KHR Au S.fic [8059] Reino de Espana : 02

 : KHR Fanfiction Au
: 8059
: Romance
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ





เปลือกตาเปิดขึ้นอย่างช้าๆเพราะกลิ่นอับชื้นที่ไม่คุ้นเคย รอบตัวมีเพียงแสงสลัวๆจนมองไม่ออกว่าคือกลางวันหรือกลางคืนกันแน่ ความเจ็บแปลบของแผลที่ต้นแขนนั้นตามมาตอกย้ำถึงคำว่าพ่ายแพ้ ร่างบอบบางของเจ้าชายองค์เล็กแห่งจักรวรรดิสเปนค่อยๆยันตัวให้ลุกขึ้นนั่ง ผ้าห่มผืนเก่ามอมแมมหลุดออกจากแผ่นอกบางทำให้รู้ว่าตนไม่ได้ใส่อะไรเลย



นัยน์ตาสีมรกตปรายมองที่ต้นแขน ผ้าพันแผลถูกพันเอาไว้ให้อย่างดี



ใครช่วยเขาไว้กันนะ.....



เหลือบมองไปรอบๆตัวก็เห็นเพียงผนังไม้ไผ่สานไขว้ไปมาไร้ซึ่งความแข็งแรงทนทาน แถมความถี่ยังมีไม่มากพอจนสามารถปิดบังภายในบ้านได้มิดชิดอีกต่างหาก...ดูจากสภาพขาดแคลนแบบนี้....หรือว่าคนที่ช่วยเขาไว้จะเป็น.....



ฟื้นแล้วหรอ    เสียงทุ้มดังมาจากช่องเปิดที่น่าจะเป็นประตูเรียกให้ใบหน้าสวยของเจ้าชายร่างบางหันไปมองพร้อมกับสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าใครกันที่ยืนอยู่ตรงนั้น



เจ้า!”    เจ้าบ้าป่าเถื่อนคนชนเผ่าที่บังอาจมาหาว่าเขาเป็นขโมยคนนั้นนั่นเอง



ไม่มีไข้นะ    ร่างสูงใหญ่ที่นุ่งเพียงผ้าหนังสัตว์ผืนเดียวถือวิสาสะนั่งลงที่ข้างเตียงพร้อมกับมือใหญ่ทาบลงที่หน้าผากใสของเจ้าชายร่างบาง



อย่าบังอาจมาแตะต้องตัวเรา!”    ใบหน้าสวยทำหน้าดุพร้อมกับตาเขียวปั้ดส่งให้คนตรงหน้าที่ไม่มีท่าทีว่าจะกลัวเลยแม้แต่น้อย ใบหน้าหล่อคมยังคงยิ้มแย้มจนน่าหมั่นไส้ มือใหญ่ยืนเข้าไปใต้เตียงพร้อมกับหยิบอะไรบางอย่างออกมา



ไม่มีไข้ก็ดีแล้วละ เอ้านี่ เสื้อผ้าของท่าน ใส่เสียสิ จะได้ออกไปข้างนอกกัน    ผ้าหนังสัตว์ที่คาดว่าจะเป็นหนังเสือด้วยลายทางพาดกลอนถูกวางแปะอยู่ในมือบางที่มองด้วยความพิศวง...จะให้เจ้าชายอย่างเขาใส่ไอ้นี่เนี่ยนะ!



ผู้ชายที่นี่เค้าก็ใส่แบบนี้กันทั้งนั้นแหละ....เจ้าชาย    ใบหน้าหล่อคมยิ้มกริ่มสายตาเจ้าเล่ห์เหล่มองแผ่นอกบางภายใต้ผ้าห่มผืนเก่า



เจ้า! เจ้าต้องการจะแก้แค้นเราใช่ไหม! ถึงได้จับเรามา!”   มือบางรีบตะครุบผ้าห่มที่หลุดลุ่ยขึ้นปิดบังร่างกายเมื่อมองเห็นสายตาของคนตรงหน้า พร้อมกับคำด่าตะโกนกลับไป



ฮะ ฮะ ข้าช่วยท่านไว้ต่างหาก อย่ามองโลกในแง่ร้ายนักซี่    ถึงจะบอกแบบนั้นแต่คนตรงหน้าก็ทำให้เจ้าชายร่างบางไม่สามารถจะมองโลกในแง่ดีได้จริงๆ ทั้งรอยยิ้มที่ไม่น่าจะมีให้เขาซึ่งตบหน้าหมอนั่นไว้ ทั้งการกระทำที่น่าสงสัยต่างๆนานา



ช่วยเรา?....พวกเจ้าที่เข้าไปวางเพลิงล่อให้เราออกมาแล้วก็ลอบทำร้ายกลางป่าแบบนั้นน่ะหรือจะมาช่วยเรา    นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองเข้าไปในดวงตาสีเปลือกไม้ราวกับต้องการจะค้นหาความจริง



ข้าว่าท่านรู้ดี....ว่าคนที่ทำแบบนั้นไม่ใช่พวกข้าและพวกชนเผ่าที่นี่....ลูกธนูที่เสียบแขนท่านอยู่ก็บอกได้เป็นอย่างดีแล้วละว่า...คนที่ทำร้ายท่าน...คนที่ต้องการจะเอาชีวิตท่าน...คือคนที่อยู่ใกล้ตัวท่านนั่นเอง    คำพูดของชายตรงหน้าทำเอามือบางกำแน่น...เพราะมันคือความจริงที่ไม่อยากจะยอมรับ...



ตั้งแต่เด็กมาแล้ว...เขาไม่ใช่เจ้าชายที่ได้รับความรัก....พอคิดว่าตัวเองอาจจะพอมีประโยชน์อยู่บ้างถึงแม้ว่าจะต้องจากบ้านเกิดเมืองนอนมาในที่ที่ไม่รู้จักใครแบบนี้ก็ยอมที่จะมา....แต่ไม่คิดเลยว่า....จะถึงกับต้องเอาชีวิตกันแบบนี้....ใช่....ธนูที่ระดมยิงเข้ามาหาพวกเขานั้นไม่ใช่ธนูจากพวกชนเผ่า แต่เป็นธนูของจักรวรรดิสเปน ซึ่งคนที่จะสั่งการให้ใช้ธนูจำนวนมากขนาดนั้นได้ก็มิใช่ใครเลย.....เซอจิโอ้กับเฮอนันเดส....สองคนนั้นสร้างเรื่องการวางเพลิงขึ้นมาเพื่อล่อให้เขาออกมาจัดการกับพวกชนเผ่าแล้วก็ซุ่มอยู่ในป่าเพื่อลอบทำร้าย....ป่านนี้พวกนั้นคงคิดว่าเขาตายไปแล้ว!






มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นวางลงบนศีรษะเล็กเมื่อเห็นว่าเจ้าชายร่างบางก้มหน้านิ่ง ความเจ็บปวดในจิตใจมันสื่อออกมาที่ใบหน้าสวย เห็นแบบนี้แล้ว....อยากจะละเลยซึ่งหน้าที่...แล้วเอาสองมือนี้โอบกอดท่านเอาไว้....เจ้าชายน้อยของข้า….





