[Fic][8059] วิชาเนียน ร้อยเล่มเกวียน [05] HBD.My HAYATO 090909
[Gokudera Hayato’s Part by WAKETSU]
: KHR Fanfiction
: 8059
: NC-17
: Romantic Comedy
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
.....เจ็บ......
คำๆเดียวที่นึกออกในตอนนี้....
ความรู้สึกที่ราวกับจะตอกย้ำ ว่าเรื่องเมื่อคืน....ไม่ใช่แค่ฝันไป....
ผมพลิกตัวอย่างยากลำบากอยู่บนเตียงของไอ้บ้านั่น ความเจ็บร้าวไปทั้งตัวค่อยๆแล่นลิ่วขึ้นมาจากบริเวณสะโพก ร่องรอยมากมายที่ไอ้บ้านั่นมันทำไว้ค่อยๆปรากฏแก่สายตา เมื่อผมดึงผ้าห่มออกจากร่างกายเปลือยเปล่า ....ชุดกี่เผ้าสีแดงยับยู่ยี่ถูกถอดกองอยู่ที่หน้าประตูห้อง....พยายามจะลุกขึ้นมานั่ง แต่ความเจ็บและเมื่อยล้าก็ฉุดรั้งร่างของผมให้ล้มตัวลงไปนอนอีกครั้ง.....กวาดสายตาไปรอบๆห้องก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของไอ้คนที่มันทำให้เขาเป็นแบบนี้เลยแม้แต่น้อย.....
เมื่อคืนนี้.......มันไม่ใช่ความฝัน.......
ผมกลับมาจากสวนสาธารณะไร้ผู้คนนั่นด้วยสภาพสลบไสล มารู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ไอ้คนก่อเรื่องมันยกผมลงจากบ่ากว้างของมันที่หน้าประตูห้อง ดวงตาที่เปิดขึ้นอย่างงัวเงียของผมเบิกกว้างทันทีที่นึกออกว่ามันเกิดอะไรขึ้นระหว่างเราสองคน .....
.........ผมเสร็จมันไปแล้ว...........ผมเสร็จมันไปแล้ว!!!!!!!!!!!
ยิ่งพอเห็นใบหน้าของไอ้บ้านั่นความร้อนผ่าวก็พุ่งมารวมอยู่ที่แก้มใสๆของผมทันที ผมสะบัดหน้าหนี ไม่อยากเห็นหน้าของไอ้บ้านั่น ทั้งๆที่ผมอายจนแทบจะโทรไปจองตั๋วเครื่องบินแล้วหนีไปตั้งรกรากอยู่ที่มองโกลอันไกลโพ้นเพราะไม่อยากพบเจอหน้าใครอีก......แต่ไอ้บ้านั่น....มันกลับยิ้มให้ผมด้วยใบหน้าเปี่ยมสุขที่ไม่ว่าใครเห็นก็ต้องคิดว่ามันยึดครองโลกได้สำเร็จแล้วยังไงอย่างงั้น...
ผมอยากจะเอาไดนาไมต์ยัดใส่สมองกลวงๆของมันแทนลูกเบสบอล แล้วค่อยๆจุดระเบิดทีละอันให้หัวมันค่อยๆกระจุยกระจายออกเป็นเสี่ยงๆอย่างทรมาน ให้สมกับสิ่งที่มันทำกับผมจริงๆ........ด้อยประสบการณ์งั้นหรอ.......สอนให้งั้นหรอ.........ไอ้บ้า!!! มีผู้ชายที่ไหนเค้ามีประสบการณ์ด้านการถูกกดอย่างช่ำชองอย่างที่แกทำกับฉันกันมั่งวะห๊ะ!!!
“ โกคุเดระ หน้านายแดงมากๆเลยนะ....สงสัยจะติดมาจากสีของชุดนี่แน่ๆเลย รีบๆถอดออกดีกว่านะ เดี๋ยวฉันช่วย” ในขณะที่ผมกำลังคิดหาวิธีการทรมานทรกรรมไอ้บ้าเบสบอลสมองถั่วนี่อยู่ จู่ๆมือที่ยั้วเยี้ยยิ่งกว่าหนวดปลาหมึกของมันก็ตรงเข้ามาถอดชุดกี่เผ้าออกจากตัวผมโดยที่ยังไม่ทันได้คัดค้านอะไรเลยแม้แต่น้อย
“ หว๋า...ตัวนายมีรอยหญ้าบาดเต็มเลย...สงสัยคงใส่เสื้อผ้านอนไม่ได้แล้วละ เดี๋ยวมันจะเจ็บเอานะ งั้นไปนอนทั้งๆอย่างนี้เลยแล้วกันนะ” แล้วมันก็ยกผมพาดบ่า ในขณะที่ผมกำลังอ้าปากพะงาบๆ ในหัวพยายามนึกหาคำด่าอย่างเอาเป็นเอาตาย.....
