KHR Au S.fic [AsariUgetsu x 59] Illusion : 01



: KHR Fanfiction AU
: Asari Ugetsu(ปู่พิรุณ) x Gokudera Hayato
: Romance   Drama
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ










........ฝากฮายาโตะ......ด้วย..........





........นายต้องสัญญา....ว่าจะรัก.....เด็กคนนั้น....... 













ฉันทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับนายมาตลอด.....

แต่จนถึงตอนนี้ก็ไม่เคยรู้เลย.....

ว่าคำว่า รัก  นั้นมีความหมายว่าอย่างไรกันแน่.....

ทำไมนายไม่เคยบอกฉัน....ว่าให้รักเด็กคนนั้นแบบไหนกัน....G....









พลั่ก!!......

เสียงของหนักๆหล่นลงกระทบผืนหญ้านิ่มที่หลังบ้าน ทำให้ร่างสูงใหญ่ในชุดผ้ากันเปื้อนต้องรีบวิ่งมาดู

ร่างเล็กๆของเด็กชายวัยเจ็ดขวบนั่งกองอยู่ที่โคนต้นไม้ เมื่อนัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบมองมาเห็นร่างสูงเข้า จึงรีบลุกขึ้นยืน ใบหน้าเล็กน่ารักงอหงิก ริมฝีปากสีชมพูเม้มเข้าหากันแน่น ตามเนื้อตัวนั้นมอมแมม ผิวสีขาวเนียนละเอียดเองก็เลอะโคลนบ้างฝุ่นผงบ้าง

ไปเล่นซุกซนมาอีกแล้วสินะ...ฮายาโตะ     แต่ใบหน้าคมของคนที่แก่กว่าถึงสิบปีก็ไม่ได้มีแววอิดหนาระอาใจ แต่ยังคงยิ้มแย้มมาให้เช่นเดิม

ฮะ ฮะ หล่นลงมาบ่อยๆแบบนั้นเดี๋ยวก็ไม่โตกันพอดี     มือใหญ่จับแขนเล็กแล้วออกแรงยกให้เด็กชายขึ้นไปนั่งยังระเบียงไม้หลังบ้าน

ไม่ต้องมายุ่ง!”     ผมเส้นเล็กละเอียดสีเงินเป็นประกายสะบัดไปตามใบหน้าที่หันไปอีกทางอย่างรวดเร็ว

ฮะ ฮะ ฮะ     เสียงหัวเราะสดใสเปล่งออกมาจากใบหน้าที่อ่อนโยนอยู่เสมอ มือใหญ่จับผ้าชุบน้ำก่อนที่จะคุกเข่าลงแล้วเริ่มเช็ดเรียวขาเล็กที่อยู่ใต้กางเกงขาสั้น

ฉันทำเองได้ เอาผ้ามานี่!”     เจ้าเด็กจอมดื้อเริ่มโวยวายตามประสาพร้อมกับมือเล็กที่พยายามจะแย่งผ้าไป แต่คนอารมณ์ดีก็ยังคงเช็ดขาเล็กๆคู่นั้นต่อไปไม่สะทกสะท้าน

มือข้างหนึ่งถอดรองเท้าผ้าใบคู่เล็กที่แสนจะมอมแมมออกก่อนที่มืออีกข้างจะบรรจงจับฝ่าเท้าขาวให้อยู่นิ่ง ผ้าเปียกชื้นลูบลงไปอย่างนุ่มนวล นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองดวงตาสีเขียวมรกตที่มีแววเคืองๆแต่ใบหน้าเล็กน่ารักนั่นกลับแดงระเรื่อ.......ดื้อ.....แต่ก็น่ารัก.....

เหมือนกันไม่มีผิด.....

เอ้า! เรียบร้อยแล้ว    เมื่อคราบโคลนถูกเช็ดจนสะอาดเอี่ยม ขาคู่เล็กจึงถูกปล่อยให้เป็นอิสระ

ชิ! ไม่ขอบใจหรอกนะ เพราะว่าฉันไม่เคยขอร้องให้นายทำ!”     เด็กชายร่างเล็กลุกขึ้นสะบัดตัวแล้วเดินหนีเข้าไปในบ้าน ถึงแม้กิริยาท่าทางจะแสนดื้อดึงราวกับม้าพยศ แต่ก็ไม่เคยทำให้คนที่ต้องคอยรับมืออย่างเขาต้องหนักใจ

ก็เพราะว่าเหมือนกันมากน่ะสิ.....

