: KHR Fanfiction Au
: 8059 186927 XS
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ยามะดาร์กใสกิ๊ง....(อะไรของมันวะนั่น?)..... ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ
.
.
.
.
.
.
.
เรื่องราวที่รับรู้มานั้นไม่ง่ายเลยที่จะตัดสินใจ จะเดินฝ่าไปข้างหน้า หรือว่าจะหนี......
ขายาวก้าวเดินไปอย่างรวดเร็ว สายตาสอดส่องหาร่างบอบบางของพี่ชายไปทั่วบริเวณโรงเรียน
“ ฮายาโตะ!!!” เอ่ยปากเรียกพี่ชายของเขาที่กำลังยืนเหม่อลอยอยู่ที่หน้าห้องชมรมเบสบอล ใบหน้าซีดขาวดูราวกับตุ๊กตาไร้จิตใจ แค่ได้เห็นมือก็คว้าร่างกายบอบบางเข้ามาไว้ในอ้อมแขนโดยที่ไม่ต้องคิดหรือใส่ใจกับอะไรอีก
“ ทาเคชิ...พ่อ....พ่อจะจับเราแยกกัน....พ่อจะให้ฉันย้ายโรงเรียน” เสียงแผ่วเบาที่บอกออกมาราวกับเครื่องช่วยยืนยันว่าเรื่องที่เขาเพิ่งจะไปพบเจอมาในห้องรับแขกคือเรื่องจริง ร่างกายที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาดูไร้เรี่ยวแรง ประกายตาที่เคยสุกใสกลับมืดมนลง
“ ไม่.........ไม่.......” เขากอดกระชับร่างบาง พร่ำกระซิบคำยืนยันหนักแน่นที่ใบหูของพี่ชาย กดจูบลงไปที่เส้นไหมสีเงิน เรียกหัวใจที่กล้าแข็งมาตลอดให้กลับมาหาร่างบอบบางอีกครั้ง
“ แล้ว...จะทำยังไง” พ่อคือคนที่เลี้ยงดูเราทั้งคู่มาตั้งแต่เกิด เป็นคนในครอบครัวเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ของพวกเรา....เรื่องที่เขาจะทำต่อไปนี้ อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกได้ว่าอกตัญญูอย่างร้ายกาจ นอกจากจะทำลายความรักความเชื่อใจที่พ่อมีให้มาตลอด เขายังจะพรากคนที่พ่อรักและดูแลทะนุถนอมมาอย่างดีไปอีกด้วย
แต่เขาก็ไม่มีทางเลือก....เพราะถึงจะเดินเข้าไปหาพ่อตอนนี้...พ่อก็คงจะไม่ยอมฟังเหตุผลใดๆจากเขา...ลูกชายอกตัญญูคนนี้.....
“ นายเชื่อฉันรึเปล่า ฮายาโตะ” เขาถามย้ำกับคนที่เขารักและแคร์มากที่สุด.... รัก...จนทิ้งได้แม้แต่บุพการีที่ให้กำเนิด....
ถ้าเพื่อให้ได้อยู่กับนาย...ถ้าเพื่อให้ได้รักนาย.....ฉันขอเป็นคนเลวที่ใครอยากจะตราหน้ายังไงก็ได้.....
“ อื้อ” แขนเล็กของพี่ชายกอดตอบมาที่แผ่นหลังของเขา บ่งบอกว่า...ไม่ว่าเขาจะเลือกทางไหน...ร่างบอบบางนี่ก็พร้อมที่จะเดินไปกับเขา....
