: KHR Fanfiction Au
: 1859 1006927 XS
: Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......
[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....
.
.
.
.
.
สมการสามเส้า ของพวกเขาสามคู่
กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน
กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก
สุดท้าย.......
ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน
กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน
กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก
สุดท้าย.......
ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน
By : K_Guardian_7
.
.
.
.
.
.
.
.
“ ตกลงว่าเจ้า....อยู่กับข้าที่นี่นะ....สควอลโล่”
มือบางกำนิ่ง ผมด้านหน้าที่สั้นกว่าปรกลงปิดใบหน้าที่กำลังพยายามกักเก็บความรู้สึกทั้งหมดที่มี....
ข้าไม่น่าหลงใหลไปกับความรู้สึกอ่อนแอเช่นความรัก
ขนาดคนที่อยู่ด้วยกันมาทั้งชีวิต คนที่ข้ารักมากที่สุดยังทิ้งข้าไป....แล้วจะมีใครรักข้าจริงๆกันเล่า
ชายผู้มีนัยน์ตาสีโลหิตผู้นั้นต้องการกักขังข้าเอาไว้ให้อยู่เคียงข้าง....
เพราะข้าเหมือนพี่ชายฝาแฝด....
ชายผู้มีเส้นผมสีทองผู้นี้ต้องการให้ข้าอยู่ที่นี่....
เพราะเข้าใจว่าข้าคือพี่ชายฝาแฝด....
แต่ไม่มีใครต้องการข้า ที่เป็นตัวข้าเลย....
ข้าไม่ใช่....ตัวแทนของใคร...และไม่มีวันเป็นได้.....
ดี...ในเมื่อพวกเจ้าต้องการคนที่ตายไปแล้วนัก...ข้าก็จะให้พวกเจ้าสมหวัง
ข้าจะส่งพวกเจ้าไปหาพี่ชายฝาแฝดของข้าในนรกให้เอง!
“ ใช่สิ...ข้าจะอยู่กับเจ้าที่นี่....”
จากความดีใจถูกดึงให้ลงสู่ก้นบึ้งแห่งความเศร้าและสิ้นหวัง....
จากความสิ้นหวังแปรเปลี่ยนเป็นความแค้นแสนสาหัส...
แล้วทางออกของความแค้นความเกลียดชัง......
...............................................................................................................................................................
‘ ฮายาโตะ! ฮายาโตะ! ‘
เจ้านกป้อมสีเหลืองบินอยู่รอบๆกายก่อนที่มันจะบินไปยังถาดอาหารของตัวเอง นัยน์ตาสีเขียวมรกตทอดมองด้วยความเอ็นดู ทำให้อีกคนที่นั่งแอบชำเลืองมองทั้งคู่อยู่อมยิ้มในใจ เมื่อใบหน้าสวยหันกลับมา นัยน์ตาสีดำสนิทจึงเสมองไปที่อาหารในจานของตน
ถึงแม้วันนี้ก็ยังคงไร้เสียงพูดคุยระหว่างที่นั่งรับประทานอาหารอยู่ด้วยกัน แต่บรรยากาศนั้นก็เปลี่ยนแปลงไป....มือใหญ่คีบก้างปลาออกจากเนื้อแล้วคีบไปวางในจานของนายน้อยแห่งโกคุเดระ ก่อนจะส่งสายตาดุๆตามไปว่าให้กินเสีย ใบหน้าสวยทำแก้มป่องก่อนจะคีบชิ้นปลาพลิกไปมา ให้นัยน์ตาสีดำสนิทต้องส่งสายตาดุๆให้อีกรอบ ริมฝีปากสีระเรื่อถึงได้ยอมกลืนกินชิ้นปลาที่คัดสรรมาอย่างดีนั่นเข้าไป....เพราะรู้ดีว่าร่างบอบบางตรงหน้าไม่ค่อยจะยอมกินปลาเนื่องจากเมื่อตอนเด็กๆเคยถูกก้างปลาติดคอ แต่เพราะเนื้อปลามีประโยชน์เขาจึงพยายามบังคับให้กิน ถึงแม้ว่าจะต้องเสียเวลามานั่งแกะก้างออกให้อย่างที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อนแบบนี้ก็เถอะ
ถ้วยน้ำชาถูกวางลงแผ่วเบาหลังจากเวลาอาหารผ่านไปด้วยการบังคับทางสายตาจนในที่สุดถาดอาหารของร่างบอบบางก็ว่างเปล่า
“ วันนี้ข้าจะไปศาลเจ้าซาวาดะ” นายน้อยแห่งโกคุเดระเอ่ยบอกเจ้าของแผ่นดินสีดำ ถึงแม้จะไม่ได้บอกจุดประสงค์ของการไป แต่อีกฝ่ายก็รับรู้ได้ทันที...จะไปไหว้ท่านแม่ของเจ้าสินะ....ใบหน้าคมพยักหน้าน้อยๆ...
“ เดี๋ยวข้าจะให้คนเตรียมเกี้ยวให้”
“ ไม่ต้อง...ข้าจะเดินไปเอง...” ความดื้อดึงของร่างบอบบางตรงหน้าทำให้เผลอถอนหายใจ...ทีอยู่กับคนอื่นไม่เห็นเจ้าเอาแต่ใจแบบนี้เลย....
