Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren] Ai Kotoba : Intro


Attack on Titan.feat KHR Au Fic [8059 , Levi x Eren]  Ai Kotoba : Intro

: Attack on Titan feat. KHR Fanfiction  Au
: 8059 , Levi x Eren
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         





“ นกกระสาที่หลงรักพญาเหยี่ยว

เป็นรักเดียวที่ยอมแลกแม้ชีวิต

แค่สักนิดขอเจ้า...มองลงมา

ท้องนภาสุดหล้า...ข้ายกให้เพียงผู้เดียว....”






นัยน์ตาสีดำพราวระยับไปด้วยหยาดน้ำยามเมื่อเอ่ยประโยคนี้ออกมา...ด้วยรู้ดีว่าทุกถ้อยคำมันเน้นย้ำถึงฐานะอันต้อยต่ำของตัวเองขนาดไหน....






นกกระสาไม่อาจโบยบินเหนือน่านฟ้าเคียงข้างพญาเยี่ยว

เพียงสิ่งเดียวที่ทำได้คือแหงนมองจนตัวตาย

แต่ก็เลิกรักไม่ได้ถึงจะรู้

ไม่มีวันได้คู่เคียง



ร่างระหงในกิโมโนสีขาวผมดำขลับยาวถึงกลางหลังเดินโซซัดโซเซก่อนจะล้มลงบนหิมะอันเหน็บหนาว...จากสีขาวทุกอย่างพลันแดงฉาน

อีกไม่นานลมหายใจของนกกระสาก็คงจะดับลง แต่กระนั้นนัยน์ตาอันพร่ามัวก็ยังคงเหม่อมองขึ้นไปบนท้องฟ้า


มองขึ้นไป...จนกว่าชีวีจะหาไม่....



.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.





“ แค่สักนิดขอเจ้า...มองลงมา....”  


บทกวีที่อยู่ในห้วงคำนึงถูกเอ่ยลอยๆจากริมฝีปากน้อยๆสีแดงสด ใบหน้าจิ้มลิ้มเงยมองท้องฟ้าราวกับจะหาพญาเหยี่ยว นัยน์ตาสีเขียวมรกตยังไร้เดียงสาเกินกว่าจะเข้าใจในความรักจึงไม่ได้ซาบซึ้งอะไรนัก เส้นผมสีเงินพลิ้วไหวไปตามสายลมแผ่วเบาที่พัดเข้ามา ร่างกายเล็กๆของเด็กชายอายุ 8 ขวบโยกคลอนไปตามแรงขยับของเกวียนที่วิ่งไปตามถนนดินอัด ยังดีที่นั่งอยู่บนฟางกองพะเนิน ลำตัวบอบบางราวกับตุ๊กตาจึงยังไม่หลุดเป็นชิ้นๆ กิโมโนสีขาวยาวแค่หัวเข่ายิ่งเลิกขึ้นเมื่อฝ่าเท้าซุกซนตีขาขึ้นลงบนกองฟางและเมื่อคนข้างๆเอ่ยวรรคถัดไปใบหน้าน่ารักจึงได้หันไปมอง




“ ท้องนภาสุดหล้า...ข้ายกให้...เพียงผู้เดียว....”  


ร่างเล็กๆของเด็กชายอายุเท่ากันล้มตัวนอนลงบนกองฟางอย่างไม่มีพิธีรีตอง นัยน์ตาสีมรกตสดใสทอดมองท้องฟ้าผืนเดียวกันอย่างไม่สนใจว่าเส้นผมนิ่มราวกับเส้นไหมสีน้ำตาลของตนจะเปรอะเปื้อน แขนขาเรียวเล็กที่โผล่พ้นกิโมโนแบบเดียวกับอีกคนเพียงแต่สีเข้มกว่าแผ่หลาด้วยท่าทางผ่อนคลาย ถึงจะไม่ได้เข้าใจในทั้งหมดของบทกวีแต่ละครเรื่องนี้กลับชวนให้น้ำตาไหลจนลบเลือนไปจากใจเสียมิได้