“ เราจะหนีไปด้วยกัน....หนีไปในที่ที่ไม่มีใครรู้จัก....ไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ด้วยกันนะ ฮายาโตะ....” เขาละอ้อมแขนออกมาจากร่างบาง สายตาสบประสานไปกับนัยน์ตาสีเขียวมรกตอย่างจริงจัง มีแววตาลังเลสวนกลับมาวูบหนึ่ง แต่ในที่สุด ประกายตาสุกใสแข็งกร้าวของพี่ชายก็ส่งกลับมาหาเขาด้วยความเชื่อมั่นอีกครั้ง
“ แล้วสักวัน....เราค่อยกลับมาขอโทษพ่อกันนะ” เขายิ้มให้ร่างบางตรงหน้า....ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น...คนคนนี้คือคนที่เขาจะรักและจะปกป้องด้วยชีวิต
“ เราจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของชีวิต.....” เขาจับมือบางขึ้นมากุมเอาไว้
“....เรา....จะอยู่ด้วยกัน....จนวันสุดท้ายของชีวิต.....” เสียงกระซิบแผ่วเบาแต่ชัดเจนเปล่งออกมาก่อนที่รอยยิ้มน้อยๆจะระบายที่ใบหน้าสวย
...................................................................
มองไปรอบๆบ้านอย่างจะเก็บทุกความทรงจำที่เคยเกิดขึ้นที่นี่เป็นครั้งสุดท้าย....ไม่รู้...ว่าอีกนานแค่ไหนถึงจะได้กลับมา.....เสียงเดินลงบันไดช้าๆของพี่ชายเรียกให้เขาหันไปดู
“ ใจหายเหมือนกันนะ ที่จะไม่ได้กลับมาที่นี่อีกแล้ว...” มือเล็กของพี่ชายสอดประสานเข้ามาที่มือเขา กระเป๋าใส่ของจำเป็นใบเล็กสะพายอยู่บนไหล่บาง
“ ไปกันเถอะ...” มือหนาออกแรงดึงมือบางให้ออกเดินไปด้วยกัน......เดินออกมาจากบ้าน สถานที่ที่เคยเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา
....ขอโทษครับพ่อ.....แต่ว่าผมจะไม่พูดว่าลาก่อน เพราะสักวันหนึ่งผมจะกลับมาหาพ่ออีกครั้ง.....
เราสองคนเดินมาเรื่อยๆ สถานีรถไฟมองเห็นอยู่ตรงหน้า...แต่ว่า....จุดหมายปลายทางนั้นกลับไม่มี.....
“ ไปนางาโน่กันดีไหม...ฉันเคยไปแข่งเบสบอลที่นั่น เป็นเมืองที่น่าอยู่ทีเดียว” เขาหันไปมองคนที่เดินอยู่เคียงข้าง ดวงตาสีเขียวมรกตฉายชัดถึงความกังวล....
“ เราจะไปกันจริงๆหรอ” ถ้อยคำแผ่วเบาอย่างไม่แน่ใจเอ่ยออกมาจากริมฝีปากสีสวย ก็ไม่แปลกที่จะกังวล...ในเมื่อพี่ชายของเขาแทบจะไม่ค่อยได้ออกจากเมืองนามิโมริไปไหน โลกภายนอกที่กว้างใหญ่กว่านี้คงทำให้ร่างบางๆนั่นรู้สึกกลัว....
เพราะนี่มันไม่ใช่แค่การจะหนีไปเที่ยวของเด็กๆ ไม่ใช่การไปเยี่ยมญาติ ไม่ใช่การไปทำธุระ....แต่มันคือการเดินออกไปสร้างชีวิตใหม่...และพวกเขาก็ไม่ได้เดินออกไปอย่างสง่าผ่าเผย แต่เป็นการหนีความจริงที่โหดร้าย...หนี....คือการที่จะกลับมาที่นี่ไม่ได้อีกแล้ว
เขายกมือขึ้นลูบเส้นผมสีเงินเป็นประกาย แล้วก้มลงจูบแผ่วเบาไปที่ริมฝีปากนุ่ม ถ่ายทอดความมั่นใจในการตัดสินใจในครั้งนี้
