KHR Au.fic [185980] ความหวังครั้งสุดท้าย : Red SNOWDROP : 15



: KHR Fanfiction Au
: 1859  1006927  XS
: Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ


ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......


[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....



 
.
.
.
.


สมการสามเส้า ของพวกเขาสามคู่

กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน

กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก

สุดท้าย.......

ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน


By : K_Guardian_7

.
.
.
.
.
.
.
.








ข้า....คิดถึงเจ้าที่สุดเลย...โกคุเดระ....  



เสียงทุ้มซึ่งเคยพร่ำกระซิบคำรักเมื่อวันวานเอ่ยออกมาทำเอานัยน์ตาสีมรกตที่เบิกกว้างถึงกับน้ำตาคลอ ร่างบอบบางโผเข้าสู่อ้อมแขนกว้างที่รอรับ ร่างทั้งสองแนบชิด ไออุ่นที่ส่งถึงกันและกันมันช่วยยืนยันได้ว่าคนตรงหน้านั้นมีตัวตนจริงๆ มิใช่ความฝัน มิใช่พร่ำเพ้อไปเอง....



เจ้ายังมีชีวิต.......ยามาโมโตะ...

ในที่สุดข้าก็ได้พบเจ้า......โกคุเดระ....



วันเวลาอันยาวนานที่หัวใจโดนพรากจากและระยะทางที่ร่างกายต้องห่างเหินมันยิ่งทำให้ความรักความคิดถึงมากขึ้นเป็นเท่าทวี การพบหน้าของคนที่รอคอยที่สุดยิ่งทำให้ช่วงเวลานี้สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใด ใบหน้าที่เฝ้าคิดถึง นัยน์ตาที่เฝ้าคำนึง ร่างกายที่ต้องการความอบอุ่นของอีกฝ่าย สัมผัสที่โหยหา จนราวกับว่าเวลากำลังหยุดเดินเมื่อได้เจอกันอีกครั้งหนึ่ง



ร่างทั้งสองต่างหยุดนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน



ซึมซับทุกอย่างของอีกฝ่ายเข้ามาในร่างกาย เพื่อลบเลือนช่วงเวลาอันโหดร้ายที่ต้องพรากจากกัน



ยามาโมโตะ...    ริมฝีปากสีระเรื่อเรียกชื่ออีกฝ่ายเพื่อเป็นการเน้นย้ำซ้ำเตือนกับตนเองอีกครั้งว่าชายตรงหน้ายังมีชีวิตอยู่



โกคุเดระ...   มือใหญ่เชยคางมนของคนในอ้อมแขนขึ้นมารับริมฝีปากของตนที่แนบลงไปที่ริมฝีปากสีระเรื่อ ทุกความคิดถึงทุกความโหยหาส่งผ่านจุมพิตที่แสนนุ่มนวลและอ่อนโยน นัยน์ตาสีมรกตปิดลงรับทุกสัมผัสที่อีกคนมอบมาให้ด้วยความเต็มใจ เรียวลิ้นและเล็มเลียริมฝีปากหวานก่อนจะค่อยๆล่วงล้ำเข้าไปในปากเล็ก แตะสัมผัสความนุ่มนิ่มที่ภายในก่อเกิดความหวานล้ำชุ่มฉ่ำยิ่งกว่าของหวานใดๆ เรียวลิ้นเกี่ยวกะหวัดหยอกล้อสอดรับซึ่งกันและกัน จินตนาการที่เฝ้าคำนึงถึงอีกฝ่ายมิอาจสู้ได้กับร่างกายที่ตะคองกอดกันและกันในตอนนี้เลยแม้แต่น้อย จนเมื่อแทบสิ้นลมหายใจ ริมฝีปากทั้งคู่จึงละออกจากกัน ร่างบอบบางหอบหายใจหนักหน่วง ใบหน้าคมยังไม่ยอมหยุดนิ่ง จมูกกดจูบละเรื่อยไปตามแก้มเนียนใสไปจนถึงซอกคอระหงหอมกรุ่น จูบลงไปแผ่วเบาก่อนจะเน้นย้ำให้แรงขึ้นจนขึ้นสีแดง



ยามาโมโตะ!”   นายน้อยแห่งโกคุเดระสะดุ้งน้อยๆกับร่องรอยที่อีกฝ่ายฝังไว้ที่ซอกคอ มือบางผลักร่างสูงใหญ่ออกไปให้พ้นตัว นัยน์ตาสีมรกตมีแววตกใจและสับสนเล็กน้อย สองมือจับขยับคอกิโมโนให้กระชับเข้าหากัน ทั้งๆที่ร่างสูงยังไม่ทันที่จะทำอะไรกับมันเลยด้วยซ้ำ



.............    และปฏิกิริยานั้นทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้กลับมืดมนลง มือใหญ่คว้าแขนบางเอาไว้ก่อนที่อีกมือจะกระชากคอกิโมโนให้เปิดออก....ร่องรอยสีกุหลาบมากมายถูกฝังอยู่บนร่างกายบอบบาง.....ร่องรอยที่ไม่ใช่ของเขา



นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกมองสบมาที่ดวงตาสีเปลือกไม้....ไม่ต้องบอกข้าหรอก ว่าชายคนนั้นทำอะไรกับเจ้าบ้าง....ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะเสียอะไรให้มันไปแล้วบ้าง...เพราะว่าข้าน่ะ....



ไม่ว่าอย่างไรข้าก็รักเจ้า.....โกคุเดระ...    สองแขนแข็งแกร่งรวบร่างบอบบางเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนอีกครั้ง.....ไม่ว่าเจ้าจะเป็นอย่างไรข้าก็รักเจ้า....



ร่างทั้งสองยังคงจมอยู่กับอ้อมกอดของกันและกันอีกเนิ่นนาน ราวกับว่าไม่ว่าสัมผัสที่ต่างมอบให้กันนั้นจะมากมายเพียงใดแต่มันก็ไม่อาจทดแทนช่วงเวลาที่ต้องห่างกันได้เลย ความเงียบที่รายล้อมร่างกายทำให้ต่างฝ่ายต่างได้ยินเสียงหัวใจของอีกฝ่ายได้อย่างชัดเจน....หัวใจที่เต้นอยู่ได้เพราะความหวัง....ความหวังว่าสักวันจะได้พบกัน ได้กลับมาอยู่เคียงคู่กันอีก.....ถึงแม้ว่าหนึ่งในนั้นจะหยุดเต้นไปครั้งหนึ่งแล้วก็ตาม....



แผลเจ้า....ไม่เป็นอะไรแล้วหรือ...    มือบางสัมผัสไปที่แผ่นอกกว้างของร่างที่โอบกอดตนอยู่ นัยน์ตาสีเขียวมรกตเหลือบไปมองธนูสีดำที่ถูกวางอยู่ไม่ไกลนัก



ยังไม่ถึงกับหายสนิทหรอกและนั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมข้าถึงไม่บุกมาชิงตัวเจ้าให้เร็วกว่านี้....ก่อนที่มันจะ....



.....สายไป ?........

......ไม่..........

......จะไม่มีคำว่า สายไป!........



ข้ารู้...ว่าเกิดอะไรขึ้นกับเจ้าบ้าง....ข้ามาถึงที่นี่ได้สักพักแล้ว เพียงแต่ข้าหาโอกาสลอบเข้ามาหาเจ้าไม่ได้เลย....ถึงแม้ว่าจะหวาดกลัวแต่ผู้คนของที่นี่ต่างจงรักภักดีต่อฮิบาริจนน่าประหลาด     ใบหน้าคมก้มลงมามองร่างในอ้อมแขน



นัยน์ตาสีมรกตเริ่มจะสั่นไหว....ภายในใจเฝ้าภาวนาอย่าให้เกิดคำถามนั้นขึ้นมาเลย....



