Scuderia
Ferrari Au S.Fic [Kimi x Seb] แก้บนเดอะซีรี่ย์ 2nd : RED Season : 05
:
Scuderia Ferrari Short Fanfiction AU
:
คิมี่ ไรโคเนน x เซบาสเตียน เวทเทล
:
Romance
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
:
เนื้อเรื่องโฟกัสช่วงที่เซบอายุราวๆ18-19 ส่วนคิมี่ก็ 24-25 นะคะ
เจ้าชายลำดับที่สี่แห่งอียิปต์เริ่มนั่งไม่ติดเมื่อเวลาผ่านไปจวบจนใกล้จะมืด
จากตอนที่ผู้สังเกตการณ์แห่งเมมฟิสมาแจ้งข่าวเขาก็เฝ้ากระวนกระวายใจมาตลอด
นั่นเพราะไม่ว่าจะรอแล้วรอเล่า...คิมี่ก็ยังไม่กลับมา...
ฟังจากที่ผู้สังเกตการณ์เล่าเขาก็แน่ใจว่าคิมี่ไปถึงเมมฟิสและดำเนินการตามแผนของเขาเรียบร้อย
ทหารของเจ้าชายลำดับที่หนึ่งถึงได้มีอาการเหมือนติดโรคระบาด
อาเจียนและท้องเสียกันแบบนั้น
ในเมื่อทำตามแผนสำเร็จแล้ว...ถ้างั้นทำไมชายหนุ่มถึงยังไม่กลับมาอีกล่ะ?
หรือว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับคิมี่?
อาจจะโดนลูกหลงของพายุทรายในขณะที่กำลังกลับมาที่นี่?
หรืออาจจะมีใครจับได้แล้วก็จับกุมตัวเอาไว้?
ไม่ไหว...เขาทนต่อความกังวลและร้อนใจนี้ไม่ไหวอีกต่อไปแล้ว
ร่างโปร่งบางจึงลุกพรวดพราดหมายจะออกไปตามหา
ทว่า กลับถูกเด็กสาวที่เป็นทั้งข้ารับใช้และองครักษ์ประจำกายขวางเอาไว้เสียก่อน
“เจ้าชาย
ท่านจะไปไหน?”
น้ำเสียงราบเรียบถามออกมาจากใบหน้าของจีน่า
“เราจะออกไปตามหาคิมี่
ต้องเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นแน่ๆ ไม่เช่นนั้นคิมี่ต้องกลับมาถึงที่นี่แล้ว” เจ้าชายแห่งอียิปต์พยายามแกะมือของเด็กสาวออก
“แต่นี่มันก็มืดแล้ว
ข้ายอมให้ท่านไปไม่ได้” แต่มือข้างนั้นก็เหนียวและแข็งแรงกว่าที่คิด
เพราะไม่ว่าเขาจะพยายามแกะมันออกเท่าไหร่ มันก็ยิ่งบีบแน่นยิ่งกว่าเดิม
“แต่ว่าจีน่า...” ในเมื่อใช้ไม้แข็งไม่ได้ผล
ใบหน้ารูปไข่จึงเปลี่ยนไปใช้นัยน์ตาเว้าวอนแทน เขาเป็นห่วงคิมี่
ห่วงจนแทบจะเป็นบ้าอยู่แล้ว
“........” เด็กสาวมองเขาอย่างชั่งใจเพราะตั้งแต่อยู่ด้วยกันมาจีน่าก็ไม่เคยต่อต้านใบหน้าอ้อนๆของเขาได้
แต่ดูเหมือนคราวนี้เด็กสาวต้องทำใจแข็งก่อนจะถอนหายใจแล้วพูดออกมา
“เจ้าชาย...ฟังข้าสักครั้งเถอะ...และข้าก็เชื่อว่าผู้ชายคนนั้นก็คงอยากให้ท่านฟังข้าเช่นกัน...ทะเลทรายยามมืดค่ำมันอันตรายเกินกว่าที่ท่านจะออกไปเดินได้ท่านก็รู้ดี” ใช่...เขารู้ดีเพราะเขาเป็นคนบอกจีน่าและคิมี่เอง
“........” ใบหน้าภายใต้มงกุฎผ้าจึงได้แต่สลดหดหู่
รู้อย่างนี้เขารีบออกไปตามหาก่อนที่มันจะมืดเสียก็ดีหรอก
คิมี่อาจจะกำลังรอคอยความช่วยเหลือจากเขาอยู่ในทะเลทรายที่เวิ้งว้างว่างเปล่านั่นก็ได้