ถึงแม้ว่าจุดหมายปลายทางจะคลุมเครือ ไม่มีอะไรที่เตรียมพร้อมสำหรับการเริ่มต้นชีวิตใหม่ ไม่รู้แม้แต่ว่าต่อไปจะไปทำอะไร...แต่สิ่งเดียวที่เขามั่นใจ คือ ไม่ว่าจะต้องไปเจอกับอะไร เขาก็จะปกป้องร่างบางตรงหน้านี้ด้วยชีวิต
“ ไม่เป็นไรนะฮายาโตะ” เขาส่งยิ้มให้ร่างบาง
“ ฉันอยู่ข้างๆนาย และเราจะค่อยๆสร้างทุกอย่างขึ้นมาด้วยกัน มันอาจจะลำบากไปบ้างแต่ฉันเชื่อว่าเราจะผ่านมันไปได้...นะ” เขาเอื้อมมือไปจับมือบาง ใบหน้าสวยก้มหน้าลงพยักหน้าแรงๆแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มน้อยๆให้เขา
ความอบอุ่นถูกส่งผ่านมือของเราทั้งคู่ เส้นทางสู่อิสระไร้พันธะทางสังคมกำลังรอพวกเราอยู่ตรงหน้า มันจะต้องมีเข้าสักวัน ...วันที่ใครๆจะยอมรับในความสัมพันธ์ของพวกเรา...จนกว่าจะถึงวันนั้น เราจะอดทนรอมันและจะพยายามทำให้ใครต่อใครยอมรับ
ขาก้าวเข้าสู่สถานีรถไฟนามิโมริ เขาเดินไปยังตู้ขายตั๋ว ยังเหลือเวลาอีกราวๆครึ่งชั่วโมงกว่ารถไฟจะมา....อีกแค่ครึ่งชั่วโมง...เราก็จะไปจากที่นี่....ไปใช้ชีวิตร่วมกันในที่ที่ไม่มีใครรู้จักพวกเรา.....
เขาถือตั๋วแล้วเดินกลับมาหาร่างบอบบางของพี่ชายที่ยืนรออยู่ตรงบริเวณทางขึ้นไปยังชานชลา ดวงตาสีเขียวมรกตเปล่งประกายสดใส จ้องมองไปยังตู้ของร้านขายขนมภายในสถานี
“ อีกครึ่งชั่วโมงกว่ารถจะมา นายอยากไปดูนั่นไหมล่ะ” เขาพยักเพยิดไปทางตู้ขนมดังกล่าว ใบหน้าเนียนใสหันมามองเขาด้วยแก้มแดงระเรื่อ
“ ไม่ได้อยากจะดูซักหน่อย...” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ร่างบางก็ยอมเดินตามเขามาแต่โดยดี เขาได้แต่ยิ้มให้กับความน่ารักของอีกฝ่าย
เราสองคนก้มลงไปมองสำรวจในตู้ด้วยดวงตาเป็นประกาย....ขนมหน้าตาน่ารักมากมายถูกเรียงเอาไว้อย่างสวยงาม เขาเหลือบมองใบหน้าสวยของพี่ชาย นัยน์ตาสีมรกตกำลังจ้องเขม็งไปยัง ขนมรูปกระต่ายคู่หนึ่ง....
“ ป้าครับ....เอานั่นสองอัน...” เขาเรียกคุณป้าคนขาย คุณป้าหันมายิ้มแย้มให้เราก่อนที่จะหยิบกระต่ายนุ่มนิ่มสีขาวสองตัวใส่ห่อกระดาษแล้วส่งมาให้เขา
“ อ่ะ....” เขายื่นเจ้ากระต่ายสองตัวนั้นใส่มือบาง ดวงตาสีมรกตยังคงมองมันด้วยดวงตาเป็นประกาย ...น่ารักชะมัด
เราสองคนยังคงยืนกันอยู่ที่หน้าร้านขายขนม รอเวลาที่จะไปจากที่นี่....สายตามองภายในร้านไปเรื่อยๆ...ร้านขนม...ที่ทำให้นึกถึงร้านเบเกอรี่ของเรา....ป่านนี้พ่อจะกำลังทำอะไรอยู่นะ....
“ ขึ้นไปกันเถอะ...อีกห้านาทีรถไฟก็จะมาแล้ว” เขาหันไปบอกร่างบางของพี่ชาย ก่อนที่จะออกเดินไปด้วยกัน....บันไดทางขึ้นชานชลาอยู่ห่างจากเราแค่อีกไม่กี่ก้าว.......