ข้ารู้...ว่าเจ้าจะเข้าพิธีแต่งงานกับเขาในอีกไม่ช้า....   ใบหน้าคมนิ่งสนิท พยายามเก็บกักอารมณ์รุนแรงราวกับพายุคลั่งที่ก่อเกิดอยู่ภายในจิตใจมานับแต่วันที่รู้ข่าว



เจ้าโดนบังคับใช่ไหม....หมอนั่นขืนใจเจ้า บังคับขู่เข็ญเจ้าใช่หรือไม่    นัยน์ตาสีเปลือกไม้จับจ้องมองไปที่ดวงตาสีมรกตที่วูบไหวสั่นระริก ม่านน้ำตาค่อยๆเอ่อคลอหล่อเลี้ยงทั้งดวงตาจนในที่สุดมันก็หยดลงมาที่สองแก้ม



ยามาโมโตะ....เจ้ายังคงเชื่อใจข้า...ยังคงเชื่อมั่นในตัวข้า ว่าข้าจะไม่มีวันนอกใจเจ้า....
ทั้งๆที่ข้า....ทั้งๆที่ข้า.......



มือบางยันแผ่นอกกว้างให้ออกห่างจากตัวเอง ใบหน้าสวยก้มลงพร้อมกับส่ายหน้า......ข้าเกลียดตัวเอง.....เกลียดตัวเองที่ไม่มั่นคงต่อเจ้า ผิดสัญญาต่อเจ้า....เกลียดตัวเองที่อ่อนแอ.....พอรู้ว่าเจ้าตายไปกลับไม่สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเองแต่กลับต้องหันหน้าเข้าหาอ้อมกอดของใครอีกคน....เกลียด...ข้าเกลียดตัวเอง



ไม่ใช่แค่เจ้าที่จะต้องมาเจ็บปวดเพราะข้า แต่ชายอีกคนที่เฝ้าประคับประคองข้ามาตลอดคนนั้นก็ได้รับความเจ็บปวดเพราะข้าด้วยเช่นกัน



ข้าทำให้เจ้าสองคนต้องได้รับความเจ็บปวดและทรมานแสนสาหัส



คนอย่างข้า.....




สมควรแล้วหรือที่จะได้รับความรักจากพวกเจ้า....

สมควรแล้วหรือที่พวกเจ้าต่างยอมทิ้งชีวิตเพื่อช่วงชิงและปกป้องคนอย่างข้า.....




เขา....ไม่ได้บังคับข้า    ใบหน้าสวยเงยหน้ามองคนตรงหน้าทั้งน้ำตา



ข้า...ยินยอมที่จะเข้าพิธีกับเขาด้วยตัวของข้าเอง    เมื่อได้ฟังสิ่งที่ออกไปจากริมฝีปากสีระเรื่อ ร่างสูงใหญ่ที่ไม่เคยหวาดหวั่นต่อสิ่งใดถึงกับหยุดชะงัก ภายใจอกเจ็บร้าวกับถ้อยคำที่ไม่คิดว่าจะได้ยิน แต่กระนั้นเมื่อครั้นมองเข้าไปในดวงตาสีมรกตที่สั่นไหว หยาดน้ำตามากมายที่ไหลออกมานี้ไม่ใช่เพียงสิ่งที่ไร้ค่าแต่มันคือความทุกข์ทรมานความเศร้าโศกเสียใจในสิ่งที่คนตรงหน้าได้รับ....หรือว่าเจ้า.....



เจ้าคิดว่าข้าตายไปแล้ว....จึงได้เลือกที่จะมีชีวิตอยู่เพื่อตอบแทนสิ่งที่เขามอบให้เจ้ามากว่าสิบปีอย่างนั้นใช่ไหม....     เรื่องอดีตของฮิบาริ เคียวยะเขาได้ยินมาจากปากของสึนะเอง....



เขารักเจ้ามาตั้งแต่เจ้าเกิด....กับความรักซึ่งเกิดเพียงแรกเห็นของข้าอาจจะเทียบไม่ได้....แต่สิ่งหนึ่งที่ข้ามั่นใจ....

และข้าไม่เสียใจเลยที่ไปแย่งเจ้ามาจากเขา...

เพราะความรักของข้า....ข้าก็ให้เจ้าได้ทั้งชีวิตไม่ต่างไปจากเขาเช่นกัน.... 




ถ้อยคำที่แสดงออกมาชัดเจนถึงความเชื่อมั่นนั้นทำให้นายน้อยแห่งโกคุเดระถึงกับร้องไห้อย่างหนักหน่วง ทั้งๆที่ข้าทำร้ายจิตใจเจ้าขนาดนั้น แต่เจ้าก็ยังเชื่อมั่นในตัวข้า ข้าควรจะทำอย่างไรดี....ทำอย่างไรดี....



ชายตรงหน้าคือคนที่ข้ารัก

ชายอีกคนคือคนที่รักข้า



เมื่อนึกถึงใบหน้ายิ้มแย้มของผู้คน นึกถึงสิ่งที่พวกเขาคาดหวังและยินดีทำเรื่องต่างๆให้ข้า และที่สำคัญที่สุดคือใบหน้ายิ้มน้อยๆของเขา...ใบหน้าดีใจซึ่งมีไว้มอบให้แก่ข้าเพียงผู้เดียวของฮิบาริ เคียวยะ เมื่อนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา....แล้วจะให้ข้าทิ้งเขาไปได้ยังไง.....ข้าไม่ได้แค่สงสารเขา...แต่ครั้งหนึ่งข้าเคยคิด...ว่าข้าจะสามารถรักเขาได้...เหมือนที่ข้ารักเจ้า....ข้าเคยคิดแบบนั้นกับเขา...ถ้าเจ้ารู้เจ้ายังจะเชื่อใจข้าอีกหรือไม่ ยามาโมโตะ




โกคุเดระ....    เสียงกระซิบเรียกฟังดูอ่อนระโหยโรยแรง ยิ่งเห็นร่างบอบบางร้องไห้จนร่างกายสั่นสะท้าน ในใจก็ยิ่งทรมาน....มือใหญ่ยกขึ้นซับน้ำตา....ข้าทำให้เจ้าร้องไห้....



โกคุเดระข้าขอโทษ...   เป็นเพราะข้ากดดันเจ้า...เรียกร้องให้เจ้าทำตามที่ข้าต้องการ ใช้กำลังช่วงชิงเจ้ามาโดยที่ไม่ถามเจ้าเลยสักนิดว่าเจ้าต้องการแบบนั้นหรือไม่ ทั้งข้าทั้งฮิบาริทำราวกับว่าเจ้าเป็นเพียงแค่ตุ๊กตา....ข้าขอโทษ.....ข้าขอโทษ.....




ข้า....ไม่ใจแข็งพอที่จะบังคับให้เจ้าเลือก....เพราะรู้ว่าเจ้าเจ็บ เพราะรู้ว่าเจ้าจะร้องไห้....

กับคนที่ไม่เคยเห็นค่าของน้ำตาเช่นข้า....กลับทนไม่ได้เมื่อรู้ว่าเจ้าจะร้องไห้...

เพียงเจ้าคนเดียวเท่านั้น...ที่ทำให้ปิศาจร้ายอย่างข้ากลับกลายเป็นแค่ผู้ชายธรรมดาๆ




ถ้าเจ้าปฏิเสธสักคำ ว่าไม่ได้ยินยอม ว่าพิธีแต่งงานในครั้งนี้เจ้าโดนบังคับ เพียงแค่เจ้าบอกกับข้าแค่คำเดียวว่าเจ้าไม่อยากแต่ง ข้าก็จะพาเจ้าหนีไปทันที....



แต่เป็นแบบนี้....แล้วจะให้ข้าบังคับเจ้าต่อไปได้อย่างไร....