ถึงจะรู้ว่าไม่ได้มีแต่เขาที่ห่วงอีกฝ่าย คิมี่เองก็คงจะห่วงเขาและไม่อยากให้เขาออกไปตามหาท่ามความความมืดมิดของทะเลทรายเช่นกัน
แต่ถึงอย่างนั้นยิ่งคิดความกระวนกระวายใจก็ยิ่งโถมทวี
“......เราคงนั่งรออยู่เฉยๆไม่ไหว”
เขาก็อยากจะฟังจีน่าแต่จะให้เขารอโดยไม่ทำอะไรเลยเขาก็ทำไม่ได้
ในใจมันเอาแต่ฟุ้งซ่านและคิดแต่เรื่องร้ายๆ
“ถ้าเช่นนั้นก็ไปสวดขอพรที่วิหารสิ...ท่านกำลังจะเป็นฟาโรห์คนใหม่
เทพเจ้าต้องยอมฟังคำขอของท่านแน่” เขาชะงักไปกับสิ่งที่เด็กสาวบอก
สำหรับในเวลานี้การทำตามคำแนะนำของเด็กสาวน่าจะดีที่สุดแล้วสำหรับเขา
“.....งั้นก็ได้...” ริมฝีปากสีชมพูจึงรับปากอย่างจนใจ ขบวนเสด็จเล็กๆท่ามกลางคบไฟไม่กี่อันจึงเคลื่อนจากปราสาทหินทรายไปยังมหาวิหารใหญ่ที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำไนล์กลางดึก
แน่นอนว่าผู้คนต่างสงสัยแต่สุดท้ายแล้วก็คิดกันไปว่าเจ้าชายเซบาสเตสคงจะเศร้าโศกเสียใจกับการที่ต้องเสียพี่ชายไปติดๆกันถึงสามคน
คงต้องการสงบจิตสงบใจถึงได้มาคุยกับเทพเจ้ากลางดึกแบบนี้
ร่างโปร่งบางนั่งคุกเข่าอยู่ตามลำพังต่อหน้ารูปสลักเทพเจ้าผู้ซึ่งเป็นที่เคารพบูชาของชาวอียิปต์
ความจริงแล้วเขาไม่เคยเชื่อเลยว่าเทพเจ้ามีอยู่จริง ไม่เคยเชื่อ...
หากแต่เวลานี้ต่อให้เป็นสิ่งที่ไม่เคยเชื่อหรือเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหน
ขอแค่ช่วยพาคิมี่กลับมาหาเขาได้
เขาก็ยินดีที่จะทำ...สองมือจึงยกขึ้นมาประสานกันอยู่ที่หน้าอก
บทสวดที่ท่องมาแต่เล็กแต่น้อยถูกเอ่ยออกไป...มีหลายคนบอกว่าเสียงของเขาน่าฟัง
แต่ตอนนี้เขาอยากให้เทพเจ้ายอมฟังเสียงของเขามากที่สุด...เขากำลังจะเป็นฟาโรห์
เขาไม่ใช่เด็กน้อยที่ไร้แรงไร้กำลังคนเดิมอีกแล้ว
ท่านต้องฟังเรา
และพาคิมี่กลับมาหาเรา ได้ยินไหม!
บทสวดดังก้องวิหารหินทรายขนาดมหึมาอยู่กว่าค่อนคืน
ริมฝีปากสีชมพูจำไม่ได้แล้วว่าสวดไปกี่จบต่อกี่จบ
แพขนตาที่ปิดแนบแก้มใสมาหลายชั่วโมงค่อยๆลืมขึ้นมา ถึงแม้ว่าการสวดขอพรจะทำให้เขาสงบจิตสงบใจลงไปได้บ้าง
แต่ความกังวลก็ใช่ว่าจะถูกทำให้หายไป
ฝ่ามือที่ประสานกันอยู่ที่หน้าอกค่อยๆลดลงไป
ก่อนที่มือข้างหนึ่งจะแกะเอากระดาษปาปิรุสแผ่นหนึ่งซึ่งเขาเหน็บเอวเอาไว้เสมอออกมา
ยามที่เหนื่อยล้าหรือว่าท้อถอยเขามักจะหยิบมันขึ้นมาดู คำว่า ไอ เลิฟ ยู
ที่คิมี่เขียนให้มันทำให้เขามีกำลังใจเสมอ
และทุกครั้งที่เห็นมันเขาก็มักจะรู้สึกว่าคิมี่อยู่ข้างๆเขา
ปลายนิ้วเรียวลูบลงไปบนตัวอักษรที่เขาไม่รู้จัก
น้ำใสๆกำลังจะไหลลงมาจากดวงตาอยู่รอมร่อ รู้อย่างนี้เขาไม่ให้คิมี่ไปหรอก
จะกำจัดพี่ชายไม่ได้ก็ช่าง จะไม่ได้บัลลังก์ก็ช่าง ความตั้งใจที่มีมาตลอดจะพังพินาศไปก็ช่าง!