กับพี่ชายของเด็กคนนั้น.....คนที่เป็นคนรักของเขา....







ทุกครั้งที่สายตาทอดมองร่างเล็กๆของเด็กชายผมเงิน ภาพของใครอีกคนก็จะซ้อนทับจนแยกไม่ออกว่าภาพไหนคือคนที่อยู่ตรงหน้า คนไหนเป็นแค่ภาพลวงตา...

ฮายาโตะมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ตั้งแต่วันนั้น...วันที่พี่ชายคนเดียว...ญาติเพียงคนเดียวที่มี...คนที่เด็กคนนั้นรักและเชื่อใจมาตลอดได้หายไปจากชีวิต...คราบน้ำตาบนแก้มใสที่เคยเห็นเพียงแค่ครั้งแรกและก็ครั้งเดียวของเด็กคนนั้นมันทำให้เขายื่นมือออกไปหา ออกไปคว้าตัวเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนโดยไร้ข้อโต้แย้ง

เพราะมันเหมือนกับ....คราบน้ำตาบนแก้มขวาที่เต็มไปด้วยรอยสักสีแดงเพลิงของคนที่เขารัก...คราบน้ำตาเพียงครั้งแรกและก็ครั้งเดียวที่เคยเห็น...น้ำตาที่ไหลออกมาในขณะที่ฝากฝังน้องชายเพียงคนเดียวเอาไว้กับเขา

ฮายาโตะกับG เป็นพี่น้องกัน….

และGคือคนรักของเขา....







กินผักด้วยสิฮายาโตะ     ช้อนยาวในมือใหญ่เขี่ยผักที่มือเล็กเขี่ยออกไปอยู่รอบจานกลับเข้ามาในจานอีกครั้ง

อยากกินก็กินเองเซ่ะ!”   แล้วมือเล็กๆก็เขี่ยมันออกไปอีก โดยที่ไม่ยอมแตะต้องมันแม้แต่น้อย

กับแค่เรื่องเล็กๆน้อยๆประจำวัน ที่ลูกบ้านอื่นอาจจะไม่เคยมีปัญหา แต่สำหรับเจ้าเด็กดื้อตัวเล็กคนนี้ทุกๆอย่างที่ร่างสูงทำให้มันกลับกลายเป็นปัญหาไปเสียหมด ทั้งดื้อทั้งต่อต้าน ไม่เคยเชื่อฟังไม่เคยยอมทำตามคำบอกกล่าว แถมยังปากเก่งเถียงอะไรได้เป็นเถียงหมด แต่ถึงอย่างนั้นใบหน้าหล่อเหลาก็ยังคงยิ้มรับ มือใหญ่ที่อบอุ่นก็ยังคงเอื้อมไปลูบหัวเล็กๆนั่น และเมื่อทำแบบนั้นเจ้าลูกแมวจอมดื้อก็จะขู่ฟ่อขึ้นมาทันที

บางครั้งเขาก็สงสัย...ว่าเวลาอยู่กับG เด็กคนนี้จะดื้อดึงแบบนี้หรือเปล่า

โอเค...งั้นฉันกินละนะ    มือใหญ่ตักผักในจานของร่างเล็กมาเคี้ยวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม

..........    ใบหน้าเล็กบึ้งตึง พร้อมกับเอาส้อมจิ้มผักเอาไว้ไม่ให้มือใหญ่แย่งเอาไปกินได้

ฮะ ฮะ   จนในที่สุดมือเล็กก็ตักผักเข้าปากไปจนหมด นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งมาอย่างเคืองๆ

หรือว่าเด็กคนนี้จะไม่ชอบให้ใครแย่งของ....มันก็อาจจะเป็นไปได้....เพราะตั้งแต่วันที่เขากับGตกลงว่าจะคบกัน คนแรกที่Gพาเขาไปรู้จักก็คือน้องชายเพียงคนเดียว แล้วสิ่งที่เขาได้รับกลับมาจากเจ้าเด็กดื้อนี่ก็คือหมอนใบใหญ่ที่ฟาดมาเต็มหน้า......และจากนั้นไม่ว่าจะพบกันอีกสักกี่ครั้งเจ้าลูกแมวจอมดื้อนี่ก็ไม่เคยญาติดีกับเขาเลย คอยวนเวียนขัดขวางไม่ให้เขาเข้าใกล้Gอยู่ตลอดเวลา...คงจะหวงพี่ชายละสินะ

แล้วการที่ต้องมาใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันสองคนแบบนี้ เขาจึงไม่คิดเลยว่า...มันจะราบรื่นเหมือนพี่น้องบ้านอื่นๆ....

