: KHR Fanfiction Au
: 185980 1006927 XSD
: Drama
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ตอนคิดเรื่องนี้ขึ้นมาก็แค่อยากอ่านฟิคที่มีสองด้าน ก็แค่นั้นเองค่ะ เพราะงั้น....นี่คือ ฟิคคู่แฝดค่ะ.....เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหมือนๆกัน แต่ความรู้สึกนั้นช่างต่าง......พบกับอีกด้านของเรื่องนี้ได้ที่......
[AuFic][805918] The Last SNOWDROP....
.
.
.
.
.
สมการสามเศร้า ของพวกเขาสามคู่
กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน
กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก
สุดท้าย.......
ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน
กับความรักของคน 9 คน กับความรู้สึกและเหตุผลของแต่ละคนใน 9 ด้าน
กับความต้องการและความปรารถนาที่จะครอบครองบุคคลอันเป็นที่รัก
สุดท้าย.......
ดอกไม้แห่งความหวังจะเบ่งบานแย้มยิ้มให้แก่....ผู้ใดกัน
By : K_Guardian_7
.
.
.
.
.
.
.
อีกครั้ง....ที่ต้องลืมตาตื่นขึ้นมาทั้งๆที่ไม่อยากจะลืมเลยสักนิด....หันไปมองข้างๆกายก็พบแต่ความว่างเปล่า ฟูกสีขาวมีรอยยับย่น ไออุ่นของคนที่เคยนอนอยู่ยังคงล่องลอยอยู่บางเบา นายน้อยแห่งโกคุเดระหยัดกายลุกขึ้นช้าๆ เส้นผมสีเงินยาวยุ่งเล็กน้อย ตามร่างกายยังรู้สึกได้ถึงอ้อมแขนแข็งแกร่งที่กอดเขาอยู่นิ่งๆทั้งคืน
นิ้วเรียวลูบแผ่วเบาที่ข้อมือ กลิ่นสมุนไพรลอยออกมาจากผ้าพันแผลสีขาวที่พันอยู่โดยรอบ ความเจ็บแสบทุเลาลงไปมากจากเมื่อวาน สร้อยหินสีดำที่จำได้ว่าได้ทำมันหล่นหายไปนั้นกลับคืนมาอยู่ที่ข้อมืออีกครั้งโดยที่ไม่รู้ตัว.....ราวกับเครื่องพันธนาการที่ไม่อาจดิ้นหลุดที่ถูกผูกมัดโดยมัจจุราชที่มองไม่เห็น....
ร่างบอบบางกระชับกิโมโนตัวในสีขาว ก่อนที่จะเปิดประตูบานเลื่อนรับแสงอรุณ ความสว่างไสวของยามเช้าสาดส่องเข้ามาภายในห้อง สายลมเย็นพัดโชยเข้ามาให้ร่างบางต้องห่อตัวเข้าหากัน สวนที่ถูกตกแต่งอย่างงดงามปรากฏแก่สายตา อย่างน้อยๆสีเขียวขจีที่เห็นก็ช่วยทำให้จิตใจที่หมดอาลัยตายอยากได้รู้สึกสดชื่นขึ้นมาบ้าง
เท้าเปลือยเปล่าเหยียบย่างลงไปที่พื้นชาน สัมผัสได้ถึงความเย็นเชียบของไม้กระดาน ก่อนที่ร่างบอบบางจะค่อยๆทิ้งตัวนั่ง ให้ขาทั้งคู่ห้อยลงไปจากพื้นชาน เหลียวมองไปรอบๆก็ไม่พบสิ่งมีชีวิตใดๆ แน่ละ...ในเมื่อทุกๆด้านที่เหลือล้วนมีกำแพงกั้นเอาไว้ บ่งบอกนิสัยไม่ชอบให้ใครเข้ามาวุ่นวายภายในเขตของตน ของเจ้าของเรือนหลังนี้ได้เป็นอย่างดี....
แต่แล้วนัยน์ตาสีเขียวมรกตก็เหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่วางอยู่บนพื้นชานข้างๆกาย......ดอกไม้สีขาวดอกน้อย.......ดอกไม้ซึ่งไม่น่าจะมาวางอยู่ตรงนี้ได้ เพราะมองไปรอบๆสวนแห่งนี้อีกครั้งก็ไม่พบต้นของมันเลยแม้แต่ต้นเดียว จะว่าปลิวมาจากที่ไหนก็ไม่น่าจะใช่ ในเมื่อกำแพงสูงออกขนาดนั้น
นายน้อยแห่งโกคุเดระหันไปจ้องมองมันด้วยความสงสัย....ดอกไม้สีขาวที่เขารู้จักดี......ดอกไม้ที่อยู่ในความทรงจำจนต้องไปค้นหาว่ามันคือดอกอะไร.....
.........SNOWDROP............
แต่มือบางก็ไม่ได้หยิบมันขึ้นมา ยังคงปล่อยให้เจ้าดอกไม้ดอกน้อยวางอยู่ตรงที่เดิม....
สายลมยามเช้านั้นช่างหนาวเย็น จนร่างทั้งร่างเริ่มจะสั่นสะท้าน
ก่อนที่ผิวเนื้อจะได้รับสัมผัสที่อบอุ่นและนิ่มนวล ร่างบอบบางสะดุ้งตกใจ เมื่อจู่ๆก็มีกิโมโนตัวนอกสีดำสนิทหล่นลงมาคลุมอยู่ที่หัว ขนาดตัวที่ต่างกันมากทำให้ผืนผ้าลงไปกองอยู่ที่พื้น นายน้อยแห่งโกคุเดระหันหน้ากลับเข้ามายังตัวเรือนทันที ก่อนที่จะเห็นว่าใครยืนอยู่ที่ประตูเลื่อน นัยน์ตาสีดำคู่คมกริบมองมาด้วยแววนิ่งสนิท
ร่างบอบบางลุกขึ้นทันที ก่อนที่จะจับกิโมโนตัวนอกที่เพิ่งถูกโยนมาให้นั้นทิ้งลงกับพื้น ขาเรียวก้าวผ่านหน้าร่างในชุดสีดำเข้าไปในตัวเรือนอย่างรวดเร็ว ไม่แยแสสิ่งที่เจ้าของแผ่นดินสีดำหยิบยื่นมาให้เลยแม้แต่น้อย....นัยน์ตาสีดำเหลือบมองไปยังดอกไม้สีขาวอย่างอ้างว้าง....
