KHR feat.attack on titan Au S.Fic [8059] DEEP KiSS : Zweite


KHR feat.attack on titan Au S.Fic [8059]  DEEP KiSS : Zweite 

: KHR feat. Attack on Titan Fanfiction  AU
: 8059
: Romance
: PG


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
             : ไม่มีตัวละครของ Attack on Titan ปรากฏอยู่ในเรื่องนี้เด้อ ยืมมาใช้แค่ฉากและบรรยากาศของเรื่องค่ะ
             : ตัวละครที่ดำเนินเรื่องทั้งหมดคือ Yamamoto Takeshi กับ Gokudera Hayato จาก KHR ค่ะ



อันนี้เป็นลิ้งค์ของตอนแรกค่ะ แปะไว้เผื่อลืมไปแล้วว่าเรื่องไหน 555 จิ้ม >> KHR feat.attack on titan Au S.Fic [8059] DEEP KiSS : Opening

           



การขี่ม้าจากเขตชิกันชินะของวอลมาเรียมาจนถึงใจกลางกำแพงวอลชิน่าได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆเลยสำหรับคนที่ต้องอดหลับอดนอนเฝ้าไข้มาทั้งคืนอย่างเขา แต่เพราะพลังใจอันแข็งกล้าที่ต้องการจะปกป้องคนที่ตนรักนั้นมันก็ทำให้ร่างกายบอบบางในเครื่องแบบทหารของกองสารวัตรทหารยังคงก้าวขาเดินต่อไป

โกคุเดระ ฮายาโตะไม่ได้เข้าไปในพระราชวังอันเป็นที่อยู่ของกษัตริย์แต่กลับมาเดินอยู่ในระเบียงทางเดินของคฤหาสน์หลังหนึ่งแทน

ที่นี่คือคฤหาสน์ของตระกูลเรส...ตระกูลขุนนางผู้สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นสูง


บ้าน...ของเขาเอง


“หมอจะบอกวิธีให้ แต่คนตัดสินใจและดำเนินการต้องเป็นเธอเอง...เธอ...ที่เข้านอกออกในบ้านหลังนั้นได้อย่างสบายๆ”  

เสียงของคุณหมอเยเกอร์ยังคงดังก้องอยู่ในหัวและมันก็ทำให้มือสีขาวราวกับหิมะสั่นสะท้านทุกครั้งที่นึกถึงจนต้องยกมืออีกข้างหนึ่งมากอบกุมสะกดมันไว้ไม่ให้สั่นกลัว

มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่เขาจะปกป้องยามาโมโตะได้ มีเพียงวิธีนี้เท่านั้นที่จะทำให้ไม่ต้องทนเห็นหมอนั่นบาดเจ็บกลับมา

เขาจะต้องแปลงร่างเป็นไททัน คอยคุ้มกันยามาโมโตะอยู่ห่างๆ


“คุณหนู?”   เสียงทักเสียงหนึ่งดังขึ้น ถึงเขาจะไม่ได้กลับมาที่บ้านหลังนี้หลายปีแต่เขาก็ยังจำได้ดีว่าคนที่เรียกเขาคือแม่บ้านในคฤหาสน์ตระกูลเรสนั่นแหละ

“คุณหนู? กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่คะ? แล้วนี่เป็นอะไรหรือเปล่าคะดูหน้าซีดๆ?”   และเมื่อถูกทักอย่างนั้นเขาจึงต้องพยายามสะกดกลั้นความกลัวเอาไว้ในสีหน้าบูดบึ้งที่มักจะทำเป็นประจำ

“ไม่เป็นไร ชั้นแค่กลับมาเอาของ เดี๋ยวก็จะไป มีอะไรทำก็ไปไป๊”   มือบางโบกไล่และอีกฝ่ายก็รับคำแต่โดยดี

“....ค่ะ...”   ถึงแม้จะมีความลังเลอยู่บ้างแต่ในที่สุดแม่บ้านคนนั้นก็ยอมเดินจากไป

เพราะเขาคือคุณหนูของบ้านหลังนี้ เป็นคนที่เข้าออกตระกูลเรสได้ดั่งใจอย่างที่คุณหมอเยเกอร์บอกจริงๆ

สองขาเดินตามหาเป้าหมายต่อไป เขาก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่าไททันมีสติมันต่างจากไททันธรรมดายังไง? แล้วคุณหมอเยเกอร์รู้ถึงวิธีการแปลงเป็นไททันได้ยังไง? เข็มฉีดยาในมือนี่ก็อีก ไปเอามาจากไหน? แล้วทำไมถึงมีแต่คนจากตระกูลเขาเท่านั้นที่แปลงเป็นไททันแล้วจะยังคงสติแบบมนุษย์เอาไว้ได้? คุณหมอไปรู้มาจากไหน? ยังมีอะไรอีกมากมายที่เขาอยากจะถามแต่เวลาก็ไม่ได้มีมากขนาดนั้น


เขาอยากจะกลับไปให้ทันตอนที่ยามาโมโตะฟื้นขึ้นมา...


แต่ไม่ว่าจะเต็มไปด้วยข้อสงสัยยังไง สิ่งหนึ่งที่ปฏิเสธไม่ได้ว่ามันน่าจะทำให้พวกเขามีความพิเศษแตกต่างจากคนอื่นๆนั่นก็คือตระกูลเรสเป็นตระกูลที่สืบเชื้อสายกษัตริย์ที่แท้จริงของกำแพงแห่งนี้

เขารู้ดีแล้วก็รู้มาตลอดด้วยว่าเลือดที่ไหลเวียนอยู่ในร่างกายเป็นเลือดของกษัตริย์...ไม่ใช่แค่ชนชั้นสูงธรรมดาๆ

ระเบียงทางเดินของคฤหาสน์อันหรูหราอยู่ในสภาวะเงียบสงบ เพราะรอบกายเต็มไปด้วยความมืด บรรดาพ่อแม่พี่น้องของเขาคงกำลังพักผ่อนอย่างมีความสุขอยู่ในห้องของตัวเอง

ลุงของเขาก็เช่นกัน...

ร่างบอบบางหยุดยืนอยู่หน้าเรือนกระจกหลังใหญ่ที่สร้างไว้ในเขตที่ดินของตระกูลเรส มันไม่เชิงว่าจะอยู่ในรั้วของคฤหาสน์เสียทีเดียว มันตั้งห่างออกมาทางด้านหลังพอสมควร

มือบางเปิดประตูเรือนกระจกเข้าไปและแผ่นหลังที่คุ้นตาก็นั่งคุกเข่าอยู่ตรงหน้า...เขารู้ว่าเขาจะเจอลุงของเขาได้ที่นี่ เพราะตลอดหกเจ็ดปีหลังมานี้ ลุงมักจะมาสวดภาวนาอะไรสักอย่างอยู่ที่นี่เสมอ

เท่าที่เขารู้คือปู่ของเขาตายอยู่ที่นี่และลุงก็รักปู่มาก จึงมาสวดมนต์ให้ทุกวัน?

เสียงฝีเท้าของเขาค่อนข้างชัดเจนในความเงียบและมันก็ทำให้ลุงหันหน้ามามองด้วยท่าทางสงบ อาการที่เหมือนคนปลงตกชวนให้เขาคิดว่าลุงอาจจะรู้อยู่แล้วว่าเขามาทำไม

ที่จริงเขาไม่ได้รู้รายละเอียดมากนัก รู้แค่ว่าเขาอาจจะต้องฆ่าลุงเพื่อที่จะรับพลังไททันที่อยู่ในตัวลุงมาเป็นของตัวเอง

แต่เขาไม่รู้...ว่าจะต้องฆ่าลุงยังไง คุณหมอเยเกอร์บอกเขาแค่ว่าหาทางทำอย่างไรก็ได้ให้อยู่กับลุงแค่สองคนเท่านั้น แล้วก็ฉีดยาที่คุณหมอให้มา จากนั้นทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นไปตามกลไกของมันเอง เขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณหมอเยเกอร์รู้ได้ยังไงว่าลุงของเขาเป็นไททันทั้งๆที่เขาเองยังไม่เคยรู้เลย

มือข้างที่ซ่อนเข็มฉีดยาไว้ใต้แขนเสื้อสั่นสะท้านอีกครั้ง...ถึงจะไม่ได้สนิทกันมากและเขาก็ไม่เคยชอบขี้หน้าคนในตระกูลของเขาเลย แต่การจะฆ่าอีกฝ่ายนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะทำได้ง่ายๆ

มันไม่ง่าย...และเขาก็รู้ตัวว่าเขาคงทำไม่ได้...

ถึงจะอยากช่วยยามาโมโตะแค่ไหน...แต่ว่า...การฆ่าคนมัน...

หัวใจดวงน้อยทั้งสับสนและเจ็บแปลบ ทั้งๆที่กัดฟันมาจนถึงนี่แล้วจะถอยกลับได้ยังไง แต่ถึงอย่างนั้นร่างกายก็แข็งทื่อจนขยับไปไหนไม่ได้

จนกระทั่งคนที่เคยคุกเข่าอยู่ตรงหน้าลุกขึ้นมา มือของลุงจับมาที่ฝ่ามือสั่นสะท้านของเขาก่อนจะพูดออกมาเบาๆ

“แปลกใจจริงๆที่เป็นเธอ พวกนั้นไม่น่าจะยอมให้เธอทำแท้ๆ...แต่ลงมือเถอะ เวลาของลุงก็เหลือไม่มากแล้ว เธอไม่ต้องเสียใจ”   ลุงพูดเหมือนลุงล่วงรู้อยู่แล้วจริงๆ ถ้าอย่างนั้นลุงก็คงจะรู้ความลับของเรื่องนี้ทั้งหมด?

แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ถามอะไรออกไป ลุงกลับเป็นฝ่ายดึงเข็มฉีดยาในมือเขาแล้วฉีดมันเข้าที่ข้อพับของเขาเสียเอง

“อึก?!!”  ความปวดแปลบแล่นลิ่วเข้าที่หัว!












แล้วจากนั้น...สติก็พลันดับวูบไป...










แพขนตาสีเงินค่อยๆขยับอย่างเชื่องช้า กว่าจะกระพริบเปิดขึ้นมาได้ก็ต้องใช้เวลาอีกหลายนาที

นี่มันอะไรกันน่ะ? เหมือนเขาฝัน?...และมันเป็นฝันที่ยาวนานจริงๆ...

นัยน์ตาสีมรกตเหม่อมองเพดานของเรือนกระจก พยายามนึกเท่าไหร่ก็นึกไม่ออกว่าความฝันนั้นเป็นยังไง แล้วเขามาทำอะไรอยู่ที่นี่?

