Bleach S.FicSeries [Byakuya x Rukia] ศักดิ์ศรีในคมดาบ : 02


[S.FicSeries]   ศักดิ์ศรีในคมดาบ  : Pride on the Blade : 02 [Byakuya x Rukia]


: Bleach  Fanfiction
: [Byakuya x Rukia] [Renji x Rukia] [Senbonzakura x Sode no Shirayuki] [Hyourinmaru x Hitsugaya]
: Romance and Comedy
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักหญิง(จะเตือนทำด๋อยอะไรวะ) หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ







.
.
.
.
.
.
.

ข้าบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าฆ่าเจ้าในฐานะ “ยมทูต”

.
.
.

ที่ข้าฆ่าเจ้ามีเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้น

.
.
.
.

นั่นคือเจ้า....

.
.
.


บังอาจหันคมดาบใส่สิ่งที่เป็นศักดิ์ศรีของข้า

.
.
.
.






“ ท่านพี่....”     เสียงที่คุ้นเคยเอ่ยเรียกชื่อตนอยู่ที่ด้านหลัง ทั้งๆที่อยากจะหันไปแต่อีกใจกลับไม่กล้า นั่นเพราะไม่อยากเผชิญหน้า...



“ คราวนี้ต้องไปกี่วัน”     ทำเพียงแค่เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา เพราะหากหันหน้าไป...เจ้าต้องเห็นแน่ๆ....ความหวั่นไหวในดวงตาของข้า



“ สองอาทิตย์ค่ะ”      แต่สำหรับข้า...นั่นมันนานยิ่งกว่าสองปี



“ ถ้าเช่นนั้นก็รีบไปและกลับมาให้ตรงเวลา”



“ ค่ะ”




แล้วแผ่นหลังเล็กๆที่เขาเฝ้าหวงแหนมาแสนนานนั่นก็เดินจากไป รู้ทั้งรู้ว่าลูเคียต้องไปเผชิญกับอันตราย แต่เขาก็ไม่อาจจะทำอะไรได้เลย สองมือได้แต่กำแน่นอยู่บนหน้าตัก ตั้งแต่วันที่พบกันครั้งแรก คนที่อยู่ในกฎเกณฑ์เสมอเช่นเขากลับทำลายกฎของตระกูลโดยที่ไม่ต้องยั้งคิดเพียงเพื่อให้เด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในบ้าน...มาอยู่ข้างกายเขา ให้เขาดูแลแทนในส่วนของฮิซานะ...ภรรยาที่เสียไป



พี่สาวผู้ซึ่งฝากน้องสาวเพียงคนเดียวให้เขาดูแล...



อาจจะมีเพียงไม่กี่คนที่รู้ แต่อำนาจของตระกูลคุจิกิซึ่งเป็นหนึ่งในสี่ตระกูลขุนนางใหญ่ที่สุดของโซลโซไซตี้หลายอย่างถูกใช้เพื่อลูเคีย



นางได้รับแต่งตั้งให้เป็นยมทูตทันทีตั้งแต่ถูกรับเข้าตระกูลถึงแม้จะยังเรียนไม่จบ และถูกส่งตัวไปอยู่หน่วยที่ 13 ซึ่งนับว่าเป็นหน่วยที่ปลอดภัยที่สุด อุคิทาเกะผู้เป็นหัวหน้าหน่วยเองก็มีฝีมือพอที่จะปกป้องลูเคียได้ในยามคับขันอีกทั้งยังเป็นคนที่ใจดีและพึ่งพาได้...เพราะเช่นนั้นคำขอร้องแกมบังคับของเขา อุคิทาเกะจึงทำให้โดยไม่อิดออด...ไม่ว่าจะอีกกี่ปี...ลูเคียก็จะไม่ได้รับลำดับในหน่วยที่ 13



ไม่ใช่ว่าเขาต้องการจะตัดอนาคตของลูเคีย แต่เพราะห่วงลูเคียยิ่งกว่าใครเพราะเช่นนั้นจึงไม่อยากให้ออกไปเสี่ยงอันตราย....ยิ่งลำดับในหน่วยสูงเท่าไหร่ งานที่ได้รับก็จะยิ่งหนักหนาสาหัสมากขึ้น.....แค่ทุกๆวันที่ต้องเห็นเด็กคนนั้นกลับบ้านมาด้วยสภาพสะบักสะบอมหรือบาดแผลเต็มตัว เขาก็แทบอยากจะหักดาบของนางทิ้งแล้วให้อยู่แต่เพียงในตระกูลเท่านั้น....แต่นั่นคือสิ่งที่เป็นไปไม่ได้....เพราะเช่นนั้นเขาจึงจำต้องทำทุกอย่างเพื่อให้นางปลอดภัย