มือที่แข็งแรงจับแขนบางเอาไว้ก่อนที่นายน้อยแห่งโกคุเดระจะเดินผ่านไปได้ทั้งตัว ออกแรงกระชากร่างบางให้เซถลาเข้ามาหาตัว ก่อนที่ริมฝีปากจะบดเบียดลงไปที่ริมฝีปากแดงระเรื่อ ลิ้นร้อนแทรกเข้าไปทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ยินยอม แต่เรี่ยวแรงของร่างบางหรือจะสู้ผู้ที่อยู่เหนือทุกสิ่งได้ ยิ่งต่อต้านก็ยิ่งเป็นการกระตุ้น
ถึงแม้ว่าริมฝีปากจะยอมละออกมา แต่แขนแกร่งก็โอบรัดเอวบางเอาไว้แน่น จมูกคมก้มลงไปซุกไซร้อยู่ที่ลำคอระหง ก่อนที่จะฝากรอยสีแดงเอาไว้อีกรอย สองมือเล็กพยายามจะผลักไสคนที่ใช้กำลังข่มเหงตนอย่างสุดความสามารถ
“ อื้อ....หยุด...” เสียงประท้วงเล็ดลอดออกมาได้ไม่ถนัด เมื่อใบหน้าคมเปลี่ยนไปฝากร่องรอยเอาไว้ที่ลำคอระหงอีกข้าง
“ ปล่อย.....อ่ะ....” ร่างบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อมือใหญ่ลูบไล้ที่แผ่นหลังและสะโพก การกระทำอันป่าเถื่อนเมื่อวันก่อนยังคงฝังอยู่ทุกอณูของร่างกายที่คงจดจำไปจนวันตาย ทำให้ร่างกายบอบบางสั่นระริกเมื่อรู้ว่าอะไรกำลังจะเกิดขึ้น.........กลัว....
“ มะ....ไม่เอา.....” นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่น ก่อนที่จะรวบรวมแรงทั้งหมดผลักร่างของเจ้าของแผ่นดินสีดำออกไปจนเซถอยหลัง ดวงตาสีดำสนิทมองมานิ่ง ร่างสูงยังคงก้าวเข้ามาหาทั้งๆที่ร่างบอบบางนั้นถอยหนี
“ ขอประทานอภัยครับท่านเคียวยะ! แขกจากแผ่นดินใหญ่มารอพบนานแล้วนะขอรับ” เสียงลูกน้องคนสนิทเอ่ยเรียกอยู่ที่หน้าประตู ทำให้เจ้าของแผ่นดินสีดำหันมามองร่างบอบบางแว่บหนึ่ง ก่อนที่จะหยิบเสื้อกิโมโนตัวนอกที่ถูกกองทิ้งไว้อย่างไม่ใยดีขึ้นมาสวมใส่ แล้วเดินออกไปจากห้อง
ร่างบอบบางทรุดลงนั่งกับพื้นอย่างหมดเรี่ยวแรง......สองแขนเล็กกอดตัวเองแล้วก้มหน้าปล่อยให้น้ำตาไหลลงไป.....
นกน้อยที่ถูกขัง ยังไม่ถูกทำให้ทรมานแบบนี้เลย.....
แล้วก็เป็นอีกวันที่หลับไปทั้งคราบน้ำตา....
ข้าอยากไปหาเจ้า....ยามาโมโตะ......
ยามเช้าของวันนี้ก็เป็นดั่งเช่นทุกวัน....
หลายๆคืนที่ผ่านมา ดูเหมือนว่าเจ้าของแผ่นดินสีดำคนนั้นจะรู้ว่าเขากลัว จึงทำเพียงแค่นอนกอดเขาเอาไว้เฉยๆ มิได้แตะต้องล่วงเกินอะไรอีก แต่เขาก็ไม่รู้เลย...ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายจะเอาอารมณ์ร้ายของตัวเองมาลงที่เขาอีกเมื่อไหร่
ข้ามันก็เป็นแค่เครื่องบรรณาการ ที่ต้องทำตามความต้องการของท่าน.....
นายน้อยแห่งโกคุเดระยืนเหม่อมองสวนเบื้องหน้าเฉกเช่นวันก่อนๆ ดอกไม้สีขาวดอกน้อยถูกวางอยู่ที่พื้นชานดังเช่นทุกๆวัน
มันไม่ใช่ความบังเอิญแน่ๆ คงไม่มีดอกไม้ที่ไหนปลิวมาตกอยู่ที่เดิมได้ทุกวันแบบนี้หรอก แล้วมันก็ไม่ใช่ดอกเดิมด้วย เพราะถึงแม้ว่าเขาจะไม่ได้หยิบมันขึ้นมาแต่ก็มองมันอย่างพินิจพิจารณาอยู่ทุกวัน
มือบางเอื้อมลงไปหยิบดอกไม้ที่นอนรอคอยอยู่ทุกวันนั้นขึ้นมาในที่สุด สัมผัสที่คุ้นเคยมือทำให้หวนคิดถึงเรื่องราวน่าประหลาดอย่างหนึ่งเมื่อครั้งยังอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลโกคุเดระ....
ทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวง....จะมีใครบางคนเอาดอกไม้สีขาวดอกน้อยๆนี้....มาวางเอาไว้ให้เขาที่ระเบียงห้องนอน....ทั้งๆที่พยายามแอบดูแต่ก็ไม่เคยเห็นแม้แต่เงา....
จะเป็นไปได้หรือไม่......ที่เหตุการณ์แบบนั้นมันจะเกิดซ้ำรอย.....จะเป็นไปได้ไหมที่คนที่ให้ดอกไม้เขา...จะเป็นคนคนเดิม
....ฮายาโตะ!....ฮายาโตะ!......
เสียงแหลมเล็กที่คุ้นหูที่เอ่ยเรียกชื่อของตนอยู่นั้น ทำให้นัยน์ตาสีมรกตที่จดจ้องกับดอกไม้สีขาวต้องเหลียวมองหาต้นตอของเสียง ร่างกลมป้อมของเจ้านกสีเหลืองบินวนอยู่รอบๆตัวทั้งๆที่ปากเล็กยังคงเอ่ยเรียกชื่อของเขาไม่ได้หยุด ริมฝีปากสีระเรื่อแย้มยิ้มขึ้นมาทันทีที่มองเห็นมัน
“ นี่เจ้า! ข้าไม่ได้เห็นเจ้ามาตั้งนาน...มาอยู่ที่นี่เองหรอ” มือบางข้างที่ไม่ได้ถือดอกไม้ยื่นออกไปตรงหน้า ให้สองขาเล็กๆเกาะลง ดวงตาสีดำคู่เล็กมองมาที่ใบหน้าสวยอย่างสนอกสนใจ ปากยังคงเรียกชื่อคนที่มันเกาะอยู่อย่างต่อเนื่อง
เขารู้จักเจ้านกตัวนี้....เขาเคยเห็นมันมาหลายครั้งตอนที่ยังอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลโกคุเดระ มันมักจะมาบินวนเวียนแล้วก็เรียกชื่อเขา ทั้งๆที่เขาไม่เคยบอกมันแม้แต่น้อย น่าแปลกที่มันมักจะมาบินไปบินมาในยามที่เขามีเรื่องทุกข์ใจ มีเรื่องไม่สบายใจราวกับว่ามันรู้ พอมันเห็นเขายิ้มออก มันก็มักจะบินหายไป....