“ คัตสึระซังเล่นดีจังเลยน้า....สักวันข้าก็จะแสดงบทนี้ให้ได้แบบนั้นบ้าง! เจ้ารู้ไหมว่าข้าแอบดูอยู่หลังม่านทุกครั้งเลย”   ใบหน้ามนภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยแววมุ่งมั่นทำให้เจ้าของผมสีเงินหยอกล้อกลับไปด้วยนัยน์ตาเอ็นดู

“ จะมีใครไม่รู้บ้างว่าเจ้ายืนร้องไห้ขี้มูกโป่งอยู่ตรงนั้นน่ะ มีอย่างที่ไหนต้องให้ซึระที่เพิ่งจะเล่นบทนี้เสร็จมาคอยปลอบใจเจ้าเนี่ย”   เจ้าของผมสีน้ำตาลทำแก้มป่องมองเพื่อนสนิทที่ไปไหนมาไหนด้วยกันมาตั้งแต่จำความได้...โกคุเดระ ฮายาโตะ นั้นฉลาดเกินกว่าใคร ถึงจะปากร้ายแต่หากเป็นเรื่องของเขาเจ้าตัวจะรู้ดีจนไม่มีใครเทียบ

“ ก็มันเศร้าจริงๆนี่....ถ้าข้าเป็นนกกระสาละก็ ข้าจะเอาก้อนหินปาเหยี่ยวซะเลย เจ้าเหยี่ยวนั่นจะได้ก้มลงมาเห็นข้า ไม่มัวมาคอยแหงนหน้ามองแบบนี้หรอก!   เจ้าของผมสีเงินนึกขำกับความคิดของคนข้างๆ...เพราะไม่รู้ว่าพ่อของเด็กคนนี้เป็นใคร ทุกคนจึงเรียกเพื่อนเพียงคนเดียวของเขาด้วยชื่อ...เรน...เป็นคนที่ตรงไปตรงมาตรงข้ามกับเขา แต่เจ้าตัวกลับรู้ใจเขาดียิ่งกว่าใคร

“ ข้าว่าเจ้าเหยี่ยวนั่นคงจะตกลงมาตายเพราะหินของเจ้า จากนั้นมันก็เป็นโศกนาฏกรรมอยู่ดี ฮ่าๆๆ”  ไหล่เล็กของเด็กชายผมสีน้ำตาลสะดุ้งโหยงราวกับเพิ่งนึกขึ้นมาได้ก่อนจะขบเขี้ยวเคี้ยวฟันแล้วตะโกนถามอีกฝ่ายออกไป

“.....หนอย....แล้วเจ้าล่ะ! ถ้าเจ้าเป็นนกกระสาเจ้าจะทำยังไง?!   นัยน์ตาสีมรกตจริงจังหันไปจ้องนัยน์ตาสีมรกตอีกคู่ที่ถึงกับผงะเมื่อถูกคาดคั้น ริมฝีปากสีแดงอ้าพะงาบๆอยู่ใต้กรอบผมสีเงินอย่างที่ดูก็รู้ว่าสิ่งที่กำลังจะพูดออกมามันคงจะตรงข้ามกับสิ่งที่อยู่ในใจ

“ .................ขะ ข้าก็จะไม่สนใจเจ้าเหยี่ยวนั่น...ฮึ...ก็แค่เหยี่ยวทำไมข้าจะต้องไปรัก ทำไมข้าจะต้องไปคอยแหงนคอมองด้วย....อยู่กับนกกระสาซื่อบื้ออย่างเจ้าดีกว่าตั้งเยอะ!   คำว่า ดีกว่าเยอะทำให้เด็กชายผมสีน้ำตาลมองผ่านความปากไม่ตรงกับใจของอีกฝ่ายไป แล้วก็ลืมแม้จะติดใจกับคำว่า ซื่อบื้อ ที่อีกฝ่ายแอบกัดเอาไว้ ใบหน้ามนถึงได้หันกลับไปมองท้องฟ้าพลางยิ้มน้อยยิ้มใหญ่จนโกคุเดระ ฮายาโตะได้แต่เหล่ตามองอย่างละเหี่ยใจ

ร่างเล็กล้มตัวนอนลงข้างๆจนเส้นฟางละไปกับเส้นผมสีเงิน...น่าแปลก...ทั้งๆที่ท้องฟ้าออกจะสดใสแต่เมื่อใดที่นึกถึงบทกลอนนี้ขึ้นมาในใจก็จะรู้สึกหดหู่ชอบกล

