: KHR Fanfiction Au
: 8059 186927 XS
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ยามะดาร์กใสกิ๊ง....(อะไรของมันวะนั่น?)..... ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ
.
.
.
.
.
.
.
“นี่แกสองคนกำลังทำอะไรกันอยู่!!!”
“ฉันถามว่ากำลังทำอะไร ตอบมาทาเคชิ แกกำลังทำอะไรพี่ชายของแก!!!” พ่อตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของเขา ด้วยใบหน้าโกรธจัด ซึ่งตั้งแต่โตมาเขาไม่เคยเห็นใบหน้าแบบนี้ของพ่อเลยแม้แต่ครั้งเดียว
“พ่อ!!!” ร่างบางของพี่ชายพยายามเข้ามาดึงแขนพ่อไว้ แต่มันก็ไม่ได้ผล พ่อยังคงกระชากคอเสื้อเขาและออกแรงเขย่าเพื่อเค้นให้เขาตอบ
“ ถอยไปฮายาโตะ” พ่อเอามือปัดพี่ชายที่พยายามช่วยเขาจนล้มลงไปนั่งอยู่กับพื้น
“ฮายาโตะ!!!” เขาตะโกนเรียกพี่ชายของเขาที่ล้มอยู่กับพื้น
“ก็อย่างที่พ่อเห็น ก็อย่างที่พ่อคิดนั่นแหละ ผมกอดเค้าแล้วเราก็กำลังจะมีอะไรกัน!!!” เขาตะโกนออกไปอย่างทนไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว....เขาจะไม่ยอมให้พี่ชายของเขาต้องมาเจ็บตัวด้วย บาปครั้งนี้เขาจะขอรับเอาไว้เองแต่เพียงผู้เดียว.....
หมัดหนักๆของพ่อปะทะเข้ากับใบหน้าเขาเต็มๆ แรงมากพอที่จะทำให้เขาหงายหลังลงไปกองกับพื้น....ได้กลิ่นคาวลอยมากระทบจมูก มือยกขึ้นปาดเลือดที่มุมปากโดยอัตโนมัติ
“ไอ้ลูกสารเลว แกทำแบบนี้ได้ยังไง นั่นมันพี่ชายของแกนะ แกทำได้ยังไงทาเคชิ!!!” พ่อตะโกนใส่หน้าเขาพร้อมกับง้างมือเตรียมจะฟาดลงมาที่ตัวเขา ถ้าไม่ติดที่พี่ชายของเขากระโดดเข้าไปคว้ามือใหญ่ของพ่อเอาไว้ก่อน
“พ่อ!!! หยุดเถอะ....หมอนั่นไม่ผิด ถ้าพ่อจะลงโทษก็ทำผมด้วย ผมผิดเองที่ไม่เคยคิดที่จะขัดขืน ผมผิดเองที่ปล่อยให้เค้าทำแบบนี้!!!” พี่ชายของเขาตะโกนออกมาด้วยน้ำตาคลอ
“ฮายาโตะ ปล่อยมือฉัน” พ่อพยายามสลัดมือจากพี่ชายของเขา ก่อนที่จะหันมาพูดกับเขาด้วยใบหน้าแดงกล่ำ
“ ฉันรู้มาตลอด ทาเคชิ!!! สายตาที่แกมองฮายาโตะ ...ฉันรู้...ฉันเห็นมันมาตลอด แกไม่ได้มองฮายาโตะแบบพี่ชายมานานแล้ว....แต่ฉันก็ไม่คิดเลยว่า...ทั้งๆที่ฉันยืนยันหนักแน่นว่าคนคนนี้คือพี่ชายของแก แต่แกยังกล้าทำเรื่องบัดซบแบบนี้กับเค้าได้อีก” พ่อตะโกนใส่หน้าเขาอย่างพยายามระงับอารมณ์สุดขีด มือของพ่อกระชากคอเสื้อของเขาอีกครั้ง
“ แล้วฉันจะมองหน้าแม่เค้าได้ยังไง ทั้งๆที่ฉันรับปากเค้าเอาไว้แล้วว่าจะดูแลฮายาโตะอย่างดี แต่นี่...ลูกชายของฉันกลับทำเรื่องแบบนี้” มือของพ่อสั่นอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าที่โกรธาราวกับพายุคลั่งเมื่อครู่มีแววของความสั่นไหวเข้าคลอบคลุม
“ พ่อผมขอโทษ...ผมรักเค้า...ผมรักเค้าจนไม่รู้จะทำยังไงแล้ว...ผมรักฮายาโตะ...ผมรักฮายาโตะ....พ่อ....” มือที่กระชับอยู่ที่คอเสื้อของเขาค่อยๆคลายออก น้ำใสๆอุ่นวาบไหลออกจากหางตาทั้งสองข้างของเขา ทั้งๆที่สายตาของเขายังคงจ้องตอบสายตาของพ่ออย่างจริงจัง
“พ่อ...” นานเท่าใดไม่รู้ที่เขากับพ่อส่งสายตาที่จริงจังประสานกัน อย่างไม่ยอมลดละ ในที่สุดคนที่ทนไม่ได้กลับเป็นพี่ชายของเขาเอง....
