: KHR Fanfiction Au
: 8059 186927 XS
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ยามะดาร์กใสกิ๊ง....(อะไรของมันวะนั่น?)..... ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ
.
.
.
.
.
.
.
บันทึกของน้องเป็ด....
ผม...คือเป็ดน้อยในสวนสาธารณะ ของเมืองนามิโมริอันสงบสุข ทุกๆวันจะมีผู้คนเข้ามานั่งภายในตัวผม แล้วค่อยๆปั่นคันโยกที่เท้าของพวกเขาช้าๆ ตัวผมก็จะค่อยๆเคลื่อนที่ ลอยละล่องอย่างสดใสอยู่กลางสระน้ำขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กกลางสวน...ทุกคนที่เข้ามานั่งในตัวผมต่างยิ้มแย้มแจ่มใสไม่ว่าจะเป็นคู่รัก หรือว่าคุณพ่อคุณแม่ที่พาลูกตัวน้อยขึ้นมา แต่ก็มีเหมือนกันนะที่มาคนเดียวแล้วได้แต่นั่งทำหน้าเศร้า...ผมก็ได้แต่ปลอบใจพวกเขาเหล่านั้นด้วยการลอยช้าๆไปรอบๆสระ เผื่อว่าความเย็นสบายของสายน้ำจะช่วยผ่อนคลายจิตใจที่อ่อนล้าของพวกเขาได้บ้าง...
นานไม่รู้ว่ากี่ปีกี่เดือนแล้ว ที่ผมอยู่ที่นี่...ผ่านความทรงจำชื่นบานของผู้คนมามากมาย...ผ่านรอยน้ำตามาก็ไม่ใช่น้อย...
แต่ทว่า...กลับมีคนอยู่กลุ่มหนึ่ง ซึ่งผมจำได้ไม่มีวันลืม...ความสัมพันธ์ของคนพวกนั้น มันน่าอัศจรรย์จนผมต้องบันทึกเอาไว้...เรื่องราวของ.....
.
.
.
.
.
.
“ เฮ้ยยยย...ไอ้ที่แบบนี้นี่มันจะมีที่ซ้อมสุดยอดอย่างที่แกว่าจริงเหรอวะไอ้บ้าแซนซัส!!!” เช้าวันหนึ่ง ในขณะที่ชาวบ้านชาวเมืองเค้าน่าจะยังคงอยู่ในนิทราแสนสุข ก็ได้มีเสียงดังสนั่น จนผมที่ลอยละล่องอยู่ริมขอบสระต้องหันหน้าไปมอง...ว่านั่นมันเสียงคนหรือว่าใครมาอุตริเปิดเครื่องขยายเสียงตั้งแต่ไก่โห่แบบนี้
“ ตามมาเหอะน่า...” เสียงอีกเสียงเอ่ยออกมานิ่งๆ แล้วไม่นานผมก็มองเห็นในที่สุด ว่าใครคือคนที่แหกปากอย่างไม่เกรงใจชาวบ้านชาวช่องแบบนั้น
ร่างโปร่งบางสูงสง่าที่มีเส้นผมยาวสลวยสีเงินเป็นประกายกับใบหน้าสวยที่ไม่บอกก็คงไม่รู้ว่าเป็นผู้ชายกำลังเดินตามร่างสูงใหญ่ผมสั้นสีดำสนิทที่มีใบหน้านิ่งเต็มไปด้วยรอยแผลและนัยน์ตาสีโลหิต ทั้งสองคนกำลังมุ่งหน้ามาทางที่ผมอยู่ นัยน์ตาสีแดงคู่นั้นเหลือบมองมาที่ผมแว่บหนึ่ง ด้วยดวงตาเจ้าเล่ห์ที่ผมถึงกับขนลุกเกรียว...อย่านะ.....เดินไปทางอื่นสิ...ตรงนู้นนนนน่ะยังมีเป็ดน้อยตัวอื่นๆอีกนะ...อย่ามาทางนี้!
ลางสังหรณ์ของผมมันบอกว่าถ้ายังอยู่ตรงนี้ต้องไม่ปลอดภัยแน่...ผมเลยลอยออกห่างจากฝั่งช้าๆอย่างแนบเนียน...แต่ทว่า...ไม่ทันแล้ว!
มือใหญ่ๆนั่นคว้าคอผมเอาไว้ก่อนที่ร่างกายสูงใหญ่ที่หนาหนักนั่นจะกระโดดเข้ามานั่งอยู่ในตัวผมเรียบร้อย....อืม...ก็ไม่ค่อยอยากจะพูดเท่าไหร่หรอกนะ แต่หน้าโหดๆอย่างพี่ท่านดูไม่เข้ากับการมานั่งในเป็ดถีบลอยน้ำแบบนี้เลยซักนิด
“ ลงมาสิ ไอ้ฉลามสวะ” ไม่ได้มีแต่ผมคนเดียวหรอกนะที่อึ้ง...คนผมสีเงินนั่นก็ดูอึ้งไม่แพ้กัน...เสียงที่กำลังจะโวยวายหายไปได้แต่อ้าปากค้างแทน
“ นั่งตรงนี้” เมื่อเห็นว่าอีกคนไม่มีท่าทางจะลงมาซักที มือหนาใหญ่ก็คว้ามือที่เล็กกว่าของอีกคนแล้วออกแรงกระชากตัวบางๆนั่นลงมานั่งอยู่ข้างๆตัวจนได้...ดีนะที่ผมทรงตัวดี ไม่งั้นได้หงายท้องแอ้งแม้งไปแล้วพี่ท่าน!