อีกแค่ห้านาที....แค่ขึ้นบันไดนี้ไป....ทุกอย่างก็กำลังจะเริ่มต้นใหม่..........ห้านาที........
“ พวกแกกำลังจะไปไหนกัน....” น้ำเสียงนิ่งที่แสนคุ้นเคยเอ่ยเรียกให้ขาทั้งสองคู่ของเราหยุดก้าวเดิน ก่อนที่จะถึงขั้นบันไดอีกแค่นิดเดียว....
“ พ่อ.......” เหมือนโลกทั้งโลกกำลังจะถล่มทลาย ความฝันที่จินตนาการเอาไว้เมื่อครู่ผลันมลายหายไป มือเขาเตรียมที่จะคว้ามือบาง....ได้ยินเสียงรถไฟแว่วเข้ามาในหู....ถ้าวิ่งขึ้นไปตอนนี้จะทันไหมนะ....
“ ทาเคชิ!!!” เสียงพี่ชายตะโกนเรียกเขา แขนของร่างบางถูกมือใหญ่ของพ่อกระชากกลับไปก่อนที่มือเขาจะคว้าแขนอีกข้างได้
“ นี่หรอ ทางที่แกเลือก...ทาเคชิ.....” พ่อพูดด้วยเสียงกดต่ำ ดูท่าทางว่ากำลังโกรธจัด
“แกคิดว่าจะหนีไปได้ทั้งชีวิตหรือไง ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนในโลก ถึงแม้ว่าใครจะไม่รู้จักแก...แต่ตัวแกที่รู้จักตัวแกเองดีเล่า...ยังไงๆเรื่องนี้มันก็จะฝังลึกเป็นแผลเป็นในใจแกไปจนวันตาย ไม่มีทางที่แกจะหลุดพ้นไปจากคำว่า “พี่น้อง” กันไปได้หรอก” พ่อพูดทิ้งเอาไว้ก่อนที่จะลากร่างบางๆของพี่ชายออกไปจากสถานีรถไฟ
“ พ่อ!!!...หยุดก่อน...ฟังผมก่อน ....” เขากระโดดเข้าไปขวางหน้าของพ่อเอาไว้
“ ผมก็แค่....อยากจะอยู่กับเค้า...ผมไม่ได้คิดที่จะหนีไปตลอด ....ก็แค่ขอไปตั้งหลัก....แค่รอให้พ่อเข้าใจพวกเราบ้าง...” พยายามทำทุกอย่างให้พ่อยอมปล่อยเราไป
เพราะพ่อคือคนที่สำคัญที่สุดสำหรับพวกเรา การที่เขาเลือกที่จะหนี ก็เพื่อรอเวลาให้พ่อใจเย็นลง รอเวลาที่พ่อจะเริ่มทำความเข้าใจในสิ่งที่พวกเราทำ เขาไม่อยากเผชิญหน้ากับพ่อเพราะรู้ว่าเขาอาจจะทำให้พ่อเจ็บมากกว่านี้ อย่างน้อยๆการหนีก็ไม่ทำให้ร่างกายต้องบาดเจ็บ แต่การเผชิญหน้ากันตอนนี้ มันอาจจะไม่จบลงแค่ร่างกายและจิตใจได้รับบาดเจ็บแค่เล็กน้อยก็ได้....เขาไม่อยากทำร้ายพ่อ......
“ พ่อ...ปล่อยเราไปเถอะ....ผม...ขอร้อง...” พี่ชายของเขาพูดกับพ่อด้วยน้ำตาคลอ มือใหญ่ของพ่อยังคงจับแขนเล็กๆแน่น
“ ไม่....ฉันจะไม่ปล่อยให้แกไปลำบากอยู่กับไอ้ผู้ชายที่มันไม่มีความกล้าแม้แต่จะเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับฉันแบบนั้นหรอก...กลับบ้าน!!!” พ่อตะโกนเสียงดังจนคนรอบๆหันมามองพวกเราเป็นตาเดียว
พ่อลากร่างบางของพี่ชายแล้วโยนเข้าไปในรถ ก่อนที่จะตะบึงออกไป...เขาได้แต่มองตามไป ขายาวออกวิ่งไปตามเส้นทางลัดต่างๆที่จะสามารถวิ่งไปดักรถของพ่อได้ทัน......เขาจะไม่ยอมแพ้....ต่อให้ต้องกลับไปโดนพ่อตีตายยังไงเขาก็ยอม......
