KHR Au.fic [8059] IF ; I LOVE [04]

KHR Au.Fic [8059]    IF ; I LOVE   [04]


: KHR Fanfiction Au
: 8059  186927  XS
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ 





: ยามะเนียนใสกิ๊ง(อยู่รึเปล่านะ?)  ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ

.
.
.
.
.
.
.




เวลายามบ่ายอันแสนสงบสุขเกินไปจนน่าง่วงนอน ค่อยๆเคลื่อนผ่านห้องเรียนนี้ไปอย่างยากเย็น เขานั่งเท้าคางกับโต๊ะ แขนซ้ายที่เคยมีเฝือกน่าเกะกะได้ถูกถอดออกไปแล้ว ความจริงแขนซ้ายของเขาไม่ได้เป็นอะไรเลย เพียงแต่...คุณหมอเบียงกี้อยากจะทดสอบความทนทานของเฝือกรุ่นใหม่...และเขา...ดันไปหาหมอตรงจังหวะพอดี ชักจะเริ่มเข้าใจความรู้สึกของพี่ชายขึ้นมาบ้างแล้วแฮะ .... เสียงหึ่งๆที่ไม่รู้ว่าพูดอะไรของอาจารย์ที่ยืนอยู่หน้าชั้นเรียนราวกับเป็นบทสวด สิ่งที่ทำให้เขายังลืมตาอยู่ได้จนวินาทีนี้คือกลุ่มคนที่อยู่ในสวนหลังโรงเรียนนั่นต่างหาก ....นักเรียนในห้องของพี่ชาย....ไม่ต้องบอกก็รู้ว่า ตอนนี้พี่ชายของเขากำลังเรียนศิลปะกันอยู่ แล้ววันนี้ที่อากาศแสนสดใส ท้องฟ้าปลอดโปร่งและลมพัดเย็นสบายเช่นนี้ ชั้นเรียนศิลปะนอกสถานที่จึงเกิดขึ้น เห็นเพื่อนๆในชั้นของพี่ชายต่างก็ถือกระดานที่แปะกระดาษสีขาวพร้อมพู่กันและจานสีนั่งจับกลุ่มกันอยู่ตามใต้ร่มไม้ในสวน และแน่นอนว่าสายตาของเขาก็จดจ้องอยู่ที่เดียว  กลุ่มของคนสามคนนั่น....พี่ชายของเขากำลังวาดรูปอะไรอยู่นะ จากมุมที่เขานั่งอยู่ไม่สามารถมองเห็นได้เลย เพราะว่าพี่ชายนั่งหันหน้าเข้าหาเขาพอดี กระดานที่อยู่ในมือบางจึงหันหลังให้เขา...ส่วนอีกสองคนนั่น....เขาก็ไม่เข้าใจอีกแล้วว่า...พี่ท่านทั้งสองจะออกไปวาดรูปนอกสถานที่ทำไม...ในเมื่อเพื่อนตาสองสีของพี่ชายคนนั้นกำลังจับพู่กันระบายสีรูปสับปะรดอย่างตั้งอกตั้งใจ โดยที่ไม่จำเป็นต้องมีแบบเลยสักนิด ยิ่งเวลาล่วงเลยไปนานเท่าไหร่ ภาพวิวัฒนาการของสับปะรดในรูปนั่นก็ดูจะสมบูรณ์ขึ้นเรื่อยๆ...จากหัวเล็กๆ ค่อยๆใหญ่ขึ้น ใหญ่ขึ้นจากสีเขียวค่อยๆเปลี่ยนเป็นสีเหลือง ไม่รู้ว่าสับปะรดในรูปนั่นไม่มีใครกินหรืออย่างไร ตอนนี้มันจึงค่อยๆเน่าลง เน่าลง....ย้ายสายตามาดูที่กระดานของเพื่อนตัวเล็กอีกคนของพี่ชาย...กระดาษยังคงว่างเปล่า จะไม่ให้ว่างได้ไงล่ะในเมื่อพี่ท่านไปเฝ้าพระอินทร์ตั้งแต่นั่งลงบนพื้นหญ้านุ่มนั่นยังไม่ถึงห้านาทีดีด้วยซ้ำ...นั่นไง...แล้วก็สัปหงกจนมือที่ถือพู่กันอยู่ป้ายลงไปบนกระดาษ...คาดว่าพอหมดชั่วโมง บนกระดาษเปล่านั่นคงจะมีผลงานแอ๊บแตรกอยู่เต็มไปหมด.......แต่สามคนนี้ก็สมกับที่เป็นเพื่อนสนิทกันจริงๆ เพราะนอกจากท่านพี่ตัวเล็ก จะทำงานของตัวเองแล้ว ยังอุตส่าห์เอาพู่กันไปช่วยป้ายของอีกสองคนที่อยู่ข้างๆด้วย แต่ก็ราวกับจะรู้กันด้วยสันชาติญาณ ในเมื่อพี่ชายของเขากับท่านพี่สับปะรดต่างก็ยกกระดานของตัวเองหลบได้อย่างทันท่วงทีทุกทีไป....