“ฮึก...” หน้าผากก้มจรดกับกระดาษแผ่นนั้นอย่างทนไม่ไหว
น้ำตาไหลลงมาด้วยความเจ็บปวดและกังวลใจที่ไหลอยู่เต็มแผ่นอกซีกซ้าย...ทำยังไงดี...ถ้าคิมี่ไม่กลับมาเขาจะทำยังไงดี...ถึงจะรู้ว่าตัวเขาเองคงอยู่ได้อีกไม่นานแต่อย่างน้อยก็อยากจะอยู่กับคิมี่จนกว่าจะวาระสุดท้าย
ครืดดดดดด
เสียงประตูหินของวิหารถูกผลักเปิดจากเบื้องหลังทำให้แพขนตารีบกระพริบไล่น้ำใสๆออกไป
เจ้าชายแห่งอียิปต์ยกปลายนิ้วขึ้นเกลี่ยน้ำตาลวกๆก่อนจะรีบพับเก็บแผ่นกระดาษเหน็บกลับไปยังข้างเอว
“จีน่า?” เขาหันไปมองเด็กสาวที่ก้าวเข้ามาอย่างรีบร้อน
“ท่านอาคันตุกะกลับมาแล้วค่ะ”
เด็กสาวขยับเข้ามากระซิบใกล้ๆและมันก็ทำให้นัยน์ตาสีฟ้าถึงกับเบิกกว้าง
เขาหันไปมองใบหน้าสลักหินของเทพเจ้าแว่บหนึ่งก่อนจะรีบวิ่งออกไป...คราวนี้ท่านยอมฟังเสียงของเราแล้วสินะ...ขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆ
ระยะทางจากมหาวิหารไม่ถือว่าไกลก็จริงแต่ก็ไม่ได้ใกล้
สองขาของเขายังคงวิ่งต่อไปแม้ลมหายใจจะหอบหนักแค่ไหนก็ตาม
ทหารยามหน้าปราสาทของเจ้าชายลำดับที่สี่เปิดประตูรับแทบไม่ทันเมื่อจู่ๆนายเหนือหัวของตัวเองก็วิ่งพรวดพราดเข้ามา
ร่างโปร่งไม่ได้สนใจเสียงร้องต้อนรับของข้ารับใช้คนไหนๆ
สองขายังคงวิ่งไต่บันไดหินไปเรื่อยๆจนกระทั่งมาหยุดลงที่หน้าห้องของคิมี่...ห้องที่เขาใช้นอนมานานหลายเดือน
“คิมี่....”
ร่างที่หอบฮั่กเดินลอยๆเข้าไปก่อนจะเอ่ยเรียกคนที่ยืนหันหลังอยู่ริมระเบียง
และเมื่อชายหนุ่มหันหน้ามา
ความโหยหายก็พาร่างของเจ้าชายให้โถมเข้ากอดอีกฝ่ายในทันที
“คิมี่...”
ใบหน้ารูปไข่ที่ซุกลงไปในอ้อมกอดยังคงเรียกไม่หยุดราวกับกลัวว่ามันจะเป็นเพียงความฝัน
สองแขนผอมบางกอดกระชับแผ่นหลังที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามสวยงามนั่นจนแน่น
เช่นเดียวกับท่อนแขนซึ่งเต็มไปด้วยรอยสักที่กอดรัดเขากลับมาเช่นกัน
การได้จมอยู่ในอ้อมแขนของกันและกันแบบนี้มันดีกว่าจริงๆ
“เกิดอะไรขึ้นกับท่านกัน?
บาดเจ็บตรงไหนหรือเปล่า? โดนพายุทรายเล่นงาน? หรือว่าโดนลูกหลงจากการต่อสู้?
หรือว่าถูกใครจับตัวเอาไว้?”
พอนึกขึ้นได้เจ้าชายแห่งอียิปต์ก็รีบยันกายออกมาก่อนจะถามอีกฝ่ายเป็นชุดพลางมองสำรวจร่างกายได้รูปของคิมี่ที่ดูจะไม่ได้มีบาดแผลอะไร
มีแค่มอมแมมไปบ้างเท่านั้น
“ไม่ได้บาดเจ็บ
แล้วก็ไม่ได้ไปมีเรื่องกับใคร”
ใบหน้าเฉยชาตอบออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ คิมี่
ไรโคเนนหย่อนกายนั่งลงไปบนเตียงก่อนจะดึงเจ้าชายแห่งอียิปต์ให้นั่งลงมาบนหน้าตัก
นัยน์ตาสีเทาเหลือบมองต้นขาที่อ้าคร่อมร่างกายของเขาไว้
มือใหญ่วางลงไปก่อนจะลูบไล้มันเบาๆ
เขาชอบสัมผัสร่างกายของเด็กนี่
ทั้งๆที่ผ่านมาเขาไม่เคยชอบให้ใครเข้าใกล้เลย
“รถของชั้นน้ำมันหมดเอากลางทางระหว่างที่กำลังกลับมาที่นี่
เลยต้องเสียเวลาซ่อนมันเอาไว้ แล้วก็เดินฝ่าทะเลทรายกลับมา”
มันไม่ง่ายเลยจริงๆสำหรับคนที่ไม่คุ้นเคยกับแดดแรงๆอย่างเขา
ยังดีที่เคยไปนอนกลางดินกินกลางทะเลทรายมาบ้างตอนที่หนีจากการตามล่าของเจ้าชายลำดับที่สาม
เขาถึงพอจะเอาตัวรอดมาได้จนถึงตรงนี้ แล้วก็ยังดีที่รถของเขาไปน้ำมันหมดใกล้ๆกับโอเอซิสแห่งหนึ่งพอดี