โกคุเดระ    มือใหญ่ดึงร่างบอบบางเข้ามาอยู่ในอ้อมกอด....ให้ความอบอุ่นของร่างกายซึมซับเข้าไปรักษาหัวใจที่บอบช้ำ ทางออกที่ยังหาไม่เจอ...บางที...ถ้าทุกสิ่งทุกอย่างสงบลง แสงสว่างมันก็คงจะสาดส่องให้มองเห็นได้เอง....





แว่วเสียงฝีเท้าจากด้านนอกใกล้เข้ามา...



ท่านหญิงเจ้าคะ....อยู่ในนี้หรือเปล่าเจ้าคะ....    เสียงของสองสาวใช้ร้องเรียกอยู่ที่หน้าประตูโรงฝึก ทำให้คนทั้งคู่หลุดออกมาจากภวังค์ มือบางรีบยกขึ้นปาดรอยน้ำตาพร้อมกับขยับออกมาจากอ้อมแขนของยามาโมโตะ



เจ้า...กลับไปก่อนเถอะ ถ้าใครมาพบเข้า.....     เจ้ายังคงเป็นห่วงข้าอยู่สินะโกคุเดระ....



ฟังข้านะโกคุเดระ....   สองมือใหญ่จับลงไปที่ไหล่บาง



ต่อจากนี้ไปข้าขอคืนทางเดินให้แก่เจ้า จงเลือกเดินตามแต่ใจเจ้า....ส่วนตัวข้าหากถึงแม้ไม่อาจเป็นทางที่เจ้าเลือก...ข้าก็จะขอเฝ้ามองและปกป้องเจ้าด้วยร่างกายและหัวใจของข้า.....ตลอดไป....”   คำพูดที่ได้ฟังยิ่งทำให้น้ำตาที่พยายามจะเช็ดออกกลับไหลลงมาอีกครั้ง



และอีกเรื่องที่ข้าต้องบอกเจ้า....



จงระวังท่านหญิงตำหนักซ้ายให้ดี ระหว่างที่ข้าหาทางลอบเข้ามาหาเจ้า ข้าก็ได้ข่าวไม่ค่อยดีนัก....ท่านหญิงตำหนักซ้ายกำลังร่วมมือกับเบียคุรันเพื่อการณ์อะไรบางอย่าง....ข้าเป็นห่วงเจ้า เพราะเช่นนั้นเจ้าต้องระวังตัวให้ดีนะโกคุเดระ    ใบหน้าสวยพยักหน้าทั้งน้ำตาก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะก้มลงจูบซับรอยน้ำตา มือซึ่งจับซึ่งกันและกันนั้นไม่อยากจะแยกจาก แต่เสียงจากด้านนอกทำให้มือใหญ่จำต้องคลายออกแล้วพาร่างกายให้หายไปในความมืด




บางที....ตั้งแต่ตอนนั้นข้าอาจจะรู้อยู่แล้วก็ได้....

ว่าเจ้าที่ไม่เลือกที่จะปฏิเสธ....

คงจะตัดสินใจแล้ว......ว่าจะอยู่เคียงข้างเขา....ว่าเจ้าจะอยู่เคียงข้าง....ฮิบาริ เคียวยะ






.......................................................................................................................................................................






ประตูไม้ถูกเปิดออกอย่างแผ่วเบา ณ ช่วงเวลาที่เหล่าผู้คนต่างเข้าสู่นิทรา  แสงจันทร์สาดส่องให้เห็นเงาร่างโปร่งบางเดินอย่างสบายๆตัดผ่านสวนที่ถูกดูแลตัดแต่งอย่างดีเข้าไปยังตัวตำหนักที่เคยเป็นของตน กลิ่นไอที่คุ้นเคยลอยอบอวลอยู่รอบๆกาย นัยน์ตาสองสีปรายมองกอต้นอะจิไซต้นเดิมที่เคยอยู่ตรงนี้มานับตั้งแต่ที่ตนยังเป็นเด็ก อะจิไซที่จะออกดอกเป็นสีชมพูเข้มและฟ้าเข้มทุกครั้งไม่ว่าฤดูกาลจะเปลี่ยนผันไปกี่ครั้งต่อกี่ครั้งก็ตาม....สี....ที่ราวกับสีดวงตาคู่ประหลาดของเขา



ประตูกันฝนถูกเลื่อนเข้าไปเก็บ ก่อนที่ประตูเลื่อนภายในจะถูกเปิดออก ร่างโปร่งบางที่ต้องใช้ชีวิตหลบๆซ่อนๆมาตลอดในช่วงเวลาที่กลับมายังนามิโมริค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงที่ระเบียง ใบหน้าเรียวเหม่อมองไปยังสวนตรงหน้า นึกถึงช่วงเวลาในวัยย์เด็กที่แสนขมขื่นจนกระทั่งได้มาพบกับดอกไม้แห่งความหวังดอกน้อย โลกที่มืดมนจึงค่อยๆสว่างไสวและอบอุ่นขึ้น จนได้รู้จักความรักที่จะมอบมันให้แก่น้องชายเพียงคนเดียวจนยอมเอาชีวิตเข้าแลกเพื่อปกป้องแผ่นดินนี้เอาไว้ให้ ต้องกลายไปเป็นตัวประกันอยู่ในปราสาทสีขาวหลังนั้น แต่แล้วก็เป็นเขาเองที่หนีออกมาเพียงเพราะความเข้าใจผิดจนทำให้เกิดเรื่องเลวร้ายจนสายสัมพันธ์ของพี่น้องที่สร้างมาได้อย่างยากเย็นต้องขาดสะบั้น เพียงเพราะความเชื่อใจว่าคนที่รักที่สุดจะไม่มีวันหักหลังและทำร้ายกันได้ จากนั้นก็หนีไปอยู่ที่ป่าสายหมอกได้พบกับเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายอย่างยามาโมโตะและเป็นคนร่วมมือกับเขาเพื่อช่วงชิงตัวคนที่เจ้ารักให้จากเจ้าไปอีกครั้ง...



เรื่องที่ข้าทำได้...ข้าก็ทำให้เจ้าแล้วเคียวยะ....



เมื่อนึกถึงพิธีแต่งงานที่กำลังจะถูกจัดขึ้นในอีกสองวันข้างหน้า นัยน์ตาสองสีก็กลับอ่อนโยนลง....นั่นคือสิ่งที่ข้าอยากเห็น....ความสุขของเจ้า...เคียวยะ



คึหึหึ....เจ้าจะแอบมองข้าไปอีกนานแค่ไหนกันครับ....ท่านเจ้าของแผ่นดินสีขาว    ในขณะที่ในใจยังคงคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย แต่ริมฝีปากสวยกลับเอ่ยเรียกอีกคนที่ยืนอยู่ในเงามืดของตำหนักราวกับว่ารู้อยู่แล้วว่าคนคนนั้นมีตัวตนอยู่ ณ ที่นี้



สมกับเป็นมุคุโร่คุงจริงๆน้า...รู้ด้วยว่าข้าอยู่ที่นี่    แค่ก้าวออกมาพ้นเงามืด ร่างสูงโปร่งสีขาวก็ราวกับจะกลืนกินไปกับแสงจันทร์ที่สาดส่องเข้ามาในทันที เบียคุรันเดินด้วยท่าทางสบายๆเข้ามานั่งลงเคียงข้างร่างที่นั่งอยู่ก่อนแล้ว



นี่ข้าให้เจ้า     มือใหญ่ล้วงเข้าไปในถุงที่แขนเสื้อกิโมโนสีขาวก่อนที่จะหยิบห่อผ้าซึ่งถูกห่ออย่างประณีตสวยงามออกมายื่นให้มุคุโร่  อีกฝ่ายมีท่าทีลังเลกับของที่ถูกยื่นมาให้ แต่เจ้าของแผ่นดินสีขาวก็จับมือบางมารับเอาไว้