“ผมเองก็...รักเค้า....เรารักกัน...แล้วก็ร่วมกันสร้าง....เรื่องที่ไม่สมควรขึ้น เพราะฉะนั้นพ่ออย่าโทษทาเคชิฝ่ายเดียวเลยนะครับ” พี่ชายของเขาดึงตัวเขาเข้าไปกอดเอาไว้ พยายามปกป้องเขาอย่างที่สุด
เมื่อเห็นสายตาคลอไปด้วยน้ำตาของดวงตาสีเขียวมรกตนั่น พ่อก็ยอมปล่อยพวกเราสองคน พ่อเดินอย่างหมดเรี่ยวหมดแรงไปนั่งลงที่โซฟา...พี่ชายของเขาคุกเข่าแล้วสวมกอดเขาที่นั่งอยู่ เลือดที่มุมปากเขาและคราบน้ำตาของเขาคงเลอะเสื้อเชิ้ตสีขาวที่อีกฝ่ายสวมอยู่เป็นแน่
พ่อนิ่งเงียบไปนาน.....บาปครั้งนี้ที่เขาทำเอาไว้คงจะหนักหนาสาหัสมาก...ไม่รู้เลยว่าอนาคตของเราจะเป็นยังไง ....แค่คิดว่าพ่ออาจจะจับเราสองคนแยกกัน...แค่นั้นมันก็เจ็บปวดราวกับมีเข็มนับพันเล่มทิ่มแทงอยู่ที่หัวใจของเขา....ถึงจะขัดขืนเท่าไหร่...ถึงเขาจะรักพี่ชายของเขามากมายเพียงไหน.....แต่ถ้าเป็นคำพูดของพ่อ.....ตอนนี้เขาไม่รู้จริงๆ...ว่าความรักกับความกตัญญู ....ถ้าต้องเลือก เขาจะเลือกอย่างไหน
พี่ชายของเขาเปลี่ยนจากโอบกอดเขามาซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเขาแทน ร่างบอบบางนั่นกอดเขาแน่น ราวกับจะบอกเขาว่า ไม่ว่าพ่อจะบอกอะไรร่างตรงหน้าก็ไม่มีวันทิ้งเขาไปแน่นอน แล้วแบบนี้....เขาจะยังเลือก...ความกตัญญูได้อีกหรือ.....
ไม่รู้ว่าเวลาผ่านพ้นไปนานแค่ไหน กับความเงียบงันที่เกิดขึ้นระหว่างเราสามพ่อลูก ทั้งๆที่คิดเอาไว้เสมอ ว่าวันนี้ต้องมาถึงเข้าสักวัน....แต่พอมันมาถึงจริงๆแล้ว การเตรียมใจที่พยายามทำมาเสมอมันกลับเอามาใช้ไม่ได้เลยแม้เพียงนิด เพราะความอึดอัดและความเจ็บปวดทรมานที่กำลังเกิดขึ้นนี้ มันช่างมากมายกว่าที่จินตนาการเอาไว้นัก
“ ฉันจะปล่อยให้มันเป็นแบบนี้ไม่ได้ เรื่องที่มันผิดฉันจะแก้มันด้วยมือของฉันเอง” เสียงของพ่อดังขึ้นแผ่วเบาแต่ก็ชัดเจนและหนักแน่นพอที่จะทำให้เขากระชับอ้อมแขนกอดร่างบางของพี่ชายให้แน่นขึ้นอีก .....กลัว.....