“ โอ๊ย!!! วางเบาๆหน่อยสิวะ แล้วแก....ไอ้สมองถั่วหมัก ไอ้บ้า ไอ้งี่เง่า ไอ้ๆๆๆ....แกจะถอดเสื้อผ้าทำม๊ายยยย”
“ นายไม่รู้เหรอ...ตำราภาษาฮิบบรูโบราณเค้าว่าไว้ ว่านอนถอดเสื้อจะทำให้เป็นหวัด วิธีแก้นั้นง่ายนิดเดียว...คือนอนกอดคนที่ถอดเสื้อเหมือนกัน แล้วจะไม่เป็นอะไร...” งั้นเองหรอ....ตำราลี้ลับที่ผมตามหามานานเค้าว่าไว้แบบนั้นงั้นหรอ.....เรื่องแบบนี้มันไม่เชื่อก็ห้ามลบหลู่นะเฟ้ย
“ งะ....งั้นก็ได้....” เสียงตอบของผมดังอู้อี้ พยามยามซุกหน้าร้อนผ่าวของตัวเองเข้าไปที่แผงอกแข็งแกร่ง ก็แค่ไม่อยากให้ไอ้บ้านั่นเห็นใบหน้าแดงๆของผมเท่านั้นแหละ...ที่หลบที่อื่นก็ไม่มีแล้วซะด้วยสิ
“ นี่....โกคุเดระ.......” เสียงกระซิบแหบพร่าของหมอนั่นดังอยู่ใกล้ๆใบหูร้อนของผม ลำตัวของผมแนบชิดไปกับกล้ามเนื้อตึงแน่นที่ผ่านการฝึกฝนมาทุกวันของยามาโมโตะ ด้วยมือใหญ่ๆที่โอบรอบเอวของผมแล้วกอดกระชับแน่นเข้าไปเรื่อยๆ ...มันทั่งอบอุ่น...และอึดอัด...ลมหายใจของผมเริ่มติดๆขัดๆ......ความร้อนจากผิวหนังที่แนบชิดกันส่งผ่านซึ่งกันและกัน ....หัวใจของผมเต้นรัวอย่างรุนแรง.....ความรู้สึกแบบนี้.............มันคืออะไร............ผมไม่เคยพบเจอ ว่าในหนังสือเล่มไหนจะเขียนเอาไว้.....มันคืออะไร......
“ ทำแบบนี้....ชอบหรือเปล่า....” ถ้อยคำพร่ำกระซิบอยู่ที่ใบหูผม มือใหญ่ลากไล้ไปทั่วแผ่นหลัง ความรู้สึกร้อนผ่าวเกิดขึ้นทุกจุดที่มือนั้นลากผ่าน ความรู้สึกอบอุ่นแผ่ซ่านมายังหัวใจที่โดดเดี่ยวของผม ....อุ่นใจ....ที่ได้อยู่ในมือคู่นั้น……นั่นแปลว่า ชอบ ได้หรือเปล่านะ.....
“ อื้อ....” ผมไม่ได้ตอบมัน แต่เสียงที่ลอดออกไปกลับเป็นเสียงครางในลำคอที่น่าอาย เมื่อจู่ๆมือใหญ่ๆคู่นั้นก็ลูบมาที่สะโพกเปลือยเปล่าของผม
ผมเริ่มรู้ตัวแล้ว ว่าสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นคืออะไร....เพียงแต่ว่า....ผมไม่สามารถที่จะขัดขืนได้.....ไม่ใช่ว่ากำลังของผมไม่เพียงพอ.....แต่ผมกำลังโดนไอ้บ้านั่นสะกด.....สะกดด้วยไออุ่นและความอ่อนโยนที่ผมไม่รู้จัก....สะกดด้วยความรู้สึกร้อนวูบวาบและเสียวซ่านที่ผมไม่เคยได้รับ.....สะกด....ด้วยความรู้สึกดีและ....ความสุข....ที่ผมได้รับจากมือคู่นั้น
.....ผมต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ.....ที่ยอมให้ไอ้บ้าเบสบอลงี่เง่าที่ผมเฝ้าด่ามันเช้าเย็นนั่นได้ทำอะไรตามใจของมันต่อไป......
กว่าจะรู้สึกตัว ก็เมื่อผมตื่นขึ้นมาพบกับความเจ็บร้าวไปทั้งตัวอย่างที่บอกไปนี่แหละ.....
นอนนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อคืนแล้ว.....ผมจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนถ้ามีใครรู้เข้า....คนอย่างผม.....มือขวาที่น่าภาคภูมิของท่านรุ่นที่สิบอย่างผมโดนไอ้บ้าเบสบอลปัญญาอ่อนที่ใช้ชีวิตบ้าบอไปวันๆนั่นกระทำชำเราจนไม่เหลือชิ้นดี.....รุ่นที่สิบครับ.....ผมขอโทษครับ.......ผมสร้างความอับอายให้แก่ท่านรุ่นที่สิบ ผมมันสมควรตาย...ฮึก ฮึก......
ในขณะที่ผมกำลังนอนร้องไห้กระซิกๆ อยู่บนเตียงราวกับสาวน้อยโดนพรากพรหมจรรย์ เสียงประตูก็ค่อยๆเปิดออกอย่างเชื่องช้า
ผมเหลือบตามองไอ้คนเดินหน้าบานเป็นกระด้ง(ของใช้ชนิดหนึ่งของประเทศเล็กๆในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้) ที่ถือถ้วยข้าวต้มเข้ามา......ไม่สิ.....คนที่สมควรตายมันไม่ใช่ผม.....แต่เป็นไอ้บ้านี่ต่างหาก!!!....ถ้าไม่มีมันซักคน....ก็จะไม่มีใครรู้เรื่องที่เกิดขึ้น......ใช่แล้ว.........ผมต้องชิงลงมือ ดับมันให้แนบเนียน แล้วจากนั้น เรื่องทั้งหมดก็จะถูกฝังไปพร้อมๆกับมันด้วย ....ฮะ ฮะ ฮะ........ฉลาดกว่านายไม่มีอีกแล้ว...ฮายาโตะ! (แน่ใจนะลูก..)
ในขณะที่ใบหน้าแป้นแล้นนั่นกำลังเดินใกล้เข้ามา ในหัวของผมก็กำลังคิดหาวิธีการ เชือดแบบเนียนๆอย่างเอาเป็นเอาตาย......วันนี้แหละ...วันมรณะของแก ไอ้บ้าเบสบอล......
“ โกคุเดระ...กินอะไรหน่อยนะ ....นี่ฉันทำข้าวต้มร้อนๆมาให้เพื่อเป็นการไถ่โทษที่ฉันทำให้นาย “ลุกไม่ขึ้น” น่ะ” จึ้ก....เสียงของแหลมอะไรบางอย่างทิ่มเข้าไปอย่างจังในหัวใจของผม ......อย่างแกมันต้องตายสถานเดียว!!!
“ ป้อนหน่อยสิ” ผมค่อยๆลุกขึ้นนั่งพิงหัวเตียงอย่างทำให้ดูยากลำบาก ....ขอยืมวิธีการของยัยนางเอกละครน้ำเน่าที่ผมแอบดูตอนดึกๆมาใช้ซะหน่อยเหอะ
“ จ๋าจ๊ะ........” ไอ้บ้านั่นนั่งลงที่ข้างเตียง ในมือถือถ้วยข้าวต้มหอมกรุ่นที่มีไอร้อนล่องลอยออกมาจางๆ
“ มีพริกป่นไหม ใส่ลงไปด้วย” ผมสั่งมันด้วยน้ำเสียงแบบนางเอกผู้เอาแต่ใจ
“ พอยัง.....” มือหนาใส่พริกป่นลงไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นว่าผมไม่บอกว่าพอสักที มันจึงใส่ลงไปมากขึ้นๆ....อืม....ครึ่งถ้วย....คงใช้การได้แล้วมั้ง....
“ พอแล้ว….อืม....มันยังร้อนอยู่สินะ.....เป่าให้ด้วยได้ไหม....” ผมบอกมันด้วยท่าทางออดอ้อนนิดๆลองใช้สายตาพิฆาตมารแบบที่ท่านรุ่นที่สิบใช้บ่อยๆมองไปที่มัน.... ภายในใจกระหยิ่มยิ้มย่อง....เดี๋ยวพอมันเป่า...พริกทั้งหมดในถ้วยก็จะพุ่งตรงเข้าไปที่ตามัน....ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ....ตาบอดของแท้แน่แก...แล้วทีนี้เขาก็จะจัดการถีบมันตกหน้าต่างไป .......โอ้.....ยามาโมโตะ ทาเคชิ กระโดดหน้าต่างบ้านตัวเองฆ่าตัวตายเพราะคิดมากเรื่องทีมเบสบอลเข้ารอบมากเกินไปจนไม่มีเวลาทำอะไร.....หึ หึ....เนียนอย่างไม่มีที่ติ......
แต่แล้ว............
ฟู่วววววววววววววว.........
ดับ......ดับไปแล้วครับ....ความฝันของโพ้มมมม!!!