“ ไหนว่าแกเจอสระว่ายน้ำเจ๋งๆไงวะ แล้วนี่...” นัยน์ตาสีขี้เถ้าหันมองไปรอบกายพร้อมเหงื่อหยดที่หน้าผาก...คงจะเริ่มรับรู้ถึงลางสังหรณ์เลวร้ายเหมือนผมแล้วละสิ
“ พร้อมรึยังล่ะ” ร่างสูงใหญ่นั่งสบายๆโดยที่เท้าไม่ได้แตะคันโยกเลยแม้แต่น้อย อีกคนที่นั่งอยู่ข้างกันดูจะงงๆนิดหน่อย....
“ พร้อมเรื่องอะไรฟะ!”
“ ก็การซ้อมว่ายน้ำของแกยังไงล่ะ”
“ พร้อมนานแล้วเฟ้ยยยย”
“ ดี...ถ้าพร้อมแล้วก็ถีบคันโยกนั่นเลย”
“ เฮ้ยยยยยยยยยยยย”
หลายๆท่านอาจจะงงๆว่าตกลงสองคนนี้มาทำอะไรกันแน่....ผมเองก็งงอยู่เหมือนกัน....จึงได้แต่ตั้งหน้าตั้งตาดูต่อไป...หลังจากที่ร่างโปร่งบางนั่นแหกปากจนพอใจ...เอ่อ...ผมอยากรู้ขึ้นมานิดนึงละว่า คนข้างๆกันนั่นแก้วหูเสื่อมหรือว่าหูตึงไปแล้วกันแน่...ขนาดนกยังบินหนีกันให้พรึ่บพรั่บแบบนั้น พี่ท่านนั่งอยู่ซะชิด ไม่ได้ยินอะไรบ้างเลยรึไงกัน ถึงยังทำหน้านิ่งอยู่ได้แบบนั้น...
อ่ะ...ในที่สุดคันโยกที่เท้าทั้งสอง...ไม่สิต้องบอกว่าเท้าคู่เดียวมากกว่าก็เริ่มขยับ ตัวผมเลยเริ่มเคลื่อนที่ช้าๆ....
“ เร็วกว่านี้หน่อย” น้ำเสียงสั่งนิ่งๆจากคนที่ไม่ได้ออกแรงอะไรบอกกับคนข้างๆที่ทำหน้าตาราวกับฉลามหิวจัด
“ โว้ยยยยยยยย” แล้วทีนี้ตัวผมก็ปลิวหวือ แบบที่ไม่เคยเคลื่อนที่ได้เร็วจัดขนาดนี้มาก่อน...ก็แน่ละสิ...ใครๆเค้าก็มานั่งเรือถีบเพื่อชมนกชมไม้ ไม่มีใครเคยปั่นแบบบ้าระห่ำจนคันโยกแทบพังแบบนี้หรอก....
ผมได้แต่นึกถึงพ่อแก้วแม่แก้ว....ไอ้ผมมันก็เก่าแล้ว สงสัยจะถึงการดับสลายก่อนวัยอันควรก็คราวนี้แหละ....พวกแกสองตัวมาทำอะไรก๊าน!!!
หลังจากลอยไปรอบๆสระด้วยความเร็วเหนือชินคันเซ็น ให้ผมหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมจนหนำใจแล้ว ร่างสูงใหญ่ที่นั่งยิ้มกริ่มก็สั่งให้ฉลามบ้าเลือดหยุดการฆาตกรรมผมทางอ้อมลง...
“ เอาละได้เวลาแกลงไปซ้อมแล้ว” หลังจากวอร์มอัพจนเหงื่อโชก คำสั่งน่าพิศวงก็ทำให้เจ้าฉลามบ้าเลือดนั่นถึงกับตาค้างอีกครั้ง...ผมเองก็ตาค้างเช่นกันเพราะไม่รู้ว่าไอ้สองคนนี้มันกำลังจะทำอะไรกันอีก...อยากจะภาวนาให้มันสองตัวลงไปจากตัวผมซักทีก็คงจะเป็นไปไม่ได้ เพราะตอนนี้มันอยู่กลางสระน้ำเลยน่ะสิ!
“ ซ้อม...อะไรวะ?”
“ เอ้า! ก็แกจะมาซ้อมว่ายน้ำไม่ใช่รึไง ที่นี่กว้างใหญ่ออกขนาดนี้ รับรองคราวนี้แกได้แชมป์แน่”
“ ยะ...อย่าบอกนะว่า.....” ใบหน้าสวยที่มีเหงื่อเกาะพราวชี้นิ้วลงไปที่ในสระ ราวกับไม่อยากจะเชื่อว่าสัตว์น้ำเค็มเช่นตัวเองจะตรงลงไปว่ายในหนองคลองบึงน้ำจืดสนิทเช่นสระแห่งนี้
“ .........” ไร้เสียงตอบรับ มีแต่ใบหน้าหล่อเหลาพนักหน้าช้าๆด้วยความจริงจัง
“ ไอ้บ้าแซนซัส!!!! โว้ยยยยยยยยยยยยยย” แล้วนกก็บินออกไปจากสวนสาธารณะแห่งนี้ตลอดกาล....