อยากรู้จังเลยนะ ว่าใบหน้าอมยิ้มที่ละเลงสีลงกระดาษอย่างเมามันนั้นกำลังวาดรูปอะไรอยู่ ...ดูจากใบหน้าที่เปี่ยมไปด้วยความสุขของนายแล้ว ฉันก็ชักอยากจะเห็นรูปนี้ขึ้นมาซะแล้วสิ...ฮายาโตะ...



เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น ทำให้เพื่อนๆในห้องของเขาเริ่มลืมตาตื่นตามๆกัน อาจารย์เดินออกจากห้องไปแล้ว เหมือนกับกลุ่มคนที่เคยนั่งอยู่ในสวนหลังโรงเรียนที่เริ่มทยอยเดินกลับเข้าตัวอาคาร สายตาของเขาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม....พี่ชายของเขาเดินเข้าไปหาอาจารย์พร้อมกับยื่นรูปไปให้และดูท่าทางจะโต้เถียงอะไรกันเล็กน้อย ในที่สุดอาจารย์ก็ส่งภาพคืนมาให้ด้วยสีหน้าหวาดกลัวนิดๆ ...ก็เป็นซะแบบนี้แหละนะพี่ชายของเขา ถึงแม้ว่าจะร่างกายไม่ค่อยแข็งแรง แต่ร่างบางๆนั่นก็ได้ชื่อว่าเป็นเด็กที่รับมือได้ยากคนนึงของโรงเรียนเลยก็ว่าได้ ในเมื่อร่างกายไม่แข็งแรงมันก็เลยมีอย่างอื่นมาทดแทน นั่นก็คือสมองที่ชาญฉลาดจนหาตัวจับยากนั่นเอง ไม่ว่าอาจารย์คนไหนก็ไม่ค่อยอยากจะเข้ามายุ่งกับพี่ชายเขานักหรอก...เมื่อพี่ชายของเขาเดินออกมาท่านพี่เพื่อนสนิททั้งสองจึงเดินเข้าไปส่งงานบ้าง คนนึงหน้าตายิ้มละไมแต่กลับให้ความรู้สึกสยองเล็กๆกับอีกคนที่ท่าทางงัวเงีย  เมื่ออาจารย์เห็นรูปทั้งสองเท่านั้นแหละ....ความเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดือดทะลุจุดศูนย์ก็แผ่กระจายไปทั่วโรงเรียนอย่างรวดเร็ว.....และก่อนที่นักเรียนผู้ไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะสิ้นชีพกันไปซะก่อน อาจารย์ผู้มีเมตตาก็ได้จัดการลากตัวการความหายนะทั้งสองไปห้องพักครูเรียบร้อยแล้ว....ตลกดีนะสองคนนั่น...



เฮ้ย ยามาโมโตะ วันนี้มีซ้อมเปล่าวะ เสียงเพื่อนในห้องที่อยู่ชมรมเดียวกันตะโกนเรียกเขา ทำให้ต้องละสายตาจากสวนหลังโรงเรียนกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง



อืม  แต่ว่าฉันอาจจะไปช้าหน่อย ฝากบอกกัปตันด้วย   ว่าแล้วก็เตรียมเก็บข้าวของ เตรียมออกจากห้องบ้าง



ไปไหนวะ ... 