เขาจึงซ่อนมันไว้แถวนั้นได้ไม่ถึงกับลำบากมากนัก
“เราเป็นห่วงท่านมากเลยคิมี่...ดีจริงๆที่ท่านปลอดภัยกลับมา” เจ้าลูกหมาโกลเด้นบอกกับเขาตรงๆ
คิ้วที่ผูกกันเป็นโบว์กับขอบตาแดงๆจมูกแดงๆทำให้สองมือของเขายกขึ้นไปประคองใบหน้าใสอย่างตั้งใจจะปลอบโยน...เซบคงร้องไห้เพราะกังวลที่เขาไม่กลับมาเสียทีแน่ๆและเพราะรู้ว่ามันคงจะเป็นอย่างนี้
เขาถึงได้ตัดสินใจเดินฝ่าทะเลทรายท่ามกลางความมืดมิดกลับมาในคืนนี้เลย
ไม่แวะพักหรือรอให้ถึงเช้าก่อน
ใบหน้าคมขยับเข้าใกล้ก่อนจะจูบลงไปบนแพขนตาหนายาวที่ปิดลงรับ
จากนั้นจึงขยับจุมพิตที่ริมฝีปากสีชมพูแผ่วเบา
แล้วเขาก็พูดในขณะที่หน้าผากยังจรดกัน นัยน์ตาสบสอดประสานอยู่แค่คืบ
“ชั้นทำงานของชั้นเสร็จแล้ว
ก็ต้องกลับมาทวงสัญญาที่นายบอกว่าจะนอนกับชั้นเป็นการตอบแทนสิ” แก้มใสแดงระเรื่อส่งไอร้อนผ่าวผ่านมาทันที
ถึงนัยน์ตาสีฟ้าคู่สวยจะสั่นน้อยๆแต่ก็ไม่ได้ถอยหนี
มันไม่ได้เรียกว่าเตรียมใจแต่ต้องเรียกว่าเต็มใจที่จะให้เขาทวงสัญญามากกว่า
เขาขยับใบหน้าเข้าไปอย่างตั้งใจจะจัดการเจ้าชายตัวร้ายที่ยั่วยวนเขาอย่างไม่เคยรู้ตัว
แต่พอนึกอะไรขึ้นได้ ร่างกายก็ชะงักงัน
“คิมี่?” จนคนที่คล้องแขนไว้ที่ลำคอของเขาถึงกับต้องถอยออกมาถามที่เขาไม่ทำต่อ
“ไม่ไหว...ตัวชั้นเปื้อนไปหมดแบบนี้เสียบเข้าไปในตัวนายไม่ได้หรอก
เดี๋ยวจะไม่สบาย ถ้ายังไงขออาบน้ำก่อนก็แล้วกัน”
แล้วคราวนี้ใบหน้าภายใต้มงกุฎผ้านั่นก็ถึงกับแดงเถือก แดงตั้งแต่ปลายคางไล่ขึ้นไปจนถึงไรผม
แดงจนแทบจะระเบิดได้ไปกับคำพูดหน้าไม่อายของเขา ไหล่หนายักน้อยๆอย่างไม่ใส่ใจ
ยังไงเขาก็ตรงๆแบบนี้เสมออยู่แล้ว
ขาทั้งสองคู่ก้าวลงไปในบ่ออาบน้ำขนาดใหญ่ทั้งๆที่ร่างกายท่อนบนยังกอดกันนัวเนีย
ริมฝีปากบางเฉียบของคิมี่ ไรโคเนนยังคงประกบจูบอย่างดูดดื่มกับริมฝีปากนุ่มนิ่มสีชมพู
ทั้งบดเบียด ทั้งดูดดึง ทั้งขบกัดเบาๆ ทั้งหยอกเย้าด้วยปลายลิ้น ทั้งล่วงล้ำ
ทั้งล่อลวง
ทั้งๆที่บอกว่าจะขออาบน้ำก่อนแต่ดูเหมือนความร้อนในกายกลับเร่งเร้าให้เขาหิ้วเจ้าชายแห่งอียิปต์ติดมือมาด้วย
ปลายลิ้นยังคงพัวพันเล่นกันอยู่ในโพรงปากแต่ฝ่ามือทั้งของเขาและของเจ้าชายกลับช่วยกันปลดอาภรณ์ที่สวมใส่ราวกับไม่ทันใจทั้งๆที่มันไม่ได้มีมากมายจนรอไม่ได้
เขาโยนกระโปรงผ้าลินินของเซบขึ้นไปกองบนฝั่ง
มือบางก็โยนกระโปรงผ้ามอมแมมของเขาขึ้นไปเช่นกัน
เขาดึงมงกุฎผ้าออกจากเส้นผมสีบลอนด์เข้มนุ่มลื่น มือบางก็ปลดเครื่องประดับคอของตนโยนตามไป
ท่อนแขนที่เต็มไปด้วยรอยสักตวัดโอบรอบเอวบางแล้วลากเด็กนั่นให้เดินฝ่าน้ำตามมา
สายน้ำที่พวยพุ่งออกมาจากรูปปั้นที่ผนังถูกใช้แทนฝักบัวเมื่อพวกเขาขยับเข้าไปยืนจูบกันมัวเมาอยู่ใต้สายน้ำ
ทั้งเส้นผม ทั้งใบหน้า ทั้งลำตัว ต่างชุ่มโชกไปด้วยหยดน้ำ
แต่ความเย็นที่ได้รับกลับไม่อาจหยุดความร้อนรุ่มในร่างกายของเราทั้งคู่ได้เลย
มีแต่ต้องจูบกัน
จูบกัน จูบกันเท่านั้นถึงจะดับกระหายนี้ได้
มีแต่ต้องกอดกัน
กอดกัน กอดกันเท่านั้นถึงจะดับความต้องการที่ร้อนดั่งไฟนี้ได้
มีแต่ต้องลูบไล้
ลูบไล้ แล้วสอดใส่เข้าไปเท่านั้น ถึงจะดับความปรารถนาอันรุนแรงนี้ได้!