ใส่เสื้อผ้าเถอะ ข้าคิดว่าท่านควรจะอยู่ที่นี่ไปก่อน อย่ากลับไป...ให้เขาฆ่าท่านได้จริงๆ    ใบหน้าสวยเงยมองคนที่ยืนค้ำหัวอยู่ด้วยสายตาสับสน...ทั้งๆที่เขาเหยียบย่ำชายตรงหน้าขนาดนั้น...แล้วทำไม....ทำไมถึงยังช่วยเขา ทำไมถึงยังทำดีกับเขา ?



แต่ว่าข้าไม่ให้ท่านอยู่ที่นี่เฉยๆหรอกนะเจ้าชาย....    นั่นไง! เจ้าหมอนี่มันต้องหวังผลอะไรแน่ๆ ใบหน้าสวยที่กำลังจะซาบซึ้งใจเมื่อครู่กลับแยกเขี้ยวใส่เจ้าของใบหน้ายิ้มแย้มทันที



เจ้าจะทำอะไรเรา! แล้วบอกไว้ก่อนนะ ว่าเราไม่มีทางใส่ผ้านุ่งตัวเดียวเดินโทงๆแบบเจ้าแน่!”     มือบางชี้นิ้วด่าคนที่ยังยิ้มรับ



งั้นก็ถอดไปซะ ไม่ต้องใส่อะไร...ฮะ ฮะ...มันน่าจะเหมาะกับงานที่ข้าจะให้ท่านทำด้วยละมั้ง....เจ้าชาย....   



ยะ...อย่าเข้ามานะ!”



ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก…..”



เสียงโหยหวนทำเอาเพื่อนบ้านใกล้เรือนเคียงต่างหันมามอง...ถึงจะอยากรู้อยากเห็นแต่ก็ไม่ต้องไปคอยแอบดู เพราะว่ารูที่ข้างฝาบ้านก็ทำให้มองเห็นได้ทันทีว่า....



ร่างสูงใหญ่กำลังบังคับจับคนที่ตัวเล็กกว่าใส่เสื้อผ้า....





เหมาะดีเหมือนกันนะเนี่ย    ร่างสูงใหญ่ยืนมองผลงานจากการปลุกปล้ำกันอยู่พักใหญ่ กว่าจะจับเจ้าชายจอมดื้อใส่ชุดของชาวชนเผ่าได้ ถึงแม้ว่าร่างบางจะยอมใส่ ยังไงเขาก็ไม่มีวันยอมให้ใส่ผ้านุ่งผืนเดียวแบบเขาหรอก จะให้ผิวขาวๆแบบนั้นไปโดนแดดโดนลมได้ไง...ตอนนี้เจ้าชายร่างบางเลยอยู่ในชุดของชนเผ่าผู้หญิง ซึ่งเป็นกระโปรงชุดติดกันยาวถึงเข่า ข้างบนมีแขนเสื้อเส้นเล็กข้างเดียวคล้องอยู่ที่หัวไหล่บาง ส่วนหัวไหล่อีกข้างเปลือยเปล่า แน่นอนว่าชุดนี้ก็ทำด้วยผ้าหนังสัตว์....ตอนอยู่ในชุดอลังการของราชวงศ์สเปนท่านก็ดูงามสง่าและหยิ่งผยอง....แต่พอมาอยู่ในชุดชนเผ่าแบบนี้ท่านกลับดูน่ารักน่าเอ็นดู....ท่านนี่มันอันตรายจริงๆ



..........    ใบหน้าสวยบึ้งตึงจ้องเขม็งมองเจ้าบ้าน่าหมั่นไส้ที่ยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตรงหน้า....บังอาจนัก!



เจ้าจะแก้แค้นด้วยการกลั่นแกล้งเราใช่ไหม!”



จะคิดยังไงก็เรื่องของท่าน....เอาละ...ไปกันได้แล้ว...อยู่ที่นี่ก็ต้องทำงาน    มือใหญ่ลากร่างบางออกมาจากที่พัก สายตาแปลกๆจากคนชนเผ่าที่ดูยังไงๆก็ไม่มีความเหมือนคนที่กำลังลากเขาอยู่เลยสักนิดกำลังจ้องมองเขา....มันมีทั้งสายตาที่สนใจและสายตาที่ไม่เป็นมิตร....



เขาจะอยู่ที่นี่ได้หรือ ?



ในเมื่อวานนี้ เขายังเป็นคนออกคำสั่งให้ตามไล่ล่าคนพวกนี้อยู่เลย....แล้วทุกการกระทำที่เขาเคยทำเอาไว้กับคนพวกนี้...จะมีใครให้อภัยได้ง่ายๆอย่างนั้นหรือ....








..........................................................................................................................................................................







ยามเย็น ณ ปราสาทหลังใหม่ การจากไปของเจ้านายเพียงหนึ่งเดียวทำให้ความอึมครึมเข้ามาครอบงำทั่วไปทั้งปราสาท เหล่าข้ารับใช้ที่เคยจัดเตรียมงานกันวุ่นทั้งวันกลับเดินกันอย่างเลื่อนลอยเพราะไม่รู้ว่าจะเตรียมเสื้อผ้าอาหารหรือแม้แต่ห้องหับเหล่านั้นไว้ให้ใครกัน....



แต่ก็ยังมีอีกที่....ที่มิได้เศร้าหมองตามไปด้วย...



พบไหมเซอจิโอ้?     ใบหน้ากลมใสของเฮอนันเดสดูเป็นกังวลเล็กน้อย เมื่อตามหาอย่างไรก็ไม่พบศพของเจ้าชายซึ่งน่าจะตายไปแล้วคนนั้น



ไม่มี....แต่ถึงแม้จะหนีไปได้ก็น่าจะบาดเจ็บไม่ใช่น้อยแหละน่า....ไม่ต้องห่วงไปหรอก ป่านนี้คงจะเป็นเหยื่อเสือโคร่งไปแล้ว    นายพลนั่งพาดขาบนโต๊ะด้วยท่าทางสบายๆตามปกติ ใบหน้านั้นมิได้ทุกข์ร้อนใดๆด้วยชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดายนั่น



ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น...เพราะถ้าเจ้าชายนั่นมันโผล่มาทีหลัง แผนเราก็พังกันพอดี



เขียนรายงานไปยังจักรวรรดิ...ว่าเจ้าชายถูกพวกชนเผ่าฆ่าตาย...แล้วหลังจากนั้นอย่างจักรวรรดิสเปนคงไม่นิ่งดูดาย น่าจะส่งกองทัพมากวาดล้างพวกชนเผ่า...แล้วหลังจากการกวาดล้างเรียบร้อย....ทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่ที่นี่ก็จะตกอยู่ภายใต้การดูแลของเราอย่างสมบูรณ์    คำพูดเรียบง่ายสบายๆช่างตรงข้ามกับแผนการใหญ่ที่วางเอาไว้ รอยยิ้มร้ายฉายชัดอยู่บนใบหน้าของทั้งสองคนซึ่งต่างก็เหม่อมองพระอาทิตย์ยามเย็นราวกับกำลังเห็นความสำเร็จของแผนชั่วที่วางเอาไว้.....








...........................................................................................................................................................................







ไม่มีทาง.....



เขาไม่มีทางยอมแพ้ไอ้เจ้าบ้าชนเผ่าป่าเถื่อนนั่นหรอก....



จะไม่ยอมอ้อนวอน ไม่ยอมขอร้อง ไม่ยอมให้เจ้านั่นได้เห็นความอ่อนแอของเขาหรอก....



