KHR Au.fic [185980] ความหวังครั้งสุดท้าย : Red SNOWDROP : 14



: KHR Fanfiction Au
: 1859  1006927  XS
: Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ


ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......


[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....



 
.
.
.
.
.


สมการสามเส้า ของพวกเขาสามคู่

กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน

กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก

สุดท้าย.......

ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน


By : K_Guardian_7

.
.
.
.
.
.
.










นัยน์ตาสีมรกตลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในห้องที่คุ้นเคย อวัยวะทุกส่วนราวกับว่าไม่ใช่ของตัวเอง เพราะมันช่างอ่อนระโหยโรยแรง ใบหน้าสวยหันมองรอบกายที่เงียบสนิท ผนังประตูเลื่อนที่ติดกับสวนถูกเปิดออกทั้งหมด ความสดชื่นของต้นไม้ใบหญ้านั้นมองเห็นได้ด้วยตาแต่มันไม่อาจซึมซับมาถึงหัวใจที่แห้งผากไร้ชีวิตชีวา นัยน์ตาสีมรกตเพียงแต่เหม่อมองไปอย่างทอดอาลัย ร่างทั้งร่างยังคงนอนนิ่งอยู่บนฟูกสีขาวไม่ยอมขยับ กิโมโนตัวในสีขาวที่สวมใส่อยู่ถูกผ้าห่มสีขาวที่ใครบางคนคงจะคลุมให้ถึงไหล่ หยาดน้ำตาไหลลงมาเมื่อนึกถึงความจริงที่เพิ่งได้รับรู้....





เจ้าเคยเห็นหิ่งห้อยหรือเปล่า  

เอาไว้กลางปีหน้า...ข้าจะพาเจ้ามาดูนะ โกคุเดระ






คำสัญญานั้นคงไม่มีวันเป็นจริงได้อีกแล้ว....





ครืดดดดดด



เสียงเปิดประตูเลื่อนดังแว่วเข้ามายังโสตประสาทแต่ใบหน้าสวยก็ยังคงเหม่อลอยอยู่เช่นเดิม จนกระทั่งคนที่เดินเข้ามาทรุดตัวนั่งลงอยู่ที่ข้างฟูกนอน ถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นถูกวางลงข้างกาย มือใหญ่ของชายที่อยู่ในชุดสีดำสนิทป้ายหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มเนียนใสให้อย่างแผ่วเบา




ฮิบาริ เคียวยะ....ชายคนนี้...คือคนที่ฆ่ายามาโมโตะ...คือคนที่ฆ่าคนที่ข้ารัก....

แต่ข้าก็ยังคงอยู่กับเขา มอบร่างกายให้แก่เขา....

คนที่น่ารังเกียจที่สุดคงจะเป็นข้าเอง....




สองมือใหญ่ประคองร่างบอบบางให้ลุกขึ้นนั่ง ก่อนจะตักข้าวต้มอุ่นร้อนขึ้นมาเป่าแล้วจ่อมาที่ริมฝีปากที่ซีดเซียว ถึงแม้จะไร้เสียงพูดคุยแต่ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นก็แสดงออกมาอย่างชัดเจนว่าเป็นห่วงมากมายขนาดไหน



ถ้าเป็นเมื่อก่อน ข้าคงฆ่าตัวตายตามหัวใจของข้าไปแล้ว

แต่ตอนนี้ ข้าทำเช่นนั้นไม่ได้

เพราะคนที่ดีกับข้าที่สุด คนที่เฝ้ารักเฝ้าเป็นห่วงข้ามาเป็นสิบๆปีจะต้องหัวใจสลายถ้าข้าตายไป

ข้าทอดทิ้งเขาไปไม่ได้ ข้าปล่อยให้เขาอยู่อย่างโดดเดี่ยวและสูญเสียทุกอย่างอีกครั้งไม่ได้



ข้า.....จะอยู่เพื่อท่าน....




ริมฝีปากสีซีดยอมรับข้าวต้มช้อนนั้นเข้าไปในปากแล้วกลืนลงไป สิ่งที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ร่างแข็งแกร่งของเจ้าของแผ่นดินสีดำโล่งใจ เพราะอย่างน้อยคนตรงหน้าก็ยอมรับกับการที่จะยอมมีชีวิตอยู่ต่อไป...ที่เหลือก็แค่จะเยียวยาหัวใจดวงนี้ได้อย่างไร....







…………………………………………………………………………………………………………..







ม้าสีดำสนิทวิ่งทะยานออกมาจากประตูรั้วสูงของเขตตำหนักชั้นใน มันวิ่งมาเพียงลำพังผ่านหน้าผู้คนมากมายในย่านร้านค้าและผู้คนที่สัญจรอยู่บนถนนสายหลักของเมือง ม้าสีดำที่ไม่ว่าใครที่อาศัยอยู่ในเมืองนี้ต่างก็รู้ดีว่าคนที่จะขี่มันได้นั้นมีเพียงคนเดียวเท่านั้น....ม้าของฮิบาริ เคียวยะ



แต่วันนี้ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ม้าตัวนั้นอย่างแปลกใจ ในเมื่อคนที่นั่งอยู่บนนั้นไม่ได้มีเพียงแค่คนเดียวเหมือนเช่นทุกวัน ร่างบอบบางในกิโมโนสีขาวนั่งอยู่ภายในอ้อมแขนของเจ้าของแผ่นดินสีดำซึ่งนั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลัง ใบหน้าคมนิ่งสนิทยังคงมองตรงไปข้างหน้าไม่ได้สนใจสายตาของเหล่าคนในปกครองที่ต่างจ้องมองอย่างสงสัยนั่นเลยแม้แต่น้อย



