KHR Au.Fic [8059] IF ; I LOVE [02]
: KHR Fanfiction Au
: 8059 186927 XS
: Romantic
: NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: ยามะใสกิ๊ง ส่วนหนูฮายาโตะนิสัยจะไม่ตรงกับคาร์แรคเตอร์หลักนะตัวเอง...^ ^...ก็เค้าอยากเห็นหนูฮายาโตะเวอร์ชั่นน่ารักๆเอ๋อๆมั่งอ่ะ
.
.
.
.
.
.
เสียงเปียโนแว่วหวานออกมาจากห้องดนตรีที่ชั้นสองของอาคารเรียน ท่วงทำนองอ่อนโยนพาให้เขานึกถึงใบหน้าของคนที่กำลังบรรจงนิ้วลงบนแกรนด์เปียโนนั่น นายคงกำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่สินะ...ฮายาโตะ....ถึงแม้ว่าพี่ชายของเขาจะไม่ได้อยู่ชมรมไหน แต่ด้วยความที่เพื่อนสนิททั้งสองคนของพี่ชายอยู่ชมรมดนตรี ร่างบางผมสีเงินนั่นจึงมักโดนลากไปที่ชมรมด้วยเป็นประจำ...และมันก็ทำให้เขาที่ซ้อมเบสบอลอยู่ในสนามข้างๆอาคารเรียน ได้ยินเสียงเปียโนของพี่ชายเสมอๆ จนบางครั้งก็ยังสงสัยว่า ใครกันแน่ที่อยู่ชมรมดนตรี ในเมื่อท่านพี่เพื่อนสนิททั้งสองแทบจะไม่เคยเล่นเปียโนนั่นให้ได้เสียประสาทหูเลยสักครั้ง.....เขารู้ได้ยังไงน่ะหรอ....ก็ในเมื่อจากมุมที่เขายืนอยู่นี่สามารถมองเห็นร่างสามร่างที่อยู่ในห้องดนตรีนั่นได้อย่างชัดเจน.....ร่างบางของพี่ชายนั่งอยู่บนแกรนด์เปียโนสีดำ....เพื่อนตัวเล็กผมสีน้ำตาลของพี่ชายกำลังนั่งทำหน้าผะอืดผะอมกับกองสับปะรดที่เพื่อนตาสองสีอีกคนของพี่ชายกำลังตั้งใจปอกด้วยหน้าตาเป็นสุข....ตกลงว่าสองคนนั่นเข้าชมรมดนตรีไปเพื่ออะไรกันแน่....
ฟิ้ว.....เหมือนมีอะไรบางอย่างลอยผ่านหน้าเขาไป....ถ้ามันเป็นลูกบอลสีขาวเขาจะไม่แปลกใจเลย แต่นี่มันใหญ่และยาวกว่านั้น....
“ จะยืนเหม่ออีกนานไหมวะ ไอ้สวะ “ เมื่อหันไปตามเสียงเรียกก็ต้องเจอกับใบหน้าสุดโหดของกัปตันของเขา จึงได้แต่ส่งเสียงหัวเราะ แฮะ แฮะ ตอบกลับไป
“ แล้วก็เอาไม้เบสบอลนั่นไปซ่อมด้วย “ อ้อ...ไอ้วัตถุต้องสงสัยที่ลอยผ่านหน้าเขาไปก็คือ ไม้เบสบอลผู้เคราะห์ร้ายนั่นเอง เมื่อหันไปมองสภาพของมันแล้วก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ สภาพเละอนาถขนาดนั้นคงซ่อมไม่ไหวแล้วละ ท่านกัปตันใช้ไม้นี่หวดลูกเบสบอลอย่างเดียวแน่หรือเปล่าเนี่ย....