กว่าที่ไอ้สองคนนี้จะปล่อยผมให้เป็นอิสระ ก็เมื่อยามบ่ายแก่ๆ ไอ้ฉลามบ้าเลือดนั่นมันบ้าเลือดจริงๆนะ ว่ายน้ำอยู่ได้ตั้งหลายชั่วโมง อึดสมกับที่เป็นสัตว์น้ำลึกจริงๆ ส่วนอีกคนก็นั่งกดเครื่องจับเวลาสบายใจเฉิบอยู่บนตัวผมนี่แหละ จะมีบ้างที่ยอมลงทุนเอาเท้าเหยียบลงไปบนคันโยกแล้วเคลื่อนตัวผมตามไอ้ฉลามบ้าเลือดที่กำลังว่ายอย่างเอาเป็นเอาตาย...
ฮู้วววว...เป็นเรื่องราวของคนบ้าสองคนที่ผมจะไม่มีวันลืมเลือนเลยทีเดียว....
แต่ก็นะ...ถึงมันจะแหกปากด่ากันตลอดเวลา แต่ความอบอวลของกลิ่นไออบอุ่นบางอย่างที่ผมรู้จักดีมันก็ลอยอยู่รอบๆสองคนนั้นอย่างเห็นได้ชัดทีเดียวแหละ...นี่ละมั้ง...ความรักของคนบ้าน่ะ.....
.
.
.
.
.
.
.
.
ยัง...ความสยดสยองมันยังไม่หมดไปแต่เพียงเท่านั้น....ตัวอันตรายน่ะ...ไม่ได้มีเพียงหนึ่งเดียวหรอกนะ....
.
.
.
.
.
.
.
.
บ่ายแก่ๆของวันอันสงบสุขวันหนึ่งของผม...วันนี้แทบจะไม่มีคนเข้ามาที่สวนแห่งนี้เท่าไหร่...ผมมองเห็นคนสองคนที่ผมเห็นเค้ามาตั้งแต่เด็ก...สองคนนี้อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ...อืม...เรื่องราวของสองคนนั่นผมเองก็คิดว่ามันมีคุณค่าที่ผมจะจดจำเช่นเดียวกัน...แต่เอาไว้ก่อน...ตอนนี้ผมกำลังจะเล่าเรื่องราวสยองขวัญนี่นะ...
สองคนนั้นนั่งอยู่ด้วยกันที่ใต้ต้นไม้ไกลลิบๆ เรียกได้ว่าเป็นอีกฝั่งหนึ่งของสระน้ำแห่งนี้เลยก็ว่าได้
ผมเลิกล้มความสนใจที่จะจ้องมองสองคนนั้น เพราะว่าตอนนี้กำลังมีคนอีกสองคนกำลังค่อยๆเข้ามานั่งในตัวผม คนหนึ่งเป็นชายร่างเล็กหน้าตาน่ารักผมสีน้ำตาลฟูฟ่องนั่นเข้ากับดวงตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตได้อย่างเหมาะเจาะ มือเล็กๆถือกล้องถ่ายรูปเอาไว้ด้วย ส่วนอีกคนเป็นชายร่างสูงโปร่ง นัยน์ตาสองสีดูแปลกประหลาดก็จริงแต่เมื่ออยู่บนใบหน้าเรียวสวยนั่นแล้วกลับดูดีมิใช่น้อย เส้นผมสีน้ำเงินเข้มทรงแปลกๆเหมือนพืชไร่ชนิดหนึ่งที่ผมรู้จักนั่นก็ทำให้ผมไม่มีวันลืมได้ลง แล้วยิ่งเจ้าถุงใบใหญ่ที่เจ้าตัวถือมาด้วยนั้น...ผมสาบานว่าลืมมันไม่ลงเลยจริงๆ...
ถ้าผมรู้ตัวซักนิดก่อนหน้านั้นละก็นะ...ผมจะรีบสลัดมันให้หลุดลงน้ำไปก่อนที่มันจะมาทำความวิบัติให้ผมแน่นอน!
“ เอาละน้า...” เสียงแชะ แชะ...ดังมาตามเรียวนิ้วเล็กที่กดรัวลงไปที่กล้อง ซึ่งหันหน้าไปทางคนสองคนที่ผมกล่าวไว้ตอนต้น เลนส์หน้ากล้องใหญ่ดึงรูปสองคนที่อยู่ไกลได้อย่างชัดเจน บรรยากาศอบอุ่นในกล้องช่างต่างกับทางนี้ลิบลับ
“ แหม...ผมก็อยากให้สึนะโยชิคุงมาตามสโตรกผมแบบนั้นบ้างจังครับ….” เจ้าของนัยน์ตาสองสีทำเป็นทอดถอนใจ มือเรียวเริ่มหยิบอะไรบางอย่างออกมาจากถุง...มีดปอกผลไม้?...ตอนนั้นน่ะ...ผมไม่เข้าใจจริงๆนะ...ว่าคนที่จะมานั่งเรือถีบ จะพกมีดปอกผลไม้มาทำไม?