“ พ่อ!!! จะทำอะไรน่ะ” เขาตะโกนออกไปเมื่อจู่ๆ มือคู่ที่เคยโอบอุ้มเราทั้งสองคนมาตลอดก็ตรงเข้ามากระชากร่างบอบบางของพี่ชายออกไปจากอ้อมแขนของเขา พ่อลากพี่ชายของเขาขึ้นบันไดไป เสียงร้องของเราทั้งสองคนดังลั่นบ้าน เขาพยายามไขว่คว้าร่างบางของพี่ชายแต่แรงโมโหของพ่อที่ไม่สามารถหยุดมันได้อีกก็รุนแรงเกินกว่าที่เขาและพี่ชายจะต่อต้านไหว
“ แกหยุดอยู่ตรงนั้น!!! “ พ่อหันมาตะโกนบอกเขา เมื่อเขาทำท่าจะก้าวขาขึ้นบันไดตามไป พ่อเหวี่ยงร่างบางของพี่ชายเข้าไปในห้องของเจ้าตัว
ปัง!!!! เสียงประตูห้องปิดลงดังสนั่น พร้อมกับกุญแจที่ล็อคจากภายนอก
“ พ่อ!!! ปล่อยผม!!! ปล่อยผมออกไปนะ.....ทาเคชิ!!! อย่าทำอะไรทาเคชินะ...พ่อ!!!” เสียงทุบประตูและเสียงตะโกนของพี่ชายดังลอดออกมาจากในห้อง พ่อก้าวเดินลงบันไดมาอย่างเยือกเย็น ใบหน้าโกรธขึงแปรเปลี่ยนไปเป็นนิ่งเฉย ....มันช่างเป็นใบหน้าที่เย็นชาไร้ความปราณีใดๆทั้งสิ้น...จนเขารู้สึกกดดันอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน......
เสียงตะโกนของพี่ชายยังคงดังต่อไป มือเล็กๆคู่นั้นพยายามทุบประตู เพื่อที่จะออกมาปกป้องเขา .....
“ ทาเคชิ...แกยังเรียกฉันว่า พ่อ อยู่ใช่ไหม” พ่อหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าเขา ใบหน้าและแรงกดดันมหาศาลทำเอาเขาทรุดลงคุกเข่าอยู่แทบเท้าของพ่อ
“ ครับ....”
“ แกบอกว่าแกรักฮายาโตะใช่ไหม” น้ำเสียงที่ถามมาช่างนิ่งเฉย ราวกับว่าได้ตัดสินใจที่จะทำอะไรบางอย่างได้แล้ว
“ครับ.....”
“ ตอบฉันมาสิ...ว่าแกรักเค้ามากพอ.........ที่จะปล่อยมือจากเค้ารึเปล่า ....ปล่อยให้เค้าได้ใช้ชีวิตที่ถูกต้องให้เค้าอยู่ในสังคมได้อย่างสง่าผ่าเผย.....ด้วยคำขอร้องจากพ่อคนนี้” ถ้อยคำนิ่งสงบนั่นมีพลังมหาศาล มันทิ่มแทงมายังหัวใจของเขา.......เสียงทุบประตูและเสียงสะอื้นของคนที่ถูกขังอยู่ในห้องลอยเข้ามาในหัว....ภาพใบหน้ายิ้มแย้มและความเชื่อมั่นที่ให้เขามาตลอดฉายชัดพอๆกัน....เขาต้องเลือก.....
“ ผม......ทำไม่ได้....ผมปล่อยมือจากเค้าไม่ได้....พ่อ....” ถึงจะพูดว่ารัก ถึงจะบอกว่าเชื่อมั่น...แต่แท้ที่จริงแล้ว เขามันก็แค่คนที่เห็นแก่ตัว....แค่อยากจะฉุดรั้งร่างบางนั่นเอาไว้เพื่อความสุขของตัวเอง....
“ ถ้าทำไม่ได้...แกก็ออกไป....ออกไปจากบ้านหลังนี้ซะ....แล้วก็ไม่ต้องกลับมาเรียกฉันว่าพ่ออีก!!!” พ่อหันหลังให้กับเขา ภายในใจแสนเจ็บปวด...พ่อเองก็คงเจ็บปวดไม่แพ้กัน ที่ลูกชายของตัวเองทำเรื่องที่เรียกได้ว่าเลวร้ายมากที่สุด...
