[Fic][8059] วิชาเนียน ร้อยเล่มเกวียน [03] HBD.My HAYATO 090909
[Gokudera Hayato’s Part by WAKETSU]
: KHR Fanfiction
: 8059
: NC-17
: Romantic Comedy
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
เสียงออดเข้าเรียนดังขึ้นนานแล้ว แต่ไอ้บ้าบางคนที่มันหายหัวไปทำแผลเท่ารอยมดกัดบนตาข้างนึงยังมาไม่ถึงห้องเรียนสักที
ใบหน้าเนียนของผมวางอยู่บนฝ่ามือหันไปทางประตูทางเข้าห้องเรียน....ไม่ได้คอยมองว่าไอ้บ้าเบสบอลนั่นจะโผล่มาเมื่อไหร่หรอกนะ...ก็แค่เมื่อยคอเพราะเมื่อคืนนอนหนุนแขนมันแทนที่จะเป็นหมอนก็เท่านั้นแหละ....
แล้วก็ไม่ได้เป็นห่วงคนอย่างไอ้บ้านั่นด้วยนะ......ก็แค่กลัวว่าท่านรุ่นที่สิบจะคิดว่าเป็นความผิดของผมที่ทำให้ตาหมอนั่นเจ็บก็เท่านั้นแหละ....
....ผ่านมาครึ่งทางของคาบเรียนแรกแล้ว....เสียงเปิดประตูจึงดังขึ้น....พร้อมกับร่างกายสูงสมส่วนกับใบหน้าคมคายดูโง่ๆที่หัวเราะแหะ แหะ เดินเข้ามา...บนตาข้างหนึ่งมีผ้าปิดตาปิดเอาไว้....
“ ขอโทษครับที่มาสาย....พอดีว่าไปสะดุดมือใครบางคนมา เลยไปทำแผลมาครับ” นั่น.....คำพูดงี่เง่าหลุดออกมาจากสมองลูกเบสบอลไม่มีไส้กรองทันทีที่อาจารย์กำลังจะเอ่ยปากถาม......ว่าแต่.....แล้วทำไมไอ้พวกนักเรียนคนอื่นๆในห้องจะต้องหันมามองที่ผมเป็นตาเดียวด้วยละฟะ....ทำอย่างกะผมเป็นคนทำให้ไอ้บ้านั่นบาดเจ็บซะอย่างงั้น...
ทั้งๆที่มันน่ะ.....มันน่ะ........
คิดถึงเหตุการณ์ตอนนั้นแล้วก็รู้สึกร้อนผ่าวที่ใบหน้า.......
แกนั่นแหละที่ผิด ไอ้บ้าเบสบอล!!!
“ งั้นก็ไปนั่งที่ได้แล้วละ” เสียงอาจารย์ไล่ให้ไปนั่งที่....ชิ....อย่างมันน่ะ ควรจะไล่ให้ไปยืนหน้าห้องคาบไม้บรรทัดแล้วยืนขาเดียวมากกว่าไม่ใช่เร๊อะ....มันมาสาย แถมยังก่อความผิดร้ายแรงมาก ถึงมากที่สุดเอาไว้กับผมนะ....ไม่มีใครรู้ตัวกันบ้างเลยรึไง!!!
ผมสะบัดหน้าหนี ไม่อยากจะเห็นใบหน้าโง่ๆที่เดินแจกยิ้มคนทั่วห้องราวกับว่าตัวเองเป็นนางงามมิตรภาพแบบนั้นหรอก...เห็นแล้วมันหงุดหงิด
จนกระทั่ง ก่อนที่หมอนั่นจะเดินมาถึงโต๊ะที่ผมนั่งอยู่อีกแค่ไม่กี่ก้าว......
โครม!!!!
หมียักษ์ขนดำที่ไหนหล่นลงมาทับผม!!!!
ไม่ใช่สิ....หน้าไอ้เจ้ายามาโมโตะยื่นเข้ามาใกล้จนริมฝีปากของมันห่างจากปากผมแค่ไม่ถึงเซ็นต์ ....ท่ามกลางความตกตะลึงของคนทั้งห้อง.....หูผีของผมได้ยินเสียงกดชัตเตอร์กล้องถ่ายรูปจากมือถือ....ใคร....ใครมันถ่ายรูปหลักฐานการลอบทำร้ายของไอ้บ้านี่เอาไว้...เอามานะ ฉันจะให้รางวัล!!!
“ ฮะ ฮะ ฮะ.....โทษทีน้า....พอมองไม่เห็นไปข้างนึง ดูเหมือนอะไรๆมันก็สั้นๆยาวๆไม่เท่าเดิม....โอ๊ะ...สะโพกนายเป็นอะไรรึเปล่าโกคุเดระ” แล้วมือมันก็ย้ายจากเอวผมมาลูบสะโพกแทน.....เดี๋ยวสิ...นั่นแกกำลังลูบลงไปถึงหน๊าย!!!!