เจ้าม้าสีดำวิ่งเลียบริมแม่น้ำไปด้วยความเร็วราวกับว่าคนบนหลังกำลังรีบร้อนไปไหนสักที่....เปล่าหรอก....ข้าก็แค่อยากให้สายลมรุนแรงที่พัดผ่านร่างของเจ้าช่วยปัดเป่าความมัวหมองของจิตใจทิ้งไปบ้างสักนิดก็ยังดี....นัยน์ตาสีมรกตที่เคยเหม่อลอยกลับค่อยๆปิดลง ใบหน้าสวยเชิดขึ้นรับลมเย็นๆที่เข้ามาปะทะใบหน้า ร่างทั้งร่างปล่อยวางผ่อนคลายอยู่ภายในอ้อมแขนแข็งแกร่งของคนที่คอยประคับประคองอยู่เบื้องหลัง



เสียงกีบเท้าม้าเหยียบย่ำไปบนพื้นดินเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ถึงแม้จะไม่ไพเราะราวกับเสียงโกโตะ แต่มันก็ขับกล่อมจิตใจที่กำลังทอดอาลัยให้ปลอดโปร่ง เสียงที่ได้ยิน สายลมเย็นที่พัดผ่านใบหน้า ความอบอุ่นที่แทรกซึมมาจากแผ่นหลัง ทำให้จิตใจที่อ่อนล้าค่อยๆสงบลงจนเข้าสู่ห้วงนิทราในที่สุด



เจ้าม้าสีดำยังคงวิ่งต่อไป...เหมือนกับเจ้านายของมันที่ยังคงเดินหน้าทำทุกอย่างเพื่อดึงให้คนในอ้อมแขนกลับมาทั้งร่างกายและจิตใจ....



ฮายาโตะ    แว่วเสียงกระซิบอยู่ที่ข้างหู ปลุกให้คนที่นอนหลับลืมตาขึ้นมา สิ่งที่รายล้อมอยู่รอบตัวมีเพียงพื้นที่ว่างเปล่าของอากาศ นัยน์ตาสีมรกตกระพริบถี่ๆก่อนที่จะเบิกตากว้าง....เบื้องหน้าคือท้องฟ้าสดใสมีหมู่เมฆสีขาวลอยเอื่อยเฉื่อย เบื้องล่างคือแผ่นดินสีเขียวขจีไกลสุดลูกหูลูกตา...ช่างเป็นภาพที่งดงามและทำให้จิตใจรู้สึกสดชื่นคืนชีวิตอย่างน่าประหลาด.....แต่ความงามของผืนแผ่นดินก็มิอาจสู้สองร่างสง่าบนจุดสูงสุดของหน้าผานั้นได้......ร่างกายของทั้งคู่ยังคงนั่งอยู่บนม้าสีดำ ชายกิโมโนสีขาวและกางเกงฮากามะสีดำโบกสะบัดยามเมื่อลมพัดมาต้องกาย เส้นไหมสีเงินพลิ้วไหวไปกับสายลมราวกับเกลียวคลื่นแห่งท้องทะเล...สีดำและสีขาวที่ผสมผสานกันได้อย่างลงตัว....



ตรงนี้คือหน้าผาที่สูงที่สุดของแผ่นดินสีดำ    เสียงทุ้มเอ่ยอยู่ใกล้ๆ



ข้ามักจะมาเฝ้ามองแผ่นดินของข้าอยู่ตรงนี้.....นั่นคือนามิโมริ....    มือใหญ่ละจากบังเหียนแล้วชี้ไปที่กลุ่มสิ่งก่อสร้างที่เห็นอยู่ไกลๆจนไม่อาจแยกแยะได้ว่าตรงไหนคือบ้าน ตรงไหนคือเขตตำหนัก....เมืองทั้งเมืองมันเล็กเท่าฝ่ามือ.....



ส่วนทางด้านนั้น......    อีกมือบังคับให้ม้าหันตัวไปอีกด้าน



นั่น....บ้านของเจ้า.....    บ้านของข้า....ตระกูลโกคุเดระ....เมื่อมองจากตรงนี้แล้วช่างใกล้กับนามิโมริแค่นิดเดียว....ตรงกลางนั่นคือหุบเขาที่ข้าถูกลักพาตัวไป และข้างหลังนั้นก็คือ....ป่าสายหมอก....



ฮายาโตะ?    คนข้างหลังเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางนิ่งไป ใบหน้าสวยจึงส่ายหน้าเบาๆ



ผืนแผ่นดินนั้นกว้างใหญ่ ยังมีอะไรรอเจ้าอยู่อีกมากมาย ต้นไม้สีเขียวพวกนี้ล้วนผลัดใบแล้วแตกยอดใหม่มานับครั้งไม่ถ้วน ชีวิตของเจ้าก็เช่นกันไม่ว่าจะเศร้าหมองแค่ไหนแต่เจ้าสามารถเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ....



แต่คนที่ทำให้เจ้าต้องเศร้าหมองอย่างข้าคงจะไม่มีสิทธิ์มาพูดแบบนี้กับเจ้า....