“ พ่อ......” เขากอดขาของพ่อ ขออ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้าย ....ได้โปรด...ยกโทษให้กับความเลวร้ายที่เขาทำลงไปด้วย....
“ ออกไป!!!” พ่อสะบัดขาแล้วเดินออกห่าง ไม่แม้แต่จะหันหน้ามามอง
“ พ่อ...ฟังผมก่อนสิ.....”
“ ฉันไม่อยากเห็นหน้าแก....ออกไป!!!” พ่อตะโกนลั่นพร้อมกับชี้มือไปยังประตูหน้าบ้าน เขาได้แต่มองแผ่นหลังนั้น มือคู่นั้นด้วยความเจ็บปวด....ถึงจะดันทุรังต่อไปตอนนี้มันคงไม่มีอะไรดีขึ้น ในเมื่ออารมณ์ของพ่อยังคงร้อนระอุอยู่.....เขาหันไปมองบานประตูปิดตายที่อยู่ชั้นบน.....
“ ผมฝากฮายาโตะด้วย....ผมจะกลับมารับเค้าแน่นอน....” เขาบอกกับพ่อด้วยถ้อยคำที่หนักแน่น มองแผ่นหลังของพ่อเป็นครั้งสุดท้าย แล้วหันหลังเดินออกมาจากบ้าน.....
หัวใจที่เจ็บร้าวค่อยๆพาร่างกายที่เหมือนกับตายไปแล้วครึ่งนึงเดินห่างออกมาจากสถานที่ที่เป็นทุกสิ่งทุกอย่างของเขา ....
เขานั่งลงอย่างหมดเรี่ยวแรงที่ม้านั่งของสวนสาธารณะไร้ผู้คน มืดค่ำขนาดนี้ ทุกๆคนก็คงจะกลับ “บ้าน” กันหมดแล้ว
สายตาเหม่อมองออกไปไร้จุดหมาย....ไม่รู้เลยว่าต่อไปควรจะทำยังไง....รู้แต่เพียงว่า เขายังมีชีวิตยังมีลมหายใจต่อไปได้เพราะ ใบหน้ายิ้มแย้มและคำมั่นสัญญาว่าจะเชื่อมั่นซึ่งกันและกันที่ร่างบอบบางนั่นมอบไว้ให้เขา...ป่านนี้พี่ชายของเขาจะเป็นยังไงบ้าง....นายจะร้องไห้ออกมามากขนาดไหนกัน...นายจะร้องเรียกฉันอย่างเศร้าสร้อยแค่ไหนกัน....
..............ฉันจะไม่มีวันทิ้งนาย...ไม่มีวันปล่อยมือจากนาย................
หยาดน้ำหยดลงที่สองมือ ..... แล้วต่อไปเขาควรจะทำยังไงดี......
“ เฮ้ย...ไอ้สวะ มานั่งทำอะไรอยู่ตรงนี้วะ” เสียงที่คุ้นเคยเรียกเขา....
“ กัปตัน....” เมื่อเงยหน้าขึ้นมองก็เห็นใบหน้าที่คุ้นเคย ถึงแม้ว่าจะไม่ยิ้มแย้มแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกอุ่นใจอย่างประหลาด ร่างกายใหญ่โตเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าเขาดวงตาสีแดงดุดันที่ไม่เคยกลัวเกรงต่อสิ่งใดที่สร้างแรงบันดาลใจให้เขาครั้งแล้วครั้งเล่าจ้องเขม็งมาที่เขา
“ พ่อ....รู้เรื่อง....”
น่าประหลาดที่เขาสามารถไว้ใจและถ่ายทอดเรื่องราวความลับที่แสนสาหัสให้กับคนตรงหน้ารับรู้ได้อย่างไม่มีอะไรต้องปิดบัง คนตรงหน้ารับฟังเรื่องราวทั้งหมดโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่แค่นั้นมันก็ทำให้สิ่งที่อัดแน่นอยู่ภายในใจของเขาค่อยๆระบายออก จนตอนนี้รู้สึกเหมือนกับว่าหัวสมองช่างโล่งและจิตใจเบาโหวง
“ กลับบ้านกันเหอะว่ะ...ยุงกัดเต็มไปหมดแล้วเนี่ย....อีกอย่าง ฉันขี้เกียจฟังไอ้ฉลามสวะนั่นแหกปากบ่นอีก” มือหนายกถุงใส่ผักและอาหารสดขึ้นมาให้เขาดู นี่คงออกไปซื้อมาให้รุ่นพี่สคอลโล่ละสิ....
