Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : 01


Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren]  Ai Kotoba : 01

: Attack on Titan feat. KHR Gintama Psycho pass Fanfiction  Au
: 8059 , Levi x Eren , Kogami x Ginoza , Takasugi x Katsura
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           

         



อ่านอินโทรก่องนะคะ  >>  Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : Intro






“ นกกระสาที่หลงรักพญาเหยี่ยว

เป็นรักเดียวที่ยอมแลกแม้ชีวิต

แค่สักนิดขอเจ้า...มองลงมา

ท้องนภาสุดหล้า...ข้ายกให้เพียงผู้เดียว....”



.
.
.
.
.
.



กองเรือสีดำที่กางใบอยู่เต็มน่านน้ำ หากอยู่ในภาวะสงครามคงน่าเกรงขามใช่น้อย และเรือที่กำลังลอยกลับไปยังเกาะชิโกกุเหล่านั้น....ล้วนเป็นของตระกูลยามาโมโตะ

“ นายน้อย...เรียกข้ามามีอะไรรึ?”   ชายสูงวัยที่เป็นทั้งข้ารับใช้คนสนิทและเป็นทั้งซามูไรอาวุโสที่คอยตามติดดูแลลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลยามาโมโตะมาตั้งแต่เกิดเอ่ยถามเด็กหนุ่มร่างสูงที่ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ

ในสายตาคนที่เลี้ยงดูมามันช่างเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจเมื่อเด็กชายที่เคยแบเบาะกลับเติบใหญ่ขึ้นมาได้อย่างองอาจขนาดนี้ ถึงจะมีอายุเพียงแค่ 18 ปีแต่เด็กหนุ่มกลับมีพลังที่จะทำให้ใครต่อใครเชื่อมั่นได้ว่า หากยังมียามาโมโตะ ทาเคชิอยู่ ตระกูลของพวกเขาจะไม่มีวันล่มสลายแน่

“ ชิโนดะ เดี๋ยวเจ้าเอาผลการเจรจาไปให้พ่อก่อนก็แล้วกัน ข้าจะไปโคโตฮิระ”   ชายสูงวัยค้อมหัวรับคำสั่งอย่างไม่รู้สึกแปลกใจ ในสายตาคนที่ผ่านน้ำร้อนมามากย่อมมองเห็นสายใยบางอย่างที่เกิดขึ้นในใจของเด็กหนุ่ม...ซึ่งเขาก็ได้แต่เฝ้าภาวนาขอให้นายน้อยไม่รู้ตัวแบบนี้ไปตลอด...เพราะไม่เช่นนั้นเขาคงต้องหาทางจัดการมันซะ ก่อนที่สายใยพวกนั้นจะรัดพันแล้วทำให้พญาเหยี่ยวที่ควรจะโผบินอย่างงามสง่าต้องมาจมปลักอยู่กับพื้นดิน

 หากไม่รู้ตัวก็ไม่เป็นไร แต่หากวันใดที่ท่านรู้ใจตัวเองขึ้นมา ข้าคง....












อาคารชั่วคราวของกรมช่างทหารที่ตั้งอยู่ริมทะเลเซโตะไนไกยามนี้ช่างเงียบงัน เพราะว่าการก่อสร้างถูกชะลอลงไปทำให้ไม่มีการทำงานใดๆในวันนี้...

และก็คงจะอีกในหลายๆวัน

ใบหน้านิ่งเฉยของคนที่เดินไปตามระเบียงเชื่อมอาคารเผลอหัวเราะออกมาเมื่อนึกถึงใบหน้าของเจ้านายช่างใหญ่หัวหน้าวิศวกรประจำโครงการที่ป่านนี้คงปล่อยรังสีอำมหิตจนห้องทำงานกลายเป็นนรกไปแล้วมั้งนั่น

ร่างสูงใหญ่ในชุดทหารตามแบบตะวันตกคอปกตั้งยังคงก้าวขาต่อไปอย่างไม่ได้นึกเกรงทั้งๆที่รู้ดีว่านายช่างหนุ่มคงกำลังอารมณ์ไม่ดีอยู่แน่ๆ รองเท้าบูทสีดำที่สูงถึงหัวเข่าดูเข้ากับเครื่องแบบสีกรมท่า สายที่ห้อยลงมาจากอินธนูบนไหล่ซึ่งบ่งบอกยศว่าไม่ใช่น้อยๆและแพรแถบบนอกเสื้อก็ทำให้ร่างสูงดูงามสง่าสมชายชาตรี เส้นผมยุ่งๆสีดำพลิ้วไหวน้อยๆรับลมทะเลเพราะหมวกนั้นถูกถืออยู่ในมือ...โคงามิ ชินยะ เป็นทหารบก...แต่ถึงจะเป็นทหาร...ในยามที่บ้านเมืองไม่ได้อยู่ในภาวะสงคราม ทหารอย่างเขาก็มีหน้าที่เพียงแค่คอยดูแลประชาชน เพราะงั้นมันจึงช่วยไม่ได้ที่เขาจะถูกมอบหมายให้คอยติดตามไปกับพวกกรมช่างทหารเพื่อคอยถางทางให้

นะ...แต่คราวนี้เขาติดธุระเลยมาถางทางให้ช้าไปหน่อย...

เจ้านายช่างใหญ่ของกรมช่างทหารที่เป็นทั้งเจ้านายและเป็นทั้งเพื่อนถึงได้มีเรื่องตั้งแต่วันแรกที่มาเหยียบเกาะชิโกกุแห่งนี้

“ หึหึ...มาวันแรกก็โดนเลยหรอท่านนายช่างใหญ่”   ใบหน้าคมเอ่ยเสียงทักทายไปจากหน้าประตู ปกติโคงามิก็ไม่ใช่คนที่จะเล่นหัวกับใครไปทั่ว แต่พอเห็นหน้านิ่งที่เหมือนจะอารมณ์เสียตลอดเวลาของคนตรงหน้ามันก็อดที่จะยื่นขาไปแหย่ไม่ได้

อันที่จริงพวกเขาเป็นเพื่อนร่วมรุ่นกันมาตั้งแต่สมัยฝึกทหาร ก่อนที่อีกฝ่ายจะตัดสินใจเข้ากรมช่างท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนในครอบครัว หลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันพักใหญ่เพราะคนตรงหน้าไปศึกษาเกี่ยวกับงานด้านวิศวกรรมที่ต่างประเทศ พอกลับมาต่อให้ยังอยู่ในกรมช่างแต่ยศของเจ้าเพื่อนคนนี้ก็พุ่งพรวดๆจากทั้งฝีมือที่ถูกยกให้เป็นวิศวกรอันดับหนึ่งของกรมช่างทหารและจากอิทธิพลของครอบครัว

เพราะงั้นมันก็ช่วยไม่ได้ที่เจ้าคนหน้าโหดที่นั่งปล่อยรังสีทะมึนอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ในห้องนั่นจะเป็นหัวหน้าของเขาทั้งๆที่อยู่ในรุ่นเดียวกัน

“ อย่างงี้ก็ทำอะไรไม่ได้จนกว่าหมายการก่อสร้างฉบับใหม่จะมาสินะ”  ร่างสูงใหญ่ในชุดทหารคอปกตั้งก้าวขาเข้าไปยืนหน้าโต๊ะก่อนจะคีบแบบแปลนของสะพานที่ขาดครึ่งขึ้นมาดูด้วยสายตาราวกับไม่รู้สึกรู้สาอะไร ใบหน้าของโคงามิถึงจะหล่อเหลาแต่ก็ซังกะตายกับสิ่งรอบตัวราวกับไม่เคยสนใจอะไรเป็นพิเศษ

ต่างจากอีกคนที่เริ่มจะกระดิกเท้าราวกับอยากจะกระทืบใครสักคนเพื่อระบายความหงุดหงิดที่ต้องมาติดแหง่กอยู่บนเกาะอย่างไม่มีอะไรทำไปอีกหลายอาทิตย์  นัยน์ตาขี้รำคาญมองออกไปนอกหน้าต่าง  ทั้งๆที่ตอนนี้พวกเขาน่าจะได้เริ่มลงไปสำรวจตรวจดูแนวหินใต้ทะเลเพื่อเริ่มกำหนดจุดที่จะวางฐานรากสะพานได้แล้ว แต่นี่กลับต้องรอกระดาษแผ่นเดียวที่ถูกไอ้เจ้าเด็กเหลือขอตัวดีนั่นฉีกทิ้ง  แค่นึกถึงใบหน้าราวกับลูกหมาที่หลอกเขาซะสนิทใจว่าเป็นหมาบ้านทั้งๆที่จริงแล้วมันเป็นหมาจิ้งจอก สองมือก็กำแน่นอย่างแค้นใจจนร่างกายเริ่มจะสั่นกึกๆ

“ เอาน่านายช่าง...ถ้าลงไปสำรวจในน้ำไม่ได้ งั้นเราไปสำรวจในเมืองใกล้ๆนี่แทนดีกว่าไหม? ยังไงก็ต้องอยู่ที่นี่ไปอีกหลายปี ไปผูกมิตรกับชาวบ้านไว้ก็ไม่เสียหาย”  โคงามิพูดออกไปก่อนที่อีกฝ่ายจะเส้นเลือดแตกตายจากความโกรธ  พวกเขาไปสร้างทางรถไฟและสะพานข้ามแม่น้ำใหญ่ๆด้วยกันมาก็หลายที่ แต่ดูท่าว่างานนี้จะหินกว่าทุกๆที่ที่ไปมาสินะ

“ ข้าเคยมาที่ชิโกกุอยู่ครั้งสองครั้ง มีเมืองใหญ่ที่อยู่ใกล้ๆที่นี่อยู่สองเมือง เมืองแรกก็เมืองที่เป็นศูนย์กลางของเกาะนี้...ทาคามัตสึ...เป็นที่ตั้งของตระกูลยามาโมโตะ ส่วนอีก”

“ ตระกูลยามาโมโตะ?”   นายช่างหนุ่มแทรกขึ้นมากลางประโยคด้วยติดใจในชื่อที่โคงามิพูดออกมา เพราะตั้งแต่ตอนที่นั่งมากับเรือของกรมช่างทหารเขาก็สังเกตเห็นเรือสำเภาลำใหญ่ที่แล่นข้ามไปมาระหว่างชิโกกุกับโอคายาม่าของแผ่นดินใหญ่...และเรือทุกลำนั้นล้วนมีคำว่า ยามาโมโตะ ติดอยู่ที่ข้างเรือทั้งสิ้น

“ .....เฮ้อ....”   ใบหน้าคมของโคงามิถึงกับถอนหายใจให้เห็นกันจะๆ

“ นี่แปลว่าเจ้ายังไม่ได้ไปรายงานเจ้าเมืองทาคามัตสึอย่างเป็นทางการเลยสินะเรื่องหมายกำหนดการสร้างสะพานนี่น่ะ?”   โดยปกติแล้วเมื่อจะเริ่มการก่อสร้างทางรถไฟหรือสะพาน งานแรกที่ต้องทำคือนำหมายการก่อสร้างไปรายงานให้เจ้าเมืองเมืองนั้นรับรู้ก่อน เพื่อจะได้อำนวยความสะดวกหลายๆอย่างในการก่อสร้างให้

“ ก็มันยังไม่ทันจะได้ทำอะไร พอข้ามาถึงนี่ก็มีเรื่องเจ้าเด็กนั่นซะก่อนไงเล่า”  โคงามิถึงกับยกมือยอมแพ้และรีบเปลี่ยนเรื่องก่อนที่นายช่างหนุ่มจะเส้นเลือดแตกตายเพราะคิดถึงเรื่องเมื่อวาน

“ ตระกูลยามาโมโตะสืบเชื้อสายมาจากไดเมียวผู้ครอบครองเกาะชิโกกุ ถึงแม้ว่าปัจจุบันอำนาจการปกครองจะถูกย้ายไปเป็นของส่วนกลางแต่ในเกาะที่ห่างไกลแบบนี้ตระกูลยามาโมโตะเลยยังมีอิทธิพลในแง่ของเจ้าเมืองอยู่  เรียกว่ามีอำนาจพอที่จะสั่งคนทั้งเกาะได้ละนะ...เจ้าคงสังเกตเห็นเรือที่แล่นออกไปจากเกาะนี้ละสิถึงได้ถามข้า...ถูกแล้ว...นอกจากจะมีอำนาจในภาคพื้นดิน...ในทะเลเซโตะเองก็เป็นของตระกูลยามาโมโตะด้วยเช่นกัน พวกนั้นถือครองกิจการการเดินเรือทั้งหมดของเกาะชิโกกุเอาไว้...เพราะงั้นนะนายช่าง...”