“ ถ้าไม่อยากโดนเป่ากระจุยก็รีบๆไสหัวไปจากตัวฉันซะที!” ผมมองมันตาขวาง ความรู้สึกร้อนผ่าวบนใบหน้าที่น่าหงุดหงิดนี่มันอะไรกัน......ใช่.....มันคงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้หรอก นอกจากเขากำลังโมโหไอ้คนตรงหน้านี่จนหน้าดำหน้าแดง.....เป็นอย่างอื่น.....ไปไม่ได้หรอก.......หรอ......
.....................................................
คาบเรียนที่น่าเบื่อช่วงเช้าหมดลง ช่วงพักกลางวันเป็นเวลาที่ผมรอคอย....เพราะผมกับท่านรุ่นที่สิบจะได้ไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน คุยกันตามประสาคนสนิท......ใช่....เราคงสนิทกันมากกว่านี้ ถ้าไม่มีคนบางคนที่มันเนียนไปกินด้วยทุกวันแบบนี้!!!
“วันนี้ป๋าทำซูชิมาเผื่อนายด้วยละ สึนะ” เสียงเอ๋อๆ เอ่ยบอกกับรุ่นที่สิบ เมื่อก่อนผมมักจะฝากท้องเอาไว้กับขนมปังของโรงอาหาร แต่....ตั้งแต่ต้องมาอยู่บ้านของไอ้บ้าเบสบอล คุณลุงก็ยืนยันหนักแน่นว่า จะทำข้าวกลางวันเผื่อผมด้วย....ตอนนี้คนที่ต้องรับผิดชอบเรื่องอาหารการกินของผมจึงกลายเป็นไอ้บ้าเบสบอลไปโดยปริยาย
“ งั้น...ทานละนะคร้าบบบ” มือเล็กๆของท่านรุ่นที่สิบพนมเข้าที่หน้าอกก่อนจะหยิบตะเกียบจัดการกับข้าวกล่องที่ท่านแม่ทำมาให้....ผมเองก็เริ่มลงมือบ้างดีกว่า
หลังจากที่ข้าวเข้าปากไปได้ไม่กี่คำ....
มือของผมที่กำลังจะคว้าโอโทโร่ในถาดใส่ซูชิ ก็ถูกมือไอ้บ้าข้างๆนี่จับหมับเข้าให้ ก่อนที่มันจะดึงมือผมเข้าใกล้ปากมันขึ้นเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว!!!
“ ไอ้บ้า! แกจะทำอะไรวะ?!” ผมตะโกนดังลั่นพร้อมกับพยายามดึงรั้งมือของตัวเองไว้....โชคดีนะที่ผมไหวตัวทัน....ไม่งั้นมือผมคงได้กลายเป็นอาหารกลางวันของไอ้บ้าเบสบอลนี่แน่ๆ...
มัวแต่โล่งอก จึงเพิ่งได้รู้ตัวว่า....ถึงแม้ว่ามือของผมจะไม่ได้ถูกส่งเข้าปากมัน แต่มือผมก็หยุดอยู่ตรงริมฝีปากของเจ้ายามาโมโตะเป๊ะๆ ราวกับว่ามีใครบางคน(จงใจ)จับวางเลยน่ะเซ่!!!....
“ อ้าว? นี่มือโกคุเดระหรอ.....ฮะ ฮะ ฮะ โทษทีน้า...สงสัยเพราะเหลือตาอยู่ข้างเดียว เลยกะระยะผิดไปหน่อย...ฮะ ฮะ” แบบนี้มันไม่ได้เรียกว่ากะระยะผิดแล้วโว้ย...มันต้องเรียกว่าตาบอดไปแล้วต่างหาก!
“ ได้....เดี๋ยวฉันจะเอาไดนาไมต์ไปวางไว้แทน...แล้วดูสิว่าแกจะกะระยะผิดหยิบไปกินรึเปล่า...” ผมขู่ฟ่อใส่ไอ้บ้าหน้าเป็นที่นั่งหัวเราะ แหะ แหะ อย่างไม่คิดจะสำนึกผิดเลยซักนิด
“ เอาน่า ทั้งสองคน...ฉันหิวข้าวจะแย่แล้ว กินข้าวกันเถอะนะ” ผมเลิกแยกเขี้ยวใส่ไอ้เจ้ายามาโมโตะแล้วหันไปตามเสียงห้ามของท่านรุ่นที่สิบ.....