เขาตวัดลำตัวโปร่งบางของเจ้าชายแห่งอียิปต์ขึ้นไปนอนหงายอยู่บนขอบบ่อ
สายน้ำที่ติดตัวไปแตกกระจายจนเปียกไปทั่วพื้นที่
ใบหน้าแดงระเรื่อเหลือบมามองเขาด้วยสายตาเว้าวอน เซบเองก็คงไม่ไหวแล้วเหมือนกัน...ดูจากแกนกายที่ชูชันอยู่ตรงหน้าเขา
มือข้างหนึ่งจับสองขาเรียวให้แยกออกจากกันก่อนจะสอดปลายนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยหยดน้ำที่มีอยู่มากมายเข้าไป
เจ้าชายแห่งอียิปต์ครางไม่เป็นภาษาทันที เขายืนมองภาพอันยั่วเย้าเหล่านั้นอยู่ในน้ำ
ฝ่ามืออีกข้างโอบรอบความเป็นชายของตัวเองที่เริ่มขยายใหญ่ก่อนจะใช้สายน้ำทำความสะอาดมันช้าๆพลางทอดสายตามองปลายนิ้วที่ขยับเข้าออกช่องทางคับแน่นไปฝ่ามืออีกข้างก็ขยับรูดแกนกายของตัวเองไป
ให้ความร้อนข้างในมันพุ่งพล่านจนถึงขีดสุด และเมื่อทนไม่ไหว...
“อ๊า~~! คิมี่!!!”
ร่างโปร่งผวามากอดคอเขาทันทีที่เขาสอดใส่ความเป็นชายที่ขยายตัวเต็มที่เข้าไป
น้ำตาที่ปริ่มออกมาจากแพขนตายาวงอนนั่นระยิบระยับราวกับดวงดาวเลยจริงๆ
เขาพรมจูบที่ขมับของเซบอย่างปลอบโยนก่อนที่เบื้องล่างจะขยับเข้าออกอย่างดิบเถื่อนตามแต่ใจเขา
ก็มันทนไม่ไหว
จะให้ทำยังไงได้...
เด็กนี่อยากมีร่างกายน่าเสียบเข้าไปเองทำไม
“เซบ...” เขากระซิบเรียกอีกฝ่ายที่ใบหู
คราวนี้เด็กนั่นไม่มีเวลาแม้แต่จะกลัว ริมฝีปากสีชมพูร้องครางไม่หยุด
ด้วยความเสียวซ่านที่เขามอบให้อย่างถึงใจ
น้ำในบ่อกระเพื่อมอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องนานหลายสิบนาที
กว่าเขาจะถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ก็เล่นเอาเจ้าชายแห่งอียิปต์ครางจนไม่รู้จะครางยังไง
ร่างโปร่งบางบิดเร่าก่อนจะกระตุกเฮือกใหญ่เมื่อเขายอมให้เด็กนั่นปลดปล่อยออกมาพร้อมๆกัน
มันเป็นเซ็กส์ที่สุดยอดมาก
และเขามั่นใจ ว่าครั้งต่อไปมันจะต้องสุดยอดกว่านี้แน่ๆ
แทบจะทนรอไม่ไหว...
