภูมิใจเรื่องนี้....มันไม่ใช่ฟิกที่รักที่สุดค่ะ แต่ว่ามันเป็นฟิกที่คนแต่งภาคภูมิใจและอยากแนะนำให้ใครสักคนได้อ่านมากที่สุด

ขอบคุณทุกๆกำลังใจที่ได้รับจากญาติพี่น้องในบอร์ดดำมากๆเลยนะคะ เม้นต์ของฟิกเรื่องนี้มันสุดยอดจริงๆ จำไปจนวันตายเลยละ ฮะฮะ....ขอบคุณค่ะ!!!



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น