“ ไอ้บ้า!!! ใครใช้ให้แกเป่าแบบนั้น” ผมตะโกนด่าใบหน้าเป๋อเหรอของไอ้คนตรงหน้า หลังจากที่มันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ยิ้มจนหยี๋แล้วก้มลงเป่าพริกในถ้วยข้าวต้มด้วยแรงช้างสารจนพริกที่ลอยอยู่ครึ่งจานพัดหายไปกับพลังลมปราณของมันจนหมดเกลี้ยง โดยที่พริกไม่ได้เข้าตามันเลยสักนิด แต่ไอ้ที่มันเข้าน่ะ.....ตาผมต่างหาก!!!
“ อูย......” ผมร้องครางเบาๆ เมื่อความแสบร้อนจากพริกป่นเข้าเล่นงานตาข้างหนึ่งของผมจนน้ำตาไหลพราก.....
“ โอ๊ะ....ขอโทษๆ โกคุเดระ เป็นอะไรมากไหม ...ไหน...ให้ฉันดูหน่อยสิ” แล้วมือใหญ่ๆก็จับหมับเข้ามาที่ใบหน้าของผม ใบหน้าคมของไอ้บ้านั่นยื่นเข้ามาใกล้ นิ้วสากๆของมันจับเปลือกตาของผมเปิดดูอย่างนุ่มนวล กระดาษทิชชูค่อยๆซับเอาเศษพริกป่นออกจากตาผม
“ สงสัยว่าจะยังออกไม่หมดนะ ขอดูใกล้ๆหน่อยนะ” กะ....ใกล้เกินไปแล้วเฟ้ย....ใบหน้าของหมอนั่นยื่นเข้ามาใกล้จนลมหายใจเป่ารดกันและกัน นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองลึกเข้ามาในดวงตาของผม ริมฝีปากของหมอนั่นค่อยๆบดเบียดลงที่ริมฝีปากของผม....
ทุกอย่างกลับตาลปัตร.....ผมจะเชือดมันไม่ใช่หรอ.....แล้วทำไมตอนนี้มันถึงเป็นฝ่ายทำให้ผมแทบขาดใจด้วยความสุขสมที่ไม่อยากจะยอมรับที่มันหยิบยื่นมาให้กันล่ะ ........
ผมไม่เข้าใจจริงๆ ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับตัวผมกันแน่........
.......................................................................
จนถึงตอนนี้....ยังไม่มีใครรู้เรื่องความสัมพันธ์ของผมกับไอ้บ้านั่น......แต่สักวัน เรื่องมันต้องแดงขึ้นมาแน่ๆ......ผมต้องลงมือให้เร็วที่สุด
แล้ว.....ผมจะไปสรรหาวิธีจากที่ไหนมาเชือดมันอย่างเนียนๆได้อีกล่ะ!!!
ในเมื่อหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ ผมทำทุกวิถีทางแล้วจริงๆนะ ....
ทั้งแอบหย่อนกระถางต้นไม้จากชั้นสองลงไปเพื่อให้มันที่กำลังเดินผ่านมาพอดีโดนทับจนหัวแบะ แต่มันก็ดันรับไว้ได้ทัน แถมตะโกนขอบใจที่ผมให้ช่อดอกไม้(?)มันอีกต่างหาก
ทั้งแอบใส่ดินระเบิดลงไปในหลอดทดลองวิชาเคมี เพื่อให้หน้าหล่อๆนั่นแหลกกระจุยเวลาที่มันใส่สารที่ทำปฏิกิริยากันลงไป แต่มันก็ซุ่มซ่ามทำหลอดตกจนไประเบิดพื้นห้องวิทยาศาสตร์แทน
ทั้งแอบใส่ยาพิษที่อุตส่าห์ไปหลับหูหลับตาฉกมาจากอาเจ๊ ลงไปในซูชิข้าวกลางวันของมันเพื่อให้มันกินแล้วตายยกรัง แต่ทว่ามันกลับยกข้าวกลางวันกล่องนั้นให้ไอ้วัวบ้าที่ไม่รู้โผล่มาจากไหน เอารางวัลนางสาวไทยใจรักเด็กจากท่านรุ่นที่สิบไปเต็มๆ
ตอนอยู่ที่บ้าน ก็แกล้งทำถ้วยทำจานหล่นใส่หัวมันตั้งหลายครั้ง แต่มันก็รับได้อย่างกับมีตาสับปะรดรอบตัว ไม่ว่าผมจะแอบเขวี้ยงไปจากมุมอับแค่ไหนมันก็ยังรับได้
หรือจะเป็นตอนอาบน้ำที่ไอ้บ้าหน้าด้านนั่นชอบมาขออาบด้วย ผมก็จับหัวมันกดน้ำจนผ่านไปตั้งสิบกว่านาที นึกว่ามันตายสนิทแต่ที่ไหนได้ มันกลับโผล่ขึ้นมาหัวเราะร่า บอกว่ามันไม่เคยแข่งกลั้นหายใจในน้ำแล้วแพ้ใครเลยนะ....คืนนั้นผมเลยโดนมันจับกด(น้ำ?)เพราะว่าผมกลั้นหายใจในน้ำแพ้มัน....