ทั้งๆที่คิดว่าทุกอย่างลงตัวดีแล้วแท้ๆ



แต่วันหนึ่ง...หน้าที่ที่ทำให้เขาต้องมานั่งทรมานอยู่แบบนี้ก็กล้ำกลายเข้ามา....เมื่อการก่อกบฏของไอเซ็นผ่านพ้นไปด้วยสามคนนั้นหลบหนีไปยังฮูเอโก้มุนโด้...และตัวเขาได้เรียนรู้ว่าสิ่งที่เรียกว่ากฎมันทำให้เขาต้องเกือบเสียลูเคียไป...เขาจึงสาบานกับวิญญาณของตัวเองว่าจะรักษากฎภายใต้สิ่งที่เรียกว่าศักดิ์ศรี



จากนั้น....ลูเคียต้องเป็นคนกลางในการไปติดต่อกับเจ้าตัวแทนยมทูต คุโรซากิ อิจิโกะ ยังโลกมนุษย์



หากยังอยู่ที่นี่...ในโซลโซไซตี้...ไม่ว่าจะส่วนไหนเขาก็ยังรับรู้ได้ถึงแรงดันวิญญาณของลูเคีย ถึงแม้จะไปปฏิบัติภารกิจที่ไหนแต่ทุกวันลูเคียก็จะต้องกลับบ้านและจะได้เจอกันในช่วงเวลานั้น......แต่นี่....ต้องไปในที่ห่างไกลเช่นโลกมนุษย์



เขาไม่อาจรู้ ไม่อาจเห็นได้เลยว่าลูเคียจะเป็นอย่างไร จะปลอดภัยดีหรือเปล่า



อำนาจของตระกูลคุจิกิไม่อาจนำมาใช้ได้ในกรณีนี้...และเขาเองก็เป็นหัวหน้าหน่วยไม่อาจละทิ้งหน้าที่ตามไปคอยดูแลได้



แต่อย่างน้อยๆหากเป็นคำสั่งของเขา...เร็นจิ...ก็จะสามารถตามไปอยู่ข้างๆนางได้ในบางครั้ง จริงอยู่ว่างานของรองหัวหน้าเขาก็ต้องรับมาทำเอง แต่มันกลับสบายใจกว่ามากมายเมื่อมีสายคอยรายงานให้ว่าลูเคียเป็นอย่างไรบ้าง



เขาไม่คิดหรอก...ว่านั่นมันจะเป็นการห่วงที่มากเกินไป



ในเมื่อ...






ลูเคียคือศักดิ์ศรีเดียวที่ข้าเหลืออยู่....

ไม่ว่าอย่างไรก็จะต้องปกป้องเอาไว้ให้ได้....คำสาบานนี้ขอจารึกไว้ด้วยชีวิต







[อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ หายตัวไประหว่างทางเชื่อมต่อยังโลกมนุษย์กับโซลโซไซตี้...มีความเป็นไปได้ว่าอาจจะหันไปสมรู้ร่วมคิดกับอารันคาร์ไม่ว่าจะมีเหตุผลใดก็ตาม....ขอให้หัวหน้าหน่วยที่มีลูกหน่วยปฏิบัติภารกิจอยู่ที่โลกมนุษย์จงติดต่อไปยังลูกหน่วยของตนให้กลับมาช่วยกันป้องกันโซลโซไซตี้โดยด่วน]



นั่นคือคำสั่งที่ส่งต่อมายังเขาด้วยผีเสื้อสีดำสนิทที่กำลังโบยบินอยู่ตรงหน้า....



อิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ...



