KHR Au S.fic [8059] Reino de Espana : 03 END

 : KHR Fanfiction Au
: 8059
: Romance
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





แสงอาทิตย์ยามเช้าสาดส่องไปทั่วทุ่งดอกไม้ที่เดิม ร่างสูงใหญ่ของชายชนเผ่าวางเจ้าชายร่างบางลงท่ามกลางช่อดอกไม้หลากสี



ก่อนที่จะก้าวขาคร่อมร่างข้างใต้เอาไว้ นัยน์ตาสีเปลือกไม้จ้องมองลึกเข้าไปในดวงตาสีมรกตนิ่งนานคล้ายจะถามใจตัวเองเป็นครั้งสุดท้าย



แม้ว่าใบหน้าจะโน้มเข้าไปใกล้แต่ร่างข้างใต้ก็มิได้หลบเลี่ยง นัยน์ตาสีมรกตยังมองนิ่งตรงมาอย่างแน่วแน่บ่งบอกว่ายอมทิ้งซึ่งทุกสิ่ง นั่นยิ่งทำให้เขาไม่อาจหยุดความต้องการที่มีต่อร่างบอบบางตรงหน้านี้ได้อีกแล้ว









โทษของข้าในครั้งนี้แม้ต้องตายด้วยคมดาบของพระมหากษัตริย์แห่งสเปนกี่ร้อยครั้งก็มิอาจลบล้างความผิดได้

สองมือนี้กำลังจะทำลายเกียรติยศของท่านที่ข้าเฝ้าปกป้องมาด้วยสองมือของข้าเอง

ยอมปล่อยให้หัวใจอยู่เหนือหน้าที่....

ความผิดนี้ข้าจะขอรับเอาไว้แต่เพียงผู้เดียว






ริมฝีปากค่อยๆแนบลงไปที่ริมฝีปากสีระเรื่อ ความอ่อนนุ่มเกินกว่าที่เคยจินตนาการไว้ทำให้ทุกความยับยั้งชั่งใจราวกับจะถูกดึงดูดด้วยความนุ่มนั้นจนพลันหายไปไม่มีเหลือ ลิ้นร้อนค่อยๆสอดแทรกเข้าไปอย่างอ่อนโยนและค่อยเป็นค่อยไปอย่างถึงที่สุด มือปลดเปลื้องชิ้นผ้าอย่างเชื่องช้าและแผ่วเบาราวกับกลัวว่าคมผ้าจะบาดผิวขาวผุดผาดให้ขึ้นรอยแดง...



ริมฝีปากหนาพรมจูบไปทั่วร่างกายบอบบาง ผ้าขนสัตว์ที่เคยสวมใส่ถูกปลดไปเป็นผ้ารองแผ่นหลังนิ่มไม่ให้โดนใบหญ้าบาดเอาได้



ทุกการกระทำเต็มไปด้วยความทะนุถนอม ราวกับว่าสิ่งที่กำลังจะได้มานั้นเป็นของสูงค่าหาใดเปรียบ ทุกร่องรอยที่ริมฝีปากลากผ่านนั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทั้งรัก...ทั้งเทิดทูน     





.....เพราะท่านคือคนที่ข้าเฝ้าจงรักและภักดี....เพราะท่านคือคนที่ข้าเชิดชูไว้ให้อยู่เหนือสิ่งใด.....





เสียงครางครือเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อ นัยน์ตาสีมรกตที่หรี่ปรือ ใบหน้าสวยแดงระเรื่อล้อมกรอบด้วยเส้นไหมสีเงินทอประกายซึ่งแผ่สลายไปเต็มผืนหญ้า ดอกไม้ป่าหลากสีชูช่อราวกับกำลังยินดี ขับส่งให้ร่างบอบบางที่ใต้ร่างเขานั้นดูงดงามเฉกเช่นเทพผู้บริสุทธิ์



และความผุดผ่องนั้นกำลังจะถูกทำให้แปดเปื้อนด้วยมือของเขา



เหล่านักรบผู้อาจเอื้อม....



มือหนาลูบขาเรียวแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆแยกมันออกจากกัน ริมฝีปากกดจูบที่ซอกคอหอมกรุ่นสร้างร่องรอยแห่งบาปเอาไว้ เม็ดเหงื่อเกราะพราวที่หน้าผากเนียนใสเมื่อมือใหญ่ลากไล้ไปสัมผัสส่วนไวต่อทุกความรู้สึกอย่างนุ่มนวล ลำตัวบางแอ่นรับพร้อมกับนัยน์ตาสีมรกตที่ปิดลง



ริมฝีปากลากจากลำคอระหงไปตามแผ่นอกบางจนถึงกลางลำตัว หน้าท้องแบนเรียบกระตุกเฮือกเมื่อแกนกายถูกครอบครองด้วยริมฝีปากหนา



เสียงครางใสดังขึ้นรับกับเสียงหมู่ปักษาออกหากิน ความรู้สึกซึ่งไม่เคยรู้จักกำลังทำให้เจ้าชายร่างบางบิดเร่า สองมือเล็กสอดเข้าไปในกลุ่มผมสีดำสนิท ความชื้นแฉะกำลังดูดกลืนสติและตัวตนไปเรื่อยๆ ความสุขสมที่ได้รับทำให้คล้อยตามจนละเลยนิ้วเรียวยาวที่ค่อยๆสอดแทรกเข้าไปยังช่องทางคับแคบด้านหลัง