หรือจะเป็นตอนฝึกทำอาหาร ที่ผมแกล้งทำอีโต้หลุดมือแบบเนียนๆไปเฉียดหัวมัน ไอ้ปัญญาอ่อนนั่นก็ดันนึกว่ามีดไม่คมแล้วผมอยากให้มันลับมีดให้ ...มันเลยสอนวิธีการลับมีดที่สุดสยิ๋วยิ่งกว่านางเอกหนังบางเรื่องขูดมะพร้าวซะอีก.....
เฮ้อ.....ผมได้แต่นั่งถอนหายใจรอบที่ร้อยล้าน ....มันไม่มีวิธีตายแบบเนียนๆอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้วรึไงกันนะ
มือที่กดรีโมทโทรทัศน์ไปเรื่อยๆอย่างเบื่อหน่ายของผมหยุดลงที่ช่องๆหนึ่ง....ละครน้ำเน่ายามบ่ายงั้นหรอ.....
“ นางิ!!! ...อย่าทิ้งผมไป......ผมรักคุณนะ....ต่อไปนี้ผมจะยอมทำตามคำขอร้องของคุณทุกอย่าง ไม่ว่าจะอยากกินแอปเปิ้ล สตอเบอรี่ มังคุด ทุเรียน อะไรผมก็จะยอมให้คุณกินแล้ว....อย่าทิ้งผมไป.....นางิ!!!”
“ มุคุ....ขอโทษนะคะ.....ฉันก็รักคุณ แต่ฉันทนอยู่กับการที่ต้องกินสัปปะรดทุกมื้อแบบนี้ต่อไปไม่ได้อีกแล้ว เข้าใจฉันด้วยนะคะ” แล้วนางเอกที่น่าสงสารก็วิ่งหนีพระเอกที่ชื่อคุ้นๆพิกลไป.....พระเอกก็ยังคงวิ่งตามราวกับว่านี่คือหนังอินเดียก็ไม่ปาน วิ่งตั้งแต่ต้นเรื่องจนใกล้จะจบเรื่อง วิ่งจากเมืองหนึ่งไปจนถึงอีกเมืองหนึ่ง.......แค่มันทะเลาะกันด้วยเรื่องปัญญาอ่อนพรรณนั้นก็สุดจะทนดูได้แล้ว แล้วนี่ยังจะมาวิ่งไล่กันทั้งเรื่องอีก...โอ้ย....ถ้าเป็นผม ผมคงปล่อยยัยนั่นทิ้งไปตั้งแต่แรกแล้วละ ....ละครแบบนี้ใครมันนั่งแหกตาดูกันวะ (ก็หนูไงลูก) ....แต่แล้ว ก่อนที่จะกดปิดโทรทัศน์....
“ เอี๊ยดดดดดดดดโครม!!!!” ในขณะที่พระเอกกำลังจะคว้าแขนนางเอกได้อยู่แล้วนั้น รถที่ไหนก็ไม่รู้ก็พุ่งชนพระเอกที่แสนรันทดจนกลายเป็นกองสัปปะรดติดถนน.....จบบริบูรณ์..........เฮ้ย!! จบกันแบบนี้เลยเร๊อะ.......ในขณะที่สมองกำลังนึกด่าไอ้คนสร้างละครบ้าบอนี่อยู่ ความคิดบางอย่างก็แล่นปรี๊ดเข้ามาในหัว
ปิ๊ง!!! เจอแล้ว....วิธีการตายแบบเนียนๆ.......
...............................................................
“ ถอยไป!!!....ฉันจะไม่ทนอยู่บ้านโกโรโกโสของแกอีกต่อไปแล้ว” ผมเก็บเสื้อผ้าสองสามตัวใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ (ไปเอามาจากไหนละนั่น) รออยู่นานกว่าไอ้บ้านั่นมันจะกลับมาจากการซ้อมเบสบอล เมื่อมันยื่นหน้าเข้ามาในห้อง ผมก็ลากกระเป๋าวิ่งสวนออกไป ด้วยท่าทางที่จำมาจากยัยนางเอกนั่น
“ โกคุเดระ!!! จะไปไหนน่ะ รอเดี๋ยว......” หึ หึ....ไอ้บ้านั่นติดกับของผมเข้าอย่างจัง มันวิ่งตามผมมาด้วยหน้าตาตกใจอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน
“ อย่าตามมานะ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก!!!” ผมลากกระเป๋าวิ่งไปตามทางรถไฟเรื่อยๆ เมื่อเห็นหัวรถไฟวิ่งมารางๆ ผมจึงกระโดดข้าม ....แล้วทีนี้...พอไอ้บ้านั่นมันจะข้ามตามมารถไฟก็จะทับมันแบนยิ่งกว่ากล้วยปิ้ง หึ หึ หึ ตายแหงแก๋.....