เด็กสาวที่เป็น “เพื่อน” ของลูเคีย



ความเป็นจริงข้อนั้นทำให้เขาใช้ก้าวพริบตามุ่งหน้าไปยังประตูเชื่อมต่อไปยังโลกมนุษย์โดยไม่ต้องไตร่ตรองให้มากความ หากเป็นเด็กสาวคนนั้นแล้ว...ลูเคียและเจ้าตัวแทนยมทูต คุโรซากิ อิจิโกะจะต้องตามไปช่วยที่ฮูเอโก้มุนโด้อย่างแน่นอน...เขาจะปล่อยให้ไปโดยไม่หาทางป้องกันไม่ได้



มีหัวหน้าหน่วยที่คุ้นหน้าอยู่ที่ประตูอีกคน เจ้านี้เองก็คงได้รับคำสั่งให้ไปพาตัวลูกน้องของตนกลับมาเช่นกันสินะ...ยังดีที่เร็นจิอยู่ที่นั่น...ถ้าไม่เช่นนั้นเขาคงต้องฝ่าฝืนกฎเพื่อไปพาลูเคียกลับมา



“ อย่าขัดขืน ข้าได้รับคำสั่งมาว่า ต่อให้ต้องใช้กำลังก็ต้องพาพวกเจ้ากลับไป”    ถ้อยคำเย็นชาของข้าคงจะทำให้เจ้าเจ็บปวดอีกแล้วสินะลูเคีย ใบหน้าที่เจ้ามองมายังข้ามันถึงได้ผิดหวังและนัยน์ตากลมโตของเจ้าถึงได้สั่นระริกเช่นนั้น



ถึงแม้เจ้าจะยอมเดินตามข้ากลับมา แต่ใบหน้าที่เศร้าสร้อยและเหม่อลอยของเจ้ามันก็ไม่ได้ทำให้ข้าสบายใจเลยสักนิด



ร่างเล็กบางนั่งอยู่ที่ชานระเบียงบ้านด้วยคำสั่งกักบริเวณ ใบหน้าเล็กมองออกไปไกลแสนไกล ตัวของเจ้าอยู่กับข้าที่นี่ แต่จิตใจกลับล่องลอยไปอยู่ที่ไหน ใช่ว่าข้าจะไม่รู้ 



ลูเคีย...เจ้าจะรู้บ้างไหมว่าพี่ชายของเจ้าเคยคิด...ที่จะกักขังเจ้าเอาไว้ ไม่ให้เจ้าออกไปไหน ไม่ให้เจ้าพบเจอกับผู้ใด เพื่อให้เจ้าปลอดภัยและไม่ต้องเจ็บปวดจากเรื่องใดๆ อยู่ภายในกรงทองที่จะปกป้องเจ้าจากทุกสิ่งทุกอย่างแห่งนี้



หากเจ้าเป็นตุ๊กตา...ข้าคงทำเช่นนั้น...



“ ลูเคีย...”      



“ ข้าได้รับคำสั่งให้พาตัวพวกเจ้ากลับมา แต่ไม่ได้มีคำสั่งว่า หลังจากพากลับมาแล้วให้ทำยังไงต่อ....อยากจะทำอะไรก็เชิญ...”



ใบหน้าเล็กมองมาที่เขาอย่างตื่นตะลึง นัยน์ตากลมโตคู่นั้นเบิกกว้างก่อนจะลุกขึ้นมานั่งทับส้นแล้วก้มลงหัวจรดพื้น       “ขอบคุณค่ะ ท่านพี่”     รอยยิ้มสดใสกลับมาอยู่บนใบหน้าเล็กอีกครั้ง ได้แต่ภาวนาอย่างแรงกล้าว่าจะได้เห็นมันอีกนับร้อยครั้งพันครั้ง



อย่าให้ครั้งนี้คือครั้งสุดท้ายที่เจ้าจะยิ้มให้ข้าเลย...



ถ้าไม่เช่นนั้นข้าคงเสียใจไปจนวันตายที่ปล่อยเจ้าไปผจญอันตรายเช่นนี้



“ ข้าจะให้เร็นจิไปกับเจ้าด้วย”



“ ค่ะ! ท่านพี่”



เพราะข้ารู้ ว่าต่อให้ต้องตาย เขาก็จะเอาตัวเข้าปกป้องเจ้า...