ขนาดอยู่ด้วยกันมาร่วมครึ่งปี แม้แต่ชื่อของเขาก็ยังไม่เคยมีหลุดออกมาจากปากเล็กๆนั่นแม้แต่ครั้งเดียว ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกันกว่าที่เด็กคนนั้นจะยอมรับในตัวเขา









แว่วเสียงกระทบกันระหว่างเสียมและดินชื้นแฉะดังมาจากข้างบ้าน ร่างเล็กๆที่นอนอ่านนิทานภาพอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่นจึงลุกขึ้นไปดู แผ่นหลังกว้างที่คุ้นตากำลังขุดดินอยู่ที่ข้างรั้ว ร่างเล็กๆของเด็กชายผมเงินจึงแอบอยู่ที่หลังประตู นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองทุกการเคลื่อนไหวของชายคนนั้น

...ลิลลี่สีขาว.....

ดอกไม้ที่Gชอบ....ถูกวางต้นอ่อนลงไปในหลุม...หลายต่อหลายต้น.....

เจ้าหมอนั่นจะรู้ตัวบ้างไหม...ว่าทุกๆอย่างที่อยู่ภายในบ้านหลังนี้มันอบอวลไปด้วยกลิ่นไอของพี่ชายเพียงคนเดียวของเขา

หันไปมองกรอบรูปที่วางอยู่บนตู้เตี้ย ภาพของใบหน้าที่คล้ายคลึงกับเขาต่างกันตรงที่สีผม สีตา และรอยสักที่พาดผ่านใบหน้า สะท้อนเข้ามายังดวงตาของเขา

หงุดหงิด....

แค่คิดว่า ตัวเขาเองก็อาจจะเป็นเพียงแค่หนึ่งในสิ่งที่เป็นดั่งตัวแทนของคนในรูป....

ขาเล็กก้าวลงไปจากพื้นระเบียง ตรงดิ่งไปยังหลุมดอกไม้ที่เพิ่งปลูกเสร็จใหม่ๆ ใบหน้าอบอุ่นของร่างสูงส่งยิ้มมาให้ตามปกติ

ยิ่งเห็นยิ่งหงุดหงิด

อย่ามาทำเหมือนฉันเป็นคนคนนั้นหน่อยเลย...คนที่นายควรจะยิ้มให้ไม่ใช่ฉัน!

แล้วขาเล็กก็ย้ำต้นไม้ที่ร่างสูงปลูกจนต้นหักและหงิกงอ

ฮายาโตะ!”    เป็นครั้งแรกที่ร่างสูงตะโกนใส่เด็กชาย มือใหญ่กระชากตัวเล็กให้ออกมาห่างจากต้นไม้น้อยๆที่โค่นล้ม

ฉันเกลียดแก! เกลียดที่สุด!”    ใบหน้าเล็กตะโกนออกมาสุดเสียงก่อนที่จะสะบัดตัวหนีจากการเกาะกุมแล้ววิ่งออกไปจากบ้าน

ฮายาโตะ!!!”    ร่างสูงที่ยังงงกับปฏิกิริยาของเด็กดื้อจึงทำเพียงยืนนิ่งแล้วมองตามไปอย่างไม่เข้าใจ....

ฉันทำอะไรให้โกรธอีกล่ะ....
ดอกไม้พวกนี้...ก็แค่อยากให้นายดีใจ....
เพราะGบอกกับฉันว่า เค้าชอบลิลลี่สีขาว.....เพราะมันเหมือนกับนาย.....ฮายาโตะ









หยาดฝนโปรยปรายอยู่ภายนอก ร่างสูงใหญ่เดินวนไปวนมาอยู่ในบ้าน นัยน์ตาสีท้องฟ้ายามเช้ามืดเหลือบมองที่ประตูหน้าบ้านเป็นระยะๆ

ทำไมฮายาโตะถึงยังไม่กลับมา...

เด็กคนนั้นจะไปอยู่ที่ไหนได้....