ไปดูฮายาโตะหน่อย   เพื่อนโดนลากไปห้องพักครูแบบนั้น พี่ชายเขาอาจจะอยู่คนเดียว



โหย...ไอ้เด็กติดพี่...เมื่อไหร่จะโตซะทีวะแกเนี่ย   เสียงกระเซ้าส่งมาจากเพื่อนๆในห้อง



แต่ฉันว่า ไปดูไว้หน่อยก็ดีนะ... ไม่รู้เหมือนกันว่าข่าวนี้จริงหรือเปล่า แต่ได้ยินเค้าลือๆกันว่า...คุณฮิบาริดูท่าทางจะถูกใจพี่นายอยู่...  เสียงจากหัวหน้าห้องฝ่ายหญิงเริ่มเล่าตามประสาผู้หญิง....เขาจะไม่สนใจเลย ถ้าคนในหัวข้อสนทนาจะไม่ใช่พี่ชายของเขา



ถึงว่าสิ หมู่นี้เห็นอยู่ด้วยกันบ่อยๆ เมื่อกี้ฉันเอารายงานไปส่งอาจารย์ ก็ยังเห็นอยู่เลย แล้วเสียงขาเม้าประจำห้องก็เริ่มจ้อกันเป็นนกกระจิบแตกรัง   น่ากลัวออก นะคุณฮิบา...



โครม!!!....ก่อนที่เสียงซุบซิบนินทาจะดังต่อไป กระเป๋าของเขาก็ลงไปกระแทกกับโต๊ะเสียงดังสนั่นจนกลุ่มขาเม้านั่นสะดุ้งเฮือก



ที่ไหน......ฉันถามว่าเห็นที่ไหน   ตะคอกออกไปอย่างไม่รู้ตัว ทำเอาเด็กผู้หญิงตรงหน้าสั่นเป็นเจ้าเข้า ก่อนที่เสียงกระซิบเบาๆจะถูกส่งออกมา แถวๆห้องรับแขก แล้วเขาก็คว้ากระเป๋าวิ่งออกจากห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่ได้ฟังคำทัดทานของเพื่อนในห้องเลยแม้แต่น้อย



ยามาโมโตะก็น่ากลัวนะ  ถ้าเป็นเรื่องของพี่ชายน่ะ   ประโยคสุดท้ายแว่วออกมาจากห้องหลังจากที่เขาวิ่งออกมาแล้ว ....ใช่...เขาพร้อมที่จะเป็นปีศาจสำหรับคนที่กล้ามายุ่งกับพี่ชายของเขา....เขาเป็นแบบนี้มานานแล้ว และยิ่งเมื่อตัดสินใจแล้ว ก็ไม่มีใครจะมาหยุดเขาได้อีก



ขายาววิ่งก้าวไปตามระเบียงของอาคารเรียนอย่างเร่งรีบ ขนาดตอนแข่งเบสบอลเขายังไม่วิ่งเร็วเท่านี้เลย ....ทำไมถึงได้รู้สึกว่าห้องรับแขกมันอยู่ไกลขนาดนี้นะ....



ในที่สุดเขาก็มายืนหอบอยู่ที่หน้าห้องรับแขกจนได้ ภายในห้องเงียบสงบกว่าที่คิด ได้ยินเสียงหอบหายใจของใครบางคนแว่วออกมาจากข้างในห้อง เสียงร้องห้ามที่สั่นเครือแสนคุ้นเคยนั่นทำให้เขากระชากประตูออกโดยไม่สนใจว่าใครจะคิดว่ามันเสียมารยาท.....ภาพตรงหน้าทำให้เลือดขึ้นหน้าเขาอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน....พี่ชายของเขากึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ใกล้โต๊ะทำงานเพียงตัวเดียวในห้อง มือบางข้างหนึ่งกดลงไปที่หน้าอกของตัวเอง ส่วนอีกข้างพยายามผลักใสเจ้าของห้องรับแขกที่คุกเข่าคร่อมร่างบางๆของตนอยู่ มือที่เคยจับทอนฟาจับยึดอยู่ที่แขนพี่ชายของเขาแน่น แววตาของหมอนั่นดูจะตกใจกับอาการของพี่ชายเขา ... ใบหน้าเนียนใสบัดนี้กลับขาวซีด ริมฝีปากอ้าน้อยๆหอบหายใจหนักหน่วง คิ้วเรียวขมวดชนกันหลับตาแน่น แค่ดูก็รู้แล้วว่าพี่ชายของเขากำลังทรมานจากโรคประจำตัวที่หมอนั่นคงไม่เคยรู้....ขาของเขาก้าวเข้าไปหาทั้งคู่โดยไม่ต้องคิด มือหนาของเขากระชาก ฮิบาริ เคียวยะ แล้วเหวี่ยงออกไปให้พ้นจากตัวพี่ชายของเขา พร้อมกับเข้าไปประคองร่างบอบบางนั่นเอาไว้แทน