....ฮายาโตะ!....ฮายาโตะ!......
รอยยิ้มที่หายไปนานนั้นกลับมาอีกครั้ง สองหูแว่วได้ยินเสียงของสองสาวใช้เปิดประตูห้องเข้ามาแต่ร่างบอบบางก็หาได้สนใจ ยังคงมองเจ้านกป้อมสีเหลืองด้วยดวงตาผ่อนคลาย
“ เอ๋....” ได้ยินเสียงแปลกใจของสองสาวใช้ที่คลานมานั่งใกล้ๆ จึงละสายตาหันไปมอง
“ มีอะไรหรอ”
“ เปล่าค่ะ....แค่สงสัยว่าทำไมฮิเบิร์ดถึงมาอยู่ที่นี่....” ดวงตาของสองสาวใช้จ้องมองมาที่เจ้านกตัวป้อมราวกับว่าไม่อยากจะเชื่อว่ามันจะมาอยู่ตรงนี้ได้...
“ ทำไมล่ะ...ก็มันเป็นนกนี่ จะบินไปไหนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกไม่ใช่รึ” นิ้วเรียวลูบหัวนิ่มอย่างเอ็นดู
“ ถ้าเป็นนกตัวอื่นคงไม่แปลกเจ้าค่ะ แต่ถ้าเป็นเจ้าฮิเบิร์ดนี่....มันแปลกมากๆค่ะ!” คำยืนยันหนักแน่นทำเอาใบหน้าสวยหันกลับไปมองอย่างสงสัย ด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยคำถามทำให้สองสาวใช้เฉลยออกมาในที่สุด
“ เพราะมันเป็นนกของท่านเจ้าเมือง....แล้วมันก็ไม่เคยอยู่ห่างตัวท่านเจ้าเมืองเลยด้วยนะเจ้าคะ”
สิ่งที่ได้ยินกลับทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง....ไม่อยู่ห่างตัว ฮิบาริ เคียวยะ......แล้วถ้างั้น ที่มันไปบินอยู่ที่คฤหาสน์ของตระกูลโกคุเดระอยู่บ่อยๆนั่นมันอะไรกันล่ะ?
ถาดอาหารที่ถูกจัดวางอย่างประณีตงดงามถูกยกมาวางลงตรงหน้า นัยน์ตาสีเขียวมรกตจ้องมองมันด้วยความสงสัย....
ใช่....เขาอยู่ที่นี่มาหลายวัน....หลายวันเกินกว่าที่จะบอกว่ามันก็เป็นแค่เรื่องบังเอิญ....บังเอิญที่ว่าในอาหารทุกๆมื้อของเขาจะไม่มีสิ่งที่เขาไม่ชอบเลย....อาหารจำนวนไม่ใช่น้อยที่เขาไม่กิน ไม่ชอบ หรือแพ้ แต่ไอ้ของพวกนั้นมันกลับไม่มีอยู่ในนี้เลย ไม่มีเลย.....
“ นี่ ข้าถามอะไรหน่อยสิ....” สองสาวใช้หยุดการเตรียมถ้วยจานให้เขาลง ใบหน้าของทั้งคู่หันมามองด้วยความสงสัย
“ ที่นี่ไม่ทำอาหารพวกไข่ปลา หรือว่าไข่ดิบเลยอย่างนั้นหรือ”
“ อืม....ก็ทำนะเจ้าคะ” สองสาวใช้ดูท่าทางจะงงเล็กน้อยกับคำถามของเขา
“ แล้วทำไมข้าไม่เห็นว่ามันมีอยู่ในนี้บ้างเลย” นิ้วเรียวแตะลงไปที่ถาดอาหารของตัวเอง ทำให้สองสาวใช้หันไปมองหน้ากันแล้วก็ยิ้มออกมา
“ ก็ท่านเจ้าเมืองเป็นคนสั่งเอาไว้...ว่ามีอะไรบ้างที่ท่านไม่กิน แถมทุกๆเช้าท่านเจ้าเมืองยังเดินไปดูเองด้วยนะเจ้าคะ พวกคนในครัวยังอดแปลกใจไม่ได้ว่าสิ่งใดกันถึงทำให้ท่านผู้นั้นอ่อนโยนได้ถึงเพียงนี้”
........รู้ได้ยังไง.....คนคนนั้นรู้ได้ยังไงว่าเขาชอบอะไรและไม่ชอบอะไร........
ร่างบอบบางยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าตำหนักส่วนตัวของเจ้าของแผ่นดินสีดำ หลายวันแล้วที่เขาถูกกักขังอยู่ที่นี่ ถึงแม้สภาพร่างกายจะดีขึ้นมากจากการดูแลเอาใจใส่ของชายผู้นั้น แต่ภายในจิตใจยังคงไม่สามารถกลับมาสมานให้ความเจ็บปวดทุเลาลงไปได้ ถึงแม้ว่าความลังเลสงสัยในตัวของฮิบาริ เคียวยะ จะมากขึ้นเป็นเท่าทวี ความอ่อนโยนที่แอบมอบมาให้โดยไม่ยอมเปิดเผยทุกอย่างให้เขารู้ รวมไปถึงอะไรหลายๆอย่างที่บ่งบอกว่าในอดีตที่ผ่านมา ชายคนนี้คอยวนเวียนอยู่รอบๆกายเขาอยู่ตลอดเวลา ภาพต่างๆที่เขาเฝ้าสงสัยมาตลอดในอดีตดูเหมือนจะถูกซ้อนทับและเติมเต็มราวกับได้จิ๊กซอว์ที่ขาดหายไปกลับคืนมา ภาพของใครบางคนที่ทำอะไรมากมายให้เขาโดยที่ไม่ยอมปรากฏกายให้เห็นเลยแม้แต่ครั้งเดียว.....
