KHR Au.Fic [8059] IF ; I LOVE [07]
: KHR Fanfiction Au
: 8059 186927 XS
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ยามะเนียนใสกิ๊ง.....(คิดว่าไม่ใช่แล้วแหละ)..... ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ
: อย่าเกลียดคุณฮิ!!!...อย่า อย๊า....ที่ทำไปคุณฮิท่านมีเหตุผล...>_<…
: มันกลายพันธุ์ เป็นฟิคดราม่าไปซะแล้วค่ะ....T T…..ถ้ายังอยากอ่านต่อก็....เลื่อนลงไปเลยค่า....^ ^…
.
.
.
.
.
.
เหลียวซ้ายแลขวาอย่างร้อนลน...ไม่ว่าจะตรอกซอกซอยไหนๆก็ไม่มีร่างบางที่คุ้นตา เขาได้แต่วิ่ง...หามาจนเกือบทุกซอกทุกมุมของตัวเมืองแล้ว แต่ก็ยังไม่พบคนที่ตามหา...นายอยู่ที่ไหนกัน...ฮายาโตะ....
คลาดสายตาเพียงแค่นิดเดียวแท้ๆ.....ทั้งๆที่ในงานเทศกาลของวัดนามิโมริคนก็ไม่ได้เยอะมากแท้ๆ....แต่ช่วงเวลาที่เขาเอาแผ่นป้ายขอพรไปแขวน....เวลาแค่นั้นเองที่เขามองไม่เห็นร่างบางของพี่ชาย....หมอนั่น....ฮิบาริ เคียวยะ......ก็เข้ามาลากพี่ชายของเขาไป....
.
.
.
.
.
เสียงนกการ้องพร้อมกับบินไปทางศาลเจ้าร้างไร้ผู้คน...สายตาเหม่อมองตามไปโดยไม่รู้ตัว...ที่ๆยังไม่ได้ไป....แล้วขายาวๆของเขาก็ก้าวตามเสียงร้องชวนขนลุกนั่นไปอย่างไม่รอช้า....ในที่สุดก็ก้าวขาเข้ามาในเขตศาลเจ้าจนได้ หมุนตัวมองไปรอบๆก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้าที่วัตถุชิ้นหนึ่งที่หล่นอยู่ตรงพื้นหินข้างๆโรงเก็บของด้านหลังศาลเจ้า นั่นมันสายรัดข้อมือของพี่ชายเขานี่ แสดงว่าฮายาโตะโดนเจ้าฮิบาริลากมาที่นี่แน่ๆ ....แล้วตอนนี้นายอยู่ที่ไหนกันล่ะ....
ขาก้าวไปที่ด้านหลังศาลเจ้าโดยไม่ต้องคิด แทนที่จะเป็นป่าช้าวังเวง แต่ด้านหลังศาลเจ้าร้างแห่งนี้กลับกลายเป็นดินลาดลงไป น่าจะลึกลงไปราวๆตึกสองชั้น ก่อนที่จะจบลงที่ถนนเส้นหนึ่งซึ่งมีรถวิ่งอยู่พอสมควร กวาดตาไปรอบๆอีกครั้ง แล้วก็เห็นเงาวูบไหว เหมือนคนกำลังต่อสู้ขัดขืนกันอยู่ที่หลังโรงเก็บของเก่าๆนั่น
“ แกไม่อยากรู้หรอ ไอ้สัตว์กินพืช ว่าทำไมฉันถึงทำแบบนี้กับแก “ เสียงของหมอนั่น!!! ฮิบาริ เคียวยะ
“ ไม่ว่าแกจะทำเพื่ออะไร...ฉันก็ไม่อยากรับรู้ทั้งนั้น!!!....เลิกยุ่งกับฉันซักที!!!....”
“ ไม่มีทาง แกต้องเป็นของฉัน....ไอ้สัตว์กินพืช “
“ ปล่อยฉันนะ แกมันบ้า...หยุด...นะ “ เสียงสะอื้นสั่นร้องต่อต้านออกมา ...เสียงของฮายาโตะ...ไม่รอช้า ขายาวรีบก้าวตรงไปยังต้นเสียงทันที...แต่ยังไม่ทันจะถึง ก็มีเสียงดังโครมครามดังขึ้นจากต้นเสียงนั่น พร้อมกับร่างบางของพี่ชายเขาที่ก้าวถอยหลังออกมาด้วยท่าทางตื่นกลัว เสื้อผ้าหลุดลุ่ยยับเยิน บางแห่งมีร่องรอยถูกกระชากจนขาดวิ่น ผมสีเงินสลวยยุ่งเล็กน้อย....และ.... คราบน้ำตาบนแก้มนุ่มทำเอาเขาตกตะลึง....