“ ถ้ามีสะพาน...ย่อมกระทบต่อการเดินเรือ...ทีนี้เจ้าคงรู้แล้วสินะว่ากำลังงัดข้ออยู่กับใคร”

แต่แทนที่จะวิตกกังวล ใบหน้าที่เคยหงุดหงิดอยู่จนถึงเมื่อครู่กลับยกยิ้มที่ริมฝีปากอย่างถูกใจ...อะไรที่ได้มาง่ายๆย่อมไม่ท้าทาย....นั่นคือคติประจำใจของคนเพียงคนเดียวที่สามารถรับงานโหดหินอย่างการสร้างสะพานเซโตะโอฮาชิได้

แค่ระบบโครงสร้างของสะพานก็ซับซ้อนเกินกว่าใครจะเข้าใจแล้วนี่อาจจะยังต้องมารบรากับอิทธิพลมืดบนเกาะที่ไม่มีแม้แต่มิตรแบบนี้อีก...หากไม่ใช่คนตรงหน้าก็คงไม่มีใครกล้ารับงานนี้...โคงามิเผลอหัวเราะในลำคอเมื่อเห็นสายตาคมกริบที่ไม่ได้กลัวเกรงอำนาจมืดของเจ้านายช่างที่เป็นทั้งเพื่อนและนายของตน

“ เอาเถอะ...ไว้หมายการก่อสร้างฉบับใหม่มาเมื่อไหร่เราค่อยไปทาคามัตสึกัน....แต่วันนี้เมืองที่ข้าจะชวนเจ้าไปคือเมืองที่อยู่ใกล้ๆนี่เอง...โคโตฮิระ...ที่นั่นเราน่าจะพอหาซื้อของใช้จำเป็นหลายๆอย่างได้รวมไปถึงเรื่องเสบียงอาหารเราคงต้องพึ่งพาตลาดของที่นั่นให้ส่งมาให้...ไหนๆก็ไม่มีอะไรจะทำแล้วนี่ ไปติดต่อเรื่องนี้ไว้เลยก็แล้วกัน อ้อ ที่นั่นมีศาลเจ้าใหญ่โคโตฮิระอยู่ด้วย เจ้าไปขอพรล้างซวยซะบ้างก็ดีนะ”   แล้วก็เป็นอีกครั้งที่นายช่างหนุ่มตวัดสายตาอาฆาตส่งไปให้ร่างสูงใหญ่ที่ยืนกลั้นหัวเราะอยู่ตรงหน้า

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครลุกขึ้นจากเก้าอี้เผยให้เห็นว่าวันนี้เขาอยู่ในชุดทหารเต็มยศ...ถึงจะอยู่ในกรมช่างแต่ยังไงเขาก็ยังเป็นทหาร

ไปสำรวจในเมืองที่เขาคงต้องอาศัยไปอีกหลายปีนั่นก่อนก็ดีเหมือนกัน...อีกอย่าง...เผื่อว่าเขาจะบังเอิญเดินไปเจอเจ้าเด็กแสบนั่นจะได้จับมันกลับมาจัดการซะให้หายแค้น

แล้วม้าสีดำสองตัวก็พุ่งทะยานออกไปจากอาคารพักชั่วคราวของกรมช่างทหารเพื่อมุ่งหน้าสู่โคโตฮิระ...















ซามิเซ็งที่ควรจะขับขานเป็นบทเพลงที่ต่อเนื่องยาวนานกลับต้องหยุดชะงักเป็นพักๆเมื่อสองคนที่กำลังซ้อมบทละครอยู่บนเวทีถูกตีเข้าที่หน้าแข้งด้วยพัดจนกระโดดเหยงๆ

“ โอ๊ย! ซึระ! เจ็บนะ! เป็นยักษ์เป็นมารหรือไงเจ้าน่ะ ตีเอาๆอยู่ได้!”   ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินหันมาแยกเขี้ยวใส่คนตีโดยไม่สนใจจะให้เกียรติหรือมีพิธีรีตองเพราะอยู่ด้วยกันมาตั้งแต่ตนยังเล็กๆ สนิทกันจนแทบจะเรียกอีกฝ่ายว่าเป็นแม่คนที่สองเลยก็ยังได้

“ ไม่ใช่ทั้งยักษ์ทั้งมารแต่ข้าเป็นอาจารย์ของเจ้าต่างหาก  ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าฉากรำพัดนี่สำคัญมากเพราะมันจะทำให้พระเอกหลงรักเจ้าตั้งแต่แรกเห็น...แล้วดูสภาพเจ้าตอนนี้สิ ไม่ใช่แค่พระเอกจะไม่หลงรักแต่จะขำจนท้องแตกเลยต่างหาก เอ้า! รำใหม่ให้มันอ่อนหวานหน่อยฮายาโตะ”  เจ้าของโรงละครคาบุกิที่ใครๆต่างยกย่องในความงามเคาะพัดลงไปตรงหน้าคนที่จะมารับช่วงต่อบทตัวนางต่อจากตนอย่างเข้มงวด เพราะถึงจะจับมาฝึกฝนกันตั้งแต่ยังเด็กแต่ก็เพราะเรนกับฮายาโตะนั้นทั้งฉลาดและซุกซนจนบางครั้งก็ใกล้เคียงกับลิงทโมน เขาจึงต้องคอยปวดหัวไปกับการเคี่ยวเข็ญกว่าจะเป็นละครคาบุกิออกมาเรื่องหนึ่งๆนี่ก็ไม่ใช่ง่ายๆ

“ หนอย....ไม่รักก็ช่างหัวมันสิ!  ใบหน้าหงิกของฮายาโตะสะบัดไปอีกทางก่อนจะเริ่มรำพัดใหม่อีกรอบ...ก็เป็นซะแบบนี้ทั้งๆที่ถ้ายิ้มแย้มหรือทำตัวให้มันอ่อนหวานคงจะเป็นเด็กที่น่ารักมากแน่ๆ...แต่ก็เอาเถอะ เพราะเจ้าตัวไม่เคยยอมใครมันเลยกลายเป็นเสน่ห์ให้น่าเอ็นดูไปอีกแบบ

“ ฮึฮึ.....”   แล้วเสียงกลั้นหัวเราะก็ทำให้เจ้าของโรงละครคาบุกิหันไปมองอีกคนที่ซ้อมอยู่ใกล้ๆกันพลางถอนหายใจ

“ เจ้าก็ไม่ต้องไปขำคนอื่นเค้าหรอกเรน....หน้าทะเล้นๆแบบนั้นมันอะไร? มันต้องหม่นหมอง เศร้าสร้อยไปกับการรอคอยสิ...ชายคนรักของเจ้าต้องถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามจะเป็นตายร้ายดียังไงก็ไม่รู้ เจ้าที่ต้องมารอคอยอยู่ที่ใต้ต้นซากุระตั้งแต่มันผลิดอกออกใบจนมันร่วงไปจนเหลือแต่กิ่งก้านจะยิ้มระรื่นหน้าบานแบบนั้นหรือยังไง? เอ้า! ถือร่มให้มันสวยๆแล้วไปเดินตามที่ข้าบอกเสียใหม่”   นี่ก็อีกคน....ถึงจะให้ความเคารพเขามากกว่าฮายาโตะนิดหน่อยแต่เรื่องโผงผางหรือซุกซนก็ไม่ได้แพ้อีกคนเลย

“ โธ่...คุณคัตสึระละก็...เดี๋ยวพอแสดงจริงหน้ามันก็ไปเองนั่นแหละ....อีกอย่างข้าก็ไม่เคยมีชายคนรักจะไปเข้าใจได้ยังไง?”   เจ้าของโรงละครคนงามถึงกับอ้าปากค้าง...จะว่ายอกย้อนก็ไม่ใช่ เพราะเรนมักจะไร้เดียงสาจนน่าแปลกใจอยู่เสมอ

“ คิก....”   พอทางนี้พลาด ทางนั้นก็หัวเราะ...ให้มันได้อย่างงี้สิเจ้าสองคนนี้!

“.........ฮายาโตะ...รำพัดของเจ้าไปเดี๋ยวนี้เลย”   คัตสึระ โคทาโร่ หันไปส่งสายตาดุๆให้จน โกคุเดระ ฮายาโตะ จำต้องรำพัดด้วยใบหน้างอหงิกต่อไป

“ ให้ตายสิพวกเจ้าสองคน โตจนป่านนี้แล้วยังต้องให้ข้าจ้ำจี้จ้ำไชเป็นเด็กๆอยู่นี่แหละ ถ้าวันนี้ยังแสดงตามที่ข้าบอกไม่ได้ อย่าหวังจะได้หนีออกไปเที่ยวเล่นได้เลย ข้าลงกุญแจทางออกไว้หมดแล้ว”   ร่างระหงในกิโมโนสีน้ำเงินเดินไปนั่งดูอยู่ที่ขอบเวทีอย่างไม่สนใจเสียงเง้างอดที่ดังมาจากบนเวที

“ ชิ...เจ้ามันเป็นยักษ์จริงๆด้วย!

“ เรน ยกมือขึ้นมาทำท่าเหมือนร้องไห้ด้วย  ส่วนฮายาโตะ แขนเจ้าน่ะ ข้าเคยบอกไว้ว่ายังไง?!”   เจ้าของโรงละครยังคงสั่งการต่อไปแม้จะถอยมานั่งดูอยู่ไกลๆ ถึงแม้จะต้องเคี่ยวกันแทบเป็นแทบตายแต่ผลสุดท้ายแล้วเด็กทั้งคู่ก็ไม่เคยทำให้เขาผิดหวังจนตอนนี้แทบจะเรียกได้เต็มปากเต็มคำแล้วว่าเรนกับฮายาโตะคือดาวเด่นของโรงละครคาบุกิคานามารุสะแห่งนี้ นั่นคือเหตุผลว่าทำไมเขาจึงไม่เคยเบื่อหรือเอือมระอากับการที่ต้องคอยจ้ำจี้จ้ำไชลากมาฝึกซ้อมทั้งๆที่ยังมีนักแสดงอีกมากมายรอเสียบอยู่

เรื่องราวที่จะถูกนำมาแสดงในคราวนี้เป็นเรื่องราวความรักของชายหนุ่มกับหญิงสาวที่ต้องพลัดพรากจากกันเพราะไฟแห่งสงคราม ชายหนุ่มถูกเกณฑ์ไปรบทิ้งให้หญิงสาวต้องเฝ้ารอด้วยหัวใจที่มีแต่ความกังวล แต่ถึงจะเป็นเรื่องราวที่สิ้นหวังยังไงเขาก็ตั้งใจจะให้มันจบอย่างมีความสุขไม่ใช่โศกนาฏกรรม

พัดในมือเผลอเคาะเป็นจังหวะตามเสียงกลองเมื่อมองดูทั้งสองคนซึ่งร่ายรำได้อย่างที่ตนต้องการอยู่บนเวที....ทั้งเรนและฮายาโตะแสดงในบทเดียวกันมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก เพราะละครคาบุกิค่อนข้างเป็นที่นิยม เวลาเปิดแสดงในแต่ละเรื่องจึงมีคนรอเข้ามาชมจนแทบล้นทะลัก เขาจึงเปิดการแสดงหลายรอบในแต่ละวันและเพื่อให้นักแสดงได้พัก ตัวหลักๆของแต่ละเรื่องจึงมักมีสองชุดอยู่เสมอ

แต่ก็น่าแปลกใจเพราะแทนที่รอบการแสดงจะพอเพียงกลับกลายเป็นว่าบางคนก็มาชมสองรอบเพื่อให้ได้ดูเด็กทั้งคู่แสดง...ถึงจะผิดจากที่คิดไว้แต่ก็นับว่าดีต่อโรงละครละนะ

นัยน์ตาสีดำจ้องมองสองคนที่อยู่บนเวที ละครเรื่องนี้กำลังจะแสดงในอาทิตย์หน้าและจะแสดงติดต่อกันไปกว่าครึ่งเดือน ก่อนจะพักเล็กน้อยเพื่อเตรียมการสำหรับเรื่องต่อไป...และช่วงที่ทำการแสดงนั้น...กลับกลายเป็นช่วงที่น่าอึดอัดใจสำหรับคนที่รักศิลปะการแสดงในแขนงนี้อย่างเขา


เพราะมันไม่ได้เป็นเวทีที่ใสบริสุทธิ์....