“ โกคุเดร๊า!!!....อย่าทิ้งฉันไป นายได้ฉันไปแล้วนะ ....จะทิ้งฉันไปไม่ได้นะ!!!” เฮ้ย.....แทนที่จะเป็นกล้วยปิ้ง ไอ้บ้านั่นมันดันกระโดดข้ามรถไฟมาหน้าตาเฉย ....แกเป็นมนุษย์สายพันธ์ไหนเนี่ย.....ไม่ใช่สิ....นั่นไม่ใช่ปัญหา....ปัญหามันอยู่ตรงที่......แล้วไอ้นี่มันจะไปป่าวประกาศให้ชาวบ้านเค้ารู้เรื่องทำม๊ายยยยย
“ หุบปาก!!! แล้วไสหัวไปให้พ้น” ผมวิ่งลากกระเป๋าไปยังถนนที่รถพลุกพล่านมากที่สุดของเมือง (แน่นอนว่าคนก็พลุกพล่านมากที่สุดด้วยละลูกเอ๊ย)
“ โกคุเดระ....อย่าทิ้งฉันไป......ฉันตกเป็นของนายไปแล้วนะ....อย่าทิ้งฉันนนน” เสียงตะโกนไล่หลังมา ทำให้ผมลอบยิ้ม ไฟแดงหน้านี่แหละ สถานที่ตายของแก หึ หึ.......
เมื่อสัญญาณไฟเขียวสำหรับคนข้ามกำลังจะเปลี่ยนไปเป็นสีแดง ผมก็วิ่งข้ามถนนนั่นไปทันที..........สายตาผมหันไปมองข้างหลัง ก็เห็นมือใหญ่ๆนั่นกำลังจะคว้าแขนของผมเอาไว้.....เหมือนในละครนั่นเด๊ะๆ.....แล้วเดี๋ยวไอ้บ้านั่นมันก็จะโดนรถชน....ตายไปอย่างเนียนๆ.....เหมือนไอ้พระเอกละครงี่เง่านั่น หึ หึ หึ.......
โครม!!!!!!!!!
เสียงรถชน......ใช่......
เสียงรถชนไอ้บ้าเบสบอลนั่น........ชนเต็มๆด้วย.......แต่......
แล้วทำไมมันไม่เป็นอะไรเลยวะ!!!
แต่ไอ้ที่เละไปอย่างเนียนๆมันกลับเป็นรถบรรทุกยี่สิบล้อนั่นต่างหาก แต่ไอ้คนตรงหน้าผมก็แค่ล้มลงไปกองกับพื้น แล้วตอนนี้มันก็กำลังลุกขึ้นปัดฝุ่นแล้วหันมามองผมด้วยน้ำตานองหน้า ซึ่งดูแล้วไม่น่าสงสารเลยสักนิด
“ โกคุเดร้า.....อย่าทิ้งฉันไป.....ฉันทำอะไรผิดงั้นหรอ...ทั้งๆที่เราก็มีความสุขด้วยกันดีไม่ใช่หรอ......โฮ โฮ โฮ.....” ไอ้บ้านั่นกระโดดกอดผมแน่น เสียงอึกทึกเมื่อครู่เรียกฝูงญี่ปุ่นมุงมาได้อย่างไม่ยากเย็น....ตอนนี้ทุกสายตาต่างจ้องมองมาที่เราทั้งคู่ ...หน้าของผมเริ่มจะขาวซีด......นอกจากจะฆ่ามันไม่สำเร็จ....นี่ชาวบ้านเค้ายังรู้อีกด้วยว่าเขากับไอ้บ้านี่...เป็นอะไรกัน.........
“ เอ๋.....โกคุเดระคุง ยามาโมโตะ!!!” กรี๊ดดดด....เสียงนั่นมัน.....เสียงนั่นมัน.....ท่านรุ่นที่สิบ!!!
โดยไม่ต้องยั้งคิด ผมรีบลากไอ้บ้าเบสบอลที่ร้องไห้งอแงยิ่งกว่าเด็กอนุบาล แหวกฝูงญี่ปุ่นมุงออกมาทันที....จากนั้นก็ตั้งหน้าตั้งตาวิ่งแบบไม่คิดชีวิต.....จนกระทั่ง.....