นี่มัน.....โอนิงิริ ?    ใบหน้าเรียวจ้องมองของในห่อผ้าด้วยสีหน้าสงสัย เพราะแทนที่จะเป็นของที่ดูอันตรายกลับกลายเป็นแค่ข้าวปั้นสามก้อน



กินซะสิ เจ้าน่ะผอมไปมากเลยรู้ไหม อย่ามัวแต่เป็นห่วงคนอื่น...เจ้าก็ควรจะเป็นห่วงตัวเจ้าเองด้วย....เพราะยังมีคนที่จะอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีเจ้าอยู่อีก.....สองคน    ที่ปลายเสียงแผ่วเบาลง ถึงจะไม่อยากยอมรับแต่ก็รู้กันดีว่ายังมีดอกไม้แห่งความตายดอกนั้นที่คงจะเป็นห่วงมุคุโร่ไม่ได้น้อยไปกว่าเขา



คึหึหึ....ใส่ยาพิษเอาไว้หรือเปล่าครับเนี่ย    ถึงจะพูดออกไปแบบนั้นแต่มือบางก็จับข้าวปั้นขึ้นมากินโดยที่ไม่ต้องมองดูให้ดีด้วยซ้ำ...เพราะเคยอยู่ด้วยกันมานานทำให้รู้ดีว่านอกจากสิ่งที่คนตรงหน้าต้องการให้เป็นแล้ว นอกนั้นก็จะมีเพียงความเป็นห่วงเป็นใยที่อีกฝ่ายมีให้มาตลอด....



ฮะ ฮะ...ถ้าข้าจะใส่ละก็...ข้าคงเลือกที่จะใส่ยาสลบมากกว่า   รอยยิ้มถูกส่งมาให้จากใบหน้าขาว รอยยิ้มที่แฝงไว้ด้วยความอบอุ่นแตกต่างจากที่มีให้กับคนอื่นๆ










มุคุโร่คุง......    ใบหน้าขาวยามเรียกชื่ออีกฝ่ายกลับเหม่อมองออกไปข้างหน้า ราวกับรู้อยู่แล้วถึงคำตอบของคำถามที่กำลังจะเอ่ยออกไป



กลับไปปราสาทกล้วยไม้ขาวกับข้าเถอะนะ....    ขอแค่เจ้ากลับไป แล้วข้าจะยอมหยุดทุกสิ่งทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้....เพราะสิ่งที่ข้าต้องการมากที่สุด คือการได้อยู่อย่างสงบที่ข้างกายของเจ้า....



เสียงหริ่งเรไรดังชัดเจนท่ามกลางความเงียบ ไร้เสียงคำตอบใดๆจากร่างโปร่งบางที่นั่งอยู่เคียงข้าง ใบหน้าของคนทั้งสองเพียงแค่เหม่อมองไปยังเบื้องหน้า ไม่แม้แต่จะหันมาสบตากัน




หนึ่งกลัวการเผชิญหน้า....เพราะร่างกายยังคงโหยหาที่จะกลับไป

หนึ่งกลัวการเผชิญหน้า....เพราะยากที่จะยอมรับซึ่งคำปฏิเสธ...




นั่นคือคำตอบ....ของเจ้าสินะ...    รอยยิ้มฉายชัดบนใบหน้า แต่ลึกลงไปในจิตใจกลับปวดระบม...เข็มที่มันหักปักคาอยู่มันคงจะทิ่มแทงให้หัวใจเป็นแผลอีกครั้ง ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ทั้งๆที่เป็นแบบนั้น....ทั้งๆที่ใจต้องเจ็บจากคนคนนี้มานับครั้งไม่ถ้วน....แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ยังคงรัก....ยังคงมอบหัวใจที่เต็มไปด้วยรอยแผลเป็นดวงนี้ให้เจ้าทำร้ายอยู่ร่ำไป



ถ้าเช่นนั้น....ข้าขอตัวก่อนนะมุคุโร่คุง    ร่างสูงโปร่งสีขาวลุกเดินหันหลังให้เจ้าของนัยน์ตาสองสีที่ยังคงนั่งอยู่ที่เดิม....



ข้ารู้...ว่าเจ้าไม่เคยรัก...เพราะข้าคือคนที่พรากเจ้ามาจากคนที่เจ้ารัก



ใช้อำนาจและกำลังกักขังเจ้าเอาไว้ในที่ที่เจ้าไม่อยากอยู่ ข่มขู่ให้เจ้าไม่อาจจากข้าไปด้วยความปลอดภัยของแผ่นดินของเจ้า บังคับให้เจ้าทำตามความพอใจของข้า จนเรียกได้ว่านั่นอาจจะเป็นสาเหตุให้เกิดโศกนาฏกรรมทั้งหมด.....ตอนนี้....มันก็สมควรแล้วมิใช่หรือ....ที่ข้าต้องรับความเจ็บปวดโดยไร้ข้อโต้แย้ง....ต้องเฝ้ามองเจ้าเดินจากไปไม่ว่าจะกี่ครั้งต่อกี่ครั้ง...ไม่ว่าจะทำอย่างไรเจ้าก็ยังคงเดินจากข้าไป....พร้อมๆกับหัวใจที่มีรอยแผลเพิ่มขึ้นมาอีกรอยของข้า



ข้ารู้...ว่าเจ้าไม่เคยรัก...แต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ยังคงเฝ้ามองและจะปกป้องเจ้าจากทุกสิ่งทุกอย่าง

ต่อให้ต้องกลายเป็นผู้ถูกตราหน้าว่าเลวร้ายแค่ไหน....ข้าก็จะทำ....







แสงจันทร์สาดส่องไปทั่วท้องถนนไร้ผู้คน ที่ใต้เงาของกำแพงปรากฏร่างระหงของหญิงสาวในชุดสีดำ ร่างสูงโปร่งที่ราวกับจะกลืนหายไปกับแสงจันทร์เดินผ่านหน้าไปมิได้หยุดพูดคุย...มีเพียงคำสั่งเดียวที่ลอยออกมาจากปากเบียคุรัน.....



พิธีแต่งงานในอีกสองวัน....ฆ่าทิ้งซะ....










ความอบอุ่นของร่างกายที่เคยนั่งอยู่เคียงข้างหายไปแล้ว...มุคุโร่ชันเข่าทั้งสองข้างขึ้นมากอดเอาไว้ก่อนที่จะซบหน้าลงไป....

เขาไม่อยากมอง...ไม่อยากจะเห็นใบหน้าของเบียคุรันอีก เพราะทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนคนนั้น...

ร่างกายมันจะกลับมาร้อนผ่าว หัวใจที่เคยเต้นอย่างสงบจะกลับมาระรัวก้องจนแทบจะทะลุออกมาจากอก

เขาไม่อยากมอง...ไม่อยากจะเห็นใบหน้าของเบียคุรันอีก เพราะทุกครั้งที่ได้เห็นรอยยิ้มของคนคนนั้น...

มันราวกับจะตอกย้ำ....ว่าเป็นเขาเอง ที่ไม่ยอมกลับไปหาสึนะโยชิ.....ว่าเป็นเขาเอง ที่เป็นฝ่ายนอกใจ.....








......................................................................................................................................................................







กลิ่นไอดินชื้นแฉะด้วยสายฝนลอยละล่องมาจากที่ไกลๆ ท้องฟ้าที่เคยสดใสกลับแปรเปลี่ยนไปด้วยหมู่เมฆครึ้ม กระท่อมหลังน้อยที่เคยเงียบกริบกลับมีเสียงโกลาหลเกิดขึ้นเมื่อร่างสูงใหญ่วิ่งตามเก็บกระดาษที่ลมโหมกระหน่ำ....ถึงแม้บรรยากาศจะบ้าคลั่งแค่ไหน แต่สายฝนก็ยังไม่ตกลงมา ราวกับว่ากำลังถูกสกัดกั้นกดดันด้วยพลังของอะไรบางอย่าง.....นภาใสค่อยๆถูกกลืนกินด้วยนภาทมิฬ....