มือใหญ่เตรียมจะบังคับให้ม้าสีดำหมุนตัวกลับเพื่อลงจากหน้าผา แต่ทว่ามือบางกลับฉุดรั้งมันเอาไว้



ให้ข้า....ได้อยู่ตรงนี้ต่ออีกนิดเถอะ....   เสียงเบาหวิวเอ่ยออกมาจากร่างที่อยู่ภายในอ้อมแขน



ข้าอยากจะเรียนรู้....ว่าต้นไม้....เริ่มต้นใหม่ได้อย่างไร....  







........................................................................................................................................................







เดือนกว่าที่เขามุ่งหน้าขึ้นทางเหนือ ผ่านทุ่งหญ้าเรียบโล่งไปจนถึงบ้านเมืองที่เต็มไปด้วยสีขาว แต่กลับไม่มีแม้แต่เงาของร่างที่ตามหา เขาจึงตัดสินใจวกกลับมายังแผ่นดินสีดำอีกครั้ง เลาะเรื่อยไปยังรอยต่อระหว่างสองแผ่นดินจนกระทั่งเข้าเขตของตระกูลคนรักของเจ้ายามาโมโตะ ไม่ว่าจะมองหาอย่างไรก็ไม่พบร่างโปร่งผมสีเงินที่บาดเจ็บเจียนตายนั่นเลยแม้แต่น้อย



ยิ่งนานวันเข้าก็ยิ่งกังวลใจ....กลัวว่าเรื่องเลวร้ายจะกลับมาซ้ำรอยเดิม....
กลัวว่าแผ่นหลังนั่นจะเดินจากเขาไปอีกครั้งเหมือนเมื่อวันนั้นที่มันหนีหายจากเขาไป....
จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมา....



แกมันโง่ไอ้ฉลามสวะ!



คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้...ว่ามันไม่ใช่คนเดิม....

คิดหรือว่าเขาจะไม่รู้...ว่าแกเป็นฝาแฝดกันและฉันจะแยกแยะมันไม่ออก

ถึงลักษณะภายนอกมันจะเหมือนกันมาก....แต่เวลาอยู่กับเขา

ไอ้ฉลามสวะตัวพี่มันไม่ใช่อย่างนี้เลย....นิสัยไม่เหมือนกันแม้แต่นิดเดียว...



เพราะฉะนั้น....แกก็คือแก

แกก็คือฉลามสวะที่จะกลับมาทำให้ฉันรักอีกครั้ง



ม้าตัวใหญ่ยังคงวิ่งควบไปข้างหน้า...ถ้าพ้นเขตแผ่นดินสีดำก็จะเข้าเขตเมืองหลวง....และมันยิ่งทำให้ความหลังครั้งเก่าที่ไม่ได้คิดถึงมานานเริ่มจะหวนกลับมา...ป่านนี้ไอ้คนที่เคยเดินตามเขาต้อยๆตั้งแต่ยังเด็กๆนั่นมันจะเป็นเช่นไรบ้างนะ.....



เขาก็แค่อยากให้มันมีอิสระ....จึงจากมาโดยที่ไม่ได้ร่ำลา....



นัยน์ตาสีโลหิตหรี่ตาลงเมื่อมองไปที่พระอาทิตย์สว่างจ้า....สว่างไสวและอบอุ่นราวกับดวงตาสีทองคู่นั้น.....







......................................................................................................................................................................







ผู้หญิงคนนั้นเกี่ยวข้องกับเบียคุรันจริงๆ....



หลังจากที่เฝ้าสะกดรอยตามมาหลายวัน ร่างเล็กเจ้าของนัยน์ตาและเส้นผมสีน้ำตาลก็ได้รับรู้ว่า...ท่านหญิงตำหนักซ้ายเป็นลูกสาวของกบฏที่โดนฮิบาริฆ่าตายแล้วจับตัวนางมาเป็นตัวประกัน เมืองของนางมีความสัมพันธ์อันดีกับเจ้าของแผ่นดินสีขาว และถึงแม้ว่าจะถูกจับตัวเป็นเชลยศึก นางก็ยังคงลักลอบทำงานให้เบียคุรันอยู่



ร่างเล็กลอบติดตามร่างระหงของหญิงสาวซึ่งเดินอย่างเร่งรีบออกมาจากตำหนักท้ายสุดของตนเอง เดินผ่านตำหนักมากมายก่อนที่จะหยุดลงที่ข้างกำแพงของตำหนักชั้นในสุด...ตำหนักของฮิบาริ เคียวยะ....ร่างระหงขยับตัวแนบชิดกำแพง ชุดกิโมโนสีเทาช่วยอำพรางกายให้หายไปกับเงาของร่มไม้ได้เป็นอย่างดี ใบหน้าสวยเย็นชาของหล่อนยังคงจับจ้องไปที่ภาพตรงหน้าโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่าบุปผามรณะกำลังเฝ้ามองอยู่



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จึงมองตามไป.......ฮิบาริ เคียวยะกำลังอุ้มร่างของนายน้อยแห่งโกคุเดระที่สลบไสลลงจากหลังม้าแล้วเดินเข้าตำหนักไป.......หรือว่าเป้าหมายของแผนการในครั้งนี้จะเป็นฮิบาริจริงๆ



ใช่สินะ....ถ้ากำจัดเขาไปได้สักคน....ฮิบาริ เคียวยะก็จะเป็นอุปสรรคสุดท้ายที่ทำให้ดอกกล้วยไม้ขาวที่น่ารังเกียจนั่นจะไม่ได้ตัวมุคุโร่ไปครอบครอง....



เบียคุรันต้องการกำจัดฮิบาริ.....



