KHR Au.fic [8059] IF ; I LOVE [11]



: KHR Fanfiction Au
: 8059  186927  XS
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ 






: ยามะดาร์กใสกิ๊ง....(อะไรของมันวะนั่น?).....  ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ
:
.
.
.
.


ฤดูกาลใหม่ๆ คนใหม่ๆ ความสัมพันธ์ใหม่ๆกำลังจะเริ่มขึ้น ....วันนี้เป็นวันเปิดเทอมของชีวิต ม.ต้นปีสุดท้ายของเขา และ เป็นวันปฐมนิเทศของชีวิต ม.ปลายปีแรกของพี่ชายของเขาเช่นกัน....



ร่างบอบบางที่เขามองไม่เห็น กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ๆ กับคนใหม่ๆ สานความสัมพันธ์ใหม่ๆ ....แต่เขาเล่า....ยังคงต้องใช้ชีวิตจมปลักกับที่เก่าๆ คนเก่าๆและความรู้สึกเก่าๆที่ไม่มีวันลบล้างไปจากหัวใจได้ แต่นับวันมันมีแต่จะยิ่งเพิ่มพูนจนบางครั้งเขาก็นึกหวั่นใจว่าภาชนะที่จะกักเก็บมันไว้คงใกล้จะแตกสลายไม่วันใดก็วันหนึ่ง....แปดชั่วโมงที่ไม่มีนายอยูในสายตา....มันช่างเป็นความคิดถึงที่ทรมานอย่างไม่มีที่สิ้นสุดจริงๆ....



การไปโรงเรียนโดยที่รู้ทั้งรู้ว่าพี่ชายของเขาไม่อยู่ที่นั่นแล้วมันช่างน่าเบื่อ....ถึงแม้ภายนอกเขาจะยังคงยิ้มแย้มแจ่มใสให้กับทุกคน แต่ภายในจิตใจของเขา...มันช่างโหยหา...ที่ในสายตาของฉันมองไม่เห็นนาย....มันช่างหงุดหงิด....แค่คิดว่าใครที่ฉันไม่รู้จักจะเข้ามาทักทาย เข้ามาใกล้ชิดนาย....นี่เขาคงเข้าข่ายผู้ป่วยทางจิตเล็กๆแล้วใช่ไหม....เขาเป็นห่วงแล้วก็รู้สึกหวงอย่างบอกไม่ถูก....นี่เขาต้องใช้ชีวิตอย่างนี้ไปอีกตั้งปีนึง...จะทนได้แค่ไหนกัน......



หลังจากที่ปั่นจักรยานไปส่งร่างบอบบางของพี่ชายที่หน้าโรงเรียน ม.ปลายนามิโมริ....เขาก็ต้องจำใจปั่นจักรยานกลับมาอีกทาง....ระยะที่มันห่างออกมาเรื่อยๆมันยิ่งกลับทำให้เขาคิดมากขึ้นเรื่อยๆด้วยเช่นกัน...ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลยว่าเขาจะเป็นมากขนาดนี้....ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนเลย....ว่าเขาจะรักร่างบอบบางนั่นมาก....ขนาดนี้....



ภายในโรงเรียน ม.ต้นนามิโมริ....ยังคงเป็นเหมือนเดิม...ภาพเก่าๆยังคงซ้อนทับเข้ามาเล่นงานเขาอย่างต่อเนื่อง.....สนามเบสบอลเขียวขจีมีเหล่าสมาชิกชมรมซ้อมกันอย่างขะมักเขม้น กับม้านั่งว่างเปล่าที่ข้างสนามที่กลับมีเงาของร่างบอบบางผมสีเงินพลิ้วสลวยซ้อนทับอยู่.......โรงเก็บจักรยานไร้ผู้คน กับเงาร่างที่คุ้นเคยกระโดดลงจากจักรยานของเขาอย่างคุ้นเคยพร้อมกับส่งรอยยิ้มทะเล้นมาให้......ทางเดินในอาคารเรียนที่มีนักเรียนบางตา กับเงาร่างบางๆของคนที่เขารักสุดหัวใจ เดินเคียงข้างเขาไม่เคยห่าง......สวนหลังโรงเรียนที่ปกคลุมไปด้วยกิ่งไม้ที่กำลังผลิดอกออกใบ กับเงาร่างคนสามคนนั่งวาดรูปอยู่ใต้ต้นที่แตกกิ่งอย่างสง่างามนั่น.......ก๊อกน้ำคอนกรีตหลังตึกเรียน กับเงาร่างบอบบางที่กระโดดขึ้นไปนั่งบนนั้นพร้อมกับส่งผ้าขนหนูสีขาวให้เขาอยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน........ไม่ว่าจะมองไปทางไหน....ก็ยังคงมีภาพของคนที่เขาคะนึงหาซ้อนทับอยู่ทั่วไป.....อยากจะไปอยู่ใกล้ๆ...อยากคอยดูแลอยู่ไม่ห่าง........ทรมาน....ความคิดถึง....ความห่างไกลแม้เพียงนิด....มันกลับเล่นงานเขา....จนทรมานได้ขนาดนี้......