“ บ้าน....งั้นหรอ” เขาพูดออกไปเบาๆ....จะกลับไปตอนนี้ได้หรอ.....
“ โง่จริง...บ้านฉันไงโว้ย...รึแกจะนอนตากยุงอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ....เลือกเอาระหว่างยุงกับเสียงไอ้ฉลามนั่น” เขาถึงกับยิ้มกว้าง...พระเจ้าคงยังให้อภัยเขาบ้างสินะ อย่างน้อยเขาก็ยังมีคนที่พึงพาได้อย่างรุ่นพี่ทั้งสองคนนี้อยู่.....
................................................
เมื่อคืนนี้เขาไปค้างอยู่ที่บ้านของกัปตันของเขา แต่ถึงจะบอกว่านั่นคือบ้านของกัปตัน แต่มันก็เหมือนเป็นบ้านของฉลามหนุ่มอีกคนนึงด้วย ความจริงบ้านของทั้งสองคนอยู่ติดกัน เขาจึงได้เห็นว่าสองคนนี้มักจะเดินข้ามไปข้ามมาระหว่างบ้านของตัวเองกับบ้านของอีกคนนึง ราวกับว่าเดินข้ามห้องๆนึงแค่นั้น ....
เขาตื่นแต่เช้า รีบมุ่งหน้าตรงมายังทางเดินระหว่างบ้านของเขากับทางที่จะไปโรงเรียน....ถึงพ่อจะขังพี่ชายของเขาไว้ทั้งคืน แต่ยังไงๆซะเช้าวันนี้พ่อก็คงยอมปล่อยให้พี่ชายของเขาไปโรงเรียนตามปกติ เขาแอบซุ่มอยู่ที่มุมถนน สายตาจับจ้องไปบนถนน มองหาร่างบางที่กำลังจะเดินมา...
แต่แล้วสายตาของเขาก็มองเห็นรถคันที่คุ้นตา ค่อยๆเคลื่อนผ่านหน้าไป พ่อจับพวงมาลัยและข้างๆกันมีร่างบอบบางของพี่ชายนั่งอยู่ ใบหน้าเศร้าหมองที่ดูเหมือนจะไม่ได้นอนมาทั้งคืนฝังแน่นลงไปในหัวของเขา....หัวใจเจ็บแปลบกับภาพที่เห็น....เขาทำให้พี่ชายร้องไห้อีกแล้ว.....
เขาวิ่งไปตามทางลัด ก่อนที่มาโผล่ที่หน้าโรงเรียน และเห็นรถที่คุ้นตาคันนั้นแล่นห่างออกไป เขากวาดสายตามองไปที่หน้าประตูโรงเรียน แล้วก็พบกับแผ่นหลังบางที่จำได้ไม่มีวันลืม เวลาผ่านไปแค่คืนเดียว ทำไมดูเหมือนแผ่นหลังนั่นแลดูเล็กลงไป เขารอจนรถของพ่อแล่นไปจนลับสายตา ขายาวจึงรีบวิ่งไปยังร่างบางของพี่ชาย
“ ฮายาโตะ....” เรียกเบาๆก่อนที่จะคว้าข้อมือบางแล้วออกวิ่งไปยังหอประชุม ที่ที่ในเวลาแบบนี้คงไม่มีใครเข้าไปใช้ เขาวิ่งอ้อมไปด้านหลัง เปิดประตูห้องเก็บของออกก่อนที่จะพาร่างของตัวเองและพี่ชายเข้าไปในนั้น
“ นายเป็นยังไงบ้าง พ่อไม่ได้ทำอะไรนายใช่ไหม” เขาจับไหล่บางพร้อมกับมองสำรวจไปทั่วร่างกาย ว่าพ่อไม่ได้ทุบตีอะไรพี่ชายของเขา
“ ที่ควรถามน่าจะเป็นฉันมากกว่า....แกไปอยู่ที่ไหนมา…แกรู้ไหมว่าฉันเป็นห่วงแกแทบจะเป็นบ้า....” พี่ชายโผเข้ามากอดเขาแน่น น้ำเสียงที่เปล่งออกมาเจือไว้ด้วยความกังวลและเป็นห่วงเขาอย่างมาก
“ ขอโทษนะ ฮายาโตะ....” เขากระชับอ้อมแขนด้วยความโหยหา
“ แก....จะไม่ทำ....ตามที่พ่อบอกใช่ไหม.....แกจะไม่ทิ้งฉัน.....ใช่ไหม”
“ ฮายาโตะ.......”