“ งั้นเดี๋ยวผมมานะ “ หันไปหยิบซากไม้เบสบอลนั่น แล้วตะโกนบอก ชายหน้าโหดที่ยืนหวดสมาชิกชมรม เอ้ย...ลูกเบสบอลอยู่กลางสนาม ก่อนที่จะวิ่งเข้าไปที่ห้องชมรม....เสียงเปียโนหยุดไปได้สักพักแล้ว....สงสัยว่าพี่ชายของเขาคงกำลังจะกลับไปที่ร้านแล้วละ
หลังจากที่หยิบไม้เบสบอลอันใหม่ได้แล้วก็ตั้งใจจะออกไปที่สนาม แต่เสียงโครมครามที่บันไดทำให้เขาหยุดชะงักลง....ยังมีใครอยู่ที่โรงเรียนจนเย็นขนาดนี้อีกนะ....ด้วยความสงสัย เขาจึงเดินไปดู ได้ยินเสียงขอโทษอะไรสักอย่างลอยมาแว่วๆ ตามมาด้วยเสียงโครมครามอีกชุดนึง ....อ้าว...นั่นมันพวกกรรมการรักษาระเบียบนี่นา...งั้นเสียงเมื่อกี้ก็คงเป็น ใครสักคนโดนเจ้ากรรมการรักษาระเบียบโรคจิตนั่นเล่นงานเข้าละสิ....คิดได้ดังนั้นก็ตั้งใจจะหันหลังกลับ.....ไม่อยากยุ่งกับพวกนี้นักหรอก....แต่แล้วสียงตะโกนห้ามของใครบางคนก็ทำให้เขาหยุดชะงักลงอีกครั้ง...เสียงมันช่างคุ้นเคยเสียจริงๆ เหมือน....เหมือนกับเสียงพี่ชายของเขา...คิดได้ดังนั้นก็คว้าไม้เบสบอลวิ่งไปยังบันไดโดยไม่ลังเล
“ ฮายาโตะ!!! “ ด้วยสัญชาติญาณ และปฏิกิริยาที่มีต่อร่างบางของพี่ชายทำให้เขาพุ่งตัวออกไปโดยไม่ต้องคิดอะไรเลยแม้แต่น้อย มีเสียงของหนักๆหล่นจากที่สูงผ่านเข้ามาในสมอง ....จนรู้ตัวอีกทีเขาก็ลงมากองอยู่ขั้นล่างสุดของบันไดพร้อมด้วยความรู้สึกเจ็บแปลบที่แขนซ้ายและแผ่นหลัง แต่นั่นมันไม่สำคัญเท่ากับร่างบางที่อยู่ในอ้อมแขนของเขา...
“ อูย....ปะ..เป็นอะไรหรือเปล่า...ฮายาโตะ...” ร่างบางของพี่ชายสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของเขา ดวงตาสีเขียวมรกตสั่นไหวและคลอไปด้วยหยาดน้ำตา มือบางยกขึ้นลูบแก้มเขาอย่างสั่นเทา พร้อมกับสายหน้าเบา ทำให้เขาโล่งใจ....ถ้าเขาวิ่งมาไม่ทัน...ถ้าเขาไม่ตัดสินใจหันกลับมาดู....ไม่อยากจะคิดว่าป่านนี้ร่างบางตรงหน้าจะเป็นอย่างไร
“ ฮายาโตะคุง เป็นอะไรหรือเปล่า! ขอโทษนะ...ขอโทษ เพราะฉันซุ่มซ่ามเอง...ขอโทษนะ “ เพื่อนร่างเล็กผมสีน้ำตาลของพี่ชายวิ่งลงบันไดมาหาพวกเรา พร้อมกับเพื่อนตาสองสีอีกคนที่วิ่งตามลงมาด้วยใบหน้าตกใจไม่แพ้กัน
“ ฉะ...ฉันไม่เป็นอะไร...แต่ทาเคชิ...ทาเคชิ แก...แกเจ็บตรงไหน...” พี่ชายของเขาค่อยๆลุกจากตัวเขา น้ำเสียงยังสั่นกลัว เขาเพียงแค่สายหน้าน้อยๆ เจ็บแค่นี้มันยังน้อยกว่าใจที่เจ็บเพราะไม่สามารปกป้องนายได้เลย...ฮายาโตะ