ใบหน้าสวยยังคงเต็มไปด้วยความหยิ่งทระนงทั้งๆที่เม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นเต็มใบหน้า ลมหายใจติดขัดจากการใช้กำลังในสิ่งที่ไม่เคยทำมาก่อนในชีวิต ร่างกายบางเซถลาลงกับพื้นตามแรงโน้มถ่วงเมื่อเรี่ยวแรงหมดสิ้น หอบจนตัวโยนเมื่อได้นั่งพักอยู่เฉยๆ ความเจ็บแปลบแล่นลิ่วมาจากบาดแผลฉีกขาด จนคิ้วเรียวขมวดเข้าหากันแน่ ยิ่งขยับก็ยิ่งเจ็บจนน้ำตาแทบไหล....ถึงแม้ว่าจิตใจจะโดนบังคับมามากมาย...แต่ไม่เคยคิดเลยว่าร่างกายจะต้องมาโดนบังคับให้ทำเรื่องแบบนี้....



เสร็จรึยัง ? ไม่เสร็จไม่ต้องกินข้าวนะคุณเจ้าชาย...    ยิ่งเห็นใบหน้ายิ้มทะเล้นแบบนั้นยิ่งรู้สึกเจ็บแค้น....ทำไม...ทำไม!...ทำไมเขาต้องมาทำเรื่องแบบนี้ด้วย!



นัยน์ตาสีมรกตมองไปที่คนที่ยืนโบกมืออยู่ไกลๆอย่างเคียดแค้น ก่อนที่จะก้มมองแปลงผักขนาดย่อมซึ่งดินยังถูกขุดขึ้นมาได้เพียงแค่นิดเดียวเท่านั้น กระจอบนี่ก็หนักแสนหนัก ยกขึ้นทีสะท้านไปทั้งไหล่ มือก็แสบไปหมดสงสัยว่าจะแตกถึงได้เจ็บจนน้ำตาแทบไหล....แต่จะให้ขอร้องเจ้าหมอนั่น....ไม่มีทาง!



นี่...จะไม่ขอร้องข้าจริงๆหรอ ? ถ้าเป็นข้าเดี๋ยวเดียวก็เสร็จแล้วละ แปลงผักแค่นั้น    น้ำเสียงใสๆแต่กวนประสาทถูกส่งมาจากคนที่นั่งดูอยู่เฉยๆ ริมฝีปากสีสดเม้มแน่น เขาไม่มีวันทำลายศักดิ์ศรีของตัวเองด้วยการไปขอร้องเจ้านั่นแน่....กับเรื่องแค่นี้....เรื่องแค่นี้........



แขนบางยังคงยกกระจอบทั้งๆที่สั่นสะท้าน ความคับแค้นใจที่ต้องตกอยู่ในสภาพน่าสมเพชเกินกว่าที่เคยผ่านมาทั้งหมดจำต้องกดเอาไว้...ไม่ได้ต่างไปจากเชลยเลยสักนิด.....มันไม่มีทางเลือกแล้วนี่......บางที.....อาจจะไม่มีทางเลือกตั้งแต่วันที่เขาเกิดมาแล้วนั่นก็ได้



ร่างบางก้มหน้าก้มตาขุดดินต่อไป ที่ลานกว้างตรงนี้มีแปลงผักมากมายซึ่งคนในเผ่าจะมาช่วยกันปลูกเอาไว้ ใครอยากเอาอะไรไปกินก็เอาไปเท่าที่พอกิน มันเป็นของส่วนรวมที่ช่วยกันทำขึ้นมา มันคือความเรียบง่ายและความพอเพียงที่เขาไม่เคยพบ...



ที่ตรงนี้ไม่ได้มีเพียงแค่เขาและเจ้าบ้านั่น แต่ยังมีสายตาจากคนในชนเผ่าที่มองมาอยู่ตลอดเวลา ได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักจากกลุ่มเด็กสาวซึ่งเขาฟังไม่ออกว่าพวกนั้นพูดว่าอะไรกัน แต่เสียงแบบนั้นมันไม่ได้ต่างไปจากกลุ่มสาวใช้ที่เคยนินทาลับหลังยามเมื่อเขาอยู่ที่สเปนเลยแม้แต่น้อย....ต้องเจอเรื่องแบบนี้ไปจนถึงเมื่อไหร่ ?



จากเช้าจนสาย...จากบ่ายจนเย็น....ร่างบอบบางของเจ้าชายองค์เล็กยังคงเดินย่ำไปมาอยู่รอบๆแปลงผัก จนในที่สุดมันก็ดูเหมือนจะเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาได้บ้าง



นี่! กลับบ้านกันเถอะ ต่อให้ท่านทำไปทั้งคืนก็ไม่เสร็จหรอก สภาพแบบนั้นน่ะ    และก็ยังเป็นคนคนเดิมที่คอยกวนอยู่ทั้งวัน แต่คราวนี้เขาหมดแรงจะดื้อดึงแล้วจริงๆ จึงได้แต่เดินโซเซตามร่างสูงใหญ่นั่นกลับสิ่งที่เรียกว่า บ้าน ไป











ดื้อจริงๆเลยนะ.....



เพราะแบบนี้แหละถึงไม่มีใครกล้าเข้าใกล้ท่าน....



ทั้งๆที่แค่ท่านยิ้ม แค่ท่านจะยอมใช้เสน่ห์ที่ท่านมี ใครต่อใครก็แทบจะก้มหัวราบลงกับพื้นให้ท่านได้อยู่แล้ว....



ร่างสูงยืนมองเจ้าชายจอมดื้อที่หลับปุ๋ยอยู่บนที่นอน แค่ก้าวเข้ามาในบ้านได้ ร่างบางนั่นก็ล้มลงที่เตียงแล้วหลับไปในทันที....คงจะเหนื่อยมากสินะ....นั่งคุกเข่าลงที่ข้างเตียงก่อนที่จะจับมือเล็กออกมาดู รอยแผลเลือดซิบมากมายขนาดนี้ใยท่านไม่เอ่ยร้องสักคำ มือใหญ่อีกข้างเกลี่ยปอยผมสีเงินให้พ้นไปจากใบหน้าเนียนใส หยิบยาและผ้าพันแผลออกมาทำแผลที่มือเล็กทั้งสองข้างด้วยความรู้สึกเจ็บลึกๆในใจ....ทั้งๆที่เฝ้าดูอยู่ตลอดเวลา...แต่ข้าก็ปล่อยให้ท่านเกิดแผลเป็นขึ้นมาอีกจนได้....เหมือนทุกๆครั้ง....ทุกๆครั้ง....ที่ข้าไม่อาจปกป้องท่านได้เลย....ไม่อาจทำได้เลย.....เจ้าชายน้อยของข้า








..........................................................................................................................................................................







แดดร้อนแรงฉายแสงไปทั่ว....