“ อ๊ะ...ทาเคชิ “ ดวงตาสีมรกตที่เต็มไปด้วยหยาดน้ำตาเงยหน้าขึ้นมองเห็นเขา ร่างบางๆวิ่งโซเซมาหาเขา
“ ฮายา...ระวัง!!! “ ร่างบางที่ต้องการเพียงแค่จะหนีจึงไม่ทันระวัง ขาเรียวก้าวไปเหยียบดินที่อ่อนนุ่มและไม่สามารถจะรับน้ำหนักใดๆได้ ทำให้ร่างของพี่ชายเขาทรุดลงและลื่นไถลกลิ้งลงไปตามเนินดินที่ลาดลงไป หัวใจเขาหล่นวูบ รีบก้าวตามลงไป แต่มันก็ยังไม่ทันคว้าตัวคนที่เขารักจนหมดหัวใจได้ ร่างบอบบางนั่นกลิ้งลงไปเรื่อยๆ รถที่วิ่งมาบนถนนตรงสุดปลายเนินนั่นจึงชนร่างบางๆนั่นเข้าอย่างจัง ก่อนที่ร่างนั้นจะหยุดนิ่งลงที่กลางถนนพร้อมด้วยเลือดมากมายที่ไหลออกมา…..
ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของเขา จิตใจของเขาตอนนี้มันหายไปอยู่ที่ใดแล้วก็ไม่รู้ เขาไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าวิ่งลงมาถึงถนนได้อย่างไร รู้ตัวอีกที เขาก็กอดร่างที่ชุ่มโชกไปด้วยเลือดนั้นเข้าไว้แนบอก น้ำตาไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ กลัวที่สุดในหัวใจ มือและอ้อมแขนของเขาที่กอดร่างบางนั้นสั่นจนมองเห็นได้อย่างชัดเจน ...ได้แต่ตะโกนคำว่า “ ไม่ “ ซ้ำๆไปมา
นานเท่าไหร่ไม่รู้ เสียงรถพยาบาลดังเข้ามาใกล้เรื่อยๆ กว่าเขาจะตั้งสติได้ ก็เมื่อร่างของพี่ชายถูกพาขึ้นรถไปแล้ว เขาได้แต่เฝ้ามองใบหน้าที่ซีดเซียวของพี่ชาย จับมือบางขึ้นมาบีบเอาไว้แน่น ราวกับว่ากลัวว่าร่างตรงหน้านี้จะหายไป...ถึงแม้ว่าจะเบาบาง ...แต่ร่างนี้ก็ยังหายใจอยู่ เขาได้แต่ภาวนาว่าร่างบางจะไม่เป็นอะไร สรรพเสียงดังโหวกเหวกภายนอกไม่สามารถเข้ามาในประสาทการรับรู้ของเขาได้เลย...ตอนนี้...เขายอมรับว่า กลัว...กลัวที่สุดในชีวิต...กลัวว่าร่างบางจะจากเขาไป...ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วเขาจะอยู่ได้อย่างไร...
.
.
.
.
.
สองชั่วโมงแล้วที่ร่างบางของพี่ชายถูกส่งเข้าไปในห้องไอซียู เขาทำอะไรไม่ได้เลย ได้แต่นั่งก้มหน้าลงบนฝ่ามือที่สั่นเทา น้ำตายังคงไหลลงมาไม่มีหยุด ...ทุกๆครั้งที่พี่ชายป่วย เขาเป็นกังวลก็จริง แต่โรคเหล่านั้นก็มักได้รับการยืนยันจากชามาลว่ามันจะต้องหายแน่นอน แต่คราวนี้....ชามาลหายเข้าไปในห้องนี้แล้วไม่กลับออกมาอีกเลย มันทำให้เขากลัว...กลัวอย่างบอกไม่ถูก....