“ ไม่ใช่สโตรกซักหน่อย...นี่มันงานต่างหาก...รูปพวกนี้สำหรับเล่มต่อไปเชียวนะ” ถึงจะพูดด้วยแต่ใบหน้าน่ารักก็ยังคงจับจ้องไปยังเป้าหมาย จึงไม่ได้รู้เช่นกันว่าไอ้คนข้างๆมันกำลังเริ่มลงมือทำอะไร
“ แหม...แบบนี้ก็ต้องเรียกว่า ปาปารัซซี่สินะครับ” หลังจากเช็ดมีดจนมันวับ มือเรียวอีกข้างก็หยิบสับปะรดขนาดกลางออกมาจากถุง....สร้างความพิศวงให้ผมยิ่งนัก...อย่าบอกนะว่าจะมานั่งปอกสับปะรดบนเรือถีบนี่น่ะ....คิดได้ยังไงกันพี่ท่าน!
แล้วมันก็ทำจริง!
มือเรียวปอกเปลือกสีเหลืองๆเขียวๆอย่างชำนาญ โดยสายตาจับจ้องไปยังผิวสีเหลืองอย่างหลงใหล ประกายตาวิบวับนั่นบ่งบอกว่ากำลังมีความสุขสุดๆ...มือก็ปอก...ขาก็ยังคงถีบคันโยก....แต่ตามันจ้องอยู่แต่ไอ้ของในมือโดยไม่ได้สนใจซักนิดว่าผมจะลอยละล่องไปทางไหน...
โครม!!!
หน้าของผมไปกระแทกเข้ากับกิ่งไม้ที่ริมสระเข้าให้อย่างจัง ถึงผมจะเจ็บไม่เป็นแต่ริ้วรอยก่อนวัยอันควร(?)มันก็เกิดเป็นนะเว้ยเฮ้ย!
“ ปั่นให้มันนิ่งๆหน่อยสิมุคุโร่...ฉันถ่ายรูปสองคนนั่นไม่ได้แล้วเห็นมั๊ย” นี่ก็มัวแต่สนใจกล้องกับเป้าหมาย...ไม่มีใครสนใจผมเลยซักนิด
“ คึหึหึ....นี่ก็นิ่งสุดแล้วครับ...ผมปอกสับปะรดอยู่ด้วย นิ่งได้แค่นี้ก็ดีนักหนาแล้วครับ” ก็แล้วใครใช้ให้แกมาปอกตอนนี้ล่ะห๊ะ แถมเปลือกมันก็ปล่อยทิ้งลงบนตัวผมอีกตะหากแน่ะ...เก็บไปด้วยสิฟะ!
“ นี่มันห่างเกินไปแล้ว ขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อยสิ” นี่ไม่คิดจะห้ามพฤติกรรมพิสดารพันลึกแบบนั้นซะหน่อยเร๊อะ อย่าบอกนะว่าไอ้สับปะรดนี่มันปอกพืชไร่นั่นจนเป็นปกติน่ะ...ผมได้แต่สครีมอยู่ในใจเพราะพูดออกไปไม่ได้!
“ ครับ...”
“ บอกให้เข้าไปใกล้ๆ ไม่ใช่ห่างออกไปอีก”
“ ทางนี้ใช่ไหมครับ”
“ ไม่ใช่ ต้องซ้ายอีกนิด”
“ ทางนี้?”
“ นี่มันคนละทางแล้ว!”
“ งั้นทางนี้?”
โอ๊ย!!!...ทำไมไม่เงยหน้าขึ้นมาจากไอ้ผลไม้นั่นซะละฟะ แค่เงยหน้ามองมันก็คงไปถูกทางแล้ว! แล้วหน้าผมก็ไม่ต้องไปกระแทกกิ่งไม้ใบหญ้า ตอหลักปักเลนทั้งหลายนี่ด้วย ตัวผมจะบุบก่อนที่มันจะปอกสับปะรดเสร็จไหมเนี่ย!!!
แชะ แชะ.... เสียงกล้องถ่ายรูปยังคงดำเนินต่อไป...จริงสิ ถ้าเจ้าคนตัวเล็กนี่ถ่ายรูปเสร็จเร็วๆ สองคนนี้ก็คงจะได้ไสหัวไปจากตัวผมเร็วๆสินะ....เสร็จยัง?...ใกล้เสร็จยัง?
“ อยากได้ช็อตนั้นจังเลยน้า...นายว่าสองคนนั้นจะทำแบบนั้นไหม” เสียงพูดสบายๆนั่นได้แต่ทำให้ผมฝันสลาย...นี่จะตามสโตรกเค้าอยู่บนนี้ทั้งวันเลยใช่มั๊ย?...
ได้...งั้นผมก็ไม่หวังพึ่งเจ้าตัวเล็กนี่แล้วก็ได้...ชริ.....จริงสิ...ถ้าสับปะรดลูกนั้นมันปอกเสร็จ ตาสองสีนั่นก็คงกลับมามองทางได้ซักที....เสร็จยัง?....ใกล้เสร็จยัง?
“ คึ หึ หึ...ท่าทางจะต้องรออีกนานนะครับ...แต่ไม่ต้องเป็นห่วง...ผมเตรียมสับปะรดมาอีกเป็นกระสอบเลยละครับ...”
..........................................ไอ้บร้า!.....เอ็งจะเตรียมมาทำอะไรเยอะขนาดน้าน........