ใบหน้าสวยละจากท้องฟ้ายามราตรีที่มองเห็นผ่านกระจกก่อนจะค่อยๆหันไปมองรอบกาย...นอกจากกระถางต้นไม้ที่ล้มระเนระนาดแล้วก็ไม่มีใครอื่นอีก...ที่นี่...เรือนกระจกในคฤหาสน์ตระกูลเรส? บ้านของเขา?

ท่อนแขนบางค่อยๆยันกายลุกขึ้นนั่ง อะไรบางอย่างในร่างกายเหมือนจะแปลกไป? แต่แล้วจู่ๆภาพที่ไหลเข้ามาในหัวราวกับสายน้ำก็ทำให้เขาต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ

“อึก...”  ริมฝีปากสีสดครางออกมาอย่างเจ็บปวดที่จู่ๆก็ถูกภาพเหล่านั้นถาโถมเข้ามาอย่างห้ามไม่อยู่

ภาพพวกนี้มันอะไรกัน? ผืนน้ำกว้างใหญ่ที่ล้อมรอบแผ่นดินเอาไว้นี่คือที่ไหน?  กำแพงที่เต็มไปด้วยไททัน? แผ่นดินที่เวิ้งว้างว่างเปล่ากลับค่อยๆมีเส้นทางสัญจร มีบ้านเรือน มีรถม้า มีทหาร...การเปลี่ยนแปลงของยุคสมัยที่มองเห็นจากมุมเดิมๆนี้ราวกับเป็นความทรงจำของใครสักคน?

ไม่สิ...อาจจะหลายคน...รวมถึงของตัวเขาด้วย

“อึก...”   ปลายนิ้วยิ่งต้องกดลงไปบนขมับเพื่อระงับอาการปวดจากภาพความทรงจำที่เข้มข้นซึ่งไหลเข้ามาในหัว...เขากำลังเดินเข้ามาในเรือนกระจกพร้อมกับเข็มฉีดยาอันหนึ่ง...เขาหยุดคุยกับคุณลุงที่ไม่ได้เจอกันมาหลายปี...จากนั้นลุงก็เอาเข็มฉีดยานั่นฉีดลงมาที่แขนเขา...จากนั้นเขาก็กรีดร้องคลุ้มคลั่ง...ร่างทั้งร่างขยายใหญ่กลายเป็นสัตว์ประหลาดครึ่งมนุษย์น่าเกลียดน่ากลัว...เขาหิวกระหายและทำลายกระถางต้นไม้ที่อยู่รอบกาย...แต่ลุงกลับยืนนิ่งเฉยไม่ได้กลัวเขาเลย...ลุงยิ้มให้เขา...ก่อนที่มือของเขาจะจับลุง......

“ไม่! ไม่นะ!! อย่า!!!”   ร่างบอบบางทรุดลงไปกองที่พื้นก่อนจะกุมหัวด้วยสองมือ พยายามจะหยุดภาพที่โหดร้ายนั้นแทบเป็นแทบตาย...แต่ทุกอย่างก็สายเกินไป...

เขาทำอะไรไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...

เขากินลุงเข้าไปแล้ว...

ร่างกายใหญ่โตที่น่าเกลียดของเขากลับระเหยกลายเป็นไอ...ก่อนจะนอนสลบไสลอยู่ที่พื้นเหมือนตอนที่เขาตื่นขึ้นมา....

“ฮึก....”   น้ำตาไหลลงมาอย่างห้ามไม่ไหว เขาร้องไห้ด้วยไหล่ที่สั่นสะท้าน ไม่เคยรู้สึกกลัวและสะอิดสะเอียนอะไรขนาดนี้มาก่อนเลย

“อุบ!!”   ฝ่ามือเอื้อมมาปิดปากได้ไม่กี่วินาทีแต่ความคลื่นเหียนจากภาพที่น่าสยดสยองนั่นก็ทำให้เขาหันไปอาเจียนกับกอไม้ไม่หยุด

อ้วกออกมาจนหมดแรง อ้วกจนไม่มีอะไรจะอ้วกออกมาอีก...

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”   ร่างบอบบางเอนพิงกับเสาเหล็กดัดสวยงามของเรือนกระจกอย่างหมดสภาพ สายตาทอดมองรองเท้าหนังขัดมันของลุงที่กลิ้งอยู่บนพื้น

ใช่แล้ว...

เขามาที่นี่เพื่อจะกลายเป็นไททัน และตอนนี้เขาก็เป็นมันได้แล้ว...

โดยแลกกับชีวิตของลุง...

เขาเข้าใจแล้วว่ากลไกที่คุณหมอเยเกอร์บอกคืออะไร เข้าใจแล้วว่าทำไมคุณหมอถึงไม่บอกว่าเขาจะฆ่าลุงได้ยังไง...

ทุกอย่างมันชัดเจนอยู่ในความทรงจำของเขาและเขาเชื่อว่าถ้าเขารู้มาก่อน...เขาคงทำไม่ได้แน่ๆ

“ฮึก...”   ฝ่ามือยกขึ้นมาปิดปากก่อนที่น้ำตาจะไหลลงมาอีก อยากจะอ้วกแต่ก็หมดแรง เขากลายเป็นสัตว์ประหลาดไปแล้ว ภายใต้ใบหน้าสวยงามที่สะท้อนมาจากกระจกทุกแผ่นของเรือนหลังนี้มันซุกซ่อนร่างกายที่น่าเกลียดนั่นเอาไว้ เขาทำเรื่องน่าสยดสยองลงไป เขามัน...เขามันไม่ใช่มนุษย์อีกต่อไปแล้ว...

“ยามะ...ฮึก...”    ไหล่บางสั่นสะท้านจนน่าสงสาร ริมฝีปากที่ถูกฝ่ามือของตัวเองปิดไว้พยายามจะเรียกชื่อชายคนรัก แต่พอชื่อนั้นหลุดออกมา...น้ำตายิ่งไหลไม่หยุด...

ทั้งๆที่มุ่งมั่นว่าอะไรก็จะทำเพื่อปกป้องยามาโมโตะ แต่มองสภาพของตัวเองตอนนี้ เสี้ยวหนึ่งในใจก็อดคิดไม่ได้ว่ายามาโมโตะจะรังเกียจสัตว์ประหลาดแบบเขาหรือเปล่า

ถ้ารู้ความจริง...ว่าเขาเป็นไททันที่เป็นศัตรูของมวลมนุษยชาติ...ยามาโมโตะจะยังรักเขาอยู่หรือเปล่า...

ไม่...

มันไม่ใช่เวลาจะมาคิดเรื่องแบบนี้....

ฝ่ามือบางยกขึ้นปาดน้ำตาลวกๆก่อนจะพยายามเรียกสติกลับมา หัวใจที่อ่อนล้าจนแทบไม่มีแรงจะยืนพยายามเรียกความเข้มแข็งให้กลับคืนมา

ต้องรีบกลับไปหายามาโมโตะ...

เขาอยากจะให้ไอ้บ้านั่นเห็นหน้าเขาเป็นคนแรกหลังจากฟื้นขึ้นมา...

ร่างบอบบางพยายามลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินโซซัดโซเซออกจากเรือนกระจก อย่าว่าแต่จะกลับไปให้ถึงเขตชิกันชินะเลย แค่ออกไปให้พ้นเขตคฤหาสน์ตระกูลเรส เขาจะมีแรงขนาดนั้นหรือเปล่านะ

แล้วร่างทั้งร่างก็วูบไป...พร้อมๆกับสติที่ดับหายอีกครั้ง....













เสียงกุบกับๆบวกกับแรงโยกไหวน้อยๆปลุกให้คนที่หลับมาตลอดทั้งคืนค่อยๆลืมตาขึ้นมา แสงเจิดจ้าที่ลอดผ่านผ้าม่านของรถม้าทำให้นัยน์ตาสีมรกตจำต้องหรี่ลงเพื่อปรับโฟกัส

เขาอยู่ที่ไหนกันอีกล่ะคราวนี้? เขาจำได้ว่ายังก้าวขาออกมาไม่พ้นรั้วบ้านตระกูลเรสด้วยซ้ำ หรือจะมีสาวใช้ไปพบเข้าแล้วแจ้งให้พ่อบ้านที่บ้านในเขตเฮอมิฮามารับ?

นัยน์ตาสีมรกตพยายามปรับโฟกัสก่อนจะเพ่งมองแผ่นหลังของคนที่กำลังบังคับรถม้าอยู่...ดูยังไงก็ไม่น่าใช่พ่อบ้านของเขา?...แต่แผ่นหลังที่คุ้นตานั่นน่าจะเป็น...

“คุณหมอเยเกอร์?”   เสียงแหบแห้งเอ่ยออกไปทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นหันกลับมา

“ตื่นแล้วเหรอโกคุเดระคุง”   คุณหมอยังคงพูดกับเขาด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน

“หมอตามเธอมา เพื่อจะพาเธอกลับไปหายามาโมโตะคุงที่เขตชิกันชินะ ก่อนที่ครอบครัวของเธอจะรู้เรื่อง”   เรื่องที่ว่านั่นคือเรื่องที่เขากลายเป็นไททันอย่างนั้นสินะ? ตอนนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่เขาอยากจะถามคนตรงหน้า แต่เขาก็ล้าจนทำได้แค่นั่งนิ่งๆ เมื่อก่อนฝึกหนักขนาดไหนก็ไม่เคยหมดสภาพขนาดนี้แท้ๆ

“หลังจากแปลงเป็นไททันแล้วจะมีอาการเหนื่อยอ่อนแบบนี้นี่แหละ”   เขาอยากจะถามจริงๆว่าคุณหมอรู้ได้ยังไง แต่เขาก็ทำเพียงทอดสายตามองอีกฝ่ายโดยไม่พูดอะไร เขาไม่ถามด้วยว่าจะทำยังไงให้ตัวเองกลายร่างเป็นเจ้ายักษ์มหึมานั่นได้ หากคุณหมอไม่บอกเขาแบบนี้แสดงว่ามันคงจะมี “กลไก” ที่เขาคงรู้ได้เองตามสัญชาตญาณ

คุณหมอส่งเขาที่หน้ากองบัญชาการของกองทหารหน่วยสำรวจเขตชิกันชินะ ดูเหมือนหลังจากที่ได้หลับยาวตลอดการเดินทางมันจะทำให้อาการอ่อนเพลียของเขาหายเป็นปลิดทิ้ง ร่างบอบบางในเครื่องแบบกองสารวัตรทหารจึงก้าวขาฉับๆขึ้นไปยังห้องพยาบาลที่ยามาโมโตะนอนอยู่

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองร่างสูงใหญ่ที่ยังไม่ได้สติด้วยแววตาที่ต่างออกไป...ตอนนี้เขาไม่ใช่มนุษย์ตัวเล็กๆที่ไร้แรงไร้กำลังอีกต่อไปแล้ว...เขาปกป้องยามาโมโตะได้ และเขาจะเป็นฝ่ายปกป้องยามาโมโตะเอง

ร่างบอบบางขยับไปนั่งลงที่ข้างเตียงก่อนจะกอบกุมมือใหญ่ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลเอาไว้











ยามาโมโตะใช้เวลาอีกสองวันกว่าจะฟื้นขึ้นมา...

