[Au S.Fic] 8059 --- ใต้เงาซากุระ :
Opening ---
:
KHR Fanfiction AU
:
8059
:
Romance
:
NC-17
คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ท้องฟ้ามืดครึ้ม....
เสียงโห่ร้องดังกึกก้องไปทั่วผืนป่าที่รายรอบ....
เลือดแห่งนักรบไหลนองทาทั่วทั้งแผ่นดิน....
ถึงชีพจะสิ้นแต่ชื่อนั้นจะจารึกชั่วกาลนาน....
สงคราม ณ ทุ่งเซกิกาฮาระในครั้งนี้นั้นจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายตะวันออก กองทัพที่แตกพ่ายจนย่อยยับเหลือทิ้งเอาไว้เพียงกลิ่นคาวเลือดน่าสะอิดสะเอียด เสียงนกกินศพร้องระงมอยู่เหนือน่านฟ้า กลุ่มควันจากเพลิงไหม้ลอยคละคลุ้งทำให้บรรยากาศดูน่าสยดสยอง ชุดเกราะเปื้อนเลือดเกรอะกรังจมอยู่ในกองโคลน ธงชัยที่เคยสง่างามหักครึ่งปักอยู่ที่ซากของสิ่งเคยมีชีวิต..........ทุกอย่างเงียบสงบลงแล้ว...เหมือนกับเสียงลมหายใจของร่างที่หลับใหลอยู่ ณ ทุ่งแห่งนี้...นับพัน....นับหมื่น.....
กริ๊ง........
กริ๊ง..................
เสียงกระพรวนใสกังวานดังแว่วมาจากที่ไหนสักแห่ง ยิ่งฟังมันก็ยิ่งใกล้เข้ามาเรื่อยๆ .........กริ๊ง...กริ๊ง...........เสียงดังสม่ำเสมอราวกับว่าเป็นเสียงของกระพรวนที่ผูกอยู่ที่คอของสัตว์สักตัวแล้วมันกำลังกระโดดใกล้เข้ามาเรื่อยๆ....เรื่อยๆ.....
ดวงตาที่อ่อนล้าค่อยๆลืมขึ้นอย่างยากเย็น รอบตัวเต็มไปด้วยแสงสว่างจนขาวโพลน เงียบสงบและว่างเปล่า มีเพียงอุ้งเท้าสีเงินที่วางอยู่ตรงหน้าร่างที่นอนคว่ำ เมื่อฝืนเงยหน้าขึ้นไปนัยน์ตาคู่หนึ่งก็จ้องเขม็งมองลงมา เสียงกระพรวนที่ได้ยินคงจะเป็นกระพรวนจากคอเจ้าหมาจิ้งจอกตัวนี้นั่นเอง นัยน์ตาที่อ่อนแรงปิดลงอีกครั้ง สัมผัสนุ่มนิ่มของอะไรบางอย่างคลอเคลียอยู่ที่แก้มตามมาด้วยสัมผัสเย็นๆแฉะๆ.....ลิ้น?....หรือว่าเจ้าหมาตัวนั้นกำลังเลียหน้าเขาอยู่.....แต่ก็ดูเหมือนสติที่พยายามรั้งเอาไว้จะค่อยๆหลุดลอยไปช้าๆ....ช้าๆ......
กลิ่นหอมอ่อนๆและสายลมบางเบาลอยมากระทบใบหน้า นัยน์ตาสีเปลือกไม้ค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้งท่ามกลางสติที่เลื่อนลอย....
ที่นี่....ที่ไหนกัน......