จนกระทั่งใกล้จะถึงขีดสุดของอารมณ์ ริมฝีปากนั้นกลับผ่อนแรง ร่างบอบบางหอบจนตัวโยน นัยน์ตาสีมรกตปรือปรอยมองไปที่คนด้านบนอย่างไม่เข้าใจ จนเมื่อเรียวนิ้วที่มากกว่าหนึ่งซึ่งคาอยู่ในร่างกายเริ่มขยับ คิ้วเรียวจึงขมวดเข้าหากันทันที



ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่น ไม่ว่าอย่างไรก็ไม่ยอมเอ่ยปากว่าเจ็บ



น้ำตาปริ่มออกมาที่หางตา ให้ใบหน้าของผู้ครอบครองเลื่อนเข้าไปใกล้ก่อนที่จะซับน้ำตานั้นด้วยเรียวลิ้นร้อนผ่าว และเริ่มปลุกเร้าเจ้าชายร่างบางอีกครั้ง



ทั้งข้างหน้าและข้างหลังต่างขยับพร้อมกัน จากเชื่องช้าและอ่อนโยนค่อยๆเร่งเร้าขึ้นตามอารมณ์ที่พุ่งขึ้นสูง



....ความงดงามในยามนี้ของท่าน...ข้าจะปกป้องมันไว้ ไม่ยอมให้ใครได้สัมผัสอย่างเด็ดขาด....



เรียวนิ้วถูกถอนออกก่อนที่จะสอดแทรกกลับไปด้วยร่างกายที่ใหญ่โตกว่าให้ร่างบางผวา สองแขนบางกอดกระชับลำตัวของคนด้านบนซึ่งต้องใช้ความอดทนอย่างสูงสุดที่จะไม่ทำให้คนในอ้อมแขนต้องบอบช้ำด้วยมือของตน ริมฝีปากยังคงพรมจูบไปทั่วร่างบางอย่างอ่อนโยน จังหวะการขยับกลับไปเริ่มใหม่จากเชื่องช้าให้เคยชิน



ตราบจนดวงตะวันสาดส่องไปทั่วท้องทุ่ง เสียงสอดประสานและร่างกายที่สอดรับซึ่งกันและกันก็พลันหยุดลงด้วยความรู้สึกที่ต่างไหลทะลักไปยังร่างของอีกฝ่าย ความอิ่มเอมเอ่อไหลไปกับความสุขสม ริมฝีปากยังคงพรมจูบไปทั่วร่างบอบบางที่ยังอยู่ในอ้อมแขน



ร่างแข็งแกร่งยังคงฝังอยู่ในร่างที่อ่อนนุ่ม....ร่างสองร่างกอดก่ายกันและกันอยู่ท่ามกลางดอกไม้หลากสีซึ่งส่งกลิ่นหอมอ่อนหวาน.....



“ ข้ารักท่าน...”      แสงแดดยามเช้ากระทบใบหน้าคมยิ่งทำให้นัยน์ตาสีเปลือกไม้ดูมั่นคงยิ่งกว่าครั้งไหน



“ ข้ารักท่านมากกว่าที่ท่านรู้......เพราะฉะนั้น.......”     มือใหญ่ประคองใบหน้าสวยซึ่งกำลังจะหมดสติ รอยยิ้มงดงามถูกส่งมาให้ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะปิดลง



“ ได้โปรด....รัก....ตัวของท่านเองด้วยเถิด เจ้าชายน้อยของข้า....”     ก้มลงไปกระซิบแผ่วเบากับถ้อยคำที่อีกฝ่ายไม่อาจได้ยินแล้วกอดกระชับร่างที่เฝ้าฟูมฟักมานับสิบปี




......ข้ารักท่าน.....

......รักเกินกว่าที่ใครจะรู้.....

......รักจนยอมให้มันอยู่เหนือทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่....ชีวิตของข้าเอง....














เจ้าชายร่างบางนอนหลับสนิทอยู่บนร่างสูงใหญ่ซึ่งกลายเป็นที่นอนส่วนตัวของเจ้าชายแห่งจักรวรรดิสเปนไปแล้วด้วยท่าทางที่ผ่อนคลาย สายลมเย็นๆพัดผ่านไปให้รู้สึกสบาย ใบหน้ายามหลับนั้นดูมีความสุขและไร้สิ่งใดต้องกังวล ต่างจากเมื่อวันวานยิ่งนัก...



“ อืม......”     ใบหน้าสวยขยับเล็กน้อยก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตจะเปิดขึ้น เจ้าชายร่างบางค่อยๆชันตัวขึ้นจากร่างของชายชนเผ่าซึ่งใช้สองแขนหนุนหัวตัวเอง ใบหน้าคมส่งยิ้มให้เช่นปกติ



“ ยามไหนแล้วน่ะ....ทำไมเจ้าไม่ปลุกเรา...ต้องไปรดน้ำผักไม่ใช่หรือไงกัน....”    มือเล็กยกขึ้นขยี้ตาใบหน้าสะบัดไปมาเพื่อให้คลายความง่วงงุน



ถ้อยคำที่เอ่ยออกมาราวกับว่าตนนั้นไม่สนใจที่จะกลับไปเป็นเลือดขัตติยะอีก....เพราะตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา.....ก็ดูเหมือนกับว่าเจ้าชายร่างบางคนนี้จะพอใจกับการได้อยู่ที่หมู่บ้านชนเผ่าและเคียงข้างเขาเท่านั้น



มันอาจจะเป็นการดีกับท่าน...แต่ข้าไม่คิดว่าใครอีกคนจะคิดเช่นเดียวกัน.......