แล้วสิ่งที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้มองเห็นเป็นสิ่งแรกก็คือใบหน้าสวยของโกคุเดระ ฮายาโตะ

“ไอ้เจ้าบ้ายามาโมโตะ! ฟื้นซักทีนะ! แกรู้ไหมว่าแกนอนกินบ้านกินเมืองไปกี่วัน! รีบๆตื่นขึ้นมาทำหน้าปัญญาอ่อนๆนั่นได้แล้ว ไอ้บ้าๆๆ!”   แล้วเสียงแรกที่สองหูของร่างสูงใหญ่ได้ยินก็คือเสียงด่าทอที่ชวนให้ยิ้มรับยังไงก็ไม่รู้ ในเมื่อโกคุเดระด่าเขาไปก็ทำหน้าราวกับจะร้องไห้ไป...นี่คงจะเป็นห่วงเขามากสินะ เจ้าคนปากไม่ตรงกับใจคนนี้

“โกคุ...เดระ...”   เสียงที่ออกไปจากปากของเขานั้นมันช่างแหบพร่า ฝ่ามือจึงพยายามยกขึ้นแทนคำพูด ปลายนิ้วที่โผล่พ้นผ้าพันแผลแตะลงไปบนแก้มใสของใบหน้าที่ดูอิดโรยอย่างเห็นได้ชัด

โกคุเดระไม่ได้หลับได้นอนเพราะนั่งเฝ้าเขาแบบนี้มากี่คืนแล้วนะ แล้วตอนที่โกคุเดระเห็นสภาพของเขาครั้งแรก หัวใจดวงน้อยนั่นต้องเจ็บปวดแค่ไหนกัน

อยากจะเอ่ยปากขอโทษ...ที่ทำให้เป็นห่วง

แต่เสียงของเขาก็มีไม่มากพอ ตอนนี้จึงทำได้แค่ใช้ฝ่ามือที่ไร้เรี่ยวแรงนั่นประคองใบหน้าสวยเอาไว้

แล้วในที่สุด...น้ำใสๆก็หยดลงมาจากดวงตาสีมรกตให้เขาเห็น....

ทั้งๆที่ด่าเขาเสียมากมาย แต่กลับทนไม่ไหวจนร้องไห้ออกมา...

และมันก็ไม่มีอะไรจะทำให้เขาเจ็บเท่ากับภาพตรงหน้าอีกแล้ว

ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลเอื้อมออกไปอย่างไม่สนใจบาดแผลของตัวเอง....เพื่อที่จะดึงตัวโกคุเดระเข้ามา

กอดเอาไว้...เขากอดโกคุเดระเอาไว้แนบอก....

ริมฝีปากต้องเม้มแน่นไม่ให้น้ำตาไหลออกไป เขาทอดมองเพดานสีขาวทั้งๆที่เสียงสะอื้นยังดังอยู่ที่อก

เขาบาดเจ็บกลับมา โกคุเดระยังต้องเจ็บปวดทรมานขนาดนี้...ถ้าเขาตายล่ะ...โกคุเดระจะเป็นยังไง...

ไม่อยากจะคิด...ไม่อยากจะคิดเลย....

การที่ตัวเองยอมตายเพื่อมวลมนุษยชาติ...แล้วต้องทิ้งคนที่รักเขามากให้ต้องเจ็บปวดอยู่ตามลำพังแบบนั้น...เขาไม่อยากจะทำมันเลยจริงๆ

เขาจึงเฝ้าภาวนาอยู่เสมอมา...ให้การต่อสู้บ้าๆนี่มันจบลงเสียที






“โกคุเดระ...”   หลังจากได้ดื่มน้ำเข้าไป ดูเหมือนเสียงที่แหบพร่าของเขาก็จะกลับมาเป็นปกติ

“พวกนั้นเอาเสื้อนอกของชั้นไว้ไหนล่ะ?”  ใบหน้าคมหันไปถามร่างบอบบางที่นั่งหน้างอหงิกจมูกแดงตาแดงจากการร้องไห้อย่างหนัก แล้วที่หน้าบูดนั่นก็ไม่ใช่อะไร

“บอกไว้ก่อนนะว่าชั้นไม่ได้ร้องไห้เพราะแก แต่ขี้ผงมันเข้าตา! ส่วนเสื้อนอกแหว่งๆวิ่นๆของแกชั้นยัดใส่ไว้ในลิ้นชักนั่น ไม่รู้จะอยากได้คืนไปทำไม ใส่ไม่ได้แล้ว!”   ใบหน้าสวยงอหงิกบ่นงึมงำๆแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจแต่ก็ยอมเดินไปหยิบเสื้อนอกที่ซักสะอาดปราศจากรอยเลือดแถมพับไว้อย่างดีที่วางอยู่ในลิ้นชักนั่นมาให้ บอกตามตรงว่าคงไม่มีใครปากไม่ตรงกับใจแล้วจะยังน่ารักได้ขนาดนี้แน่ๆ

“เอ้า!   มือบางยื่นเสื้อนอกขาดวิ่นนั่นมาตรงหน้าแต่เขาก็ไม่ได้ยื่นมือออกไปรับ แต่กลับบอกให้โกคุเดระช่วยทำบางอย่างให้แทน

“ช่วยล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อให้หน่อยสิ”  ใบหน้าสวยงอหงิกกว่าเดิมทันทีที่ถูกเขาใช้ มือบางยอมล้วงเข้าไปด้วยใบหน้าบูดๆ

แต่แล้วสัมผัสเย็นๆของโลหะอะไรบางอย่างก็ทำให้นัยน์ตาสีมรกตถึงกับเบิกกว้าง เพราะมันไม่ใช่แค่โลหะธรรมดา...แต่สิ่งที่ปลายนิ้วเรียวสัมผัสได้...

มันเป็นวงกลม...

มันคือแหวน!

นัยน์ตาสีมรกตตวัดมามองใบหน้าคมอย่างไม่อยากจะเชื่อและเมื่อมือบางค่อยๆกอบกุมสิ่งที่อยู่ในกระเป๋าเสื้อนั้นออกมา ฝ่ามืออีกข้างก็ต้องยกขึ้นมาปิดปาก

“มันเป็นของนาย...ชั้นตั้งใจจะให้นายในสักวันหนึ่ง และที่ชั้นพกมันติดตัวอยู่ตลอดก็เพื่อเตือนตัวเองว่า...ชั้นจะต้องกลับมามอบมันให้กับนายให้ได้”   ใบหน้าคมพูดถ้อยคำที่ยิ่งกว่าคำสารภาพรักร้อยเท่าพันเท่า เพราะถ้อยคำเหล่านี้และแหวนวงนี้มันกำลังทำให้หัวใจดวงน้อยเอ่อล้นไปด้วยความตื้นตัน

ดีใจ...ที่มันช่วยพายามาโมโตะกลับมาหาเขา ไม่ว่าจะเมื่อไหร่หรือเกิดอะไรขึ้นก็ตาม

ถ้ามันเป็นแค่แหวนของคู่รักธรรมดาๆเขาคงจะไม่ตื้นตันใจขนาดนี้หรอก แต่แหวนวงนี้มันแทนคำสัญญาที่แข็งแกร่ง...ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป จะไม่ยอมตาย ไม่ยอมพรากจากกันง่ายๆ...

วันนี้...ดูเหมือนนัยน์ตาสีมรกตจะหลั่งน้ำตาออกมาง่ายดายจนเจ้าของมันนึกหงุดหงิด

แต่กระนั้นก็ยังคงจับจ้องมองแหวนเงินกลมเกลี้ยงวงนั้นผ่านม่านน้ำตา รอยยิ้มที่พยายามห้ามแทบเป็นแทบตายแต่มันก็ห้ามไม่ได้ เขาไม่เคยดีใจอะไรขนาดนี้มาก่อน มันเต็มตื้นไปหมด มีความสุข...มีความสุขมากจริงๆ...

มือบางรีบปาดน้ำตาลวกๆหลังจากที่หันไปเห็นใบหน้าคมที่กำลังอมยิ้มมองมา ใบหน้าสวยรีบชักสีหน้าบูดบึ้งมากลบความเขินอายและความดีใจ

“ฮึ! ในเมื่อมันเป็นของชั้น ชั้นก็จะยึดมันเอาไว้!  แหวนถูกปาใส่หน้าคนเจ็บจนมือใหญ่ที่เต็มไปด้วยผ้าพันแผลยกมารับแทบไม่ทัน ก่อนที่มือบางข้างซ้ายจะยื่นตามมาในวินาทีเดียวกัน

ถึงใบหน้าสวยจะสะบัดไปอีกทางแต่มือซ้ายที่ยื่นมาให้ก็ทำใบหน้าคมถึงกับอมยิ้ม ซึนเดเระจริงๆโกคุเดระเนี่ย...