นอกจากฝันจะสลาย วันนั้นทั้งวันผมยังต้องฝันร้ายกับร่องรอยที่ไอ้สองตัวนี่มันฝากไว้ตามร่างกายของผมไปจนวันพัง...แล้วแบบนี้...จะให้ผมลืมมันง่ายๆได้ยังไงล่ะ!
.
.
.
.
.
.
เรื่องราวร้ายๆ จำเอาไว้แค่นั้นก็เพียงพอแล้วครับ...
ต่อไปมาฟังเรื่องราวดีๆกันบ้าง...
.
.
.
.
.
.
ยามดึกสงัดของคืนหนึ่งในฤดูร้อน สรรพสัตว์ต่างเข้านอนไปกันหมดแล้ว สวนสาธารณะนั้นเงียบเชียบดูน่าวังเวง ผมก็ยังคงลอยละล่องอย่างสบายใจอยู่ที่ริมสระตามเดิม แต่แล้วเสียงฝีเท้าหนึ่งก็ปลุกผมให้ตื่นขึ้น...ใครกันนะที่จะเข้ามาเดินในสวนตอนดึกๆแบบนี้...
เมื่อผมหันไปมอง ก็ต้องดวงตาเบิกกว้าง...ไม่ใช่ว่าจะเจอผีหัวขาดน่าสยดสยอง หรือนางตานี(?)โผล่ออกมาจากกอกล้วยข้างๆ...แต่สิ่งที่น่ากลัวกว่าสัมภเวสีทั้งปวงนั่นก็คือคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า.....ไอ้เจ้าสับปะรด!!!
ความกลัวแต่ครั้งปางก่อนทำให้ผมเคลื่อนตัวออกห่างด้วยสัญชาติญาณ แต่ยังไม่ทันที่จะขยับไปไหนได้ไกล ร่างอีกร่างหนึ่งก็ปรากฏมายืนอยู่ข้างๆกัน
คนคนนั้นผมรู้จักดี...กรรมการคุมกฎโชกเลือด...ฮิบาริ เคียวยะ...ถ้าเป็นคนคนนี้ก็ไม่แปลกใจหรอกว่าทำไมถึงมาเดินอยู่แถวนี้...คงกำลังเดินตรวจตราเมืองนามิโมริอยู่ละสิ...อ๊ะ...หรือว่าไอ้สับปะรดนั่นมันจะไปทำสับปะรดหกเรี่ยราดเละเทะนามิโมริเข้า จนโดนตามมาขย้ำกันละนี่...ฮี่ ฮี่...สมน้ำหน้า
แล้วขาเรียวยาวของเจ้าของนัยน์ตาสองสีก็เดินเข้ามาในตัวผม อีกคนก็เดินตามมาติดๆ ทั้งๆที่ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย
ยะ...อย่าบอกนะว่า......จะมาไล่ขย้ำกันในตัวผมน่ะ....ม่ายยยยย!....ไม่เอาแล้วนะ คราวที่แล้วทั้งไอ้สับปะรดนี่กับไอ้ฉลามบ้าเลือดนั่นก็สร้างความเสียหายเอาไว้ให้ผมจนไม่อาจย้อนกลับคืนสู่อดีตอันรุ่งโรจน์ได้ ถ้าคราวนี้เจอฤทธิ์พระเจ้าทอนฟานั่นเข้าไป....อนาคตขยะเศษเหล็กคงมาเยือนผมอย่างด่วนแน่ๆ
เอ๋....ไม่ใช่แหะ....แทนที่จะไล่ฟาดกัน ทั้งสองคนแค่นั่งลงเฉยๆ แล้วเจ้าของนัยน์ตาสองสีนั่นก็เริ่มปั่นคันโยกจนตัวผมลอยออกไปเรื่อยๆ อย่างช้าๆและนุ่มนวล...แล้วทุกอย่างก็มาหยุดนิ่งลงที่กลางสระน้ำ...ยังคงไร้เสียงพูดคุยใดๆ ใบหน้าเรียวสวยยังคงยิ้มละไม ต่างกับใบหน้านิ่งเย็นชาที่ไม่แม้แต่จะชายตามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
ทั้งๆที่ดูเหมือนจะไม่สนใจกัน แต่บรรยากาศแปลกๆนี่มันอะไรกัน?
ไม่นาน ร่างกายแข็งแกร่งของผู้คุมกฎของเมืองนี้ก็ล้มตัวลงนอนบนที่นั่งที่อยู่ในตัวผม แล้วเอาหัวที่ปกคลุมด้วยเส้นผมสีดำสนิทนั้นหนุนเอาไว้ที่ตักของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ....
ทุกๆสิ่งยังคงนิ่งสงบ ทั้งตัวผมที่ลอยละล่องอยู่กับที่อยู่กลางสระน้ำ ทั้งความมืดที่โอบล้อมทำให้มองเห็นหมู่ดาวได้อย่างชัดเจน ดวงจันทร์กลมผ่องสะท้อนอยู่ที่ผิวน้ำ เสียงสัตว์เล็กๆที่น่าจะมีกลับนิ่งสงบเงียบเชียบ ได้ยินเพียงเสียงลมหายใจของคนทั้งคู่เพียงเท่านั้น
นัยน์ตาสีดำคมกริบค่อยๆหลับตาลงช้าๆ....ส่วนคนที่เป็นดั่งหมอนก็ทำพียงแค่นั่งอยู่นิ่งๆ นัยน์ตาสองสีเหม่อมองพระจันทร์ที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำอย่างเหม่อลอย....