แล้วเขาก็ยังคงอยู่ที่นี่.....ในบ้านหลังน้อยที่ดูเหมือนจะอบอุ่น....เพียงแต่ทุกอย่างที่อบอวลอยู่นี้มันไม่ได้มีไว้เพื่อเขา....

เขายังอยู่ที่นี่....อยู่อย่างรอคอยอะไรบางอย่างไม่ต่างไปจากสายฝนใต้ท้องฟ้าดำทะมึนที่ไม่ยอมตกลงมานั่นเลยสักนิด




นี่ดีโน่....เจ้า....คงรู้แล้วใช่ไหม ว่าข้ากับแซนซัสมีความสัมพันธ์กันอย่างไร      กระดาษแผ่นสุดท้ายถูกวางลงตามด้วยแผ่นหินทับเอาไว้ไม่ให้ปลิว ใบหน้าหล่อเหลามองไปยังแผ่นกระดาษอย่างนิ่งงัน ฟังเสียงของคนข้างหลังแล้วพยักหน้าลงน้อยๆ



ข้ารู้....     และข้าก็รู้ด้วยว่าเจ้ากังวลเรื่องอะไร...เพราะตลอดเวลาที่อยู่ร่วมกันมา ทุกครั้งที่นภาเปลี่ยนเป็นสีดำ...เจ้าก็จะยังคงเฝ้ามองมันด้วยความกังวลอยู่เสมอ



ถ้าเขาจะมาพาข้ากลับไป.....เจ้าจะทำอย่างไร



“ แล้วเจ้าอยากกลับไปหรือเปล่าล่ะ”    ดีโน่หันร่างกลับไปมองด้วยสายตาอ่อนโยน ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมา....ข้ารู้ว่าเจ้ากังวลเพราะคงคิดว่าคนที่จับแต่พู่กันอย่างข้าคงไม่อาจต่อกรกับชายผู้แข็งแกร่งเหนือใครผู้นั้นได้ เจ้าอาจจะกำลังกังวล ว่าข้าจะต้องมาตายเพราะเจ้าใช่หรือไม่สควอลโล่



ขอเพียงเจ้าบอกข้าว่าไม่อยากกลับไป......ข้าจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้า...เพราะฉะนั้นเลิกทำหน้าเป็นกังวลเถอะนะ    ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มให้ราวกับดวงตะวันฉายแสง  ร่างโปร่งบางเงยหน้ายิ้มรับอย่างคลายกังวล......ข้าคงจะดีใจด้วยความซื่อบริสุทธิ์ถ้าหากข้าได้ยินคำนี้ก่อนที่ข้าจะรู้ความจริง....แต่ตอนนี้...มีเพียงรอยยิ้มร้ายกาจราวกับปีศาจที่ฉายชัดอยู่ในใจข้า....ปกป้องข้าด้วยชีวิตของเจ้า....แล้วข้าจะคอยดู



จงเปลี่ยนความชิงชังให้เป็นพลังแห่งชีวิต  จิตใจที่ไม่มีใครต้องการดวงนี้ ข้าจะไม่ยกให้ใครอีก....



เปรี้ยง!!!!



สายฟ้าผ่าลงมาทั้งๆที่ไม่มีฝน สภาพภายนอกนั้นไม่ต่างอะไรกับฟ้าพิโรธ







ใช่.....ข้าโกรธ.....

เจ้าไปซุกหัวอยู่ที่ไหนกัน ไอ้ฉลามสวะ!!!!



มองเห็นบ้านหลังน้อยตั้งอยู่ตรงหน้าท่ามกลางป่าเขาซึ่งคงจะห่างไกลจากหมู่บ้านพอสมควร ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยรอยแผลเป็นเงยหน้ามองท้องฟ้าสีดำทะมึนพรางยิ้มเยาะ นัยน์ตาสีโลหิตหันมาจับจ้องบ้านหลังนั้นอีกครั้ง....คืนนี้...คงต้องพักที่นี่....



ม้าสีดำสนิทวิ่งเหยาะๆเข้าไปใกล้ ไม่นานจอมโจรแห่งป่าสายหมอกก็กระโดดลงจากหลังม้า มือเคาะประตูส่งเสียงดังแข่งกับสายลมบ้าคลั่งรอบกาย



เสียงประตูเปิดออกอย่างเชื่องช้า.....



แล้วคนที่อยู่ตรงหน้าก็ต้องทำให้นัยน์ตาสีโลหิตเบิกกว้าง ไม่ต่างไปจากนัยน์ตาสีทองสุกใสคู่นั้นเลย



“ ซะ....แซนซัส....”     ร่างกายทุกส่วนล้วนนิ่งงันเมื่อคนที่ไม่อยากจะพบมากที่สุดกลับมายืนอยู่ตรงหน้า รอยสักภายใต้แขนกิโมโนร้อนเป็นไฟ...



“...............”     ไร้คำพูดใดๆหลุดออกไปจากปากของจอมโจรแห่งป่าสายหมอก นัยน์ตาสีโลหิตเพียงมองคนที่เคยเป็นทั้งเพื่อนและขุนนางคนสนิท....ดูท่าทางว่าเจ้าจะสบายดี....



ร่างสูงใหญ่เตรียมจะหันกลับไป เพราะตัดสินใจแล้วว่าจะไม่ลากให้ท้องฟ้าสดใสคนนี้ต้องมามัวหมองไปกับเขาด้วย...ตัดสินใจแล้วว่าจะมอบอิสระให้แก่เพื่อนเพียงคนเดียวเพื่อตอบแทนทุกอย่างที่มันเคยมอบให้มา



“ นี่...เจ้าเอาปลาที่จับได้เมื่อวานไปไว้ไหน”     แต่แล้วเสียงของใครอีกคนที่ดังมาจากทางด้านหลังก็ต้องทำให้ใบหน้าคมหันควับกลับไป



เหมือนฟ้าใกล้จะถล่มลงมาเพราะแรงกดดันมหาศาล....



ดีโน่ถอยหลังไปพร้อมกับเอาร่างกายบังร่างโปร่งที่ดูเหมือนจะไม่รู้เรื่อง



“ นั่นใคร?”     น้ำเสียงนิ่งสนิทเอ่ยออกมาพร้อมด้วยเจ้าของใบหน้าเย็นชาเดินเข้ามาใกล้ นัยน์ตาสีโลหิตจ้องเขม็งไปยังคนที่ถูกจับให้หลบอยู่ข้างหลัง



“ ปะ....เปล่า....ไม่ใช่คนที่เจ้ารู้จักหรอกแซนซัส”    แต่ยิ่งเห็นแบบนั้นความสงสัยยิ่งเพิ่มมากขึ้น จอมโจรแห่งป่าสายหมอกไม่สนใจคำบอกของคนตรงหน้า กลับย่างสามขุมเข้าไปหาก่อนที่จะคว้าเอาข้อมือของคนที่อยู่ข้างหลังแล้วกระชากตัวออกมา



“ ไอ้ฉลามสวะ....”      ในที่สุดคนที่เฝ้าตามหามานานแสนนานก็มาปรากฏตัวอยู่ตรงหน้า ถึงแม้แววตาที่ส่งกลับมาจะยังคงมีแต่ความเคียดแค้นดังเดิม แต่เขาก็จะพามันกลับไป!