มันไม่ได้ให้ความสุขกับผู้คนแค่การแสดงแต่กลับถูกใช้ประโยชน์ในทางคาวโลกีย์จนไม่ค่อยจะมีใครมองพวกเขาด้วยสายตาที่ดีนัก

ใครๆต่างก็รู้ดีว่ามันมีการขายร่างกายหลังจากการแสดงในแต่ละวันด้วย...เขาเองก็รู้ว่ามีนักแสดงหลายคนใช้เวทีของเขาเป็นที่แสดงตัว...ต่อให้เปลี่ยนจากนักแสดงหญิงมาเป็นเด็กหนุ่มแล้วก็ตามแต่การขายบริการราวกับโสเภณีก็ยังมีอยู่...ถึงแม้ว่าในฐานะเจ้าของโรงละครจะค่อนข้างหนักใจอยู่บ้างแต่เขาเองก็ไม่อาจจะไปห้ามปรามนักแสดงของตนได้ เพราะมันถือเป็นเรื่องส่วนตัว ไม่เกี่ยวกับการแสดงที่เขาต้องเข้มงวด

นัยน์ตาสีดำยังคงทอดมองอยู่ที่ร่างบอบบางทั้งคู่ซึ่งกำลังหมุนวนด้วยท่าทางที่อ่อนช้อยอยู่บนเวที...อีกเรื่องที่ต้องหนักใจก็คือการต้องคอยกันเจ้าเด็กสองคนนั่นเอาไว้ไม่ให้พวกตาเฒ่าหัวงูที่พูดไม่รู้เรื่องมาหิ้วไป....ถึงแม้เจ้าตัวจะไม่เคยสนใจเรื่องนี้และไม่คิดจะขายตัวเหมือนคนอื่นๆ แต่ยิ่งโตก็ยิ่งมีคนหมายตาจนถึงขั้นตามรังควาญเลยก็มี 

ดูจากรูปร่างหน้าตาที่จัดได้ว่าเหนือกว่าเด็กผู้หญิงหรือเด็กผู้ชายคนไหนๆในละแวกนี้ก็คงต้องบอกว่าไม่น่าแปลกใจที่จะต้องตาใครต่อใคร...

หากมีคนรักเป็นตัวเป็นตนหรือมีคนอุปถัมภ์ที่น่าเกรงขามได้ก็คงจะเบาใจกว่านี้


เหมือนที่เขาเองก็เคยใช้ประโยชน์จากมัน...


“ คุณคัตสึระครับ ร้านกิโมโนขนกิโมโนที่ตัดเสร็จแล้วมาให้ตรวจดูครับ”   เสียงเรียกจากข้างหลังทำให้ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีดำหันกลับไปพยักรับ

“ ให้ขนเข้าไปที่ห้องแต่งตัวเลย เดี๋ยวข้าตามไป”  เพราะกิโมโนที่ใช้ในการแสดงนั้นต่างจากกิโมโนที่ใส่ทั่วไป มันต้องมีกลไกให้สามารถถอดเปลี่ยนได้แม้แต่ตอนอยู่บนเวที ฉะนั้นจึงต้องลองแล้วลองอีกกว่าจะเอามาใช้งานได้จริงๆ

แล้วแทบจะทันทีที่เจ้าของโรงละครคนงามหายไปจากหน้าเวที เสียงกระแนะกระแหนก็ดังลอยๆมากจากแถวๆทางเข้าโรงละครให้สองคนที่กำลังฝึกซ้อมถึงกับชะงักกึก

“ แสดงก็ไม่เห็นจะได้เรื่อง พวกที่อาศัยแค่หน้าตามันก็แบบนี้แหละ ไม่ต้องพยายามอะไรก็ได้บทตัวเอกไป”   ถึงจะเป็นเวทีที่ใช้เด็กผู้ชายแสดงล้วนๆแต่ด้วยความที่ยังเป็นเด็ก ความอิจฉาริษยาจึงมีอยู่ทั่วไป ยิ่งพวกเด็กของคณะละครคาบุกิที่เป็นเพียงแค่เด็กชาวบ้านธรรมดาไม่ได้ถูกฝึกฝนทั้งร่างกายและจิตใจมาเหมือนพวกซามูไร ไฟแห่งความอยากได้อยากมีอยากเห็นตัวเองดีกว่าใครๆจึงห่อหุ้มหัวใจดวงน้อยเอาไว้

แล้วยิ่งสองดาวเด่นแห่งโรงละครคานามารุสะเหนือกว่าพวกตนอย่างเห็นได้ชัดก็ยิ่งตกเป็นเป้าของความอิจฉา...แต่หากคิดว่าทั้งสองคนจะยอมถูกรังแกได้ง่ายๆก็คงจะคิดผิด

“ นั่นสินะ...ถ้าพวกเจ้าอยากสบายเหมือนข้าก็ทำหน้าตาให้มันดีกว่าหมาที่คอยเห่าไปวันๆแบบนี้ให้ได้ก่อนแล้วกัน”  ใบหน้าสวยของฮายาโตะแสยะยิ้ม ริมฝีปากสีสดที่หยักขึ้นอย่างกวนประสาทนั่นช่างแปลผกผันกับความงดงามของใบหน้าจนฝ่ายที่มาหาเรื่องได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันไปกับคำพูดจิกกัดที่ออกไปจากปากร่างบอบบาง

“ พวกเจ้า! อย่านึกว่าตัวเองดีเลิศกว่าคนอื่นล่ะ!”   นิ้วเรียวถูกชี้เข้าใส่ใบหน้าของสองคนที่ยืนอยู่บนเวที

“ มีปัญหาอะไรก็เข้ามาเลยสิ!”   แล้วก็กลัวซะที่ไหน....ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลตะโกนออกไปด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว ทั้งพัดทั้งร่มในมือบางต่างถูกโยนลงพื้นก่อนที่เจ้าสองดาวเด่นนั่นจะถลกแขนกิโมโนขึ้นอย่างพร้อมจะลุย


แล้วเหตุการณ์ประจำวันของโรงละครคานามารุสะก็เกิดขึ้นเมื่อฝ่ายที่มีคนมากกว่าต่างกรูเข้าไปหาสองคนที่ยืนอยู่กลางเวที...ไอ้เรื่องตีกันนี่ไม่มีใครยอมใครเลยจริงๆ


“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!!”   แล้วเสียงก้องกังวานของ คัตสึระ โคทาโร่ ก็ทำให้ทั้งฝ่าเท้าทั้งฝ่ามือที่กำลังตะลุมบอนกันอยู่นั้นหยุดชะงักค้างก่อนจะค่อยๆลดละดับลงจนกลายเป็นยืนตรง

“ พวกเจ้านี่มันจริงๆเลย! ตัดเงินค่าตัวก็แล้ว ไม่ให้ขึ้นแสดงก็แล้ว นี่ข้าไม่รู้จะสรรหาวิธีไหนมาลงโทษพวกเจ้าแล้วเนี่ย?! ทำไมไม่รู้จักโต ไม่รู้จักสามัคคีกันเสียที!”   ร่างระหงเดินผ่านหน้าแถวที่ต่างยืนก้มหน้าฟังคำเทศน์ที่คงจะยาวไปจนเย็นแน่ๆ

นัยน์ตาสีดำดุๆไล่มองเด็กในคณะละครคาบุกิของตัวเองอย่างอ่อนใจ เขาไม่ได้ลำเอียงเข้าข้างเรนกับฮายาโตะ ไม่ได้รักเด็กสองคนนั้นมากไปกว่าเด็กคนอื่นๆ แต่คงจะเป็นเพราะความแตกต่างทางการกระทำและบุคลิกที่ทั้งคู่แสดงออกมาจนใครๆก็อดที่จะไม่เอ็นดูไม่ได้นั่นมากกว่าที่ทำให้ทั้งเรนและฮายาโตะกลายเป็นคนที่น่าอิจฉาโดยที่เจ้าตัวเองก็อาจจะไม่รู้ตัว....เพราะทุกสิ่งที่แสดงออกมามันเป็นไปตามธรรมชาติมิใช่การเสแสร้งแกล้งทำเหมือนเด็กในคณะคนอื่นๆ ซ้ำยังไม่สนใจในเรื่องคาวโลกีย์ ไม่คิดจะขายตัวเพื่อเงินเหมือนคนอื่นๆ ความบริสุทธิ์ที่เจ้าตัวรักษาไว้จึงกลายเป็นของมีค่า เป็นเป้าของความริษยาของคนที่เสียมันไปแล้วนั่นเอง

ในเรื่องของการแสดงเองจากสายตาของคนที่ผ่านการแสดงมาไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเรื่องแบบเขาบอกได้เลยว่า เด็กทั้งคู่มีฝีมือจริงๆ แล้วยิ่งเอามาผสมกับรูปร่างหน้าตา...มันก็ไม่น่าแปลกใจเลยที่จะต้องยกบทตัวเอกให้


แล้วแบบนี้จะให้เขาทำยังไง?


“ เฮ้อ.....”   ใบหน้าสวยถอนหายใจหลังจากยืนเทศนาเจ้าพวกเด็กตรงหน้าครบสองชั่วโมง

“ ข้าไม่รู้จะเอาวิธีไหนมาลงโทษพวกเจ้าแล้ว ฉะนั้นเอาแบบนี้ดีกว่า”   เจ้าของโรงละครเว้นวรรคพักหนึ่งก่อนจะตัดสินใจพูดออกไป...เพราะอันที่จริงเรื่องนี้มันยังเป็นแค่แผนคร่าวๆของละครเรื่องที่จะแสดงต่อไป...มันยังไม่ถูกประกาศออกมาอย่างเป็นทางการนัก...แต่เขาก็มั่นใจว่ามันน่าจะทำให้เจ้าเด็กพวกนี้เลิกตีกันได้อีกพักใหญ่ เพราะคงจะไม่มีใครไม่สนใจละครเรื่องนี้แน่

“ ข้าจะนำ นกกระสากับพญาเหยี่ยว มาแสดงใหม่...และคนที่รับบทเป็นนกกระสาจะมีเพียงคนเดียวเท่านั้น....พวกเจ้าทุกคนมีสิทธิ์ แต่หากใครก่อเรื่องทะเลาะวิวาทก็จะถูกตัดสิทธิ์ทันที...เข้าใจที่ข้าพูดแล้วใช่ไหม?”   สิ่งที่เจ้าของโรงละครคนงามพูดออกมาทำให้ใบหน้าของผู้ฟังถึงกับตื่นตะลึง เพราะละครคาบุกิเรื่องนี้เคยโด่งดังมากในอดีต แน่นอนว่าบทที่นักแสดงทุกคนต่างใฝ่ฝันก็คงจะหนีไม่พ้นบทนกกระสา

ใบหน้ามนของเรนหันไปมองใบหน้าสวยของฮายาโตะ...ถึงจะตื่นเต้นดีใจที่ในที่สุดบทละครที่พวกเขาทั้งคู่ต่างหลงใหลจะถูกนำกลับมาแสดงใหม่...ทว่า...สิ่งที่คุณคัตสึระพูดออกมานั่นก็หมายความว่าระหว่างเขากับฮายาโตะ....