ถึงแม้ว่าจะเป็นเพียงแค่เงาสะท้อน แต่มันก็ยังสวยงาม....แล้วเงาของคนคนนั้นอย่างผม...จะสวยงามในสายตาคุณหรือเปล่าครับ...ฮิบาริคุง
“ วันนี้...ไปคอยไล่พวกนักข่าวมาอีกแล้วสินะครับ” คำพูดแรกที่ทั้งสองคนพูดคุยกันท่ามกลางความเงียบเชียบทำให้เป็ดน้อยอย่างผมตั้งใจฟังเป็นพิเศษ
“ ยังคงคอยดูแลอยู่สินะครับ...”
“ ไม่ใช่เรื่องของแก” คำพูดนิ่งๆเอ่ยออกมาจากปากของคนที่นอนหลับตา
“ เรื่องที่แกจะต้องสนใจ มีเพียงแค่เรื่องของฉันเท่านั้น” ถึงน้ำเสียงนั้นติดจะเย็นชา แต่ความหมายของมันเป็ดอย่างผมก็คิดว่าพอจะเข้าใจได้ดี...
“ คึหึหึ...ยังไงก็ขอสนใจสึนะโยชิคุงอีกคนก็แล้วกันนะครับ...” ใบหน้าที่กลับมายิ้มละไมนั้นดูแตกต่างจากตอนแรกเล็กน้อย จากที่รู้สึกว่ารอยยิ้มนั้นช่างเหงาหงอยและเสแสร้ง แต่ตอนนี้กลับรู้สึกว่าคนคนนี้ยิ้มออกมาจากส่วนลึกของจิตใจจริงๆ
“ หึ...” ริมฝีปากอมยิ้มน้อยๆทั้งๆที่ดวงตายังคงปิดสนิท....แล้วบทสนทนาก็หายไปจากสองคนนี้อีกครั้ง...
ถึงจะไม่แน่ใจว่าระหว่างสองคนนี้มันคืออะไร แต่ผมคิดว่า คงมีความรู้สึกบางอย่างที่ทั้งสองมีตรงกัน จึงดึงดูดให้คนสองคนที่ไม่น่าจะอยู่ร่วมกันได้กลับอยู่ด้วยกันอย่างสงบ...ช่างเป็นคู่รักที่แปลกประหลาด...อยู่ด้วยกัน...รักกันทั้งๆที่ตัวเองต่างมีคนที่สนใจอยู่อีกคน....
ตั้งแต่เหล็กถูกหลอมจนขึ้นรูปมาเป็นตัวผมแบบนี้ ก็เพิ่งจะเคยเจอคู่รักที่แปลกถึงเพียงนี้นี่แหละ....
แล้วจะไม่ให้ผมจดจำเอาไว้ได้อย่างไร....
.
.
.
.
.
.
.
เรื่องราวสุดท้ายที่ผมจำเอาไว้ไม่มีวันลืม....คือเรื่องราวที่มันค่อยๆซึมซับเข้ามาอยู่ในตัวผมทีละเล็กทีละน้อย...
เป็นเรื่องราวของพี่ชายกับน้องชายคู่หนึ่ง....
.
.
.
.
.
.
.
ผมเห็นพวกเขามาตั้งแต่ยังตัวเล็กๆ....เด็กชายรูปร่างผอมบางที่ดูอ่อนแอขี้โรค ผิวขาวจัดราวกับหิมะ เส้นผมสีเงินเป็นประกายรับกับดวงตาสีเขียวมรกตที่ประดับอยู่บนใบหน้าสวย ร่างเล็กๆนั่นมักจูงมือมากับเด็กชายอีกคนหนึ่งเสมอ....น้องชายที่ดูต่างกันราวกับฟ้ากับดิน....เด็กชายคนนี้สูงกว่าและท่าทางแข็งแรง ผิวสีแทนเหมือนคนที่ออกกำลังอยู่เสมอ ใบหน้าหล่อเหลาเข้ากับนัยน์ตาสีเปลือกไม้และเส้นผมสั้นสีดำสนิท....ภาพแบบนี้ผมเห็นมาไม่รู้ว่ากี่ปีต่อกี่ปี...ตั้งแต่เล็กจนโต...มือใหญ่คู่เดิมก็ยังคงจับมือเล็กคู่เดิมแล้วเดินมาด้วยกันไม่เคยเปลี่ยน....
อาจจะมีเพียงแค่ความรู้สึกบางอย่างที่มันเปลี่ยนไป....ทั้งคู่ยังเป็นพี่น้องที่รักกัน....แต่ความรักที่มีให้กันนั้นมันต่างออกไป....สิ่งที่ผมเห็นมาตลอดมันทำให้ผมคิดว่าแบบนั้นแหละน้า...
“ นี่ๆ ฮายาโตะ...” เด็กชายหันมาเรียกผู้เป็นพี่ที่นั่งเลียลูกกวาดอยู่ข้างๆ
“ หือ....?” ใบหน้าเล็กๆน่ารักหันไปตามเสียงเรียก
“ เกาะแน่นๆนะ เดี๋ยวจะตกลงไป....” สิ่งที่แสดงออกต่อกันคือความห่วงใยอันใสบริสุทธิ์ ซึ่งผมเองก็ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนักในคู่พี่ชายกับน้องชาย...วันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้เจอเจ้าตัวเล็กสองคนนี่....