แต่ถึงจะเกิดความหวั่นไหวเข้ามาสั่นคลอนหัวใจให้สับสน แต่สิ่งที่ยังคงยึดมั่นนั้นก็ยังคงอยู่....ในเมื่อเขาได้เลือกไปแล้ว...ว่าจะทิ้งหัวใจเอาไว้ที่ป่าสายหมอกแห่งนั้น
ไม่ว่าอย่างไรมันก็จะคงอยู่ที่นั่น...ใช่....มันจะต้องอยู่ที่นั่น....
ถึงแม้ว่าเจ้าของหัวใจดวงนี้จะไม่อยู่แล้วก็ตาม.....
มือบางยกขึ้นปาดน้ำตาที่กำลังจะไหลลงมา ยามเมื่อนึกถึงหน้าของใครอีกคน......ยามาโมโตะ......
“ ท่านหญิง......”
“ เรียกข้าว่านายน้อย!”
“ อ่ะ เอ่อ...ท่านกำลังจะไปไหนเจ้าคะ....” สองสาวใช้พากันล้อมหน้าล้อมหลังเมื่อเห็นร่างบอบบางในชุดกิโมโนสำหรับใส่ออกไปข้างนอกสีขาวบริสุทธิ์ กำลังจะก้าวเดินลงจากเรือนส่วนตัวของเจ้าของแผ่นดินสีดำ
“ ท่านจะออกไปไหนไม่ได้นะเจ้าคะ....ถ้าท่านเจ้าเมืองรู้เข้า....” แต่ไม่ว่าจะพูดอย่างไรนายน้อยแห่งโกคุเดระก็ไม่ยอมเชื่อฟัง และยังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ
“ ถ้าพวกเจ้าไม่อยากให้ข้าหนี ก็ตามข้ามาดีๆ” ร่างบอบบางในรูปแบบที่เอาแต่ใจแบบนี้ปกติจะเคยเห็นเฉพาะตอนที่อยู่กับท่านเจ้าเมืองเท่านั้น สองสาวใช้จึงไม่รู้ว่าควรจะรับมือยังไง ทำได้แต่เดินตามร่างบอบบางออกไป
“ ข้าจะไปศาลเจ้าซาวาดะ” ร่างบอบบางเอ่ยในขณะที่เดินออกมาจากเขตตำหนักส่วนตัวของฮิบาริ เคียวยะ รอบๆข้างตอนนี้เป็นเขตตำหนักฝั่งนอกซึ่งตามหลักแล้ว เครื่องบรรณาการอย่างเขาควรจะถูกส่งตัวมาอยู่ที่นี่
“ พวกเจ้าพาข้าไปหน่อยสิ” เริ่มกลับมาเป็นท่านหญิงของพวกเธออีกครั้ง ทำให้สองสาวใช้เริ่มรู้สึกโล่งใจ ดวงตาสองคู่มองตามแผ่นหลังบอบบางไปด้วยความรู้สึกชื่นชม ร่างบอบบางตรงหน้านั้นงดงามยิ่งกว่าผู้ใดที่พวกเธอเคยพบเจอ ใบหน้าเนียนใสถึงจะไม่ค่อยยิ้มแย้มแต่นัยน์ตาสีมรกตคู่งามนั้นก็ดูอ่อนโยน เส้นผมสีเงินยาวสลวยที่นุ่มลื่นยิ่งกว่าเส้นไหมนั้นหอมกรุ่นรับกับผิวพรรณเนียนละเอียดขาวผ่องน่าสัมผัส ทั้งรูปร่างที่เล็กบางดูน่าทะนุถนอม ถึงภายนอกจะดูน่ารังแกทว่าจิตใจนั้นกลับเข้มแข็ง แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือร่างบอบบางนี้สร้างความประหลาดใจให้แก่เหล่าผู้คนภายในตำหนักแห่งนี้อย่างที่ไม่เคยมีใครทำได้มาก่อน.....ท่านทำให้ชายที่โหดร้ายเลือดเย็นอย่างฮิบาริ เคียวยะ คนนั้นกลับดูอ่อนโยนราวกับว่าเขาก็เป็นเพียงแค่ผู้ชายธรรมดาๆคนหนึ่ง....
“ นี่....ไปทางไหนล่ะ” ใบหน้าสวยหันกลับมามองอย่างสงสัย เมื่อสองสาวใช้ต่างเงียบไป ทำเอาคนที่ยังอยู่ในภวังค์สะดุ้งสุดตัว
“ อะ...เอ่อ....ทางนี้เจ้าค่ะ....” คนหนึ่งเดินนำไปข้างหน้า ส่วนอีกคนกางร่มไม้สีดำสนิทที่หยิบติดมือมาได้ให้แก่ร่างบอบบาง
“ ท่านน่าจะให้เกี้ยวพาไปส่งนะเจ้าคะ ไม่น่าจะต้องมาเดินเองแบบนี้เลย...” เสียงสาวใช้บ่นไปตามเรื่องตามราว แต่ตอนนี้สายตาของนายน้อยแห่งโกคุเดระกลับเหลือบมองไปยังตำหนักที่อยู่ท้ายที่สุด....เขาไม่ได้คิดไปเองแน่ๆว่ามีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองมา.....
ขาเรียวหยุดยืนมองอยู่ที่ประตูรั้วไม้ไผ่....
สายตาจึงสบประสานกับสายตาอีกคู่หนึ่งที่จ้องมองมา....