อย่างอแงน่า...แกไม่ใช่เด็กๆแล้ว...ไปโรงเรียนคนเดียวได้แล้วน่า...อีกอย่างตอนนี้แกก็เป็นถึงกัปตันชมรมเบสบอลแล้วนา...จะมาอ้อนฉันเป็นเด็กๆแบบนี้ไม่ได้แล้ว   มือบอบบางขยี้หัวเขา ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มให้เขาก่อนเดินเข้าประตูโรงเรียนไป....ภาพของพี่ชายเมื่อยามเช้าก่อนที่จะแยกจากกันยังคงวนเวียนอยู่ในสมอง.....นายก็รู้นี่ฮายาโตะ....ว่าฉันไม่ใช่เด็กๆแล้ว....แล้วนายจะเคยรู้บ้างไหมว่าคนที่ไม่ใช่เด็กอย่างฉันจะคอยตามนายไปเพื่ออะไร....



เขาคงต้องหาอะไรทำ...เพื่อไม่ให้หมกมุ่นจนเป็นบ้าตายเข้าซักวันนึง.......อย่างน้อยก็ต้องขอบใจเจ้าฮิบาริ เคียวยะกับความน่ากลัวของหมอนั่น...ที่คงจะทำให้คนที่โรงเรียนนั้นไม่กล้าเข้ามายุ่งกับพี่ชายเขาไปอีกซักพัก....เพราะถึงแม้ว่าหมอนั่นจะยอมปล่อยมือจากพี่ชายเขาแล้วก็ตาม...แต่หมอนั่นยังไม่ยอมปล่อยคนที่คิดจะยุ่งกับร่างบอบบางนั่นอยู่ดี...ก็คงมีแต่คนบ้าและพวกไม่กลัวตายเท่านั้นละมั้งที่กล้าเข้าไปยุ่งกับสามคนนั่น.....



ก้าวขาเข้ามาในห้องเรียนที่มีผู้คนบางตา....พระเจ้าคงกำลังกลั่นแกล้งเขาอยู่เป็นแน่....ห้องๆนี้พี่ชายของเขาเคยใช้มัน ที่นั่งใกล้หน้าต่างตรงกลางห้อง...แล้วเงาร่างบอบบางก็หันกลับมายิ้มให้เขาพร้อมกับโบกมือน้อยๆ.....เขาได้แต่ส่ายหัวเบาๆแล้วเดินไปนั่งลงที่ตรงนั้น....ที่ที่นายเคยอยู่...ถึงกลิ่นหอมอ่อนๆนั่นจะจางหายไปแล้ว...แต่ความอบอุ่นใจเหมือนนายยังคงอยู่ข้างๆมันคงจะทำให้เขาไม่ฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้.....ละมั้ง.....



การเรียนวันแรกผ่านพ้นไปอย่างที่เขาไม่ค่อยจะได้อะไรนัก....ไม่ใช่ว่าหลับเหมือนที่เคยเป็น...แต่ห้วงคำนึงของเขานั้นลอยละล่องไปหาใครบางคนที่อยู่ห่างออกไป...ป่านนี้นายจะกลับไปที่ร้านหรือยังนะ.....หรือมีใครรังแกนายหรือเปล่า....มีใครเข้ามายุ่งกับนายหรือเปล่า.....