เสียงแตรหวูดดังกึกก้องไปทั่วน่านน้ำ....




ให้ร่างทั้งสองหันกลับไปที่อีกฟากของเนิน....แล้วนัยน์ตาทั้งสองคู่ก็ต้องเบิกกว้าง.....



เมื่อท้องทะเลกว้างใหญ่ซึ่งเคยเป็นสีครามกลับเต็มไปด้วยเรือรบจำนวนมหาศาล....ธงแห่งจักรวรรดิสเปนถูกชักขึ้นสู่ยอดเสากระโดงเรือ....



และที่ต่ำลงมาเล็กน้อยคือธงประจำพระองค์ของ....




“ ท่านพี่!!!    




ใช่.....เขามาจริงๆ....แค่รู้ข่าวว่าท่านถูกส่งตัวมาที่นี่ เขาก็คงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ....แล้วยิ่งถ้ารู้ว่าท่านเสียชีวิต.....ก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่เรือรบมากมายขนาดนั้นจะมาเทียบท่าอยู่ที่แผ่นดินใหม่แห่งนี้....



มันสมกับที่เป็นเขาแล้ว....



เจ้าชายที่สองแห่งจักรวรรดิสเปน!!!












ร่างบอบบางที่นั่งตะลึงกับภาพตรงหน้าลุกผลุนผลันขึ้นทันทีที่นึกอะไรออก



“ นั่นท่านกำลังจะไปไหนน่ะเจ้าชาย”       มือใหญ่ของชายชนเผ่าคว้าเอามือเล็กไว้ได้ก่อน



“ ข้าจะไปหาท่านพี่  ท่านพี่ต้องหลงเชื่อเฮอร์นันเดสกับเซอจิโอ้แน่ๆว่าเราตายไปแล้วด้วยฝีมือของชาวชนเผ่า.....แล้วทีนี้....ท่านพี่ก็คงได้รับคำสั่งให้มากวาดล้างพวกเจ้าแน่ๆ....ข้าต้องไปบอกให้ท่านพี่รู้ความจริงว่าพวกเจ้าต่างหากที่เป็นฝ่ายถูกใส่ร้าย”     นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นเต็มไปด้วยความจริงจัง



“ ถ้าเช่นนั้นข้าจะไปกับท่านด้วย”     มือที่จับอยู่เปลี่ยนเป็นสอดประสานแล้วกระชับแน่น ใบหน้าสวยแดงระเรื่อเมื่อเขาลุกขึ้นยืนเคียงข้าง



“ เจ้าไม่กลัวหรอ....ท่านพี่น่ะ....อาจจะไม่ปล่อยเจ้าไว้ก็ได้นะ”     นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมามองน้อยๆ



“ ข้ารักท่าน....ข้อนี้คือความสัตย์จริง....เขาต้องการให้ข้าพิสูจน์ยังไงข้าก็จะทำ”     ใบหน้าสวยพยักหน้าน้อยๆพร้อมก้มหน้างุดเพื่อเก็บซ่อนรอยยิ้ม ก่อนจะออกเดินนำไปจึงไม่ได้เห็นเหงื่อที่แอบผุดตามไรผมสีดำสนิท



.....เขาคงไม่เอาข้าไว้แน่ๆ....เพราะคนที่สั่งให้ข้าดูแลท่านด้วยชีวิต.....ก็คือเขาเอง.......














เป็นไปตามที่คาดเอาไว้....



กองทัพแห่งจักรวรรดิสเปนเคลื่อนทัพทันทีที่เข้าเทียบท่า เป้าหมายไม่ใช่ไปพักที่ปราสาทหลังใหม่แต่กลับเป็นเตรียมการกวาดล้างชนเผ่าพื้นเมืองทันทีที่มาถึง ความดุดันและโหดเหี้ยมช่างสมกับที่เป็นกองทัพภายใต้การควบคุมของเจ้าชายที่สองผู้ซึ่งบุกยึดดินแดนทั่วแคว้นให้ตกมาเป็นอาณานิคมของจักรวรรดิสเปนมานักต่อนัก



ทั้งทหารราบและทหารม้าต่างตั้งขบวนอยู่เต็มชายหาดซึ่งยาวเหยียด ธงจักรวรรดิโบกสะบัดไปมาท่ามกลางเสียงโห่ร้องอย่างฮึกเหิมของเหล่าทหารหาญซึ่งรอการนำทัพของผู้นำ



ม้าสีดำสนิทโผทะยานลงมาจากดาดฟ้าเรือลงเหยียบย่ำผืนน้ำให้แตกกระเซ็น ร่างสูงสง่าในชุดคลุมสีดำสนิทนั่งกุมบังเหียนด้วยใบหน้าคมหล่อเหลาแต่กลับเย็นชาไร้อารมณ์ นัยน์ตาสีดำคมกริบกวาดมองความเรียบร้อยของทหารก่อนที่จะบังคับม้าคู่ใจให้ออกวิ่งนำหน้า...ในที่สุด....กองทัพที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกก็กำลังพุ่งทะยานไล่ล่าศัตรูราวกับราชสีห์กระหายเลือด….



ถึงแม้ว่านี่จะเป็นการเหยียบลงมาบนผืนแผ่นดินนี้เป็นครั้งแรก ก็ไม่ได้เป็นปัญหาให้แก่เจ้าชายผู้มีเส้นผมสีดำสนิทคนนี้เลยแม้แต่น้อย เส้นทางและภูมิประเทศจากแผนที่ถูกบันทึกเอาไว้ในหัวจนหมดไม่เว้นแม้แต่แผนการรบซึ่งในครั้งนี้ไม่เพียงแต่จะต้องการแค่ชัยชนะ...