รอบกายนั้นช่างเงียบสงบทุกสิ่งทุกอย่างราวกับว่ากำลังหยุดนิ่งไร้สิ่งมีชีวิต ไม่มีจิตสังหารไม่มีจิตใจที่เลวทรามของมนุษย์ให้จับความรู้สึกได้เลย เหมือนที่นี่อยู่ในห้วงเวลาที่ไม่มีจริงบนโลก.....เสียงเสียดสีกันของใบไม้ดังซู่ เมื่อจู่ๆลมก็พัดเข้ามา ทำให้ใบหน้าหล่อคมหันไปมองตามต้นเสียง ฝั่งหนึ่งของห้องแบบญี่ปุ่นที่เขานอนอยู่เปิดประตูบานเลื่อนเอาไว้ทั้งหมดทำให้มองเห็นต้นซากุระใหญ่ต้นหนึ่งซึ่งไม่มีใบเหลืออยู่เลย เสียงเสียดสีเมื่อครู่คือเสียงของกลีบดอกซากุระ ที่กำลังเบ่งบานสะพรั่งอยู่เต็มต้น กลีบบอบบางสีชมพูปลิวว่อนไปทั่ว ภาพที่เห็นนั้นช่างงดงามละมุนละไม แสงสว่างจ้าจากเบื้องหลังทำให้ไม่สามารถมองเห็นได้เลยว่าที่หลังต้นซากุระนั้นมีอะไรอยู่
เหมือนกับที่นี่....มีเพียงบ้านหลังนี้กับต้นซากุระต้นนั้น....เพียงเท่านั้นเอง
ร่างสูงใหญ่พยายามที่จะลุกขึ้นนั่ง แต่แล้วความเจ็บแปลบจากบาดแผลที่พาดผ่านจากแผ่นอกถึงหน้าท้องก็ทำให้นึกออกทันทีว่าเหตุใดเขาจึงมาอยู่ที่นี่...ที่ที่แม้แต่ตัวเองก็ไม่รู้จัก...
เขาคงโดนใครสักคนช่วยชีวิตเอาไว้สินะ....
มือใหญ่กำแน่นนึกเจ็บใจในความอ่อนด้อยของตัวเอง ที่ไม่อาจนำกองทัพให้ยึดครองชัยชนะเอาไว้ได้ เขาไม่มีหน้า ที่จะมีชีวิตอยู่....เมื่อนึกถึงเหล่าลูกน้อง นึกถึงทหารหาญที่ต้องมาสละชีพของตัวเองภายใต้การนำทัพของเขา.....ใช่แล้ว....เขาคือแม่ทัพที่ปราชัยในสงคราม ณ ทุ่งเซกิกาฮาระในครั้งนี้....
ไม่รู้ว่าป่านนี้....ผู้นำและแม่ทัพคนอื่นๆจะเป็นอย่างไรบ้าง ทหารที่ต้องมาเสียไปมากมายในศึกครั้งนี้ จะเตรียมตัวและเรียกขวัญกำลังใจให้ทหารที่เหลืออยู่แล้วนำทัพโดยแม่ทัพคนอื่นๆทันหรือเปล่า....แค่คิด...ก็รู้สึกเจ็บใจจนไม่อาจให้อภัยตัวเองได้อีก....เขาทำให้กองทัพต้องเสียชื่อ ทำให้ผู้นำต้องเสียแผ่นดิน....เขาสมควรแล้วที่จะต้องตายเพื่อชดใช้ความผิด!
ครืดดดดด....
ประตูบานเลื่อนเปิดออกพร้อมกับกลิ่นหอมของอาหารโชยเข้ามา แต่ร่างสูงใหญ่ซึ่งยังคงนั่งก้มหน้าเจ็บแค้นตัวเองก็ยังไม่ยอมหลุดออกมาจากความมืดมิดของจิตใจ
ปึ้ก.....
ถาดไม้วางลงตรงหน้าโดยไร้ความนุ่มนวล ใบหน้าหล่อคมซึ่งก้มลงอย่างเจ็บปวดแลเห็นเพียงแค่ถ้วยข้าวต้มบนถาดไม้ สองมือใหญ่ที่ยกขึ้นกุมหัวพลอยสั่นระริก ในใจที่กำลังโกรธแค้นตัวเองพาลไปนึกโทษคนที่นั่งลงข้างๆว่า ยุ่งไม่เข้าเรื่องที่มาช่วยชีวิตเขาเอาไว้
เพล้ง!!!