เฮ้.....กัปตัน....เฮ้!!!....ยามาโมโตะ!!!!”   เสียงของเพื่อนร่วมชั้นและร่วมชมรมตะโกนเรียกเขาออกจากภวังค์ 



อะไรหรอ  เขายังคงหันไปยิ้มแย้มกับทุกคนตามปกติ....



วันนี้มีซ้อมใช่เปล่า....แหม....แต่ว่าก็ว่าเหอะน้า....ฉันละอยากซ้อมทุกวันๆเลยละ...ตั้งแต่ไม่มีหน้าโหดๆของกัปตันแซนซัสและความดุยิ่งกว่าฉลามหวงลูกของแฟนกัปตัน....ทำให้ในที่สุด...ปีนี้เราก็มีผู้จัดการทีมน่ารักๆกับเขาได้ซักที      เจ้าเพื่อนตัวดีเดินเข้ามากอดคอเขาพร้อมกับชูมือข้างหนึ่งและน้ำตาที่ไหลพราก...



นั่นสิ...เพราะแกเนื้อหอมแบบนี้ สาวๆในโรงเรียนเลยเข้ามาสมัครกันให้เพี้ยบ....พวกฉันปวดหัวกันแทบแย่กว่าจะคัดคนที่น่ารักสุดได้....ขอบใจว่ะยามาโมโตะ   แล้วอีกคนก็เดินเข้ามา.....ไม่รู้ว่าพวกนี้ใช้เกณฑ์อะไรคัดกันแน่....ผู้จัดการชมรมนะ ไม่ใช่ไอดอลประจำโรงเรียน ทำไมต้องคัดที่น่ารักๆด้วยล่ะ.....กับคนที่ไม่เคยสนใจผู้หญิงอย่างเขาเรื่องนี้ก็ยังคงไม่เข้าใจต่อไป.....



เอาละไปซ้อมกันได้แล้ว   เขาหัวเราะไปกับสองคนนั้นแล้วลากทั้งคู่ไปยังสนาม....ทั้งที่ใจจริงแล้ว เขาอยากจะรีบไปยังที่ที่มีร่างบอบบางของพี่ชายอยู่มากกว่าแท้ๆ...แต่คำว่าหน้าที่ก็ยังคงตรึงแขนและขาของเขาเอาไว้.....
.
.
.
.
.

เขาและสมาชิกชมรมต่างขนอุปกรณ์ออกไปยังสนาม การใช้สมาธิไปกับเกมส์ที่เขารักมันก็ช่วยทำให้ลืมเรื่องที่กังวลมาตลอดทั้งวันได้บ้าง...ถ้าไม่เพียงจะมองไปที่ข้างสนาม....เขาก็คงจะลืมมัน......ได้.....



เฮ้กัปตัน...พิชเชอร์พร้อมแล้วนา   เสียงตะโกนบอกจากลูกทีมดังมาที่เขา เมื่อเห็นว่าเขาดูท่าทางจะยังไม่พร้อมที่จะตี....สะบัดหัวไล่ความกังวลทั้งมวลออกไป แล้วตั้งท่าตี....ใครก็ตามที่มายุ่งกับนาย ฉันจะหวดให้เหมือนลูกบอลสีขาวนี่....ถึงแม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันก็ช่วยดับความร้อนรุ่มในใจเขาได้.....



พิชเชอร์ขว้างลูกเบสบอลมาที่เขาเต็มแรง....เขาเองก็หวดออกไปเต็มแรงเช่นกัน....ปลดปล่อยมันออกไปให้หมด อารมณ์ขุ่นมัวของเขา.....



ด้วยความแรงและเร็วของลูกที่อัดแน่นไปด้วยอารมณ์ของเขา ....ไม่มีใครรับได้.....และดูท่าทางว่าจะเป็นโฮมรัน....ลูกเบสบอลสีขาวพุ่งตรงออกไปนอกสนาม.....ผู้คนที่ยืนดูอยู่รอบๆสนามต่างวิ่งหลบกันให้จ้าละหวั่น....มีเพียงใครบางคนที่กำลังก้มๆเงยๆเก็บลูกบอลอื่นๆที่หล่นอยู่ทั่วไป  จึงไม่ทันได้เห็นว่า ลูกบอลที่เขาตีออกไปนั้นกำลังจะเข้าไปปะทะกับไหล่บางของเจ้าตัว



หลบไป!!!”     มีเสียงตะโกนจากลูกทีมของเขาหลายคน  แต่ทว่าคงจะสายเกินไปแล้ว....เมื่อผู้จัดการชมรมของเขาโดนลูกบอลนั่นชนเข้าอย่างจังจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้นสนามเรียบร้อยแล้ว.....ไม่นานคนทั้งชมรมก็วิ่งไปมุ่งอยู่รอบๆเธอ.....