มือหนากำเชือกแน่น....



การรบในครั้งนี้ไม่ได้ต้องการชัยชนะ....แต่....สิ่งที่ต้องการคือชีวิตของพวกมันทั้งหมด!

เขาจะกวาดล้างพวกมันให้สิ้นซากไม่ให้เหลือแม้แต่เลือดสักหยด

ให้สาสม....กับที่พวกมันบังอาจมาแตะต้องกล่องดวงใจของเขา...





กองทัพสีดำเคลื่อนที่อย่างดุดันไปด้วยความบ้าคลั่ง เสียงโห่ร้องราวกับยินดีที่จะได้เห็นความตายดังกึกก้อง ม้ากลุ่มหนึ่งวิ่งมาจากทางปราสาท นายพลเซอร์จิโอ้และเฮอร์นันเดสควบม้าไปที่ด้านข้างของเจ้าชายที่สองแห่งจักรวรรดิสเปน



“ ขออภัยฝ่าบาท...ที่กระหม่อมมาต้อนรับไม่ทัน”     เฮอร์นันเดสโค้งให้ทั้งๆที่อยู่บนหลังม้า ใบหน้าคมของเจ้าชายเพียงแค่พยักหน้าเล็กน้อย ราวกับจะบ่งบอกว่าเรื่องที่สำคัญกว่าคือการจัดการกับพวกชนเผ่าพื้นเมือง



“ และกระหม่อมเสียใจเป็นอย่างยิ่งที่ไม่อาจดูแลและปกป้องเจ้าชายพระองค์เล็กได้ จนต้องมาพบกับชะตากรรมอันโหดร้ายเช่นนี้ กระหม่อมสมควรตาย...ฝ่าบาท...”     ใบหน้าเสแสร้งของเฮอร์นันเดสเรียกให้เจ้าชายในชุดดำหันกลับมาแสยะยิ้มให้



“ ใช่....โทษของเจ้าคือความตายแน่นอน....และเราจะกลับมาจัดการหลังจากการกวาดล้าง ถ้าจะหนีก็รีบไสหัวไปเสียตั้งแต่ตอนนี้....แต่ก็....”     คำพูดทั้งรอยยิ้มเย็นชาทำให้สีหน้าของสองขุนพลแห่งแผ่นดินใหม่ซีดลงถนัดตา เพราะรู้ว่าเจ้าชายพระองค์นี่ไม่เคยพูดล้อเล่นดูท่าว่าแผนการที่วางเอาไว้กำลังจะพังลงไม่เป็นท่า



“ เราไม่คิดที่จะปล่อยคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของเจ้าชายเล็กให้มีลมหายใจต่อไปแม้แต่วันเดียวอยู่แล้วละนะ”    ม้าสีดำยังคงพุ่งทะยานต่อไป มีเพียงม้าที่มาใหม่สองตัวที่ชะลอฝีเท้าลงราวกับว่าคนที่บังคับม้านั้นจู่ๆก็ชะงักงัน กองทัพยังคงเคลื่อนไปหาเหยื่ออย่างหิวกระหาย ชายป่าถูกบุกทะลวงด้วยทหารจำนวนมากและบ้าระห่ำทำให้ใครก็ตามที่คอยซุ่มยิงไม่สามารถจะทำอะไรได้และเป็นฝ่ายถูกฆ่าตายเสียเอง



....นี่คือพญามัจจุราชที่มาตามคำเชิญของพวกเขาสองคนเอง........



สองขุนพลทำได้เพียงนั่งนิ่งอยู่บนหลังม้า เหม่อมองกลุ่มก้อนสีดำกลืนกินทุกสิ่งทุกอย่างก่อนที่จะเปลี่ยนให้เป็นสีแดงฉาน....หรือจะเป็นพวกเขาที่คิดผิด....ที่คิดว่าเจ้าชายตัวน้อยนั้นไร้พิษภัยและไม่มีใครต้องการ....














ข้ามเนินลูกนี้ไปก็จะเป็นหมู่บ้านของชาวชนเผ่าที่บังอาจลอบทำร้ายเจ้าชายเล็ก รังสีอำมหิตยิ่งพวยพุ่งออกมาจากร่างสง่าบนหลังม้าสีดำ



เราจะแก้แค้นให้เจ้าเอง....จะเอาเลือดของพวกมันไปเคารพศพของเจ้า....น้องรักของเรา



แต่ก่อนที่ม้าจะวิ่งไปจนถึงยอดเนิน.....ร่างกายเล็กๆของใครบางคนก็วิ่งออกมาขวางเอาไว้....



แสงอาทิตย์สาดส่องมาจากด้านหลังทำให้มองไม่เห็นใบหน้า แต่ทว่าเงาร่างนั้นช่างคุ้นตา แขนขาเรียวเล็ก ร่างกายบอบบาง ผิวขาวราวกับจะกลืนกินไปกับแสงตะวันและยิ่งเส้นผมสีเงินเป็นประกายพลิ้วไหวไปกับสายลมแบบนั้น



“ ท่านพี่!!!