แต่ข้าจะไม่มีวันยอมให้มันได้ทำแบบนั้น....เพราะในเมื่อมุคุโร่เลือกที่จะกลับมาที่นี่ นั่นแปลว่ามุคุโร่เลือกแล้วว่าคนที่สำคัญที่สุดในชีวิตคือน้องชายเพียงคนเดียวคนนั้น....และถ้าฮิบาริเป็นอะไรไป คนที่จะต้องเสียใจก็คือมุคุโร่....ซึ่งข้าไม่มีวันยอม....ข้าจะไม่ยอมให้ใครมาทำร้ายคนที่ข้ารัก!



ร่างเล็กขยับเข้ามุมมืดอย่างรวดเร็วเมื่อรู้สึกได้ว่ามีใครสักคนกำลังหันหลังเดินกลับมา แต่ร่างที่เดินอยู่ตรงหน้ากลับเป็นชายวัยกลางคนคนหนึ่ง  สักพักร่างระหงที่เขาตามอยู่จึงปรากฏกายด้วยท่าทางลับๆล่อๆ ฮิบาริก็เข้าตำหนักไปแล้วเหตุใดยังต้องหลบซ่อนอีก...แต่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่ไม่อยากให้ใครรู้ว่านางมาแถวนี้



ตอนนี้ก็รู้แค่เป้าหมาย...แต่ยังไม่อาจเดาได้ว่าแผนการนั้นจะเป็นเช่นไร....

แต่ข้าจะตามต่อไป...และจะเป็นคนทำลายแผนการของเจ้าเอง...เบียคุรัน







...............................................................................................................................................................................






ทุกๆเช้า....ถ้าไม่ใช่คุซาคาเบะลูกน้องคนสนิท ก็จะเห็นท่านเจ้าเมืองออกเดินตรวจตราความเรียบร้อยของเมืองเองอยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นตรอกซอกซอยใด ย่านตลาดร้านค้าที่พักอาศัยตำหนักในตำหนักนอก ร่างแข็งแกร่งในชุดสีดำก็มักจะไปปรากฏกายให้เห็นอยู่เสมอๆ และวันนี้ก็เช่นกัน



ชาวเมืองต่างหลบหลีกแหวกทางให้แก่ท่านเจ้าเมืองที่ขึ้นชื่อเรื่องความโหดเหี้ยมไร้ความปราณีราวกับผึ้งแตกรัง ย่านร้านค้าที่คนเดินสวนกันไปมาอยู่เต็มถนนกลับแหวกว่างเป็นวงเมื่อฮิบาริ เคียวยะเดินผ่านมาถึง นัยน์ตาคู่คมกริบยังคงสอดส่องไปทั่วว่ามีอะไรผิดไปจากที่ตนต้องการหรือไม่ สายตาของทุกคนที่มองกลับมายังคงหวาดกลัวไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ทว่าวันนี้กลับมีแววตาแห่งความสนใจใคร่รู้ปะปนเข้ามาด้วย



เมื่อคนที่เดินอยู่ด้านหลังร่างแข็งแกร่งของเจ้าของแผ่นดินสีดำคนนั้น คือคนคนเดียวกับคนที่เคยอยู่บนหลังม้าสีดำที่วิ่งออกไปจากตัวเมืองทุกเช้าในช่วงอาทิตย์ที่ผ่านมา....ร่างบอบบางเจ้าของใบหน้างดงามและเส้นผมสีเงินยาวสลวย....ท่านหญิงที่ถูกล่ำลือกันปากต่อปากว่าเป็นเครื่องบรรณาการจากตระกูลโกคุเดระซึ่งหายตัวไประหว่างทางและท่านเจ้าเมืองก็ออกไปตามหาด้วยตัวเองและพาตัวกลับมาด้วยสภาพที่ยังมีชีวิตมิใช่ศพเหมือนที่แล้วๆมา....พอได้มองใกล้ๆชาวบ้านเลยต่างเข้าใจกันดีว่าเป็นเพราะอะไร....เป็นท่านหญิงที่งดงามราวกับตุ๊กตาแก้วเจียระไน....



นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองรอบๆกาย นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ออกมาเดินในย่านที่มีคนพลุกพล่านขนาดนี้ เพราะปกติแล้วเจ้าของแผ่นดินสีดำจะสั่งห้ามอย่างเด็ดขาดไม่ให้เขาออกนอกเขตตำหนัก ไม่รู้ว่ากลัวเขาจะหนีหรือว่าเขาเป็นแค่เครื่องบรรณาการเลยไม่อยากให้ใครรู้กันแน่....



แต่ว่าเสื้อคลุมสีดำตัวนี้มีความหมายอะไรหรือไม่....ทุกครั้งที่เขาสวมใส่ราวกับว่าคนรอบข้างจะไม่กล้าแม้แต่สบสายตา...และในวันนี้ก็เช่นกัน



ร่างที่สูงกว่าลดความเร็วจากที่เดินนำหน้าให้กลายเป็นเดินอยู่เคียงข้างร่างบอบบาง....ร่างกายที่เคยเหนื่อยล้าจากจิตใจที่แหลกสลายค่อยๆฟื้นตัวขึ้นเรื่อยๆ จากวันแรกที่ได้แต่นอนซมก็ค่อยๆเดินไปไหนมาไหนได้ เขาจึงพาขี่ม้าออกไปซึมซับความสดชื่นและหลีกหนีบรรยากาศชวนหดหู่ในพื้นที่แคบๆอย่างตำหนัก แต่บางครั้งนัยน์ตาสีมรกตที่เคยดื้อดึงเสมอก็ยังคงหงอยเหงา....บางที...การได้ออกมาเห็นผู้คนบ้างอาจจะทำให้ความหงอยเหงาเบาบางลง