ถ้วยข้าวต้มถูกปัดจนแตกกระจายเต็มพื้นห้องด้วยมือใหญ่
“ เจ้าจะมาช่วยข้าเอาไว้ทำไม ปล่อยให้ข้าตายๆไปซะ ได้ยินไหม...ได้ยินไหม!!!” ความโกรธทำให้ขาดซึ่งสติร่างสูงใหญ่ขยับเข้าไปผลักคนตรงหน้าแล้วเขย่าไหล่บางๆนั้นไปมา ร่างที่เล็กกว่าไม่ทันได้ตั้งตัวจึงล้มลงไปทับที่ข้าวต้มร้อนๆจนมือบางนั้นสะดุ้งชักกลับมา ใบหน้าสวยหันกลับมามองชายหนุ่มที่บ้าคลั่งอย่างตกใจ
นัยน์ตาสีมรกตหวาดกลัวทำให้คนที่กำลังคลุ้มคลั่งถึงกับหยุดชะงัก
ร่างบอบบางในกิโมโนสีขาวบริสุทธิ์ลุกขึ้นแล้ววิ่งหนีออกจากห้องไปทันที ร่างสูงใหญ่ที่ชะงักค้างหันมองตามไป ภาพที่เห็นเมื่อครู่ยังคงตราตรึงอยู่ทั่วทุกอณูของร่างกาย ใบหน้าสวยหวานที่ตื่นตระหนก นัยน์ตาสีเขียวมรกตงดงามราวกับอัญมณีที่มองมาอย่างหวาดกลัว ริมฝีปากสีแดงระเรื่อตัดกับความขาวเนียนของใบหน้า เส้นผมสีเงินเป็นประกายยาวประบ่า.....งดงาม....งดงามจนไม่อาจละสายตาได้....
“ อึก.....” หลังจากนั่งสงบสติอารมณ์อยู่พักใหญ่ ร่างสูงจึงตัดสินใจที่จะเดินออกไป.....เมื่อครู่เขาเผลอทำร้ายร่างบอบบางนั่น....มือเล็กๆนั่นโดนข้าวต้มร้อนๆลวกเอาคงจะเจ็บมิใช่น้อย...นึกโทษตัวเองอีกครั้ง...ทั้งๆที่เด็กคนนั้นช่วยเขาเอาไว้แท้ๆก็ยังพาลไปทำร้ายได้ลง....เขานี่มันไม่น่าให้อภัยจริงๆ
ร่างสูงใหญ่สวมยูคาตะที่พับวางไว้อย่างเรียบร้อยข้างฟูกนอน แต่สัมผัสที่แสบผิวทำให้ไม่อาจสวมท่อนบนของร่างกายได้ จึงปล่อยแผ่นอกที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลเอาไว้อย่างนั้น แล้วค่อยๆยันตัวลุกขึ้น ความเจ็บร้าวจากทั่วร่างยังคงแล่นลิ่วขึ้นมาทำให้การทรงตัวสั่นสะท้าน หลังจากยืนนิ่งพิงฝาผนังห้องอยู่พักใหญ่จึงตัดสินใจที่จะเดินออกไป
ขาที่สั่นน้อยๆก้าวเดินไป มือใหญ่ยึดเกาะผนังไปเรื่อยๆราวกับว่ามันเป็นไม้เท้าช่วยพยุงตัว ไล่เปิดประตูห้องแล้วห้องเล่าแต่ก็ไม่เห็นร่างของคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้เลย....บ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่เลยอย่างนั้นหรือ ทำไมมันช่างเงียบเชียบไร้ชีวิตชีวาได้ขนาดนี้
ในที่สุดแผ่นหลังบอบบางของร่างที่มีผมสีเงินก็มองเห็นอยู่ตรงหน้า เด็กคนนั้นกำลังนั่งก้มหน้ามองฝ่ามือของตัวเองอยู่ที่ระเบียงบ้านฝั่งตรงข้ามกับห้องที่เขานอนอยู่
“ ข้า...ขอโทษ....เจ้าเจ็บมากหรือเปล่า” ร่างสูงใหญ่พยายามพยุงตัวเองให้เข้าไปใกล้ แลเห็นใบหน้าสวยมีแววตระหนกเล็กๆ ก่อนที่นัยน์ตาสีมรกตคู่นั้นจะกลับมาแข็งกร้าวแบบที่เขาไม่ได้เห็นเมื่อครู่....