เสียงคุ้นหูที่ตะโกนเรียกตนทำเอานัยน์ตาคู่สีดำคมกริบเบิกกว้างกับภาพตรงหน้า....พยายามเพ่งมองว่าร่างบอบบางนั้นมีตัวตนจริงๆไม่ใช่วิญญาณที่มาให้เห็นเพราะความคิดถึง



ม้าที่วิ่งมาด้วยความรวดเร็วร้องดังก้องเมื่อถูกบังคับให้หยุดอย่างกะทันหัน  ขาหน้าของม้าอยู่ห่างจากร่างที่กระโดดมาขวางอยู่ไม่ถึงคืบ คนบนหลังม้ามองลงมาที่ใบหน้าเนียนใสด้วยความตกตะลึง....นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นยังคงแวววาวสดใส....ให้ร่างแข็งแกร่งกระโดดลงมาจากหลังม้าและตรงเข้าหาร่างเล็กบาง สองแขนดึงร่างของน้องชายเข้ามาในอ้อมแขนและกอดเอาไว้แน่น



“ ท่านพี่....”    เสียงนิ่มเรียกคนที่โอบกอดตนเอาไว้ ใบหน้าของพี่ชายซบนิ่งอยู่บนไหล่บอบบาง



“ ดีใจจริงๆที่เจ้าไม่เป็นอะไร...เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าทำให้ข้าเป็นห่วงมากแค่ไหน.....ทำไมเจ้าไม่ปฏิเสธท่านพ่อ...เจ้าสัญญากับข้าไม่ใช่หรือว่าจะรอข้าอยู่ที่พระราชวังสเปน....ข้าทิ้งสงครามแย่งชิงดินแดนที่มาเซโดเนียเพื่อจะมารับตัวเจ้ากลับ...แต่แล้วข่าวที่ได้รับคือเจ้าโดนลอบสังหาร....เจ้าทำให้ข้าคลุ้มคลั่งนะรู้ไหม”     ถ้อยคำมากมายถูกระบายออกมาจากปากของคนที่ถือได้ว่าพูดออกมาได้ยากมากที่สุด ใบหน้าคมยังคงฝังอยู่บนลาดไหล่ของน้องชายราวกับกลัวว่าร่างในอ้อมแขนจะหายไป



“ ข้าขอโทษ...ท่านพี่....ขอโทษ....”      รอยยิ้มน้อยๆปรากฏอยู่บนใบหน้าเนียน...อย่างน้อย....ก็ยังมีคนคนนี้อีกคนที่ยังคงต้องการเขา



“ แต่....ถึงแม้ว่าเจ้าจะยังไม่ตาย แต่ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกมันไป...”     ใบหน้าคมที่เงยขึ้นมาจากไหล่เต็มไปด้วยประกายความมุ่งมั่นและโหดเหี้ยมดังเดิม และนั่นก็ทำเอาเจ้าชายน้อยเกือบจะรั้งตัวเอาไว้แทบไม่ทัน



“ เดี๋ยวก่อนท่านพี่! พวกคนชนเผ่าไม่ใช่คนที่ทำร้ายข้า....”



“ ถ้าเช่นนั้น...ใครกัน?”



“ คนที่ล่อลวงข้าให้ออกมาตามล่าพวกชนเผ่าแล้วดักซุ่มทำร้ายข้า....คือ....อ๊ะ!!!    ยังไม่ทันจะพูดได้จบประโยค...จู่ๆธนูห่าใหญ่ก็พุ่งออกมาจากบริเวณชายป่า ทำเอาคนที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวได้แต่ยืนตะลึงงัน



แต่แล้วก่อนที่ลูกธนูจะพุ่งเข้าทำร้ายเจ้าชายทั้งสอง...ร่างสูงใหญ่ของใครบางคนก็กระโดดออกมาผลักจนทั้งคู่กระเด็นล้มลงไปและร่างใหญ่นั่นรับธนูมากมายเหล่านั้นแทน



ร่างที่เคยยืนหยัดอยู่ค่อยๆทรุดลงไปต่อหน้า….



นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างเมื่อมองเห็นใบหน้านั้นชัดเจน....



ดวงตาสีเปลือกไม้ค่อยๆปิดลงพร้อมรอยยิ้มอบอุ่นค่อยๆจางหายไป....





 “ เจ้า!!!!!!












































ร่างบอบบางเดินวนไปวนมาอยู่ที่หน้าห้องของตนในปราสาทหลังใหม่.....



























ท่านพี่ออกไปจัดการกับคนทรยศทั้งสอง...หลังจากเหตุการณ์เมื่อครู่ก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของใคร.......สัญลักษณ์ของจักรวรรดิสเปนบนหัวธนูคือหลักฐานชั้นดี....




































นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองประตูหน้าห้องด้วยความกระวนกระวายใจ....นี่มันผ่านมากี่ชั่วโมงกันแล้ว.....

























เจ้าจะเอาชีวิตมาทิ้งเพื่อเราไม่ได้นะ....


สองมือบางยกขึ้นภาวนาต่อพระผู้เป็นเจ้า......ขอให้เขาปลอดภัย.....จะต้องแลกกับอะไรเราก็ยอม......


























จนในที่สุดประตูห้องก็เปิดออก.....



หมอเข้ามารายงานผลทำให้เจ้าชายร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอก...แต่สิ่งของที่หมอยื่นมาให้ทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอีกครั้ง...ก่อนที่จะมองเข้าไปในห้องด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย....กังวล....ไม่เข้าใจ....สงสัย.....หวาดระแวง.........



ก้มลงมองของที่อยู่ในมือ.......



เจ้าไม่ใช่ชาวชนเผ่า.....