จะมีเพียงคนเดียวเท่านั้นที่จะได้แสดงบทนี้...


ทั้งๆที่แสดงบทเดียวกันมาตลอดแต่คราวนี้กลับมีพื้นที่สำหรับคนเพียงคนเดียวเท่านั้น...

“ เรน...ข้าจะไม่ยอมแพ้เจ้าหรอกนะ”  ฮายาโตะหันมาด้วยใบหน้าจริงจังก่อนที่จะยิ้มกวนๆให้และเพราะรับรู้ได้ถึงความจริงใจถึงแม้จะต้องกลายเป็นคู่แข่งกันก็ตามก็ทำให้เขากระโจนเข้าหาร่างในกิโมโนสีอ่อนนั่นจนฮายาโตะถึงกับหงายหลัง

“ ข้าก็ไม่ยอมแพ้เจ้าเหมือนกัน ยังไงข้าก็จะคว้าเอาบทนี้มาให้ได้เลยคอยดู”  ใบหน้ามนตรงเข้าฟัดอีกฝ่ายคล้ายหมากำลังเล่นกับแมวทำให้เจ้าของโรงละครทอดสายตามองอย่างวางใจ แล้วยิ่งเห็นไฟในดวงตาของเด็กคนอื่นๆที่นั่งอยู่ใกล้ๆก็ยิ่งทำให้เขาคงจะไม่ต้องกังวลเรื่องตีกันไปอีกพักใหญ่

อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาฮายาโตะกับเรนมักจะไปไหนมาไหนด้วยกัน ทำอะไรก็ทำด้วยกันจนไม่มีที่ให้คนอื่นแทรกเข้าไปได้เลย ซ้ำทั้งคู่ยังเรียกได้ว่ากวาดบทตัวเอกไปครองโดยไม่ต้องลุ้น มันเลยทำให้เด็กคนอื่นๆไม่พอใจ...แต่พอครั้งนี้แม้แต่ทั้งสองดาวเด่นก็ยังต้องแย่งบทกันเอง มันเลยทำให้คนอื่นๆเริ่มมีความหวัง เริ่มที่จะสนใจพัฒนาที่ฝีมือการแสดงไม่ใช่เอาแต่หาเรื่องอย่างไร้ประโยชน์ไปวันๆ


“ นี่! ข้ากลับบ้านได้หรือยังซึระ? เจ้าคงไม่คิดจะเทศน์ไปจนถึงเย็นหรอกใช่ไหม? ขี้บ่นแบบนี้ถึงได้ไม่มีใครเอายังไม่รู้ตัวอีก”   ปากร้ายๆของโกคุเดระ ฮายาโตะทำงานทันทีที่เขาเริ่มเงียบไป...นี่ถ้าไม่ติดว่าเขาจะต้องไปดูกิโมโนละก็พ่อจะจับเทศน์เดี่ยวจนถึงพรุ่งนี้เช้าเลย! ก่อนอื่นคงต้องอบรมเรื่องมารยาทที่ใช้กับเจ้าของโรงละครก่อนเป็นอันดับแรก!

ใบหน้าสวยของคัตสึระพยักหน้าลงอย่างจนใจและนั่นก็ทำให้เจ้าสองตัวดีวิ่งรี่ออกจากโรงละครราวกับนกที่ถูกปล่อยออกจากกรง...ก็เป็นเสียแบบนี้แหละเขาถึงได้ต้องคอยลงกุญแจเอาไว้ตอนฝึกซ้อม







“ แค่สักนิดขอเจ้า...มองลงมา...”   เสียงใสดังขึ้นในขณะที่ก้าวเท้าไปตามถนนดินที่ทอดขึ้นสู่ศาลเจ้าโคโตฮิระ อันที่จริงมันไม่ใช่ทางขึ้นหลักที่คนทั่วไปเค้าใช้กัน เพราะงั้นมันจึงเงียบสงบและรายล้อมไปด้วยต้นโมมิจิที่บัดนี้ยังมีแต่สีเขียว

“ ท้องนภาสุดหล้า...ข้ายกให้เพียงผู้เดียว....”   อีกเสียงดังขานรับให้กับบทกวีที่คงไม่ต้องใช้เวลาท่องบทพวกเขาก็จำกันได้อย่างขึ้นใจ  เรนเดินตามคนที่ก้าวกระโดดพลางหมุนตัวราวกับนกกระสาสีขาวอยู่ตรงหน้าไปตามถนนที่ลาดชันขึ้นเรื่อยๆ


ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าพวกเขาทั้งคู่อยากแสดงบทนี้ขนาดไหน...


“ เจ้าจะกลับเลยหรอฮายาโตะ?”  เรนทักขึ้นเมื่อเห็นว่าร่างบอบบางของเพื่อนสนิทก้าวขาไปตามทางที่มุ่งสู่ศาลเจ้าซึ่งเป็นทางกลับบ้านของพวกเขา ทั้งๆที่ปกติแล้วจะต้องไปเที่ยวเล่นกันจนเย็นกว่าจะกลับ

“ ข้าจะไปดูไอ้พวกเด็กบ้าที่ศาลเจ้าสักหน่อย วันนี้อาจารย์ไม่อยู่ ไม่รู้จะก่อเรื่องอะไรอีกหรือเปล่า....”   นัยน์ตาสีมรกตของเรนเหล่มองเพื่อนสนิท...คนที่ก่อเรื่องน่ะ ปกติแล้วมันน่าจะเป็นเจ้ามากกว่าไม่ใช่หรือไง? เพราะเท่าที่ดูแล้วไม่มีน้องๆคนไหนจะแสบสันเท่าฮายาโตะเลยสักคน

แต่ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินที่บูดบึ้งเป็นกิจวัตรนั่นก็คงไม่ได้รู้ตัวหรอก  เรนจึงเพียงแค่ส่ายหน้าแล้วเดินตามไป

คนที่ฮายาโตะเรียกว่าอาจารย์อันที่จริงแล้วก็คือมิโกะประจำศาลเจ้าโคโตฮิระนั่นแหละ เธอช่วยเหลือเด็กๆที่ไม่มีครอบครัวแล้วพาตัวมาอยู่ด้วยกันที่ศาลเจ้า...เป็นคนให้ครอบครัวใหม่แก่ฮายาโตะที่สูญเสียครอบครัวเพียงคนเดียวอย่างแม่บังเกิดเกล้าไป...ฮายาโตะจึงรักเธอมากและไม่ว่าที่ศาลเจ้าเองจะขาดแคลนแค่ไหนแต่ฮายาโตะก็พยายามจะหาเงินมาช่วยเพื่อให้น้องๆพวกนั้นมีข้าวกิน

เพื่อนของเขาถึงได้มาเป็นนักแสดงละครคาบุกิแทนที่จะเป็นคนดูแลศาลเจ้าต่อจากท่านมิโกะ


สองดาวเด่นแห่งโรงละครคานามารุสะแยกกันก่อนที่ร่างบอบบางเจ้าของผมสีเงินจะเดินขึ้นไปตามบันไดหิน เพราะมันไม่ใช่ทางหลัก โกคุเดระ ฮายาโตะ จึงโผล่ขึ้นมาที่ทางเข้าด้านหลังศาลเจ้าซึ่งเป็นส่วนห้องครัวและห้องเก็บฟืน

ร่างบอบบางในกิโมโนสีขาวสอดส่ายสายตามองหาบรรดาน้องๆที่ไม่รู้ว่าหายหัวไปไหนกันหมดศาลเจ้าถึงได้เงียบกริบขนาดนี้ จนกระทั่งเดินไปถึงบริเวณหน้าศาลเจ้าถึงได้เข้าใจว่าทำไมเจ้าเด็กพวกนั้นถึงหายจ้อยกันไปหมด

กลุ่มคนในชุดฮากามะสีดำยืนเฝ้าอยู่ราวๆห้าหกคน ทุกคนล้วนมีดาบคาตานะเสียบอยู่ที่เอวและบนไหล่เสื้อล้วนปักตราตระกูลใหญ่ซึ่งมีอิทธิพลที่สุดในเกาะชิโกกุและน่านน้ำทะเลเซโตะ


พวกยามาโมโตะมาไหว้ศาลเจ้านี่เอง....


ฝ่าเท้าจึงเตรียมจะก้าวหนี...พวกน้องๆของเขาอาจจะกลัวพวกยามาโมโตะเพราะพวกนั้นเป็นซามูไรที่โหดเหี้ยมและน่าเกรงขาม...แต่สำหรับเขาที่ยอมถอยหนีทั้งๆที่ไม่ใช่วิสัยนั่นมันก็เป็นเพราะ...

“ โกคุเดระ!”  เสียงทุ้มตะโกนดักเอาไว้ได้อย่างรู้ทัน...มันมีจมูกของหมาหรือยังไงถึงได้รู้ว่าเขากลับมาแล้ว?!

แขนเล็กยกขึ้นกอดอกก่อนจะสะบัดตัวหันกลับไปหาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองร่างสูงใหญ่ในชุดฮากามะสีดำด้วยสายตาหาเรื่อง...ก็ไอ้บ้านี่แหละที่เขาไม่อยากจะเจอ!

“ มีอะไร?”  เสียงห้วนๆถูกส่งออกไปจากริมฝีปากสีสดโดยไม่สนใจว่าร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ตรงหน้านั้นจะเป็นถึงว่าที่ผู้นำตระกูลยามาโมโตะคนต่อไป และเพราะท่าทางที่ไม่กลัวเกรงอะไรแบบนี้แหละมันถึงได้ทำให้อีกฝ่ายอยากจะแกล้งเล่น

“ ข้ามาไหว้ศาลเจ้า แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครอยู่เลย เจ้าจะไม่มาดูแลข้าหน่อยหรอ?”  เสียงทุ้มเอ่ยออกไปอย่างตั้งใจจะแหย่คนที่หงุดหงิดง่ายเสียยิ่งกว่าอะไร นัยน์ตาสีเปลือกไม้ที่แสนเย็นชาเวลามองคนอื่นกลับมีแววอบอุ่นขึ้นเล็กน้อยยามที่ได้เห็นร่างบอบบางเต้นเป็นเจ้าเข้า...ไม่รู้ทำไมถึงได้ชอบท่าทางแบบนั้นของโกคุเดระ ฮายาโตะนัก ก็รู้หรอกว่าการรังแกคนที่สู้ไม่ได้นั้นมันไม่ใช่วิถีของซามูไร แต่กับคนตรงหน้าคงต้องถือเป็นข้อยกเว้น

เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก...

“ ปกติเจ้าก็ไหว้ของเจ้าเองอยู่แล้วนี่ มันจะต้องดูแลอะไรห๊ะ?!  ใบหน้าสวยงอหงิกที่ดูราวกับจะแยกเขี้ยวใส่ให้ได้นั่นทำให้ว่าที่ผู้นำตระกูลยามาโมโตะเผลอหัวเราะในลำคอ

“ โกคุเดระเจ้านี่...หัดพูดจาอ่อนหวานกับคนที่บริจาคเงินให้ศาลเจ้าของเจ้ามากที่สุดอย่างข้าหน่อยสิ”  ร่างสูงใหญ่หยอกเย้าทั้งๆที่รู้ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ที่เจ้าคนปากร้ายตรงหน้าจะพูดจาอ่อนหวานกับใคร ยิ่งรอยยิ้มนี่แทบจะนับคนได้ที่ได้เห็นมัน

และหนึ่งในคนที่ได้รับรอยยิ้มจากโกคุเดระ ฮายาโตะ ก็เป็นคนที่เขารู้จักดี...

“ ฮึ! เงินของพ่อเจ้าต่างหาก ของเจ้าเสียที่ไหน?!”   ริมฝีปากสีสดยังคงเถียงอย่างไม่ลดละ ถึงแม้ว่าเขาจะเหนือกว่าทุกอย่างแต่โกคุเดระกลับไม่เคยหงอ ไม่เคยมีท่าทางหวาดกลัวในอำนาจและอิทธิพลที่เขามี

ซึ่งคนที่กล้าทำกับเขาแบบนี้ก็แทบจะนับคนได้เหมือนกัน...