นกกระสากับพญาเหยี่ยวเป็นบทละครคาบุกิที่กำลังโด่งดังอยู่ในขณะนี้...มันเป็นการอุปมาอุปมัยถึงความรักที่ต่างชนชั้น...เพราะต่อให้พยายามแค่ไหน ละทิ้งพวกพ้องเพื่อนฝูงเพื่อความรักยังไง...แต่นกกระสาก็ไม่อาจจะโผบินขึ้นไปสูงเสียดฟ้าอยู่ข้างๆพญาเหยี่ยวได้...จนสุดท้ายมันก็เป็นแค่โศกนาฏกรรม

ถึงพวกเขาจะเป็นแค่เด็กซึ่งยังไม่รู้จักความรัก....แต่พวกเขาก็รู้สถานะของตัวเองดี...รู้ดี...ว่าเด็กจากคณะละครคาบุกินั้นถูกมองด้วยสายตายังไงและนั่นมันก็ทำให้พวกเขาเข้าใจในความรู้สึกของนกกระสา...

“ ฮายาโตะ!”   ยังไม่ทันที่ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินจะหันไป ร่างเล็กในกิโมโนสีหญ้าแห้งก็พลิกขึ้นมานอนทับอยู่บนตัวเขาพลางซุกหน้าลงมาราวกับลูกหมา

“ ต่อให้ข้าเป็นนกกระสา...ต่อให้ข้าเป็นนกกระสา.......ต่อให้ข้า.....”   มือสีขาวราวกับหิมะยกขึ้นมาขยี้หัวสีน้ำตาลของเพื่อนสนิทถึงไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเจ้าเหยี่ยวจอมวายร้ายนั่นแต่พวกเขาทั้งคู่ก็คงจะไม่ทิ้งเพื่อนพ้องไปแล้วตายตามลำพังเหมือนนกกระสาในเรื่อง...

“ ข้าว่าเจ้าเป็นนกกระจิบดีกว่าไหม?...”   แล้วบทสนทนาก็ยังคงดำเนินต่อไปท่ามกลางแสงแดดทอประกายกับสายลมอ่อนโยน

“ เอ๋?”

“ เป็นนกกระจิบสีน้ำตาลขนฟูดูน่ารักไม่มีพิษไม่มีภัยจนเจ้าเหยี่ยวนั่นเก็บไปเลี้ยงเอาไว้ แล้วสักวันเจ้าก็แอบวางยามันซะเพื่อแก้แค้นให้นกกระสาไง?”   ถึงเรื่องที่แต่งต่อมามันจะดูกลายพันธุ์จากละครโศกนาฏกรรมความรักเป็นหักเหลี่ยมโหดไปหน่อยก็เถอะนะ

“ ตกลง!! ข้าจะวางยามันเอง!”   แล้วพระเอกของเรื่องอย่างพญาเหยี่ยวก็ตายตามนกกระสาไป....ท่ามกลางเสียงหัวเราะชั่วร้ายของนกกระจิบที่มาจากไหนไม่รู้....อ๊า....คงจะเป็นคาบุกิที่คนติดกันน่าดู!!

“ ฮ่าๆๆๆ”   เสียงหัวเราะดังมาจากด้านหน้าของเกวียน ชายชราที่ฟังบทสนทนาของเด็กทั้งคู่มาตลอดทางถึงกับกลั้นขำเอาไว้ไม่ไหว....เพราะความไร้เดียงสาของทั้งสองคนถึงได้ทำให้ใครๆต่างก็เอ็นดู....ทั้งๆที่เป็นเด็กของคณะละครคาบุกิ...แต่กลิ่นไอของความหมองเศร้าเคล้ากลิ่นคาวโลกีย์หรือแม้แต่การแก่งแย่งชิงดีกลับไม่มีติดตัวเด็กสองคนนี้อยู่เลย...นัยน์ตาสีมรกตแข็งกร้าวอันเป็นเอกลักษณ์ที่ทั้งคู่มีเหมือนกันราวกับเป็นฝาแฝดบวกกับหน้าตาน่ารักน่าชังซึ่งไม่เข้ากับนิสัยที่ไม่เคยยอมใคร ปากร้ายขี้โวยวาย น่าแกล้ง  ทำให้ไม่ว่าจะไปที่ไหนคนในหมู่บ้านส่วนใหญ่เลยชอบเข้าไปหยอกเย้ามากกว่าจะมองด้วยสายตาแบบที่ใช้มองพวกคณะละครคาบุกิคนอื่นๆ