รู้สึกเหมือนมีใครนั่งลงมาข้างๆเขา จึงเงยหน้าขึ้นไปมองทั้งน้ำตาอย่างไม่คิดที่จะปกปิดมันเอาไว้ และภาพของคนตรงหน้าที่เขาเห็น ก็ทำให้เขาเบิกตากว้าง พร้อมกับหมัดที่กำแน่น
“ แกมาที่นี่ทำไม...ฮายาโตะเป็นแบบนี้แล้วแกยังไม่พอใจอีกเหรอ “ เขากระชากคอเสื้อคนข้างๆขึ้นมาอย่างโมโหสุดขีด กำปั้นต่อยลงไปบนใบหน้าคมนั้นไม่มียั้ง เขาอยากจะฆ่ามัน ...ฮิบาริ เคียวยะ...ผู้ชายที่ทำให้เขาใกล้จะเป็นบ้า...ผู้ชายที่พยายามจะพรากคนที่เขารักมากที่สุดไป...ถึงแม้ว่าหมอนั่นจะไม่โต้ตอบเขาเลย แต่โทสะในยามนี้ของเขาก็ไม่สามารถจะสงบลงได้อีกแล้ว
“ ทาเคชิ!!! “ พ่อของเขาที่เพิ่งเข้ามา รีบมาจับตัวเขาเอาไว้ก่อน ที่ใบหน้าของอีกฝ่ายจะแตกยับไปยิ่งกว่านี้
“ เพราะมัน....ถ้าฮายาโตะเป็นอะไรไป ฉันฆ่าแกแน่...ไอ้บัดซบ ออกไป...ไปให้พ้นหน้าฉันเดี๋ยวนี้!!! “ เขาตะโกนลั่น จนพยาบาลรีบเข้ามาห้าม พ่อของเขาจึงหันไปทางคนที่นั่งเหม่อมองห้องฉุกเฉินโดยที่ไม่สนใจเลือดที่ออกบนใบหน้าเลยแม้แต่น้อย
“ กรุณาออกไปก่อนเถอะ “ พ่อพูดออกไปเบาๆ ฮิบาริ เคียวยะลุกขึ้นยืนแล้วก้มหัวให้พ่อเขาทีนึง ก่อนจะเดินออกไปด้วยสายตาที่เขาไม่คิดว่าจะได้เห็นจากชายคนนี้....แกมาสำนึกเสียใจตอนนี้มันก็สายไปแล้วละ ฉันไม่มีวันยกโทษให้แกแน่ ฮิบาริ...
หลังจากที่ ฮิบาริ เคียวยะ เดินออกไปแล้ว ขาของเขาก็ราวกับว่าจะหมดแรงลงไปดื้อๆ จึงได้แต่ทรุดนั่งลงที่เก้าอี้หน้าห้องไอซียูดังเดิม ยิ่งเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ไหล่ของเขายิ่งสั่นเทา น้ำตายังคงไหลออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ ความกลัวที่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็ไม่สามารถหลุดพ้นจากมันไปได้ ....ฉันจะต้องทำยังไง...ทำยังไงถึงจะรั้งนายเอาไว้ได้...ฮายาโตะ....พ่อที่นั่งอยู่ข้างๆตบไหล่เขาเบาๆโดยที่ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ...เราทั้งสองคนต่างก็จมปลักอยู่กับความกลัว....
ในที่สุดประตูห้องไอซียูก็เปิดออกมา เขากับพ่อต่างถลาไปหาพยาบาลที่เดินออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยล้า
“ คุณพยาบาล ลูกชายผมเป็นยังไงบ้าง “ พ่อถามออกไปเสียงดัง
“ ยังอยู่ในขีดอันตรายค่ะ...ตอนนี้เราต้องการเลือดที่กรุ๊ปเดียวกับคนไข้ด่วนเลยค่ะ “ พยาบาลตอบเสียงดังฟังชัด พร้อมกับมองหน้าของเขาและพ่อสลับกัน
“ เอาเลือดผมไปสิ ผมเป็นน้องชายของคนไข้ “ เขาบอกพยาบาลอย่างไม่ลังเล พยาบาลพยักหน้า พรางเดินนำหน้าเขาไปยังห้องให้เลือด พยาบาลเจาะเลือดของเขาไปตรวจก่อน สักพักจึงเดินกลับมาหาเขาด้วยใบหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
“ เลือดของเธอคนละกรุ๊ปกับของคนไข้นะ ถึงจะให้ได้ แต่ก็...ถ้าเป็นเลือดกรุ๊ปเดียวกันน่าจะดีกว่า แล้วของคุณล่ะกรุ๊ปอะไร “ คุณพยาบาลหันไปมองพ่อของเขา
“ ผมเลือดกรุ๊ปเดียวกับทาเคชินั่นแหละ “ พ่อตอบพยาบาลออกไปด้วยแววตาที่ดูเหมือนจะปิดบังอะไรบางอย่างอยู่ ....มันจะเป็นไปได้ยังไงกันละ....ในเมื่อ....