เจ้าเกี่ยวข้องอย่างไรกับของชิ้นนี้.....และ.....สำหรับเราแล้ว...เจ้าเป็นใครกันแน่....




















































เปลือกตาที่หนักอึ้งค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากผ่านมาสองวันเต็มๆ



ใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความกังวล สดใสขึ้นมาทันทีที่เห็นคนบนเตียงลืมตาขึ้นมา



“เจ้าฟื้นแล้ว!!!    ร่างบางโผเข้ากอดร่างสูงใหญ่โดยไม่สนใจแผลตามร่างกายของอีกฝ่าย ใบหน้าของคนเพิ่งฟื้นเหยเกเล็กน้อยก่อนที่จะกลับมายิ้มร่า



“ แล้วท่าน...ไม่ได้รับบาดเจ็บใช่ไหม?”     เสียงแหบพร่าเปล่งออกมาแผ่วเบา ใบหน้าสวยส่ายหน้าไปมาทั้งๆที่ยังซบอยู่บนแผ่นอกกว้างซึ่งเต็มไปด้วยผ้าพันแผล



“ คราวหน้าห้ามทำแบบนี้อีกนะ ห้ามเจ้าเข้ามารับลูกธนูแทนเรา เข้าใจไหม!    ใบหน้าที่ละออกมาจากแผ่นอกส่งสายตาดุๆไปให้



“ ฮะ ฮะ ฮะ...”     แล้วก็ยังคงมีเพียงรอยยิ้มและเสียงหัวเราะตอบกลับมาเช่นเดิม...นั่นยิ่งทำให้ใบหน้าสวยบึ้งตึงหนักกว่าเก่า มือบางคว้าสิ่งของที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงขึ้นมา



นี่คืออะไร?     มือบางยกแผ่นป้ายสีเงินขึ้นให้คนที่นอนป่วยอยู่ได้เห็น ทำเอานัยน์ตาสีเปลือกไม้เบิกกว้างขึ้นเล็กน้อย   มันอยู่ที่ตัวเจ้า ตอนที่หมอกำลังจะทำแผลให้ พวกเขาเห็นจึงนำมันมาให้กับเรา...บอกมาเดี๋ยวนี้ว่าเจ้าเกี่ยวข้องกับมันยังไง ?



ฮะ ฮะ คงจะเป็นของทหารซักคนน่ะ ข้าคงเก็บได้จากที่ไหนซักแห่ง   ใบหน้าซีดเซียวของคนป่วยยังคงยิ้มแถไปเรื่อย ทั้งๆที่ถูกนัยน์ตาสีมรกตดุๆจ้องอยู่แท้ๆ



แล้วชื่อของเจ้า.......ที่ถูกสลักเอาไว้ที่แผ่นป้ายนี้ล่ะจะว่ายังไง ? ...บอกมานะว่าเจ้าเกี่ยวข้องยังไงกับกองทัพของจักรวรรดิสเปนกันแน่! เพราะแผ่นป้ายแบบนี้ไม่ใช่ว่าใครจะมีได้ แม้แต่ทหารขั้นสูงบางคนยังมีไม่ได้ด้วยซ้ำ! บอกมา!”     มือบางแทบจะเขย่าคอคนป่วย ถ้าไม่ติดที่ว่ามองเห็นผ้าพันแผลที่พันอยู่รอบตัวจนไม่มีที่ว่างนั่นละก็



หว๋า....ถ้าข้าพูดไปพระมหากษัตริย์ต้องสั่งตัดคอข้าแน่....



รึเจ้าอยากถูกเราตัดคอซะตอนนี้เลยดีไหม? บอกมาเดี๋ยวนี้!”



เฮ้อ....ความแตกซะแล้วสิ....แต่ยังไงข้าก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกเขยแล้ว พระมหากษัตริย์คงไม่สั่งตัดคอข้าง่ายๆหรอเนอะ เพราะงั้นข้าจะบอกท่านก็ได้   มือบางเปลี่ยนเป้าหมายจากที่คอมาเป็นที่จมูกเป็นสันนั่นแทน จับมันแล้วโยกไปมาด้วยความหมั่นไส้ในคำพูดของคนตรงหน้า



ท่านอาจจะไม่เคยรู้ตัว....ว่าข้านั้นตามอารักษ์ขาท่านมาตั้งแต่ยังเด็ก....พระมหากษัตริย์ทรงรักและเป็นห่วงท่านมาก ด้วยชาติกำเนิดของท่าน ทำให้ท่านอาจจะถูกลอบสังหาร พระมหากษัตริย์จึงให้ข้าซึ่งกำลังจะก้าวขึ้นเป็นแม่ทัพในขณะนั้นมารับหน้าที่เป็นองครักษ์ของท่านแทนและมีข้อแม้ว่าจะให้ใครรู้เรื่องนี้ไม่ได้ ข้าต้องปกป้องท่านจากในเงามืดเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าโจมตีทั้งสองคน    มือใหญ่ซึ่งเต็มไปด้วยผ้าพันแผลยกขึ้นลูบใบหน้าเนียนใสที่ดูจะตกตะลึงกับเรื่องที่ได้ยินอยู่มิใช่น้อย