มือใหญ่จึงค่อยๆบรรจงสวมแหวนวงน้อยเข้าไปที่นิ้วนางข้างซ้ายซึ่งวางรออยู่ วินาทีที่แหวนค่อยๆเคลื่อนผ่านตั้งแต่ปลายนิ้วไล่ไปเรื่อยๆนั้นช่างเป็นช่วงเวลาที่ละมุนละไมจนเผลอคิดไปว่าในโลกนี้มีเพียงเราสองคน

มันอบอุ่น...และมีความสุข...ราวกับร่างกายถูกโอบล้อมเอาไว้ด้วยแสงแดดอ่อนๆ...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ทอดมองแหวนเงินกลมเกลี้ยงซึ่งบัดนี้เข้าไปอยู่บนมือสีขาวนั่นเรียบร้อยแล้ว เขาทอดมองมันด้วยสายตาอ่อนโยน มองมันด้วยความรักทั้งหัวใจที่มี  ก่อนที่เจ้าของมือจะดึงมันกลับไปเพื่อล้วงอะไรบางอย่างออกมาจากคอเสื้อของตัวเอง

“ชั้นไม่เอาของแกมาฟรีๆหรอกนะ...ชั้นมีของมาแลก”   โกคุเดระถอดสร้อยเส้นหนึ่งผ่านหัวสีเงินออกมา เขาจึงได้เห็นว่ามันมีแหวนวงหนึ่งคล้องอยู่ แล้วมือบางก็สวมสร้อยเส้นนั้นมาที่คอของเขา

“เป็นแหวนที่แม่แท้ๆของชั้นทิ้งเอาไว้ให้ ก่อนที่ท่านจะเสียไป”   ใบหน้าสวยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงไม่ยี่หร่ะแต่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่ก้มลงไปมองแหวนวงนั้นกลับเบิกกว้าง

“เป็นของดูต่างหน้า? ถ้างั้นมันก็สำคัญกับนายมากสิ? จะดีเหรอที่ให้ชั้นแบบนี้...”   ใบหน้าคมเงยมองใบหน้าสวยด้วยความไม่แน่ใจ

“ไอ้บ้า! ถ้ารู้ว่าสำคัญก็เก็บดีๆสิฟ๊ะ! แล้วก็เอามันออกมาให้ชั้นดูทุกครั้งที่กลับมาด้วย! ถ้าแกทำของของชั้นหายหรือไม่กลับมาเอาให้ชั้นดูละก็ ชั้นจะไม่มีวันให้อภัยแกเลย”  เสียงแข็งกร้าวไม่เข้ากับใบหน้าพูดออกมาและมันก็ทำให้คนที่ได้รับสร้อยเส้นนั้นไปถึงกับอมยิ้ม โกคุเดระกำลังจะใช้มันแทนแหวนของเขา แทนพันธนาการอันแข็งแกร่งซึ่งจะทำให้เขากลับมาอย่างปลอดภัย

“อื้อ!”  ร่างสูงใหญ่จึงตอบรับไปด้วยใบหน้าแย้มบาน  อาการบาดเจ็บของเขาคงจะหายดีในเร็ววันแน่ๆ













ขาเรียวในรองเท้าบูททหารทรงสูงก้าวเดินไปตามถนนปูหินเส้นเล็กๆที่ทอดยาวเข้าไปในกลุ่มบ้านเรือนแบบทิวดอร์ซึ่งขนาบแน่นทั้งสองฝั่ง อ้อมแขนบางหอบถุงกระดาษสีน้ำตาลที่มีขนมปังฝรั่งเศสของร้านชื่อดังแห่งเขตเฮอร์มิฮาซึ่งหาได้ยากยิ่งในเขตเมืองชั้นนอกเช่นนี้มาด้วย

ปังๆๆ!

มือบางทุบประตูรัวๆอย่างไม่กลัวว่ามันจะหลุดออกมาจนคนข้างในต้องรีบกะโผลกกะเผลกมาเปิดประตูให้

“โกคุเดระ”   ใบหน้าคมยิ้มให้ ส่วนคนมาเยือนผู้ใจร้อนนั้นก็รีบแทรกกายเข้าไปในบ้านทันทีโดยไม่สนใจเลยว่าเจ้าของบ้านยังบาดเจ็บจนต้องใช่ไม้ค้ำช่วยพยุงลำตัวอยู่

“ปิดประตูสิ!”   เสียงห้าวเอ่ยสั่งคนเจ็บก่อนที่ร่างบอบบางจะเดินลิ่วๆเข้าครัวไป

“คร้าบ~”   ใบหน้าคมยิ้มรับกับมารยาทยอดแย่ของร่างบอบบาง มาบ้านเค้ายังไม่ทักทายเค้าซักคำซ้ำยังสั่งอย่างกับเป็นบ้านตัวเอง แล้วนี่เขาเป็นคนเจ็บแท้ๆนะ

เขาส่ายหน้าไปมาก่อนจะมองออกไปนอกประตูว่าไม่มีใครรู้ไม่มีใครเห็นแน่ๆใช่ไหม  มือใหญ่ปิดประตูไม้อย่างเข้าใจว่าทำไมโกคุเดระถึงได้รีบร้อนนัก

นั่นเป็นเพราะจะให้ใครเห็นไม่ได้...ว่าโกคุเดระ ฮายาโตะมาหาเขาถึงที่นี่...

ร่างสูงใหญ่ใช้ไม้ค้ำช่วยพยุงร่างกายเดินกลับเข้ามายังห้องนั่งเล่น  หลังจากนอนยาวอยู่ที่โรงพยาบาลมาเป็นเดือนๆ ในที่สุดเขาก็ได้กลับมาพักฟื้นอยู่ที่บ้านสักที ถึงร่างกายส่วนใหญ่จะหายเป็นปกติดีแล้วแต่ก็ยังเหลือขาข้างซ้ายที่กระดูกหักนี่แหละที่ต้องเข้าเฝือกยาว ทำให้ยังเดินไม่ถนัดนัก

“หมอให้ไปเอาเฝือกออกเมื่อไหร่?”    ร่างบอบบางเดินถือตะกร้าใส่ขนมปังน่ากินเดินเข้ามาพร้อมคำถาม

“พรุ่งนี้ละ โกคุเดระไปด้วยกันได้ไหมอ่ะ ชั้นกลัวมาเลย~”   ร่างสูงใหญ่โถมไปกอดเอวบางของคนที่นั่งลงมาบนโซฟา ท่าทางออดอ้อนน่าหมั่นไส้ทำให้มือบางยันใบหน้าน่าไม่อายนั้นออกไป

“อย่ามาปัญญาอ่อน! ไปคนเดียวเลยอย่างแกน่ะ เพราะถ้าชั้นไปด้วยชั้นอาจจะสั่งหมอให้ตัดขาแกไปพร้อมกับเฝือกเลยก็ได้!”   มือบางจับขนมปังยัดเข้าปากที่กำลังอ้าออกมาอ้อน ตลอดเดือนที่ผ่านมานี้เขาต้องคอยเทียวไปเทียวมาระหว่างเขตชิกันชินะกับเฮอร์มิฮาเพื่อมาคอยดูแลเจ้าบ้านี่...ได้กินขนมปังเจ้าอร่อยของเขตเฮอร์มิฮาเกือบทุกวันนี่ก็ต้องขอบคุณเขาเลยนะ!

“อร่อยจัง~”  

“แหงสิ! ชั้นไปยืนรอตอนที่เอาออกมาจากเตาใหม่ๆเลยนะเฟ้ย~ อ่ะ...แต่ไม่ได้รอเพื่อแกหรอกนะ ชั้นจะเอามากินเองต่างหาก...”   ใบหน้าคมจ้องใบหน้าสวยที่สะบัดหนีหลังจากพูดจาปากไม่ตรงกับใจและท่าทางน่ารักๆแบบนี้ของโกคุเดระมันก็ทำให้เขาอดไม่ได้จริงๆที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกไป

“ฮ่าๆๆๆ”

“หัวเราะอะไร?! ไอ้บ้านี่!   มือบางฟาดลงมาอย่างไม่คิดว่าเขาเป็นคนเจ็บ เดือดร้อนมือใหญ่ต้องเอื้อมไปจับมันไว้

“คร้าบๆๆ เอามากินเองก็เอามากินเอง~”   เขาทอดสายตามองใบหน้างอหงิกนั่นอย่างมีความสุข...บางครั้งเขาก็อยากจะทอดทิ้งทุกสิ่งทุกอย่าง ทอดทิ้งมวลมนุษยชาติแล้วอยู่กับโกคุเดระอย่างสงบสุขแบบนี้ตลอดไป...แต่มันก็คงจะไม่ง่ายขนาดนั้น...

เขามองตามสายตาของโกคุเดระที่กำลังหันไปมองจดหมายฉบับหนึ่งซึ่งวางอยู่บนโต๊ะเตี้ยข้างโซฟา...มันเป็นจดหมายผนึกตราของกองทหารหน่วยสำรวจ...

“ต้องออกไปอีกแล้วเหรอ...”   น้ำเสียงของโกคุเดระฟังดูเลื่อนลอยซึ่งเขาก็เข้าใจได้...โกคุเดระคงไม่อยากให้เขาไป แต่ด้วยหน้าที่แล้วก็คงจะพูดอะไรแบบนั้นออกมาไม่ได้...บอกตามตรงว่าเขาเองก็เจ็บปวดเหมือนกัน ที่ต้องเห็นโกคุเดระกังวลใจจนแม้แต่ร้องไห้ออกมายามเมื่อเห็นเขาบาดเจ็บกลับมา

จะมีวิธีไหนที่จะทำให้เรื่องนี้จบลงเสียทีบ้างไหมนะ

เขาก็แค่อยากจะปกป้อง อยากจะอยู่กับคนที่เขารักก็เท่านั้นเอง












ทั้งๆที่เพิ่งแสดงผลงานอันย่ำแย่หลังจากที่ออกไปคราวที่แล้วและก็กลับมามือเปล่าไม่ได้ข้อมูลอะไรซ้ำยังเสียกำลังพลไปกว่าครึ่ง แต่กองบัญชาการทหารสูงสุดกลับอนุมัติและกระตุ้นให้หน่วยสำรวจออกไปนอกกำแพงครั้งใหม่ไวอย่างไม่น่าเชื่อ

ร่างสูงใหญ่ของยามาโมโตะ ทาเคชิที่เพิ่งจะหายดีทันการออกสำรวจครั้งนี้แบบเส้นยาแดงผ่าแปดเดินเข้าไปในขบวนทหารที่ตั้งเตรียมตัวกันอยู่

“หวัดดีครับรองหัวหน้าหน่วย!”   เสียงทักทายดังมาไม่ขาดสายและใบหน้าคมก็ยิ้มรับกลับไป...ก็ด้วยตำแหน่งรองหัวหน้าหน่วยที่อยู่ในคำทักทายนั่นแหละที่ทำให้เขาจำเป็นต้องออกไปนอกกำแพงในครั้งนี้ด้วยทั้งๆที่เพิ่งจะถอดเฝือกเมื่ออาทิตย์ที่แล้วนี้เอง  ทหารก็ยังไม่ทันจะได้คัดเลือกมาใหม่ ระดับหัวหน้าหมู่ก็ตายไปหลายคน เรียกว่าตอนนี้หน่วยสำรวจกำลังพลไม่พอสุดๆ...ไม่รู้จะรีบไปไหน ทั้งๆที่ปกตินี่กว่าจะของบออกสำรวจมาได้ก็ต้องวิ่งเต้นแทบตายแท้ๆ

ร่างสูงใหญ่เดินตรวจตราความพร้อมเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินกลับไปหาม้าสีดำของตัวเองที่หัวแถว เพราะฉะนั้นนัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงไม่ทันเห็น....ว่ามีใครบางคนแอบซ่อนผลุบๆโผล่ๆอยู่ในตรอกแคบๆซึ่งอยู่ไม่ไกล

นัยน์ตาสีมรกตแวววาวอยู่ใต้ผ้าคลุมสีเขียวของหน่วยสำรวจ มันจับจ้องไปที่ร่างสูงใหญ่ของยามาโมโตะ ทาเคชิ...มอง...จนแน่ใจแล้วว่ารองหัวหน้าหน่วยสำรวจคนนั้นจะไม่เดินกลับมาด้านหลังขบวนอีก

เพราะยามาโมโตะเป็นคนเดียวที่จะรู้ได้ทันทีว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนี้คือโกคุเดระ ฮายาโตะ...