“ ปล่อยข้านะ!!!   ร่างโปร่งพยายาสะบัดตัวจากการจับกุม จนกลุ่มผมสีเงินที่มัดเอาไว้โบกสะบัดไปมา แต่เจ้าของนัยน์ตาสีโลหิตก็ไม่ได้ฟังคำทัดทานใดๆทั้งสิ้น มือใหญ่ออกแรงลากคนที่ยังคงดิ้นรนให้เดินตามมา โดยไม่ได้สนใจอีกคนที่ยืนก้มหน้านิ่งอยู่ข้างๆนั่นเลยสักนิด



ต่อให้ต้องฝ่าพายุโหมกระหน่ำ ข้าก็จะต้องทำให้เจ้ากลับไปที่ป่าสายหมอกให้ได้!



สิ้นเสียงโวยวาย ใบหน้าสวยหันกลับมามองที่ชายผมสีทองด้วยแววอาลัยอาวรณ์ เมื่อเห็นใบหน้าหล่อเหลายังก้มหน้านิ่งก็ยิ้มออกมาอย่างเลื่อนลอย...ดีแล้ว....เจ้าปล่อยให้ข้าไป เจ้าจะได้ไม่เป็นอันตราย..........หึ....คิดหรือว่าข้าจะคิดแบบนั้น



เพล้ง!!!!



เสียงแท่นประทับตราที่ทำมาจากแก้วเจียระไนกระทบกับขอบประตูทางออกก่อนที่จะตกลงมาแตกละเอียดนั้นขวางกั้นไม่ให้ร่างสูงใหญ่ลากร่างโปร่งบางออกไปจากบ้านได้ นัยน์ตาสีโลหิตหันกลับไปมองคนที่อยู่ข้างหลังช้าๆ นัยน์ตาสีทองที่เคยสุกใสและใจดีคู่นั้นมันหายไปแล้ว มีเพียงแววตาแข็งกร้าวอย่างม้าพยศที่ส่งกลับมาให้



ในมือที่เคยจับแต่พู่กันกลับมีแส้สีดำสนิทอยู่



“ ข้าไม่ให้เจ้าพาเขาไป......”     



มันจะไม่มีครั้งที่สอง....ที่เจ้าจะพาร่างโปร่งบางนั้นเดินจากข้าไปโดยไม่มีแม้แต่คำร่ำลา....








แส้ที่อยู่ในมือตวัดเอาแท่นไม้เหวี่ยงไปที่จอมโจรแห่งป่าสายหมอกจนจำต้องผลักร่างโปร่งที่จับกุมอยู่ไปกระแทกผนังแล้วทรุดลงนั่งมองการต่อสู้ที่กำลังจะเกิดขึ้น....ไม่มีเสียงร้องห้าม...มีเพียงรอยยิ้มที่มุมปากเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างที่วางแผนเอาไว้นั้นกำลังจะเกิดขึ้น....



คืนนี้...ฝนสีเลือดคงจะได้หลั่งไหลลงมาจากท้องฟ้าดำทมิฬ....



จอมโจรแห่งป่าสายหมอกกระโดดหลบถอยหลังออกมาจากตัวบ้าน ก่อนจะชักดาบสีดำสนิทออกมาป้องกันแส้ที่ยังตามมาไม่ได้หยุด นัยน์ตาสีทองมุ่งมั่นนั่นยิ่งทำให้นัยน์ตาสีโลหิตเป็นประกาย



ไม่ได้เห็นมาเสียนาน.....แส้ปีศาจของเจ้าม้าพยศ....



“ ทำไมไม่ชักปืนของเจ้าออกมาล่ะแซนซัส”     แขนเสื้อกิโมโนถูกดาบตัดจนขาดวิ่น มือใหญ่จึงกระชากมันออกเผยให้เห็นรอยสักเต็มๆเป็นครั้งแรก....รอยสักที่ทำเอานัยน์ตาสีขี้เถ้าตกตะลึงด้วยไม่คิดว่าดีโน่จะไม่ใช่คนที่เพียงแค่อ่อนแอ วันๆเอาแต่ใช้พู่กันเพียงอย่างเดียว



แต่ร่างสูงใหญ่นั่นกลับรุกไล่ได้ใกล้เคียงกับนภาทมิฬที่เก่งกาจคนนั้น...แส้นั่นทั้งจู่โจมและป้องกัน....รับกับดาบสีดำที่ฟาดฟันลงมา....ราวกับว่านั่นคือการต่อสู้ของสิ่งมีชีวิตที่ไม่ใช่มนุษย์.....จิตสังหารและแรงกดดันมหาศาลที่แผ่ออกมาทำเอาร่างกายไม่สามารถขยับไปไหนได้....สควอลโล่ได้แต่ยืนมองภาพตรงหน้าอย่างตะลึงงัน....



ถึงจะเป็นไปตามแผน....



แต่สิ่งที่เห็นนี้ก็ทำเอาขนทั้งร่างพากันลุกชัน....



กับเจ้าของนัยน์ตาสีโลหิตคนนั้นเขายังไม่ค่อยแปลกใจ แต่กับดีโน่.....ทั้งๆที่ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันมาเดือนกว่าๆ....แต่นักฆ่าอย่างเขากลับสัมผัสไม่ได้เลยถึงจิตสังหารของชายคนนั้น...ถ้าไม่ใช่คนที่เก่งจริงๆจะไม่สามารถอำพรางสิ่งนั้นจนไม่เหลือให้จับได้แบบนี้ได้เลย.....



แส้สีดำยังคงฟาดใส่คนที่หลบเลี่ยงได้อย่างสบายๆ รอยยิ้มแสยะเผยออกมาจากปากของจอมโจรแห่งป่าสายหมอกเหมือนจะถูกใจกับการต่อสู้ที่สูสีในครั้งนี้



“ หึ....สวะอย่างเจ้า...ใช้แค่ดาบนี่ก็พอ”     แต่คำยั่วยุนั้นก็ไม่ได้ทำให้อารมณ์ของอีกคนที่รู้สันดานกันดี คุกรุ่นขึ้นเลยแม้แต่น้อย ดีโน่ยังคงใช้แส้ไปด้วยความเยือกเย็นและเล็งหาช่องโหว่เพื่อเล่นงาน เจ้าอาจจะสู้กับข้าเพราะเห็นว่าสนุก...แต่ทุกครั้งที่ข้าฟาดฟันใส่เจ้า....ข้าจริงจังเสมอ



ต้นไม้ที่ขึ้นอยู่รอบบ้านต่างล้มระเนระนาด



เสียงฟ้าร้องดังลั่นเป็นฉากหลัง ทำให้บรรยากาศยิ่งน่ากลัวหนักกว่าเก่า



“ ข้าเคยสงสัยจนมันกลายมาเป็นปมในใจ...ว่าทำไมเจ้าถึงทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างไป....”      ร่างสูงใหญ่หยุดยืนหอบหายใจหลังจากผ่านการต่อสู้มายาวนาน เจ้าของนัยน์ตาสีโลหิตเองก็เช่นกัน ดาบสีดำในมือปักลงที่พื้นเพื่อค้ำยันตัวเอาไว้ 



“ ทุกสิ่งทุกอย่างที่ข้ากับเจ้าร่วมสร้างด้วยกันมา....แต่เจ้ากลับทิ้งไปอย่างไม่ใยดี....เพื่อที่จะเดินจากไป...กับคนคนนั้น...”      นัยน์ตาสีทองเหลือบไปมองร่างโปร่งผมสีเงินที่ยืนมองอยู่  แต่นั่นทำให้นัยน์ตาสีโลหิตเต็มไปด้วยความสงสัย



“ นี่เจ้ารู้หรือเปล่าว่าไอ้ฉลามสวะนั่น....”     แต่ยังไม่ทันที่จอมโจรแห่งป่าสายหมอกจะพูดจบ นัยน์ตาสีทองก็หันกลับมาจับจ้องอีกครั้งด้วยแววตาแข็งกร้าว



“ เอาละ...มาตัดสินกันเถอะแซนซัส....ให้ทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างเรามันจบลงด้วยแส้และดาบนี้....ทั้งอดีต ปัจจุบัน และอนาคต”      ร่างสูงใหญ่นั้นไม่ได้ฟังอะไรอีกต่อไป ร่างขยับเข้ามาหาอย่างรวดเร็วจนเส้นผมสีทองส่องประกายไปกับสายฟ้าที่ผ่าลงมา



“ เจ้านี่มันไม่เข้าใจอะไรเลย...”     ทั้งเรื่องของไอ้ฉลามสวะนั่น....ทั้งความรู้สึกของข้าที่มีต่อเจ้า....