หญิงสาวที่ดูน่าจะรุ่นราวคราวเดียวกันกับเจ้าของแผ่นดินสีดำ ร่างระหงสูงสง่าอยู่ในชุดกิโมโนสีเทาเรียบๆ ใบหน้าเนียนถึงจะดูสะสวยแต่ก็ดูนิ่งเฉยจนน่ากลัว นัยน์ตาที่มองมานั้นไม่บ่งบอกอารมณ์ใดๆทั้งสิ้น แต่นายน้อยแห่งโกคุเดระกลับรู้สึกขนลุก ราวกับว่ามันแฝงแววแห่งความอาฆาตพยาบาทและเกลียดชังมาด้วย ถึงจะเป็นการสบตาเพียงชั่วครู่แต่ก็รู้สึกเจ็บไปทั่วตัวด้วยจิตสังหารที่ปล่อยออกมาจากร่างระหงที่เดินหายเข้าไปในตัวเรือน
“ คนนั้น....ใครกันหรือ” นายน้อยแห่งโกคุเดระหันกลับมาก้าวเดินต่อไป เพราะเมื่อเหลียวหลังกลับไปก็ยังสามารถรับรู้ได้ถึงสายตาคู่นั้นที่จ้องมองมาจากด้านหลังบานประตูที่ปิดลง
“ ท่านหญิงตำหนักซ้ายเจ้าค่ะ” หนึ่งในสองสาวใช้เอ่ยออกมาอย่างกระซิบกระซาบ
“ เป็นเครื่องบรรณาการแบบข้างั้นหรือ” ถึงได้มาอยู่ที่ตำหนักฝั่งนอกแบบนี้
“ ไม่ใช่เจ้าค่ะ....เครื่องบรรณาการที่ท่านเจ้าเมืองเรียกร้องมีแค่ท่านคนเดียว...ส่วนคนอื่นๆที่อยู่ตำหนักฝั่งนอกนี่.....คือเชลยศึกทั้งหมดเจ้าค่ะ” เชลยศึก? นี่ท่านออกรบกี่ครั้งกันถึงได้มีเชลยศึกมากมายเพียงนี้
“ ท่านหญิงตำหนักซ้ายคือเชลยที่ถูกจับมาเป็นตัวประกันจากเมืองทางเหนือเจ้าค่ะ พ่อของนางคิดที่จะก่อกบฏ จึงถูกท่านเจ้าเมืองสังหารแล้วให้แม่ของนางปกครองดินแดนต่อไปโดยจับตัวลูกสาวซึ่งก็คือนางมาเป็นตัวประกัน....เรื่องนี้ใครๆก็รับรู้ได้ว่านางยังโกรธแค้นท่านเจ้าเมืองอยู่มาก....เพราะฉะนั้นท่านเองก็ไม่ควรจะออกมาเดินในที่แบบนี้นะเจ้าคะ อาจจะโดนนางทำร้ายเอาได้”
“ ทำไมจะต้องมาทำร้ายข้าด้วยล่ะ ในเมื่อข้าเองก็ไม่ได้ต่างไปจากเขานี่นา”
“ ต่างเจ้าค่ะ!” เสียงยืนยันหนักแน่นจากสองสาวใช้ทำเอารอยยิ้มบางๆปรากฏอยู่ที่ริมฝีปาก
“ อย่างน้อยๆ คนที่ได้รับอนุญาตให้ใช้สัญลักษณ์สีดำภายในเขตตำหนักทั้งหมดได้ก็มีแต่ท่านเท่านั้น!” นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองร่มไม้สีดำสนิทที่ถูกกางให้อยู่ จึงเพิ่งนึกเอะใจ ว่าตลอดทางที่เดินผ่านมาในเขตตำหนักฝั่งนอก ไม่มีที่ใดเลยที่มีแผ่นป้ายหรือร่มที่ถูกเสียบไว้ที่ข้างรั้วที่เป็นสีดำ
“ ที่สุดปลายถนนเส้นนี้คือศาลเจ้าซาวาดะเจ้าค่ะ” นัยน์ตาสีมรกตมองไปยังสุดปลายถนน เนินเขาสูงทอดยาวขึ้นไปด้วยบันไดนับร้อยขั้น ที่อยู่สูงที่สุดคือโทริอิสีแดงสด
“ ข้าเคยได้ยินจากท่านพ่อ....ว่าที่ศาลเจ้าแห่งนี้มีป้ายวิญญาณของท่านแม่ของข้าอยู่ด้วย....ข้าอยากจะมากราบไหว้ดูแลท่านสักครั้ง” น้ำเสียงนุ่มนวลเอ่ยออกมาในขณะที่ขายังคงก้าวเดิน
“ เพราะข้าไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านเลย....ท่านจากไปในขณะที่ข้ายังเล็กนัก” น้ำเสียงเหงาหงอยฟังดูโหยหา ถึงจะได้รับความรักจากคนมากมาย แต่เขาก็อดที่จะอิจฉาไม่ได้กับคนที่รับความรักจากหญิงที่ได้ชื่อว่าแม่....
อาคารศาลเจ้าไม้เก่าแก่ตั้งอยู่ตรงหน้า เป็นครั้งแรกที่เหยียบย่างมายังที่แห่งนี้ แต่ความรู้สึกบางอย่างนั้นช่างคุ้นเคย เหลือบมองแปลงดอกไม้ที่อยู่ด้านข้าง ทำเอาดวงตาเบิกกว้าง เมื่อบัดนี้มันเต็มไปด้วยดอกไม้สีขาวดอกน้อยที่เขารู้จักมันดี.....SNOWDROP....
“......ท่าน.........” แว่วเสียงเรียกที่ค่อยๆจางหายมาจากเชิงบันไดศาลเจ้า ทำให้ใบหน้าสวยหันกลับไปมอง คนที่ยืนอยู่ด้วยท่าทางตกตะลึงคือชายที่อายุราวๆห้าสิบปีที่อยู่ในชุดผู้ทำพิธีประจำศาลเจ้า นัยน์ตาที่เบิกกว้างกับริมฝีปากที่อ้าค้าง นั่นบ่งบอกว่าชายคนนั้นตกใจแค่ไหนที่ได้เห็นเขา
“ ในที่สุดท่านก็กลับมาที่นี่จนได้สินะ” หลังจากที่ได้ทำความรู้จักว่าชายผมสีดอกเลาคนนี้คือผู้ทำพิธีประจำศาลเจ้า และเขารู้จักกับท่านแม่และเจ้าเมืองนามิโมริเป็นอย่างดี ผู้นำตระกูลซาวาดะก็ได้พาร่างบอบบางไปคำนับป้ายวิญญาณของท่านหญิงโกคุเดระที่อยู่ด้านในของศาลเจ้า ซึ่งที่แผ่นป้ายนั้นดูเหมือนจะได้รับการดูแลเป็นอย่างดี
“ ตอนท่านเกิด ข้ายังไปทำพิธีปัดรังควานให้อยู่เลย ไม่น่าเชื่อว่าท่านจะโตขึ้นมาได้งดงามและคล้ายกับท่านหญิงแห่งโกคุเดระจนข้ายังตกใจ” มือที่มีริ้วรอยเหี่ยวย่นรินน้ำชาให้แก่ร่างบอบบางที่นั่งหันหน้าคุยกันอยู่บนเบาะ ภายในห้องรับรองของศาลเจ้า
“ ไม่แปลกใจเลย....ว่าทำไมท่านฮิบาริถึงได้รักท่าน....” คำพูดแผ่วเบาที่ลอดออกไปนั้นราวกับจะรำพึงอยู่เพียงคนเดียว ในเมื่อร่างบอบบางตรงหน้าไม่มีทีท่าว่าจะได้ยินมัน
นัยน์ตาของผู้ที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากมองเด็กน้อยตรงหน้าอย่างเศร้าหมอง....ยิ่งเห็นหน้าของเด็กคนนี้ ยิ่งนึกถึงอดีตที่แสนเศร้าซึ่งตัวเขาเองก็มีส่วนเกี่ยวพัน.....ถ้าเรื่องราวในวันนั้นไม่เกิดขึ้น เด็กคนนี้คงไม่ต้องมีชะตาชีวิตที่น่าเศร้าแบบนี้....เจ้าคงจะได้รับอิสระและไม่ต้องกลายมาเป็นสิ่งเดียวที่เหลืออยู่ของเจ้าของแผ่นดินสีดำทั้งๆที่เป็นสิ่งที่เจ้าไม่ได้ต้องการแบบนี้....