ถึงแม้ว่าร่างที่เดินอยู่ข้างๆจะไม่มีทีท่าว่าจะสนใจอะไรเป็นพิเศษ แต่นัยน์ตาสีมรกตที่ดูสดใสขึ้นจากการลอบมองสิ่งของต่างๆที่วางขายอยู่ข้างทาง ได้ลอบมองผู้คนที่ดูท่าทางว่าจะสนใจตนเองอยู่ไม่น้อยนั่นก็ทำให้คนที่แอบมองอยู่อมยิ้มในใจ



ทุกๆที่ที่ร่างทั้งสองเคลื่อนผ่านไปยังคงแหวกกระจายจากผู้คนที่ไม่มีใครกล้าเข้ามาใกล้



ตุบ....



อะไรบางอย่างกระทบมาที่ข้อเท้าเบาๆ ทำให้นายน้อยแห่งโกคุเดระก้มลงไปดู....ลูกบอลผ้าสีแดงลูกหนึ่ง...



ใบหน้าสวยเงยหน้าขึ้นก่อนที่จะมองไปรอบๆ ทุกสายตาลอบมองมาด้วยแววตาหวาดกลัว ราวกับว่าถ้าใครยอมรับว่าเป็นเจ้าของลูกบอลที่แค่กลิ้งมาถูกเขาแค่นี้แล้วจะต้องโดนทำโทษปางตายเสียแบบนั้น แลเห็นเด็กหญิงคนหนึ่งมองมาที่ลูกบอลด้วยตาละห้อยแต่ก็ไม่กล้าที่จะออกมาเอา มือบางจึงเอื้อมลงไปหยิบลูกบอล



ของเจ้าใช่ไหม?    นายน้อยแห่งโกคุเดระยื่นลูกบอลสีแดงในมือให้เด็กหญิง....แต่ใบหน้าเล็กๆนั่นกลับส่ายหน้าระรัว



ถ้าไม่ใช่ ก็ถือว่าข้าให้แล้วกัน   มือบางจับมือเล็กของเด็กหญิงให้รับลูกบอลเอาไว้ ก่อนที่ร่างบอบบางจะลุกขึ้น นัยน์ตาสีมรกตมองสบไปที่นัยน์ตาสีดำสนิทของเจ้าของแผ่นดินสีดำราวกับกำลังบอกว่าอย่าไปทำอะไรเด็กนั่น ใบหน้าคมยิ้มเจ้าเล่ห์กระซิบแผ่วเบาก่อนที่จะเดินผ่านไป.... งั้นคืนนี้ข้าจะทำโทษเจ้าแทน



แก้มใสแดงระเรื่อเมื่อได้ฟัง นัยน์ตาที่เคยแห้งผากกลับมาดื้อดึงและเกรี้ยวกราดใส่ร่างสูงอีกครั้ง แต่ก่อนที่จะได้เดินผ่านไปจากตรงนั้น



พะ...พี่สาว...ขอบคุณค่ะ!”   เสียงเด็กหญิงตะโกนออกมาทั้งๆที่หลับตาแน่น นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างพลางยิ้มบางๆให้ มือเล็กๆของเด็กหญิงยกขึ้นโบกให้ก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินหันหลังมา โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าคนที่เดินนำหน้านั้นลอบยิ้มกับสิ่งที่เกิดขึ้น



จะอีกนานแค่ไหน...จะต้องทำอย่างไร....ขอแค่เจ้ายิ้มได้....ไม่ว่าอะไรข้าก็จะทำ








................................................................................................................................................








ร่างกายที่บอบช้ำจากหัวใจที่บาดเจ็บดูเหมือนจะถูกฟื้นฟูให้กลับมาอยู่ในสภาพเกือบหายสนิท ยังคงมีเพียงนัยน์ตาสีมรกตที่ยังคงเศร้าสร้ายและเหม่อลอยบ้างในบางครั้งที่อยู่คนเดียว และเจ้าของแผ่นดินสีดำก็รู้เรื่องนี้ดี เพราะเช่นนั้นตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ร่างบอบบางจึงมักจะต้องติดตามอยู่ข้างกายฮิบาริ เคียวยะอยู่เสมอไม่ว่าจะไปที่แห่งใด



ข้าจะกำจัดความหม่นหมองออกไปจากอัญมณีสีเขียวมรกตคู่นั้นเอง...



และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่ม้าสองตัววิ่งเคียงคู่กันออกไปจากกำแพงตำหนักชั้นใน ม้าสีดำตัวเดิมกับคนขี่คนเดิมเคียงข้างไปกับม้าสีขาวซึ่งมีร่างบอบบางสง่างามนั่งอยู่ด้านบน ทุกๆวันในช่วงสาย ฮิบาริ เคียวยะจะขี่ม้าออกไปตรวจดูเขตแดนของตนเองจากหน้าผาและเนินเขาหลายๆลูก



ม้าทั้งคู่วิ่งไปตามถนนดินที่มีหญ้าปกคลุมท่ามกลางป่าเขาที่รายล้อมรอบตัวมุ่งสู่ทิศตะวันออก ภูเขาสูงกั้นขวางอยู่ตรงหน้าแต่ดูท่าทางจะขึ้นไปได้โดยไม่ยากนัก



เพราะถ้าวันไหนต้องขึ้นหน้าผาชัน นายน้อยแห่งโกคุเดระจะไม่ได้รับอนุญาตให้ขี่ม้าเอง....