“ วันที่ฉันทิ้งนาย...คือวันที่ฉันทิ้งชีวิตนี้ไปแล้ว....ฉันสาบาน....ฉันจะไม่ปล่อยนายไปเด็ดขาด” เขาตอบย้ำถึงความในใจกับร่างบางของพี่ชายอีกครั้ง ถ้อยคำที่เปล่งออกไปเต็มไปด้วยความมั่นใจและหนักแน่นที่สุด ใบหน้าเนียนใสอมยิ้มแล้วซุกลงไปในอ้อมแขนของเขา
“ ฉันเชื่อแก....ฉันเชื่อแก.....”
วันนั้นทั้งวันเราทั้งสองคนไม่ได้เข้าเรียน แต่ยังคงอยู่ในอ้อมกอดของกันและกัน ความโหยหาและความเป็นห่วงเป็นใยถูกถ่ายทอดผ่านอ้อมแขนที่อบอุ่น ถึงจะไม่มีคำพูดใดๆ แต่เพียงแค่ได้อยู่ในอ้อมแขนของกันและกัน แค่นั้นมันก็ทำให้ความกลัวทั้งหมดพัดผ่านหายไป ...ตอนนี้เขาเชื่อมั่นอย่างเต็มเปี่ยม...ว่าเขาจะต้องพาร่างบอบบางนี่ผ่านเรื่องราวร้ายๆนี่ไปให้ได้.....
วันนั้นพี่ชายของเขากลับบ้านตามปกติ ส่วนเขาก็ไปอาศัยอยู่ที่บ้านของกัปตัน ...เราตกลงกันไว้แล้วว่า จะรอจนกว่าพ่อจะใจเย็นลง แล้วค่อยเข้าไปคุยกับพ่อดีๆอีกครั้ง.....
...........................................................
แต่แล้ว....วันแห่งการรอคอยมันก็ได้สิ้นสุดลงอย่างรวดเร็ว เมื่อวันรุ่งขึ้น.....ฮิบาริ เคียวยะ.....เรียกตัวเขาไปพบ....
“ ไอ้สัตว์กินเนื้อ....ไอ้นี่...ฉันไม่อยากได้ .....” มือที่เคยแต่จับทอนฟาของหมอนั่นเหวี่ยงซองเอกสารสีน้ำตาลซองหนึ่งมาให้เขา
เขาเปิดซองออกโดยที่ไม่ต้องขออนุญาตจากคนที่ส่งมันมาให้เขา เอกสารสีขาวปรากฏแก่สายตา ......ใบคำร้องขอลาออก....ของพี่ชายของเขา......
สายตามองเอกสารดังกล่าวด้วยความตกตะลึง...ไม่ใช่แน่....พี่ชายของเขาไม่ได้เขียนมันขึ้นมาเองแน่......
พ่อ....กำลังจะจับพวกเขาแยกกันจริงๆอย่างที่เคยคิดเอาไว้....
“ เรื่องนี้ยังไม่ถึงผู้อำนวยการ...จะทำอะไรก็รีบๆทำซะ” น้ำเสียงเย็นชาของชายที่ครั้งหนึ่งเคยคิดจะแย่งร่างบอบบางนั่นไปจากเขาเอ่ยขึ้น พร้อมกับหันหลังให้เขา ราวกับจะบอกว่าให้ออกไปได้แล้ว
“ ขอบคุณ....” เขาเอ่ยออกไปก่อนที่จะเดินออกจากห้อง.....