ร่างบอบบางลุกขึ้นเตรียมสวมกิโมโนตัวนอกสีขาวบริสุทธิ์ซึ่งปักลวดลายนกกระเรียนด้วยดิ้นสีทองงดงาม โอบิสีแดงเลือดนกถูกคาดทับที่เอวบางพร้อมทั้งพัดและปิ่นประดับที่ถูกเสียบตามลงไป ถึงแม้กิโมโนจะหนาหนัก แต่เรือนร่างงดงามที่อยู่ข้างในก็ส่งผลให้ทุกอย่างแลดูลงตัวอย่างที่สุด นัยน์ตาคมสีดำสนิทจับจ้องมองดูทุกความเคลื่อนไหวที่สง่างามแต่ก็อ่อนช้อยราวกับหงส์นั่นตาไม่กระพริบ
“ สวมนี่คลุมทับไปด้วย” เสื้อคลุมกิโมโนสีดำสนิทถูกสวมทับมาบนไหล่บางอีกชั้นหนึ่ง นัยน์ตาสีมรกตมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรออกไป
นายน้อยแห่งโกคุเดระก้าวเดินออกจากห้อง เปิดประตูเลื่อนออกมาก็พบกับสองสาวใช้ที่มีสีหน้าตื่นตะลึงก่อนจะหันไปยิ้มกันสองคนเมื่อมองเห็นการแต่งกายของท่านหญิงของพวกเธอในวันนี้.......ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์สีดำภายในเขตตำหนักแห่งนี้มีเพียงท่านเท่านั้น....และนอกจากนี้....เสื้อคลุมตัวนั้นยังเป็นดั่งตัวแทนของ ฮิบาริ เคียวยะ ซึ่งมันบ่งบอกเอาไว้อย่างชัดเจนว่า ใครที่บังอาจทำร้ายคนที่สวมเสื้อคลุมตัวนี้อยู่จะต้องตายสถานเดียว...
ร่างบอบบางเดินอยู่ภายใต้ร่มไม้สีดำ นัยน์ตาสีเขียวมรกตลอบมองสองฝั่งข้างทางเดินอย่างเก็บรายละเอียด ตำหนักในเขตนอกนี้เป็นเพียงคฤหาสน์ขนาดกลางไปจนถึงขนาดเล็ก ความเป็นอยู่ของเชลยศึกแต่ละคนที่อยู่ที่นี่ถูกจำกัดให้เรียบง่ายที่สุดแต่ก็ไม่ได้โหดร้ายเหมือนที่เคยได้ยินมา อย่างน้อยก็ยังได้รับเกียรติ์ให้อาศัยอยู่ในเขตที่เรียกว่าตำหนักมิใช่ในคุกมืดที่ไหนสักแห่ง ทุกอย่างรอบกายดูสงบนิ่งราวกับว่าทุกคนต่างพอใจที่จะได้อยู่ต่อไปแบบนี้
แต่อะไรบางอย่างของตำหนักท้ายสุดตรงหน้ากลับทำให้รู้สึกแตกต่าง....
นายน้อยแห่งโกคุเดระพยายามเดินอย่างเป็นธรรมชาติมากที่สุด ทั้งๆที่ประสาทรับรู้และดวงตาทั้งคู่ต่างจับจ้องเข้าไปภายในรั้วไม้ไผ่ที่ขวางกั้นอยู่ วันนี้ไม่มีสายตา ไม่มีจิตสังหารส่งออกมาจากภายในเหมือนเมื่อครั้งก่อนๆ หรือว่าท่านหญิงแห่งตำหนักซ้ายจะไม่ได้อยู่ภายใน
ตุบ!
เพราะมัวแต่สนใจคนในตำหนักจึงไม่ได้มองข้างหน้า ร่างบอบบางของนายน้อยแห่งโกคุเดระจึงชนเข้ากับร่างกายสูงใหญ่ของชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินออกมาจากตำหนักที่อยู่ฝั่งตรงข้าม มือใหญ่ที่เต็มไปด้วยริ้วรอยแห่งวัยคว้าจับแขนบางเอาไว้ได้ทันก่อนที่จะล้มลงไป
“ ขออภัยที่ข้าเดินไม่ระวัง ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม” เสียงทุ้มเอ่ยออกมา ชายตรงหน้าน่าจะอายุคราวพ่อ ใบหน้าและดวงตานั้นทำให้คนที่มองรู้สึกได้ถึงความใจดีและความอ่อนโยน มือใหญ่ปล่อยแขนของนายน้อยแห่งโกคุเดระแล้วส่งรอยยิ้มอบอุ่นมาให้อีกครั้ง ก่อนที่จะก้มหัวให้ราวกับรู้ว่าเขาเป็นใครและเกี่ยวข้องอย่างไรกับฮิบาริ เคียวยะ
มือบางเผลอจับลงไปที่แขนในตำแหน่งที่เคยถูกมือใหญ่คู่นั้นจับเอาไว้ ร่างบอบบางหันไปมองตามที่ร่างสูงใหญ่เดินลับสายตาไป....ชายผู้นั้นทำให้เขานึกถึง....ท่านพ่อ...
“ คนนั้น...ใครกันน่ะ” ใบหน้าสวยหันไปถามสองสาวใช้ซึ่งไม่ได้มีความหวาดระแวงต่อชายผู้นั้นเหมือนที่มีให้กับท่านหญิงตำหนักซ้าย
“ นามจริงๆพวกข้าเองก็ไม่ทราบหรอกเจ้าค่ะ แต่เราเรียกท่านผู้นั้นว่า ท่านคุโร เขาอยู่ที่นี่มานาน อยู่มาก่อนที่พวกเราจะเข้ามาเป็นข้ารับใช้ที่นี่เสียอีก เพราะงั้นเลยไม่ค่อยมีใครรู้เรื่องราวของเขาเท่าไหร่เจ้าค่ะ”
“ แต่ว่า ท่านคุโร ใจดีมากๆเลยนะเจ้าคะ ชอบแบ่งลูกพลับที่ปลูกอยู่ในตำหนักของท่านให้พวกเราเวลาเดินผ่านเป็นประจำ”
“ ใช่เจ้าค่ะ ท่านเป็นคนอ่อนโยนอย่างที่เห็น” ดูท่าทางว่าสองสาวใช้จะชื่นชมชายผู้นั้นอยู่มาก ใบหน้าสวยพยักหน้าแล้วออกเดินไปยังจุดมุ่งหมายต่อ
ภายในศาลเจ้ายังคงเงียบสงบ นายน้อยแห่งโกคุเดระเดินตรงไปยังแท่นวางป้ายวิญญาณของท่านหญิงโกคุเดระโดยที่ไม่ได้เข้าไปบอกผู้ทำพิธีประจำศาลเจ้าว่าเขามาเยือน มือบางเปลี่ยนดอกไม้ในแจกันทั้งสองข้าง ก่อนจะจุดธูปเคารพ กลิ่นธูปหอมลอยละล่องอยู่รอบๆกาย นัยน์ตาสีมรกตปิดลงช้าๆ
ท่านแม่....ท่านยังดูข้าอยู่หรือไม่....