ฮายาโตะ...ฮายาโตะ   พยายามเรียกสติร่างบางในอ้อมแขน



หะ...หายใจ...มะ...ไม่...ออก   เหมือนกับร่างตรงหน้าจะรับรู้แล้วว่าคนที่กอดตนเองอยู่คือเขา คิ้วเรียวคลายออก ใบหน้าหวาดผวาเมื่อครู่ค่อยๆจางหายไป มือเรียวจับแขนเสื้อของเขาไว้แน่น ใบหน้ายังคงทรมานอยู่....หอบ....โรคประจำตัวของร่างบาง



ทนหน่อยนะ ...ฮายาโตะ...ยานายอยู่ในกระเป๋าใช่ไหม ฉันจะพาไปเดี๋ยวนี้แหละ   หันซ้ายหันขวามองหากระเป๋าของพี่ชาย ....แต่สิ่งที่พบคือ สายตาเหี้ยมที่จ้องมองเขาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ ทอนฟาถูกยกขึ้นตั้งท่าเตรียมจะเล่นงานเขา



บ้าเอ้ย...แกไม่เห็นรึไงว่าเค้าเป็นยังไง ฉันกลับมาเล่นงานแกแน่ แต่ช่วยรอหน่อยได้ไหม   กันฟัดกรอด ขอร้องหมอนั่นไปทั้งๆที่ไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดเลยก็ตาม



ฉันจะขย้ำมันก่อน   สายตาเรียวคมตวัดมองลงมาที่พี่ชายของเขา นี่มันไม่รู้รึไงว่าพี่ชายเค้าทรมานแค่ไหน ...ตอนนี้เขาโกรธ...แล้วก็แค้นที่สุด เท่าที่คนคนนึงจะโกรธแค้นใครได้ ไม่สนใจแล้วว่า มันจะทำบ้าอะไร เขาอุ้มร่างบางของพี่ชายขึ้น เตรียมจะเดินออกไปจากห้อง แต่ก็ต้องเอี้ยวตัวหลบทอนฟาที่ตวัดเข้าหาเขาอย่างรวดเร็ว



ของเล่นของฉัน แกห้ามยุ่ง   น้ำเสียงเย็นชาของคนที่ขัดขวางเขา ทำเอาเขาเดือดอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ....ปีศาจที่หลบใหลราวกับจะลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งในร่างกายของเขา ตัดสินใจวางร่างบางลงก่อนที่จะจูบที่หน้าผากมนเบาๆ......ฉันจะฆ่ามัน คนที่บังอาจรังแกนาย...รอก่อนนะฮายาโตะ...ไม่นานหรอก....



ฉันไม่มีวันยกเค้าให้ใครแน่ ไม่เว้นแม้แต่แก...ฮิบาริ เคียวยะ   เสียงของเขาที่พยายามเปล่งออกไปเป็นคำพูด แสนยากลำบาก เพราะตอนนี้เขากำลังโมโหอย่างที่สุด สายตาของเขาจับจ้องไปที่คนตรงหน้า มือกำหมัดแน่น ถึงไม่มีอาวุธ เขาก็จะจัดการหมอนั่นให้ได้



ว่าแล้วเชียว...แกไม่ได้รักเจ้าสัตว์กินพืชนั่นเหมือนที่มันรักแก   หมอนั่นดูออก....แต่จะเป็นไรไปล่ะ...ดีเสียอีก มันจะได้รู้...ว่ามันไม่มีทางได้สิ่งที่ต้องการสิ่งนี้แน่นอนฮิบาริ เคียวยะ พุ่งเข้าหาเขา ทอนฟาในมือนั่นพยายามฟาดเขาเต็มแรง แต่เขาก็หลบมันได้อย่างหวุดหวิดและกำหมัดสวนเข้าไปที่ใบหน้าของหมอนั่น



อย่ายุ่งกับเค้าอีก   บอกหมอนั่นด้วยเสียงต่ำที่ดุดัน เลือดที่มุมปากของเจ้ากรรมการรักษาระเบียบนั่นมันทำให้ดูโรคจิตยิ่งขึ้นเมื่อมันแสยะยิ้มแล้วพุ่งทอนฟาเข้าหาเขาอีกครั้ง