เป็นอะไรมากหรือเปล่า    เขา...ในฐานะกัปตันและคนที่ทำให้เธอต้องได้รับบาดเจ็บ รีบวิ่งเข้าไปดู....ไหล่บางของผู้จัดการสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่ากระดูกหักหรือเปล่า



วันนี้เลิกซ้อมก่อนแล้วกัน  ฝากเก็บของทางนี้ด้วย เดี๋ยวฉันพาเค้าไปโรงพยาบาลเอง   เขาตัดสินใจตะโกนบอกลูกทีมที่เหลือทันที  ปล่อยไว้อาจอักเสบได้  ยังไงให้หมอดูซักหน่อยคงดีกว่า....ท่าทางเด็กนั่นคงจะยังคงกลัวอยู่ไม่น้อย แลเห็นน้ำตาที่คลออยู่ในดวงตาคู่โต....เขาจึงอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นแล้วตรงไปยังโรงพยาบาลทันที.......

.
.
.
.
.

ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปี โรงพยาบาลแห่งนี้ก็ยังคงเหมือนเดิม....ยังคงต้อนรับเขา ทั้งๆที่ไม่เคยคิดอยากมาที่นี่เลยแม้แต่น้อย....



หลังจากที่ติดต่อเรื่องต่างๆแทนคนเจ็บที่เอาแต่ร้องไห้อย่างเดียวเสร็จเรียบร้อยแล้ว เขาก็นั่งลงอย่างหมดแรงอยู่ที่หน้าห้องฉุกเฉิน ถึงเด็กนั่นจะตัวเล็กแต่ก็หนักเอาการ......แต่กับอีกคนที่เคยอุ้มมาตลอดชีวิต ก็รู้สึกได้เลยว่ามันช่างต่างกันยิ่งนัก.....



นั่งคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยได้ไม่นาน เสียงร้องไห้ของใครบางคนก็ลอยเข้ามาเรียกความสนใจของเขาให้หันไปมอง....ที่นั่งไม่ไกลจากเขามากนักมีชายหนุ่มผมสีทองใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายสูงใหญ่สมส่วนและรอยสักรูปร่างแปลกที่โผล่พ้นปลายแขนเสื้อเชิ้ตที่มีคราบและรอยไหม้เป็นหย่อมๆอยู่....เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นมาจากเจ้าผู้ชายหน้าตาดีคนนี้นี่เอง.....เขาละสายตาจากหมอนั่นหันกลับมาสนใจอีกคนในห้องฉุกเฉิน....แต่แล้ว.....เสียงของใครบางคนก็ทำให้เขาต้องหันหน้ากลับไปที่หมอนั่นอีกครั้งโดยอัตโนมัติ....



เลิกแหกปากได้แล้ว ไอ้ม้าบ้า แกไม่อายชาวบ้านเค้าหรือไงฟะ......ฮายาโตะ......พี่ชายของเขากำลังยื่นผ้าเช็ดหน้าให้กับชายผมทองคนนั้น.....นายไม่เคยสนใจใคร....นายไม่เคยยื่นมือให้ใคร.....แล้วผู้ชายคนนั้น....มันเป็นใคร......



เร็วเท่าความคิด ร่างกายของเขาขยับออกไปยืนขวางทั้งคู่ไว้ มือคว้าผ้าเช็ดหน้าที่กำลังจะถูกส่งให้ชายแปลกหน้า หันไปมองพี่ชายของเขาที่มีสีหน้าแปลกใจ....