ท่านเคียวยะดีกับข้ามาก ท่านไม่ต้องเป็นกังวลอะไรแล้วนะ....
ใช่...เขาดีกับข้ามาก...เขาดูแลข้ามาตลอดสิบกว่าปี....ข้าอยากจะตอบแทนเขาให้ได้มากกว่านี้ ข้ารู้ว่าเขาอยากได้ทั้งร่างกายและหัวใจของข้า...แต่ว่า....
แต่ว่า......
นัยน์ตาสีมรกตลืมตาขึ้นมาเมื่อไม่อาจจะบอกสิ่งที่คิดอยู่ให้กับผู้เป็นแม่ที่ฝากฝังตนไว้กับคนที่เธอเชื่อมั่นได้....เพราะข้าได้ละเลยในสิ่งที่ท่านคาดหวังเอาไว้...
ข้าไม่อาจจะเป็นสายลมอบอุ่นของท่านเคียวยะแต่เพียงผู้เดียวได้....
ข้ารักยามาโมโตะ.....
ร่างบอบบางปักธูปลงในกระถางพร้อมก้มหัวเคารพป้ายวิญญาณของท่านหญิงโกคุเดระ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินออกมา จากความมืดภายในศาลเจ้าเมื่อปะทะกับความสว่างจ้าจากด้านนอก สายตาที่ปรับให้เข้ากับแสงไม่ทันจึงพลันมองเห็นแปลงดอกไม้เปลี่ยนสีไป....SNOWDROP กลายเป็นสีแดง....
เมื่อกระพริบตาสองสามครั้ง ทุกอย่างจึงกลับมาเป็นเช่นเดิม
“ ท่านหญิงจะกลับเลยหรือไม่เจ้าคะ” แว่วเสียงสาวใช้ถามมาจากด้านหลัง
“ ยังหรอก ข้าจะเดินเล่นอยู่ที่นี่สักพัก พวกเจ้าช่วยไปเอาน้ำมนต์ใส่ขวดให้ข้าที” มือบางยื่นขวดแก้วใบเล็กให้สองสาวใช้ที่รับไปด้วยความยินดี ทุกครั้งที่ท่านหญิงของพวกเธอมาที่นี่ก็มักจะนำขวดน้ำมนต์กลับไปด้วยเสมอ แล้ววันรุ่งขึ้นพวกเธอก็จะได้กลิ่นหอมของน้ำมนต์ออกมาจากกิโมโนสีดำของฮิบาริ เคียวยะ
รอบๆศาลเจ้ามีแปลงดอกไม้อยู่มากมาย บางแปลงก็ดูรกร้างเหมือนไม่มีคนคอยดูแล บางแปลงก็ยังคงสวยสดงดงามอยู่....ถ้าซาวาดะ สึนะโยชิ ยังอยู่ที่นี่ แปลงดอกไม้พวกนี้คงจะสวยงามและมีชีวิตชีวามากกว่านี้สินะ...ขนาดเขาเองที่อยู่ร่วมกับร่างเล็กผู้นั้นได้ไม่นานก็ยังสัมผัสได้ ถึงความรักที่เหล่าดอกไม้มอบให้แก่คนผู้นั้น....เจ้ามีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะดอกไม้ และดอกไม้มีชีวิตอยู่ได้ก็เพราะเจ้า....
ขาเรียวภายใต้กิโมโนเดินทอดน่องมาเรื่อยๆจนถึงโรงเก็บฟืนเก่าผุพัง ที่ผนังไม้แทบจะเต็มไปด้วยรูพรุน....ที่นี่สินะ...ที่ที่มุคุโร่พบกับสึนะโยชิ....
แซก...แซก....