“ หัวเราะอะไรล่ะตาแก่นี่! แล้วเกวียนเนี่ยขับดีๆไม่เป็นหรือไง?! หัวข้าจะหลุดเพราะแรงโยกของเกวียนเจ้าอยู่แล้วนะ!”   ชายชราได้แต่ยิ้มแห้งรับปากร้ายๆที่ไม่ได้เข้ากับใบหน้าราวกับตุ๊กตาของโกคุเดระ ฮายาโตะ...ก่อนจะขอติดเกวียนมาด้วยละก็ ปู่จ๊ะ ปู่จ๋า...พอมาถึงนี่ก็ด่ากราดไม่มีเกรงใจ...แต่ถึงจะเป็นแบบนี้ทุกครั้งก็ยังให้ติดเกวียนมาด้วยตลอด...บางทีชายชราก็ไม่เข้าใจตัวเองเลยจริงๆ

“ เอ้า...ถึงแล้วละ”   ใบหน้าเหี่ยวย่นหันไปมองเจ้าเด็กซุกซนสองคนที่ชอบแอบหนีมาแถวนี้ เกวียนยังไม่ทันจะจอดดีเจ้าลูกลิงในคราบนางฟ้าก็กระโดดลงไปแล้ววิ่งหายเข้าไปในโพรงหญ้าเล็กๆข้างทาง

“ ขอบคุณนะปู่!”   เสียงเรนตะโกนกลับมาจากที่ไกลๆ...ต่อให้ตอนอยู่บนเวทีจะงดงามขนาดไหนแต่เด็กยังไงก็ยังเป็นเด็กอยู่วันยังค่ำ...ไม่งั้นคงไม่กระโจนใส่สถานที่วิ่งเล่นของตัวเองแบบนี้หรอก

“ โฮย~~ ตอนบ่ายๆก็มารออยู่ตรงนี้ล่ะ อย่ามัวแต่เล่นจนข้าต้องลงไปตามนะ~~”  ชายชราเจ้าของเกวียนตะโกนบอกด้วยเสียงยานคางก่อนจะบังคับเกวียนให้วิ่งโยกเยกจากไป

ขาคู่เล็กๆสองคู่วิ่งฝ่าพงหญ้าจนมาหยุดอยู่ตรงสุดแผ่นดิน....กลิ่นน้ำเค็มโชยเข้ามาในจมูกพร้อมๆกับสายลมแรงที่ปะทะมายังใบหน้า....เสียงซ่าๆมากับเกรียวคลื่น ฟองสีขาวแตกกระจายยามเมื่อมันสาดซัดเข้ากับโขดหิน...ถึงตรงนี้จะไม่มีชายหาดแต่ท้องทะเลสีฟ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตาก็ทำให้ใบหน้าน่ารักทั้งคู่หันไปมองหน้ากัน

ใบหน้าเล็กพยักแรงๆให้กันก่อนจะหันกลับไป แล้วคำพูดสั้นๆก็ตะโกนก้อง สองคู่สี่ขาพาร่างกายวิ่งตรงดิ่งเข้าหาท้องทะเล


“ ลุย!!!



ตู้ม!!! ตู้ม!!!!