โอ้ววว....ถูกดวงตากลมโตใสแจ๋วมองมาแบบนั้นใครกล้าขัดคำสั่งก็เป็นยอดมนุษย์แล้ว....ท่านรุ่นที่สิบช่างโมเอ้หาใดเปรียบเลยครับ......
ผมยอมหันกลับไปนั่งกินข้าวกลางวันเหมือนเดิมแต่โดยดี....แต่ไอ้คนเนียนดีแต่ตาไม่ดีข้างๆผมนี่สิ........
“นี่แก....นั่นมันต้นขาฉัน......”
“ อ้าว? นึกว่าขวดน้ำชาวางอยู่ตรงนี้ซะอีก ต้องไกลกว่านี้อีกหน่อยหรอเนี่ย ฮะ ฮะ”
“ แล้วแกจะเอาตะเกียบมาคีบผมฉันทำไมเนี่ย!”
“ เอ๋....แล้วเนื้อที่ฉันคีบอยู่ล่ะ”
“ เอามือแกออกไปจากเอวฉันนะ!!”
“ ฮะ ฮะ....ก็แค่จะเอื้อมไปหยิบฝากล่องข้าวน่ะ ว่าแต่มันอยู่ตรงไหนกันแน่น้า....”
“ เลิกลูบสะโพกฉันซะที!!! ว้อยยทนไม่ไหวแล้วโว้ย....”
ตาบอด....อย่างไอ้บ้านี่มันต้องเรียกว่าตาบอด....แล้วไอ้บอดอย่างแกก็หมดคุณสมบัติที่จะเป็นผู้พิทักษ์ เพราะงั้นฉันจะบึ้มแกให้เละมันก็คงไม่ผิด!
และนี่คงจะเป็นอาหารมื้อสุดท้ายของแก ไอ้บ้าเบสบอล......
ตูม ตูม ตูม!!!!
เสียงระเบิดดังขึ้นพร้อมกับกลุ่มควันลอยละล่องเหนือดาดฟ้า......ร่างสูงสมส่วนกับเรือนผมสั้นสีดำปลิวไสวอยู่ภายใต้กลุ่มควัน ในมือใหญ่ของหมอนั่นมีไม้เบสบอลที่ไม่รู้ไปคว้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่วางพาดปลายไม้อยู่กับไหล่กว้าง........ชริ....อึดนรกยิ่งกว่าแมลงสาปแอฟริกาซะอีกนะแก
ว่าแต่.......
ทำไมเวลาฟาดไดนาไมต์ของฉัน......มันถึงได้กะระยะไม่พลาดซักลูกเลยวะ.........
“ อี๋...พอแล้วทั้งสองคน.....ดะ...เดี๋ยวคนคนนั้นเค้าก็มาไล่ขย้ำเอาหรอก.....” ถ้ารุ่นที่สิบว่างั้น....ผมจะยอมรามือจากไอ้บ้าบอดนี่ก็ได้ครับ.....
แล้วช่วงพักกลางวันอันสงบสุขก็หวนกลับมาอีกครั้ง จนกระทั่งเสียงออดเข้าเรียนดังขึ้น พวกผมทั้งสามคนจึงลุกเก็บข้าวของ ก่อนจะพากันเดินกลับห้องเรียน ผมเปิดประตูดาดฟ้าพร้อมกับเชิญท่านรุ่นที่สิบให้เดินนำไปก่อน แล้วหันไปมองไอ้คนพิการด้านหลัง....ผมไม่ได้เป็นห่วงมันนะ....แค่กลัวว่ามันจะไปเดินชนอะไรเข้าแล้วกลิ้งลงไปทับท่านรุ่นที่สิบก็เท่านั้นแหละ
“ เหวอออออ....” นั่น...พูดยังไม่ทันขาดคำ ไอ้บ้านั่นก็สะดุดอากาศก้าวขาพลาดแล้วโถมลงมาบนตัวผมเข้าอย่างจัง.....
ถ้าฉันตัวไม่โต กลายเป็นมือขวาที่ไม่สง่างามละก็นะ...ฉันจะตามอาฆาตแกจนสุดขอบนรกเลยไอ้บ้าเบสบอลงี่เง่า!
“ โว้ยยย...แกไม่กอดคอฉันกลิ้งลงบันไดไปเลยละ....ไอ้บ้านี่...รู้ว่าตาบอดก็หัดเดินให้มันระวังๆหน่อยสิวะ” หันไปด่าหน้าเหวอๆปัญญาอ่อนของไอ้คนที่เกาะหลังผมอยู่ หรือว่านี่มันกำลังหาเรื่องผม....อะไรมันจะกะระยะพลาดแล้วมาลงที่ตัวผมได้ทุกช็อตขนาดนี้....หรือว่ามันวางแผนเอาไว้......