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...” นัยน์ตาสีเทาทอดมองคนที่นอนหอบหมดสภาพอยู่กับขอบบ่อ...จะให้ทำต่อเลยก็คงไม่ไหว
เด็กนี่ได้ลุกไม่ขึ้นไปอีกสามสี่วันแน่ ครั้งแรกๆคงต้องค่อยเป็นค่อยไป
แถมในยุคนี้ยังไม่มีตัวช่วยอย่างพวกเจลหล่อลื่นอะไรแบบนั้นเสียด้วย
ไม่นานนัยน์ตาสีฟ้าก็ปิดลงอย่างอ่อนแรง
มันจึงเป็นอีกครั้งที่เขาต้องอุ้มเจ้าชายเจ้าปัญหานี่กลับห้องนอนท่ามกลางสายตาดำทะมึนของยัยเด็กองครักษ์นั่น...
“ท่านไม่ควรจะทำให้เจ้าชายลุกไม่ขึ้นในช่วงนี้นะ
เพราะว่าพวกขุนนางต่างตั้งใจจะยกเจ้าชายขึ้นเป็นฟาโรห์ของอาณาจักรอียิปต์และพิธีสถาปนาก็น่าจะจัดขึ้นในไม่ช้า...ถ้าเจ้าชายลุกไปเตรียมงานไม่ได้มันก็ไม่น่าจะดี”
เขานึกถึงคำพูดของจีน่าในขณะที่ตามอารักษ์ขาจากหน้าห้องน้ำมาถึงหน้าห้องนอน
รอยยิ้มบางๆที่หาได้ยากปรากฎขึ้นบนใบหน้าคมก่อนที่เขาจะหยิบผลไม้ที่วางอยู่ในถาดทองเหลืองขึ้นมากัดแล้วกลืนลงคอ
ร่างที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้ออันสวยงามเดินกลับไปที่เตียงซึ่งมีเจ้าชายแห่งอียิปต์นอนสลบไสลไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่
นัยน์ตาสีเทาทอดมองร่างเปลือยเปล่าที่มีผ้าผืนบางพาดคลุมแค่สะโพกถึงต้นขา...ทั้งๆที่เขาไม่ได้กินอะไรมาหนึ่งวันกับอีกหนึ่งคืนเต็มๆ
แต่กลับไม่รู้สึกหิวอะไรมากไปกว่าร่างโปร่งบางตรงหน้าเลย
ผลไม้ในมือถูกกัดแล้วกลืนลงคอในขณะที่สายตาก็ยังไม่ละไปจากเรือนร่างของคนที่หลับสนิท
เขาไม่รู้หรอกว่ารสชาติของผลไม้มันเป็นยังไงกันแน่รู้แต่ว่ามันอร่อยมาก...
เจ้าเด็กที่รสชาติดีเยี่ยมนี่กำลังจะได้ขึ้นครองบัลลังก์
กำลังจะได้เป็นฟาโรห์คนต่อไปของอาณาจักรอียิปต์ที่แสนยิ่งใหญ่...
บอกตามตรงว่าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพวกเขาจะทำสำเร็จ
เขานอนลงข้างๆคนที่ยังหลับปุ๋ย
นัยน์ตาสีเทาทอดมองใบหน้ารูปไข่ด้วยแววตาอ่อนโยน...ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าคนอย่างเขาจะรักใครสักคนจนทำให้ได้ขนาดนี้
เขารักเด็กนี่ไม่ธรรมดาเลยจริงๆ...
พิธีสถาปนาฟาโรห์พระองค์ใหม่ของอาณาจักรอียิปต์ถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่สมฐานะ
ถึงเจ้าชายเซบาสเตสจะไม่ใช่นักรบที่แข็งแกร่งเท่าไรนักแต่ในด้านการปกครองก็น่าจะทำได้ดีเพราะประชาชนทั่วทั้งอาณาจักรต่างดีใจที่เจ้าชายพระองค์นี้ได้ขึ้นเป็นฟาโรห์
รอยยิ้มและการเฉลิมฉลองจึงเกิดขึ้นทั่วทุกหัวถนน
ตึกๆๆๆ
ใบหน้าคมของคิมี่
ไรโคเนนถึงกับอมยิ้มเมื่อได้ยินเสียงวิ่งตึงตังดังจากบันไดมาจนถึงหน้าห้องนอนของเขา
เป็นถึงฟาโรห์แล้วแท้ๆแต่ยังจะวิ่งเป็นเด็กแบบนี้อีก
“คิมี่!” นัยน์ตาสีเทาละจากภาพงานเฉลิมฉลองที่มองอยู่จากบนระเบียงปราสาทหินทรายกลับไปมองฟาโรห์คนใหม่แห่งอาณาจักรอียิปต์...มงกุฎผ้าของเซบเปลี่ยนไปนิดหน่อย
ตรงที่มีเครื่องประดับทองเหลืองทำเป็นรูปหัวงูติดอยู่เหนือหน้าผาก
“ดูสิ
เราได้เป็นฟาโรห์แล้ว! ขอบใจท่านมากนะที่ช่วยเรามาตลอด”
ฟาโรห์คนใหม่โผเข้ามากอดเขาเป็นเจ้าลูกโกลเด้นตามปกติ
ทำให้เขาถึงกับหัวเราะในลำคอ สองแขนที่เต็มไปด้วรอยสักโอบกอดเอวบางไว้หลวมๆ
เขาไม่ได้ไปร่วมพิธีการที่น่าเบื่อพวกนั้นจึงได้แต่มองอยู่ไกลๆจากในปราสาทหลังเดิมหลังนี้
“พิธีเสร็จหมดแล้วเหรอ?” เขาถามไปสั้นๆ เซบแว่บมาได้แบบนี้ก็น่าจะเสร็จหมดแล้ว?