เสียงน้ำแตกกระจายก่อนที่ร่างทั้งสองจะแหวกว่ายอยู่ในประกายระยิบระยับของทะเลเซโตะไนไก....ทะเล...ซึ่งขวางกั้นระหว่างแผ่นดินใหญ่ของหมู่เกาะญี่ปุ่นกับเกาะชิโกกุที่ทั้งคู่เกิดและเติบโตมา

จนอายุ 8 ปียังไม่เคยได้ก้าวออกไปจากดินแดนแห่งนี้เลยสักครั้ง เป็นเพียงนกน้อยที่ถูกขังอยู่ในประเพณีความเชื่อและวัฒนธรรมแบบญี่ปุ่นโบราณโดยแท้

เพราะการจะออกไปจากเกาะชิโกกุได้นั้นไม่ใช่เรื่องง่าย...เรือ...เป็นเพียงสิ่งเดียวที่เชื่อมต่อกับโลกภายนอก....ทั้งๆที่ประเทศญี่ปุ่นในตอนนี้อยู่ในยุครอยต่อระหว่างวัฒนธรรมเก่าๆกับวัฒนธรรมของชาวต่างชาติที่เพิ่งจะเปิดรับเข้ามา...แต่ไม่ว่าอะไรมันก็ยังไม่สามารถจะแทรกซึมเข้าสู่เกาะอันแสนบริสุทธิ์ที่อยู่ห่างไกลแห่งนี้ได้เลย



ร่างเล็กๆสองร่างยังคงดำผุดดำว่ายอยู่ในทะเล ถึงแม้ทั้งคู่จะอาศัยอยู่ในหมู่บ้านซึ่งลึกเข้าไปในเกาะแต่เป็นเพราะแอบหนีมาเล่นน้ำบ่อยๆจึงทำให้การแหวกว่ายนั้นพลิ้วไหวและสวยงาม ความรวดเร็วเองก็แลดูคล้ายกับหมู่ปลา...








จวบจนเวลาล่วงผ่านไปอีก 7 ปี...





เสียงกระโดดลงทะเลในบริเวณนี้ก็ยังมีเหมือนเดิม....







ตู้ม!!! ตู้ม!!!!







น้ำแตกกระจายเป็นวงกว้างตามขนาดร่างกายที่ขยายใหญ่ จากแขนขาเล็กๆกลับเรียวยาว จากเด็กชายกลายเข้าสู่วัยแรกรุ่น หุ่นกะทัดรัดกลับยืดออกเป็นแบบบาง ถึงร่างกายจะไม่ได้ใกล้เคียงกับเด็กผู้ชายวัยเดียวกันแต่กลับเป็นที่อิจฉาของเด็กสาวเสียมากกว่า ด้วยเครื่องหน้าที่ได้รูปไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะดวงตาสีมรกตเป็นประกายแวววาวราวกับอัญมณีที่รับกับจมูกโด่งรั้น ริมฝีปากอวบอิ่มแดงระเรื่อทั้งๆที่ไม่ได้แต่งแต้มอะไร ผิวแก้มก็เนียนใสอมชมพู ยิ่งเมื่อทุกอย่างมารวมกัน ความละมุนละไมที่ได้มาจากอายุที่มากขึ้นจึงทำให้ไม่อาจสรรหาคำใดมาใช้กับทั้งสองคนได้อีกนอกจากคำว่า...งดงาม

จะมีก็แต่ความซุกซนอยากรู้อยากเห็นอยากเล่นสนุกนี่แหละที่พอจะคล้ายเด็กผู้ชายอยู่บ้าง


ร่างบอบบางในกิโมโนสีขาวโผล่ขึ้นมาหายใจอยู่เหนือน้ำ เส้นผมสีเงินแผ่สยายเป็นประกายระยิบระยับ นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองหาอีกคนที่กระโดดลงมาพร้อมๆกันแต่รอบกายกลับมีเพียงท้องทะเลที่เวิ้งว้างว่างเปล่า คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันพลางเม้มริมฝีปากอย่างใช้ความคิด

“ เรน?”   ใบหน้าสวยลองเรียกเพื่อนสนิทพลางกวาดตามองไปรอบๆอย่างหวาดระแวง...อย่างเจ้าลูกหมานั่นไม่มีวันจมน้ำตายแน่ๆจะมีก็แต่....