“ ว่าไง ไอ้หนูรองกัปตัน!!! พี่แกเป็นยังไงมั่ง “ เสียงเรียกดังสนั่นจนพยาบาลต่างก็หันไปทำหน้าดุใส่ คนสองคนที่กำลังเดินเข้ามา ฉลามหนุ่มผู้ที่ส่งเสียงทักเดินมาพร้อมๆกับกัปตันของเขา
“ พอดีเจอลุงข้างบ้านที่เอารถพยาบาลไปล้าง เค้าเลยบอกว่าน่าจะเป็นพี่แก “ กัปตันของเขาตอบออกมาทั้งๆที่เขายังไม่ทันจะได้ถามว่า ทั้งสองคนรู้ได้ยังไง
“ พอดีเลย...ทั้งสองคนมีใครเลือดกรุ๊ป B บ้างไหมคะ คนไข้ต้องการเลือดด่วนค่ะ “ คุณพยาบาลหันไปถามสองคนที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่
“ ของฉัน A “ กัปตันของเขาตอบด้วยใบหน้าเฉย
“ ฉันเอง “ สคอลโล่ตอบพร้อมกับความหวังของพวกเขาที่ผุดขึ้นมา.....ฉลามหนุ่มนอนให้เลือดอยู่สักพัก ก็ออกมานั่งรออยู่หน้าห้องไอซียูกับพวกเขา
“ ขอบคุณนะครับ “ เขาหันไปขอบคุณฉลามหนุ่มด้วยความจริงใจ หลายครั้งหลายคราแล้วที่ทั้งสองคนนี้ช่วยเขาและพี่ชายเอาไว้
“ ไม่เป็นไรหรอกน่า แล้วแกน่ะ ก็เลิกร้องไห้ขี้มูกโป่งได้แล้ว พี่แกได้เลือดของฉันไปช่วย รับรองเดี๋ยวเดียวก็หาย “ ฉลามหนุ่มยิ้มอย่างจริงใจ
แล้วก็ผ่านไปอีกชั่วโมง...กัปตันของเขาและฉลามหนุ่มขอตัวกลับบ้านไปก่อนแล้ว ที่หน้าห้องตอนนี้จึงเหลือแต่เขากับพ่อเพียงสองคน...ความเงียบเข้าครอบคลุมทั่วทั้งห้อง...ความกลัวเริ่มลดลงแล้วเมื่อสติของเขาค่อยๆกลับคืนมา แต่ความสงสัยกำลังก่อตัวขึ้น ....ทำไม....ไม่น่าจะเป็นไปได้เลยนี่นา....เขากับพ่อกรุ๊ปเลือดเดียวกัน...แล้วถ้าอย่างนั้น ...พี่ชายของเขาจะกรุ๊ปเลือดเหมือนใครกันล่ะ...ในเมื่อ...แม่ของเขาก็กรุ๊ปเลือดเดียวกับเขาเช่นกัน......พ่อแม่กรุ๊ปเลือดเดียวกัน ลูกก็น่าจะมีเลือดกรุ๊ปเดียวกับพ่อแม่สิ แล้วถ้างั้น....ถึงแม้จะเฝ้าคิดอยู่คนเดียวก็คงไม่ได้คำตอบ เขาจึงตัดสินใจหันไปหาคนที่นั่งอยู่ข้างๆ
“ พ่อ....เรื่องกรุ๊ปเลือดน่ะ “ พ่อหันมามองหน้าเขาช้าๆ แล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ แววตาที่ดูผ่อนคลายคล้ายกับว่าได้ตัดสินใจเรื่องบางอย่างได้แล้ว
“ เรื่องนี้...”