ดาบในมือทำได้เพียงยกขึ้นกันแส้ที่จู่โจมเข้ามา ร่างจอมโจรกระโดดถอยหลังก่อนที่จะปลดปล่อยจิตสังหารทั้งหมดออกมา และพุ่งกระโจนเข้าไปข้างหน้า



ดาบสีดำกระหายเลือดวาดเพลงดาบที่อีกคนไม่เคยเห็น....

แส้สีดำหวดด้วยท่วงท่าที่อีกคนไม่เคยรู้จัก......



เปรี้ยง!!!!



ท้องฟ้าสว่างวาบ ทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองเห็นภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน....



ร่างสูงใหญ่ทั้งสองกำลังพุ่งเข้าห้ำหั่นหัน....อาจจะเป็นเพลงดาบสุดท้าย....ทั้งๆที่น่าจะดีใจในแผนการของตน.....



แต่จิตใจกลับสับสนจนไม่อาจยืนอยู่เฉยได้....



ทำไมอยู่ๆขาก็ออกวิ่งตรงไป.......










ฉึก!!!!!!









ทั้งๆที่ตั้งใจเอาไว้แล้วว่าจะปกป้องเจ้า....

แต่วินาทีสุดท้ายข้ากลับลดแส้ลง....

ข้า....ยังคงทำร้ายเขาไม่ได้เช่นเดิม....








ดาบสีดำสนิทเสียบคาอยู่ที่หน้าท้อง....

เส้นผมสีทองที่เคยสว่างจ้าพลิ้วไหวไปกับสายลมก่อนที่จะล้มลงอย่างเชื่องช้า.....








นัยน์ตาสีโลหิตก้มลงมือสองมือที่สั่นระริก ข้างหนึ่งยังคงมีเลือดเลอะเปรอะเปื้อน



ทำไม.....



ทั้งๆที่ถ้าเจ้าจะสู้ก็สู้ได้แท้ๆ....ทำไม....ทำไมถึงลดแส้ลง....



เมื่อเงยหน้าขึ้นจากฝ่ามือถึงได้รู้....นัยน์ตาสีทองยังคงมองมาที่เขา ใบหน้าหล่อเหลานั่นยังคงยิ้มอ่อนโยนทั้งๆที่กำลังล้มลง



เจ้ายังคงเป็นคนเดิม....ที่ไม่ว่าอย่างไรก็ยกให้ข้าเป็นใหญ่เสมอ.....



“ เจ้ามันไม่เคยเข้าใจอะไรเลยไอ้ม้าพยศ!!!       ใบหน้าดุดันนั้นโกรธเกรี้ยว แต่นัยน์ตาสีโลหิตกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวด



“ ข้าต้องการให้เจ้ามีชีวิตของเจ้าเอง ไม่ใช่ต้องมายกชีวิตให้ข้าและเดินตามแต่ข้าในฐานะข้ารับใช้ สัญญาอะไรนั่นมันก็แค่ความฝันของเด็กๆ ถ้าข้ายืนอยู่บนจุดสูงสุดแล้วมันทำให้เจ้าต้องเอาความเจ็บปวดเข้าแลก ข้าก็เลือกที่จะทิ้งมันไป....นั่นคือสิ่งที่ข้าพยายามที่จะทำเพื่อเจ้า....เพื่อเพื่อน....ของข้า....เจ้าเข้าใจมันบ้างไหม!       มือใหญ่ยังตามลงไปกระชากคอกิโมโนของร่างที่นอนราบอยู่ที่พื้น




สีแห่งชีวิตไหลย้อมผืนแผ่นดินแทนสายฝนที่เฝ้ารอมานาน...

อยากจะภาวนาให้คนลงดาบไม่ใช่เขา....เพราะเพลงดาบของเขามันไร้ซึ่งความปราณีและไม่เคยมีใครรอดพ้นจากมันไปได้




“ ฮะ ฮะ....อย่างงั้นเองหรอแซนซัส....ข้าไม่รู้หรอก...และไม่เคยรู้ด้วย...เพราะตั้งแต่เกิดมา...คนที่ข้ายอมรับมีเพียงเจ้า และคนที่ข้าสัญญากับตัวเองว่าจะยอมทำให้ทุกอย่างก็มีเพียงเจ้าเท่านั้น...เพราะฉะนั้น...วันที่เจ้าเดินจากไปพร้อมกับเขา....ข้าจึงไม่อาจยอมรับได้....ข้าขอโทษนะ...ที่ไม่เคยเข้าใจอะไรเลย....แซนซัส”      นัยน์ตาสีทองเหลือบมองร่างโปร่งที่คุกเข่าลงนั่งอยู่เคียงข้าง ใบหน้าสวยนั้นสับสนจนเห็นได้ชัด



“ เจ้าไม่ต้องรู้สึกผิดต่อข้า...ไอ้ม้าพยศ”       จอมโจรแห่งป่าสายหมอกปล่อยมือแล้วลุกขึ้นยืนหันหลังให้ ทิ้งร่างโปร่งที่ยังคงนั่งส่ายหน้าไปมาให้อยู่ตรงนั้น



“ ไม่ต้องรู้สึกผิด...เลยแม้แต่เรื่องเดียว”    นัยน์ตาสีโลหิตเหลือบมองใบหน้าสวยของสควอลโล่....ในที่สุดเขาก็รู้.....ว่าทำไมดีโน่จึงลดแส้ลง



“ เพราะว่า.....”        มันคงเป็นโชคชะตา...ที่ทำให้พวกต้องกลับมาเจอกันอีกครั้ง....



“ คนที่เจ้ารัก...ไม่ใช่ไอ้ฉลามสวะที่เคยอยู่กับข้าเมื่อตอนนั้น....แต่มันเป็นฝาแฝดกัน...”    ถ้อยคำที่ทำเอานัยน์ตาอีกสองคู่ถึงกับเบิกกว้าง









“ อย่างงั้นเองหรอ.....เจ้าเป็นฝาแฝดของคนคนนั้นอย่างงั้นหรอ.....”



“ ฮะ ฮะ....ขอโทษเจ้าด้วยนะสควอลโล่....ที่ข้าไม่รู้เลย....นั่นก็เพราะว่า.....”      ทั้งๆที่เลือดไหลออกมาไม่ได้หยุด แต่ร่างที่นอนอยู่กับพื้นดินก็ยังคงยิ้มมาให้ มือใหญ่ยกขึ้นลูบมาที่แก้มใสทิ้งรอยเลือดให้ติดอยู่บนนั้น กลิ่นของมันคละคลุ้งไปทั่วจนน่ากลัว



“ ข้าไม่เคยรู้จัก ไม่เคยได้พูดคุยกับพี่ชายฝาแฝดของเจ้าเลยสักครั้ง....”      ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาทำเอาร่างโปร่งชาวาบ...ไม่เคยรู้จักกับพี่ชายของเขา....



“ ข้าเห็นเขาเพียงแค่ไกลๆ เห็นแค่แผ่นหลังของเขาที่เดินจากไปพร้อมๆกับแซนซัส”     ถ้าอย่างนั้นความรู้สึกที่เจ้ามอบให้ข้า.......