ม้าวิ่งไปท่ามกลางความชุ่มฉ่ำของขุนเขาและสายลมเย็นสบายที่ปะทะมาที่ร่างกาย ทำให้การเดินทางผ่านไปโดยที่ไม่รู้สึกว่าเหนื่อย ไม่นานร่างทั้งสองก็มายืนอยู่ ณ จุดสูงสุดของภูเขาที่ใต้เงาของต้นไม้ใหญ่และดูท่าทางจะอยู่มานานต้นหนึ่ง



อีกฟากของขุนเขาคือท้องทะเลกว้างใหญ่ไพศาล สีฟ้าที่ตัดกับนภายิ่งทำให้จิตใจปลอดโปร่ง



นัยน์ตาสีมรกตลอบมองไปที่ใบหน้าคมซึ่งยังคงมองไปข้างหน้าเสมอ



ข้า...พอจะรู้แล้วละว่า....ต้นไม้เริ่มต้นใหม่ได้อย่างไร....



จู่ๆใบหน้าคมที่เคยเย็นชาอยู่เสมอก็หันมาทำให้ดวงตาทั้งคู่สบประสานซึ่งกันและกัน ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเสมองต้นไม้ใบหญ้าเพื่อหลบตา แต่รอยแดงระเรื่อบนแก้มใสก็ทำให้ร่างบนหลังม้าสีดำตัดสินใจกระโดดลงจากหลังม้า มือใหญ่ยื่นให้เป็นเชิงบอกให้นายน้อยแห่งโกคุเดระจับแล้วลงมาจากหลังม้าเช่นกัน



ฮายาโตะ......    เป็นครั้งแรกที่นายน้อยแห่งโกคุเดระได้เห็นใบหน้าคมมีสีหน้าลำบากใจเหมือนครุ่นคิดบางอย่างแล้วไม่อาจตัดสินใจได้ ใบหน้าที่แสดงความรู้สึกอื่นๆนอกจากความเย็นชาและความโกรธ....คนที่เคยนิ่งและไม่แสดงออกซึ่งสิ่งใดดูจะแปลกไปนั่นยิ่งทำให้ร่างบอบบางจ้องมองและตั้งใจฟังถ้อยคำที่ร่างสูงจะกล่าวมากขึ้น...ว่าสิ่งใดกันที่ทำให้ท่านดูตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัดขนาดนี้



..........เรื่องนี้ข้าไม่อยากบังคับเจ้า.....    ดูเหมือนจะมีเหงื่อไหลซึมอยู่ที่มือใหญ่ซึ่งจับกุมมือของเขาอยู่







แต่งงานกับข้านะฮายาโตะ






ประโยคที่ฮิบาริ เคียวยะเอ่ยออกมาสะท้อนก้องอยู่เต็มสองหู เสียงจากภายนอกอื่นใดไม่อาจไหลเข้ามากระทบโสตประสาทได้อีก มีเพียงประโยคเมื่อครู่ที่ล่องลอยอยู่ท่ามกลางความรู้สึกที่ขาวโพลน....แต่งงาน.....



ใบหน้าสวยที่นิ่งค้างทำเอาคนที่แทบจะไร้ความรู้สึกใดๆอย่างเขายิ่งตื่นเต้นมากไปกว่าเดิม นี่เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ขอร้องใครสักคนหนึ่ง เพราะปกติแล้วเขาจะไม่รีรอที่จะใช้กำลังบังคับเอาสิ่งที่ต้องการมาเป็นของตัวเองให้ได้ โดยไม่เคยถามไถ่ว่าอีกฝ่ายจะยินยอมหรือไม่....แต่เพราะเป็นเจ้า....



เพราะเป็นเจ้าที่ทำให้ข้ายอมสยบอยู่ตรงหน้า...

เพราะเป็นเจ้าที่ทำให้ข้ายอมทำให้ได้ทุกอย่าง....

เพราะเป็นเจ้า.....เพราะเป็นเจ้าเท่านั้นฮายาโตะ



นัยน์ตาสีมรกตที่มองมายังคงเต็มไปด้วยความสับสนและลังเล ข้ารู้ดีว่าร่างบอบบางนี้ยังไม่อาจตัดใจได้ ในใจของเจ้ายังคงมีเขาอยู่....



แต่ในเมื่อชายผู้นั้นจากไปแล้ว เจ้าก็ควรจะได้ใช้ชีวิตอยู่ต่อไปอย่างถูกต้องและไม่มีใครมองว่าเจ้าเป็นเพียงเครื่องบรรณาการ...แต่เจ้าคือคนที่จะยืนอยู่เคียงข้างข้าอย่างสมฐานะและเต็มภาคภูมิ





แต่ว่าหัวใจของข้า....    เสียงแผ่วเบาหลุดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ ดวงตาสีดำสนิทคู่นั้นมองมาที่เขาด้วยความมั่นคงราวกับว่ารู้...ว่าในใจของเขายังไม่อาจลืมยามาโมโตะได้...ราวกับว่าจะบอก...ว่าถึงเป็นแบบนั้นก็ยังรอได้เสมอ



สักวัน....ข้าจะรักท่านได้ใช่ไหม



คำตอบนี้มีเพียงกาลเวลาที่จะมาเป็นเครื่องพิสูจน์



ท่านรอข้าได้หรือ....