“ นี่...ยิ้มให้ข้าดูหน่อยสิ...แล้วข้าจะเพิ่มเงินบริจาคให้เป็นไง?”  เป็นเพราะรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กทำให้เขารู้ว่าเรื่องอะไรที่จะทำให้โกคุเดระเดือดดาล...หนึ่งในนั้นก็คือการถูกดูถูกเหยียดหยาม

“ เก็บเงินของเจ้าไปเลย! ข้ามีปัญญาหาเงินมาเลี้ยงคนที่ศาลเจ้านี่ได้ ไม่ต้องพึ่งเงินสกปรกของเจ้าหรอก!”  สองมือที่กอดอกเอาไว้ย้ายมากำแน่นอยู่ข้างลำตัว ริมฝีปากสีสดด่าออกมาอย่างทนไม่ได้ที่อีกฝ่ายดูถูกตน....คำก็เงินบริจาค สองคำก็เงินบริจาค ทำอย่างกับว่าเขาเป็นขอทานอย่างงั้นแหละ!

“ หึ...แค่ค่าแสดงละครมันจะพอได้ยังไง? แต่ถ้าเจ้าอยากจะขายอย่างอื่นข้าก็ยินดีซื้อในราคาที่สูงกว่าใครนะ”  ยามาโมโตะพูดออกมาด้วยใบหน้าเหยียดยิ้ม ถึงแม้คนพูดจะจงใจกวนประสาทและทุกประโยคทุกถ้อยคำมันก็ทำให้หัวใจดวงน้อยเต้นถี่ยิบด้วยความโมโห

“ เจ้า!”  ปลายนิ้วเรียวชี้ไปที่ใบหน้าคม  เรื่องเงินบริจาคยังไม่เท่าไหร่ แต่เรื่องที่คิดว่าเขาจะขายร่างกายกินนี่มันสุดจะทนจริงๆ ริมฝีปากจึงเอ่ยประชดอย่างห้ามไม่อยู่

“ ถ้าข้าคิดจะขายตัวละก็ ข้าจะขายให้คนอื่นที่ไม่ใช่เจ้า!”   แล้วแทบจะทันทีที่ร่างบอบบางตะโกนจนจบประโยค ข้อมือเล็กก็ถูกกระชากเข้าไปหาจนร่างเซถลาไปซบอยู่ที่แผ่นอกแข็งแกร่ง

“ ไม่มีใครให้เงินเจ้าได้มากเท่าข้าหรอก...และข้าขอเตือนนะว่าข้าไม่ชอบให้ใครมาใช้ของร่วมกับข้า”  น้ำเสียงทีเล่นทีจริงเปลี่ยนเป็นเย็นเฉียบ ไออันตรายที่แผ่ออกมาจากร่างกายสูงใหญ่นั่นมันทำให้ลูกนกสีขาวถึงกับสั่นน้อยๆ


ยามาโมโตะเอาจริง...


แต่นั่นเขาก็แค่ประชด ไม่ได้คิดจะทำจริงๆเสียหน่อย...มือบางจึงผลักไสอีกฝ่ายออกไป

“ ปล่อยข้านะ...เจ้าบ้ายามาโมโตะ!   ใบหน้าสวยสะบัดมองร่างสูงใหญ่ด้วยริมฝีปากที่เม้มแน่นอย่างเจ็บใจ...ก่อนจะก้าวขาวิ่งหนีมาด้วยน้ำตาปริ่ม


เจ็บใจ...


เจ็บใจนัก...


จะดูถูกข้าไปถึงไหน!

ไม่ต้องมาคอยตอกคอยย้ำเขาก็รู้ตัวว่าตัวเองเป็นใคร เขามันก็แค่เด็กชาวบ้านจะไปเทียบกับลูกชายเจ้าเมืองได้ยังไง!

“ ข้าเกลียดเจ้าที่สุด เจ้าบ้าๆๆๆ!!!”   หลังจากที่หลับหูหลับตาวิ่งหนีมาจากศาลเจ้า ร่างบอบบางก็มาหยุดตะโกนใส่กอหญ้าก่อนจะหยิบเศษไม้มาฟาดใส่มันราวกับกำลังระบายความอัดอั้นในใจออกไป

“ ตายซะ! นี่แน่ะๆๆ!!”   ร่างในกิโมโนสีขาวทะเลาะกับกอหญ้าต่อไปราวกับเห็นยอดที่กำลังไหวน้อยๆไปตามสายลมนั่นเป็นใบหน้าของเด็กหนุ่มที่มักจะกวนประสาทตนอยู่เสมอ

“ แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”   ใบหน้าสวยหอบน้อยๆเมื่ออาละวาดจนเริ่มหมดแรง แล้วจู่ๆคำพูดสุดท้ายที่ได้ยินมาจากปากของยามาโมโตะก็ทำเอาร่างทั้งร่างทรุดลงไปนั่งยองๆอยู่ที่พื้น สองแขนยกขึ้นมากอดเข่า ความร้อนผ่าวพุ่งขึ้นมายังใบหน้าอย่างไม่ทราบสาเหตุ มือบางที่เคยฟาดไม้ใส่กอหญ้ากลับมานั่งดึงใบหญ้าเล็กๆที่ขึ้นอยู่บนพื้นด้วยท่าทางเหมือนคนกำลังเขินอาย

“ เจ้าบ้า...แล้วข้าไปเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่....”   ริมฝีปากสีสดบ่นขมุบขมิบ....ระหว่างเขากับยามาโมโตะมักจะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็ก...เจ้าบ้านั่นชอบทำให้เขาโมโหแต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าคนที่ทำให้หัวใจของเขาเต้นแรงก็คือหมอนั่นด้วยเหมือนกัน

ถึงจะชอบแหย่ ชอบหยอกเย้าเขาด้วยคำพูดร้ายๆ ชอบรังแกเขาให้นึกอยากจะร้องไห้ แต่ยามาโมโตะกลับเป็นคนที่เขาพึ่งพาได้มากกว่าใคร

ไอ้ความรู้สึกปั่นป่วนในใจนี่มันคืออะไรกันนะ...

“ อ๊า!! มันเพราะเจ้าคนเดียวเลย เจ้าบ้ายามาโมโตะ ตายซะๆๆ!”   แล้วฝ่ามือที่ดึงยอดหญ้าอย่างเอียงอายก็หันกลับมาตะกุยกอหญ้าเหมือนคนบ้าอีกรอบ 

ถึงแม้ว่าจะมีคนเดินผ่านไปผ่านมาอยู่บ้างแต่ต่างก็เพียงแค่ยิ้มให้กับความแปรปรวนของเจ้าเด็กผมเงินแห่งโรงละครคาบุกิคนนั้น เพราะต่างก็รู้กันดีว่าปกติแล้วโกคุเดระ ฮายาโตะก็เป็นแบบนี้แหละ


เหมือนพายุ...แต่ก็เป็นพายุที่สวยงาม...


หลังจากตะกุยกอหญ้าจะเตียนกันไปข้างหนึ่งแล้ว ร่างบอบบางจึงตัดสินใจเดินเตร็ดเตร่เข้าไปในเมืองแทนที่จะกลับศาลเจ้า...ใครจะอยากกลับไปเจอหน้าเจ้าบ้านั่นกันล่ะ!

“ ฮายาโตะจังมาก็ดีเลย รอเดี๋ยวๆ”   เสียงป้าร้านขายผักร้องทักทำให้ใบหน้าหงิกหันไปตะโกนใส่

“ เลิกเรียกฮายาโตะจังได้แล้วยัยป้านี่! ข้าโตขึ้นมาสมชายชาตรีขนาดนี้อย่ามาเรียกชื่อน่าอายแบบนั้นนะ!”  

“ เอ้า! ผักขายไม่หมดน่ะ เจ้าเอากลับไปให้ท่านมิโกะด้วย”   แต่หญิงชราก็ไม่ได้สนใจเสียงที่เหมือนแมวขู่ใส่นั่น มือเหี่ยวย่นยื่นห่อใส่ผักหลากหลายมาให้ทำเอาใบหน้าบูดบึ้งเผลออมยิ้มอย่างลืมตัว

“ ขอบใจนะ ป้านี่ก็เป็นคนดีเหมือนกันนี่”   นัยน์ตาสีมรกตที่ทอดมองผักในอ้อมแขนด้วยแววระยิบระยับนั่นทำให้คนให้อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ต่อให้จะไม่ใช่เด็กที่อ่อนหวานอะไรแต่การแสดงออกที่เป็นธรรมชาตินั้นก็ทำให้คนแถวนี้ต่างเอ็นดู ยิ่งรู้ว่าเด็กคนนี้ต้องลำบากขนาดไหนเพื่อช่วยน้องๆที่อยู่ในศาลเจ้า น้ำใจจึงหลั่งไหลไปให้ด้วยความยินดี

“ แหม่...ข้าก็ให้ผักเจ้าแทบทุกวันไม่ต้องมายอหรอก ตั้งใจแสดงเข้าล่ะ ข้ารอดูอยู่”   มือบางโบกน้อยๆก่อนที่ร่างในกิโมโนสีขาวจะหอบผักจากไป

จากที่ตั้งใจว่าจะแอบย่องกลับศาลเจ้าจากทางขึ้นด้านหลัง แต่ยังไม่ทันจะก้าวขาไปได้ถึงไหน เสียงทะเลาะวิวาทก็ทำให้สองขาหยุดลงเสียงก่อน

อันที่จริงแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่จะพุ่งเข้าไปร่วมวงทะเลาะกับใครไปทั่วหรอกนะ แต่ที่หยุดขานี่ก็เพราะว่าเสียงร้องไห้นั่นมันดันเป็นเสียงที่คุ้นเคยต่างหาก

“ ยูยะ?”  เสียงที่คล้ายกับเด็กในศาลเจ้าของเขาทำให้ใบหน้าสวยหันไปหันมาเพื่อมองหาต้นเสียง  แล้วในที่สุดสายตาก็เหลือบไปเห็นกลุ่มเด็กเกเรของเมืองกำลังแกล้งน้องๆของเขาอยู่จริงๆด้วย!

ถึงแม้จะได้ชื่อว่าเป็นน้องของเขา แต่ความจริงแล้วเด็กของศาลเจ้าคนอื่นๆกลับเรียบร้อยสงบปากสงบคำ แทบจะไม่มีใครเหมือนเขาเลยสักคน เพราะงั้นเจ้าเด็กพวกนั้นเลยมักจะถูกรังแกอยู่บ่อยๆ...อ่ะ...ยกเว้นยัยเด็กหมวยนั่นไว้คนก็แล้วกันนะ

“ ว่าไงเจ้าพวกเด็กกำพร้า ยังกล้าหื๋อกับท่านโซโกะคนนี้อยู่อีกหรือเปล่า ฮ่าๆๆ”   เจ้าเด็กหัวโจกของกลุ่มเด็กเกเรพูดข่มไปก็ดันหัวสีส้มอ่อนๆที่มัดแกละไว้สองข้างของเด็กหญิงตัวเล็กๆที่สู้ไม่ถอยไป

“ เจ้ามันก็ดีแต่รังแกคนที่สู้ไม่ได้นั่นแหละเจ้าตี๋หัวเป็ด!”  คางุระ เป็นเด็กกำพร้าที่อาจารย์พามาที่ศาลเจ้าตั้งแต่เมื่อ 5 ปีก่อน เด็กนี่อ่อนกว่าเขา 5 ปีแต่นี่ก็คือคนที่อายุใกล้เขามากที่สุดแล้วละ นอกนั้นยังมีแต่ตัวกะเปี๊ยกเลยถูกแกล้งอยู่บ่อยๆ

สองขาตั้งใจจะเดินเข้าไปช่วย...ทว่า...จู่ๆมือใหญ่ของใครบางคนก็จับคอกิโมโนของเจ้าเด็กเกเรนั่นเอาไว้ก่อนจะหิ้วขึ้นไปกลางอากาศ

“ โฮ่ย...เป็นผู้ชายรังแกผู้หญิงได้ไงเจ้าเด็กเหลือขอ”   ท่อนแขนที่ดูแข็งแรงนั่นโยนร่างที่ดิ้นพล่านลงไปที่พื้น ทำเอาเจ้าเด็กเกเรพวกนั้นถึงกับวิ่งแตกกระเจิงไปคนละทิศละทาง

“ ฝากไว้ก่อนเถอะ!”   แต่เจ้าเด็กหัวโจกยังมีหน้ามาชี้นิ้วใส่ก่อนจะวิ่งหนีไป ใบหน้าของคนที่เขาไม่เคยเห็นเพียงแค่มองตามไปด้วยสายตาที่ดูจะไม่ได้ใส่ใจนัก


ใครกันน่ะ ผู้ชายคนนั้น...