ถ้าพ่ออยากจะให้เขาเข้าไปเผชิญหน้ากัน เขาก็จะทำ ถึงแม้ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาก็จะไม่หลีกเลี่ยงมันอีกแล้ว....
เขายอมแล้ว....ยอมได้ทุกอย่าง....ขอแค่ได้รัก....ขอแค่ได้อยู่ด้วยกัน......ขอแค่นั้น....
..............................................................
ขาวิ่งมาจนถึงสี่แยกไฟแดงหนึ่ง สายตามองกวาดไปทั่ว ในบรรดารถที่แล่นมากมาย ในที่สุดเขาก็หารถที่คุ้นเคยคันนั้นเจอ....
มือยันผนังตึกเอาไว้ หายใจหอบหนักหน่วงจากการวิ่งมาเป็นระยะทางไกลด้วยความเร็วสูงสุดเท่าที่เขาจะวิ่งได้....รถของพ่อกำลังชะลอเพื่อจอดรอไฟแดง.....เพื่อให้รถในฝั่งที่เขายืนอยู่ได้เคลื่อนตัวผ่านไป...
มองเห็นเงาร่างบอบบางคุ้นตาอยู่บนที่นั่งข้างคนขับ นัยน์ตาสีเขียวมรกตมองไปทั่วราวกับกำลังมองหาอะไรอยู่ .....แล้วลูกแก้วสีเขียวมรกตก็หยุดลงเมื่อเจอเป้าหมายที่มองหามาตลอด....ดวงตาของเรามองประสานกัน......
เขายืนอยู่ที่มุมอีกฝั่งหนึ่งของแยกไฟแดงที่รถของพ่อจอดอยู่....
มันเกิดขึ้นเร็วมาก.....เร็วจนเขาไม่ทันแม้แต่จะเอ่ยปากห้าม......
เมื่อร่างบอบบางของพี่ชายเปิดประตูรถออกแล้ววิ่งตรงมาหาเขา...........
มือบางยกขึ้นมาหาเขา รอยยิ้มอ่อนโยนที่ส่งมาให้......
เอี๊ยดดดดดดดดดด....โครม!!!!........
ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตา....ถึงจะรวดเร็วแต่ไม่มีฉากไหนที่เขามองไม่ทันเลยแม้แต่น้อย.....ช่วงเวลาที่รถบรรทุกที่ออกตัวด้วยความเร็วพุ่งเข้าชนร่างบอบบางของพี่ชายของเขา......
ขาก้าวเข้าไปก่อนที่สมองจะสั่ง คุกเข่าลงโอบกอดร่างบางที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด .... ภาพตรงหน้าพาเอาหัวใจแทบหยุดเต้น...ร่างกายแทบจะไม่รับรู้สิ่งใดรอบกาย...มีเพียงร่างกายบอบบางเท่านั้นที่อยู่ในสายตา....
มือบางสั่นระริกยกขึ้นมาลูบหน้าเขา...รอยยิ้มงดงามถูกส่งมาให้จากริมฝีปากสีสด......รอยยิ้มสุดท้ายที่ทั้งอบอุ่นอ่อนโยนและเต็มไปด้วยความผ่อนคลายราวกับว่าไร้ซึ่งสิ่งที่ต้องกังวลอีกต่อไป....