ข้ารอเจ้ามาสิบกว่าปียังทำได้ ต่อให้ต้องรออีกกี่สิบปี...ข้าก็จะรอ



คำพูดนั้นยืนยันหนักแน่น ร่างบอบบางที่รับฟังหลับตาลงช้าๆ




ข้ายังต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป ไม่ใช่ว่าสงสารไม่ใช่ว่าเวทนา

แต่ข้าเชื่อว่าสักวันข้าจะรักท่านได้

ข้าจะเก็บเจ้าเอาไว้ในหัวใจของข้าเสมอ...ยามาโมโตะ....แต่ข้าจะต้องมีชีวิตอยู่ต่อไป.....






ท่านเคียวยะ....ข้าจะแต่งงานกับท่าน






นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองคนตรงหน้าอย่างแน่วแน่และไม่หวาดหวั่นต่อการตัดสินใจในครั้งนี้ของตัวเอง



รอยยิ้มแรกที่มาจากใบหน้าคมนั่นมันช่างงดงาม รอยยิ้มของชายที่ได้ชื่อว่าโหดร้ายเลือดเย็น รอยยิ้มที่ไม่เคยมีใครได้เห็น....รอยยิ้มของฮิบาริ เคียวยะ



แต่ว่าข้าเป็นชายเหมือนกับท่าน แล้ว.....   



ข้าไม่สนใจ....ยังไงคนที่ข้ารัก ก็คือคนที่ข้ารัก



....รัก....



คำคำนั้นทำเอานัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง ถึงจะรู้อยู่ว่าทุกการกระทำของร่างสูงมันเต็มไปด้วยคำคำนี้ แต่ว่ามันเป็นครั้งแรกที่ได้ยินออกมาจากปากของคนที่ปากแข็งอย่างคนตรงหน้า ใบหน้าคมหันไปมองทางอื่นอย่างพยายามซ่อนร่องรอยแดงๆบนแก้ม



จะมีใครรู้บ้างไหม....ว่าชายที่โหดร้ายเลือดเย็นก็เขินเป็นเหมือนกัน....






…………………………………………………………………………………………………………………………………..







ข่าวเรื่องงานแต่งงานของท่านเจ้าเมืองแพร่สะพัดไปทั่วเมืองอย่างรวดเร็ว บางคนยังคงแปลกใจว่าชายผู้ไม่เคยสนใจใครและโหดร้ายเลือดเย็นแบบนั้นน่ะหรือจะแต่งงาน แต่กับบางคนที่เคยเห็นภาพยามเย็นที่ท่านเจ้าเมืองจับมือท่านหญิงผู้นั้นเดินไปเรื่อยๆ ก็คงจะไม่แปลกใจ  งานพิธีการต่างๆถูกจัดเตรียมขึ้นโดยเหล่าขุนนางและข้ารับใช้ซึ่งดูจะยินดีไปกับงานมงคลในครั้งนี้เพราะในเขตตำหนักเองต่างก็รู้กันดีว่าเจ้าของแผ่นดินสีดำที่เคยโหดเหี้ยมอำมหิตคนนั้นกลับอ่อนโยนลงเพราะท่านหญิงที่ถูกรับตัวเข้ามาคนนั้น ทุกคนต่างเชื่อกันว่าหากมีท่านหญิงผู้งดงามคนนั้นอยู่เคียงข้าง บางทีแผ่นดินที่ถูกปกครองด้วยความหวาดกลัวนี้อาจจะเปลี่ยนแปลงไปก็เป็นได้



ภายในเขตตำหนักชั้นในเองก็วุ่นวายกับการตระเตรียมข้าวของที่ต้องใช้ในงานพิธีไม่ต่างจากข้างนอกเช่นกัน ข้ารับใช้ต่างวิ่งกันไปมาเพื่อเอาเครื่องใช้ที่ถูกเก็บเอาไว้ในท้องพระคลังชั้นในสุดออกมาปัดกวาดเช็ดล้างเพราะเป็นของในงานมงคลซึ่งไม่เคยได้หยิบมาใช้เลยเป็นเวลากว่าสิบปี  หอพิธีการที่ถูกใช้ครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่ที่ฮิบาริ เคียวยะขึ้นรับตำแหน่งเจ้าเมืองนั้นถูกซ่อมแซมทำความสะอาดกันยกใหญ่ เหล่าซามูไรในชุดดำต่างออกตรวจตราและจัดระเบียบของเมืองให้ดูเรียบร้อยและปลอดภัยที่สุด ผู้คนที่เริ่มจะชินตากับการจัดเตรียมงานก็เริ่มหันมาสนใจและร่วมยินดีไปกับงานพิธีในครั้งนี้ด้วย



สายวัดที่พันอยู่รอบเอวถูกปลดออกช้าๆ ช่างตัดกิโมโนมือหนึ่งของเมืองถูกเรียกตัวมาเพื่อตัดชุดเจ้าสาวให้แก่ร่างบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระ แพรไหมชั้นดีที่สุดถูกนำมาให้เลือกมากมาย ทุกอย่างล้วนถูกจัดเตรียมขึ้นมาเพื่อเขา ยิ่งเห็นเหล่าผู้คนวิ่งวุ่นกันไปทั่วทั้งเมืองแบบนี้ยิ่งคิดที่จะหนีไม่ได้



นัยน์ตาสีเขียวมรกตแลมองผู้คนที่อยู่รอบกาย ทั้งๆที่เหน็ดเหนื่อยจากการเตรียมงานแต่ใบหน้าของทุกคนก็ยังคงยิ้มแย้ม ราวกับกำลังยินดีกับเรื่องที่จะเกิดขึ้น ใบหน้าสวยจึงทำได้แค่ยิ้มน้อยๆ....นี่คือทางที่ข้าเลือกแล้ว....