“ ..........” คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากัน ดวงตาคู่นั้นจ้องเขม็งมองมาที่ร่างสูงที่ค่อยๆหย่อนตัวนั่งลงเคียงข้าง
“ พอดีว่าข้า...อารมณ์ไม่ดีนิดหน่อยเลยเผลอไปลงกับเจ้า...ข้าขอโทษนะ” ไม่รู้ว่าทำไม ความเจ็บใจความแค้นเคืองความหงุดหงิดทั้งหลายนั้นราวกับว่ามันจะมลายหายไปเมื่อได้มานั่งอยู่ข้างๆร่างบอบบางคนนี้
“ งี่เง่า! เจ้าโกรธใครมาแล้วจะเอามาลงกับข้าได้อย่างนั้นหรือ เจ้าไม่มีสิทธิ์จะทำแบบนั้นได้นะขอให้รู้ไว้!” ใบหน้าสวยนั่นบึ้งตึงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ไม่มีแววตื่นกลัวในดวงตาสีมรกตคู่นั้นอีก กริยาท่าทางแสนงอนนั้นช่างตรงข้ามกับสิ่งที่เขาจินตนาการเอาไว้นัก
ดูจากรูปร่างบอบบางดูอ่อนแอ...นึกว่าจะอ่อนหวานน่ารัก...ที่ไหนได้เด็กตรงหน้ากลับห้าวหาญกว่าที่คิดเอาไว้มากมายนัก
“ ฮะ ฮะ...ข้าก็ขอโทษแล้วไง แล้วมือเจ้าเป็นอะไรมากหรือเปล่า ไหน....ให้ข้าดูซิ” มือใหญ่จับมือเล็กขึ้นพิจารณา รอยแดงๆขึ้นเป็นแถบตัดกับผิวขาวเนียนละเอียดอย่างชัดเจน
“ ขอโทษแล้วมันหายรึไง! ข้าเจ็บมากๆเจ้ารู้รึเปล่า!” น่าแปลก...ที่ถ้อยคำเอาแต่ใจนั้นมันยิ่งส่งให้เด็กคนนี้ดูน่ารักน่าเอ็นดูมากกว่าจะดูน่ารำคาญ....ดูน่าแกล้งจนอดใจไม่ไหว
“ อ๊ะ!...เจ้าทำอะไรน่ะ...” ใบหน้าสวยขึ้นสีแดงระเรื่อเมื่อใบหน้าคมคายก้มลงไปเลียที่แผลบนฝ่ามือเล็ก
“ แผลน้ำร้อนลวกมันต้องทำให้เย็นขึ้น ไม่เช่นนั้นแผลมันจะอาการหนักกว่าเดิม....พอดีว่าข้าไม่เห็นว่าบ้านเจ้ามีน้ำอยู่ตรงไหนน่ะนะ” ใบหน้าคมเงยขึ้นมายิ้มทะเล้นให้ใบหน้าสวยที่แดงเถือก มือเล็กชักกลับไปทันทีแล้วร่างบางๆนั่นก็ลุกขึ้นวิ่งหนีหายไปอีกครั้ง
อ้า....แต่คราวนี้ข้าคงไม่มีแรงเดินตามเจ้าไปแล้วละ....ความเหนื่อยล้าพาเอาดวงตาปิดลงอีกครั้ง....ร่างสูงใหญ่นั่งหลับพิงเสาไม้อยู่ตรงปลายระเบียง....
“ นี่......”
“ นี่!”
แว่วเสียงเรียกของใครบางคน แต่อากาศที่กำลังสบายก็ทำให้คนที่เผลอหลับไม่อยากจะลืมตาขึ้นมา จนกระทั่ง...
“ ไอ้เจ้าบ้าตื่นขึ้นมาเดี๋ยวนี้นะ!” ร่างทั้งร่างโถมลงไปบนร่างกายหนา...ถึงตัวจะเล็กๆแต่ในยามที่ร่างสูงใหญ่บาดเจ็บอยู่แบบนั้นมันก็ทำให้น้ำตาแทบจะร่วง....นี่เจ้าเป็นหมารึยังไง โถมเข้ามาได้.....นัยน์ตาสีเปลือกไม้เปิดขึ้นมาพร้อมกับน้ำตาเล็ด
“ อูย.....เจ้า....” มือใหญ่ลูบผ้าพันแผลที่แผ่นอกเบาๆ
“ ข้าล้างมันเรียบร้อยแล้ว....แล้วต้องทำไงต่อ” ร่างบางยกมือเล็กมาให้ดู รอยแดงเมื่อครู่ดูเหมือนจะเบาบางลง....นี่เจ้าทับข้าเจ็บแทบตายเพื่อให้ตื่นขึ้นมาดูแผลเท่าแมวข่วนให้เจ้าเนี่ยนะ....เอาแต่ใจได้น่ารักเกินไปแล้ว!