ไม่คิดจะแนะนำให้รู้จักหน่อยหรอ   เสียงนิ่งๆแสนจะเย็นชาถูกเปล่งออกไปจากปากของเขา....ไอสีดำทะมึนโอบรอบแถวนั้นจนรู้สึกเย็นเฉียบ เขาจ้องมองชายผมสีทองตรงหน้าอย่างเย็นชา ดวงตาสีน้ำตาลทองใสแป๋วจ้องตอบกลับมาราวกับไม่รู้เรื่องรู้ราว เห็นแล้วมันอยากจะกระชากร่างบอบบางของพี่ชายเข้ามาจูบแล้วประกาศให้หมอนี่ได้รับรู้ว่า ...ห้ามมายุ่งกับของของเขา!!!....



ทาเคชิ.....   มือบางของพี่ชายจับแขนเขาดึงให้ออกห่างจากชายผมทองตรงหน้า ....คนที่รู้ฤทธิ์เขาดีที่สุดก็คงไม่พ้นร่างบอบบางที่พยายามลากเขาออกมาให้ไกลจากคนที่ไม่รู้เรื่องนั่น



ไม่มีอะไรหรอก...หมอนี่ก็แค่อาจารย์วิชาเคมีที่ซุ่มซ่ามทำขวดใส่สารเคมีตกใส่ตัวเองแล้วฉันก็บังเอิญเดินผ่านไปเจอเข้าก็แค่นั้นแหละ...   พี่ชายของเขาจับแขนทั้งสองข้างของเขาไว้ คงกลัวว่าเขาจะพุ่งเข้าไปทำร้ายหมอนั่นสินะ.....ฉันจะเชื่อนายก็แล้วกัน....ฮายาโตะ....



กัปตันคะ   เสียงไพเราะของเด็กสาวที่ขึ้นชื่อว่าน่ารักที่สุดของปีหนึ่ง....ผู้จัดการชมรมของเขา....เอ่ยเรียกเขาเบาๆพร้อมกับมือเล็กที่กระตุกชายเสื้อเขาเบาๆ เพื่อบอกว่าเธอได้รับการรักษาเสร็จเรียบร้อยแล้ว....ถึงแม้จะเป็นเพียงแค่ทำตามหน้าที่ แต่ทว่า.....เขาก็ไม่อยากให้คนที่เขารักเห็น....สายตาเหลือบไปมองร่างบอบบางของพี่ชายด้วยสายตากังวล....แต่แล้ว....สายตาที่มองมายังเขาและเด็กสาวตรงหน้ามันกลับว่างเปล่า...ไร้ซึ่งแววตกใจหรือหึงหวงใดๆอย่างที่เขาแอบหวังเอาไว้ลึกๆ....นี่นายไม่รู้สึกอะไรเลยหรอ....ฮายาโตะ...ทั้งๆที่ฉันหวงนายจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว.....

.
.
.
.
.
.

ทางเดินเปลี่ยวเหงาไร้ผู้คน...อากาศอุ่นชื้นและสายลมบางเบาทำให้รู้สึกเย็นสบาย....แสงแดดต่างพากันลาลับกลับบ้าน....ความมืดค่อยๆโรยตัวมาครอบงำทุกสรรพสิ่ง...ความเงียบงันทำให้ได้ยินชัดถึงลมหายใจของสิ่งมีชีวิตเล็กๆที่ต่างก็ส่งเสียงร้องบอกตัวตนของมัน.......คนสองคนที่เดินเคียงข้างกันไปบนถนนสายเล็กๆ...ถนนสายเดิมที่เดินคู่กันมาตั้งแต่เด็ก....จนถึงวันนี้มีเพียงเขาเท่านั้นหรือ...ที่เปลี่ยนไป....อยากรู้.....



ไม่นานนักหลังจากช่วงเวลาที่แสนอึดอัดที่หน้าห้องฉุกเฉิน....เหล่าลูกทีมที่เพิ่งตามมาต่างอาสาพาผู้จัดการทีมของเขาไปส่งให้....หลังจากที่เห็นว่าเขาอยู่กับใคร....เด็กปีหนึ่งบางคนทำหน้าสงสัย...แต่คนที่รู้จักเขาดีจะรู้ได้โดยไม่ต้องบอก....ว่าเมื่อไหร่ที่เห็นร่างบอบบางเจ้าของนัยน์ตาสีเขียวสดใสกับเรือนผมสีเงินคนนั้นอยู่ข้างๆเขา....ควรจะออกห่างพวกเขาให้มากที่สุด.....