แกจะทำให้ฉันเดี้ยงไป แล้วก็แย่งตำแหน่งมือขวาไปเป็นของตัวเองใช่ไหม....ร้ายนักนะ.....ไม่น่าเชื่อเลยว่าสมองถั่วหมักจะวางแผนได้ซับซ้อนขนาดนี้....หึ หึ....แต่ไม่มีทางที่คนอย่างฉันจะแพ้แกหรอก.....แล้วจะได้รู้กันว่า สมองอันชาญฉลาดของฉัน ย่อมชนะสมองฝ่อๆของแกแน่นอน....หึ หึ........(คิดไปไหนแล้วนั่นลูกเอ๊ย....อย่างอิยาเมะน่ะมันไม่คิดลึกปานนั้นร๊อก...)
“ ยะ...ยามาโมโตะ.....ดูท่าทางวันนี้นายอาการไม่ค่อยดีเลยนะ ฉันว่านายกลับไปพักก่อนดีกว่ามั้ง” เสียงรุ่นที่สิบเอ่ยออกมาอย่างเป็นห่วงเป็นใย
“ ฮะ ฮะ....นั่นสิน้า....”
“ แล้ว....จะกลับยังไงดีล่ะ ขนาดเดินอยู่ในอาคาร นายยังชนนู่นชนนี่ตลอดเลย ถ้าออกไปข้างนอก ไปเดินชนรถเข้าจะว่าไงล่ะ.....สงสัยคงต้องหาคนไปส่ง..........” เฮือก....ทำไมจู่ๆก็รู้สึกขนลุกขึ้นมาอย่างหาสาเหตุไม่ได้ เมื่อรุ่นที่สิบพูดประโยคนั้นออกมาพร้อมกับหันมาส่งสายตาวิ้งวับให้ผม.....ยะ...อย่าทำให้ผมปฏิเสธคุณไม่ได้สิครับ
“ โกคุเดระคุง........” มาแล้ว....สายตาที่ช้อนขึ้นเล็กน้อยอ้อนหน่อยๆ มันช่างเป็นอาวุธที่ร้ายกาจอะไรเช่นนี้
“ วันนี้ฉันออกไปไหนไม่ได้ ไอ้เจ้ารีบอร์นเล่นยื่นคำขาดว่า ถ้าขาดเรียนอีกจะให้สก๊อตจัมป์กินข้าว....เพราะงั้น.....นายช่วยหน่อยได้ไหม...ไหม...ไหม......”
จนแล้วจนรอด....ผมก็ต้องยอมสยบต่อคำสาปส่งที่แสนระยิบระยับนั่น....
และวันนั้น.....หลังจากที่กลับมาถึงบ้านแล้ว....ผมก็ไม่ได้กลับออกมาอีกเลย....เลย....เลย......
.................................
หนึ่ง สอง สาม สี่ ห้า......ห้า.....ห้าวันแล้วที่ไอ้บ้านี่มันเกาะติดผมยิ่งกว่าปลิงน้ำนิ่งซะอีก!!!
โดนต่อยตาเขียวบ้านมันสิ เป็นอยู่ได้ตั้ง 5 วัน.....คนปกติเค้าอย่างมาก 3 วันก็หายแล้ว!!!
แล้วนี่อะไร....ห้าวันมาแล้ว เจ้าหมอนี่ก็ยังคงไปไหนมาไหนคนเดียวไม่ได้ เดินกะระยะพลาดล้มลงมาบนตัวผมได้อย่างเหมาะเจาะซะทุกทีไป
เวลาที่คิดจะสลัดมันทิ้ง หน้าเอ๋อๆนั่นก็จะเปลี่ยนเป็นเศร้าสร้อยอย่างน่าถีบ แล้วพูดเบาๆแต่ตั้งใจให้ผมได้ยินว่า...
“ ใครกันนะ ทำให้ฉันเป็นแบบนี้....แล้วยังไม่คิดจะรับผิดชอบฉันอีก.....น่าสงสารก็แต่สึนะ ต้องมีมือขวาแบบนั้น.......” อื้อหื๋อ......ฟังแล้วมันจี๊ด.....ไอ้บ้านี่มันทำอย่างกับว่าผมไปทำมันท้องอย่างงั้นแหละ.....กะอีแค่เผลอต่อยไปนิดเดียว ฉันต้องรับผิดชอบแกชั่วชีวิตเลยหรอวะ
เฮ้อ....แต่ถึงจะด่ามันไป มันก็คงไม่เข้าใจหรอก.....สัตว์เซลเดียวที่ทำเป็นแต่เล่นเบสบอลอย่างมันน่ะ...พูดให้ตาย ไล่ให้ไป ยังไงก็คงไม่รู้เรื่องแหงแซะ....