มือบางดึงฮูดสีเขียวให้ลงมาปกคลุมใบหน้ามากขึ้น  วันนี้บนแผ่นหลังของเขามีปีกเหมือนกับกลุ่มคนตรงหน้า กับอิแค่เครื่องแบบของหน่วยสำรวจนั้นเขาหามาได้ไม่ยากอยู่แล้ว ถึงมันจะเป็นปีกจอมปลอมก็แล้วแต่...ขอแค่มันจะช่วยอำพรางให้เขาแอบติดตามพวกนั้นไปโดยไม่มีใครสงสัยก็พอ

ร่างบอบบางโดดขึ้นม้าสีน้ำตาลแบบเดียวกับที่พวกทหารหน้าใหม่ใช้กัน ก่อนจะดึงบังเหียนให้มันวิ่งเหยาะๆเข้าไปสมทบกับขบวนทัพที่อยู่ด้านท้าย

“เธอ...ทหารใหม่เหรอ?”   เสียงหนึ่งทักขึ้นเมื่อเขาเข้าไปรวมกลุ่ม ใบหน้าสวยจึงต้องรีบก้มลงเพื่อให้ฮูดบดบังช่วงบนของใบหน้า...เพราะเอกลักษณ์ชนชั้งสูงของเขามันอยู่ที่ดวงตากับสีผม...ซึ่งผมเขารวบไว้ จะเหลือก็แค่จะให้ใครเห็นดวงตาไม่ได้

“ครับ...พอดีตื่นเต้นนิดหน่อย เลยไปเข้าห้องน้ำมา...”   เขาโกหกไปด้วยเสียงกดต่ำ หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามด้วยกลัวที่จะถูกอีกฝ่ายจับได้ แต่พวกบ้าๆอย่างหน่วยสำรวจก็ไม่ใช่พวกที่จะละเอียดละอออะไรนัก คนที่ทักเขาจึงตบไหล่เขาสองสามทีก่อนที่จะเดินจากไป

เอาเป็นว่าการลอบติดตามกองทหารหน่วยสำรวจออกไปเพื่อปกป้องยามาโมโตะนั้นก็นับว่าสำเร็จไปได้ครึ่งทาง

ประตูบานใหญ่ที่ค่อยๆเปิดออกทำให้หัวใจที่สงบนิ่งเริ่มเต้นอย่างรุนแรง...เขาเคยมาแอบดูอยู่ห่างๆ เคยมาแอบส่งยามาโมโตะออกนอกกำแพงก็หลายครั้งและทุกครั้งพิธีกรรมที่หัวหน้าหน่วยสำรวจทำก็จะซ้ำๆเดิมๆ แต่พอลองได้มาอยู่ในขบวนทัพนี้จริงๆ ต้องมาเป็นคนที่ต้องไปผจญกับไททันพวกนั้นจริงๆ ความตื่นเต้นมันเทียบกับตอนที่เป็นแค่ผู้ดูไม่ได้เลย

“เคลื่อนทัพได้!!!”    เสียงห้าวหาญดังอยู่ที่หัวแถวแล้วในที่สุดเสียงขานรับดังสนั่นก็มาพร้อมๆกับเสียงม้าที่ออกตัวอย่างรวดเร็ว ใบหน้าสวยมองรอบกายอย่างเลิ่กลั่กเล็กน้อยพลางดึงบังเหียนแล้วทำทุกอย่างตามที่คนอื่นเค้าทำไป ก็ถึงเขาจะเป็นหัวกะทิของชั้นปีแต่นี่คือการออกไปต่อสู้จริงๆเป็นครั้งแรก มันทั้งตื่นเต้น ทั้งตื่นกลัว ประสาทสัมผัสทั้งหมดตื่นตัวและเอาแต่หันมองรอบกายอย่างหวาดระแวง

ฝูงม้าวิ่งอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจเลยว่าจะมีไททันขนาดมหึมารออยู่เพียงแค่ก้าวขาออกนอกกำแพง  นัยน์ตาสีมรกตมองฝ่าเท้าขนาดใหญ่นั่นด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม เขาเคยเห็นพวกมันแต่ตอนที่ยืนอยู่บนกำแพง เคยเหยียดสายตามองมันอยู่บนที่ที่ปลอดภัย แต่พอต้องออกมาเผชิญหน้าเขาก็รู้เลยว่าไม่มีทางที่มนุษย์ธรรมดาจะไปต่อสู้กับมันได้

ถึงเราจะมีสติปัญญาที่เหนือกว่า...แต่ว่าเราไม่มีพลัง...

“ไม่ต้องสนใจ! วิ่งต่อไป!!”   เสียงตะโกนดังเป็นทอดๆมาจากพวกหัวหน้าหมู่ และที่สั่งพวกเขาแบบนั้นนั่นก็เพราะยังมีทหารของหน่วยสำรวจอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งจะคอยจัดการไททันที่ดักอยู่รอบๆกำแพงวอลล์มาเรียให้  ฝูงม้าจึงได้วิ่งฝุ่นตลบอบอวลหนีไปอย่างรวดเร็ว

เขาได้ยินมาจากยามาโมโตะว่าภาระกิจในครั้งนี้คือการไปให้ไกลที่สุด พวกเขาอยากจะรู้ว่าเส้นขอบฟ้าจริงๆแล้วมันอยู่ตรงไหนกันแน่ จะมีทะเลอย่างที่เขียนไว้ในตำราต้องห้ามนั่นหรือเปล่า  เพราะฉะนั้นขบวนทัพจึงเคลื่อนที่เป็นแนวตรงอย่างไม่หยุดพักติดต่อกันเป็นเวลาหลายต่อหลายชั่วโมง...เขาไม่รู้เลยว่าตัวเองหลับหูหลับตาควบม้ามาไกลขนาดไหน แล้วก็ไม่รู้เลยว่าตัวเองจะต้องควบม้าต่อไปอีกนานเท่าไหร่ มือที่กุมบังเหียนแสบร้อนไปหมดแต่กระนั้นมันกลับชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อจากความหวั่นวิตก เพราะไม่รู้เลยว่าจะมีไททันโผล่มาจากตรงไหน และการที่เราวิ่งอยู่บนพื้นราบแบบนี้ก็เสียเปรียบเจ้ายักษ์พวกนั้นอย่างไม่ต้องสงสัย

ใบหน้าสวยหอบหายใจหนักๆ การที่ต้องตื่นตัวเกินร้อยเปอร์เซ็นต์ตลอดเวลานั้นมันทำให้อะดรีนะลีนหลั่งมากมายอย่างไม่น่าเชื่อ นัยน์ตาสีมรกตกรอกไปมาอยู่ภายใต้ฮูดที่ปกปิดใบหน้า...ทว่า...แทนที่จะมองเห็นไททัน ดวงตาของเขากลับมองเห็นสัญญาณควันสีเขียวที่พุ่งขึ้นฟ้าเป็นสายแทน

แล้วจากนั้นก็มีสัญญาณควันลักษณะเดียวกันยิงตอบรับต่อๆกันมา...หัวหน้าหมู่ของเขาเองก็ยกปืนพกก่อนจะยิงขึ้นฟ้าเช่นกัน

จากนั้น...แทนที่จะควบม้าอย่างบ้าคลั่งวิ่งตรงไปตามทางเดิม หมู่ของเขากลับเบนหัวออกไปทางขวา?

แย่ละสิ...ดูเหมือนพวกหน่วยสำรวจเองก็จะมีแผนในการเดินทัพอยู่เหมือนกัน และดูจากสีหน้าของคนอื่นๆแล้วก็คงจะเข้าใจแผนการพวกนั้นเป็นอย่างดี  มีแต่เขานี่แหละที่ไม่รู้เรื่องเลยสักนิด เพราะว่าเขาไม่ใช่คนของหน่วยสำรวจ! ไม่เคยได้เข้าประชุมด้วยแล้วจะไปรู้แผนการพวกนั้นได้ยังไง!

ร่างบอบบางพยายามเก็บอาการเอาไว้...จะถามใครตอนนี้คงไม่ได้ เพราะเจ้าพวกนี้คงจับได้ทันทีว่าเขาเป็นคนของกองสารวัตรทหารแอบแฝงมา ทางเดียวคือต้องทำตามน้ำไปก่อน ให้มันรู้ไปว่าหัวกะทิของชั้นปีอย่างเขาจะเดาแผนการของพวกหน่วยสำรวจไม่ได้เชียวเร๊อะ?!

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองทางเดิมที่ตนแยกจากมา ถ้านั่นคือสัญญาณควันที่บอกให้ทุกหมู่กระจายตัวเพื่อจะได้ออกสำรวจได้วงกว้างมากขึ้นแล้วละก็...ตอนนี้เขากับยามาโมโตะก็นับว่าแยกจากกันโดยที่ไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายไปทางไหนกันแน่ 

บ้าเอ้ย! แล้วแบบนี้เขาจะปกป้องหมอนั่นจากไททันได้ยังไง?!