ทุกย่างก้าวของเขาช่างหนักอึ้ง....แต่มันก็เต็มไปด้วยความมั่นคง และเชื่อมั่นในสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจ ....เขาไม่มีทางยอมแพ้.....
...........ไม่มีทาง........
.
.
.
.
.
.
.
ซึ ซึ คู๊........
แต่งไปน้ำตาไหลพรากไปกันเลยทีเดียวตอนนี้....T T.....
ยามะจะตัดสินใจทำอะไร.......
........ดักฉุดแล้วพาหนี......
........กอดคอกันโดดน้ำตายๆไปซะ.........
........ถล่มร้านเบเกอรี่แล้วครองโลก..........
อ่า.....มันช่างน่าคิดจริงๆ ฮี่ ฮี่......
ขอบคุณสำหรับคอมเม้นต์และผู้ติดตามอ่านเช่นเคยค่า....^ ^....เห็นคอมเม้นต์แต่ละอันแล้ว รู้รึเปล่าว่าข้าพเจ้าซาบซึ้งมากแค่ไหน ทุกคนดูตั้งใจเขียนคอมเม้นต์กันมากๆ ...เพราะงั้นข้าพเจ้าก็จะพยายามแต่งให้ดีที่สุด...และก็จากคอมเม้นต์อีกนี่แหละค่ะ...มีเสียงเรียกร้องทั้งอยากให้Bad end (มีด้วยเร๊อะ) และไม่อยากให้ Bad end….ทำให้ตอนนี้ข้าพเจ้าตัดสินใจ ทำตอนจบออกเป็นสองทางเดิน.....
บทสรุปของเรื่องนี้จึงมีทางแยกสองทาง...แต่ละทางจะไปจบลงแบบไหนก็ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของยามะนั่นเอง....
เพราะงั้น...เมื่ออ่านมาจนถึงตอนนี้แล้ว ข้าพเจ้าก็อยากจะเชิญชวนทุกๆท่านที่ติดตามอ่าน ช่วยนึกเอาไว้ในใจเลยก็แล้วกันนะคะ ว่า....ตอนที่ 21 ท่าน....จะเลือกเดินไปกับสองพี่น้อง ที่กำลังจะเดินไปทางไหน ทางซ้ายหรือทางขวา.....แล้วพอถึงตอนหน้า...ข้าพเจ้าจะลงคู่กัน ....ใครตัดสินใจเลือกทางไหนไว้ก็ไปตามอ่านทางนั้น.....
สำหรับผู้โชคดี อาจจะได้เจอบทสรุปแรก ถึงแม้ว่าจะเป็น Bad ending แต่ท่านก็จะไม่ต้องทนทรมานทรกรรมอ่านมันต่อไป เพราะมันจะจบในตอนที่ 21 นี่แหละค่ะ
ส่วนผู้ที่โชคร้าย ดันเลือกไปเจอทางที่จะไปสู่ Happy Ending ก็จะยังคงต้องทนทรมานกับข้าพเจ้าไปอีกซักสองสามตอนกันเลยทีเดียว 555
ลองมาดูกันซิว่า...ท่าน...จะเป็นผู้โชคดีหรือโชคร้ายกันแน่....(สงสัยงานนี้คงมีแต่คนอยากจะโชคร้ายซะละมั้งเนี่ย...^ ^...)
เอ้า...ใครงง...ข้าพเจ้ามีแผนผังให้ดู...แต่จะยังไม่บอกหรอกนะ ว่าทางซ้ายหรือทางขวาจะเจอ Bad Ending….ลุ้นกันต่อไป.....ไป....ไป.....
โฮ้ววว พี่กวาง หวายไม่เลือกดีกว่า อ่านหมดนั่นแหล่ะ 55555
ตอบลบคุณพ่อโหดร้ายมากอ้ะ กะจับแยกเลยเหรอ ลาออกเลยเหรอ
อ๊ากกก ตอนนี้รักฮิขึ้นมาแบบมากมากมาก ฮิจ๋าา น่ารักที่สุด
สงสารสองคนนี้มากๆเลย เจอกันที่โรงเรียนคงเป็นอะไรที่
โหยหากันมากๆ ฮื่อ T^T รักป๋าซันซัสมากๆ
ถ้าไม่มีป๋ายามะจะอยู่ยังง๊ายยย