ฮึ...ยิ่งแกหวง...ฉันก็ยิ่งสะใจ เวลาที่ฉันขย้ำมัน   เสียงเย็นๆลอยมาพร้อมกับทอนฟาที่ดูจะรวดเร็วยิ่งขึ้น ทำให้คนที่ไม่มีอะไรป้องกันตัวอย่างเขายิ่งหลบลำบากเข้าไปใหญ่ แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่มีทางถอย ท่อนเหล็กฟาดโดนต้นแขนเขา อาศัยช่องว่างในตอนนั้นเสยปลายคางคนตรงหน้าจนตัวลอยละลิ่วไปกองอยู่อีกฟากของห้อง เขากระโดดตามไปกระชากคอเสื้ออีกฝ่ายก่อนที่จะชกใบหน้าคมนั่นไปอีกสองสามครั้ง หมอนั่นใช้ขาที่ยังว่างอยู่เตะเข้าที่สีข้างของเขาทำเอาเขาเซถลาไปอีกฟากก่อนจะใช้มือยันขอบหน้าต่างเอาไว้แล้วกลับตัวอย่างรวดเร็วก่อนจะใช้เท้าถีบเข้าไปที่ลำตัวของหมอนั่นที่จะตามเข้ามาซ้ำเขาอย่างไม่ระวังตัว จนร่างกายที่เล็กกว่าเขานั่นลอยไปกระแทกกับขอบตู้และทรุดลงไปกองกับพื้น เขาเดินกุมสีข้างที่รู้สึกเจ็บไปหาร่างบางของพี่ชาย ในขณะที่อีกฝ่ายค่อยๆลุกขึ้นราวกับร่างกายของหมอนั่นไม่รู้จักความเจ็บปวด เสียงหอบหายใจหนักๆของพี่ชายทำให้เขาต้องรีบเข้าไปดู ...ปล่อยไว้แบบนี้มีหวังแย่แน่....ในขณะที่กำลังมองหาทางหนีอยู่นั่นเอง........



เฮ้ย...ถ้าแกจะฟาดคนที่มีแต่มือเปล่าละก็ มาเล่นกับฉันดีกว่า...ไอ้กรรมการสวะ   เสียงดุดันที่คุ้นเคยดังออกมาพร้อมกับประตูห้องรับแขกที่เปิดออก ร่างสูงใหญ่ในเสื้อเชิ้ตสีขาวหลุดลุ่ยก้าวขาเข้ามาในห้องพร้อมกับไม้เบสบอลที่พาดบ่า ดวงตาสีแดงจ้องมาที่เจ้าของทอนฟาอย่างท้าทาย...



กัปตัน   เขาเรียกชายผู้นั้นด้วยความคาดไม่ถึง



หืมม์...ไอ้สัตว์กินเนื้อตาแดงนี่เอง....ขอฉันขย้ำไอ้นี่ก่อน แล้วแกจะเป็นรายต่อไป   ฮิบาริ เคียวยะ หันกลับมาสนใจเขากับร่างในอ้อมแขนต่อ แต่กัปตันของเขาน่ะ...เรื่องหาเรื่องทะเลาะกับชาวบ้านนี่ไม่มีรีรออยู่แล้ว เสียงไม้เบสบอลฟาดลงโดนโต๊ะทำงานของเจ้าของทอนฟาพังยับ เนื่องจากเป้าหมายหลบได้อย่างหวุดหวิด สายตาเลือดเย็นถูกส่งมาให้เขาวูบหนึ่งก่อนที่จะหันไปสนใจกัปตันของเขาแทน เสียงทอนฟาปะทะกับไม้เบสบอลดังหนักหน่วง ... ไม่แพ้เสียงหอบหายใจจากร่างในอ้อมแขนของเขาเลย ...นายอย่าเพิ่งเป็นอะไรไปนะ...ฮายาโตะ



ไอ้หนูรองกัปตัน รีบพาพี่ชายแกออกไปก่อนเหอะ ทางนี้ปล่อยให้ไอ้บ้าแซนซัสมันจัดการไป   ฉลามหนุ่มที่วิ่งตามกัปตันของเขามารีบเข้ามาดูอาการของเขาและพี่ชาย



ครับ  ขอบคุณมากนะครับ อ้อ...ฝากขอบคุณกัปตันด้วย   เขาส่งสายตาขอบคุณไปให้ร่างโปร่งบางตรงหน้า อีกฝ่ายเพียงทำหน้าหน่ายๆตอบกลับมา...