“ อ๊ะ?!!”   เอวบางถูกอะไรบางอย่างดึงลงไปทำให้ร่างทั้งร่างจมหายลงในผืนน้ำสีคราม

“ อื้อ!”   แต่อาจจะเป็นเพราะรู้อยู่แล้ว โกคุเดระ ฮายาโตะจึงไม่ได้มีท่าทีตกใจกลับส่งสายตาดุๆให้คนที่ยื่นหน้าเข้ามาอมยิ้มให้ทั้งๆที่ยังพัวพันกันอยู่ใต้น้ำ จนกระทั่งใกล้จะหมดอากาศหายใจ ร่างทั้งสองจึงพุ่งขึ้นไปจนผิวน้ำแตกกระจาย

“ ฮ้า...ฮ้า..ฮ้า...”  ถึงจะหอบจนตัวโยนแต่ใบหน้ามนกลับมีสีหน้าสดใส เสียงหัวเราะชอบใจดังขึ้นเมื่อสามารถแกล้งอีกฝ่ายได้ แต่ใบหน้าสวยก็ขบเขี้ยวเคี้ยวฟันอยู่ได้ไม่นาน เจ้าของผมสีน้ำตาลก็ถูกคลื่นลูกใหญ่โถมเข้าใส่จนต้องตะกุยตะกายขึ้นมาจากใต้น้ำเหมือนลูกหมา เสียงหัวเราะร่าที่ดังกว่าจึงตามมาแทบจะทันที

“ ฮายาโตะ...เจ้า!...แกล้งข้าใช่ไหม? คลื่นมาก็ไม่ยอมบอกข้า! หนอย...”   แล้วร่างโปร่งบางในกิโมโนสีหญ้าแห้งก็มุดลงใต้น้ำด้วยความพลิ้วไหว ซึ่งอีกฝ่ายก็หลบหลีกไปมา ร่างสองร่างที่มีท่าทางราวกับปลาแหวกว่ายไล่จับกันอยู่ในทะเลที่กว้างใหญ่


โดยที่ไม่ได้รู้ตัวเลยว่า...มีสายตาของใครบางคนกำลังจ้องมองอยู่...



จากยอดผาที่สามารถมองเห็นแผ่นดินใหญ่ของญี่ปุ่นแถวๆโอคายามะได้รางๆนั้นแน่นอนว่าย่อมต้องมองเห็นบริเวณที่ทั้งสองคนกำลังส่งเสียงโหวกเหวกได้อย่างชัดเจน

ใบหน้าคมยกยิ้มที่มุมปากทั้งๆที่ดวงตายังคงจ้องมองไปที่หนึ่งในสองคนนั้นไม่วางตา...ฮึ...ทั้งๆที่ปกติเอาแต่ทำหน้าบูดบึ้งใส่ข้า ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะยิ้ม จะหัวเราะเป็นกับเขาด้วยนะ โกคุเดระ...

นัยน์ตาสีเปลือกไม้ละจากเจ้าของผมสีเงินที่มองอยู่นานแล้วไปที่อีกคนด้วยสายตาอ่านไม่ออก...ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลนั่นทำให้รู้สึกอย่างไรก็ไม่สามารถจะบอกกับตัวเองได้....จะว่ารักก็ไม่ใช่ จะว่าไม่รู้สึกอะไรก็ไม่เชิง...เพียงแต่ว่า...ถ้าถึงเวลา...เขาก็คงจะสามารถใช้ประโยชน์จากเด็กคนนั้นได้อย่างไม่มีลังเลเลยเช่นกัน


เพราะ ยามาโมโตะ ทาเคชิ คือผู้ชายที่จะขึ้นไปยืนอยู่บนจุดสูงสุดของเกาะชิโกกุแห่งนี้


อะไรที่มีประโยชน์ก็จะเก็บไว้ใช้ แต่อะไรที่ไร้ประโยชน์ก็จะทิ้งมันไป...ไม่ต้องไยดีและต้องไม่มีความปรานี...ทายาททุกรุ่นของตระกูลเก่าแก่ที่ปกครองเกาะแห่งนี้จะถูกสั่งสอนมาแบบนั้น

และยิ่งรุ่นปัจจุบันที่มีเพียงเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่เป็นทายาทเพียงหนึ่งเดียวด้วยแล้ว...การอบรมสั่งสอนจึงยิ่งเข้มข้นมากกว่ารุ่นใดๆที่ผ่านมา


ใช่...เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลยามาโมโตะ


ตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากชนชั้นเจ้าเมืองซึ่งยิ่งใหญ่ในทะเลเซโตะและหมู่เกาะชิโกกุ...ไม่มีใครในเกาะแห่งนี้ที่ไม่รู้จักความน่าเกรงขามของปราสาททาคามัตสึอันเป็นฐานที่มั่นของตระกูลยามาโมโตะ