เสียงของหญ้าแหวกไหวทำให้นายน้อยแห่งโกคุเดระสะดุ้งสุดตัวแล้วเหลียวมองไปที่รอบกาย ไม่ว่าจะหันไปทางใดก็พบแต่ความว่างเปล่า ไม่ได้รู้ตัวเลยว่ามีสายตาอีกคู่หนึ่งจับจ้องมองอยู่จากบนต้นไม้
นัยน์ตาสองสีทอดมองลงมายังร่างบอบบางเบื้องล่าง ไม่คิดว่าจะได้เจอนายน้อยแห่งโกคุเดระ ณ ที่นี้เลย ที่ที่เขาใช้หลบซ่อนตัวตั้งแต่กลับมายังนามิโมริ
มุคุโร่มองดูร่างบอบบางผมสีเงินยาวสลวยที่ยืนหันไปหันมาอยู่เบื้องล่างด้วยรอยยิ้มจางๆ....ตั้งแต่ที่เขากลับมาที่นี่เขาก็แอบตามดูน้องชายของเขาอยู่เสมอ...เขาพอจะรู้อยู่บ้างจากที่ได้ยินจากเหล่าข้ารับใช้ในตำหนักว่าเคียวยะพาตัวนายน้อยโกคุเดระกลับมาได้สำเร็จ และดูเหมือนกับว่านายน้อยคนนั้นจะทำให้เจ้าของแผ่นดินสีดำเปลี่ยนไปจนบรรดาข้ารับใช้ยังรู้สึกได้...ก็ไม่แปลก...ในเมื่อเคียวยะรักเด็กคนนั้นมานานนับสิบปี....ทุกๆอย่างมันอาจจะเป็นความผิดของเขาเองที่ทำให้รอยยิ้มของน้องชายเพียงคนเดียวหายไป....แม้แต่หัวใจของคนที่เคียวยะรัก เขาก็ยังไปช่วยให้ยามาโมโตะมาช่วงชิงเอาไป....ทุกอย่างเขาเป็นคนผิดเอง
และถ้าวันนี้ข้าจะชดใช้ให้เจ้า....มันจะยังทันอยู่หรือไม่ เคียวยะ....
ร่างโปร่งกระโดดลงไปจากต้นไม้ นายน้อยแห่งโกคุเดระหันมาเผชิญหน้าพร้อมด้วยมีดสั้นในมือบางที่เตรียมพร้อม แต่เมื่อนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวมองเห็นว่าคนที่อยู่ตรงหน้าคือใคร ความตื่นเกร็งนั้นก็เปลี่ยนไปเป็นความดีใจแทน
“ มุคุโร่!”
มีดสั้นในมือบางลดระดับลง....มีดสั้นด้ามสีดำลวดลายนั้นช่างคุ้นตายิ่งนัก....เหมือน.....มีดของเคียวยะ
แล้วยังเสื้อคลุมสีดำตัวนี้อีก....
“ คึหึหึ...ไม่ได้เจอกันเสียนานเลยนะครับ นายน้อยโกคุเดระ....” รอยยิ้มละไมถูกส่งไปพร้อมกับนัยน์ตาสองสีที่เป็นประกาย ทั้งมีดและเสื้อคลุมบ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าน้องชายเพียงคนเดียวของเขารักร่างบอบบางตรงหน้านี้มากขนาดไหน.....นอกจากข้าแล้ว ก็มีเพียงเจ้านี่แหละที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์สีดำภายในเขตตำหนักนั้นได้ นายน้อยแห่งโกคุเดระ...
“ มุคุโร่เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร แล้วสึนะโยชิล่ะ...ไม่สิข้าอยากจะรู้ว่า....” ดูท่าทางนายน้อยตรงหน้าจะตื่นเต้นพอดูเมื่อพบกับเขา นัยน์ตาสองสีหรี่ลงเมื่อพอจะเดาได้ว่าสิ่งที่นายน้อยแห่งโกคุเดระต้องการที่จะรู้มากที่สุดคืออะไร....ร่างกายนั้นย่อมต้องอยากกลับไปหาหัวใจของตนเองอยู่วันยังค่ำ....
แล้วคิดว่าข้าจะยอมให้มันกลับไปดีไหม ?
“ ข้า....อยากรู้ว่า.....” ใบหน้าสวยก้มลงมองไปที่พื้น สองมือกำแน่นราวกับกำลังรวบรวมความกล้าและกำลังใจทั้งหมดเอาไว้
“ อะไรหรือครับ ?” แกล้งถามออกไปทั้งๆที่รู้คำตอบดี....
“ ข้า...อยากรู้...ว่าเขา....ว่ายามาโมโตะ....ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่!” หลังจากตะโกนถามออกมาร่างบางๆนั่นก็หอบจนตัวโยน มันคงจะเป็นสิ่งที่ยังคงค้างคาอยู่ในใจเจ้าและจะไม่มีวันสลัดให้หลุดพ้นไปได้ ไม่สามารถจะไปเริ่มใหม่กับใครหรือถอยออกมาจากใครได้ ตราบจนความจริงนี้จะเปิดเผย
ถ้าเช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าเอง.....
มือเรียวจับลงที่ไหล่บางของนายน้อยแห่งโกคุเดระและออกแรงบีบเบาๆ นัยน์ตาสองสีจับจ้องลึกลงไปในนัยน์ตาสีเขียวมรกต
“ ฟังข้าให้ดีนะโกคุเดระ ฮายาโตะ....” ข้ารู้ว่าเจ้ารักยามาโมโตะ...และยามาโมโตะก็รักเจ้ามากเช่นกัน ชายผู้นั้นยอมทิ้งทุกสิ่งทุกอย่างแม้แต่ชีวิตของตัวเองเพื่อเจ้า....แต่ข้า...รักน้องชายของข้าและจะไม่มีวันทรยศต่อเขาอีก....
“ ฟังข้าให้ดี...ข้าจะบอกเจ้าแค่ครั้งเดียวเท่านั้น” นัยน์ตาสีมรกตนั้นสั่นเครือเหมือนจะยังทำใจให้รับรู้ไม่ได้ ร่างบอบบางนั้นแทบจะทรงตัวไม่อยู่เมื่อมองมาที่ใบหน้าของเขา....
“ คนที่เจ้าถามถึง...ยามาโมโตะน่ะ..........” ....ยามาโมโตะ ข้าขอโทษ.....
“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....ตายไปแล้ว....”