“ ซาวาดะ....ซาวาดะ....ใช่....ข้าเคยพบคนที่ชื่อซาวาดะ ที่ป่าสายหมอก เขาดีกับข้ามาก.....” นายน้อยแห่งโกคุเดระกอบกุมถ้วยชาในมือเอาไว้ แล้วเริ่มนึกถึงใครบางคนเมื่อได้ยินชื่อของชายผมสีดอกเลาตรงหน้า
“ เขาชื่อ ซาวาดะ สึนะโยชิ ท่านรู้จักเขาหรือเปล่า” ร่างบอบบางพูดออกมาโดยที่ไม่ได้รู้อะไร แต่ชื่อที่หลุดออกมาจากปากนั้นกลับทำให้ชายผมสีดอกเลาถึงกับตกตะลึง....
.....ข้าจะไม่รู้จักได้ยังไงล่ะ.....ในเมื่อ....สึนะโยชิ คือลูกชายของข้าเอง........
“ ท่านได้พบเขาแล้ว......” ร่างกายเหมือนจะแก่ชราลงอีกร้อยปี
“ ท่านจะอภัยให้เขา....ได้โปรด...ยกโทษให้เขาได้หรือไม่....” ก้มศีรษะลงตรงหน้าร่างบอบบางที่มองมาอย่างตกใจอย่างไม่ลังเล.....ในฐานะพ่อ...ที่ไม่เคยทำอะไรให้เจ้า ไม่เคยรับรู้ความเจ็บปวดเจียนตายของเจ้าจนต้องทำเรื่องโง่ๆลงไป พ่อที่ไม่น่าให้อภัยอย่างข้า คงทำให้เจ้าได้แค่นี้....สึนะ....
“ ลุกขึ้นมาเถอะ....อย่าทำแบบนี้...” นายน้อยแห่งโกคุเดระที่จับต้นชนปลายอะไรไม่ถูก ได้แต่ขยับเข้าไปพยุงชายผมสีดอกเลาตรงหน้าให้ลุกขึ้นมา
“ ข้าจะเล่าให้ท่านฟัง....ถึงเรื่องราวที่ทำให้ท่านต้องถูกกักขังอยู่แบบนี้...........” แล้วถึงตอนนั้น....ท่านค่อยบอกข้าอีกที ว่าท่านจะให้อภัยกับลูกชายของข้า ที่เป็นต้นเหตุให้ท่านแม่ของท่านเสียชีวิตได้หรือไม่.....นายน้อยโกคุเดระ
ถึงแม้ว่าขาเรียวจะก้าวเข้ามายังเรือนส่วนตัวของเจ้าของแผ่นดินสีดำแล้วก็ตาม แต่จิตใจยังคงล่องลอยไม่อยู่กับเนื้อกับตัว....เรื่องราวที่ได้รับฟังมานั้นมันแสนหดหู่และโหดร้าย มันเศร้าสร้อยและสิ้นหวัง....เขาไม่เคยรู้เลยว่ามุคุโร่และสึนะโยชิ....สองคนนั้นต้องผ่านการพลัดพรากและเจ็บปวดมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า....การที่จะพากันหนีไปทั้งๆที่ต้องทิ้งชีวิตของคนอีกคนหนึ่งนั้นไม่ใช่เรื่องที่จะตัดสินใจทำกันได้ง่ายๆ ถ้าไม่จนตรอกและไม่มีทางเลือกจริงๆ เขาเชื่อว่าทั้งสองคนก็คงไม่ทำอย่างนั้น แล้วยิ่งรู้ถึงความสัมพันธ์ของสองพี่น้องที่ต้องมาแตกหักเพราะชีวิตของท่านแม่ของเขาด้วยแล้ว....จะให้เขาโกรธแค้นมุคุโร่และสึนะโยชิได้อย่างไร....
และเรื่องราวที่ทำให้จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวมากขึ้นไปอีก....คือเรื่องราวของ ฮิบาริ เคียวยะ.....
ท่านผ่านมันมาได้อย่างไร.....ทั้งชาติกำเนิดที่แสนโหดร้าย....ทั้งการที่ต้องถูกทรยศหักหลังจากคนที่รักที่สุด.....ทั้งความโดดเดี่ยวจากการถูกทอดทิ้งและความสูญเสียซ้ำแล้วซ้ำเล่า....ท่านผ่านมันมาได้ยังไง ท่านเคียวยะ....
ร่างแข็งแกร่งที่อยู่ในคำนึงเดินตรงดิ่งเข้ามาหาทันทีที่เห็นร่างบอบบางกลับเข้ามาในตำหนัก ถึงจะสังเกตเห็นถึงความผิดปกติของร่างบอบบาง แต่ความห่วงใยที่มากมายจนมันแปรเปลี่ยนเป็นความโมโหที่ร่างบอบบางหายตัวไป ก็ทำให้เจ้าของแผ่นดินสีดำทำเป็นมองข้ามความผิดปกตินั้นไป
“ เจ้าจะออกไปข้างนอก ทำไมไม่ขออนุญาตข้า ลืมไปแล้วรึไงว่าตัวเองอยู่ในฐานะอะไร” ข้อมือเล็กข้างหนึ่งถูกมือหนากระชากขึ้นมา ก่อนที่จะออกแรงบีบเพื่อให้คนตรงหน้ารู้สึกเจ็บ แต่นัยน์ตาสีมรกตที่ควรจะแข็งกร้าวและต่อต้านเขากลับเหม่อลอย
“ ข้าให้ชื่อเขาว่า ...ฮายาโตะ.... สายลมอบอุ่นที่จะเป็นของเจ้าเพียงคนเดียวเท่านั้น” ถ้อยคำแผ่วเบาที่หลุดออกมาจากริมฝีปากสีชมพูฟังดูเลื่อนลอย แต่ทุกถ้อยคำกลับชัดเจนจนนัยน์ตาสีดำสนิทเบิกกว้าง....