เพราะข้ารู้เช่นนั้น...ข้าจึงเลือกเขา...เลือก อาบาราอิ เร็นจิ ให้มาเป็นรองหัวหน้าหน่วยที่ 6 ของข้า










“ ที่ฮูเอโก้มุนโด้ฝุ่นทรายมันเยอะ เพราะเช่นนั้นจงเอานี่ไปด้วย”     เสื้อคลุมถูกยื่นใส่ให้มือเล็ก ใบหน้าแดงระเรื่อของลูเคียก้มลงมองมันก่อนจะโค้งขอบคุณอีกครั้ง รอยยิ้มสดใสเผยออกมาเมื่อสวมใส่มันลงไป



“ พอดีตัวเจ้าเลยแหะลูเคีย  แต่ของข้าดูเหมือนจะสั้นไปหน่อย”     ร่างสูงผมแดงของรองหัวหน้าหน่วยของเขาเอ่ยกับลูเคียอย่างสนิทสนม....แน่ละที่มันจะพอดีตัว...เพราะทุกอย่างที่เป็นของลูเคียจะผ่านการคัดสรรมาแล้วอย่างดี เสื้อผ้าทุกชุดจึงถูกตัดขึ้นมาอย่างประณีตที่สุด เสื้อคลุมที่ดูธรรมดาๆตัวนี้ก็เช่นกัน มันถูกทำขึ้นมาจากเนื้อผ้าชนิดเดียวกับผ้าพันคอของเขา ซึ่งมีความทนทานและสามารถต้านแรงดันวิญญาณได้ระดับหนึ่ง



ขอให้ข้าได้ปกป้องเจ้าสักเพียงเล็กน้อยก็ยังดี



“ ท่านพี่...ข้าต้องไปแล้ว...ขอบคุณนะคะ”       เขาเพียงแค่พยักหน้ารับ ไม่อาจพูดอะไรออกไปได้ เพราะไม่มั่นใจเลยว่าสิ่งที่อยากจะพูดออกไปมันจะไม่ใช่ถ้อยคำที่จะฉุดรั้งร่างเล็กตรงหน้าเอาไว้ มากกว่าคำอวยชัย



“ ไปนะครับหัวหน้า”      เร็นจิโค้งคำนับก่อนจะเอ่ยกระซิบให้ได้ยินเพียงแค่สองคน   “ไม่ต้องห่วงนะครับ ข้าจะดูแลนางเป็นอย่างดี”



แล้วแผ่นหลังของพวกเจ้าก็เดินหายไปจากสายตาของข้าอีกครั้ง...











“ แก้ลายปักให้เป็นสีขาว”        เสื้อคลุมฮาโอริสีแดงอ่อนถูกวางไว้ตรงหน้าเขา มันเข้าชุดกันกับกิโมโนสีแดงสดที่วางอยู่ไม่ห่าง พิธีสำคัญของตระกูลคุจิกิกำลังจะถูกจัดขึ้นในไม่ช้า ทุกๆคนในตระกูลจะต้องมาเข้าร่วม และคนที่จะนั่งอยู่ข้างกายผู้นำตระกูลลำดับที่ 28 เช่นเขาก็ต้องเป็นลูเคียอย่างแน่นอน



มือวางปิ่นปักผมที่ถูกทำขึ้นมาอย่างประณีตลงในกล่องบุกำมะหยี่อย่างดีก่อนจะทอดสายตาไปที่เครื่องประดับผมที่วางอยู่ในกล่องเดียวกัน...หากในวันนั้นเจ้าสวมชุดนี้...คงจะงดงามสมศักดิ์ศรีของข้าอย่างแน่นอน



ข้าจะเตรียมมันไว้ให้เจ้า เพราะรู้ว่าเจ้าจะต้องกลับมาใส่มัน.........ลูเคีย......ท่านหญิงแห่งตระกูลคุจิกิแต่เพียงผู้เดียว












วันเวลาช่างผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนน่ารำคาญ เมื่อต้องรอคอยอะไรสักอย่าง  เขาเฝ้าติดตามทุกเรื่องราวที่พอจะทราบมาจากฝั่งฮูเอโก้มุนโด้ และในระหว่างที่รอก็พยายามลอบสืบความจริงเกี่ยวกับอิโนะอุเอะ โอริฮิเมะ เพราะหากนางไม่ใช่กบฏและมีความสำคัญพอ พวกเขาอาจจะได้รับอนุญาตให้ตามไปช่วย



ความสามารถที่น่าอัศจรรย์ของนางนั้นทำให้เหล่ายมทูตต่างตกตะลึง แต่สิ่งที่ทำให้เขาตะลึงยิ่งกว่าคือจุลชีพสังเกตการณ์ของคุโรซึจิ มายูริ ที่บ่งบอกอย่างชัดเจนว่า ลูเคียไม่ได้อยู่กับเร็นจิ....ถ้าเช่นนั้นใครกันจะคอยดูแลเจ้า....