ร่างทั้งร่างของคนตรงหน้าสั่นเทาจนเขารับรู้ได้ หยาดน้ำตาไหลลงมาตามแก้มเนียนใสทันทีที่ประโยคที่โหดร้ายของเขาจบลง นัยน์ตาสีมรกตเหม่อลอยเมื่อเขาปล่อยมือออกจากไหล่บางนั้น ร่างทั้งร่างก็ทรุดลงไปกับพื้นทันที ใบหน้าสวยก้มลงจนหยาดน้ำตาหยดลงสู่พื้นดินมากมาย เสียงร้องไห้พร้อมกับเสียงเรียกชื่อของคนที่ตนรักฟังแล้วน่าสงสารจับใจ
“ ยามาโมโตะ.....”
“ ยามาโมโตะ!!!!” ราวกับหัวใจกำลังจะแหลกสลายลงอีกครั้ง บาดแผลที่กำลังได้รับการเยียวยากลับฉีกขาดไม่เหลือชิ้นดี....ไม่รู้เสียยังจะดีกว่า....
เพราะรู้....ตอนนี้ถึงได้เจ็บแทบขาดใจ....หัวใจของเขา....กำลังโดนทำลายเพราะคนที่เอามันไปได้จากไปอย่างไม่มีวันหวนกลับมาแล้วจริงๆ
“ ยามาโมโตะ!” เสียงสุดท้ายเรียกออกมาพร้อมกับร่างบางที่หมดสติลงท่ามกลางอ้อมแขนที่ไปรับไว้ได้ทัน
ข้าขอโทษ......
บาปในครั้งนี้ข้าจะขอชดใช้ด้วยชีวิต....
ข้ารู้ดีว่าการที่ต้องถูกแยกจากคนที่รักนั้นมันทรมานปางตายเพียงใด...
มันคือความผิดที่ร้ายแรงที่สุดของข้าที่ไปแยกพวกเจ้าออกจากกัน....
แต่มันคือสิ่งเดียวที่ข้าจะทำเพื่อน้องชายของข้าได้.....
ต่อให้สุดท้ายแล้วข้าต้องตายเพื่อชดใช้ให้แก่พวกเจ้า....ข้าก็จะทำ...
ข้าขอโทษ...ยามาโมโตะ....นายน้อยโกคุเดระ....ข้า.....ขอโทษ....
“ ทางนี้เจ้าค่ะ นายท่าน!” สองสาวใช้ร้องเรียกร่างแข็งแกร่งในชุดสีดำที่กำลังกระโดดลงจากหลังม้าด้วยความเร่งรีบ ใบหน้าคมเครียดขึง
“ เกิดอะไรขึ้น” น้ำเสียงนิ่งสนิทน่ากลัวจับใจจนสองสาวใช้เริ่มละล่ำละลัก ร่างสูงเดินอย่างรวดเร็วเข้าไปในห้องๆหนึ่งของศาลเจ้าทันที
“ คะ...คือว่า....พะ...พวกเรากำลังเตรียมน้ำมนต์อยู่ในห้องทำพิธี....ทะ...ท่านหญิง....จู่ๆก็ได้ยินเสียงท่านหญิง ร้องเรียกชื่อใครบางคน พอเราออกไปดูก็เห็นท่านหญิงนอนสลบอยู่ที่ระเบียงทานเดินเจ้าค่ะ” นัยน์ตาคมกริบมองดูร่างบอบบางที่นอนนิ่งอยู่ตรงหน้า ใบหน้าสวยมีร่องรอยแดงจากการร้องไห้ คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแม้ในยามหลับ แสดงว่าต้องเจอเรื่องสะเทือนใจอะไรแน่ๆ...หรือว่าจะเป็น....
“ ตอบข้ามา ว่าเขาเรียกชื่อใคร” มือใหญ่เช็ดรอยน้ำตาที่ยังคงไหลลงมา
“ ระ...รู้สึกว่าจะเป็น....เอ่อ....ยะ...ยามาโมโตะ.....”
เพล้ง!!!
ขวดแก้วใส่น้ำมนต์ที่วางอยู่ข้างกายถูกปัดกระจายออกไปทันที สองสาวใช้เริ่มตัวสั่นจนทำอะไรไม่ถูก ด้วยไม่รู้ว่าชื่อที่เอ่ยออกไปนั้นเป็นดั่งคำต้องห้ามของนายเหนือหัวของตัวเอง
แต่เสียงนั่นกลับปลุกคนที่อยู่ในห้วงแห่งความสงบให้ตื่นขึ้นมารับรู้ความจริงอีกครั้ง เมื่อนัยน์ตาสีมรกตลืมขึ้นมา ร่างบอบบางก็ลุกจากที่นอนทันที มือบางพยายามไขว่คว้าอะไรบางอย่าง พร้อมกับน้ำตาที่ไหลลงมาอีก สองมือแกร่งของเจ้าของแผ่นดินสีดำจับยึดไหล่บางทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ร่างบางตรงหน้าร้องไห้สะอึกสะอื้นร้องเรียกชื่อของใครอีกคนอย่างเศร้าสร้อย โหยหาและสิ้นหวัง ด้วยสติที่ราวกับจะไม่ยอมรับรู้อะไรอีกแล้ว......สิ่งที่มองเห็นนั้นทำเอาหัวใจที่เคยด้านชานั้นเจ็บแปลบ
ถ้าไม่ฉุดรั้งเอาไว้....คนตรงหน้าต้องจมปลักไปกับความเศร้าเสียใจจนเสียสติไปแน่ๆ
“ ฮายาโตะ....” สองแขนแข็งแรงเขย่าร่างบอบบางให้รู้ตัว
“ ฮายาโตะ!!!!” เสียงดุดันที่ตะโกนออกมานั้นทำให้ร่างบางในมือถึงกับสะดุ้ง
นัยน์ตาสีมรกตที่เคยเหม่อลอยกลับจับจ้องมาที่ใบหน้าคม มือบางที่เคยไขว่คว้าอากาศกลับเอื้อมมาเกาะแขนเสื้อสีดำแน่น ริมฝีปากสั่นระริกเหมือนพยายามจะพูดอะไรสักอย่าง
“ ฮายาโตะ...” น้ำเสียงอ่อนโยนราวกับกำลังปลอบประโลมถูกส่งไปให้ สติที่กำลังจะสูญเสียไปค่อยๆกลับคืนมาอีกครั้ง
“ ทะ...ท่าน....” เสียงกระซิบสั่นสะท้านเอ่ยออกมาเบาๆ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีดำสนิท สองมือเล็กเกาะแขนแข็งแรงแน่น
“ ยามาโมโตะ....ยามาโมโตะตายแล้ว....” สิ้นประโยคนั้นเสียงปล่อยโฮและน้ำตามากมายก็ไหลรินลงมาอีกครั้ง สองแขนแกร่งดึงตัวร่างที่สั่นเทาเข้ามาไว้ในอ้อมแขน ใบหน้าคมฝังจมูกลงบนกลุ่มผมสีเงิน....