ผมเดินลงมาที่ชั้นล่างของบ้านด้วยชุดอยู่บ้านหลวมโพรก.....
อยู่บ้านเค้ามาก็ตั้งนาน เพิ่งนึกได้ว่ายังไม่มีเสื้อผ้าเป็นของตัวเองเลยซักชิ้น....ก็ตลอดเวลาที่อยู่ที่นี่ไอ้บ้าเบสบอลนั่นจะคอยเอาเสื้อผ้าที่พับไว้เรียบร้อยมาวางไว้ให้ที่หน้าห้องน้ำ ถึงแม้ว่าเสื้อผ้าแต่ละชุดที่ใส่อยู่ในบ้านที่ไอ้บ้านั่นเลือกมาให้จะหลวมโพรกจนคอเสื้อแทบจะหลุดจากไหล่อยู่รอมร่อ หรือกางเกงที่หลวมจนแค่ดึงเบาๆก็คงจะไหลลงไปกองที่ข้อเท้า....แต่เพราะกลิ่นหอมๆของมันทำให้ผมไม่ได้รับรู้ว่ามันมีอะไรที่ผิดปกติเลยสักนิด....มันคงอยากให้ผมลองแต่งตัวแบบฮิบฮอบ แทนที่จะแต่งแบบร็อคๆละมั้ง....
เพราะว่าเคยไปเดินซื้อเสื้อผ้าด้วยกันมาอยู่บ้าง ....แน่นอนว่ามันเนียนเดินตามผมไปเอง ผมไม่ได้ชวนมันเลยแม้แต่น้อยนะ.......แล้วก็มีอยู่หลายๆครั้งที่มันเลือกชุดเมดฟูฟ่องแบบโลลิต้าบ้าง กี่เผ้าสุดเซ็กซี่บ้าง มาคะยั้นคะยอให้ผมลองใส่...... ” นายตั้งใจจะเป็นมือขวาใช่ม้า...การปลอมตัวก็เป็นเรื่องสำคัญนะ...แล้วการปลอมตัวเป็นผู้หญิงนี่แหละ จะเหนือความคาดหมายของศัตรูที่สุด”........อืม...มันก็เป็นเหตุผลที่ดีทีเดียว.....
คิดอะไรเพลินๆ พอเดินลงมาถึงชั้นล่างของบ้านแล้วก็ต้องยืนงงอยู่พักนึง.....
“ เฮ้ย....วันนี้ร้านไม่เปิดเร๊อะ” ผมตะโกนถามคนเพียงคนเดียวที่นั่งเอาคางเกยโต๊ะอยู่ในห้องครัว หลังจากที่เดินลงบันไดมาแล้วพบว่า ร้านที่ควรจะดังและยุ่งวุ่นวายกลับเงียบเชียบไร้เงาผู้คน
“ วันนี้ป๋าไม่อยู่น่ะ ไปเยี่ยมญาติที่เมืองข้างๆ เย็นๆคงกลับมั้ง” ปกติมันต้องยิ้มกวนประสาทมาให้ผมสิ แต่ไหงวันนี้มันกลับทำหน้าหงอยๆ....หรือว่ามันจะคิดถึงพ่อ......ไม่น่า.....
“ เป็นอะไรของแก...ไอ้บ้าเบสบอล” ผมไม่ได้เป็นห่วงมันนะ.....ก็แค่....ก็แค่....อ้อ....เดี๋ยวรุ่นที่สิบจะว่าเอาได้ว่าผมไม่ดูแลมัน
“ ป๋าไม่อยู่........” ห๋า....นี่มันคิดถึงพ่อจริงๆหรอ......เค้าเพิ่งไปได้ไม่นานเองไม่ใช่รึไง แล้วเดี๋ยวเย็นนี้ก็จะกลับแล้วนี่........หรือว่า ไอ้หมอนี่มันจะเป็นโรคปะป๊าคอมเพล็กซ์.......
“ ป๋าไม่อยู่......หิวข้าว........” กึก....มีชะงักครับงานนี้.......
“ หิว......ที่แกนั่งห่อเหี่ยวอยู่นี่เพราะหิว?”
“ อื้อ.....จะหมดแรงตายอยู่แล้ว.....” ไอ้บร้า.....งั้นก็ตายๆไปซะเลยเซ่ะ......