ความกังวลใจกระสับกระส่ายได้รับการชำระล้างเมื่อไม่นานก็มีคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่ให้หัวหน้าหน่วย4คนตามไปช่วยเจ้าเด็กพวกนั้นที่ฮูเอโก้มุนโด้...และเขารีบตรงเข้าไปอาสาทันที...เช่นเดียวกับเจ้าเคมปาจิที่ชอบการต่อสู้และคุโรซึจิ มายูริที่ตามไปเก็บตัวอย่างสิ่งมีชีวิตเสียมากกว่าจะไปช่วยใคร ส่วนคนสุดท้ายคือหัวหน้าอุโนะฮานะหน่วยพยาบาลที่ยัดเยียดยมทูตลำดับเจ็ดยามาดะ ฮานาทาโร่ให้มาติดตามเขา



ประตูเชื่อมต่อไปยังฮูเอโก้มุนโด้ถูกเปิดออกด้วยความร้อนใจของเขา ถึงแม้ยามาดะ ฮานาทาโร่จะขอร้องไม่ให้เขาใช้ก้าวพริบตา แต่ทว่าเมื่อเหยียบเข้าไปยังพื้นทรายที่แห้งแล้งไร้สิ่งมีชีวิตใดเติบโตได้แห่งนี้แล้ว....สัมผัสแรงกดดันวิญญาณที่แผ่วเบาจนแทบจะจับไม่ได้ของลูเคียก็ทำให้ทุกการยับยั้งชั่งใจของเขาสูญสิ้นไป สองขาก้าวหายไปอย่างรวดเร็วตามแต่หัวใจจะนำพา จนในที่สุดก็เห็นร่างเล็กบางนอนหมดสติอยู่ตรงหน้า



ลูเคีย....



“ ข้ามีข้อหนึ่งที่อยากจะถามเจ้า”      น้ำเสียงที่เอ่ยถามอารันคาร์ที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นนิ่งสนิท



“ คนที่สู้กับนางคือเจ้ารึ?”



“ไม่ใช่ข้า...ทว่า...ข้ากำลังตั้งใจจะปลิดชีพมันอยู่พอดี”       และแค่นั้นมันก็พอแล้วที่จะทำให้เขาโกรธจนไม่อาจยับยั้งพลังไม่ให้พลาดพลั้งไปทำลายสิ่งรอบข้างได้ ไม่ว่าจะต้องตัดเอ็นแขนเอ็นขาของตัวเอง ความเจ็บและรอยแผลที่ได้รับมันก็ไม่อาจทดแทนความเจ็บใจที่ไม่อาจปกป้องลูเคียได้เลย ไม่อาจคลายความรู้สึกที่อยากจะตัดคอเจ้าคนตรงหน้าให้ขาดสะบั้นออกจากกันได้เลย...



และยิ่งได้เห็น...






ภาพของลูเคียที่ถูกควบคุมโดยเจ้าอารันคาร์นั่น ให้หันคมดาบใส่ลำคอเล็กๆของตนเอง...





มันทำให้เขาโกรธ...



โกรธจนไม่อาจยับยั้งความรู้สึกเคียดแค้นนี้เอาไว้ได้อีก



“ วิถีพันธนาการที่ 61 ริคุโจโคโร”       อารันคาร์ เจ้าบังอาจนักที่บีบบังคับให้ข้าต้องใช้วิถีมารกับนาง และข้าจะไม่มีวันให้อภัยหรือลดโทษตายให้แก่เจ้า



“ บังไค....เซ็มบงซากุระ คาเงโยชิ...”      



แล้วคมดาบนับร้อยล้านก็รายรอบเจ้าคนบังอาจผู้นั้นราวกับกลีบซากุระที่โปรยปราย และค่อยๆฆ่าให้ตายอย่างงดงาม ถึงจะร้องขอชีวิตแต่คมดาบของข้าก็ไม่คิดที่จะรับฟัง แต่อารันคาร์ตนนั้นก็แข็งแกร่งพอที่เอาชีวิตรอดจากคมดาบนับล้านนั่นได้....ด้วยสภาพเจียนตาย



“ ยกโทษให้ไม่ได้...ยกโทษให้ไม่ได้...พวกเจ้าเหล่ายมทูตเข่นฆ่าพวกเรา ทำราวกับเป็นเรื่องสามัญ...พวกเจ้าคิดจะตั้งตัวเป็นพระเจ้าหรือยังไง!! ใครเป็นผู้อนุญาต ให้เข่นฆ่าพวกเราฮอลโลว์ได้!!!     อารันคาร์ผู้จนหนทางจนน่าสมเพชตะโกนกู่ก้อง




แต่ดาบสุดท้ายที่ไร้ความปราณีก็ตัดผ่านลำตัวจนขาดออกเป็นสองซีก...ถ้อยคำที่ทำเอานัยน์ตาเบิกกว้างสะท้อนก้องไปทั่วโสตประสาทของอารันคาร์ก่อนจะสลายหายเป็นฝุ่นผง


.
.
.
.
.