“ แค่ก....ทาเคชิ........พอแล้วละ...ไม่ต้องทำอะไรเพื่อฉัน......อีกแล้ว....ปล่อยให้ทุกอย่าง...มันจบ....ลงไปกับฉัน.....” ร่างบางในอ้อมแขนไอออกมาเป็นเลือด น้ำตาของเขาไหลออกมาโดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยแม้แต่น้อย
“ ไม่....ฮายาโตะ.....ไม่...” ใบหน้าโน้มลงไปแนบชิดกับใบหน้าเนียน ร่างกายสั่นระริกไม่รู้ว่าของใครเป็นของใคร
ทั้งๆที่พยายามมามากขนาดนี้ ยอมทำได้ทุกอย่าง....เพื่อให้ได้รัก...เพื่อให้ได้อยู่ด้วยกัน....แต่สิ่งที่เขาทำมันคงจะเป็นบาปมหันต์ สวรรค์ถึงไม่ยอมให้อภัย...แต่ทำไมกัน....ทำไมคนที่ต้องรับความเจ็บปวดจึงไม่ใช่เขา....ทำไมต้องทำให้เรื่องร้ายๆแบบนี้ไปเกิดกับคนในอ้อมแขนนี้ด้วย....
.......ใช่.....มันคงเป็นเพราะ....นี่คือการลงโทษ ที่มันจะทำให้เขาเจ็บที่สุด.......
แค่เห็นนายทรมาน...ฉันก็แทบขาดใจ.....
“ ทนหน่อยนะ ฮายาโตะ....” เสียงที่บอกออกไปสั่นพร่า...น่าจะเป็นเขาเองมากกว่าที่แทบจะทนไม่ไหวแล้ว...
ก็แค่อยากจะอยู่กับคนที่เขารัก....แค่พยายามที่จะมีชีวิตอยู่ด้วยกัน.....ทำไมมันถึงได้ยากเย็นแบบนี้....สิ่งที่พบเจอมาก่อนหน้านี้แทบจะกลายเป็นเรื่องเล็ก เมื่อเทียบกับอุปสรรคที่อยู่ตรงหน้า......แม้แต่ชีวิตก็ยังจะมาพรากไปจากเขาอีกหรือ
“ .....ฉัน.....รักแก.....รัก......” เสียงนุ่มเริ่มแผ่วเบาลงทุกทีๆ แต่ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาเขาได้ยินอย่างชัดเจน....มือกระชับร่างบางให้เข้าหาตัวมากขึ้น ลำตัวบางถูกย้อมไปด้วยสีแดงสด....
“ ฉัน....จะอยู่กับแก.....จนวันสุดท้าย...ของชีวิต.....”
“....เรา....จะอยู่ด้วยกัน....จนวันสุดท้ายของชีวิต.....” เสียงแผ่วเบาบอกออกมาขาดๆหายๆ...ก่อนที่มือบางจะตกลง.....ดวงตาสีมรกตที่เคยสดใสหลับตาลงอย่างช้าๆ
“ ไม่นะ....ฮายาโตะ....ฮายาโตะ!!!!” เสียงเรียกไม่รู้ว่าหลายครั้งแค่ไหน อ้อมกอดที่กระชับร่างบางแน่น มือเขย่าใบหน้าสวยไม่รู้ว่ากี่ครั้งกี่หน แต่พี่ชายก็ไม่ตอบรับกลับมา....แน่นิ่งราวกับตุ๊กตาที่พังแล้ว....
พวกเราผิดหรือ...ที่รักกัน....ผิดใช่ไหม...ที่พยายามที่จะอยู่ด้วยกัน....
............................................................................................................
อีกครั้งแล้วกับสภาพแบบนี้.....เขาที่นั่งก้มหน้าซบลงบนฝ่ามือที่สั่นเทา ไม่มีน้ำตาจะให้ไหลออกมาอีกแล้ว เสื้อเชิ้ตสีขาวที่สวมใส่อยู่เต็มไปด้วยเลือด....เลือดของคนที่นอนอยู่ข้างหลังประตูห้องไอซียูแห่งนี้...ได้แต่อ้อนวอนขอพระเจ้าหรือแม้แต่ยมทูตตนใด อย่าได้มาพรากร่างบางผู้เป็นที่รักของเขาไปเลย....
..........แต่คราวนี้....ไม่มีปาฏิหาริย์............
ประตูเปิดออก ชามาลเดินออกมาจากห้องด้วยดวงตาเหม่อลอย...เขารีบวิ่งเข้าไปในห้องทันทีโดยไม่ฟังเสียงทัดทานใดๆ ....ภาพตรงหน้าพาดวงใจแหลกสลาย ......