“หัวหน้าหมู่...ทางขวานั่น....ไททัน!!”   แล้วในขณะที่เขากำลังคิดจนหัวแทบจะระเบิดว่าจะทำยังไงดี เสียงร้องเรียกหัวหน้าหมู่อย่างหวาดกลัวก็ดังขึ้นก่อนจะเปลี่ยนเป็นตะโกนเสียงหลง ใบหน้าสวยรีบตวัดไปมองก่อนจะเห็นไททันขนาดมหึมาสองสามตัวกำลังเดินเข้ามาหาจากทางขวา แผ่นดินที่สั่นสะเทือนทำเอาแทบจะหยุดหายใจ เขาได้แต่นั่งตะลึงอยู่บนหลังม้าเพราะว่านี่คือการเผชิญหน้ากับไททันตัวเป็นๆเป็นครั้งแรก

“มีประเภทวิปริตอยู่ตัวนึง...”   ได้ยินเสียงคนข้างๆบอก...จริงด้วย...หนึ่งในนั้นไม่ได้ค่อยๆเดินอย่างเชื่องช้าแต่กลับวิ่งบิดไปบิดมา กับไททันประเภทนี้ที่มีความเร็วและคาดเดาอะไรไม่ได้ยิ่งกว่า การจะขี่ม้าหนีคงทำได้ยาก

“ไปที่ซากปรักหักพังตรงนั้น แล้วเปลี่ยนไปใช้เครื่องเคลื่อนที่สามมิติแทนม้าซะ! เราจะกำจัดมัน!”  หัวหน้าหมู่บัญชาการทันที

“ครับ!!”   และเสียงตอบรับจากรอบกายก็ดังขึ้นอย่างห้าวหาญ ม้าทุกตัวต่างถูกชักบังเหียนก่อนจะทะยานออกไปโดยมีเป้าหมายอยู่ที่ซากปรักหักพังของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง  ถ้ายังวิ่งอยู่ในสนามหญ้าพวกเขาจะเสียเปรียบมากเพราะไม่สามารถใช้อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติได้ แต่ถ้าเป็นซากอาคารบ้านเรือนพวกนั้นมันก็อีกเรื่อง

มือขาวรีบกระตุกบังเหียนให้ม้าของตนวิ่งตามคนอื่นๆไป แล้วในขณะที่ลูกทีมคนอื่นๆกำลังลอยตัวขึ้นไปด้วยเครื่องเคลื่อนที่สามมิติ...ในขณะที่สายตาทุกคู่ต่างหันไปจับจ้องไททันสามตัวนั้น...

ม้าของเขาก็เลี้ยวหลบไปอีกทางทันที

เจ้าม้าสีน้ำตาลวิ่งหลบเศษซากปรักหักพังไปเรื่อยๆ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองการต่อสู้ด้านหลังพลางขอโทษขอโพยในใจ แต่ถึงเขาไม่อยู่ช่วยก็คงไม่เป็นไร พวกนั้นดูเหมือนน่าจะรอดไปได้สบายๆ

เขาใช้จังหวะชุลมุนปลีกตัวออกมาจากกลุ่มจนได้...เสียงข้างหลังดูเหมือนจะเงียบไปแล้วและพวกนั้นคงคิดว่าเด็กใหม่อย่างเขาคงโดนลูกหลง ไม่ก็โดนไททันจัดการไปแล้ว คงไม่เสียเวลาตามหาเขาหรอก  สองขาจึงรีบควบม้าตรงไปข้างหน้า...ถ้าเขาเดาไม่ผิด ยามาโมโตะจะต้องอยู่ในกลุ่มผู้นำหน่วยสำรวจแน่ๆและกลุ่มนั้นน่าจะวิ่งไปตรงๆเพื่อเป็นแกนหลักให้กับขบวนทัพ

นั่นไง...

นัยน์ตาสีมรกตมองตามสัญญาณควันสีเขียวที่พุ่งขึ้นท้องฟ้า จากนั้นสัญญาณลักษณะเดียวกันก็พุ่งตามขึ้นมาโดยกระจายตัวเป็นวงกว้างตามแต่ว่าหมู่อื่นๆอยู่ที่ไหน...นั่นคงจะเป็นสัญญาณควันเพื่อเช็คสภาพของสมาชิกแน่ๆว่ายังเหลือมากน้อยแค่ไหนและให้เคลื่อนที่โดยยังเกาะไปกับแกนกลางของขบวนทัพอยู่

ปลายขารีบตบเข้าสีข้างม้าเพื่อให้มันออกวิ่งตรงไปยังทิศทางที่สัญญาณควันอันแรกพุ่งขึ้นมา...ยามาโมโตะจะต้องอยู่ตรงนั้นแน่ๆ

แล้วจากนั้นสัญญาณควันก็ยังพุ่งขึ้นฟ้าอีกหลายรอบ ห่างกันทุกๆครึ่งชั่วโมง และเขาก็รู้สึกว่าเขาเข้าใกล้กลุ่มผู้นำของหน่วยสำรวจมากขึ้น...มากจนแทบจะมองเห็นพวกนั้นอยู่ลิบๆในสายตา

ทว่า...ก่อนที่เขาจะเข้าใกล้อีกฝ่ายได้มากกว่านี้...สัญญาณควันสีเขียวที่อยู่ในความสงบมานานกลับมีสัญญาณควันสีแดงพุ่งขึ้นฟ้ามาจากขบวนทัพทางฝั่งซ้าย!

ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นที่นั่น นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงมองสายควันสีแดงที่พุ่งขึ้นฟ้าสองสามสายด้วยความตื่นตะลึง

เขาชะลอม้าเพื่อมองมันให้เต็มตา แล้วในขณะที่กำลังจะหันกลับมาทางเดิม เขาก็เห็นม้าสี่ห้าตัวจากกลุ่มผู้นำหน่วยสำรวจพุ่งทะยานออกมา โดยมีทิศทางไปหาปีกซ้ายที่ส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือพวกนั้น และหนึ่งในทีมช่วยเหลือก็มีแผ่นหลังที่เขาจำได้ดีรวมอยู่ด้วย...เป็นแผ่นหลังของคนที่ทำให้เขารีบดึงบังเหียนให้ม้าของเขารีบวิ่งตามไป...เป็นแผ่นหลังของยามาโมโตะไม่ผิดแน่

ริมฝีปากสีสดกัดฟันแน่นในขณะที่ควบม้าตามกลุ่มของยามาโมโตะไปอย่างสุดกำลัง สมเป็นทีมช่วยเหลือที่เป็นหัวกะทิของหน่วยสำรวจจริงๆ แม้แต่ม้ายังวิ่งไวจนเขาตามแทบไม่ทัน

กลุ่มของยามาโมโตะคลาดสายตาของเขาไปอีกแล้ว แต่เขาไม่สนใจหรอก แค่วิ่งตามควันสีแดงพวกนั้นไปก็พอ...แต่ก็นะ...บอกตามตรงว่าคนอย่างเขาไม่เคยต้องวิ่งพล่านขนาดนี้มาก่อนเลย แกนะแกไอ้เจ้าบ้ายามาโมโตะ!!

แล้วในขณะที่กำลังกร่นด่าร่างสูงใหญ่นั่นอยู่ในใจ เสียงร้องโหยหวนก็ทำให้ไหล่ทั้งสองข้างถึงกับสะดุ้งโหยง

“อย่า!! อย่านะ! อ๊ากกกกกกก!!”   สะ เสียงอะไรน่ะ?...มนุษย์? กำลังขอความช่วยเหลือ?

ใบหน้าสวยเงยหน้ามองฟ้า แล้วกลุ่มควันสีแดงจางๆที่ลอยอยู่เหนือหัวก็ทำให้เขารู้ว่าตัวเองกำลังอยู่ไม่ไกลจากการต่อสู้นัก พวกนั้นน่าจะปะทะเข้ากับไททันอยู่แถวๆนี้แหละ

เขาควบม้าผ่านซากปรักหักพังของหมู่บ้านแห่งหนึ่ง เลือดสีแดงที่สาดเต็มผนังกับเศษร่างกายในเครื่องแบบทหารหน่วยสำรวจทำให้เขาต้องยกมือข้างหนึ่งขึ้นมาปิดปาก ทหารหมู่ที่อยู่ทางนี้คงโดนเล่นงานไปหมดแล้วแน่ๆ ดีไม่ดีนอกจากพวกยามาโมโตะจะมาช่วยไม่ทันซ้ำอาจจะกำลังถูกไททันเล่นงานเสียเองก็ได้


โครม!!


เสียงล้มดังสนั่นหวั่นไหวกับฝุ่นควันตลบอบอวลที่พัดมาปะทะใบหน้าอย่างรวดเร็วทำให้ฝ่ามือต้องดึงบังเหียนให้ม้าหันหน้าหนี คงมีไททันโดนฟันหลังคอจนล้มลงละมั้ง

“อ๊ากกกกกกกกกก”   เสียงร้องให้ช่วยยังดังอย่างต่อเนื่อง แย่ละสิ ดูจากเวลาแล้วเป็นไปได้มากเลยว่าเสียงนี้จะเป็นเสียงของกลุ่มของยามาโมโตะ

หัวใจดวงน้อยเต้นโครมครามอย่างตื่นกลัว แล้วในที่สุดเขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมทุกคนในหมู่นี้ถึงได้ถูกเล่นงานจนหมด...ภาพฝูงไททันนับยี่สิบตัวตรงหน้าทำให้เขาเข้าใจทุกอย่าง...

พวกมันมีมากเกินไป...และไอที่ลอยจนเหมือนหมอกหนาๆพวกนี้ก็บ่งบอกว่าก่อนหน้านี้น่าจะมีมากกว่านี้ แต่ถูกกำจัดไปบางส่วนแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นจำนวนขนาดนี้มันก็มากเกินไป...สำหรับคนเพียงสี่ห้าคน

“อ๊ากกกกกกก”   เสียงร้องทำให้เขาสะดุ้งก่อนจะหลุดออกจากภวังค์ ใบหน้าสวยหันไปหันมาอย่างตื่นตระหนก...ยามาโมโตะล่ะ? หมอนั่นอยู่ไหน?

นัยน์ตาสีมรกตรีบกวาดมองรอบกายอย่างร้อนลน ก่อนที่มันจะเบิกกว้างเมื่อมองเห็นภาพยามาโมโตะยังคงเคลื่อนตัวเข้าไปหาไททันตัวหนึ่งซึ่งกำลังฉีกลูกน้องของตนเป็นชิ้นๆ ใบหน้าคมนั่นโกรธจัดซ้ำยังมืดมนอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน ยามาโมโตะกำลังถูกต้อนให้จนมุม ดูเหมือนใบมีดแหว่งวิ่นในมือนั่นก็จะเป็นคู่สุดท้ายแล้ว ทั้งๆที่มีไททันล้อมรอบกายเป็นยี่สิบตัว!











เปรี้ยง!!!










เสียง....อะไรน่ะ?

มันดังเหมือนเสียงฟ้าผ่า...?