ข้าบอกเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ว่าข้าจะฆ่าเจ้าในฐานะ “ยมทูต”

.
.
.

ที่ข้าฆ่าเจ้ามีเพียงสาเหตุเดียวเท่านั้น

.
.
.
.

นั่นคือเจ้า....

.
.
.


บังอาจหันคมดาบใส่สิ่งที่เป็นศักดิ์ศรีของข้า

.
.
.
.
.
.
.
.
.



Pride on the Blade : 02
FIN!






โฮกกกกกกกกกก หลงรักพี่เบียก็ตรงนี้แหละค่า....สโตรกเกอร์ซึนเดเระตัวพ่อ!!! รักเค้าห่วงเค้าก็บอกเค้าไปเซ่!!! มาแอบงุบๆงิบๆอยู่ได้ ชิชิ ท่ามากเหลือเกินเชียวแหละอีตาคนนี้ ตามสโตรกน้องเมียอยู่ก็บอกมาเหอะท่านพี่ขา...ไม่งั้นจะโผล่มาช่วยแบบจังหวะเหมาะเหม็งโคตรๆซะทุกทีไปอย่างงั้นได้ไงอ่ะ (ยิ่งในอนิเมะพวกภาคพิเศษหรือมูฟวี่นี่ตลอดอ่ะ ชาวบ้านเค้าสู้กันเลือดตกยางออก แต่พี่เบียจะหายหัวไป พอลูเคียโดนทำร้ายเท่านั้นแหละ...จงโปรยปราย...เซมบงซากุระ...ทุกที๊!!!)

โดยส่วนตัวแล้วชอบความรักความห่วงใยที่พี่เบียมีให้ลูเคียนะ มันเหมือนพี่ชายที่หวงน้องสาวมากกกกกกกแต่ไม่ยอมแสดงออกอ่ะ ฮ่าๆๆ แบบว่าจะคอยใช้อำนาจมืดคอยปกป้องอยู่ตามหลืบตามซอก(เฮ้ย!) ใครมายุ่มยามกับน้องสาวตรูเอ็งตาย อะไรงี้  ครึ ครึ จนตอนนี้ก็ชอบทั้งสองแบบนะ ทั้งแบบพี่ชายกับน้องสาว และแบบพี่เขยกับน้องเมีย(ต่างกันยังไงวะ?!) คึหึหึ ดูต้องห้ามดี กร๊ากกก (อินี่...)

ใช่แล้วค่ะ...ฮึกฮึก....ชื่อเรื่องฟิคเรื่องนี้ตั้งขึ้นมาเพื่อคู่นี้โดยเฉพาะเลย....ศักดิ์ศรีในคมดาบ.....แบบว่าอ่านมังงะตอนนี้ (302) แล้วกรี๊ดบ้านแตกจริงๆค่ะ แบบว่าคำพูดของพี่เบียมันเล่นเอาน้ำตาหม่ามี๊จะไหลพราก....เพราะเจ้าบังอาจหันคมดาบใส่สิ่งที่เป็นศักดิ์ศรีของข้า.....ในขณะที่พูดคำนี้สายตาพี่เบียก็มองไปที่ลูเคียซึ่งโดนสะกดอยู่ โฮกกกกกกกกกกกกก ...ศักดิ์ศรีของข้า.....โฮกกกกกกกกกตายกันไปข้างนึง เล่นเอาเพ้อไปหลายวันเลยค่ะ ฮะฮะ (ผ่านมาปีกว่าแล้วสินะ55)

เฮ้อ....สครีมจนหมดแรง....แล้วพบกันใหม่ตอนหน้าค่า...

  
ภาพจากปฏิทินปี 2011 ค่ะ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกก ลูเคียยยยยยยย สวยมากกกกกกกกกกกกกก เห็นครั้งแรกนี่อุดปากแทบไม่ทันกันเลยทีเดียว555



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น