ให้แผ่นอกของข้ารับน้ำตาของเจ้าเอาไว้.....
ให้หัวใจของข้ารับความเจ็บปวดของเจ้าเอาไว้....
ข้าไม่ได้ดีใจในชัยชนะครั้งนี้เลยสักนิด นั่นเพราะว่าเจ้าเศร้าสร้อย นั่นเพราะว่าเจ้าเสียน้ำตา....
จงให้อ้อมกอดของข้าเป็นคนเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเจ้าเถิด...ฮายาโตะ
............................................................................................................................................................
ณ ย่านการค้าที่เต็มไปด้วยผู้คนพลุกพล่าน บ้างนำของมาขาย บ้างมาจับจ่ายของกินของใช้ เป็นเขตที่มีความคึกคักเขตหนึ่งของนามิโมริ ถึงแม้จะมีซามูไรในชุดสีดำคอยเดินตรวจตราความเรียบร้อยอยู่บ้าง แต่ด้วยความที่เป็นย่านที่มีคนผ่านไปผ่านมามากมาย จึงเป็นอีกหนึ่งซึ่งการนัดพบพูดคุยจะไม่เป็นที่สังเกตของใคร
ร่างสูงโปร่งในชุดสีขาวแบบเรียบๆไม่สะดุดตาเดินทอดน่องไปตามร้านค้า เส้นผมสีขาวที่แทบจะกลืนกินไปกับแสงสว่างระใบหน้ายิ้มแย้ม นัยน์ตาสีอเมทริสเหลือบมองไปที่แผงขายของอย่างสนอกสนใจ มองผ่านๆแล้วเขาก็เหมือนคนทั่วไปที่มาเดินแถวนี้เพียงเพื่อหาซื้อของที่ต้องการ
“ ท่านเบียคุรัน...” ตราบจนเมื่อมีร่างระหงของหญิงสาวคนหนึ่งเดินตามมาอยู่เคียงข้าง ใบหน้าหล่อเหลาที่ทำเหมือนสนใจของขายก็หันไปมองก่อนที่จะยิ้มออกมา
“ ไง...ไม่ได้เจอกันนานนะ....ที่ตำหนักท้ายสุดนั่น...เจ้าสบายดีใช่ไหม ท่านหญิงตำหนักซ้าย” ทั้งสองคนต่างยังคงพูดคุยกันโดยที่เดินหน้าไปเรื่อยๆไม่ได้หันมามองหน้ากัน ฉะนั้นเมื่อมองผ่านๆก็คงจะเห็นแค่คนสองคนที่ต่างเดินซื้อของท่ามกลางคนมากมาย มิใช่คนที่นัดพบกัน
“ ค่ะ...คนที่ท่านให้ข้าจับตาดูไว้ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ แต่ข้าคิดว่าท่านคงได้พบเขาเมื่อเร็วๆนี้”
“ อื้อ...เดี๋ยวข้าก็ว่าจะเข้าไปทักทายเสียหน่อย ยังไงเราก็บ้านใกล้เรือนเคียงกันนี่นะ”
“ แล้วเรื่องลงมือ....”
“ อย่าเพิ่งดีกว่า...รอให้ถึงงานประจำปีหรืองานพิธีอะไรสักอย่าง เจ้าจะได้ไม่เป็นที่สังเกต”
“ ค่ะ...”
“ นามิโมรินี่ สงบสุขจนน่าอิจฉาเลยน้า....แล้วยิ่งท่านเจ้าเมืองได้ของล้ำค่ากลับคืนมาเกือบหมดแบบนี้...ยิ่งรู้สึกอิจฉาเข้าไปใหญ่.....” ใบหน้าสวยแต่เย็นชาของท่านหญิงตำหนักซ้ายลอบมองใบหน้าของร่างสูงที่เดินอยู่ข้างกาย เปลวไฟในดวงตาสีอเมทริสคู่นั้นทำให้เธอแน่ใจในเรื่องที่เฝ้าสงสัยมาตลอดในช่วงนี้
“ ท่านเบียคุรันหมายถึง นายน้อยแห่งโกคุเดระ หรือว่า...........” ของล้ำค่าที่ได้คืนมา “เกือบ” หมด...แปลว่าไม่ใช่คนเดียวสินะที่ได้กลับมา...ยิ่งร่างสูงคนนี้มาอยู่ที่นี่ด้วยแล้ว....
“ มุคุโร่ก็อยู่ที่นี่ด้วย....” เป็นอย่างที่เธอคิดจริงๆ เพราะมีร่องรอยของการกลับมาอยู่ที่ตำหนักหลังนั้น ตำหนักที่มีสัญลักษณ์เลขหก
“ เจ้าเองก็ต้องระวังให้ดีนะ อย่าให้มุคุโร่ล่วงรู้หรือว่าเข้ามายุ่งเกี่ยวกับแผนการในครั้งนี้ได้ เพราะข้าเชื่อว่าตอนนี้เขาทำได้ทุกอย่างเพื่อปกป้องน้องชายของเขา...และข้าก็ไม่อยากให้เขาทำแบบนั้น....”