“ ฮึ ฮึ...มีสัตว์กินพืชโผล่ออกมาอีกตัวแล้วสินะ ฉันจะขย้ำพวกแกให้หมด โทษฐานทำให้เสื้อฉันเปื้อน “ ฮิบาริ เคียวยะ หัวหน้ากรรมการรักษาระเบียบ เดินลงมาจากบันไดช้าๆ แล้วหยุดยืนมองพวกเขาที่ชานพักบันไดด้วยสายตาเย็นชาที่ไม่สามารถเดาความหมายได้ บนเสื้อเชิ้ตสีขาวของหมอนั่นมีคราบและชิ้นส่วนสับปะรดเละๆติดอยู่เต็มไปหมด ...หมอนี่เองสินะที่ทำให้พี่ชายของเขาต้องเกือบตายเพราะตกบันได ....ไม่รู้เหมือนกันว่า ใบหน้าและสายตาของเขาที่ส่งไปยังชายผมสีนิลนั่นเป็นเช่นไร รับรู้เพียงแต่ว่า สีหน้าที่ส่งกลับมาจากชายที่ยืนค้ำหัวเขาอยู่นั้นกระตุกไปวูบหนึ่ง
“ หืมม์.....แกไม่ใช่สัตว์กินพืชนี่....ยามาโมโตะ ทาเคชิ “ ไม่รู้เหมือนกันว่าอีกฝ่ายรู้จักชื่อเขาได้อย่างไร แต่มาคิดอีกที หมอนั่นเป็นกรรมการรักษาระเบียบนี่นา จะรู้จักนักเรียนในโรงเรียนก็ไม่น่าจะแปลก ขายาวๆนั่นกำลังก้าวลงบันไดมาช้าๆ ทอนฟาในมือของหมอนั่นตวัดไปมา เสียงของมันทำให้เขาเผลอกระชับตัวร่างบางของพี่ชายเข้ามาในอ้อมแขนแน่นขึ้น มืออีกข้างก็กำไม้เบสบอลที่คุ้นเคย เขาส่งสายตาจ้องตอบฮิบาริ เคียวยะ อย่างไม่กลัวเกรง ...ใครก็ตามที่คิดจะทำร้ายร่างบางในอ้อมแขนนี่...เขาจะไม่ปล่อยให้มันได้ใช้ชีวิตอยู่แน่...มือข้างที่กำไม้เบสบอลมีเหงื่อไหลซึมนิดๆ แต่มันไม่เคยสั่นไหว ไม่เคยกลัวเกรงต่อสิ่งใด ในเมื่อเขาตัดสินใจแล้ว.....ชีวิตเขา...เป็นของร่างบางในอ้อมแขนแต่เพียงผู้เดียว
“ หยุดเถอะครับ คุณฮิบาริ ...ผมขอโทษแทนเพื่อนผมด้วย แล้วเสื้อนั่น ผมจะเอาไปซักให้...พอใจหรือยังครับ “ เหมือนแรงกดดันมหาศาลเมื่อครู่จางหายไปในชั่วพริบตา เมื่อโรคุโด มุคุโร่ เพื่อนสนิทของพี่ชายก้าวออกไปยืนขวางระหว่างเขาและเจ้าของทอนฟานั่น
“ ชะ...ใช่ครับ....ผมขอโทษจริงๆครับ...คะ...คุณฮิบาริ ที่ผมเดินไม่ระวังจนไปชนคุณเข้า...ขอโทษครับ “ ซาวาดะ สึนะโยชิ เพื่อนของพี่ชายอีกคนก็กระโดดมายืนข้างๆมุคุโร่ แล้วก้มหัวให้กับเจ้ากรรมการรักษาระเบียบโรคจิตนั่น จะมีก็แต่พี่ชายที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาที่จ้องตาเจ้าของทอนฟาอย่างไม่ยอมแพ้
“ ฮึ ...ก็ได้ ...ฉันก็ไม่อยากให้เสื้อเปื้อนทั้งสับปะรดและเลือดพร้อมๆกันหรอก สีมันคงไม่น่าดูซักเท่าไหร่ “ ฮิบาริ เคียวยะ พูดพร้อมกับแสยะยิ้ม และหยุดลงตรงหน้าเขากับพี่ชาย
“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ .... ของที่ฉันอยากได้....ฉันจะทำทุกอย่างให้ได้มันมา...ฮึ “ หมอนั่นพูดราวกับกระซิบให้เขาและคนในอ้อมแขนได้ยินเพียงแค่นั้น คำพูดและเสียงหัวเราะเย้ยหยันนั่นติดตรึงในหัวเขาตลอดมา....สายตาที่หมอนั่นมองร่างในอ้อมแขนของเขา...ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด......
.
.
.
.
.
.