“ ชีวิตเด็ก ม.ต้น จะเป็นยังไงกันน้า....” เสียงใสของเด็กชายที่ดูโตเกินวัย เพราะร่างกายกลับสูงชะลูดกว่าผู้เป็นพี่เสียอีก เอ่ยออกมาในขณะที่นั่งเกาะขอบกระจกด้านหน้าในตัวของผม
“ อะไรของแก...เดี๋ยวปีหน้าก็รู้แล้วไม่ใช่เร๊อะ” ร่างบอบบางที่นั่งอยู่เคียงข้างเพียงแค่เอ่ยออกมาแต่ดวงตาสีมรกตสดใสยังคงจับจ้องอยู่ที่หน้าหนังสือในมือ
“ ฉันอยากไปเรียนโรงเรียนเดียวกับนายแล้วอ่ะ ไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” สภาพการงอแงของเจ้าเด็กนี่ไม่ได้ดูน่ารักหรอกนะ แต่เหมือนหมาตัวใหญ่ๆกำลังอ้อนเจ้าของเสียมากกว่า มืออีกข้างของร่างบางที่ไม่ได้ถือหนังสืออยู่จึงเอื้อมไปลูบหัวสีดำนั่นเบาๆ ราวกับกำลังปลอบโยน....ประกายอะไรบางอย่างปรากฏขึ้นในดวงตาสีเปลือกไม้....อะไรบางอย่างที่มันไม่เหมือนเด็กน้อยเมื่อวันวาน....นั่นเป็นครั้งแรก...ที่ผมเริ่มจะรับรู้ว่ามันกำลังมีอะไรบางอย่างระหว่างสองพี่น้องคู่นี้ที่เปลี่ยนไป
“ ฮายาโตะ” เสียงเรียกชื่อของอีกคนหนึ่งที่นั่งอยู่ด้วยกันเอ่ยพร้อมกับมือใหญ่ที่ยืนช้อนที่เต็มไปด้วยข้าวต้มไปจ่ออยู่ตรงริมฝีปากแดงระเรื่อของเจ้าของชื่อ
“..............” ร่างบางๆนั่นยังคงนิ่งเฉย ใบหน้าบูดนิดๆนั่นไม่ยอมอ้าปากกินอาหารที่อีกคนป้อนให้ ผมมองทั้งคู่ที่นั่งอยู่ในตัวผมในขณะที่ลอยเอื่อยเฉื่อยอยู่กลางสระน้ำ
“ ฉันอุตส่าห์แอบพานายออกมาจากโรงพยาบาลแล้วนะ เพราะงั้นกินให้หมด...” เหมือนพ่อบังคับลูกสาว(?)กินข้าวเลยแหะ
“ ฉันไม่อยากกลับไปอยู่ที่นั่นแล้ว...อยากกลับบ้านเดี๋ยวนี้เลย” แอบคนเห็นน้องถอนหายใจในความเอาแต่ใจของคนพี่ แต่ถึงจะเจอฤทธิ์งอแงแค่ไหน ร่างสูงนั่นก็ยังคงรักและอยู่ข้างๆคนป่วยเอาแต่ใจนั่นอยู่เสมอ สายตาที่คอยเฝ้ามองอย่างเป็นห่วงเป็นใยนั่นไม่เคยเปลี่ยนไปเลยแม้แต่น้อย....
ความเป็นห่วงเป็นใยไม่เคยเปลี่ยน....แล้วอะไรกันล่ะที่มันเปลี่ยนไป....ผมเริ่มแน่ใจแล้วว่าระหว่างสองคนนี้...ไม่เหมือนเดิม
“ ฮายาโตะ!” ร่างสูงตะโกนเรียกพี่ชายที่เดินจ้ำอ้าวหนีขึ้นมานั่งอยู่ในตัวผม ใบหน้าเนียนใสบูดสนิทบึ้งตึงดูก็รู้ว่ากำลังอารมณ์เสียสุดๆ
“ ถ้าแกไม่ยอมไปก็ไม่ต้องมาพูดกับฉัน” ใบหน้าเนียนสวยหันควับหนีไปอีกทาง ในขณะที่อีกคนก้าวเข้ามานั่งอยู่เคียงข้าง ใบหน้าคมจ้องมองพี่ชายด้วยนัยน์ตาสีเปลือกไม้เว้าวอน
“ หัดสนใจเรื่องของตัวเองซะบ้างเถอะ...ชั้นน่ะไม่เป็นอะไรหรอก...ก็แค่ตรวจร่างกายเฉยๆ มันไม่สำคัญไปกว่าการแข่งนัดชิงของแกนั่นหรอก” ใบหน้าสวยหันมามองร่างสูงของน้องชายด้วยแววตาดุดัน....ผมไม่ค่อยได้เห็นสองคนนี้ทะเลาะกัน เพราะงั้นต้องตั้งใจดูซะหน่อย
“ ไม่เลย...สำหรับฉัน นายสำคัญที่สุด”
“ งั้นถ้าฉันสำคัญกับแกจริงๆ...จะช่วยฟังคำขอร้องของฉันได้หรือเปล่า” ใบหน้าสวยหันมามองคนข้างๆด้วยแววตาจริงจัง
“ ไปแข่งในวันพรุ่งนี้...แล้วเอาถ้วยชนะเลิศมาให้ฉัน...แค่นั้นทำได้รึเปล่า”
“ ฮายาโตะ....” ถึงจะเอ่ยออกมาด้วยเสียงหงอยๆราวกับหมาน้อยถูกเจ้าของดุ แต่ผมก็เชื่อว่าเจ้าหมาผู้เป็นน้องตัวนี้คงไม่อาจปฏิเสธอะไรได้อีก...เหมือนกับทุกครั้งที่คอยตามใจคอยเอาใจผู้เป็นพี่อย่างที่ไม่เคยนึกถึงตัวเองเลยสักนิด....