ร่างบอบบางของเจ้าชายแห่งสเปนกำลังหอบหิ้วตะกร้าสานซึ่งมีน้ำเต็มเปี่ยมเดินเซไปเซมาจนน้ำเริ่มกระฉอกไปทั่วทั้งทางเดิน เสียงหัวเราะคิกคักจากคนชนเผ่ายังคงมีให้ได้ยินอยู่เรื่อยๆราวกับว่ากำลังหัวเราะเยาะเจ้าชายผู้ตกอับ สายตาที่มองมามีทั้งเย้ยหยันและชิงชัง



วันนี้เจ้าหมอนั่นพาเขามาทิ้งไว้ที่แปลงผักนี่แต่เช้าแล้วหายตัวไปไม่มานั่งก่อกวนอยู่ทั้งวันเหมือนเมื่อวาน....นั่นยิ่งทำให้ความเกรงใจจากพวกชนเผ่าป่าเถื่อนพวกนี้แทบจะไม่มีเหลืออยู่ วันทั้งวันเขาต้องทนรับกับเสียงหัวเราะเยาะเย้ย หนักเข้าก็กลายเป็นคำด่าว่า...ถึงแม้จะฟังไม่ออก แต่ทั้งสีหน้าและแววตาของคนเหล่านั้นมันก็ทำให้รู้ได้ว่าเขาถูกเกลียดชังมากมายแค่ไหน....



เกียรติและศักดิ์ศรีถูกย่ำยีจนย่อยยับ....



มีชีวิตอยู่ในสภาพแบบนี้...มันน่าอับอายเขารู้.....



แต่ขอเพียงได้เห็นหน้าเขาคนนั้นอีกสักครั้ง...ก็เพียงพอที่จะอดทนอยู่อย่างอดสู....เพราะตอนที่จากแผ่นดินสเปนมา ไม่เคยได้ล่ำลากันเนื่องจากท่านออกล่าอาณานิคมอยู่ที่มาเซโดเนีย...ถ้าท่านรู้...ว่ายามเมื่อท่านกลับมายังสเปนแล้วไม่มีข้าอยู่...ท่านจะเสียใจบ้างหรือไม่ ท่านพี่...



นัยน์ตาสีมรกตหม่นหมองก้มมองไปยังพื้นทางเดิน....ไม่อาจแหงนหน้ามองฟ้า....เพราะกลุ่มเมฆาจะทำให้ข้าคิดถึงท่าน....



กว่าจะเดินกลับมาถึงยังแปลงผัก น้ำในตะกร้าก็หกไปเสียเกือบครึ่ง แขนที่สั่นสะท้านค่อยๆวางตะกร้าลง แต่เมื่อมองไปในแปลงผักที่ตั้งใจย้ายต้นอ่อนมาปลูกอย่างดีกลับทำให้นัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้าง....กับความเละเทะจนไม่เหลือสภาพของแปลงผักอีกต่อไป....



ต้นอ่อนถูกย่ำทำลาย ดินร่วนซุยถูกปัดกระจายไปทั่ว



นัยน์ตาสีมรกตตวัดมองไปโดยรอบ คนที่อยู่แถวนั้นยังคงพูดคุยกันราวไม่มีอะไรเกิดขึ้น....



อ๊ะ!”    ตะกร้าน้ำที่อุตส่าห์ไปหิ้วมาด้วยความลำบากถูกเท้าของใครบางคนเตะกระเด็นจนน้ำที่เหลืออยู่น้อยนิดนั้นหกหมดไม่มีเหลือ เมื่อเงยหน้ามองจึงเห็นกลุ่มหญิงชาวชนเผ่าที่เคยหัวเราะเขาเมื่อวานนี้เข้ามาหาเรื่อง ร่างบางของเจ้าชายถูกผลักจนล้มลง



เสียงคำพูดที่ไม่เข้าใจดังอยู่เหนือหัว ร่างกายพยายามที่จะลุกขึ้นสู้แต่ก็โดนผลักให้ล้มลงครั้งแล้วครั้งเล่า...คนมากกว่า...และผู้หญิงพวกนั้นก็ตัวใหญ่กว่าเขา....



ถึงจะไม่โดนทำร้ายร่างกายแต่เศษดินเศษฝุ่นที่พวกนั้นสาดใส่ก็ทำให้สภาพทั้งตัวเขาทั้งแปลงผักเละเทะด้วยกันทั้งคู่ สาแก่ใจแล้วพวกนั้นก็เดินจากไป



ไม่มีใครเข้ามาช่วย ไม่มีมือของใครยื่นมาให้จับ ไม่มีใครเข้ามาพยุง...



เขาจะไม่ร้องไห้.....



อย่างน้อยก็เป็นเกียรติเดียวที่เหลืออยู่....



ร่างที่สั่นสะท้านพยายามลากตัวเองเดินไปให้ถึงหนองน้ำ เหนื่อยล้าทั้งกายและใจ จะอยู่ต่อไปอีกได้นานแค่ไหนกัน...จะมีวันที่ได้พบท่านอีกครั้งหรือไม่....ท่านพี่



เมฆที่ลอยละล่องอย่างหยิ่งทระนงบนฟากฟ้าสะท้อนลงยังผืนน้ำ แม้มือบางจะแตะลงไป ก็กลายเป็นเพียงเงาวูบไหว ไม่อาจสัมผัสได้ทั้งในน้ำหรือบนฟากฟ้า...ท่านอยู่ไกลเหลือเกิน....



มือบางวักน้ำมาลูบไล้ใบหน้า ลบร่องรอยฝุ่นดิน แต่ก่อนที่จะได้ล้างแขนล้างขา เสียงร้องของเด็กทารกก็ดังขึ้นมาเสียก่อน



ใบหน้าสวยหันมองไปรอบกาย...ไม่มีแม้เงาใครสักคน...แล้วเสียงเด็กมาจากไหนกัน ?



ตัดสินใจเดินอ้อมโขดหินใหญ่ไปดูอีกด้าน เห็นห่อผ้าหนังสัตว์ขยับไปมา สงสัยว่าจะมีเด็กอยู่ในนั้น...มีใครมาลืมเอาไว้กันนะ...ช่างเป็นพ่อแม่ที่ไม่ได้ความจริงๆ



ในขณะที่ขาเรียวจะก้าวเข้าไปดูกลับต้องหยุดชะงัก เมื่อเสียงขู่คำรามดังมาจากเบื้องหน้า...หมาป่าตัวหนึ่งกำลังตรงเข้าไปหาเด็กคนนั้น...จะทำยังไงดี....หมาป่ามักทำงานกันเป็นฝูง...เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าจะมีเจ้านี่แค่ตัวเดียว หรือว่ามีฝูงของมันแอบซุ่มอยู่...จะเข้าไปช่วย...หรือจะวิ่งหนีไป....



เสียงเด็กชาวชนเผ่าร้องดังมากขึ้นราวกับรู้ว่าภัยอันตรายกำลังจะมาถึงตัว....ความรู้สึกผิดชอบชั่วดีกำลังตีกันวุ่นอยู่ในหัวของเจ้าชาย....เด็กนั่นเป็นเด็กชนเผ่า เป็นเด็กของผู้คนที่รุมกลั่นแกล้งเขา แล้วทำไมเขาจะต้องเสี่ยงชีวิตเข้าไปช่วย ?



เจ้าหมาป่าขยับเข้าไปไกลเด็กนั่นเรื่อยๆ ขาเรียวกลับขยับถอยหลัง....แล้วหันตัวกลับพร้อมกับคว้ากิ่งไม้แห้งแล้วโยนเข้าใส่เจ้าหมานั่นจนร้องลั่น มันเปลี่ยนเป้าหมายมาที่เขาทันที...