ท่านพ่อของท่านรักท่านมากนะ....และการที่พระองค์ทรงตัดสินใจส่งท่านมาอยู่ที่นี่เพราะต้องการให้ท่านอยู่ห่างจากราชวงศ์ให้มากที่สุด...เพราะยิ่งโตขึ้น การแก่งแย่งราชสมบัติต่างก็มีมากขึ้น ท่านอาจจะไม่ปลอดภัยเพราะพี่ชายแต่ละคนของท่านนั้นร้ายกาจกว่าที่ท่านคิดมากมายนัก...อ่า....อาจจะเว้นอยู่แค่คนเดียว...สำหรับท่านน่ะนะ....แต่เจ้าชายที่สองซึ่งต้องออกไปล่าอาณานิคมก็ไม่ได้อยู่ที่สเปนตลอดเวลา เพราะงั้นจึงไม่อาจปกป้องท่านได้....พระมหากษัตริย์จึงตัดสินใจส่งท่านมาที่นี่....และข้าเองก็ตามท่านมา....อยู่ที่นี่ในฐานะคนนอกจะมองออกได้ง่ายกว่าว่าใครคิดร้ายกับท่านบ้าง...     รอยยิ้มอบอุ่นถูกส่งไปให้เจ้าชายร่างบางที่ได้รับรู้ความจริงหลายๆเรื่อง....



ข้าบอกท่านแล้ว...ว่าข้ารักท่านมานานกว่าที่ท่านคิด....ข้าเฝ้ามองท่านอยู่ตลอดเวลาและตกหลุมรักท่านโดยที่ไม่รู้ตัว... ทั้งๆที่หน้าที่ของข้าคือปกป้องท่านจากทุกสิ่งทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ตัวข้าเอง....แต่แล้วข้าก็ไม่อาจหักห้ามใจไม่ให้รักท่านได้ ถึงแม้จะรู้ตัวว่าผิดแค่ไหนข้าก็ยอมที่จะทำผิด



ใช่....เจ้ามันเป็นองครักษ์ที่ไม่ได้เรื่อง....



แต่ในฐานะคนรักแล้ว.......    ใบหน้าเนียนใสแดงระเรื่อชวนมองนั้นก้มงุด จนแล้วจนรอดก็ไม่ยอมพูดให้จบประโยคนั้น





“ ถ้ารู้ตัวว่าผิด ก็เตรียมตัวรับโทษของเจ้าซะ...เจ้าองครักษ์ที่ไม่ได้เรื่อง”     น้ำเสียงนิ่งสนิทลอยมาจากบานประตูห้อง ร่างสูงของเจ้าชายที่สองยืนกอดอกมองมาที่คนป่วยด้วยสายตาน่ากลัว รังสีดำมืดบางอย่างแผ่ออกมาจากร่างในชุดสีดำจนคนมีความผิดต้องแอบลอบกลืนน้ำลาย



ท่านพ่อให้เจ้าเป็นองครักษ์คอยปกป้องน้องชายเรา ไม่ใช่ให้เจ้ามาทำให้เค้าเป็นของเจ้าแบบนี้”      ความน่าสยดสยองนั้นค่อยๆเคลื่อนที่เข้ามาหาอย่างช้าๆ นัยน์ตาสีดำคมกริบกวาดมองคนบนเตียงตั้งแต่หัวจรดเท้า โดยไร้ซึ่งแววแห่งความสงสารหรือเห็นใจอาการบาดเจ็บของคนป่วยเลยแม้แต่นิดเดียว....จากท่าทางและความบึ้งตึงของใบหน้าก็รู้ได้ไม่ยากว่าเจ้าชายที่สองกำลังโกรธมากเพียงใด



ทำผิดวินัย ไม่ใส่ใจหน้าที่ โทษของเจ้าคือต้องโดนขย้ำตายเดี๋ยวนี้!”    อาวุธประจำกายส่องแสงแวววับอยู่กับลำคอขององครักษ์หนุ่ม นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทำได้เพียงเบิกกว้างจ้องมอง แต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งได้เพราะตนเองทำความผิดนั้นจริง



“ ท่านพี่!!!    มือเล็กบางของเจ้าชายพระองค์เล็กเกาะหมับเข้าไปที่ลำแขนแข็งแกร่งของพี่ชายพลางตะโกนเรียกอย่างตกใจ



“ ปล่อยข้า....มันทำให้เจ้าต้องเสียเกียรติ ถ้ามันตายไป...เรื่องนี้ก็จะไม่มีใครรู้”    ร่างดำทะมึนยังคงกดทอนฟาลงไปที่ลำคอแกร่งจนเจ้าของเริ่มหายใจติดขัด



“ ข้าเต็มใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะฉะนั้นถ้าท่านพี่ลงโทษเค้า ท่านพี่ก็ต้องลงโทษข้าด้วย!    ถ้อยคำของน้องชายทำเอาคนที่โหดร้ายเลือดเย็นถึงกับหยุดชะงัก....เจ้ารักมัน.....