“ เฮ้อ....เจ้ามียาหรือสมุนไพรเย็นๆอะไรบ้างไหม....อย่างเช่นพวกว่านอวบน้ำอะไรพวกนี้น่ะ เอามาแปะๆไว้มันก็จะช่วยได้”
“ งั้นหรอ....” แล้วร่างบางๆนั่นก็ผลุบหายไปอีกครั้ง....เริ่มจะสงสัยแล้วสิ...ว่าใครคือคนที่ทำแผลฉกรรจ์ตามร่างกายของเขากันแน่....แต่เมื่อเหลียวมองไปรอบกายก็ไม่เห็นว่าจะมีวี่แววของใครอีก...
เด็กคนนั้น....อยู่ที่นี่คนเดียวอย่างนั้นหรือ.....
“ แบบนี้หรอ” จู่ๆก็โผล่ออกมาเล่นเอาร่างสูงสะดุ้งเฮือก เมื่อหันไปมองก็เห็นใบยาวๆของว่านชนิดหนึ่งวางแปะอยู่บนมือเล็ก
“ ต้องปอกเปลือกมันออกก่อน...วางเอาไว้เฉยๆแบบนั้นยางมันจะซึมเข้าไปรักษาแผลได้ไงล่ะ”
“ งี่เง่า! แล้วทำไมเจ้าไม่บอกก่อนล่ะ!” ตกลงข้าที่ไม่ได้บอกเจ้านี่ งี่เง่าใช่ไหม? ใบหน้าสวยบูดสนิทพร้อมส่งมีดเล่มเล็กมาให้เขา....แปลว่า....เขาต้องปอกให้งั้นสินะ
“ นี่...เจ้าชื่ออะไรน่ะ” ในขณะที่มือก็ปอกปากก็เอ่ยถามร่างบางที่นั่งมองอย่างสนใจอยู่ข้างๆ
“ จะถามชื่อคนอื่นก็บอกชื่อตัวเองมาก่อนสิ” อ้า...นั่นสินะ....ฮะ ฮะ
“ ยามาโมโตะ ทาเคชิ....ทีนี้บอกชื่อเจ้าได้รึยัง” ถึงเขาจะเป็นคนที่ใจดีคนหนึ่ง แต่ภาพของแม่ทัพแห่งกองทัพฝ่ายตะวันตกผู้ที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ท่ามกลางสนามรบแทบจะตลอดเวลา จะมานั่งคุยกับร่างบางๆที่ดูๆไปแล้วน่าจะเด็กกว่าเป็นสิบปีแบบนี้ก็ไม่ใช่ภาพที่เคยคิดเลยแม้แต่น้อย
“ โกคุเดระ ฮายาโตะ” มือใหญ่วางว่านที่ปอกแล้วลงไปบนมือเล็ก
“ หื๋ม...ข้านึกว่าเจ้าจะชื่อ ฮายาโกะ อะไรแบบนี้เสียอีกนะ...สวยๆแบบนี้แต่ชื่อห้าวหาญดีจัง โอ๊ย!!!” กัดข้าทำไมเนี่ย นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองรอยฟันที่เรียงสวยอยู่บนมือตัวเอง
“ ข้าเป็นผู้ชายก็ต้องชื่อแบบนี้สิ เจ้านี่มันงี่เง่าหรือเปล่า!” ว่าไงนะ! เจ้าน่ะหรอผู้ชาย....แม่ทัพหนุ่มมองคนตรงหน้าอย่างไม่เชื่อสายตา ใบหน้าสวยบูดสนิทและร่างบางๆนั่นเตรียมจะลุกหนีอีกครั้ง
“ โกคุเดระ” แต่มือใหญ่ก็จับมือเล็กๆนั่นเอาไว้เสียก่อน
“ ยังไงก็ขอบใจเจ้ามากนะ....ขอบใจที่เจ้าช่วยชีวิตที่ไร้ค่านี้เอาไว้....” รอยยิ้มหม่นหมองถูกส่งไปให้พร้อมกับคำขอบคุณ ทำเอาคนที่ได้รับถึงกับหยุดชะงัก
“ ไม่เป็นไร....เพราะเจ้ามันงี่เง่า....” มือเล็กยกขึ้นลูบเส้นผมสั้นสีดำราวกับกำลังปลอบโยน
น่าแปลก....ทั้งๆที่เมื่อครู่ข้ายังไม่อยากที่จะมีชีวิตอยู่แท้ๆ....แต่ตอนนี้......