“ ค่ะ....ข้าจะระวัง....ขอตัวก่อนนะคะท่านเบียคุรัน”
ร่างระหงของหญิงสาวหายไปจากข้างกายแล้ว ใบหน้าขาวเหม่อมองออกไปในท้องฟ้าสดใส....
ในเมื่อเจ้าทำได้ทุกอย่างเพื่อน้องชายของเจ้า...
ข้าก็ทำได้ทุกอย่างเพื่อเจ้าเช่นกัน....มุคุโร่.....
ร่างระหงของหญิงสาวในชุดกิโมโนสีเทาเรียบๆเดินผ่านหน้าไปแล้วแต่ร่างเล็กบางในชุดคลุมมิดชิดกลับยังคงมองตามไปไม่ได้ละสายตา ชายผ้าที่ใช้คลุมศีรษะโบกสะบัดไปมา ชายร่างสูงใหญ่อีกคนที่ยืนอยู่เคียงข้างก้มลงมามองด้วยความสงสัยเมื่อเห็นร่างเล็กหยุดเดินไปนาน
“ มีอะไรหรอสึนะ?” มือเล็กของคนที่ถูกถามปลดผ้าที่ใช้คลุมศีรษะลง เผยให้เห็นเส้นผมสีน้ำตาลที่ถูกรวบเอาไว้ครึ่งหัวกับใบหน้าน่ารักรับกับนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้
“ เบียคุรัน..........ข้าอยากรู้ว่ามันกำลังวางแผนจะทำอะไรอีก ผู้หญิงคนนั้นเป็นใครกัน ดูท่าทางจะเป็นการพบกันเพื่อนัดแนะอะไรบางอย่าง....” นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ยังคงทอดมองตามร่างระหงของหญิงสาวไปจนลับสายตา
“ มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างระหว่างข้ากับมุคุโร่ได้ แต่ข้าจะไม่ยอมให้มันทำร้ายมุคุโร่อีก” ความรักของข้านั้นไม่มีข้อแม้...ถึงจะไม่ได้ครอบครองแต่ขอแค่ให้เจ้ามีความสุขกับเส้นทางที่เจ้าเลือกแค่นั้นก็พอ...และข้าจะไม่ยอมให้ใครมาขวางเส้นทางนั้น....
มือใหญ่ของคนข้างๆจับข้อมือเล็กเอาไว้พร้อมกับออกแรงดึงให้ร่างเล็กออกวิ่งตาม
“ จะไปไหนน่ะ ยามาโมโตะ...เขตตำหนักไม่ได้ไปทางนั้น”
“ ถ้าเจ้ากังวลและอยากรู้...เราก็ตามไปดูกันเถอะ”
“ แต่ว่า...โกคุเดระคุง....” ใช่ เขารู้ว่าร่างสูงของเพื่อนเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ อยากพบกับนายน้อยแห่งโกคุเดระมากขนาดไหน ตลอดเวลาเดือนกว่าที่ต้องรักษาตัวไม่มีวันไหนที่เขาจะไม่ได้ยินเสียงละเมอเรียกชื่อชื่อนั้นเลยสักคืน...บาดแผลที่ยามาโมโตะได้รับนั้นสาหัสมากจนถ้าเป็นคนอื่นคงต้องรักษากันเป็นปี แต่ด้วยพลังใจที่ต้องการพบคนที่รักยิ่งกว่าชีวิตทำให้ร่างสูงยอมใช้ยาทุกอย่างถึงแม้จะเสี่ยงแค่ไหน ยอมทำกายภาพที่นับว่าโหดร้ายสำหรับร่างกายแบบนั้น ไม่ว่าจะเจ็บเจียนตายแค่ไหนก็ไม่เคยย่อท้อ...เพียงเพื่อวันนี้...วันที่จะได้เดินทางมาตามหาและทวงหัวใจของตัวเองคืนอีกครั้ง....
ความพยายามของเจ้ามันทำให้ข้านึกถึงตัวเองเมื่อสมัยก่อน....รักจนยอมเสี่ยงได้ทุกอย่าง....
ข้าก็แค่อยากจะช่วยเจ้า.....
ทั้งๆที่รู้ดี...ว่ามันอาจจะเป็นการทำร้ายฮิบาริอีก....แต่อย่างไรข้าก็อยากช่วยเจ้า...ยามาโมโตะ
แล้วบาปครั้งนี้ข้าจะไปขอรับกับฮิบาริเอง....กับความผิดที่สมควรตายถึงสองครั้งสองคราของข้า....
“ .......” ใบหน้าคมเพียงแค่ส่ายหน้า นัยน์ตาสีเปลือกไม้มืดมนจับจ้องไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ นั่นทำให้ใบหน้าของบุปผามรณะพยักหน้าลงอย่างเข้าใจ แล้วร่างสองร่างก็ซ่อนเร้นไปตามเงามืดเพื่อสืบสาวเรื่องราวที่ถูกปิดบังเอาไว้ต่อไป
เพราะถ้าเป็นแผนการที่มีเป้าหมายไปที่ฮิบาริ เคียวยะ....อันตรายมันก็อาจจะพาดพิงไปถึงโกคุเดระด้วย....
ซึ่งเรื่องนั้น....... เขายอมไม่ได้!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป.....ไป.......