เพราะเจ้าเด็กนั่นมันน่าสงสาร ปล่อยให้ตายอยู่ที่นี่คงไม่มีใครรับรู้...เหมือนกับเขา...ถ้าตายอยู่ที่นี่ท่านพี่ก็ไม่มีวันรับรู้...เพราะฉะนั้นถึงได้ดิ้นรนที่จะมีชีวิตรอดแล้วกลับไปตายยังที่ที่จะมีคนโอบกอดเป็นครั้งสุดท้าย



เขี้ยวสีขาวแยกออกส่งมาให้เขาพร้อมเสียงขู่ มือบางจับไม้อีกกันยกขึ้นสู้ หมาป่าพุ่งกระโจนเข้าหาอย่างรวดเร็วแต่เจ้าชายก็กระโดดหลบได้ทัน เจ้าหมาหิวโหยยังคงกระโจนเข้ามาอีกแต่คราวนี้มันเร็วเกินกว่าที่ร่างบางจะหลบพ้น ฟันคมกริบฝังลงไปที่ต้นแขนแทบจะตำแหน่งเดียวกับที่ถูกลูกธนูเล่นงาน ร่างบางทรุดลงกับพื้นแต่อีกมือก็ฟาดไม้ลงไปที่หัวของหมาป่าด้วยสันชาติญาณเต็มแรงจนมันดิ้นพล่านและยอมปล่อยแขนให้เป็นอิสระ ร่างบางโซซัดโซเซวิ่งเข้าไปอุ้มเด็กคนนั้นขึ้นมา ก่อนที่จะรู้ตัวว่ากำลังถูกล้อมเอาไว้ด้วยฝูงหมาป่าที่มีมากกว่าสิบตัว!



หอบหายใจพร้อมกับร่างกายที่หวาดกลัว นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองไปทั่ว หนทางที่จะหนีรอดนั้นริบหรี่เต็มที แขนที่โดนกัดชุ่มโชกไปด้วยเลือดสีสด ส่วนแขนอีกข้างกอดกระชับตัวเด็กน้อยเอาไว้แน่น...ได้ยินเสียงขู่ดังระงมผสมปนเปไปกับความกลัวจนทำให้ทรงตัวแทบจะไม่อยู่ โลกทั้งโลกเริ่มจะหมุนคว้าง ภาพสุดท้ายที่มองเห็นคือหมาป่าตัวหนึ่งเริ่มที่จะกระโจนเข้าใส่ นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่นพร้อมกับเอาตัวบังเด็กน้อยที่ร้องลั่น



ท่านพี่....










ฉึก!!!!



ลูกธนูพุ่งลงปักที่พื้นดินพร้อมกับร่างของหมาป่าที่ล้มลงทันที เสียงดังโกลาหลเกิดขึ้นอยู่ที่รอบกาย



และจากนั้นก็มีเสียงของหมาป่าร้องดังระงม



เมื่อนัยน์ตาสีมรกตเปิดขึ้นอีกครั้ง กลิ่นเลือดและเสียงหมาป่าก็เงียบลงไปแล้ว....



เด็กที่อยู่ในอ้อมแขนถูกมือของหญิงคนหนึ่งมาอุ้มเอาไปพร้อมกับร้องไห้ดีใจ หญิงคนนั้นกอดลูกของเธอด้วยน้ำตานองหน้า เจ้าชายร่างบางยังคงไม่ได้สติจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ใบหน้าสวยเหม่อมองภาพตรงหน้าด้วยหัวใจที่ยังคงเต้นระรัว



แต่แล้วอ้อมแขนแข็งแกร่งของใครบางคนก็กอดกระชับมาทั้งร่าง



ท่านไม่เป็นอะไรใช่ไหม!”    เสียงคนถามสั่นเครือ ภายในอ้อมแขนได้ยินเสียงหัวใจของชายคนนี้เต้นระรัวอย่างชัดเจน...มันเต้นแรง...พอๆกับหัวใจที่หวาดกลัวสุดชีวิตของเขา....แล้วเจ้า...กลัวอะไรกัน....เราตายไปก็ไม่เห็นว่าเจ้าจะเดือดร้อนตรงไหน...



ข้าขอโทษ...ขอโทษที่ปล่อยให้ท่านต้องเผชิญกับอันตรายถึงชีวิต...ข้าขอโทษ    ใบหน้าคมซบลงที่หัวไหล่ของเขา....ขอโทษเราทำไม....เจ้าแค่จับเรากลับมาเพื่อกลั่นแกล้งทำลายศักดิ์ศรีของเราแค่นั้นไม่ใช่หรือ...หรือว่าสิ่งที่เจ้าต้องการมันยังไม่เพียงพอ...เจ้าถึงได้อยากให้เรามีชีวิตอยู่ต่อ



ปล่อย....     แขนบางข้างที่ยังใช้การได้อยู่พยายามผลักไสคนที่กอดตนอยู่ออกไป



อย่าได้มาแตะต้องตัวเรา!”    ร่างสูงใหญ่ยอมละออกไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้สั่นสะท้านมองสำรวจร่างกายบอบบางไปทั่ว มือใหญ่ใช้มีดตัดชายผ้าก่อนที่จะบรรจงพันที่ต้นแขนบางโชกเลือด



ถึงแม้จะหวาดกลัวแต่ใบหน้าสวยนั่นก็ยังคงเย่อหยิ่งเกินกว่าที่จะแสดงออกมาว่ากลัว...ใบหน้าเนียนใสของเจ้าชายยังคงเชิดขึ้น



ดีจริงๆ...ที่ข้ายังคงได้เห็นใบหน้าหยิ่งทระนงของท่านอีกครั้ง...ภาพของท่านซึ่งตกอยู่ในคมเขี้ยวของฝูงหมาป่าทำให้ใจข้าหล่นวูบ...ยอมรับว่ากลัวสุดชีวิต....ถ้าท่านเป็นอะไรไป...ข้าจะมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน....เจ้าชายน้อยของข้า







..........................................................................................................................................................................






แสงเทียนวูบไหวอยู่ภายในบ้านอันมืดมิด



อึก...   ริมฝีปากสีสดเม้มแน่นไม่ให้เสียงน่าอายเล็ดรอดออกไปได้



ทนหน่อยนะ...มันอาจจะเจ็บสักนิด...    เสียงทุ้มเอ่ยปลอบโยนร่างในอ้อมแขนซึ่งเหนื่อยล้าเกินกว่าจะขัดขืนอะไรได้อีก



อยากทำอะไรก็ทำ! ตามใจเจ้า!”    รอยแดงขึ้นสีอยู่บนใบหน้าเนียนใส...อับอายจากการถูกอุ้มมาจากริมหนองน้ำท่ามกลางสายตาของใครต่อใครยังไม่พอ ยังต้องมาตกอยู่ในสภาพน่าอายแบบนี้อีก ร่างทั้งร่างถูกจับให้นั่งอยู่บนตักแข็งแกร่งและถูกขังอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง...เพื่อที่จะ....



โอ๊ย! เบากว่านี้ไม่เป็นรึยังไง เจ้าคนป่าเถื่อน!”



ฮะ ฮะ...นี่ข้าก็พยายามอ่อนโยนกับท่านมากที่สุดแล้วนะ ทนหน่อยแล้วกัน



อึก...อื้อ....พอแล้ว!....