เอ๊ะ....รึว่าเห็นแก่ตัวเองกันแน่นะถึงได้ทำทุกอย่างออกไปแบบนั้น....เพราะเท่าที่ดู...แค่ร่างบางๆนั่นยิ้ม เจ้าหมาตัวใหญ่นี่ก็เหมือนจะยิ้มตามได้โดยไม่มีเหตุผลแล้วนี่นา
ในที่สุดสิ่งที่ผมสงสัยมาตลอด...ว่าสิ่งที่เปลี่ยนไปมันคืออะไรกัน....
คำตอบน่ะ...ง่ายนิดเดียว....
หัวใจ....ที่เปลี่ยนไป.....
จากพี่ชายกลายไปเป็นคนรัก....
เป็นรูปแบบความรักที่ผมไม่เคยเห็นเลยในเมืองนี้...แล้วก็คาดว่า กว่าที่ทั้งคู่จะมาถึงจุดนี้ได้คงต้องผ่านอะไรมามากมายทีเดียว...ช่วงเวลาที่ผมเห็นอาจจะเป็นแค่ช่วงหนึ่งที่ทั้งคู่มีความสุข แต่เวลาทุกข์ใจเล่า ผมอาจจะไม่เคยได้เห็นมัน....
ก็ได้แต่ขออวยพรให้ทั้งคู่ ให้ได้อยู่ด้วยกันและฟันฝ่าทุกอย่างไปจนตลอดรอดฝั่ง...ถึงยังไงเจ้าเด็กสองคนนี้ก็คือ ความหวังเล็กๆที่ผมเฝ้ามองมาตลอดละนะ....
.
.
.
.
.
.
อ่ะ มัวแต่เม้าท์เพลิน....สองคนนั้นเดินมาด้วยกันอีกแล้ว....
ขอผมไปสังเกตการณ์ก่อนละ......หึ หึ....
สวัสดีครับ....
.
.
.
.
.
.
.
.
จบเหอะ....
ครึ ครึ....กลับมาอีกครั้งตามคำเรียกร้อง (ของใคร?) กับภาคพิเศษ ของ IF ; I LOVE
ก็เค้าอยากจะให้ของขวัญวันปีใหม่อย่างคนอื่นเค้ามั่งอ่ะ...แต่ก็ไม่มีอะไรจะให้ เลยขอเอาวันชิลๆของน้องเป็ดมาฝาก
นี่เป็นภาคพิเศษแบบสงบสุขของทุกๆคู่ในเรื่องนี้
แต่ความจริงยังมีอีกภาค ที่เป็นภาคของคู่หลัก 8059 โดยเป็น Hayato ‘ s Side ที่ข้าพเจ้าแต่งเอง
มันจะออกแนวขมนิดๆ แบบ Bitter Chocolate แต่ก็(น่าจะ)ซาบซึ้งตามแบบฉบับของ IF ; I LOVE ละนะ ฮะ ฮะ...
บอกไปงั้นแหละ...แต่ไม่ได้เอามาลงที่นี่หรอกค่ะ (อ้าวเฮ้ย!)
เพราะมันจะมีอยู่ในรวมเล่มเท่านั้น!!!
อิจฉาน้องเป็ดน้อยจริงๆ เห็นมันทุกคู่เลยวุ้ย !
ตอบลบแสดงว่าเป็ดนี่เป็นสถานที่ยอดฮิตเลยนะเนี่ยยยยยย
ฮาคู่แรกที่สุดแล้วค่ะ 5555555555 ฉลามบ้า
ก็ไปบ้าจี้ตามป๋าเนอะ ลงไปว่ายน้ำเฉยเลยอะไรของแกเนี่ย
คู่6927ก็น่ารักค่ะ แต่ทูน่านะน่ารัก มุคุนี่รั่วมาก ก๊ากกกกกกกกกก
ขนาดมาเดทกันยังเอาสัปปะรดมาปอก ท่าทางจะรักสัปปะรดมาก
อีกคู่ก็ .. มาแบบเงียบๆ แล้วก็ไปแบบเงียบๆ
ไม่มีใครพูดอะไรแต่เป็ดก็ยังรู้สึกได้ถึงความรัก อื้อหืออออ
คู่สุดท้ายยี่ซี้ บรรยากาศชมพูวิ๊งๆสุดๆ
จะกี่ปีๆก็ยังมานั่งเป็ด ฮ่าาาาาาาาาา