ไปเจอไอ้นี่มาละ...เพิ่งเคยเห็น (ปกติเป็นพวกไม่ดูโทรทัศน์ เพราะมีคนรายงานข่าวส่วนตัว555)
http://www.youtube.com/watch?v=vqkXTq6UWfQ
โฮกกกกกกกกกกก ชอบเวอร์ชั่นนี้ >w< ถึงแม้ว่าเวอร์ชั่นอื่นก็ชอบมากก็เถอะนะ แต่ว่าเสียงกลองคณะ(ชาวบ้านเค้าเรียกกลองอย่างงี้ว่าอะไรฟะ สะบัดชัย?) ระนาดขลุ่ยมันเข้ากับไวโอลินได้แบบ “ลงตัว” สุดๆอ่ะ โฮกกกก ชอบบบบบ ฟังแล้วอลังการมาก โดยเฉพาะเวลาเสียงลงกลองอ่ะ ขนลุก (แต่เสียงคุณน้องอ๊อฟอ้อนไปนิดดด) คือ...ยิ่งฟังก็ยิ่งนึกถึงยามะในเรื่องนี้อ่ะ
ดวงใจข้ามอบจอมขวัญ มั่นรักต่อกัน มิ่งขวัญจันทรา...
กุสุมายอดชู้ รักเจ้าเพียงเอ็นดู ไว้เชิดชูดวงแด...
เจ็บใจคนรักโดนรังแก ข้าจะเผาเมืองแปรให้มันวอดวาย...
จะตายให้เขาลือชาย จะให้เขาลือชายว่านามชื่อกู....
เชื่อว่าหลายคนคงรู้จักเพลงนี้ดี คลาสสิคสุดยอดแล้วอ่ะ >.< (นี่ไม่ได้เช็คอายุนะ 555 แล้วก็ห้ามพูดถึง “ออกศึกข้านึกแต่รบและรบ” นะ กร๊ากกก ใครแซวเดี๋ยวโดนตบจูบ!) ขอบคุณคุณแก้ว sinnistra จากเม้นต์เมื่อชาติปางก่อนที่ทำให้ข้าพเจ้านึกถึงเพลงนี้มาตลอดตั้งแต่ตอนนั้นอ่ะ ฮ่าๆ อ่ะ...อีกเวอร์ชั่นที่ชอบก็คือของคุณชัชวาลย์ คงอุดม >.< ว่างๆก็ลองหาฟังดูนะค้า 555 (นอกจากนี้ยังมีเวอร์ชั่นของพี่แอ๊ดคาราบาว คุณชรินทร์ นันทนาคร คุณแจ้ ดนุพล...ยังมีอีกไหมใครรู้บอกด้วยค่ะ)
เอ๊ะ...นั่นไม่ได้เป็นการสปอยด์แต่อย่างใดนะว่ายามะจะเป็น “ผู้ชนะสิบทิศ” อ่ะ555 ไม่ต้องมาไซโคร
มาพูดถึงฟิกกันบ้างดีกว่า เวิ่นอะไรไปซะยาวเยื้อย...= =”....
อะ...เอาละสิ.....
น้องหลาม...คิดจะทำอะไร...ก็น้องหลามเค้าไม่รู้นี่นะ ว่าจริงๆแล้วพ่อม้าไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวกับแฝดพี่...แต่คนที่ต้องเป็นเงาของพี่ชายตัวเองมาตลอดแบบนั้น คำว่าตัวแทน ก็คงจะเป็นอะไรที่ราวกับคำที่คอยทิ่มแทงโดยที่ตัวเองก็ไม่รู้ตัวแหละน้า...
และ....
อย่าเพิ่งโกรธคุณมุกันนะค้า...>[]<...(แต่คนที่เชียร์1859คงปรบมือให้สินะ55)
ก๊กที่คิดว่ายามะตายไปแล้ว.....
คุณฮิพยายามจะเยียวยาหัวใจที่แหลกสลาย....
คุณมุที่ยอมโกหกเพื่อช่วยน้องชาย....
ป๋าเบียกำลังวางแผนจะดีหรือชั่วก็ไม่รู้....
ทูน่าที่ผ่านมาเห็นเข้า....
สุดท้าย....
ยามะมันกลับมาแล้วเว้ยเฮ้ย!!!
จะทำอะไรก็รีบๆเข้าคุณฮิ...>.<....
แต่........ให้แผ่นอกของข้ารับน้ำตาของเจ้าเอาไว้.....
โฮกกกกกก เขียนเองยังโฮกเองเลยง่ะ คุณฮิสุดยอดดด
ฮ่าๆๆ...อ่านเม้นต์เมื่อตอนที่แล้ว แต่ละท่านเม้นต์กันได้เมามันส์มาก แบบว่าเชียร์กันออกนอกหน้าจริงๆ
บางคนถึงขั้นหักธนูกันเลยทีเดียว 555 ขอบคุณมากๆค่า...ชอบจริงๆเลย ^ ^ อ่านเม้นต์ที่อินกันขนาดนี้
ข้าพเจ้ายิ่งมีไฟร้อนแรงที่จะเขียนต่อไป...เอาน่ะ....ทางแยกนี้บางคนอาจจะไม่สมหวัง แต่ทางแยกหน้าต้องมีที่สมหวังแน่นอน!
จะค่อยๆลงไปทีละทางแยกนะคะ แยกนี้จบเมื่อไหร่ ค่อยเริ่มทางแยกใหม่โดยมีตอนที่ 13เป็นตอนตั้งต้น
ถ้าน้องหลามไม่เลือกที่จะแค้น....ถ้าคุณมุไม่เลือกที่จะโกหก....ถ้าแผนที่ป๋าเบียวางเอาไว้เปลี่ยนเป้าหมาย....
จุดจบ....มันอาจจะเปลี่ยนไป.....
คุฟุฟุ.....
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น