“ ท่านแม่ของข้า....เคยพูดกับท่านเอาไว้แบบนี้....ใช่หรือไม่” นัยน์ตาสีเขียวมรกตที่มีแววแห่งความสับสนจ้องไปยังใบหน้าคมที่ยังคงพยายามทำให้นิ่งเฉย ทั้งๆที่ดวงตาสีดำคู่นั้นมันกลับสั่นไหวจนเขารู้สึกได้....นี่ใช่ไหม...เหตุผลและสาเหตุที่ท่านทำทุกอย่างลงไป......
ข้ารู้แล้ว.....ว่าดอกไม้สีขาวที่วางอยู่ที่ชานระเบียงทุกๆวันพระจันทร์เต็มดวงพวกนั้นมาจากไหน
ข้ารู้แล้ว.....ว่ายามที่ข้าล้มป่วยทุกครั้ง ใครคือคนที่จับมือข้าเอาไว้ ใครคือเจ้าของสร้อยหินปัดเป่าสีดำเส้นนั้น
ข้ารู้แล้ว.....ว่าทำไมยามที่ข้าออกไปข้างนอกคฤหาสน์ของข้าจึงมีชายในชุดสีดำอยู่ทั่วทุกแห่ง รู้แล้วว่าสายตาที่มองมาอย่างห่วงใยคู่นั้นเป็นของใคร
ข้ารู้แล้ว.....ว่าตั้งแต่วันที่ข้าเกิดจนเติบโตขึ้นมา คนที่คอยดูแลข้าทั้งๆที่ไม่เคยปรากฏกายให้ข้าเห็นคนนั้น....คือท่าน
ข้ารู้แล้ว.....ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับอดีตอันขมขื่นของท่าน รู้แล้วว่าเหตุใดท่านจึงยึดติดกับข้านัก
ข้ารู้แล้ว.....รู้แล้วว่า...ข้าคือคนเพียงคนเดียวที่ท่านเหลืออยู่...คนเพียงคนเดียวที่ท่าน..........
“ ท่าน....เจ็บมากใช่ไหม……..”
“.....ข้าขอโทษ..........ขอโทษ.....” น้ำเสียงอ่อนโยนที่เอ่ยออกมาทำเอาดวงตาสีดำเบิกกว้าง มือบางข้างที่ไม่ได้ถูกจับกุมยกขึ้นไปทาบทับเอาไว้ที่แผงอกแข็งแกร่งตรงตำแหน่งที่ตรงกับหัวใจของร่างสูงราวกับกำลังปลอบโยน
.......ข้าไม่รู้เลย...ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่ข้าทำลงไป สิ่งที่หัวใจข้าต้องการ จะทำให้ท่านต้องเจ็บปวดมากมายขนาดไหน....ไม่รู้เลย.....
“ ฮายาโตะ....” สองแขนรวบร่างบอบบางเข้ามาไว้ในอ้อมกอด ความรู้สึกที่เก็บกดอยู่เต็มหัวใจกำลังค่อยๆถูกระบายออกมาอย่างช้าๆ ไหลไปกับน้ำตาของลูกผู้ชายที่ซบลงบนหัวไหล่บอบบาง....ความอบอุ่นซึมซับเข้ามาตามเนื้อผ้า....
ดอกไม้ของข้ามันยังไม่ได้ร่วงโรยรา.....
แต่มันเพิ่งจะเริ่มแย้มบาน....
ดอกไม้แห่งความรัก...ดอกไม้แห่งความหวังของข้า.....ฮายาโตะ
......................................................................................................................................................................
เสียงฝนสาดกระหน่ำราวกับพายุคลั่ง ท้องฟ้ามืดสนิทแปรปรวนไปด้วยสายฟ้าที่ฟาดลงมาไม่ขาดสาย ทำให้บรรยากาศของป่าสายหมอกยิ่งน่ากลัวขึ้นเป็นเท่าทวี....ป่าสายหมอกไม่เคยมีฝนกระหน่ำแบบนี้มานานแค่ไหนกันแล้วนะ....บรรยากาศที่ราวกับจะเป็นไปตามสภาพของผู้ที่อยู่อาศัย....ไม่ว่าจะเป็นร่างสูงใหญ่ที่นอนอยู่ท่ามกลางความมืดมิดของจิตใจกับร่างกายที่บาดเจ็บสาหัส........สิ่งที่ค้ำจุนป่าสายหมอกอย่างนภาทมิฬที่หายไป.......หรือแม้แต่หมอกมายาที่จะไม่กลับมาที่นี่อีก......
เปรี้ยง!!!
เสียงสายฟ้าดังสนั่นหวั่นไหวก่อนที่ประตูบานเลื่อนจะเปิดออกอย่างช้าๆ เสียงเสียดสีของบานประตูทำให้ร่างสูงใหญ่ที่ทำได้แต่นอนอยู่หันหน้าไปมอง ท่ามกลางความมืดสนิทประกายของสายฟ้าพาดผ่านลงมาสะท้อนให้เห็นร่างเล็กๆที่เดินโซเซเข้ามาหา
เปรี้ยง!!!!
อีกครั้งกับแสงที่สะท้อนไปบนใบหน้าของผู้มาใหม่ เผยให้เห็นใบหน้าเล็กๆที่สองแก้มเต็มไปด้วยคราบน้ำตาที่ไหลลงมาไม่ขาดสาย ดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่เคยสดใสอยู่เสมอกลับเศร้าหมองจนไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นดวงตาคู่เดียวกัน
“ สึนะ!” ยามาโมโตะเอ่ยเรียกร่างที่ทรุดลงคุกเข่าอยู่ตรงหน้าอย่างตกใจ ถึงจะอยากเข้าไปหาร่างของคนที่ถือว่าเป็นเพื่อนสนิทคนนี้มากแค่ไหนแต่ก็ไม่สามารถทำได้ เมื่อแค่จะขยับก็ปวดร้าวไปทั้งตัว
“ เค้าไปแล้ว......” น้ำเสียงแผ่วเบานั้นช่างรวดร้าวจนแม้แต่คนที่ไม่เคยเข้าใจความรู้สึกพวกนี้ก็ยังรับรู้ได้
“ มุคุโร่.......ไปแล้ว..............” ร่างเล็กๆทรุดลงกับพื้น ปล่อยน้ำตาและเสียงสะอื้นออกมาต่อหน้าร่างที่ทำได้เพียงแค่ยกมือขึ้นไปลูบหัวสีน้ำตาลที่ดูเปียกปอน ร่างเล็กๆสั่นสะท้านแต่คงไม่เท่าหัวใจที่แหลกสลาย
“ มันจบแล้ว....จบลงไปแล้ว........” น้ำเสียงสะอื้นที่สั่นเทา ทำให้รู้...ว่าไม่เพียงแต่ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ที่จบลง แต่ยังมีอีกหนึ่งชีวิตที่กำลังจะจบลงไปกับความท้อแท้และสิ้นหวัง....