ตอนนี้พวกเขากำลังเดินกลับบ้าน......



ฮายาโตะ....กับเด็กคนนั้นน่ะ....ไม่มีอะไรจริงๆนะ ฉันแค่พาเค้าซึ่งได้รับบาดเจ็บมาหาหมอก็แค่นั้น     เขาฉุดรั้งมือบางของพี่ชาย ให้หยุดยืนที่ใต้ต้นไม้ต้นเดิม ต่างออกไปตรงที่ วันนี้กิ่งก้านที่เคยโดดเดี่ยว กลับกำลังผลิใบสีเขียวขจีออกมา



น่าเสียดายออกนะ....เด็กคนนั้นออกจะน่ารัก.....แกไม่ชอบจริงๆน่ะหรอ    นัยน์ตาสีเขียวมรกตไม่ได้จ้องมาที่เขา แต่กลับเสไปมองดอกหญ้าที่พยายามชูกิ่งก้านให้ดอกงอกงามออกมาจากลำต้นที่ละพื้นดินอยู่นั่น



............    เขาไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ส่ายหน้าเล็กๆ....



ฮะ ฮะ....เห็นไหมล่ะ...แค่ฉันไม่อยู่ข้างๆแกแค่ไม่นาน แกก็น่าจะหาแฟนน่ารักๆได้.....อืม....สงสัยว่าฉันน่าจะอยู่ห่างๆแกก็น่าจะดีนะ    พี่ชายของเขาคงไม่รู้เลย...ว่ายิ่งร่างบางของตัวเองหายไปจากสายตาของเขามากเท่าไหร่....มันก็มีแต่จะทำให้เขาคลุ้มคลั่งมากขึ้นเท่านั้น....นึกถึงเรื่องที่โรงพยาบาลแล้วก็เพิ่งจะรู้ตัว....เป็นเพราะไม่รู้...เป็นเพราะไม่เห็น....ว่าคนตรงหน้าทำอะไรอยู่ที่ไหนกับใคร....มันจึงทำให้เขาหงุดหงิดคิดไปต่างๆนานา....จนไม่ว่าจะเห็นพี่ชายของเขาอยู่กับใครก็ตาม เขาก็หวงไปหมด....หวงจนไม่ฟังเหตุผล....หวงจนไม่สนใจอะไรทั้งนั้น.....เวลาที่ไม่ได้อยู่ด้วยกันแค่แปดชั่วโมง....มันทำให้เขาเป็นไปได้ถึงขนาดนี้เชียวหรือ....



อย่าอยู่ห่างจากฉัน....ขอร้องละ...ฮายาโตะ   เขาจับคางมนของคนตรงหน้าให้หันหน้ามาเชิญหน้ากับเขาอย่างจริงจัง สายตาของพี่ชายที่จ้องตอบกลับมาเต็มไปด้วยความสับสน ต่างกับสายตาของเขาที่แน่วแน่และมั่นคง....



นายรู้รึเปล่า....เวลาที่ไม่มีนายอยู่ข้างๆ  ฉันเป็นยังไงบ้าง   มืออีกข้างรวบเอวบางของพี่ชายเข้ามาแนบชิดกับตัวเขา



ฉันไม่ต้องการใครทั้งนั้น.....คนที่อยากให้อยู่ข้างๆมีแค่นายคนเดียว    กระซิบบอกเบาๆที่ข้างใบหูที่แดงระเรื่อของคนในอ้อมแขน  กดฝังจมูกของตนเองลงที่กลุ่มผมสีเงินนุ่มสลวย ร่างบอบบางของพี่ชายยืนนิ่งให้เขากอด....ร่างบางที่ไม่เคยต่อต้านเขา....ไม่ว่าเขาจะทำอะไร....



มีเพียงแค่คำว่า พี่ชาย เท่านั้นที่ยังคงฉุดรั้งสติของเขาเอาไว้ได้........พี่ชาย........

.
.
.
.
.

ซึ ซึ คู๊......