แต่จะเป็นเสียงอะไรก็ช่างหัวมันเถอะ เขาไม่มีเวลาจะไปสนใจมันหรอก ในเมื่อตอนนี้แค่จะเอาตัวให้รอดจากนรกตรงหน้าก็เต็มกลืนแล้ว!

ใบหน้าคมเงยมองไททันตัวสูงใหญ่ที่ล้อมเขาเอาไว้  ปลายคางกับแก้มรู้สึกแสบๆเพราะรอยแผลเลือดซิบ แต่นั่นก็ไม่เท่ากับแผลที่ต้นขาซึ่งมีเลือดซึมออกมาไม่ใช่น้อย ร่างสูงใหญ่หอบหายใจหนักหน่วงแต่สายตามืดมนก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่เจ้ายักษ์ไร้ปัญญาที่ยืนยิ้มอยู่ตรงหน้า

หนึ่ง...สอง...สาม...เก้า...สิบเอ็ด....สิบเก้า....ทั้งหมดน่าจะมีราวๆสิบเก้าตัว...ต่อให้เขาเป็นยอดมนุษย์ขนาดไหนก็คงกำจัดพวกมันทั้งหมดไม่ไหวแน่ ยิ่งตอนที่เสียเปรียบสุดๆแบบนี้...เขาควรจะทำยังไงดี...

หัวสมองที่เชี่ยวชาญด้านการต่อสู้กำลังประมวลผลอย่างเยือกเย็นทั้งๆที่สองมือที่กำดาบซึ่งหน้าตาเหมือนคัตเตอร์ขนาดยักษ์กำลังสั่นน้อยๆ...เขาไม่ได้กลัวพวกมัน แต่เขากำลังเหนื่อยจากการต่อสู้ที่ผ่านมา เหนื่อยเพราะบาดเจ็บ แล้วก็เหนื่อยเพราะเพิ่งจะสูญเสียลูกน้องในหน่วยไปทั้งหมด

แฮ่ก...แฮ่ก....แฮ่ก....

นัยน์ตาสีเปลือกไม้คมกล้าจ้องมองรอยยิ้มน่าเกลียดซึ่งกำลังยิ้มให้เขา...เขาจะไม่ยอมตายอยู่ตรงนี้แน่ๆ เขาจะต้องกลับไปหาโกคุเดระ จะต้องกลับไปเอาแหวนวงสำคัญไปให้โกคุเดระดูว่ามันยังอยู่และเขาจะไม่มีวันทำมันหาย

เขาจะต้องกลับไป...

จะต้องกลับไปให้ได้...

ถึงแม้ว่าเขาจะเหลือเพียงใบมีดหักๆแค่คู่เดียว!

แล้วในขณะที่เขากำลังสูดหายใจเข้าลึกๆให้ร่างกายเตรียมพร้อมเข้าสู่การต่อสู้  จู่ๆสายลมที่รุนแรงราวกับพายุก็พัดผ่านหน้าไป



โครม!!



เสียงดังสนั่นหวั่นไหวพร้อมกับแผ่นดินที่สั่นสะเทือนจนเขาต้องคว้าผนังอาคารเอาไว้เพื่อเป็นหลักยึดไม่ให้ลอยไป ใบหน้าคมหันไปมองฝุ่นตลบอบอวลที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในนั้น เขารู้แค่ว่าจู่ๆไททันตรงหน้าเขาก็ถูกสายลมรุนแรงนั่นหอบไป

ปฏิกิริยาโต้ตอบทางร่างกายที่ดีเยี่ยมทำให้มือทั้งสองข้างทำงานไปก่อนสมองจะสั่งการเสียอีก  ร่างสูงใหญ่ลอยหวือขึ้นไปบนอากาศด้วยอุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติ แล้วไม่นานฝ่าเท้าในรองเท้าบูททหารก็เหยียบอยู่บนหลังคาซากปรักหักพังที่สูงพอจะพ้นมือพวกไททันจนได้

เขารอดตายเพราะสายลมที่เหมือนพายุนั่น

นัยน์ตาสีเปลือกไม้พยายามเพ่งมองว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และเมื่อฝุ่นตลบเหล่านั้นเริ่มจางลง เขาจึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่แค่ฝุ่นผงธรรมดาแต่ว่าเป็นไอที่เกิดจากไททันที่ร่างสลายหายไปกับอากาศต่างหาก...ถ้างั้น...เมื่อกี้นี้ต้องมีคนจัดการพวกมัน...หรือเอลวินจะส่งคนมาช่วยเขา?

แต่ไม่ว่าจะมองหาเท่าไหร่เขาก็ไม่เห็นทหารคนอื่นๆเลย...สิ่งที่สองตามองเห็นมีเพียงไททันผมสีเงินที่ดูแตกต่างจากไททันทั่วๆไปเท่านั้น...

เขาก็ไม่รู้ว่าอะไรที่ทำให้เขาไม่อาจละสายตาไปจากไททันตัวนั้นได้...ผมสีเงินที่รู้สึกคุ้นเคยงั้นเหรอ? หรือว่านัยน์ตาที่เป็นสีมรกต? ไม่สิอาจจะเป็นเพราะไททันตัวนั้นมีรูปร่างสมส่วนใกล้เคียงกับมนุษย์มาก แต่มันก็สูงใหญ่ราวๆ15-16เมตรได้ ยังไงก็เป็นไททัน เพียงแต่มันมีพฤติกรรมที่แปลกประหลาด....

มันไม่จู่โจมมนุษย์อย่างเขา? ไม่เข้ามาจับเขากินเป็นอาหาร? มันเมินเขา และมันยังเข้าไปไล่กระทืบไททันที่เคยล้อมเขาไว้ด้วย?


โครม!!!


สายลมรุนแรงพัดผ่านหน้าเขาไปพร้อมๆกับหัวของไททันที่ลอยกระเด็นไปไกล เจ้าไททันผมเงินตัวนั้นเป็นคนจัดการมัน จะว่าเป็นพวกวิปริตก็ไม่น่าใช่ เพราะยังไงเสียพวกไททันวิปริตก็จะไม่ทำร้ายไททันด้วยกันเอง...แต่สำหรับเจ้าตัวนี้...มันเหมือนกับมีสติปัญญา...

มันต่อสู้ด้วยท่าทางเหมือนกับมนุษย์ ไม่ว่าจะท่าเตะท่าต่อย...ล้วนเป็นท่าที่ทหารอย่างเขาเคยถูกฝึกมาแทบทั้งนั้น...

เขาได้แต่ยืนตะลึงมองการต่อสู้ที่โหดร้ายและดุดันนั่น ดูเหมือนไททันตัวอื่นๆก็จะไม่ชอบเจ้าไททันหัวเงินนั่นเหมือนกัน เขาเห็นไททันตัวอื่นๆพยายามจะกัดจะกินมัน....นี่มัน...เหมือนที่ไททันทำกับมนุษย์เลยนี่?  เจ้าไททันหัวเงินตัวนั้นมันยังไงกันแน่?


กิ้ง...


แสงสีเงินของแหวนวงเล็กที่ถูกห้อยอยู่ที่คอส่งประกายวิบวับเมื่อมันไหลออกมาจากคอเสื้อของเขา และแสงสีเงินนั้นก็เรียกสติของเขาให้กลับคืนมา

เขาจะมามัวยืนอึ้งอยู่ตรงนี้ได้ที่ไหน เขาต้องรีบใช้โอกาสนี้หนีไป เพราะไททันตัวอื่นๆต่างก็มัวไปรุมเจ้าไททันหัวเงินจนหมด ไม่มีใครสนใจมนุษย์ตัวจ้อยอย่างเขาเลย

อุปกรณ์เคลื่อนที่สามมิติทำงานอีกครั้ง เขาโหนตัวไปตามซากปรักหักพังอย่างตั้งใจจะหนีออกไปจากนรกขุมนี้ ไม่อยากจะเชื่อก็ต้องเชื่อว่าเขาจะรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิด ใบหน้าคมจึงหันไปมองไททันผมเงินตัวนั้นอีกครั้ง จะตั้งใจหรือไม่ตั้งใจก็ไม่รู้หรอกนะแต่มันก็ได้ช่วยชีวิตเขาเอาไว้

ทว่า...ดวงตาสีมรกตดวงใหญ่ที่ทอดมองมายังเขากลับทำให้ร่างกายชะงักค้าง

เครื่องเคลื่อนที่สามมิติหยุดทำงานลงอีกหน...สายตานั่นมันอะไรน่ะ? เหมือนกับว่ามันกำลังมองส่งให้เขาหนีไปแบบนั้นแหละ?

แล้วตอนนี้เจ้าไททันหัวเงินนั่นก็ดูจะเคลื่อนไหวได้ช้าลงหลังจากที่อาละวาดกวาดล้างพวกไททันตัวอื่นๆไปจนเกือบหมด...แต่เพราะกำลังอ่อนแรงแบบนั้น มันจึงถูกพวกไททันตัวอื่นรุมเล่นงาน  เขาถึงกับกัดฟันกรอด ในใจกำลังต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตาย ใจหนึ่งก็บอกให้รีบหนีไป ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก ยังไงมันก็เป็นไททัน...แต่อีกใจ...กลับรู้สึกว่าปล่อยไว้ไม่ได้

“บ้าเอ้ย!”   ริมฝีปากได้รูปสบถเบาๆก่อนจะยิ้มมุมปาก จงโทษความใจดีของนายเองก็แล้วกันทาเคชิ!