แค่เจ้าเข้ามายืนอยู่ตรงหน้าข้ากลับเสียดายชีวิต....ข้าไม่อยากตายเพราะต้องละสายตาจากเจ้าไป....
น่าแปลก....น่าแปลกจริงๆ.....
กริ๊ง....กริ๊ง........
เสียงกระพรวนใสกังวานดังก้องอยู่ไกลๆ....เสียงของอะไรกัน ?
รุ่งเช้าที่สองซึ่งลืมตาตื่นขึ้นมาท่ามกลางแสงสว่างและกลีบซากุระที่โปรยปราย....ร่างสูงลุกขึ้นนั่งช้าๆเหลียวมองรอบกายก็ไม่เห็นใบหน้าของคนที่ช่วยชีวิตเขาเอาไว้....มีเพียงความรู้สึกเบาสบายที่ร่างกาย ความเจ็บปวดจากบาดแผลฉกรรจ์ดูเหมือนจะหายเร็วเกินกว่าที่จะเรียกว่าปกติได้ สัมผัสนุ่มนิ่มของอะไรบางอย่างยังคงตกค้างอยู่บนรอยแผล....แต่ก็ไม่รู้เลย...ว่ามันคืออะไร
มือใหญ่กระชับยูคาตะสีเข้มเพื่อกันความเย็นที่อยู่รอบกาย ก่อนที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้จะเหลือบไปเห็นประกายสีเงินของอะไรบางอย่างที่ติดอยู่ที่ยูคาตะ
ขนสัตว์ ?
ครืดดดดด....
เสียงประตูเลื่อนเปิดออกทำให้ต้องละสายตาและความสนใจไปมองคนที่เข้ามาใหม่ ร่างเล็กบางถือถาดข้าวต้มหอมกรุ่นเดินเข้ามา
วันนี้โกคุเดระสวมกิโมโนสั้นแค่เข่า เขาจึงเพิ่งจะเห็นว่าที่ข้อเท้าเล็กมีสร้อยข้อเท้าและที่ติดอยู่บนนั้นคือกระพรวนเล็กๆสองอัน....ถึงแม้เสียงจะไม่ใสกังวาน แต่ก็พาลให้นึกถึงสิ่งที่อยู่ในฝัน.....
“ ข้าวของเจ้า” มือเล็กยังคงวางถาดลงไม่ได้นุ่มนวลเช่นเคย
“ แขนข้ายังเจ็บอยู่...เจ้าก็เห็น........” ถ้าใครมาเห็นเข้าคงต้องนึกขำแน่ ที่ชายชาติทหารแบบเขาจะมาออดอ้อนต่อเด็กตัวบางๆแบบนี้ แล้วยิ่งเจ้าตัวไม่ใช่หญิงสาวด้วยแล้ว...ถึงแม้จะแปลก แต่มันคือสิ่งที่เขาอยากทำกับคนตรงหน้าจากใจจริง
“ ฮึ่ม....งั้นก็เลียเอาสิ”
“ ข้าไม่ใช่หมานะ.....โกคุเดระ....ป้อนหน่อยสิ....นะ.....” ใบหน้าสวยนั่นออกอาการฟึดฟัดขึ้นมาทันที แต่ก็เพราะใบหน้าแสนงอนแบบนั้นนั่นแหละที่ทำให้เขาอยากจะแกล้ง
“ ร้อน....” แกล้งบ่นไปทั้งๆที่จริงแล้วข้าวต้มกำลังอุ่นพอดี ใบหน้าใสขึ้นสีนิดๆก่อนที่จะยอมก้มลงไปเป่าข้าวในช้อนให้ด้วยท่าทางไม่เต็มใจสุดๆ แต่ท่าทางแบบนั้น ยิ่งเห็นกลับยิ่งรู้สึก....ชอบ....