“ ฟู่ว....หัวใจจะวายตาย...คุณฮิบาริน่ากลัวชะมัด “ หลังจากที่กรรมการรักษาระเบียบหายไปกันหมดแล้ว ร่างเล็กๆของเพื่อนพี่ชายก็ทรุดลงกับพื้นอย่างโล่งอก ถอนหายใจเฮือกพร้อมกับมือเล็กๆที่เช็ดเหงื่อที่ไหลลงมาตามใบหน้า
“ ก็เพราะสึนะโยชิคุงนั่นแหละครับ ไม่รู้จักมองทางให้ดีๆ “ เพื่อนของพี่ชายอีกคนที่รักสับปะรดเป็นชีวิตจิตใจว่าพรางเดินมาดูอาการเขากับพี่ชายที่ยังนั่งอยู่ที่ปลายบันได
“ ยังดีนะครับเนี่ยที่ยามาโมโตะคนน้องมารับเอาไว้ได้ทัน เอ้า..ลุกไหวหรือเปล่าครับฮายาโตะคุง “ มือบางของร่างโปร่งบางตรงหน้ายื่นมาให้พี่ชายของเขา ก่อนที่พี่ชายจะจับและค่อยๆลุกขึ้นจากตัวเขา
“ ก็นายนั่นแหละมุคุโร่ ที่บังคับให้ฉันถือสับปะรดกองเท่าภูเขานั่นน่ะ แล้วมันจะไปเห็นได้ไงเล่าว่าจะมีใครเดินสวนมาน่ะ “ อีกคนก็ยังบ่นไม่หยุดปาก ทำให้บรรยากาศเริ่มผ่อนคลายลงได้บ้าง
“ ฉันว่านะ เจ้านั่นมันคงจะหาเรื่องเดินเข้ามาชนเองมากกว่า จะได้มีข้ออ้างเล่นงานเรา “ เสียงพี่ชายของเขาตอบกลับไป ก่อนที่จะหันกลับมามองเขาอย่างพินิจพิจารณา มือบางนั่นก็จับตัวเขาไปทั่ว
“ ไปให้หมอดูหน่อยเหอะนะ แรงกระแทกเมื่อกี้ไม่ใช่น้อยๆเลย บวกกับน้ำหนักของฉันอีก “ ใบหน้าสวยของพี่ชายหมองลง คงจะรู้สึกผิดที่ทำให้เขาเจ็บตัว มันทำให้เขาต้องพยักหน้าตอบกลับไปเพื่อให้อีกฝ่ายเลิกกังวล
“ อืม...น้องชายเขาก็มาดูแลแล้ว..งั้นเราก็กลับบ้านกันมั่งเหอะมุคุโร่ “ เพื่อนตัวเล็กเริ่มกลับมามีสีหน้าสดใสดังเช่นปกติ ก่อนจะลากอีกคนที่ส่ายหน้าน้อยๆกับความไม่รู้ร้อนรู้หนาวของอีกฝ่ายออกไปจากตัวอาคาร
“ แล้วสับปะรดของผมล่ะ “
“ นายก็ไปเก็บเอาใหม่สิ หลังบ้านนายออกจะเยอะแยะ “
“ คุณนี่...หาเรื่องให้โคลมที่น่ารักของผมต้องลำบากอีกแล้วนะครับ “
“ นายเองไม่ใช่หรอที่ทำให้โคลมลำบากน่ะ อยากได้ก็ไปเก็บเองสิฟะ”
เสียงบ่นจากสองคนนั่นเบาลงเรื่อยๆ ตามระยะห่างที่ทั้งคู่เดินไกลออกไป ....ตอนนี้อาคารเรียนที่กว้างใหญ่ เหลือเขากับพี่ชายเพียงสองคน
“ เราก็กลับกันมั่งเหอะ แกลุกไหวหรือเปล่า “ รอยยิ้มสดใสส่งมาให้เขา ก่อนที่ร่างบางของพี่ชายจะเข้ามาช่วยพยุงเขาไว้ ค่อยๆเดินออกจากอาคารเรียนไปอย่างช้าๆ
“ เอ...จักรยานหายไปไหนนะ “ หลังจากมองซ้ายมองขวาหาจักยานคู่ชีพ แต่ก็ต้องพบกับความว่างเปล่า สงสัยว่าวันหลังเขาคงต้องหากุญแจมาล็อคจักยานของเขาซะแล้วสิ
“ เดินกลับก็ได้ โรงพยาบาลก็อยู่ใกล้ๆนี่เอง “ พี่ชายของเขาเอากระเป๋านักเรียนของเขาไปสะพายไว้พร้อมกับส่งมือบางนั่นมาให้ ความอบอุ่นส่งจากฝ่ามือนั่นมายังเขา มันทำให้ความเจ็บปวดที่ร่างกายหายไปเกือบหมด...อย่างน้อยๆเขาก็รู้ว่า...คนตรงหน้ายังคงปลอดภัย ยังคงมอบความอบอุ่นนี้ให้กับเขาอยู่ ....ถ้านายรู้ว่าฉันคิดไม่ซื่อกับนาย นายจะยังคงส่งมือที่อบอุ่นนี้มาให้ฉันหรือเปล่านะ...ฮายาโตะ
.