“พิธีสถาปนาเสร็จหมดแล้วละ
เหลือแค่ไปหุบเขากษัตริย์เพื่อบวงสรวงอดีตกษัตริย์ของอียิปต์
รวมทั้งไปรับมอบอัญมณีสีแดงซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของฟาโรห์มาจากเสด็จพ่อของเรา” หุบเขากษัตริย์?
ถ้าจำไม่ผิดที่นั่นคือที่ฝังพระศพของอดีตฟาโรห์ของอียิปต์โบราณยุคหลังๆแทบจะทุกพระองค์
พ่อของเด็กนี่ก็ถูกฝังไว้ที่นั่นด้วย
“ไปวันนี้เลย?”
“ฮ่าๆๆ
จริงๆต้องไปแล้วละ
แต่เราอยากให้ท่านเห็นเราเป็นฟาโรห์ก่อนใครเลยรีบมาที่นี่ก่อน”
เจ้าเด็กนี่....เขาได้แต่มองใบหน้ายิ้มร่านั่นอย่างละเหี่ยใจ
ป่านนี้ข้าราชบริพารพวกนั้นไม่ตามหาตัวฟาโรห์จอมป่วนนี่ให้ควั่กแล้วเหรอเนี่ย?
“อื้อ~~ เราไปก่อนนะ!”
อ้อมแขนผอมบางกระชับกอดเขาแน่นพลางซุกหน้าลงมาถูไถก่อนจะละออกไป
“อื้ม”
เขาตอบรับเบาๆก่อนจะมองตามฟาโรห์แห่งอียิปต์คนใหม่นั่นไปจนลับสายตา...เจ้าลูกโกลเด้นเอ้ย...ก็ยังจะอุตส่าเป็นฟาโรห์กับเค้าได้นะ
เขาหันกลับไปทอดสายตามองงานเฉลิมฉลองในเมืองธีบส์ต่อ...มีเพียงเรื่องเดียวที่ค้างคาใจเขามาตลอดนับจากวันที่พวกขุนนางต่างลงนามยกเจ้าชายเซบาสเตสขึ้นเป็นฟาโรห์อย่างเป็นทางการ
นั่นก็คือ...ทำไมเซบถึงไม่มีชื่อในบันทึกตามประวัติศาสตร์ว่าเป็นฟาโรห์องค์สุดท้ายของอาณาจักรอียิปต์กันล่ะ?
ทั้งๆที่มีพิธีสถาปนาอย่างใหญ่โตขนาดนี้แล้ว
ขึ้นเป็นฟาโรห์เต็มตัวแล้วแท้ๆ...แต่กลับไม่มีชื่อบันทึกไว้ ขนาดฟาโรห์องค์ก่อนๆตั้งแต่เมื่อ5000ปีที่แล้วยังมีชื่อในบันทึกเลย?
หรือหน้าประวัติศาสตร์มันกำลังจะเปลี่ยนไป?
เพราะเขาช่วยให้อาณาจักรอียิปต์ยังมีฟาโรห์คนต่อไป?
ถ้าอย่างนั้น...การล่มสลายของอาณาจักรอียิปต์อาจจะไม่เกิดขึ้นแล้วก็ได้?