.....ร่างบอบบางของพี่ชายที่ถูกคลุมด้วยผ้าสีขาว......
สรรพเสียงรอบกายเป็นอย่างไรเขาไม่ได้รับรู้อีกแล้ว...ทุกอย่างมันขาวโพลนไปหมด...ขาวิ่งเข้าไปใกล้ มือยกขึ้นเขย่าร่างไร้วิญญาณจนผืนผ้าสีขาวที่คลุมหน้าอยู่หลุดลงมา....
.....ใบหน้าเนียนใสหลับตาลงอย่างสงบนิ่ง......
........เราจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของชีวิต.......
มือยกขึ้นไปลูบแก้มใสที่เย็นเชียบ โน้มตัวลงไปกอดร่างบอบบางเป็นครั้งสุดท้าย....หยดน้ำใสๆไหลลงจากดวงตาของเขาไปหยดลงที่แก้มเนียน
มันจบลงแล้วสินะ...ทุกๆสิ่งทุกๆอย่างในชีวิตของเขา....
ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเหนื่อยกับการที่จะต้องอดทน ไม่เคยเหนื่อยกับการที่จะต้องพยายาม.....เพราะนั่นมีนายคอยอยู่เคียงข้าง
แต่ต่อจากนี้....ไม่มีอีกแล้ว.....
ขอบคุณจริงๆ ที่ทำให้ฉันรู้จักความรัก...ถึงแม้ว่าจะต้องพบเจอกับอะไรก็ตาม ถึงแม้ว่าจะเจ็บจะเศร้าจะทรมาน....แต่ในวันนั้นที่นายบอกว่ารักฉัน....มันคือวันที่ฉันมีความสุขที่สุด...และไม่เคยเสียใจเลยที่มีชีวิตมาแบบนี้....ไม่เคยเสียใจเลยที่ได้รักนาย...ฮายาโตะ...ที่รักของฉัน.....พี่ชายของฉัน.....
พอแล้ว....มันเพียงพอแล้ว....
ปล่อยมือออกจากร่างบอบบางที่ดูขาวบริสุทธิ์ แล้วก้าวถอยหลังออกมา ก่อนที่จะหันหลังแล้ววิ่งออกไปเรื่อยๆด้วยร่างกายที่ไร้ความรู้สึก
.....ฮายาโตะ........ฮายาโตะ........ฮายาโตะ!!!
“ ทาเคชิ!!! หยุดนะ!!!” ได้ยินเสียงแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ร่างกายที่ด้านชาก็ยังคงวิ่งต่อไป…..พ่อครับ...ผมขอโทษ....
แสงสว่างจ้าตรงหน้าพาเอาดวงตาพร่ามัว หน้าต่างกระจกติดตายบานใหญ่ไม่อาจขวางกั้นเขา ...
ร่างกายพุ่งเข้าชนกระจกใสแหลกละเอียด ก่อนที่ร่างของเขาจะพุ่งออกไปสู่อ้อมกอดแห่งฟากฟ้า....และอ้อมแขนของคนที่กำลังรอคอยเขาอยู่.....
จะต้องมีที่ไหนสักแห่ง...ที่เราจะอยู่ด้วยกันได้....ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่ในโลกนี้ก็ตาม.....
........เราจะอยู่ด้วยกันจนวันสุดท้ายของชีวิต.......
..............................................................................
.
.........................................................
.
.....................................
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
......แอ้ด......
ประตูที่หนักอึ้ง เนื่องจากถูกปิดตายมาเป็นเวลาหลายต่อหลายปี ถูกเปิดออกช้าๆ แสงสว่างจากภายนอกสาดส่องเป็นทางเข้าไปภายในห้องที่มืดมิด ลำของแสงตกกระทบให้สายตามองเห็นภาพที่เจ็บปวดใจที่สุด.....
แผ่นป้ายวิญญาณสองแผ่นวางอยู่คู่กันบนหิ้งสำหรับบูชา....
............ยามาโมโตะ ทาเคชิ..................
.............โกคุเดระ ฮายาโตะ..................