แรงเกินไปหรอ ? เจ็บมากไหม ?



ยังมีหน้ามาถาม แรงวัวแรงควายรึไงกันเจ้าน่ะ! ปล่อยเรา!”



แล้วร่างบางของเจ้าชายก็ดิ้นหลุดไปจนได้ มือบางลูบแขนอีกข้างปอยๆ ให้เจ้านี่ทำแผลให้เจ็บยิ่งกว่าตอนโดนหมานั่นกัดซะอีก ไม่รู้ว่ามันเอายาอะไรมาใส่ให้...หรือมันจะจงใจแกล้งเขาอีก?



นั่นน่ะสมุนไพรชั้นดีเลยนา...รับรองว่าพรุ่งนี้แผลท่านจะหายเป็นปลิดทิ้ง    ใบหน้าคมยิ้มส่งมาให้ เชื่อได้หรือเปล่าก็ไม่รู้...แล้วยิ่งวันนี้ที่หมอนี่ทิ้งเขาเอาไว้ให้โดนกลั่นแกล้งต่างๆนานาแบบนั้นด้วยแล้ว....ความเชื่อใจยิ่งกลับหายไปเป็นศูนย์



ข้าขอโทษที่ปล่อยให้ท่านอยู่คนเดียว....    และคำขอโทษนั่นยิ่งทำให้ใบหน้าสวยหันหนีไปอีกทาง....ปล่อยให้ความเงียบงันเป็นเครื่องบ่งบอกว่าเขาไม่รับคำขอโทษพวกนั้น...



เสียงสวบสาบดังอยู่ที่ด้านนอกของบ้าน ทำให้ร่างสูงจำต้องลุกออกไปดู นัยน์ตาสีมรกตปรายมองตามออกไป แลเห็นเพียงหญิงชาวชนเผ่าคนหนึ่งยืนพูดคุยในเรื่องที่เขาไม่อาจเข้าใจกันอยู่สักพัก....ไม่นานร่างสูงก็เดินยิ้มเข้ามาหาอีกครั้ง



เขามาบอกท่านว่า...ขอบคุณที่ช่วยเด็กคนนั้นเอาไว้น่ะ    นัยน์ตาสีเปลือกไม้เต็มไปด้วยความจริงใจส่งมาให้ น่าแปลกที่เขากลับรู้สึกใจเต้นไปกับคำว่า ขอบคุณ ของอีกฝ่ายมากกว่าคำว่า ขอโทษ



กะ...ก็ไม่ได้ช่วยอะไรมากนี่ คนที่ช่วยไม่ใช่เราหรอก...ต้องไปขอบคุณคนที่ยิงหมาพวกนั้นต่างหาก    แก้มใสแดงระเรื่อชวนมอง



ขอบคุณท่านจริงๆ    ใช่....ขอบคุณที่ท่านยังมีชีวิตอยู่....ขอบคุณที่ท่านเกิดมา...และขอบคุณที่ให้ข้าดูแลท่าน....








..........................................................................................................................................................................








สายตาที่มองมาในวันนี้ดูเหมือนจะเปลี่ยนไป....



ถึงแม้จะไม่มีการทักทายหรือยื่นมือเข้ามาช่วยเหมือนเดิม แต่กลับรับรู้ได้ถึงความเป็นมิตรที่ส่งมาจากสายตาพวกนั้น...



เจ้าชายร่างบางเดินหิ้วตะกร้าน้ำไปยังแปลงผักแปลงเดิม แต่แล้วสิ่งที่เห็นก็ทำให้แปลกใจ ในเมื่อแปลงผักที่ควรจะเละเทะกลับอยู่ในสภาพดียิ่งกว่าตอนที่เขาปลูกเสร็จเสียอีก นัยน์ตาสีมรกตแลมองไปรอบๆ ชาวชนเผ่ายังคงเก็บผักกันง่วนไม่มีใครยอมรับว่าเป็นคนทำให้แปลงๆนี้มีสภาพดีกว่าเดิม



แต่แล้วสายตาก็เหลือบไปเห็นผ้าขนสัตว์เส้นเล็กน่าจะเอาไว้ทำริบบิ้นตกอยู่ เมื่อจ้องมองอยู่นานก็มีมือมาคว้าไป...หญิงชนเผ่าที่แกล้งเขาเมื่อวานนี้....เธอก้มหน้าก้มตาพูดอะไรบางอย่างแล้ววิ่งหนีไป....หรือว่าเธอคือคนทำให้แปลงผักกลับมาอยู่ในสภาพเดิมกัน?



เด็กที่ท่านช่วยเอาไว้คือน้องชายของผู้หญิงคนนั้น...และเมื่อกี้เธอก็บอกท่านว่า...ขอบใจ...    ล่ามส่วนตัวก้าวมายืนเคียงข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ มือใหญ่คว้าตะกร้าน้ำไปถือเอาไว้ก่อนที่จะเดินสบายๆไปทางหนองน้ำ



บางที...การมีชีวิตอยู่ที่นี่...มันอาจจะไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดก็ได้...ท่านพี่







..........................................................................................................................................................................








ผ่านมาเป็นเดือนแล้วกับการใช้ชีวิตอยู่อย่างเรียบง่ายไร้พิธีรีตองใดๆ



เจ้าชายร่างบางนั่งอยู่ใต้เงาไม้บนเนินซึ่งมองเห็นแปลงผักได้ทั่ว ที่แปลงผักของเขากำลังเขียวขจีไปด้วยผลมะเขือเทศที่เพิ่งออกลูก...อีกไม่นานมันก็คงจะมีสีแดงสด...



นัยน์ตาสีมรกตปิดลงพร้อมกับยิ้มในใจ รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตนสร้างขึ้นมามันกำลังจะออกดอกออกผล



แต่แล้วความเย็นฉ่ำของอะไรบางอย่างก็ทำให้นัยน์ตาคู่สวยเปิดขึ้น ผลส้มแนบอยู่ที่แก้มด้วยฝีมือของร่างสูง



ข้าเอามันไปแช่ไว้ที่ลำธารที่ไหลมาจากภูเขาน้ำแข็ง เย็นๆแบบนี้มันอร่อยขึ้นกว่าเดิมนะ ไม่เชื่อท่านลองดู   แล้วมือใหญ่ก็จัดแจงปอกเปลือกส้มแล้วยื่นกลีบหนึ่งมาจ่อที่ริมฝีปากสีชมพู   อ้าม....    เสียงล้อเลียนทำให้เจ้าชายส่งสายตาดุๆไปให้ก่อนที่จะยอมอ้าปากแต่โดยดี....อร่อยอย่างที่บอกจริงๆด้วย....



เชอะ...สู้ส้มที่ถูกส่งมาที่พระราชวังสเปนไม่ได้เลยซักนิด    เขาไม่มีทางบอกหรอก..ว่าเจ้าส้มนี่มันอร่อยกว่าที่เคยกินมาทั้งหมด



ข้ารู้ว่าท่านปากแข็ง    ใบหน้าคมหันมายิ้มกวนประสาทก่อนที่จะลุกวิ่งหนี...หนอย ไอ้เจ้านี่.....รู้ได้ยังไงว่าเราจะเอาไม้ไล่ฟาดเจ้า!