หยาดฝนเริ่มลงเม็ดหนักขึ้น เหมือนกับความกังวลใจของเขาที่เพิ่มมากขึ้น เสียงฟ้าร้องดังแว่วมาไกลๆ ยิ่งทำให้เป็นห่วงร่างเล็กๆที่วิ่งหนีหายไปตั้งแต่เมื่อหลายชั่วโมงก่อนมากขึ้น

เด็กคนนั้นไม่ชอบเสียงฟ้าร้อง....

และนั่นทำให้เขาตัดสินใจหยิบร่มคันใหญ่ที่เสียบไว้ข้างประตูแล้วออกวิ่งไปท่ามกลางสายฝนที่เทกระหน่ำลงมา

สายฟ้าส่องว่าบลงมายังพื้นดิน นำพาทั้งความสว่างเพียงชั่วครู่และเสียงอันดังสนั่นมายังรอบกายที่มืดสลัว เขาวิ่งไปยังที่ต่างๆที่คาดว่าร่างเล็กๆนั่นจะไป ทั้งที่โรงเรียนประถม บ้านเพื่อนของเด็กคนนั้นเท่าที่เขาจะรู้จัก สนามเด็กเล่น หรือแม้แต่อพาทเม้นต์ที่เด็กคนนั้นเคยอยู่กับG แต่ก็ไม่มีวี่แววของร่างเล็กๆนั่นเลย...

นายอยู่ที่ไหนกัน ฮายาโตะ....

ขายาววิ่งไปเรื่อยๆ ร่มที่ถืออยู่แทบจะไม่ได้ช่วยกันฝนที่เทลงมาอย่างหนักนี้ได้เลย ในสมองสลัดภาพของทุกสถานที่ทิ้งไป ปล่อยให้หัวใจนำพาร่างกายให้ออกวิ่ง

ห่างไกลจากบ้านคนออกมาทุกที....ทุกที.....

สายฟ้าส่องว่าบลงมายังพื้นดิน นำพาทั้งความสว่างเพียงชั่วครู่และเสียงอันดังสนั่นมายังรอบกายที่มืดสลัว.....ภาพของป้ายหน้าหลุมศพมากมายเรียงรายอยู่ตรงหน้า ขายาววิ่งตรงไปโดยที่แทบไม่ต้องมองทาง

เปรี้ยง!!!

ร่างสูงหยุดยืนอยู่ที่หน้าป้ายหลุมศพอันหนึ่ง  ร่างเล็กๆที่เปียกปอนกำลังนั่งคุดคู้เอามือปิดหู แผ่นหลังเล็กซุกตัวเข้ากับป้ายหินเย็นเชียบ หยาดน้ำที่ไหลลงมาตามใบหน้านั้นแยกไม่ออกว่าคือหยาดฝนหรือน้ำตา

ฮายาโตะ....    เรียกด้วยเสียงนุ่มนวลก่อนที่จะทิ้งร่มแล้วดึงลำตัวเล็กเข้ามากอดเอาไว้

แขนเล็กกอดกระชับมาที่ลำตัวร่างสูงแน่น แว่วเสียงร้องไห้ท่ามกลางสายฝนและสายฟ้าที่ผ่าลงมาไม่ได้หยุด









สายฝนโปรยปรายลงมาเพียงแผ่วเบา ร่างสูงใหญ่แบกร่างเล็กๆที่เปียกปอนด้วยกันทั้งคู่ไว้บนหลัง ใบหน้าเล็กน่ารักซบหลับพริ้มอยู่ที่หัวไหล่

.........G...     ได้ยินชื่อของใครอีกคนหลุดออกมาจากริมฝีปากเล็กทั้งๆที่ไม่มีสติ









มือหนาลูบใบหน้าใสแผ่วเบา หลังจากที่จัดการเปลี่ยนชุดและดึงผ้าห่มให้คลุมกายเล็กเรียบร้อยแล้ว มือเอื้อมไปปิดไฟที่หัวนอน แต่ก่อนที่จะเดินออกจากห้อง...

ขอบใจ....    เสียงงึมงำแผ่วเบาลอยมาจากใต้ผ้าห่ม

อุเก็ตสึ...    ชื่อของเขาที่หลุดออกมาจากปากเล็กๆนั่นทำให้เผลอยิ้มกว้าง....อย่างน้อยๆ เจ้าเด็กดื้อก็คงจะยอมรับในตัวเขาบ้างสักนิด








....G ฉันจะดูแลน้องชายของนายให้ดีที่สุด...ฉันสัญญา.....

.
.
.
.
.
.
.
.
.

.

To be Con.



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น