“ หิวก็ไปหาอะไรกินสิโว้ย....มานั่งอยู่นี่แล้วมันจะอิ่มไหมเล่า.....อย่างแกนี่ต้องให้ฉันคอยเสี้ยมไปจนถึงวิธีอาบน้ำด้วยเลยหรือเปล่าห๊ะ” ผมเอานิ้วชี้จิ้มลงไปที่หัวกลวงโบ๋ของมันด้วยความหงุดหงิด
“ เอาๆ....ฉันอยากให้นายสอนวิธีอาบน้ำให้.......โอ๊ย!!!” ผมเขกกะโหลกมันไปทีนึง ทีไอ้เรื่องแบบนี้ละมีแรงขึ้นมาเชียวนะ
“ เจ็บอ่ะ......ก็ป๋าไม่อยู่ เลยไม่มีอะไรกินเลยนี่นา....” มือใหญ่ลูบหัวปอยๆ ไม่น่าสงสารเลยซักนิดขอบอก.....
“ อะไร....แกเป็นลูกร้านซูชิไม่ใช่รึไง กะอีแค่ของกินทำไม่เป็นหรอวะ.....เสียชาติเกิดชะมัด”
“ ทำน่ะ มันก็เป็นอยู่หรอก....แต่ว่า ฉันในสภาพนี้คงไม่ไหวหรอก....” มันชี้นิ้วไปที่ตาข้างที่ปิดผ้าผิดตาเอาไว้....ผมถึงได้บอกนี่ไงว่า....โดนต่อยบ้านมันสิ 5 วันถึงไม่หายซักที.....
“ โกคุเดระ.......”
“ อะ....อะไร....”
“ ทำอะไรให้กินหน่อยสิ....นายเป็นมือขวานี่นะ....แค่อาหารง่ายๆคงทำเป็นใช่ไหม?”
...............................................
ง่ายๆ.....อาหารง่ายๆ.......
ผมกำลังชำแหละปลาสดๆจนเลือดพุ่งเต็มเคาเตอร์ครัว เอามีดสับหัวมันก่อนที่จะฟาดอีโต้ลงไปกลางตัวมันแบบที่ว่า ทีเดียวขาดเป็นสองท่อน
ง่ายๆ....อาหารง่ายๆ.....ง่ายกับพ่อมันเซ่ะ!!!
มันเข้าใจไหม๊ คำว่าง่ายคือการกดน้ำร้อนลงไปบนบะหมี่ถ้วย....นั่นแหละคือ ง่าย!
แล้วนี่อะไร...บะหมี่ถ้วยก็ไม่เอา โจ๊กกึ่งสำเร็จรูปก็ไม่เอา.....แต่อาหารง่ายๆของมันคือ ซูชิ!
ขอด่าอีกที.....ง่ายบ้านเตี่ยเอ็งเร๊อะ!!!!
หลังจากที่ผมปฏิเสธโดยไร้เยื่อใย ว่าทำไม่เป็นอย่างเด็ดขาด มันก็ยังยืนกรานว่าจะสอนให้ .....
ผมลองมาคิดดูดีๆแล้ว....เป็นมือขวาที่ดีมันก็ต้องทำให้เป็นหมดทุกอย่างสิ.....
นี่มันก็แค่ อาหาร ”ง่ายๆ” แค่นี้เอง แล้วทำไมผมจะทำไม่ได้
ก็เลยให้มันสอนอยู่พักนึง.....แต่ทว่า.....
“ ใส่ผ้ากันเปื้อนก่อนนะ จะได้ไม่เลอะ” แล้วมันก็เดินอ้อมมายืนข้างหลังพร้อมกับผูกเชือกผ้ากันเปื้อนให้ผม
“ ไข่ม้วนต้องหั่นแบบนี้” แผงอกกว้างของมันแทบจะแนบชิดอยู่กับแผ่นหลังของผม
“ ส่วนนี่ต้องหั่นแบบนี้” คำพูดที่กระซิบอยู่ข้างหู ใบหน้าของมันคลอเคลียอยู่ที่ต้นคอของผม
“ นี่นะ....นายต้องทำมือแบบนี้เวลาปั้น” แขนยาวเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อของมันโอบรอบตัวผม แล้วฝ่ามือใหญ่ๆนั่นก็ประคองมาที่มือของผม...
โว้ยยยย....นี่มันกำลังลวนลามผมอยู่ชัดๆ
ผมเลยถีบมันกระเด็นออกไปนอกห้อง ไล่ให้ไปนั่งรอที่อื่นก่อนที่ผมจะสติแตกกระเจิงแล้วควักไดนาไมต์มาเป่ากะโหลกมันซะก่อน
คิดแล้วมันก็หงุดหงิด....ทำไมผมจะต้องไปตื่นเต้นกับการโอบกอดและถ้อยคำพร่ำกระซิบพวกนั้นด้วย ทำไมใจผมต้องเต้นจนแทบจะทะลุหน้าอกออกมา ทำไมหน้าผมต้องร้อนผ่าวแบบนี้....ทำไม.....ทำไมกัน....