รู้สึกว่าตอนนี้มันจบห้วนๆไปหน่อย....แหะ แหะ.....คนแต่งมันกดดันจนต่อไม่ไหวแล้วค่ะ....ยาม๊า.....กดๆมันไปเลยลูกเอ๊ย....(เฮ้ย!!!)....
นับวันก็จะอาการหนักขึ้นเรื่อยๆแล้วค่ะพระเอกของเรา.....มาลุ้นกันว่า.....
มันจะบ้าก่อน หรือว่าจะได้กดก่อนกันแน่ 5555 (หรือว่าคนแต่งจะได้โดนคนอ่านตื้บก่อน....-_-“)

ไม่ต้องกลัวว่าจะมีตัวร้ายสุดหูรูดออกมาทรมานใจคนอ่าน....เพราะสำหรับข้าพเจ้าแล้ว.....
เรื่องนี้ พระเอก ร้ายที่สุดค่ะ!!! 55555

ฟังเพลง ในอัลบั้ม Decade 2003-2007 อยู่ค่ะตอนแต่ง....gyaaaa....ชอบทุกเพลงเลย..... Ryoujoku no Ame [single version]…..หุ หุ หุ....ขอมอบเพลงนี้แด่ยาเมะ.....บ้าคลั่งสุดตรีนมากกกก
.
.
.
.
.
แถม....
บทสนทนา ก่อน NC......
1869 6927
.
.
.
.

คึ หึ หึ....คนที่ผมรักน่ะ....คนนี้ต่างหากครับ

มะ....มุคุโร่

แกจะรักไอ้สัตว์กินพืชนั่น ฉันก็ไม่สน...แต่แกต้องเป็นของฉัน....ฉันบอกเจ้านั่นไปแล้ว...ว่ามันจะเป็นคนแรกและคนเดียวที่ฉันจะยอมปล่อยมือ....เพราะฉะนั้น....หลังจากนี้ไม่ว่าจะเป็นใครฉันก็จะไม่ยอมปล่อยไปอีกแน่

คึ หึ หึ....คุณนี่มันดื้อจริงๆ....เอาไงดีละครับ....สึนะโยชิคุง....

ฮี้....อย่าเอาฉันไปเกี่ยวด้วยเซ่ะ

ได้ขย้ำพวกแกสองคนพร้อมกันมันก็คงไม่เลว

ผมไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้วครับ

แต่ฉันม่ายยยยย.....
.
.
.
.
.
มีใครคิดเหมือนข้าพเจ้าไหมว่า....จริงๆแล้วคุณมุมันรักใครกันแน่.....
รักอยู่ห่างๆ ....ไม่เข้าไปแย่ง....ไม่อยากให้เค้าเจ็บปวด.....กำจัดคนที่จะทำให้เค้าเจ็บปวด.....
หึ หึ หึ................

ตรูว่าตรูเลิกฟังเพลงของวงที่มีมือเบสชื่อ T  นักร้องและมือกีต้าชื่อ K  ระหว่างแต่งเรื่องนี้ดีกว่าแฮะ.....
เผื่อว่าฟิคจะกลับมาใสกิ๊งดังเดิม เหอะ เหอะ เหอะ......




2 ความคิดเห็น:

  1. สงสารยามะจัง อยู่ห่างจากก๊กคงเป็นห่วงมากๆอ่า
    ไม่ได้อยู่ในสายตาตั้งนาน แถมยังมาเจอภาพบาดตากับดีโน่อีก โอ่ย ~
    ฮายาโตะนี่ก็ เลิกยัดเยียดยามะให้คนอื่นได้แล๊ววววว
    ผู้หญิงคนนั้นนางคือใครกัน มาทำนายเอกของเราเข้าใจผิดไปซะได้
    ว่าแต่186927นี่ นั่นสิคะ ตกลงมุคุรัักใครกันแน่ ฮ่าๆๆๆ
    ฮิบาริเริ่มน่ากลัว .. แต่ขย้ำที่ว่านี่ขย้ำยังไงเหรอ =O=; ?
    ขย้ำแบบให้ตายหรือขย้ำแบบ .. =.,= แต่ท่าทางคนที่น่าสงสงสารที่สุด
    คงเป็นสึนะนี่แหล่ะ 55555555

    ตอบลบ
  2. ผู้หญิงนางนั้นเป็นใครกันน่อ

    ตอบลบ