“ มันยังไม่จบสึนะ” น้ำเสียงนิ่งและแรงบีบที่หัวไหล่ทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เงยมองทั้งรอยน้ำตา
“ ตราบใดที่ทั้งนายและฉันยังมีชีวิต....ทุกสิ่งทุกอย่างมันจะไม่มีวันจบ!!!”
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป...ไป.....ไป.......
เวิ่นยาวค่ะวันนี้ ใครไม่อยากอ่านข้ามไปโล้ด...
ฮืออออออ ตอนนี้นี่แต่งไปน้ำตาไหลพรากไปเองค่ะ สงสารหนูก๊ก
(ที่ผ่านมาไม่ว่าทูน่าจะชอกช้ำหรือสัปป้าจะเจ็บเจียนตายหรือใครจะเป็นยังไงไม่เคยสะทกสะท้าน แต่พอมาเป็นลูกสาวตัวเองเข้าหน่อย ชิชะ!)
นะ...แต่ก็อดปลาบปลื้มแทนหนูก๊กไม่ได้ (ตกลงเอาไงแน่เว้ยเฮ้ย!)
ว่าแต่...เพิ่งเอะใจขึ้นมาได้.....เรื่องนี้มัน TYLกันทุกคนยกเว้นหนูก๊กนี่หว่า....=[ ]=....(เพิ่งจะรู้ตัวเร๊อะ!)
ถ้างั้นมันก็.....TYL18x59……TYL80x59……TYL18+TYL80x59....อ่ะดิ อร๊ายยยย >/////< พลังจิ้นพุ่งกระฉูดหนักกว่าเดิม
คุฟุฟุ....เหมือนจะสลับบทพระเอกกับตัวร้ายกันอีกครั้งแล้วนะ คุณฮิกับยามะน่ะ ฮ่าๆๆ
คราวนี้ถึงตายามะเป็นตัวร้ายไปแย่งนางเอกออกมาจากอ้อมอกคุณฮิบ้างแล้วสิ อืม....เมื่อดาร์กซึน ปะทะ ดาร์กเนียน
คนหนึ่งได้ตัวอีกคนหนึ่งได้หัวใจ แล้วหนูก๊กจะตกเป็นของใครกันแน่!
ส่วนตัวร้ายสองตัวอย่างทูน่าและป๋าเบีย เอ่อ....จะสลับกันยังไงก็ยังเป็นตัวอันตรายทั้งคู่เหมือนเดิมนี่หว่า
นะ...รอลุ้นกันว่าคุณมุจะหนีไปซบอกใคร ครึ ครึ....การสร้างความร้าวฉานคืองานของใคร ? (อะไรวะ!)
และ...XSD มันหายไปไหน!
มันน่ายกตอนที่ 12 ทั้งตอนให้สมการนี้จริงจริ๊ง...ตามไม่ทันชาวบ้านเค้าแล้วเนี่ย ^[]^ (ก็ใครแม่งอู้ตลอด!)
อ่า...เอาฟิกมาลงบ่อยๆแบบนี้เบื่อกันรึเปล่าคะ (วันๆฉันไม่ทำอะไรปั่นฟิกมาให้พวกเธอว์นี่แหละ หึหึ)
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆกำลังใจมากๆเลยนะคะ แหะ แหะ...แค่เห็นว่ายังมีคนอ่านและมีคนรอคอยก็ดีใจสุดหูรูดแล้วค่ะ!
เอ่อ...ขอพูดถึงสปอยด์ตอน 283 นิด....โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
หนูก๊กใสแว่นก็ว่าโมเอ้สุดหูรูดแล้ว แล้วนี่ยังจะมาทำหน้าน่ารักบัดซบแบบนั้นอีก...โอกกกกกกกก ฆ่าหนูด้วยปลายปากกาของอาจารย์เลยค่ะ อ.อามาโนะขา...>w<....
(นี่แก...ควรจะตื่นเต้นกับหน้าเปิดสุดโฮกกับตัวละครใหม่มากกว่าไม่ใช่เร๊อะ....ก็ทำไงได้อ่ะ เค้ารักก๊กของเค้านี่ =3=)
และเมื่อวานไปงาน D18 Only Meeting มาค่ะ ได้เจอคนที่ไม่คิดว่าจะได้เจอด้วยค่ะ >w< ดีใจ!
แล้วก็งานอบอุ่นเป็นกันเองมาก สนุกมากๆเลยค่ะ (บางเกมส์ยังนั่งคิดอยู่ว่าสต๊าฟแม่งคิดได้ไง555เจ๋งโคตร)
ถึงจะไม่ค่อยได้ลุกไปไหน(เพราะขาเดี้ยง) แต่เราก็แอบดูอยู่ในมุมมืด จะบอกว่าฮาพิธีกรมากกกก ฮ่าๆๆ พากย์ได้หื่นได้ใจสุดๆ ^ ^b (แต่มาเรียกฉันว่าทวดนี่มีเคือง ฮ่าๆๆๆ)
ว่าแต่...คำว่า D18 ที่หลังมือยังไม่ยอมลบไปเลยค่ะ ^[]^ (น้ำท่าไม่ยอมอาบสิเอ็ง...)
ปล.ไปอ่าน “บันทึกของพี่ชายคนเล็ก” มากันรึยังเอ่ย? (เบลขาห้ามไปอ่านนะ!)
ปล.2 IF ; I LOVE [ภาคพิเศษ : Prisoner of LOVE : 01] Coming soon!!!…..>w<….
ไม่อาวววววว สงสารได้แต่อย่าพึ่งนะก๊ก หนูสงสารยามะใจจะขาด
ตอบลบอย่าพึ่งใจอ่อน ฮือ
มุคุไปแล้ว ฉลามไป ก๊กไป บ้านนี้ไม่เหลืออะไรแล้ว TT