ฮะ ฮะ ฮะ....    คนอารมณ์ดียังคงวิ่งหัวเราะร่าไปยังอีกฟากของเนิน โดยมีร่างบางวิ่งตะโกนด่าไล่หลังมาไม่ได้หยุด



ท่ามกลางทุ่งดอกไม้หลากสี ร่างสองร่างวิ่งไล่กันไปเรื่อยๆ จวบจนอยู่ที่กึ่งกลาง ร่างสูงใหญ่ที่เคยเป็นฝ่ายวิ่งหนีกลับหยุดชะงักลงก่อนที่จะหมุนตัวกลับไม่บอกไม่กล่าวแล้วคว้าเอาตัวบางๆของคนที่ไล่ตามมาเข้ามาไว้ในอ้อมแขนก่อนที่จะล้มลงยังผืนหญ้าหนานุ่ม



เจ้าชายร่างบางอยู่ภายใต้ร่างของเจ้าคนชนเผ่าโดยสมบูรณ์....



ดวงตาสองคู่ต่างจับจ้องมองกันนิ่งงัน ร่างกายทั้งคู่นั้นต่างหยุดนิ่ง มีเพียงดอกไม้ชูช่อที่ไหวติงไปตามกระแสลม



เสียงหัวใจที่ดังระรัวนี้เป็นของใครกัน....เราหรือเจ้า....



เพราะความอบอุ่น ความอ่อนโยน ที่ได้รับในช่วงเวลาเดือนกว่าๆนี้ทำให้หัวใจที่เดียวดายรับรู้ได้ถึงความรัก ยังมีเรื่องอีกมากมายให้ต้องสงสัยชายตรงหน้า...แต่มีเพียงเรื่องเดียวที่ไร้ข้อกังขา....หัวใจของเจ้า....และหัวใจของเรา.....



ราวกับถูกนัยน์ตาคู่นั้นตรึงเอาไว้ ใบหน้าคมโน้มเข้ามาใกล้แต่ร่างบางก็ไม่คิดที่จะหลบ....



ทั้งๆที่รู้ว่าผิด....เขาเป็นผู้ชายและเป็นเจ้าชายจะยอมให้เกิดเรื่องผิดจารีตแบบนี้ไม่ได้...



แต่เสียงหัวใจที่ร่ำร้องโหยหาใครบางคนมาโดยตลอดมันกลับดังขวางกั้นความผิดชอบชั่วดีที่สั่งการจากสมอง



อยากจะมีใครสักคนอยู่เคียงข้าง...ต่อให้ต้องถูกปลดจากการเป็นเจ้าชายเขาก็ยอม...



ลมหายใจนั้นใกล้เข้ามาเรื่อยๆ ริมฝีปากนั้นแทบจะแนบชิด



แต่แล้วกลับเป็นร่างสูงที่หยุดชะงักไป นัยน์ตาสีเปลือกไม้มีแววไม่มั่นคงอยู่ชั่วครู่ ก่อนที่จะละออกไปให้ร่างบางงงงัน



ข้า...ขอโทษ...    ใบหน้าคมหันมาส่งยิ้มฝืนๆ ก่อนที่จะลุกขึ้นนั่งแล้วมองไปอีกทาง จึงไม่ได้เห็นนัยน์ตาสีมรกตที่เจ็บปวด



อะ...อื้อ....    ทำได้แค่เพียงเปล่งเสียงเบาๆ เพราะในใจนั้นสับสนระคนเจ็บแปลบ....เจ้า...รังเกียจเรา.....



กลับกันเถอะนะ    ร่างสูงใหญ่ลุกขึ้นยืนก่อนจะก้าวเดินนำออกไป....ข้าจะทำแบบนั้นกับท่านไม่ได้....ข้าต้องห้ามตัวเองให้อยู่....ถึงแม้หัวใจจะห้ามไม่ได้แล้ว...แต่ข้าจะทำลายเกียรติยศของท่านด้วยการทำเรื่องแบบนั้นไม่ได้....เจ้าชายน้อยของข้า







..........................................................................................................................................................................






ทำไมเราถึงมาอยู่ที่นี่....

ทั้งๆที่ไม่ใช่ที่ของเรา....

เพราะเราเชื่อว่าเราจะเริ่มต้นใหม่กับเขาได้....

แต่มันไม่ใช่....

เขารังเกียจเรา....

แล้วเราจะอยู่ที่นี่ต่อไปเพื่ออะไร....





เจ้าชายร่างบางอาศัยความมืดซ่อนเร้นร่างกายหายออกไปจากหมู่บ้าน



เราต้องกลับไปยังที่ของเรา ถึงแม้จะทำอะไรไม่ได้ แต่อย่างน้อยก็น่าจะต้องลงมือทำอะไรสักอย่าง ถึงแม้จะต้องถูกฆ่าตาย ก็ไม่มีสิ่งใดที่เราต้องยึดติดอยู่บนโลกใบนี้อีกแล้ว...ท่านพี่ที่อยู่ไกลแสนไกล....เขาที่รังเกียจเรา....สุดท้าย...สิ่งที่เรียกว่าความรักคืออะไรเราก็ไม่อาจสัมผัสได้เลย....



เราไม่ใช่คนที่จะถูกรัก....












แสงสลัวๆของยามเช้าเริ่มจะสาดส่องเข้ามายังปราสาท ทุกชีวิตยังคงหลับใหลจึงไร้เสียงใดๆ



ร่างบางคลุมศีรษะด้วยผ้าหนังสัตว์เดินอย่างเงียบเชียบไปยังห้องเอกสาร...อย่างน้อยถ้าหาหลักฐานการฉ่อโกงแล้วส่งไปยังราชวงศ์สเปน...คงจะมีใครสักคนมาตรวจสอบที่นี่...ถึงตอนนั้นเขาค่อยปรากฏตัวให้รู้ว่าเขายังไม่ตายและเปิดโปงแผนร้ายของสองคนนั่น



มือบางเที่ยวรื้อค้นเอกสารไปทั่ว...ต้องยอมรับว่าสองคนนั้นปกปิดเอกสารได้อย่างแนบเนียน แต่ก็มีหลายจุดที่ถ้าตรวจสอบดูดีๆจะพบว่ามีอะไรบางอย่างที่ไม่ชอบมาพากล เสียดายที่ตอนนั้นเขามีเวลาน้อยเกินไปจนไม่ได้ตรวจสอบเอกสารพวกนี้ และตอนนั้นเขาก็ยังเชื่อใจ...มากเกินไป....



แสงอาทิตย์เริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ ได้ยินเสียงจากทางโรงครัวแว่วมา สงสัยว่าวันนี้คงตรวจสอบได้แค่นี้



มือบางจำต้องวางเอกสารลง แล้วเก็บให้เข้าที่ดังเดิม ยกผ้าหนังสัตว์ขึ้นมาคลุมศีรษะอีกครั้งก่อนที่จะเร้นกายออกไปจากประตูห้อง



ท่ามกลางความเงียบเชียบของโถงทางเดิน เงาร่างบอบบางเดินหลบไปตามมุมเสาและโต๊ะวางแจกันใบใหญ่ อีกสองทางเลี้ยวก็จะหนีออกไปจากตัวปราสาทได้แล้ว



แต่ด้วยความที่มัวระวังข้างหน้า จึงไม่เห็นสาวใช้ที่เดินอยู่ข้างหลัง เสียงตะโกนกรีดร้องจึงดังขึ้นทันที



เจ้าเข้ามาได้ไงเนี่ย! ช่วยด้วย! มีคนชนเผ่าอยู่ในนี้!”    เสียงโหวกเหวกของสาวใช้ทำให้ร่างบางออกวิ่งทันที แต่ทหารก็มาเร็วกว่าที่คิด ทั้งทางหน้าและทางหลังต่างวิ่งมาต้อนจนแทบชนมุม...ไม่มีทางให้หนีอีกต่อไปแล้ว...จะทำยังไงดี....