“ ทำไม.....ทำไมแกถึงไม่เลือกที่จะเดินเข้ามาเผชิญหน้ากับฉัน....ทาเคชิ....”
กลิ่นธูปลอยอบอวลไปทั่วห้อง ก่อนที่บานประตูนั้นจะปิดลงอีกครั้ง.....
.
.
.
.
.
.
.
.
.
..........................จบบริบูรณ์........................................
โอกกกก...อ่านมาถึงตรงนี้ ท่านคงรู้แล้วใช่ไหม ว่าท่านคือ “ผู้โชคดี” ที่ไม่ต้องทนทรมานอีกต่อไป....
เพราะนี่คือ Bad Ending ที่จบสิ้นแล้วซึ่งทุกสิ่ง (พระเอกนายเอกตายไปแล้วยังไม่จบก็ประหลาดสุดหูรูดแล้วเฟ้ย...)
เห็นอะไรไหม...บนแผ่นป้ายวิญญาณนั่นน่ะ....นามสกุลมันคนละนามสกุลกันนะเออ....
สงสัย?.....สงสัยไหมล่ะว่ามันเพราะอะไร....T T.....
ถ้าอยากรู้...อนุญาตให้ไปส่อง “ทางซ้าย” ได้ค่ะ....เหตุผลทั้งหมดอยู่ที่นั่น....
และที่บอกว่ามันคือ จบแบบไม่ดี ก็เพราะตรงนี้แหละค่ะ....อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น....ความจริงก็จะ................
ไม่อยากจะบอกหรอกค่ะว่ายามะเลือกทางผิด....
บางทีทางเลือกนี้ที่ยามะเลือก มันอาจจะไม่ต้องมาจบลงแบบนี้ก็ได้....การหนีก็ไม่ใช่หนทางที่เลวร้ายเสมอไป
มันขึ้นอยู่กับว่า....หนีแล้วจะกลับมาสู้อีกหรือเปล่า...หรือว่าจะหนีตลอดชีวิต....
ทั้งสองคนอาจจะหนีไปอยู่ด้วยกันในสังคมที่ไม่มีใครรู้จัก รักกันจนแก่เฒ่าก็ได้ใครจะรู้....
สถานการณ์มันเปลี่ยนไปเพราะจุดพลิกผันแค่นิดเดียวเท่านั้นเอง....ชีวิตมันก็แบบนี้แหละ....
สุดท้ายนี้ก็ขอบคุณที่ติดตามกันมาถึงตรงนี้นะคะ....^ ^....
จะบอกว่าตอนนี้เป็นตอนที่แต่งแล้วทรมานใจที่สุดเลย เคยเป็นไหม ที่เขียนต่อไปไม่ไหว ต้องหยุดเอาดื้อๆตั้งหลายรอบน่ะ....
เฮ้อ....กว่าจะจบเล่นเอาแทบตาย ผ้าขนหนูชุ่มโชกกันเลยทีเดียว....T T....
โอ่ย ตอนนี้มันทรมานหัวใจ T-T
ตอบลบเศร้าตั้งแต่ฮิบอกพ่อจะจับแยก ฮื่อ สงสารทาเคชิฮายาโตะ
คงเจ็บมากๆอ่ะ ที่จะไม่ได้อยู่ด้วยกัน สุดท้ายก็หนีไปด้วยกัน โฮกกก
คุณพ่อนี่ก็มาทันท่วงทีจริงๆ - -^
น้ำตาจะไหลตอนที่ทาเคชิเห็นฮายาโตะนอนอยู่ใต้ผ้าคลุมศพ
นึกภาพแล้วมันสะเทือนใจอ่า เห็นคนที่รักนอนอยู่ในสภาพแบบนั้น T____T
แต่ก็รู้สึกดีที่ยามะตาย (อ้าวเฮ้ย) แบบว่าจะได้ไปอยู่ด้วยกัน ฮ่าๆๆ
ถ้าปล่อยมันไว้คนเดียวมันคงทรมานมากๆ โฮกกก
ไปตามอ่านอีกตอนดีกว่าค่าา สงสัยๆ ^^