“ จริงสิโกคุเดระ....เหมือนข้าจะจำได้ลางๆว่าข้าเคยเห็นสุนัขจิ้งจอกขนสีเทาๆตัวหนึ่ง ที่คอของมันมีกระพรวนด้วย...มันใช่สุนัขของบ้านเจ้าหรือเปล่า” เพราะกระพรวนที่ข้อเท้าเล็กเลยทำให้นึกถึงกระพรวนที่คอของสุนัขตัวนั้น ซึ่งเขาเองก็ไม่แน่ใจว่าภาพที่เห็นคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงหรือเปล่า....บางที...มันอาจจะช่วยชีวิตเขาไว้หรือไม่ก็มาตามโกคุเดระให้ไปช่วยเขา.....ถ้าใช่...ก็แค่อยากจะขอบคุณ
“ จะ...จะไปมีได้ไงเล่า เจ้าก็เห็นนี่ว่าข้าอยู่ที่นี่คนเดียว....” แต่ร่างบางตรงหน้ากลับปฏิเสธด้วยใบหน้าอึกอักราวกับว่าปิดบังอะไรอยู่
“ งั้นหรือ...ฮะฮะ...นั่นสินะ....” หรือว่าเขาก็แค่ฝันไป ?
“ อิ่มแล้วใช่ไหม!” ใบหน้าสวยปรับเข้าสู่ภาวะบึ้งตึงตามปกติ ร่างบอบบางยกถ้วยข้าวต้มเดินออกจากห้องไป.....
ถึงจะไม่ใสกังวานเท่า....แต่เขาก็ได้ยินมันอย่างชัดเจน.....
เสียงกระพรวนที่ข้อเท้าที่กำลังเดินออกไปเรื่อยๆนั่น........
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be coN
เย้......สุขสันต์วันเกิดค่า Fishserคุง >.<
ฟิกเฉพาะกิจเรื่องนี้แต่งขึ้นเพื่อเฉลิม(?)ฉลองวันคล้ายวันเกิดให้กับน้องสาวผู้น่ารัก(หรือว่าหลาน?)ของข้าพเจ้าสองคนค่า...
ไม่ว่ากันนะที่ขอฉลองคู่น่ะ ^ ^” แบบว่าตันและไม่ทันแล้วแง้วๆๆ
เรื่องนี้ก็แต่งขึ้นมาในขณะที่ออกรบกับแฝดน้องอยู่ มันเลยค่อนข้างจะไปทางเดียวกัน ฮะ ฮะ
อีกอย่าง...เจ้าของวันเกิดเค้ากล่าวหาว่าข้าพเจ้าเป็นคนแก่ชอบแต่งพีเรียด =3= (ไม่ได้พูดงั้นนะพี่! / ฟิชคุง) ก็เลยพีเรียดให้ซะเลย ฮี่
และในวันนี้ก็อยากจะบอกว่า..... HAPPY BIRTHDAY Fishserคุง นะคะ เหะ เหะ ขอให้มีความสุขมากๆ
ไม่มีอะไรจะให้นอกจากฟิกเปื่อยๆเรื่องนี้ แต่ถึงจะเปื่อยแต่ก็ตั้งใจเคี่ยวมาอย่างดีละน่า ^ ^”
ถูกใจไม่ถูกใจยังไงก็ขออภัยไว้ล่วงหน้า ฮ่าๆๆ
แนวพีเรียดอีกแล๊ววว แต่ชอบค่ะ ขอให้เป็น 8059 เถอะ ฮ่าๆ ><
ตอบลบเรื่องนี้ยามะแก่กว่าก๊กสิบปีเลยเหรอเนี่ย อ่า
คงต้องจิ้นภาพยามะที่มีรอยแผลที่คาง กับหนูก๊กตอนปัจจุบันสินะ
หนูก๊กน่ารักน่าเอ็นดูมากๆเลยค่ะ ตอนแรกที่ยามะฟื้นแล้วเผลอทำร้ายไป
นึกว่าก๊กจะเป็นคนอ่อนหวานน่ารักซะอีก เห็นวิ่งออกไปกลัวๆแบบนั้น
ที่ไหนได้ ก๊กก็คือก๊ก นิสัยก็ก๊กๆอยู่วันยังค่ำ กร๊ากกกกกกกกก
ไอ้เด็กแก่นเอ๊ยยย จะน่ารักเกินไปแล้วนะ!!
ว่าแต่ยามะคิดว่าก๊กเหมือนผู้หญิงเหรอเนี่ยยยยยยยย โอ้วว
หนูก๊กก็ซื๊อซื่อ ว่างใครเค้าให้มาแปะทั้งใบล่ะหนูเอ๊ยยย
มีแอบสงสัย หนูก๊กเป็นมะหมาเหรอเนี่ย O.O ??