ก่อนที่พ่อจะเอ่ยอะไรต่อ ประตูห้องไอซียูก็เปิดออก พวกเราสองคนจึงหันกลับไปสนใจคนที่เดินออกมา เพราะคงไม่มีเรื่องอะไรจะสำคัญกว่าชีวิตของคนที่อยู่ในห้องตรงหน้านี้อีกแล้ว ชามาลเดินนำหน้าเหล่าพยาบาลสาวออกมาด้วยใบหน้าเหนื่อยอ่อน ยิ้มให้เขากับพ่อน้อยๆก่อนที่น้ำเสียงแหบแห้งจะเอ่ยออกมาว่า....
.
.
.
.
.
.
.
ซึ ซึ คู๊......
ตอนที่อ่านรีบอร์นช่วงแรกๆก็ยังคิดอยู่เลยนะว่า...อย่างฮายาโตะเนี่ย...มันน่าจะเป็นพวกเลือดกรุ๊ปบีแหงๆเลย
ส่วนยามะก็น่าจะกรุ๊ปโอนา....แล้วพอไปเปิดVongola77ดู....โอ้...ดันตรงซะงั้น....
แต่ว่าน้า...จริงๆแล้วหลามน้อยเค้ากรุ๊ปโอแหละ(ไม่อยากจะเชื่อ)...แต่ทว่าในเรื่องรีบอร์นเนี่ย...หาพวกเลือดกรุ๊ปบีไม่ค่อยได้เลยแฮะ...
ทั้งๆที่ดูจากนิสัยแล้ว พวกเลือดกรุ๊ปบีน่าจะหลายคนอยู่อ่ะนะ....ไอ้พวกเลือดปริศนาทั้งหลายนั่นน่ะ...เปิดออกมาแล้วอาจจะเป็นพวกบีก็ได้!!!
ปล. นี่มันฟิคเน้อ...มันอาจจะไม่ค่อยตั้งอยู่ในความเป็นจริงบ้างบางส่วนอ่ะนะ แฮะ แฮะ.... (ความจริงเบื้องหลังความจริง....ไอ้ที่เคยเรียนเรื่องหมู่เลือดไปเมื่อสมัยโบราณกาลนั่นน่ะ...ลืมมันไปสุดหูรูดแล้วเฟ้ย!!! )
.
.
.
.
.
อะเร๊ะ...อะไรนะ...ขอของแถม...อ่ะได้เลย
.
.
.
.
.
“ .....”
“ ฉัน...เป็นคนทำร้ายมัน “
“.....”
“ฉัน...กำลังจะทำให้มันตาย”
“.....”
“ ทำไมกันล่ะ...ฉันก็แค่...”
“ แค่อะไรครับ “
“....แค่...อยากให้มันเป็นของฉัน...แค่....รักมัน...มากกว่าใคร....แค่นั้นเอง....”
“ ......”
“ เลือดพวกนั้น...เลือดของเจ้านั่น...แค่เห็น...มือของฉันก็สั่นไม่หยุด “
“ ถ้าคุณอยากจะร้อง ก็ร้องออกมาเถอะครับ ผมจะโอบกอดคุณไว้...จะไม่มีใครได้เห็นน้ำตาของคุณ “
แอร๋ยยย ตอนจบมุคุพระเอกได้อีก โถ่ ฮิจัง อย่าได้ร้องไห้ไปเลย ~
ตอบลบเดี๋ยวหนูก๊กก็ฟื้นแล้วแหล่ะ ว่าแล้วเชียวเรื่องครอบครัวนี้ต้องมีเบื้องหลัง
ว่าแต่เบื้องหลังอะไรรอเฉลยต่อไป ฮ่าๆ
รักหลามม อ๊าาากกกก เลิฟยูวววว ><
หลามน่ารักมาก ที่พูดเรื่องกรุ๊ปเลือดคิดเหมือนกันเลยค่ะ
ว่าก๊กต้องบี ยามะต้องโอ ไปอ่านดูมันตรงจริงๆด้วย 555555555555
แหล่มมมมมมมม
ตอบลบสับป้าจีบท่านฮิเลยจะได้แฮปปี้