โธ่โว้ย....คิดไปก็ไม่รู้เรื่อง ขยี้ผมสีเงินจนฟูก็ยังไม่เข้าใจ.....หันมาระบายกับเจ้าปลาน้อยที่น่าเชือดตรงหน้านี้แทนก็แล้วกัน
แล้วผมก็แสดงวิธีการชำแหละอย่างมีศิลปะด้วยอีโต้ของผม จนได้เป็น(เศษ)เนื้อปลาน่ากิ๊นน่ากิน สมกับที่จะให้คนอย่างไอ้บ้านั่นกินละนะ5555
แล้ว......ข้าวปั้น....ไข่ม้วน....เนื้อปลา...บ๊วยดอง...ไข่ปลา.......ไอ้ของพวกนี้นี่.....มันเอามารวมกันได้ยังไงล่ะ....?......
..................................................
หลังจากระลึกชาติอยู่นาน ว่าตอนกินซูชิที่คุณลุงทำให้ อะไรมันอยู่กับอะไรบ้าง แต่สิ่งเดียวที่ผมจำได้คือ....มันอร่อย.....แต่นอกนั้น............?
“ เฮ้ย....หิวตายไปรึยัง...เสร็จแล้ว จะกินไหม” ผมเอาเท้าเขี่ยๆไอ้กองสิ่งมีชีวิตที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรงอยู่ที่ระเบียงหลังบ้าน ไอ้บ้านั่นเงยหน้าขึ้นมามองถาดใส่ซูชิที่ผมถือมาอย่างตกตะลึง.......ก็แน่ละสิ.....ฉันตั้งใจทำมาให้แกโดยเฉพาะเลยนะ.....ในเมื่อมันอยากนึกไม่ออกว่า อะไรควรอยู่กับอะไรบ้าง .....เพราะงั้น....ผมก็เลยเอาทุกอย่างใส่รวมกันในข้าวปั้นหนึ่งก้อนเลยน่ะสิ....ได้สารอาหารครบถ้วนแน่แก.....
“ ถึงมันจะดูไม่เหมือนซูชิ....แต่มันก็น่ารักมากๆเลยนะโกคุเดระ.....นี่สินะ อาหารของภรรยา...แอ้ก….” เจอทุบเข้าไปทีนึง คงจะนั่งหุบปากกินไปอย่างเงียบๆได้แล้วมั้ง
ผมนั่งลงข้างๆ ร่างกายแข็งแกร่งของยามาโมโตะ วางถาดใส่ซูชิที่มี ครอบครัวกระต่ายที่เกิดจากสารพัดหน้าซูชิลงที่ข้างๆตัว
“ ป้อนหน่อยสิ....” ใบหน้ายิ้มระรื่นหันมามองผมพร้อมกับอ้าปากรอ
“ นี่แกไม่ได้ตาบอดอย่างเดียว แต่ยังเป็นง่อยด้วยหรอวะเนี่ย...มือมีก็กินเองสิวะ” ผมเมินหน้าหนี
“ ฉันไม่กล้าจับคุณกระต่ายมากินน่ะ....แต่ถ้านายป้อน ฉันก็จะได้ไม่รู้ว่าเป็นคุณกระต่าย ก็จะกินได้ไง นะ นะ” เหตุผลน่าถีบมากกกกกกก ผมหันหน้ากลับไปหามันตั้งใจจะด่าเต็มที่.....แต่พอเห็นใบหน้าโง่ๆอ้าปากพะงาบๆเหมือนลูกนกรออาหารแล้วมันก็......เฮ้อ......นี่ตูทำอะไรอยู่ฟะเนี่ย.....
แล้วมือของผมก็จำใจหยิบ คุณกระต่ายซูชิ ยัดเข้าปากไอ้บ้าเบสบอลอย่างช่วยไม่ได้
“ ถึงรสชาติจะงงๆ แต่ก็อร่อยดี” ผมไม่ได้ดีใจกับคำชมของมันหรอกนะ.....
“ เอาตัวนั้น” แล้วคุณกระต่ายอีกตัวก็ถูกส่งเข้าปากไอ้บ้านั่น ด้วยมือของผมเหมือนเดิม....
“ โกคุเดระ ข้าวติดมือนายแน่ะ.....”
แล้วมือใหญ่ๆของมันก็คว้ามือผมไว้ ก่อนที่จะดึงให้เข้าใกล้ปากมันขึ้นเรื่อยๆ ลิ้นร้อนๆสัมผัสกับปลายนิ้วของผม ความรู้สึกแปลกประหลาดก่อตัวขึ้นทีละน้อย....