ร่างสูงใหญ่หมุนตัวกลับไปก่อนจะใช้เพียงพริบตาเดียวในการฟันหลังคอของไททันที่กำลังรุมกัดกินร่างกายของไททันผมเงินอยู่ เสียงล้มตึงดังสนั่นหวั่นไหวแต่เขาก็ไม่ได้สนใจและยังคงตั้งหน้าตั้งตาจัดการกับไททันที่ล้อมอยู่ให้หมด

ก็นับว่ายังดีที่เจ้าไททันหัวเงินตัวนี้ช่วยกำจัดไททันตัวอื่นๆไปมากแล้ว อีกสี่ห้าตัวที่เหลือนี่จึงไม่ได้ครณามือเขานัก

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก....”   เขายืนเหยียบอยู่บนซากร่างไททันที่กำลังสลายกลายเป็นไอจนแทบมองไม่เห็นอะไร ดูเหมือนเจ้าไททันหัวเงินนั่นมันก็กำลังสลายกลายเป็นไอเช่นกัน เขาเตรียมจะหันหลังเพื่อหาทางกลับไปรวมกับขบวนทัพของหน่วยสำรวจต่อไป

แต่แล้ว...กลุ่มควันสีขาวที่พวยพุ่งออกมาจากต้นคอของไททันหัวเงินที่ดูจะมากกว่าปกติก็ทำให้เขาหันไปมอง

นัยน์ตาสีเปลือกไม้เพ่งมองแล้วมองเล่าเพราะไม่เคยเห็นไททันเป็นแบบนี้มาก่อน ปกติแล้วพวกมันจะสลายร่างกลายเป็นไอเมื่อเนื้อที่หลังคอถูกเฉือนออกไปทำให้มันฟื้นฟูสภาพร่างกายไม่ได้ ทั้งๆที่ปกติแล้วอวัยวะของพวกมันจะงอกใหม่ได้ราวกับจิ้งจกเมื่อถูกตัดไป แต่จะมีแค่ตรงหลังคอนี่แหละที่จะทำให้มันตายได้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่เคยมีไททันตัวไหนที่กลุ่มควันจะออกมาจากส่วนหนึ่งส่วนใดของร่างกายมากขนาดนี้

แล้วในขณะที่เขากำลังจ้องมองหลังคอของไททันผมสีเงินอยู่นั้น จู่ๆมือสีขาวข้างหนึ่งก็ปรากฏให้เห็น...และมันจะไม่มีผลอะไรกับเขาเลย...ถ้ามันจะไม่ใช่มือบางข้างซ้าย...ที่สวมแหวนที่เขาจำได้ดีวงนั้นอยู่

มันเป็นแหวนที่เขาให้โกคุเดระไป เขาจำมันได้ จำได้แม่นเสียยิ่งกว่าชื่อของตัวเองเสียอีก!

ร่างสูงใหญ่ได้แต่ยืนตะลึงอยู่ตรงนั้น หัวใจที่แข็งแกร่งและเยือกเย็นกลับเต้นโครมครามด้วยความตื่นตระหนก...เพราะว่าเขากำลังกลัว...กลัว...ว่าโกคุเดระอาจจะถูกเจ้าไททันนี่จับกินเข้าไป ร่างบอบบางนั่นถึงได้โผล่ออกมาจากร่างกายของไททันแบบนี้

ไม่จริง...

มันเป็นไปไม่ได้...

โกคุเดระจะถูกจับกินได้ยังไงในเมื่อคนรักของเขาคนนั้นอยู่ในที่ที่ปลอดภัยอย่างในกำแพง ตอนนี้เขาจับต้นชนปลายอะไรไม่ถูกและคิดอะไรไม่ออก สองขาทำได้แค่รีบวิ่งเข้าไปหาด้วยความตื่นกลัว แผ่นหลังบอบบางที่คุ้นเคยนอนคว่ำหน้าอยู่กับหลังคอของเจ้าไททันผมสีเงินตัวนั้น...มันเป็นแผ่นหลังของโกคุเดระ ฮายาโตะจริงๆ...

เขายืนมองด้วยสายตานิ่งค้าง ร่างทั้งร่างแทบจะแข็งเป็นหิน เช่นเดียวกับลมหายใจที่ไหลไม่ทั่วท้อง...ทำไม?...ทำไมโกคุเดระถึงมาอยู่ในตัวไททันแบบนี้ล่ะ? หรือว่าร่างบอบบางนั่นจะแอบตามเขามา? แล้วก็โดนไททันเล่นงาน?

ท่อนแขนแข็งแรงจึงรีบดึงตัวบอบบางนั่นออกมาทันที หัวใจร้อนลนดั่งถูกไฟเผา เขาไม่เคยกลัวอะไรขนาดนี้มาก่อนเลยในชีวิต...ไม่จริงใช่ไหม...เขาเสียสละไปตั้งมากมายเพื่อให้โกคุเดระได้อยู่อย่างปลอดภัยในกำแพง แล้วทำไมยังจะออกมาให้ไททันจับกินได้อีก!

“โกคุเดระ...”   เขาพร่ำกระซิบเรียกร่างที่เต็มไปด้วยคราบเลือด ใบหน้าคมคายแนบลงไปกับแก้มใสด้วยหัวใจที่แทบจะแหลกสลายเป็นผุยผง มือของเขาเริ่มสั่นอย่างควบคุมไม่ได้ในขณะที่กอดร่างที่แน่นิ่งนั่น

“โกคุเดระ...ไม่จริงใช่ไหม....นี่...ตอบชั้นสิ...ลืมตาขึ้นมา....จะด่าจะว่าชั้นยังไงก็ได้...ได้โปรด.....”  น้ำใสๆรื้นขึ้นมาเอ่อคลอดวงตาสีเปลือกไม้ก่อนที่มันจะหยดลงไปบนแก้มใสของคนที่ยังไม่ได้สติ


ฟู่.....


แต่แล้วน้ำตาของเขาที่ระเหยกลายเป็นไอแทบจะทันทีก็ทำให้เขาชะงักมองใบหน้าของโกคุเดระอย่างประหลาดใจ น้ำตาหยดที่สองที่ร่วงลงไปก็มีปฏิกิริยาเดียวกัน....?

นิ้วยาวลองแตะไปที่แก้มของโกคุเดระ จะว่าไปเมื่อกี้ตอนที่เขาแนบหน้าลงไปก็รู้สึกอยู่บ้างเหมือนกันว่าหน้าของโกคุเดระนั้นร้อนมาก  นัยน์ตาสีเปลือกไม้กวาดมองไอและควันสีขาวที่พวยพุ่งออกไปจากเศษเลือดเศษเนื้อที่ติดอยู่ตามร่างกายและใบหน้าของโกคุเดระ...นี่มัน...เหมือนกับที่พวกไททันเป็นเลยไม่ใช่หรือไง?

ที่สำคัญ แทนที่จะรู้สึกว่าโกคุเดระตายไปแล้ว แต่ตอนนี้ใบหน้าใสนั่นเหมือนกับแค่หลับไปเท่านั้นเอง?

ปลายนิ้วจึงขยับไปอังบริเวณปลายจมูกรั้น.......มันยังมีลมหายใจเข้าออกอยู่จริงๆด้วย โกคุเดระยังไม่ตาย!

“โกคุเดระ! ขอบคุณพระเจ้า...”   เขารีบดึงลำตัวบางมากอดเอาไว้ด้วยความดีใจ หัวใจที่แหลกสลายค่อยๆประกอบกลับเข้าไปใหม่ ถึงจะยังปะติดปะต่อเรื่องราวหรือเดาอะไรไม่ถูกเลยแต่ตอนนี้เขาก็ดีใจมากที่โกคุเดระยังมีชีวิตอยู่

ท่อนแขนแข็งแรงรีบอุ้มร่างบอบบางขึ้นก่อนจะเป่าปากเรียกม้าของตัวเองมา...เขาต้องรีบกลับไปสมทบกับขบวนทัพหลักเสียก่อน เพราะถ้าตอนนี้เกิดถูกไททันเจอตัวเข้าเขาจะลำบาก ส่วนเรื่องราวจะเป็นมายังไงนั้นรอให้โกคุเดระตื่นขึ้นมาก่อนค่อยถามก็แล้วกัน

ร่างสูงใหญ่อุ้มร่างบอบบางไว้ไม่ห่างจากอก ก่อนจะกระโดดขึ้นหลังม้าตัวหญ่เมื่อมันหวนกลับมาตามเสียงเรียกของเขา แล้วเจ้าม้าสีดำก็ควบทะยานกลับไปยังที่ที่มีสัญญาณควันสีเขียวลอยอยู่เหนือหัวนั่น





.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.



ผ่านไปอีกตอน แล้วทำไมยังไม่จบอีกเนี่ยถถถถ

คือ หายไปนานมากกกกกกกอ่ะค่ะฟิคเรื่องนี้55555 สารภาพว่าจริงๆคุณกวางมันไม่คิดจะมาแต่งต่อแบ้วล่ะ แต่เนื่องด้วยไปบนบานสานกล่าวต่อเนียนเอาไว้ค่ะ ว่าถ้าเทพเนียนบันดาลให้ฝนไม่ตกช่วงที่มีแข่งรถเอฟวันกับช่วงควอลิฟาย มี๊จะจัดถวายฟิคเนียนเป็นการแก้บน วันละตอน....แล้วเทพเนียนอย่างเฮี้ยน จากที่พยากรณ์อากาศว่าตกแน่ๆๆๆๆ ปรากฏถึงช่วงควอลิฟาย ถึงช่วงแข่งนี่ฝนหายเกลี้ยง แทรคแห้งสนิทเรยค่ะ =[ ]= สรุปสิริรวมฟิคที่คุณกวางต้องแก้บนอิยามะทั้งหมด 6 ตอนค่ะ ฮ่าๆๆๆๆ // หัวเราะทั้งน้ำตา

แล้วมาดูฟิคเนียนแต่ละไหที่คาไว้....เหลือแต่แบบอีกตอนสองตอนก็จบแล้วทั้งนั้นถถถถ ซึ่งงงง มันเป็นตอนที่ยากที่สุดของแต่ละเรื่องไง ไม่งั้นไม่คาไว้หรอก กร๊ากกกกก // หัวเราะทั้งน้ำตาอีกรอบ ฮือออ  ก็เลยเริ่มขุดตั้งแต่เรื่องนี้ก่อนเลยค่ะ เอาเป็นว่าคุณกวางนับรวมเป็นตอนเดียวไปแบ้วกันสำหรับ deep kiss ที่เหลือนี่ =v=

ยังไงก็ขอขอบคุณหลายๆเสียงที่คอยทวงเรื่องนี้มาอย่างยาวนานนนนน 55555 ขอบคุณที่ยังติดตามกันอยู่น้า แล้วเจอกันตอนหน้าคร่า ตอนจบจริงๆแล้น



2 ความคิดเห็น:

  1. กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด อ๊ากกกกกกกกกก ขอบคุณพี่กวางมากๆค่ะ รอเรื่องนี้มานานมากๆเลยค่ะ ไม่คิดว่าพี่กวางจะกลับมาแต่งต่ออีก คงต้องขอขอบคุณความเฮี้ยนของเทพเนียนสินะคะ//ไม่ใช่ละๆ
    .
    ที่จริงแล้วเป็นนักอ่านเงาค่ะ ติดตามฟิคของพี่กวางมานานมากแล้วน่ะค่ะแต่ก็ไม่เคยจะมาเม้นต์สักที แหะๆ
    ยังไงก็สู้ๆนะคะจะรออ่านทุกเรื่องเลยค่ะ

    ตอบลบ
  2. ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ

    ตอบลบ