“ ยังไงซะ....คนที่ข้ารักก็คือเจ้า.....”    ราวกับมีเข็มพันเล่มพุ่งมาเสียบที่หัวใจ....



“ ข้ารักเจ้านะ สควอลโล่....”       รอยยิ้มอ่อนโยนแย้มออกมาเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนที่มันจะค่อยๆจางหายไป พร้อมกับสายฝนที่โปรยปรายลงมากระทบใบหน้าหล่อเหลา มือใหญ่ที่เคยสัมผัสอยู่ที่แก้มตกลงไปอยู่ข้างกาย นัยน์ตาสีทองที่เคยสดใสราวกับแสงดวงตะวันกลับปิดลงไปชั่วกาลนาน



“ ดะ....ดีโน่.........”      มือบางจับมือใหญ่ที่เย็นเฉียบเขย่าไปมา สายฝนยิ่งทำให้ร่างกายนั้นซีดเซียวลงไปอีก...หยาดน้ำตาที่ไม่ได้ไหลลงมานานแล้วหยดลงไปที่ใบหน้าของร่างที่นิ่งสนิท



ข้ามันโง่...ข้ามันโง่เอง.....ที่ไม่รู้อะไรเลย ไม่รู้เลยว่าความรู้สึกทั้งหมดที่เจ้ามอบให้มา....มันมีไว้เพื่อข้า....ไม่ใช่คนอื่น.....

ไม่รู้....แล้วยังไม่ใส่ใจ....กลับทิ้งขว้างความรักของเจ้า ผลักมันลงสู่หลุมพรางแห่งความแค้น จนตอนนี้.....ทุกอย่างมันกลับมาสายเกินไปอีกครั้ง

ทั้งๆที่เจ้ากับข้าสามารถเริ่มต้นใหม่ได้ ทั้งๆที่ครั้งหนึ่งข้าเองก็รักเจ้า....แต่ทั้งหมด....มันเป็นเพราะข้าเอง.....




“ ม่ายยยยยยยยยยยย!!!!!    




เสียงตะโกนก้องด้วยความเจ็บปวดยิ่งทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างมืดครึ้ม สายฝนโปรยปรายลงมาหนักหน่วงกว่าเดิม ร่างสูงใหญ่เหม่อมองใบหน้าของเพื่อนเพียงคนเดียวเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะกำหมัดแน่น....ข้าไม่เคยพูดคำว่าลาก่อน...เพราะรู้ว่าคงได้เจอกับเจ้าอีก.....แต่คราวนี้.........



เจ้าเป็นฝ่ายทิ้งข้าไปโดยไม่มีแม้แต่คำลา....เจ้าต้องการจะแก้แค้นข้าใช่ไหม....ไอ้ม้าพยศ



มือหนาจับแส้สีดำแล้วสอดเอาไว้ในมือที่เย็นเฉียบ



ลาก่อน....



แม้แต่ลมหายใจสุดท้ายของเจ้า....เจ้าก็ยังทิ้งมันเพื่อข้า



จากนี้ไปขอให้เจ้าได้พบ....กับอิสระที่แท้จริงเสียที












เป็นอีกครั้งที่ต้องฝังคนที่รักด้วยมือคู่นี้.....

ทุกคนล้วนจากไป....ใช่ว่าเพราะไม่รักเขา....ใช่ว่าต้องการจะทอดทิ้งเขา...

แต่มันเป็นเพราะทิฐิของเขาเอง

ทั้งพี่ชายฝาแฝด ทั้งดีโน่ต้องตายเพราะเขาเอง...












มือใหญ่คว้าแขนของคนที่ยังนั่งก้มหน้าร้องไห้ท่ามกลางสายฝน ให้ลำตัวบางลุกขึ้น








ร่างโปร่งหันไปมองหลุมศพที่ตั้งอยู่โดดเดี่ยวท่ามกลางสายฝนเป็นครั้งสุดท้าย

ขอให้เจ้าได้ไปสวรรค์....

ส่วนตัวข้านั้นจะขอรับโทษอยู่ที่นี่เอง






ขอบคุณสำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง.....





เจ้าคือดวงตะวันอันอบอุ่นของข้า....ดีโน่...

เจ้าคือนภาอันเจิดจ้าของข้า.....ไอ้ม้าพยศ....







................................................................................................................................................................................







ยามาโมโตะยังไม่ตาย.....

หัวใจของข้ายังคงเต้นอยู่.......



นัยน์ตาสีมรกตทอดมองไปไกลด้วยตัดสินใจแน่วแน่



แว่วเสียงเปิดประตูเลื่อนและไม่นานอ้อมกอดที่อบอุ่นของใครอีกคนก็แผ่มาจากที่ด้านหลัง สองแขนโอบรอบกายของเขาก่อนที่ใบหน้าคมจะเกยอยู่ที่ไหล่ จมูกเป็นสันคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้ม....ถึงอ้อมอกนี้จะอบอุ่นเหมือนกันแต่ความอ่อนโยนนั้นกลับแตกต่าง.....



แต่แล้วเมื่อนัยน์ตาสีดำคมกริบเหลือบไปเห็นร่องรอยบางอย่างบนต้นคอของคนที่อยู่ในอ้อมแขนก็ทำเอาร่างกายเกร็งเขม็ง.....มีหรือเขาจะจำไม่ได้ ว่าร่องรอยที่ฝากเอาไว้มีอยู่ตรงไหนบ้าง......รอยนี่......ไม่ใช่ของเขา



ใครเป็นคนทำ      น้ำเสียงเย็นนิ่งสนิทเอ่ยออกไปเมื่อนิ้วยาวลูบลงไปที่ร่องรอยสีกุหลาบที่ดูแล้วคงเพิ่งจะเกิดได้ไม่นาน ร่างในอ้อมแขนหันกลับมาเผชิญหน้าช้าๆ นัยน์ตาสีมรกตที่งดงามราวกับอัญมณีไม่มีแววของความลังเลอีกต่อไป



ยามาโมโตะ..............ยังไม่ตาย



ราวกับมีฟ้าผ่าลงมาที่กลางหัวใจ นัยน์ตาสีดำได้แต่ตื่นตะลึง....ไม่ใช่ว่าจะตกใจไปกับการมีอยู่ของเจ้านั่น

แต่ที่เขาหวาดหวั่นคือการตัดสินใจของร่างตรงหน้านี้ต่างหาก….




ข้า.....ควรจะฉุดรั้งเจ้าเอาไว้....หรือควรจะปล่อยให้เจ้าไป......ฮายาโตะ












.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป.....ไป.......






กระโดดเกาะขาเบลเอาไว้...อย่าเพิ่งเลิกอ่านนะค้า...T^T....เค้าขอโทษ...ฮือออออออ

และขอเปลี่ยนสรรพนามระหว่างป๋ากับน้องหลามให้มันเข้ากับชาวบ้านในเรื่องนี้ก็แล้วกันนะคะ มันอาจจะลดความดิบลงแต่ก็น่าจะงงน้อยกว่าเมื่อต้องมาพูดกับดีโน่และคนอื่นๆ

…..^ ^”.....


ขอบคุณทุกๆแรงเชียร์ ทุกๆกำลังใจที่ส่งให้และถามไถ่กันมาตลอด (ทวงนั่นเอง ^ ^”) แอบอู้ไปเสียนาน ฮะ ฮะ จะยังมีคนอ่านอยู่ไหมนะ
แล้วยิ่งเจอตอนนี้เข้าไปด้วยแล้ว....ซีดดดดดด....สงสัยจะมีคนเลิกอ่านไปหลายคน แหะแหะ ^ ^” แง.....เกาะแข้งเกาะขา...อย่าเพิ่งทิ้งข้าพเจ้าป๊ายยยย >[]<
สัญญาว่าตอนจบอีกทางจะโคตรแฮปปี้เอนดิ้ง นะ นะ นะ....^ ^....







ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น