สายตาของผมมองประสานกับดวงตาสีเปลือกไม้อย่างตื่นตะลึง...
จากลิ้นที่เลียอยู่ที่ปลายนิ้วเริ่มลุกลามไปทั่วทั้งนิ้ว ริมฝีปากของยามาโมโตะค่อยๆเข้าครอบครองนิ้วของผม ดูดเลียและขบเม้มเบาๆ โดยที่สายตาของเรายังคงจ้องมองกันและกันอย่างไม่ลดละ....
ความร้อนพุ่งขึ้นมาที่ใบหน้าของผม การกระทำของหมอนั่นทำให้ผมรู้สึกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน …ราวกับว่าหมอนั่นกำลังสะกดผมอยู่
ผมมองการกระทำที่ทั้งนุ่มนวลและเรียกร้องนั่นอย่างเผลอไผล ความรู้สึกดีที่ปลายนิ้วกลับทำให้ผมต้องการมากกว่านี้...แต่ว่า...ที่ไหนล่ะ แล้ว...ผมต้องการอะไร....
ริมฝีปากของยามาโมโตะละออกมาจากนิ้วของผม ดวงตาสีเปลือกไม้มองมาที่ผมอย่างเว้าวอน
ราวกับว่ามีแรงดึงดูดให้ใบหน้าของเราทั้งสองคนเข้าใกล้กันมากขึ้นเรื่อยๆ
มือใหญ่อีกข้างที่ไม่ได้จับมือของผมไว้ จับยึดมาที่ไหล่ของผม
ริมฝีปากของเราแนบชิดกัน มันช่างเป็นความรู้สึกแปลกใหม่ที่ยากจะบรรยาย เหมือนกับว่าตัวผมกำลังถูกโอบกอด แต่ก็ล่องลอยอยู่ท่ามกลางอากาศอบอุ่น
ริมฝีปากของหมอนั่นไม่ได้นุ่มนิ่ม แต่มันก็ทำให้ผมรู้สึกดีอย่างที่สุด
ผมค่อยๆหลับตาลง ก่อนที่ริมฝีปากของยามาโมโตะจะขบเม้มเบาๆลงมาที่ริมฝีปากล่างของผม ทำให้ผมเผลออ้าปากออกน้อยๆ
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะให้ลิ้นร้อนของหมอนั่นแทรกเข้ามาในโพรงปากของผมได้
มันค่อยๆล่วงล้ำเข้ามาช้าๆ สำรวจไปทั่วอย่างอ่อนโยน
เมื่อทักทายกับลิ้นเล็กของผมแล้ว มันก็เริ่มเกี่ยวพัน จากอ่อนโยน ค่อยๆเร่าร้อน เรียกร้อง ขึ้นเรื่อยๆ
ผมอยากจะปฏิเสธแล้วก็ผลักมันออกไป...แต่ผมก็ไม่สามารถทำได้ ในเมื่อเรียวลิ้นของหมอนั่นกำลังกวาดต้อนผมอย่างเอาเป็นเอาตาย
กวาดต้อนทุกอย่าง ทั้งความหวานล้ำที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน ทั้งความเสียวซ่านที่ไม่เคยพบเจอ ทั้งเรี่ยวแรงที่จะขัดขืน...เจ้าหมอนั่นกำลังช่วงชิงมันไปจากผม......
ผมไม่อาจจะปฏิเสธได้เลยว่าผมชอบมัน.....แบบนี้ใช่ไหม...ที่เค้าเรียกว่า....จูบ....
และนี่.....มันก็เป็น....จูบแรก....ของผมซะด้วยสิ........
.
.
.
.
.
.
TO BE CON
และแล้ววิชาเนียนก็ดำเนินมาถึงตอนที่ 3 แล้ว....แหะ แหะ....หวังว่ามันยังคง “เนียน” อยู่นะคะ....^ ^”.....
แล้วอย่าลืม ติดตาม ฉากที่ทุกคนรอคอย(?) ใน วิชาเนียนตอนที่ 4
Yamamoto Takeshi's Part by kuwa[R]i...
กันนะคะ......”เนียนอย่างไรให้ได้กด”.......คุณสามารถหาคำตอบนี้ได้ ในตอนต่อไป...ไป...ไป........
และขอบคุณทุกๆท่านที่ติดตามอ่านและกำลังใจจากเม้นต์ทุกคนเลยนะคะ....ขอบคุณค่ะ
WAKETSU….
ก๊กหลวมตัวสะแล้ว ยังไม่ถึงครึ่งเดือนเลยนะ ><
ตอบลบใจเกเรรร
ตอบลบ