มาหยุดหอบหายใจอยู่ที่สวนสาธารณะไร้ผู้คนในตำนานการเสียตัวหน้าหนึ่งของผม!!!
“ โกคุเดระ......” ผมนั่งหอบหายใจอยู่บนม้านั่งโดยมีไอ้บ้าเบสบอลเกาะหนึบอยู่ที่เอวผม
“ ปล่อยได้แล้ว” ผมพยายามจะแกะมือเหนียวๆนี่ออกจากตัวผม แล้วไอ้บ้านั่นก็เงยหน้าขึ้นมา นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองสบมาที่ดวงตาของผมอย่างจริงจังอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน
“ ช่วงที่อยู่กับฉัน....นายไม่มีความสุขเลยหรอ....” เห็นใบหน้าสลดแบบนั้นแล้วผมถึงกับชะงัก
“ นายรู้มั๊ย ว่าฉันมีความสุขมากที่ได้อยู่กับนาย แต่ฉันไม่รู้มาก่อนเลย ว่านายจะรังเกียจฉันขนาดนี้ ไม่รู้มาก่อนเลย...ว่านายอยากจะหนีฉันไปอยู่ตลอดเวลา.....” ใบหน้าเศร้าสร้อยของคนที่เคยแต่ยิ้มแย้มให้เขา เรียกความรู้สึกเจ็บเล็กๆในอกอย่างหาสาเหตุไม่ได้ ....ทำไมหมอนี่ต้องทำหน้าเศร้าแบบนี้ด้วยนะ.....ก็แค่ตัวเขา ซึ่งเป็นเพียงแค่คู่แข่งกัน จะเดินออกไปจากชีวิตของมัน......มันต้องเศร้าขนาดนี้ด้วยหรอ.....
“ ขอโทษนะ...ที่ทำให้นายรำคาญ....ขอโทษนะ....โกคุเดระ.......” มือของผมเอื้อมไปคว้าตัวของมันเข้ามากอดโดยที่ไม่ผ่านการสั่งการจากสมองเลยสักนิด รู้แต่ว่า...หัวใจของผมปฏิเสธที่จะเห็นใบหน้าเศร้าหมองของหมอนั่น......
“ ตอบฉันมาสิ โกคุเดระ....นายไม่มีความสุขเลยงั้นหรอ ตลอดเวลาที่อยู่กับฉัน”
“ มะ...ไม่ใช่......” จะบอกไปได้ยังไงว่าที่จริงแล้วเขามีความสุข กับการที่มีมันคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ มีมันคอยใส่ใจกับทุกๆเรื่องของเขา
“ บอกฉันมาสิ โกคุเดระ.....ว่านายไม่ชอบ....เวลาที่ฉันสัมผัสนาย”
“ มะ....ไม่ใช่......” จะบอกได้ยังไงว่าเขาชอบความอบอุ่นจากมือใหญ่นั่น ว่าเขาชอบสัมผัสที่อ่อนโยนเต็มไปด้วยความทะนุถนอมและนุ่มนวลของหมอนั่น
“ บอกมาสิ โกคุเดระ....ว่านายไม่ชอบ....เวลาที่ฉันกอดนาย”
“ ไม่...ใช่.....” ไม่ว่าจะอ้อมกอดที่อบอุ่น หรืออ้อมกอดที่เร่าร้อนรุนแรงของหมอนี่....ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน มันก็ทำให้รู้สึกดีทั้งนั้น....แล้วผมจะบอกได้ยังไงว่าไม่ชอบมันน่ะ
“ บอกมาสิ โกคุเดระ....ว่านายไม่ชอบฉัน”
“ ไม่ใช่......” ถึงมันจะบ้าบอ ปัญญาอ่อน และหาเรื่องให้ผมประสาทเสียได้ทุกวี่ทุกวัน แต่ก็เพราะว่ามีมันอยู่ ความโดดเดี่ยวความเงียบเหงาที่เกาะกุมหัวใจของผมมาตลอดมันจึงค่อยๆจางหายไป
“ บอกมาสิ โกคุเดระ....ว่านาย ไม่รักฉัน”
“ ......ไม่ใช่...........เอ๊ะ!!!”
นิ่งอึ้งไปสามนาที.......เมื่อเข้าใจแจ่มแจ้งถึงความหมายของประโยคเมื่อครู่นี้ ความร้อนผ่าวก็พุ่งตรงไปยังใบหน้าของผม.....นี่ไอ้บ้านั่นมันกำลังหลอกล่อให้ผมบอกรักมัน!!!!