ไปเหอะ ...ไอ้บ้านั่นมันไม่ได้ตั้งใจมาช่วยแกหรอก มันแค่จะมาหาเรื่องฟาดหัวคนเล่นเท่านั้นแหละ ถ้าจะขอบใจก็ไปขอบใจเพื่อนๆในห้องแกเหอะ ที่มันวิ่งหน้าตั้งมาบอกไอ้บ้านั่นน่ะ   แล้วฉลามหนุ่มก็หันหน้าไปจับตามองสองคนที่ยังคงผลัดกันรุกผลัดกันรับอย่างไม่มีใครยอมใคร ราวกับว่า...จะคอยกันเขากับพี่ชายจากฮิบาริ เคียวยะอีกชั้นหนึ่ง...ยังไงก็ต้องขอบคุณละนะ เพราะถ้าไม่มีทั้งสองคน เขาคงแย่...



ก้มลงมามองร่างในอ้อมแขนที่ดูท่าทางทรมาน จากอาการหอบกำเริบ ยาของพี่ชายน่าจะอยู่ในกระเป๋า ว่าแล้วเขาก็อุ้มร่างบางขึ้นอย่างง่ายดาย แล้วรีบวิ่งออกจากห้องที่เริ่มจะเละเทะเพราะเจ้าของห้องและแขกผู้ไม่ได้รับเชิญ อีกก้าวเดียวก่อนที่จะออกจากห้อง ทอนฟาก็ลอยละลิ่วผ่านหน้าเขาไป



แกจะไปไหน   เสียงเย็นที่เริ่มหอบนิดๆถามขึ้นมาอย่างกวนประสาท



ฮิบาริ เคียวยะ...ถ้าฮายาโตะเป็นอะไรไป ...ฉันฆ่าแกแน่   ไม่รู้เหมือนกันว่าเสียงของเขาที่ตอบออกไปนั่นจะฟังดูเหี้ยมโหดเพียงใด ในเมื่อตอนนี้เขาโกรธคนตรงหน้าจนอยากจะฆ่าให้ตายจริงๆ เขาหันไปจ้องหมอนั่นด้วยสายตาที่ไม่เคยมีใครได้เห็นมาก่อน ...มีเพียงรอยยิ้มน่าขนลุกถูกส่งกลับมา ก่อนที่เขาจะอุ้มร่างบางของพี่ชายก้าวออกไปจากห้องโดยไม่สนใจเสียงโครมครามในห้องนั่นอีก...ขาก้าวออกไป...วิ่งไปจนสุดกำลัง...กระเป๋าน่าจะอยู่ที่ห้องเรียนของพี่ชาย.....เสียงหอบหายใจของร่างในอ้อมแขนยังคงดังต่อเนื่อง ใบหน้าซีดขาวที่ดูทรมาน มือขาวที่จับแขนเสื้อเขาแน่น....อดทนอีกหน่อยนะ ฮายาโตะ



ในที่สุด เขาก็มาถึงห้องเรียนของพี่ชายจนได้ รีบวิ่งไปที่โต๊ะ เห็นกระเป๋าถูกวางพาดไว้ที่เก้าอี้  วางร่างบางของพี่ชายลงที่พื้นอย่างเบามือ แล้วรีบค้นหายาพ่นที่อยู่ในกระเป๋า ...เจอแล้ว....รีบช่วยร่างบางตรงหน้าอย่างร้อนลน...