.
.
.
.
แถมอีกละ....^ ^....
“ มืดแล้วนะโว้ย!!! จะกลับได้รึยัง “
“ ชั้นรอเจ้ายามาโมโตะเอาไม้เบสบอลไปซ่อมอยู่ “
“ ก็แล้วทำไมฉันจะต้องอยู่รอกับแกด้วยวะ “
“ เอ๊ะ...นั่นมัน “
“ อะไรอีกล่ะโว้ย!!! แกคิดว่าชั้นว่างมากใช่ไหม ถึงได้ให้มานั่งแหกปากอยู่แบบนี้เนี่ย “
“ จักรยานเมื่อวานนี่หว่า “
“ ถ้าแกกำลังคิดอะไรอยู่ละก็ หยุดคิดไปเลยนะโว้ย!!!”
“ แกอยากกลับบ้านรึยังล่ะ “
“ ก็เออสิวะ “
“ เอ้า...งั้นมานั่งตรงนี้...จับแน่ๆล่ะ ....เอาละ...ไปละนะ “
.
.
.
.
.
.
“ หยุด...หยู๊ด....หยุดเดี๋ยวนี้ไอ้คุณแซนซัส!!!”
“ อะไรอีกล่ะ ไอ้สวะนี่ “
“ ลงมา เดี๋ยวฉันปั่นเอง...ขืนให้แกปั่นต่อมีหวังชั้นได้ไปเฝ้ายมบาลก่อนที่จะได้เหรียญทองว่ายน้ำโอลิมปิกแน่ แกจะรีบไปตามชินคันเซ็นที่ไหนวะ ...แล้วนี่...ปั่นดูทางมั่งหรือเปล่าวะเนี่ย อยู่ส่วนไหนของโลกแล้วก็ไม่รู้ “
“ บ่นเก่งสมกับที่จะเป็นแม่คนจริงๆ ...ปั่นเองตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง “
“ ย๊ากกกกก...อยากฆ่าคนโว้ยยยย!!!”
ซึ ซึ คู๊......
มีหลายคนถามมา...เกี่ยวกับความรู้สึกของหนูฮายะ...นั่นสิคะ...ลูกสาวมี๊คิดยังไงนะ (อยากโดนตื้บเร๊อะแก...แต่งเองแล้วยังมีหน้าไปถามคนอื่น...) ก็แบบว่า...ภาคนี้มันเป็น Yamamoto Side Story อ่ะค่ะ....เพราะฉะนั้น...ฉากบางฉากอาจจะดูขาดๆเกินๆไปบ้าง เพราะมันจะเป็นมุมมองที่ ยามะ มองเห็นเท่านั้น...ความรู้สึกที่อยู่ในเรื่องจึงเป็นความรู้สึกของยามะฝ่ายเดียวน่ะค่ะ......ส่วน Hayato Side มีคนน่ารักใจดีมาช่วยแต่งให้...ขอบคุณคุวาริคุงอีกครั้งนะคะ >.<
รออ่านฉากของฮายาโตะ แฮะๆ อยากรู้เหมือนกันแฮะว่าคิดยังไง
ตอบลบฮิบาิริออกโรงก็จะขย้ำฮายาโตะแล้วเหรอ โอ้วเช็ดดด
โหดร้ายมาก ยามะตกบันไดเลยอ๊า T-T
มุคุรั่วเกิ๊นนนนน ท่าทางจะชอบสับปะรดมากนะนั่น 55555
ขำคู่ XS อีกแล้วค่าาาา ป๋าแซนแนะนำว่าอย่าปั่นเลย
ห่วงสวัสดิภาพน้องหลาม
การี๊ดดดดดดด
ตอบลบปั่นเข้าโฮเทลลลเลยป๋าแซน