“ ท่านพี่....”     น้ำเสียงออดอ้อนซึ่งเอาไว้ใช้กับเขาโดยเฉพาะทำเอาใบหน้าคมของเจ้าชายที่สองค่อยๆละจากเหยื่อหันไปมองน้องชาย



“ เค้าคือองครักษ์ของข้า...เพราะฉะนั้นให้ข้าลงโทษเค้าเองเถิดนะ...”      ใบหน้าสวยมองมาราวกับลูกหมาตัวน้อย นัยน์ตาเว้าวอนอ้อนเล็กๆ กับมือที่เกาะแขนไม่ยอมปล่อย....ไม่เหลือเค้าของเจ้าชายจอมหยิ่งผยองนั่นเลยสักนิด



“ นะ...ท่านพี่....”      เจ้าอ้อนข้าด้วยใบหน้าแบบนี้มากี่ครั้งกี่หนกันแล้ว....และเจ้าก็รู้ดีว่าข้าไม่อาจต่อต้านใบหน้าแบบนั้นของเจ้าได้



ใบหน้าคมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ทั้งๆที่เส้นประสาทบนขมับยังกระตุกอยู่น้อยๆ มือใหญ่จำต้องเก็บทอนฟา ทำได้เพียงส่งสายตาคาดโทษไปยังคนที่นอนป่วย



“ จำเอาไว้ให้ดี...ถ้าเจ้าทำให้น้องของเราต้องร้องไห้....เราจะฉีกเนื้อเจ้าออกเป็นชิ้นๆให้เจ้าตายอย่างทรมานที่สุด!     คำพูดสุดท้ายมาพร้อมกับสายตาข่มขู่นิ่งสนิทก่อนที่เจ้าชายผู้โหดเหี้ยมจะสะบัดตัวเดินออกจากห้องไป



ให้คนป่วยลอบถอนหายใจหนักหน่วง....กว่าท่านจะยอมรับให้ข้าเป็นองครักษ์ของเจ้าชายพระองค์น้อยได้ ข้าก็แทบตาย....ข้าไม่คิดจริงๆว่าท่านจะยอมปล่อยข้า เมื่อรู้ว่าข้าทำอะไรกับเจ้าชายตัวน้อยนั่นลงไปบ้าง....ที่หัวข้ายังตั้งอยู่บนบ่าได้แบบนี้...มันยิ่งกว่าปาฏิหาริย์เสียอีก











“ ปิดบังความจริงกับเรา....ทำให้เราเป็นของเจ้าทั้งๆที่เจ้าเป็นแค่องครักษ์......และคิดจะใช้ความตายเพื่อจะทิ้งเราไป.....เป็นความผิดมหันต์....เจ้าพร้อมจะฟังและตั้งใจรับโทษของเจ้าหรือยัง!         จู่ๆความโล่งใจเมื่อครู่ก็พลันหายไปกลายเป็นเหงื่อเม็ดใหญ่ เมื่อเจ้าชายร่างบางตรงหน้าร่ายยาวถึงโทษสมควรตายของเขา



“ อะ...อา...ฮะ ฮะ ฮะ”    ใบหน้าคมทำเพียงแค่หัวเราะเช่นเดิม มือซึ่งเต็มไปด้วยผ้าพันแผลยกขึ้นเกาหัวรับสายตาดุๆที่จ้องเขม็งมา



“ โทษของเจ้าคือ.....”




“ ต้องอยู่เคียงข้างเราไปชั่วชีวิต จงรับโทษ....เดี๋ยวนี้...”




ถ้อยคำนั้นทำเอาใบหน้าคมอมยิ้ม ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นแล้วก้าวขาลงไปยืนต่อหน้าเจ้าชายร่างบาง



มือหนาทาบลงไปที่อกของตัวเอง ก่อนที่จะโค้งคำนับ....





Yes , Your Highness...”





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

FIN






จบอย่างกะพ่อบ้าน กร๊ากกกก....แบบว่าได้รับอิทธิพล เหอ เหอ...

ก็เป็นอันว่าจบเทศกาลสำหรับข้าพเจ้าเสียทีนะ บอลโลก...แล้วเจอกันใหม่!!! (นานไปไหมเนี่ยเธอ...)

3 ความคิดเห็น:

  1. จบได้พ่อบ้านมากค่าาาา น่าจะเปลี่ยนเป็น yes, my lord นะเนี่ย = = !!!!
    ฮิบาริ เคียวย๊าาาา นายนี่มันน่ารักจริงๆ รักน้องหวงน้องขนาดนั้น
    สะใจสองคนนั้นโดนฮิขย้ำตาย 5555555555555
    ก๊กน่ารักน่าทะนุถนอมมากเลย ฮึ ฮึ ฮึ ><
    ยามะเอ๋ย อดใจมาหลายปีสุดท้ายก็แพ้ความโมเอ้ ~~~~

    อ๋า ในที่สุดก็รู้ ยามะเป็นองครักษ์เหรอนี่ โอ้ว
    ท่านพ่อใจดีกว่าที่คิดเยอะเลย ก็แหม หนูก๊กน่ารักขนาดนี้
    ใคร๊จะเกลียดได้ลง T^T

    บทลงโทษของก๊กนี่ .. จะน่ารักเกินไปแล้ววว
    ยินดีน้อมรับบทลงโทษค่าาา

    ตอบลบ
  2. กรี๊ดดดดดดดดดด ยามะเป็นองครักษ์พิทักษ์องค์หญิงโกคุเดระ(?)นี่เอง=///=

    คุณฮิรักน้องเเต๊!!=[]= โหวววว

    ...เเละท้ายที่สุดยามะก็ตบะเเตกในที่สุด #ประเด็นมันอยู่ตรงนั้นเหรอยะ!!

    ชอบบทลงโทษของน้องก๊กมากถึงมากที่สุด=///=b บทลงโทษเเบบนี้เป็นใครก็ยินดีรับล่ะจ้าา (บทลงโทษสถานหนักเชียวนะ ...ก็เเหม เล่นเป้นบทลงโทษชั่วชีวิตเลยนี่นา!!!)

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ1 สิงหาคม 2566 เวลา 09:21

    กรี๊ดดแตกกกกกกกก มีภาคต่อไหมคะะะะ เขินจัดดด

    ตอบลบ