นัยน์ตาสีมรกตทอดมองร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่ดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนั่นด้วยสายตาทึ่งๆ  ก็ปกติแล้วเจ้าเด็กเกเรพวกนั้นใช่ว่าจะยอมรามือง่ายๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับไล่ไปได้โดยแทบจะไม่ต้องทำอะไร

ร่างบอบบางยังคงยืนมองชายในชุดทหารที่ไม่คุ้นตานั่นคุกเข่าลงไปปัดฝุ่นตามตัวน้องๆของเขาที่ยังร้องไห้สะอึกสะอื้นให้ ทั้งๆที่ไม่รู้จักกันแต่กลับช่วยเหลือเด็กพวกนั้นอย่างไม่หวังผลตอบแทน ภาพตรงหน้าทำให้รู้สึกประทับใจตั้งแต่แรกเห็น...ตอนนั้นเขาไม่คิดเลยว่าผู้ชายคนนี้จะเป็น.....

“ ใครเอ่ย?...”   แล้วจู่ๆนัยน์ตาที่เคยสดใสก็มืดสนิท ฝ่ามือของใครบางคนปิดลงมาที่ดวงตาทั้งคู่ของเขา...แต่จากกลิ่นที่คุ้นเคยนี่ก็รู้แล้วล่ะว่าอีกฝ่ายเป็นใคร

“ เรน?”   ริมฝีปากสีสดจึงเอ่ยออกไปอย่างไม่ต้องคิดนาน

“ เอ๋? ทำไมเจ้ารู้ทุกทีเลยล่ะ?”   เจ้าก็เล่นแบบนี้กับข้าทุกทีเลยไม่ใช่หรือไง? คนฉลาดที่ไหนจะไม่รู้กันล่ะ? ใบหน้าสวยของฮายาโตะได้แต่ยกยิ้มอย่างละเหี่ยใจ

“ เจ้าถืออะไรอยู่น่ะ? ผักหรอ? ข้าไปหาเจ้าที่ศาลเจ้าแต่ดันเจอพวกยามาโมโตะ เลยคิดว่าเจ้าคงไม่อยู่ที่นั่นแล้ว”   เรนเกาะเอวเขาจากด้านหลังก่อนจะเกยหน้าไว้ที่หัวไหล่ ใบหน้ามนชะโงกมองไปตามยอดผักนานาชนิดในอ้อมแขนก่อนจะพูดต่อไปโดยไม่ได้สนใจสิ่งรอบกาย ระหว่างพวกเขาสองคนก็นัวเนียกันแบบนี้มาตั้งแต่เด็กจนกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วกับการถูกเนื้อต้องตัวกัน เพราะในระหว่างแสดงละครต่างฝ่ายต่างช่วยแต่งหน้าสวมเสื้อผ้าให้แก่กันตลอด

“ ป้าร้านผักให้มาน่ะ เรน?”   แต่แล้วจู่ๆเพื่อนสนิทของเขาก็ถอยกรูไปข้างหลังอย่างไม่ทราบสาเหตุ ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลมีเหงื่อแตกพลั่ก ริมฝีปากอ้าพะงาบๆพร้อมๆกับปลายนิ้วที่ยกขึ้นมาชี้หน้าผู้ชายในชุดทหารที่ช่วยน้องๆของเขาเอาไว้

“ เจ้า!”   แต่กลับเป็นเสียงทุ้มที่ตะโกนออกมาจากใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีดำ

“ อะ...”   เรนได้แต่อ้าปากค้างก่อนจะหันหลังวิ่งหนีไปทันที

“ หยุดเดี๋ยวนี้นะเจ้าเด็กเหลือขอ!”   แล้วผู้ชายคนนั้นก็วิ่งตามไปทันทีเช่นกัน


นี่รู้จักกันมาก่อนหรอ?  โกคุเดระ ฮายาโตะได้แต่ยืนมองทั้งคู่ที่วิ่งไล่กันไปอย่างสงสัย


“ คางุระ เอาผักนี่กลับไปที่ศาลเจ้าก่อน”   มือบางยัดผักให้เด็กหญิงก่อนจะวิ่งตามไปอีกคน...ถึงจะไม่รู้ว่าเรนกับผู้ชายคนนั้นรู้จักกันได้ยังไง แต่ดูจากอาการที่โกยอ้าวเท้าเป็นไฟนั่นก็ทำให้อดจะเป็นห่วงจนต้องตามไปไม่ได้...อย่างเจ้าเรนน่ะ มีหวังถูกหิ้วไปแหงๆถ้าเขาไม่เข้าไปช่วย!







“ หยุดเดี๋ยวนี้นะ!”   เสียงทุ้มตะโกนไล่หลังมา ภาพของวันแรกที่เจอกันมันยังทำให้เขาสะพรึงไม่หาย มีอย่างที่ไหนเจอกันแค่ครั้งแรกก็จับ........ของเขาเลยแบบนั้น...ไม่ปกติ...เจ้าผู้ชายคนนั้นต้องไม่ปกติแน่ๆ! ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าจะไล่ตามเขามาทำไมแต่สองขาก็โกยอ้าวต่อไป

“ ใครจะหยุดให้โง่ล่ะ! อย่าตามมานะ!!”   เสียงตื่นๆตะโกนตอบกลับมา ทำกับเขาไว้แสบสันขนาดนั้นคิดว่าจะหยุดง่ายๆงั้นหรอ ฝ่าเท้าจึงไล่กวดต่อไป เจ้าเด็กเหลือขอตรงหน้าไม่ใช่แค่จะว่ายน้ำได้เร็วอย่างกับปลาเท่านั้น ยังวิ่งได้เร็วพอๆกับม้าอีกต่างหาก...พยศดีนักใช่ไหม...ได้....

“ บอกให้หยุด!”   เสียงทุ้มยังคงไล่หลังมาอย่างไม่ลดละ ทำไมเขาจะไม่รู้ละว่าเจ้าผู้ชายคนนั้นแข็งแรงขนาดไหน ก็ถึงกับจับเขาใต้น้ำได้ ถ้ายังฝืนวิ่งต่อไปคงจะเป็นเขาเองนี่แหละที่หมดแรงซะก่อน ร่างโปร่งจึงเลี้ยวเข้าไปในย่านตลาดที่เต็มไปด้วยซอกเล็กซอยน้อย...หาที่ซ่อนตัวก่อนก็แล้วกัน

“ เจ้าก็หยุดวิ่งตามข้าก่อนสิ!!”   เสียงตื่นๆดังมาจากคนที่เลี้ยวเข้าไปในตรอกที่เต็มไปด้วยร้านค้า ถึงแม้ว่าตลาดจะวายไปแล้วแต่หีบห่อเอย รถเข็นเอย ลังสินค้าเอย ถังขยะเอยต่างก็เป็นสิ่งกีดขวางได้เป็นอย่างดี อีกทั้งซอกซอยที่เจ้าตัวแสบวิ่งเข้าไปนี่ก็อีก ริมฝีปากถึงกับสบถออกมา คิดจะซ่อนตัวจากสายตาเหยี่ยวอย่างเขางั้นรึ! รอไปอีกสิบปีเถอะเจ้าลูกหมา!

ร่างโปร่งบางวิ่งหนีไปตามตรอกซอกซอยที่คุ้นเคย อาศัยความได้เปรียบจากการที่เขารู้พื้นที่ดีกว่าอีกฝ่ายในการซ่อนตัว และตอนนี้ร่างโปร่งก็กำลังนั่งซุกอยู่ในที่เก็บของที่ทำจากลังไม้ง่ายๆใต้แผงขายอะไรสักอย่างด้วยความมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงหาไม่เจอแน่

ร่างในชุดทหารคอปกตั้งเหยียบย่างเข้าไปในอาคารไม้โล่งๆที่คาดว่าน่าจะเป็นตลาดสด ลมหายใจหอบถี่ค่อยๆผ่อนลงช้าๆ ถึงแม้ว่าตรงหน้าจะเต็มไปด้วยสิ่งกีดขวางแต่มันก็เป็นแค่สิ่งของไม่มีชีวิต เพราะฉะนั้นสายตาที่คมกริบจะกวาดมองหาอะไรก็ตามที่เคลื่อนไหวได้

รองเท้าบูทสีดำย่ำน้ำเฉอะแฉะผ่านหน้าคนที่ยังซุกตัวอยู่ในที่เก็บของ หัวใจดวงน้อยเต้นระรัวกลัวว่าเจ้าผู้ชายป่าเถื่อนคนนั้นจะรู้แล้วกระชากประตูเปิดออก เพราะฉะนั้นเมื่ออีกฝ่ายเดินผ่านหน้าไป ใบหน้ามนจึงลอบถอนหายใจเบาๆ...ฮึ!...คิดจะมาเล่นซ่อนหากับเขามันยังเร็วไปร้อยปีน่า! ในเมื่อเขาเป็นคนเดียวที่เล่นซ่อนหากับคนที่ฉลาดอย่างฮายาโตะแล้วชนะ อย่างเจ้าผู้ชายคนนั้นน่ะไม่เท่าไหร่หรอก!

ร่างโปร่งบางนั่งรออยู่สักพักจนเสียงทุกอย่างเงียบกริบ.....ไปแล้วสินะ?

ฝ่ามือบางจึงเลื่อนบานตู้ไม้เปิดออกช้าๆก่อนจะพบว่า......คนที่ไล่จับเขานั้นยังอยู่!!

“ อ่ะ....”   ใบหน้ามนเงยขึ้นไปมองร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่ามีแรงกดดันยิ่งกว่าใครที่กำลังนั่งกอดอกไขว่ห้างกระดิกเท้ารออยู่บนแผงฝั่งตรงข้าม นัยน์ตาสีขี้เถ้าคมกริบคู่นั้นจ้องเขม็งมาที่เขาอย่างกับรู้อยู่แล้วว่าเขาอยู่ในนี้ สายตาราวกับพญาเหยี่ยวที่กำลังจ้องมองเหยื่อทำให้ฝ่ามือบางเลื่อนบานประตูไม้ปิดลงอีกครั้งพร้อมด้วยน้ำตาที่ไหลพราก...เจ้าบ้า~~ ทำไมไม่กลับบ้านกลับช่องของเจ้าไปล่ะจะมานั่งเฝ้าข้าทำไม~~~


ครืด!!!


คราวนี้บานเลื่อนไม้เปิดออกมาจากภายนอกทำเอาร่างโปร่งถึงกับสะดุ้งโหยง ข้อมือเล็กถูกมือแข็งแรงจับหมับแล้วแรงมหาศาลก็ลากตัวบางๆนั่นออกไป  ใบหน้าของนายช่างหนุ่มเหลือบมองเจ้าเด็กเหลือขอที่ดิ้นพร้อมกับแหกปากโวยวายทันที...ที่จริงเขารู้อยู่แล้วละว่าเด็กนี่ซ่อนตัวอยู่ตรงนี้...ก็ชายกิโมโนมันแล่บออกมาซะชัดเจนขนาดนั้น ใครจับไม่ได้นี่ก็ตาบอดแล้ว!

ไม่อยากจะเชื่อเลยจริงๆว่าเขาโดนไอ้เจ้าเด็กสะเพร่าแบบนี้เล่นงานเอาเสียได้ รู้ถึงไหนได้อายไปถึงนั่น!