“ กะ...แก......ตายซะ” แล้วผมก็หลับหูหลับตาคว้าไดนาไมต์ที่มีติดตัวอยู่ทั้งหมดออกมาปาใส่มันแบบที่ไม่ต้องเสียเวลามองเลยแม้แต่น้อย บอมบ์มันเข้าไป มันต้องตายเข้าซักลูกนึงนั่นแหละ.....ผมไม่น่าเลย.....ไม่น่าใจอ่อนเพราะดวงตาหมาหงอยของมันนั่นเลย น่าจะหาวิธีเชือดมันแบบเนียนๆต่อเสียก็ดีหรอก
“ ฮะ ฮะ ฮะ....ยังเขินได้กินบ้านกินเมืองเหมือนเคยเลยนะ โกคุเดระ” ไม่จริงน่า.....ไอ้บ้านั่นมันดับไดนาไมต์ของผมทั้งหมดด้วยเพลงดาบเดียว....เฮ้ย....แล้วไอ้ดาบนั่นมันโผล่มาได้ไง?!
“ แต่ว่านะ.....ขอฟังอีกทีได้เปล่าอ่ะ......คราวนี้ขอตรงๆแบบว่า....ฉันรักนาย อะไรงี้อ่ะ นะ นะ” อยากได้ตรงๆนักใช่ไหม แล้วผมก็เลยเสยหมัดตรงๆเข้าที่ปลายคางมัน นอนนับดาวนับเดือนไปเถอะแก.....ผมสะบัดตัวเดินหนีไอ้บ้านั่นออกมาแล้วตรงดิ่งกลับบ้านทันที ....อย่างแกน่ะ....มันต้องตายสถานเดียวจริงๆ!!!
................................................
ครืดดดด.........มือผมเลื่อนเปิดบานประตูของร้านทาเคซูชิ....
“ กลับมาแล้วคร้าบบบบ” แต่เสียงที่ตะโกนบอกคนข้างในกลับเป็นเสียงของไอ้บ้านั่น....นี่มันตามผมมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“ โอ้....ทาเคชิ.....กลับมาแล้วหรอ” เสียงคุณลุงตอบรับกลับมา ผมเดินตามไอ้บ้านั่นเข้าไปในร้าน ด้วยใบหน้าบูดสนิท
“ เอ้านี่....สึนะเอากระเป๋ามาให้....เห็นบอกว่าพวกเราสองคนไปวิ่งบอกรักกันทั่วเมืองเหมือนในละคร “เมื่อวันฉันรักเธอ” ที่กำลังดังสุดๆอยู่ใช่ไหมล่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ......”
ปรี๊ดดดดดดดดดด.....เสียงควันออกหูด้วยความโกรธและเสียงอุณหภูมิที่พุ่งสูงเกินขีดจำกัดของใบหน้าของเขาด้วยความอับอาย.....นี่คนเค้ารู้กันทั่วบ้านทั่วเมืองแล้วเร๊อะ!!!!
“ ขะ...ขอตัวนะครับ” ผมบอกคุณลุงแล้วรีบวิ่งตึงตังขึ้นไปบนห้องทันที.......
..............เพราะมัน....เพราะม๊านนนน....แล้วแบบนี้ฉันจะเอาหน้าไปไว้ที่หน๊ายยยยย!!!!!!!!!!.........
.
.
.
.
.
TO BE CON
เทศกาลจบแต่คนไม่จบ วะฮะฮะ.....วันเกิดลูกสาวทั้งทีต้องฉลองกันให้นานๆ...^ ^…
ยังคงมีควันหลงกันต่ออีกซักหน่อย...หวังว่าคงยังไม่เบื่อกันนะคะ....^___^…
แต่ทว่า...มีพบต้องมีจาก .....เพราะคนที่ไม่พรากจากกันมีแค่ข้าพเจ้าและหนูก๊กเท่านั้น (โดนถีบโดยแม่ๆทั้งหลาย)....
ตอนหน้าก็จะถึงบทสรุปของ “วิชาเนียน” ที่ร่ำเรียนกันมาอย่างยาวนานแล้วนะคะ...ฮี่ ฮี่.....
ที่สุดของความเนียนคืออะไร....ติดตามได้ใน......
Yamamoto Takeshi's Part by kuwa[R]i...
ตอนที่6 ตอนสุดท้ายแล้วค่า....^ ^…..
อ่า....ส่วนตัวข้าพเจ้านั้นต้องขอล่ำลา .....ไว้เจอกันใหม่นะคะ....T T....
ก่อนไป......
“ ฮายาโตะ!!! รักหนูที่สุด!!! “
สร้างเรื่องเองนะหนูก๊ก เวทท55555
ตอบลบ