ฮายาโตะ...อ้าปากหน่อย ...ค่อยๆนะ   ช่วยพยุงร่างบางให้ใช้ยาได้สะดวก เสียงหอบหายใจที่รุนแรงค่อยๆผ่อนลง มือที่จับแขนเสื้อเขาแน่นค่อยๆคลายออก เมื่อเจ้าของเริ่มผ่อนคลายจากการหายใจได้สะดวกขึ้น



โดนทำโทษจนได้ ทำไมนายไม่ปลุกฉัน....อ้าว...เอ๋...ฮายาโตะคุง!!! ปะ เป็นอะไรน่ะ   เพื่อนสนิทตัวเล็กของพี่ชายวิ่งหน้าตาตื่นเข้ามาใกล้ เมื่อเปิดประตูเข้ามาเห็นสภาพของเขาทั้งสองคน



ใครทำให้เขาเป็นแบบนี้ครับ   อีกคนที่เดินมาด้วยกันก็ถามด้วยใบหน้าตกใจพอกัน เริ่มหาสมุดหนังสือมาพัดให้พี่ชายเขาจ้าละหวั่น



ค่อยๆหายใจ...เข้าลึกๆ...ใจเย็นๆฮายาโตะ   ยังไม่ได้ตอบคำถามเพื่อนๆของพี่ เพราะตอนนี้สมองของเขาสนใจแต่คนตรงหน้านี้เท่านั้น อาการหอบหายใจเริ่มลดลงเรื่อยๆ ใบหน้าที่ซีดเซียวก็ค่อยๆซับสีเลือดขึ้นบ้างเล็กน้อย ....จนในที่สุดพี่ชายของเขาก็เริ่มหายใจเป็นปกติ...แขนของเขาที่จับกระชับไหลบางเริ่มคลายออกอย่างโล่งอก...ถ้าช้ากว่านี้อีกนิดเดียว....ฉันคงได้ฆ่าคนเข้าจริงๆนะ....ฮายาโตะ



เหนื่อยจัง....  เสียงพึมพำออกมาจากปากสีซีด กลุ่มผมสีเงินซบลงที่อกกว้างของเขา ถึงแม้อาการหอบจะหายไปแล้ว แต่ร่างบางก็ยังคงหายใจหนักๆอยู่



นายหลับไปก่อนเถอะฮายาโตะ   เพื่อนทั้งสองของพี่ชายรีบหยิบกระเป๋าของตัวเองมาวางซ้อนๆกันให้พี่ชายเขาหนุน  ก่อนที่เขาจะค่อยๆจับร่างบางนอนลงให้อยู่ในท่าที่สบายที่สุด ไม่ช้าเสียงหายใจก็สม่ำเสมอ....เห็นแบบนั้นแล้ว เขาเองก็เริ่มจะหมดแรงบางแล้วแฮะ ถอนหายใจโล่งอกพร้อมกับนั่งหันหลังพิงกำแพงอย่างหมดเรี่ยวหมดแรง เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็เห็นสายตาเป็นห่วงละคนสงสัยของเพื่อนพี่ทั้งสอง



ฮิบาริ เคียวยะ   เขาตอบออกไปเบาๆแค่นั้น แต่ก็ทำให้อีกสองคนที่รอฟังอยู่ถึงกับสะดุ้ง



สงสัยว่าจะปล่อยเอาไว้คนเดียวไม่ได้เลยนะครับ   มุคุโร่ว่าพลางทำหน้าหนักใจ



นะ...นั่นสิ...ทำไมคุณฮิบาริถึงจ้องจะเล่นงานฮายาโตะคุงกันนะ ...นี่ขนาดเราสองคนไปห้องพักครูไม่นานเท่าไหร่ยังเกิดเรื่องขนาดนี้เลยเนี่ย....น่ากลัวจริงๆ   สึนะ พูดไปก็ขนลุกขนพองไป ใบหน้าเล็กหวาดหวั่นอย่างปิดไม่มิด



ยามาโมโตะคุง...ไม่ต้องเป็นกังวลไปหรอกครับ พวกเราจะช่วยกันดูแลอีกทาง   เหมือนทั้งสองคนจะรู้ ถึงความกังวลของเขา มือของมุคุโร่ตบลงที่ไหล่เขาอย่างให้กำลังใจ



อื้ม...ถึงแม้ว่าฉันจะกลัวคุณฮิบาริ แต่ถ้ามีอะไรฉันจะวิ่งไปบอกนาย เพราะฉะนั้น...ไม่ต้องเป็นห่วงนะ ยามาโมโตะคุง   ดวงตาสีน้ำตาลสดใสมองเขาด้วยแววตาจริงใจ รอยยิ้มที่ส่งมาให้ราวกับฟากฟ้ากว้างใหญ่ นั่นทำให้เขาสบายใจขึ้นมาบ้าง