“ ปล่อยนะ! จับข้าทำไมเนี่ย?!”   เสียงใสตะโกนโวยวายน่ารำคาญ แรงดิ้นรนที่ไร้ผลนี่ก็อีกที่มันทำให้เส้นเลือดที่ขมับของเขาถึงกับเต้นตุบๆ

“ ข้าไปทำอะไรให้เจ้าล่ะ?! คราวที่แล้วก็ไปจับข้าขึ้นมาจากน้ำ คราวนี้จะจับไปไหนอีก ปล่อยนะ!”   ดูเหมือนเจ้าเด็กหัวขโมยนี่มันจะไม่ได้สำนึกผิดเลยสินะกับสิ่งที่ทำเอาไว้ ถึงยังได้ตะโกนใส่เขาปาวๆแบบนั้น มือแข็งแรงจึงจงใจบีบข้อมือที่เล็กจนไม่น่าเชื่อว่าเป็นมือของเด็กผู้ชายนั่นจนแน่นแล้วลากตัวออกไป

“ เจ็บนะ...เจ้าคนโรคจิต! หรือว่า...เจ้าจะเป็นพวกตาเฒ่าหัวงูพวกนั้น พอซื้อข้าไม่ได้ก็เลยจะดักฉุดงั้นใช่ไหม? ใครก็ได้ช่วยด้วย!!!”   เจ้าเด็กนี่มันพล่ามอะไรน่ะ? ถึงเขาจะไม่เข้าใจแต่การที่มันเอาแต่แหกปากโวยวายแบบนี้มันก็ทำให้เขาชักจะหงุดหงิดเต็มที แล้วคนขี้รำคาญความอดทนต่ำจึงไม่ทนอีกต่อไป มือเหวี่ยงร่างบางๆจนถลาลงไปกองอยู่ที่พื้นหินกลางตลาด สองขาก้าวเข้าไปคร่อมเจ้าเด็กที่ถอยหนีอย่างตั้งใจจะจับมัด

“ หุบปาก! หัวขโมยอย่างเจ้านี่ต้องให้ข้าพากลับไปดูหลักฐานที่เจ้าทำไว้ใช่ไหมถึงจะยอมรับ”   ฝ่ามือบีบลงไปที่ปลายคางมนเพื่อให้ริมฝีปากสีระเรื่อนั่นหยุดโวยวาย...ให้ตายเถอะ ยิ่งมาเห็นใกล้ๆแบบนี้อีกครั้งมันก็มีแต่จะทำให้เขาดูเหมือนผู้ชายโฉดชั่วที่รังแกผู้หญิง ทั้งๆที่จริงแล้วเจ้าเด็กแสบนี่มันก็เป็นผู้ชายเหมือนกับเขา!

“ ขโมย? อย่ามากล่าวหานะ! ข้าไปขโมยอะไรของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่กัน?!”   คำพูดของเจ้าผู้ร้ายปากแข็งนี่มีแต่จะทำให้เขาโมโห

“ ห๋า? ยังจะต้องให้ข้าพูดใช่ไหมว่าเจ้าไปทำอะไรไว้ถึงจะยอมรับน่ะ? ได้....ก่อนที่เจ้าจะหนีไปเจ้าขโมยถุงเงินของข้าไปใช่ไหม? แล้วยังทำลายข้าวของในห้องข้าอีก? ไม่ใช่แค่นั้น เจ้ายังมีความผิดถึงขั้นจำคุกเพราะข้าวของที่เจ้าฉีกทำลายนั่นเป็นแบบก่อสร้างของทางราชการรวมไปถึงหมายการสร้างสะพานที่มีความสำคัญกว่าชีวิตของเจ้าอีก!”   เจ้าเด็กตรงหน้าได้แต่อ้าปากค้าง ใบหน้ามนแสดงออกมาอย่างชัดเจนว่ากำลังมึนงงกับเรื่องที่เขาพูด แหงล่ะ อยู่แต่บนเกาะบ้านนอกๆแบบนี้คงจะไม่รู้จักหรอกแบบก่อสร้างหรือว่าหมายการก่อสร้างของราชการอะไรนั่น แต่ไอ้ที่ทำให้เขาติดใจอยู่นิดหน่อยก็คือนัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวที่แสดงความบริสุทธิ์ใจออกมานั่นมากกว่า

แต่ก็อย่างว่าละ เขาจะไปหลงเชื่อกับรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้าเด็กนี่ไม่ได้เด็ดขาด เพราะงั้นสายตาจึงกวาดมองหาว่าแถวนี้พอจะมีอะไรมัดมือมัดเท้ามัดตัวเจ้าเด็กนี่ให้เขาจับกลับไปลงโทษได้บ้างไหมต่อไป

แต่ดูเหมือนจะไม่มีเลยแหะ

“ ปล่อยข้านะ...ข้าไม่ได้ทำอะไรที่เจ้าว่านั่นสักอย่างเลยนะ”   เสียงที่แผ่วลงหน่อยเหมือนคนกำลังมึนงงไม่ได้ทำให้เขาใจอ่อน ในที่สุดสายตาก็ค้นหาสิ่งที่น่าจะใช้แทนเชือกได้ ฝ่ามือจึงตรงเข้าไปกระตุกโอบิบนเอวบางของเจ้าเด็กหัวสีน้ำตาลนี่ออกทันที

“ อ๊ะ? นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ? หยุดนะ!”   มือบางที่น่ารำคาญตรงเข้ามายื้อแย่งโอบิที่คาดเอวของตนอยู่อย่างเอาเป็นเอาตาย  เป็นผู้ชายแค่เดินแก้ผ้าไม่เป็นไรหรอกน่า!

“ บอกให้หยุดไง...ช่วยด้วย อุ๊บ!”   มือแข็งแรงปิดลงไปที่ริมฝีปากช่างเจรจานั่นจนเจ้าของมันได้แต่ดิ้นไปมา โอบิถูกเขาดึงออกมาจนได้ กิโมโนสีหญ้าแห้งอ่อนๆนั่นจึงหลุดลุ่ยทันที

แล้วตอนนี้เขาจึงเข้าใจแล้วว่าทำไมผู้ชายอย่างเด็กนี่จะเดินแก้ผ้าเหมือนผู้ชายอย่างเขาไม่ได้....ถึงสรีระจะยังเหมือนผู้ชายทั่วไปคือไม่มีหน้าอก แต่ผิวพรรณที่ขาวนวลเนียนกับหน้าท้องแบนเรียบผสมผสานกับความแบบบางของรูปร่างแล้ว....ขนาดเขาเองยังรู้สึกเลยว่า สัญชาติญาณดิบมันกำลังถูกกระตุ้นขึ้นมา...จากร่างกายของเด็กนี่

“ อื้อ!!”   ใบหน้ามนที่ยังพยายามสะบัดไปมาทำให้เขาหลุดออกมาจากมนต์สะกด สายตาจึงเหลือบไปเห็นถุงใส่เงินที่คล้องอยู่ที่คอ

นี่มัน....ถุงใส่เงินของเขา?

ตราสัญลักษณ์รูปปีกแบบนี้ไม่น่าจะมีใครอื่นบนเกาะนี้ที่จะใช้ ในเมื่อมันเป็นตราประจำตระกูลของเขา

“ หลักฐานมันมัดคอเจ้าอยู่นี่ไง....นี่มันถุงใส่เงินของข้า”   ฝ่ามือเลื่อนไปบีบปลายคางมนของคนที่เริ่มจะมีน้ำตาปริ่ม

“ ข้าไม่ได้ขโมยมานะ มีคนให้มาต่างหาก...”   เจ้าเด็กตรงหน้าเริ่มจะใช้น้ำตามาทำให้เขาใจอ่อน...แต่ไม่มีทางซะล่ะ

“ ใคร?...ตอบมาสิว่าใครให้เจ้ามา?”   นายช่างหนุ่มยังคงคาดคั้นกดดันต่อไป  ตอนนั้นเขาไม่ได้เอะใจกับใบหน้าลำบากใจที่จะพูดถึงใครบางคนคนนั้นของเจ้าเด็กตรงหน้า  ความอ้ำๆอึ้งๆเหมือนจะเอ่ยปากบอกใครไม่ได้นั่นทำให้เขาคิดไปว่าเด็กนี่คงจะโกหกและไม่มีคนที่ว่านั่นหรอก

แต่ยังไม่ทันที่จะได้ทำอะไรมากไปกว่านั้น เสียงฝีเท้าที่วิ่งเข้ามาใกล้ก็ทำให้ใบหน้าคมเงยขึ้นไปมอง

“ หยุดนะ! นั่นเจ้ากำลังจะทำอะไรเพื่อนข้า?!”   ร่างบางๆของเด็กผู้หญิงคนหนึ่งมาหยุดยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้า เส้นผมสีเงินที่เป็นประกายนั่นทำให้พอจะนึกออกแล้วว่าคงจะเป็นคนที่ไปว่ายน้ำกับเจ้าเด็กเหลือขอนี่...คนที่หลุดรอดจากการจับกุมของเขาไปได้และอาจจะเป็นคนที่เผาหญ้าเพื่อช่วยเด็กนี่ออกมาก็ได้

“ นั่นเจ้า...กำลังจะข่มขืนเพื่อนข้างั้นหรอ?”   เจ้าเด็กผมเงินนั่นพูดขึ้นมาด้วยท่าทางหวาดๆ ทำเอาเขาถึงกับผงะไปก่อนจะก้มลงมองตัวเอง....จะว่าไป....ท่าทางที่ค้างอยู่นี่มันก็ชวนให้คิดไปในทางแบบนั้นจริงๆนั่นแหละ!

และแค่เขาเผลอผ่อนแรงนิดเดียว เจ้าเด็กเหลือขอที่ดิ้นกุกกักอยู่ใต้ร่างก็ดิ้นหลุดก่อนจะรีบลุกพรวดพราดไปยืนสั่นเป็นลูกนกอยู่หลังเพื่อนของตนทันที....ถึงตอนแรกเขาจะคิดว่าเจ้าเด็กหัวเงินนี่เป็นผู้หญิง แต่พอมามองดูให้ดีๆแล้วอาจจะไม่ต่างจากเจ้าเด็กหัวน้ำตาลนั่นก็ได้....นี่ก็คงเป็นผู้ชายสินะ?

“ เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”   ใบหน้าสวยหันไปกระซิบถามเพื่อนสนิททั้งๆที่ตายังจ้องเขม็งอยู่ที่ชายในชุดทหารตรงหน้า

“ ข้าก็ไม่รู้...ผู้ชายคนนั้นหาว่าข้าเป็นขโมย...เจ้าจำวันที่เราไปเล่นน้ำที่ทะเลแล้วถูกจับไปในอาคารที่มีแต่เครื่องมือแปลกๆพวกนั้นได้ไหม? หลังจากที่พวกเราหนีมา ผู้ชายคนนั้นบอกว่าเราขโมยถุงเงินของเค้าไปแล้วยังทำลายข้าวของของเค้าอีก...มันใช่ฝีมือพวกเราเสียที่ไหนล่ะ ส่วนถุงเงินนี่ก็มีคนให้ข้ามา ข้าไม่ได้ขโมยเจ้าก็รู้...”   แรงสั่นน้อยๆจากร่างกายของเรนทำให้ฮายาโตะขยับไปยืนขวางระหว่างเพื่อนของตนกับชายในชุดทหารตรงหน้า นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งไปยังร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่แต่กลับดูแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนั่น ในหัวสมองกำลังประมวลผลก่อนจะเอ่ยปากออกไป