สักวัน...ข้าจะรักท่านได้.....



ร่างบอบบางเดินไปตามระเบียงทางเดินที่คุ้นเคย นอกจากการลองชุดแล้วพวกข้ารับใช้ก็ไม่ยอมให้เขาทำอะไรอีก ภายในเรือนส่วนตัวของฮิบาริ เคียวยะเองก็ต้องถูกจัดเตรียมด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นเขาจึงเลือกที่จะไปอยู่ที่โรงฝึกเพื่อให้ไม่ขวางการทำงานของพวกข้ารับใช้ และที่โรงฝึกแห่งนั้นยังทำให้ใจสงบลงได้อีกด้วย ขาเรียวก้าวเดินไปเพียงลำพัง สองสาวใช้เองก็กำลังวุ่นวายกับการเตรียมงานเช่นกัน



ประตูเลื่อนเปิดออกช้าๆ ก่อนที่จะปิดลงอีกครั้งเมื่อร่างบอบบางก้าวเข้าไปเรียบร้อยแล้ว นายน้อยแห่งโกคุเดระเดินตรงไปที่คันธนูสีดำสองอันที่วางเคียงข้างกันอยู่ มือบางยกคันธนูของตัวเองขึ้นก่อนที่จะใช้สมาธิจดจ่อไปกับการเหนี่ยวสายและจับจ้องไปยังเป้าหมาย



ฉึก....



ลูกธนูปักลงไปที่กลางเป้า ในขณะที่มือบางกำลังจะหยิบลูกธนูลูกต่อไปนั้นเอง มือคู่ใหญ่ของใครบางคนก็รวบตัวบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระเข้าไปไว้ในอ้อมแขนจากทางด้านหลัง แผ่นหลังบางจมลงไปแนบชิดกับแผ่นอกกว้าง....แอบมาเงียบๆแบบนี้.....ท่านเคียวยะหรอ



ไม่ใช่.....ถึงอ้อมอกนี้จะอบอุ่นเหมือนกันแต่ความอ่อนโยนนั้นกลับแตกต่าง....



แขนแข็งแรงที่โอบรัดอยู่ไม่ใช่สีขาวแต่เป็นสีแทน....



ใบหน้าคมที่ซุกมาที่ลำคอทำให้เห็นเส้นผมสีดำสนิท.....สั้น.....ไม่ใช่ยาวระใบหน้า....



ยะ....ยามาโมโตะ ?....     นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง...นี่ข้าฝันไปหรืออย่างไร....นายน้อยแห่งโกคุเดระพลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคนที่สวมกอดตนอยู่



ใบหน้าคมที่แสนคิดถึง นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่มืดมนแต่ยามที่จ้องมองเขามันกลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน รอยยิ้มที่มีให้แก่เขาแต่เพียงผู้เดียว....สองมือบางแตะสัมผัสไปที่ใบหน้าคมด้วยเรียวนิ้วสั่นระริก....เป็นไปได้หรือ....นี่คือเรื่องจริงหรือว่าข้าฝันไป?....เจ้าที่น่าจะตายไปแล้ว....






ข้า....คิดถึงเจ้าที่สุดเลย...โกคุเดระ.... 









.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป.....ไป.......




ยังคงเมามันส์กับการลงเรื่องนี้ต่อไป คึหึหึ....
ช่วงท้ายๆจะพยายามลงให้กระหน่ำมากกว่านี้นะคะ เพราะรู้ว่ามีหลายคนอยากเขวี้ยงหม้อไหกะละมังกับคำว่า
โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป...ไป......ของข้าพเจ้า ^ ^” ตัดตอนกันได้น่าตื้บมาก ^ ^”

และยิ่งคราวนี้....^ ^”....สงสัยจะไม่ใช่แค่ตบสับปะรดหลุดซะละม้าง ฮ่าๆๆ

ทางแยกนี้มีชื่อว่า Red  SNOWDROP นะคะ

อีกสองทางแยกจะใช้ชื่อว่า Black SNOWDROP และ White SNOWDROP ค่ะ

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์มากๆนะคะ >/////< หลังจบเรื่องนี้จะทำโล่ให้ เพราะแต่ละคนเม้นต์กันได้มันส์สุดๆ ฮ่าๆๆ
แล้วก็ขอบคุณทุกท่านที่เข้ามาอ่านด้วยค่ะ ยังมีคนอ่านอยู่สินะ...ยังมีใช่ไหม...ไหม.....ไหม........?

ปล.1 วันนี้อู้ตอบเม้นต์อีกแล้วค่า....ฮะ ฮะ (ยังมีหน้ามาหัวเราะ!) แบบว่ากำลังปั่นกระต่ายอลิสแบบวิ่งสู้ฟัดมาก อ๊ากกก วันเกิดคุณมุใกล้เข้ามาแล้ว >[]< ออกรบกับแฝดน้องทุกคืนจนกลับไปรั่วไม่ออกแล้วง่ะ โอกกกกก...
ปล.2 ตอนหน้าโปรดเตรียมทิชชูผ้าขนหนูผ้าเช็ดหน้า.....(หื๋อ?)....แต่จะซับเลือดหรือซับน้ำตานั้น....คึ หึ หึ.....
 



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น