นั่นมันคำปลอบใจหรือครับ สึนะโยชิคุง  


ช่างฉันเถอะน่า เรื่องทั้งหมดมันเกิดเพราะนายไม่ปลุกฉันนี่แหละ ไม่งั้นฉันคงไม่ต้องโดนเรียกไปห้องพักครู ฮายาโตะคุงก็คงไม่เป็นแบบนี้หรอก


คุณแน่ใจหรือครับ ว่าถ้าคุณไม่หลับ  รูปที่คุณวาดจะไม่พาคุณไปห้องพักครูน่ะ  คึหึหึ


อย่างน้อยฉันก็มั่นใจละว่ามันต้องดีกว่าสับปะรดเน่าๆของนาย


แล้วคุณแน่ใจหรือครับ ว่าถ้าคุณอยู่เป็นเพื่อนฮายาโตะคุง แล้วคุณจะทำอะไรฮิบาริคุงเค้าได้น่ะ คึหึหึ


หุบปากไปเลยนะ



สองคนนั่นก็ยังคงเถียงกันไปเรื่อยๆ จนกระทั่งแสงสีส้มที่สาดเข้ามาในห้องเริ่มมืดสลัวลง  เขาตัดสินใจอุ้มร่างเบาหวิวของพี่ชายขึ้นแนบอก ก่อนที่จะบอกลาเพื่อนสนิททั้งสองของพี่ชายที่อุตส่าห์นั่งทะเลาะกันอยู่เป็นเพื่อนเขา เปลือกตาบางยังคงหลับพริ้ม ลมหายใจสม่ำเสมอ บ่งบอกให้รู้ว่าพี่ชายของเขาหลับลึกเพียงใด น้ำหนักเพียงแค่นั้นไม่ได้เป็นปัญหากับเขาเลยสักนิด ...หลับให้สบายเถอะ ฮายาโตะ...ในอ้อมแขนนี้...นายจะปลอดภัย...อย่างแน่นอน....


.
.
.
.
.
.
.


แถม...(มันยังไม่ยาวพอ)


โอ๊ย!...เจ็บ

ชั้นยังไม่ได้ถูกตัวแกเลยนะโว้ย!!!ไอ้บ้าแซนซัส

มือน่ะ เบาๆหน่อยสิ

ก็บอกว่ายัง  ไงล่ะโว้ย...ราดมันซะเลยดีไหม๊ ไอ้แอลกอฮอลเนี่ย หนังหนาอย่างแกคงจะไม่รู้สึกอะไรหรอก

แต่ว่านะ...ชั้นติดใจอะไรอยู่อย่างนึง

อะไรอีกวะ

ทอนฟาของไอ้สวะโรคจิตนั่นมันทำมาจากอะไร  ถึงได้ผ่าไม้เบสบอลเหล็กกล้าอย่างดีของชั้นได้



....ชั้นว่า...แกก็โรคจิตพอๆกะมันนั่นละ  ไม้เบสบอลมันจำเป็นจะต้องทำมาจากเหล็กกล้าชั้นดีด้วยเหรอฟะ......ความในใจของหลามน้อยที่มิได้เอ่ยปากออกไป...(-_-“)








ซึ ซึ คู๊......




นี่เรื่องมันเริ่มจะดาร์กขึ้นรึเปล่าเนี่ย...-_-“...

ที่สำคัญคือ....อย่าเพิ่งเกลียดคุณฮิกันนะค้า...T T…คุณฮิท่านแค่ยังสับสน...แต่พฤติกรรมของพี่ท่านมีเหตุผล(?)แน่นอนค่า...^ ^…


2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่เกลียดฮิหรอกค่าาา แต่อยากตื้บบ 55555555
    อยากตื้บฮิเพราะสงสารก๊ก คนจะตายแล้วเฮ่ย จะขย้ำอยู่นั่น
    ขอให้หายใจสะดวกก่อนแล้วค่อยขย้ำไม่ได้รึง๊ายยย
    เพื่อนในห้องคงตกใจยามะมาก อยู่ดีๆผีเข้าขึ้นมาเลย
    รักป๋าแซนจริงๆ มาช่วยทัน หลามน้อยทำแผลเบาๆนะ สงสารป๋า ฮ่าๆ

    ตอบลบ
  2. หมั่นไส้ท่านฮิตงิดๆแฮะเรา
    แต่ดาร์กเนียนver.ดาร์กโหดน่ากลัวเหมือนกันนะนี่

    ตอบลบ