“ วันนั้นน่ะ ข้าเป็นคนจุดไฟเผาหญ้าแล้วไปช่วยเพื่อนของข้าออกมาเอง...นั่นเพราะว่าพวกเจ้าเป็นฝ่ายผิด! ฟังให้ดีนะ ข้ากับเด็กนี่แค่ไปว่ายน้ำเล่นแต่พวกเจ้ากลับมาจับตัวพวกข้าอย่างถือวิสาสะ ข้าไปช่วยเด็กคนนี้ออกมาจึงถือว่าไม่ผิด อีกอย่างเจ้าจะมากล่าวหาว่าเด็กคนนี้ทำลายข้าวของแล้วขโมยเงินของเจ้าออกมา เจ้ามีหลักฐานอะไร? เจ้าเห็นหรอว่าพวกข้าเป็นคนทำในเมื่อตอนนั้นเจ้าไปดูไฟไหม้อยู่? อาจจะมีมือที่สามย่องเข้ามาสวมรอยพวกข้าก็ได้ หน้าอย่างเจ้าก็น่าจะมีศัตรูอยู่เยอะใช่ไหมล่ะ? มาทำอะไรลับๆล่อๆขนของหน้าตาแปลกๆมามากมายแบบนั้นคงจะไปเหยียบเท้าเจ้าที่เข้าหรือเปล่า? เจ้าไม่รู้หรอว่าบนเกาะนี้มันมีผู้มีอิทธิพลอยู่? อีกอย่างนะ เจ้าคิดว่าเด็กตัวเล็กๆบอบบางอ่อนแออย่างพวกข้าสองคนจะทำลายข้าวของของเจ้าในเวลาสั้นๆแค่นั้นไหวหรอ เจ้าได้ดูรอยเท้าที่เข้าไปในห้องของเจ้าดีหรือยังว่ามันมีกี่รอยกันแน่? ส่วนถุงเงินนี่เจ้าไม่คิดหรอว่าผู้ร้ายตัวจริงมันจะเป็นฝ่ายเอามาให้เพื่อนข้าเพราะต้องการโยนความผิดให้คนอื่นน่ะ? นี่เจ้าเป็นทหารใช่ไหม? ดูจากเครื่องแต่งกายแล้วก็น่าจะเป็นหัวหน้า? เป็นถึงหัวหน้าทหารน่าจะคิดให้รอบคอบกว่านี้ก่อนนะ ก่อนจะมาไล่จับแพะที่ไม่ได้มีความผิดอย่างพวกข้า...เอาละ...ถ้าเจ้ายอมรามือกลับไปแต่โดยดีข้าจะไม่เอาความก็แล้วกัน เอ้า! กลับบ้านกันเถอะเรน” 

นายช่างหนุ่มถึงกับยืนอ้าปากค้างเมื่อเจ้าเด็กผมเงินพ่นฉอดๆอย่างไม่มีช่องว่างให้เขาแทรกได้ แถมยังพลิกสถานการณ์ให้ตัวเองถูกแล้วโยนความผิดมาให้เขาแทนซะงั้น

มุมปากกระตุกยิ้มอย่างทะมึนๆ...เจ้าเด็กนี่มันฉลาดเป็นกรดจนน่ากลัวเลยจริงๆ

แต่สิ่งที่เด็กผมเงินนั่นพูดออกมามันก็มีส่วนที่น่าจะเป็นไปได้ เพราะถ้าจำไม่ผิด ในวันนั้นสิ่งที่ติดใจเขาอยู่ก็คือรอยเท้าที่เหยียบย่ำอยู่ในห้องมันมากกว่าปกติและขนาดมันก็ใหญ่เกินกว่าจะเป็นรอยเท้าของเจ้าเด็กสองคนนี้ได้

อีกอย่าง...เรื่องของผู้มีอิทธิพลนั่นเขาก็เพิ่งจะได้ฟังมาอยู่เหมือนกัน...

เพราะงั้น...ถึงจะไม่สมเป็นเขา...แต่สองมือก็ยอมปล่อยเด็กสองคนนั่นให้เดินหนีไปแต่โดยดี ยังมีเรื่องให้คิดอีกมาก ถึงจะยังไม่ปักใจเชื่อทั้งหมดแต่มันก็มีเหตุผลพอที่เขาจะรับฟัง

เอาเป็นว่ายังไงเขาก็รู้แล้วว่าเจ้าเด็กเหลือขอนั่นอาศัยอยู่ที่นี่...จับตาดูไปก่อนก็แล้วกัน ถ้ามีหลักฐานชี้ชัดกว่านี้เมื่อไหร่ค่อยมาจับไปจัดการ

“ นายช่าง! ไปอยู่ไหนมาน่ะ? ข้าตามหาซะแทบแย่”   โคงามิเอ่ยเรียกอยู่ไกลๆ...ให้หมอนี่ช่วยคิดน่าจะดีกว่า...เขาจึงก้าวขาเข้าไปหาแล้วจากนั้นไม่นานม้าสีดำสองตัวจึงพุ่งทะยานกลับที่พักของตน





เช่นเดียวกับร่างบอบบางสองร่างที่กำลังเดินไปตามทางกลับบ้านของตน นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองหน้าของเรนที่ดูเหมือนอาการขวัญเสียจะทุเลาลงไปเมื่อได้ลูกกวาดสีสดที่เขาซื้อให้

“ มีอยู่อย่างที่ข้าไม่เข้าใจ....”   เรนเอ่ยออกมาพลางทำหน้าครุ่นคิด

“ อะไรล่ะ?”

“ ทำไมตอนเล่นซ่อนหากับเจ้า ข้าชนะทุกที แต่ทำไมคราวนี้ถึงหนีไม่พ้นล่ะ?”

ใบหน้าสวยของฮายาโตะได้แต่หันไปยิ้มละเหี่ยใจกับกอดอกไม้ข้างๆ

ไอ้ที่เจ้าชนะข้าทุกทีน่ะมันก็เป็นเพราะว่าข้าไม่ได้คิดจะหาเจ้าเลยต่างหากล่ะ เห็นท่าทางเจ้าจะสนุกเลยปล่อยให้เจ้าเล่นของเจ้าไปส่วนข้าก็ไปหาที่อ่านหนังสือเงียบๆอย่างไม่มีคนกวนไงล่ะ....เพราะไม่เคยจะรู้ตัวแบบนี้ไงเขาถึงได้ต้องรีบตามมาช่วยน่ะ...เจ้าเด็กคนนี้มักจะเข้าใจว่าตัวเองเข้มแข็งกว่าใครแต่อันที่จริงแล้วมันเป็นเพราะเขาไม่เคยได้เอาจริงเลยต่างหาก...คงต้องโทษที่การเลี้ยงดูสินะ

ฝ่ามือบางจึงดึงหัวสีน้ำตาลมาลูบอย่างปลอบใจโดยที่อีกคนก็ยังคงทำหน้างงต่อไป...









.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามต่อต่อไป...ไป...ไป...





มาดูชุดของตัวละครในเรื่องกันก่อนนาคะ เผื่อจะนึกไม่ออกว่าประมาณไหน555




อันนี้เป็นชุดของหนูก๊กกับเอเลนค่ะ ตั้งใจว่าของก๊กน่าจะเป็นโทนสีขาวอาจจะมีลวดลายดอกไม้สีครีมหรือส้มอ่อนๆ ชมพูอ่อนๆอะไรงี้ พวกโอบิกับชั้นในก็น่าจะสีแดงแหละนะ  ส่วนของเอเลนตั้งใจว่าน่าจะเป็นโทนสีขาวเหมือนกันเพียงแต่พวกลวดลายจะใช้เป็นสีเขียวแบบหญ้าแห้งจางๆอ่ะ ทำให้ชุดหนูเลนดูเหมือนเป็นสีเขียวอ่อน โอบิก็น่าจะเป็นสีเขียวขี้ม้าเข้มๆ




อันนี้ชุดของยามะค่ะ ชุดฮากามะดำล้วน =w=









ส่วนชุดทหารของคุณรีไวกับคุณโคในเรื่องนี้กะลอกชุดของไคโตะ เซมบงซากุระเลยค่ะ5555(โดนตบ) แต่จะตัดปลายแขนที่เหมือนกิโมโนนั่นออกไป ที่เหลือตามนี่เรย >/////< ชอบจัง



อ่า...อันที่จริงทำเทรลเลอร์สปอยด์เนื้อเรื่องเอาไว้ตามที่เห็นในเฟส แต่ยังไม่ได้อัพลงโกดังเบยค่ะ ถ้าสนใจตามไปดูที่ลิ้งค์นี้ก่อนนะ555   >>  Ai kotoba



คือต้องหาที่ลงวีดีโอใหม่ เพราะรู้สึกว่าโฟโต้บักเกตจะไม่เวิร์ค แล้วอยู่ดีๆแม่งลบของคุณกวางเองหน้าตาเฉยถถถถถถ ยูตูบยังมีแจ้งเตือน =”=

สำหรับคู่สุดท้ายที่โผล่มาอย่างสายฟ้าแล่บนั่นก็เป็นเพราะ PP2 ที่กำลังฉายอยู่นี่แหละ5555 ก็นะ...หาตัวช่วยให้คุณรีไวแกหน่อย อยู่คนเดียวจะน่าสงสารเกินไป ยามะเรื่องนี้ร้ายสุดติ่งมาก กร๊ากกกกก

อ้อ แล้วก็เรื่องอายุ  ก๊กกับเอเลนอายุเท่ากันนะคะ 15 ขวบ ^ ^ แต่สรรพนามบุรุษที่3 ที่ต่างฝ่ายต่างกล่าวถึงกันนั้น อยากจะใช้ว่า “เด็กคนนั้น” อ่ะ ดูน่ารักดี  ส่วนยามะ 18-19ปี  ส่วนพวกรุ่นใหญ่ คุณกิโนะ คุณโค คุณรีไว ซึระ ทากะคุงราวๆ 29-30 แล้วกัน เคี๊ยกกกก

ขอบคุณสำหรับทุกๆการติดตามนะค้า  คุณกวางแม่งก็อู้ไปเป็นเดือนเรย แหะแหะ ^ ^






2 ความคิดเห็น:

  1. เราชอบเรื่องนี้มากเลยค่ะ คุณทำรายละเอียดไว้ดีมากเลย ชอบดาร์คยามะมากๆ รอต่อนะคะ รอรวมเล่มทุกเรื่องด้วย

    ตอบลบ
  2. อ๊าคคค!!!....
    เหมือนกะพี่กวางเดาใจคนอ่านออกเลยนะคะพอเก๊าคิดถึงปุ๊บพี่กวางก็อัพป๊บเลยอ่ะดีใจจัง
    แบบว่าเก๊านั่งจินตนาการไปอ่านไปแล้วมันเหมือนกับเห็นภาพสอง(สาว?)กำลังรภพัดบนเวทีจริงๆเลยค่ะน่ารักน่าหยิกอะไรขนาดเน้แถมชุดของทั้งนู๋กกนู๋เลนอิเนียนกะพวกนายชั่งมันก็โดนใจสุดๆ!!
    แถมยังมีเพิ่มมาอีกสองคู่อีก!!...อร็อยยยถ้าจะเซอร์วิสกันขนาดเน้ทำไมไม่เอาเกะกะพี่ชายมาด้วยค๊าพี่กวางงงง!!!!
    ชอบมากค่ะถึงใครจะว่ายังไงก็ตามก็เก๊าเป็นสาวกทั้งทาคาซึระทึ้งโคกะกิโนะด้วยหนิ
    บอกได้คำเดียวเลยว่าเรื่องนี้เซอร์วิสสุดๆไปเลย
    เพราะตอนแรกที่อ่าน introl ก็แอบนึกสงสารเฮียแกเหมือนกันที่ต้องไปสู้รบปรบมือกะอิเนียนตัวคนเดียวพอเอาคุณโคมาเป็นพวกด้วยแบบเน้ก็อุ่นใจขึ้นมาโขแล้วล่ะ

    อิตัวดเอกชั่งมันก่อน!!!(ฟินตายได้อย่างสงบแล้ว!!)
    แต่เจ้าSนี่สิโผล่มากะเค้าด้วยยังรังแกอาหมวยไม่เปลี่ยนจริงๆ
    (แต่จะอออกแค่ตอนนี้ตอนเดียวรึเปล่าหว่า?...ยังไงก็อยากให้มีฉากจิ้นเล็กๆของสองคนนี้ด้วยจัง)
    แอบหวังเล็กๆอยู่ด้วยแหละค่ะฮะฮะฮะ!!@
    ไปอ่านตอนต่อไปดีกว่าค่ะ!!!!!

    ตอบลบ