ภูเขาหินปูนที่อยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำไนล์มองเห็นที่ฝังพระศพของอดีตฟาโรห์ร่วมร้อยเรียงรายสลับซับซ้อนไปตามเนินเขา
ฟาโรห์พระองค์ใหม่ทำพิธีบวงสรวงผู้รอคอยการกลับมาจากการเดินทางหลังความตายอันยาวนานเหล่านั้นด้วยความเคารพและเงียบสงบ
พิธีการในขั้นตอนนี้มีเพียงนักบวชชั้นสูงไม่กี่คนเท่านั้นที่ได้รับอนุญาติให้เข้ามาช่วยจัดเตรียมเครื่องสักการะต่างๆ
การบวงสรวงอดีตฟาโรห์ผ่านพ้นไปได้ด้วยดี
ร่างโปร่งที่อยู่ในกระโปรงผ้าลินินสีทองกับกลุ่มนักบวชสี่ห้าคนจึงเดินต่อไปยังหลุมศพของฟาโรห์คนก่อนผู้เป็นพ่อของเขานั่นเอง
ประตูหน้าสุสานถูกเปิดออกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะถูกปิดตายภายหลังจากวันนี้ไป
นั่นก็เพราะสิ่งสุดท้ายที่จะถูกส่งต่อกันสำหรับฟาโรห์แต่ละรุ่นนั้นเขากำลังจะรับมอบมันมาแล้ว
ฟาโรห์เซบาสเตสเดินตามบันไดไม้ที่ถูกโอบล้อมด้วยช่องสี่เหลี่ยมขนาดพอดีตัวที่ถูกสกัดเข้าไปในภูเขาหิน
บันไดนั้นทอดลึกลงไปเรื่อยๆ
ผ่านห้องขนาดพอเหมาะที่ใช้เก็บรักษาสมบัติส่วนพระองค์ของฟาโรห์เจ้าของสุสานนี้ไปเรื่อยๆ
ผนังทั้งสองฝั่งไม่ได้อับทึบราขึ้นแต่มันกลับถูกสลักเสลาเป็นภาพเขียนลงสีสันสวยงามเพื่อเล่าเรื่องเบื้องหลังความตายที่อดีตฟาโรห์องค์นี้ต้องไปพบเจอก่อนที่จะกลับมาในอนาคต
ทุกสิ่งทุกอย่างในนี้พ่อของเขาเตรียมเอาไว้ให้ตัวเองก่อนที่จะตายนานแล้ว...ฟาโรห์ทุกคนต้องทำแบบนี้...มองหาที่ดีๆเพื่อสร้างสุสานไว้เก็บร่างกายของตนเอง...รอวันที่จะกลับมา
ทว่า
เขาจะไม่ทำแบบนั้น...
เขาจะไม่ทำสุสาน
ไม่ทำหลุมศพให้ตัวเอง เพราะเขาจะไม่กลับมาที่นี่อีก
ฟาโรห์คนใหม่เดินไปจนสุดปลายทาง
ห้องขนาดพอเหมาะคือห้องที่เขายืนอยู่ โลงศพของผู้เป็นพ่อตั้งอยู่ตรงหน้า
เขาทำความเคารพท่านเป็นครั้งสุดท้าย
ก่อนที่นักบวชสองคนที่ติดตามเขามาจะอัญเชิญกล่องสีทองกล่องหนึ่งออกมาจากใต้โลงศพให้
เขารับมันมาด้วยสายตาเลื่อนลอย....
อัญมณีสีแดงดั่งเลือดมองเห็นผ่านฝาคริสตัลที่เก็บรักษามันไว้...สิ่งนี้คือสัญลักษณ์ของฟาโรห์ที่จะมีเพียงฟาโรห์เท่านั้นที่ได้เห็นและได้ครอบครองมัน
ไม่เคยมีใครสามารถระบุได้ว่ามันเป็นอัญมณีอะไรกันแน่
เพชร พลอย หรือทับทิม
แต่เขาเห็นแค่แว่บแรกเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันไม่ใช่สิ่งของที่เกิดมาจากแร่ธาตุตามธรรมชาติ
แต่มันคือเลือด...
เป็นเลือดที่ตกผลึกจนดูคล้ายอัญมณี...และคงจะมีแต่ฟาโรห์เท่านั้นที่รู้เรื่องนี้
“อึก...”
เขายกมือขึ้นมากุมขมับก่อนที่ร่างจะซวนเซไปเล็กน้อย
พลังของมันนั้นไม่ธรรมดาเลยจริงๆ เล่นเอาร่างกายของเขาปั่นป่วนไปหมด
“เราไม่เป็นไร...”
ริมฝีปากสีชมพูเอ่ยบอกนักบวชสองคนที่เข้ามาช่วยพยุงก่อนจะก้มลงไปมองอัญมณีสีแดงนั่นอีกครั้ง
ในที่สุดเขาก็ได้มันมาแล้ว...มันเป็นของเขาแล้วและเขาจะใช้มันได้โดยชอบธรรม
เขาเฝ้ารอคอยวันนี้มาตลอด...ความเป็นกษัตริย์
อำนาจของฟาโรห์
ทรัพย์สมบัติทั้งหลายไม่เคยอยู่ในสายตาของเขาเลย...สิ่งที่เขาต้องการมีเพียงสิ่งนี้เท่านั้น
ผลึกเลือดที่ตกทอดกันแต่ในหมู่ฟาโรห์...
และมันเป็นสิ่งเดียวที่จะทำให้ความปรารถนาของเขาเป็นจริง...
รวมทั้ง...
มันยังเป็นสิ่งเดียว...ที่จะส่งคิมี่กลับไปยังโลกที่คิมี่จากมาได้อีกด้วย...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
โปรดติดตามตอนต่อไป...
อาจจะสั้นหน่อยนาคะตอนนี้
ตอนแรกว่าจะยิงยาวเลยแต่ก็เกรงว่าจะยาวเกินไป ตัดก่อนลูปสุดท้ายมาลงก่อนแบ้วกัน
อิอิ
เห็นผลการควอลิฟายสนามมาเลแบ้วก็สะเทือนใจพูดอะไรไม่ออกไปอีกรอบ
ฮึก...แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ TvTb
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น