ถ้าถูกจับได้ พวกนั้นต้องรู้แน่ว่าเขายังไม่ตาย...



และคราวนี้ก็คงจะถูกทำให้ตายจริงๆ



ในขณะที่ใจเต้นระส่ำ มือปริศนาก็คว้าลำตัวบางเข้าไปยังซอกหลืบซอกหนึ่ง ไม่นานผนังที่เป็นรูอยู่เมื่อครู่ก็กลับไปเรียบดังเดิม....ตรงนี้มีประตูกล!



มือใหญ่ที่แสนอบอุ่นของคนที่คุ้นเคยจับมือบางแล้วลากลงไปตามบันไดเวียนหินท่ามกลางคบเพลิงสลัวๆ ไร้ซึ่งเสียงพูดคุยใดๆ มีเพียงบรรยากาศน่ากลัวและกดดันส่งมาจากร่างสูงใหญ่เพียงเท่านั้น....หรือว่าเจ้าจะโกรธที่เราหนีเจ้ามา...



จวบจนถึงทางตัน มือใหญ่กลับผลักผนังหินทึบๆนั่นออกไปอย่างง่ายดาย....ข้างนอกคือบริเวณด้านหน้าโรงเก็บไม้ที่ถูกไฟไหม้



ปล่อยเรา!”    เจ้าชายร่างบางพยายามสะบัดมือให้หลุดจากการจับกุม



ท่านรู้ไหมว่าสิ่งที่ท่านทำอยู่มันอันตรายแค่ไหน ทำไมไม่รักตัวเองบ้าง!”    คนที่อารมณ์ดีอยู่ตลอดกลับตวาดออกมาอย่างเหลืออด...นี่ถ้าเขามาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น....ตอนนี้เขาโกรธ...โกรธมากที่ตื่นขึ้นมาแล้วก็รู้ว่าร่างบางหนีไป แล้วยิ่งโกรธหนักกว่าเดิมเมื่อรู้ว่าร่างบางกำลังจะเอาชีวิตเข้ามาเสี่ยงเพื่อทำอะไร



จะรักไปเพื่ออะไรในเมื่อไม่มีใครรักเราสักคน! เจ้าเองก็รังเกียจเราไม่ใช่หรือ แล้วจะเก็บเราเอาไว้ทำไม!”    นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกมองมาอย่างน้อยใจ ทำให้ร่างสูงถึงกับชะงัก...หรือว่า.....



เฮ้อ....ท่านผิดเองนะ....ทั้งๆที่ข้าห้ามตัวเองจนแทบจะคลั่งตายอยู่แล้ว    พูดจบสองแขนแกร่งก็ยกร่างบางของเจ้าชายขึ้นพาดบ่า สองขาออกเดินอย่างมั่นคงไปยังทางที่จากมา ผืนป่าช่วยอำพรางสองร่างให้หายไป ทิ้งเอาไว้เพียงเสียงโกลาหลจากปราสาทที่เบื้องหลัง....






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....ไป....ไป.........




ยามะจะพาก๊กไปทำอะไร ? ก็เรื่องนี้มัน NC-17นี่นะ...ครึ ครึ...โปรดเตรียมทิชชู ผ้าเช็ดหน้า ผ้าขนหนู(?)

อ้า...และแล้ว 2ตอนก็ไม่จบ ^ ^”   ทำม๊ายยยยย >[ ]<




3 ความคิดเห็น:

  1. ยามะช่วยหนูก๊กไว้จริงๆด้วยยย เย๊ววววววว
    เห้นใจก๊กแต่ก็เข้าใจพวกชาวเผ่า โดนคนเมืองทำแบบนั้นเอาไว้
    ไม่เกลียดก็แปลกแล้ว แต่หนูก๊กก็ทำให้ทุกคนยอมรับจนได้ วะฮิ๊ว
    แต่น่าสงสารจริงๆตอนที่โดนทำลายแปลงผักแล้วผู้หญิงคนนั้นก็เ้ข้ามาผลัก

    หนูก๊กกล้ามากที่ไปช่วยเด็กคนนั้น หมาเยอะแยะนะหนู
    ไอ้หมาบ้านั่นมันกัดซ้ำแผลเก่า โฮกกก เจ็บอยู่แล้วเลยเจ็บกว่าเดิม ฮื่อ
    ยามะต้องรู้ผิดมากแน่ ว่าแต่ยามะแกเป็นใครกันแน่เนี่ย
    เจ้าชายน้อย .. เจ้าชายน้อย .. ยามะเป็นใครมาจากไหน TT?

    เข้าใจก๊กที่เข้ามาในห้องเอกสาร จะได้หาหลักฐานมัดตัวได้
    แต่มันก็เสี่ยงเกินไปจริงๆนั่นแหล่ะค่ะ = ='
    ก๊กนะก๊ก ทำยามะหวาดเสียวหลายรอบเหลือเกิ๊น

    สุดท้ายก็ .. เผยไต๋ว่า เค้ารังเกียจถึงไม่ยอมแตะต้อง ?
    เค้าจะปกป้องตัวเองหรอก เข้าใจผิดแล้วก๊ก
    เป็นไงทีนี้ ตอนต่อไป .. โดนแน่ๆก๊กเอ๊ยยยยยยยยยยยยยย

    ตอบลบ
  2. คืออ่านมาทั้งตอนริยารู้สึดคาใจม๊ากกมากก=A=

    ยามะเป็นอะไรกับก๊กกันนะ!!= = เฮ้ย คาใจ คาใจสุดๆ นี่มันอะไรกันอะ !! เฮ้ยยยยย มันต้องมีเบื้องลึกเบื้องหลังอะไรเเน่ๆเลยอะ เเล้วท่านพี่ที่ว่านี่คุณฮิรึเปล่าเนี่ย? เมฆา...อืม...

    เเละ...หนูก๊กลูกกกกกกกกกกกกกกกก หนูไม่รักตัวเองเลยเรอะ!!=[]= หมาป่าเอย บุกกลับไปคนเดียวเอย ไม่เห็นเเก่ตัวเองก็เห็นเเก่ยามะกับเเม่ยกเถอะลูกTT[]TT จะเป็นลมเเทน!!

    ยามะสุภาพบุรุษละ =[]= กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดด หาได้ยากยิ่งนัก !!! กรี๊ดดดดดดดดดดดด ห้ามใจก็ดีอยู่หรอกน้า เเต่น้องก๊กงอนเเล้ววว =[]= กรรม!! //เดี๋ยวก่อนสิลูก

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ1 สิงหาคม 2566 เวลา 09:10

    ยามะเคยรู้จักก๊กมาก่อนใช่ไหม ใช่แน่ๆๆ

    ตอบลบ