นอกจากผืนดินทุกตารางนิ้ว น่านน้ำของทะเลเซโตะเองก็ยังถือเป็นเขตปกครองของตระกูลยามาโมโตะเช่นกัน

ต่อให้เวลาผ่านไปแค่ไหน ตระกูลเก่าแก่ที่เคยยิ่งใหญ่ในเกาะหลายๆตระกูลล้วนแล้วแต่ซบเซาลงไป มีเพียงตระกูลยามาโมโตะเท่านั้นที่ยังผงาดค้ำฟ้าอยู่ได้นั่นก็เพราะกิจการการเดินเรือที่นับเป็นหัวใจสำคัญของตระกูลเลยก็ว่าได้


เพราะไม่เคยมีใครคิดที่จะทำสะพานข้ามทะเลมายังเกาะหนึ่งในสี่ของญี่ปุ่นแห่งนี้...การเดินเรือจึงเป็นเส้นทางคมนาคมเพียงเส้นทางเดียวที่จะเชื่อมต่อไปยังโลกภายนอกได้...ไม่ว่าจะการค้าขายหรือการติดต่อสื่อสารล้วนแล้วแต่ต้องพึ่งพาหนะที่ชื่อเรือแทบทั้งนั้น

และการที่ตระกูลยามาโมโตะควบคุมการเดินเรือทั้งหมดทั่วทั้งทะเลเซโตะเอาไว้ได้...คงไม่ต้องบอกเลยว่าพวกเขานั้นยิ่งใหญ่ขนาดไหน...


“ นายน้อย...ไปกันรึยังขอรับ...พวกเรายังต้องไปต้อนรับแขกที่ไม่ได้รับเชิญต่ออีกนะขอรับ”   เสียงเอ่ยเรียกดังมาจากทางด้านหลัง ร่างสูงใหญ่ในชุดฮากามะสีดำเพียงแค่พยักหน้าให้ข้ารับใช้คนสนิททั้งๆที่นัยน์ตาสีเปลือกไม้ยังคงจ้องมองอยู่ที่เจ้าของผมสีเงิน

รอยยิ้มเย็นๆเผยอยู่บนใบหน้าคมทั้งๆที่ไม่มีอะไรให้ต้องยิ้ม มือใหญ่ละจากดาบคาตานะสีดำที่เสียบอยู่ที่เอวออกมาแล้วยื่นออกไปในอากาศ...ร่างบอบบางที่เล่นน้ำอยู่กลางทะเลนั้นราวกับกำลังลอยอยู่บนฝ่ามือ



ทุกสิ่งทุกอย่างบนแผ่นดินเล็กๆผืนนี้...มันจะต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว....

ใครหน้าไหนที่คิดจะมาช่วงชิงไป ข้าจะไม่ปล่อยให้มันได้ตายดี...











ดวงตะวันเคลื่อนคล้อยย้อยลงต่ำและยามบ่ายก็หมุนวนเข้ามาเหมือนๆกับทุกวัน แต่เนื่องจากยังอยู่ในช่วงวัยที่เต็มไปด้วยพลัง ทำให้ร่างโปร่งบางทั้งสองยังคงเล่นน้ำกันต่อไป

“ ก็ช่วยไม่ได้นี่นา...หมู่นี้กว่าจะแอบหนีออกมาได้ มันง่ายเหมือนเมื่อก่อนซะเมื่อไหร่”   ใบหน้ามนภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลเอ่ยพลางเป่าลมที่สองแก้ม ฝ่าเท้าเปลือยเปล่าตีขาน้อยๆให้ลำตัวลอยละล่องไปตามแรงคลื่น

“ ฮึ! ก็เพราะเจ้านั่นแหละ กะอีแค่รำพัดทำไมทำไม่ได้สักที ข้าเลยพลอยต้องโดนจับซ้อมโหดไปกับเจ้าด้วยเลย!”   ใบหน้าสวยภายใต้กรอบผมสีเงินหันมาแยกเขี้ยวใส่ก่อนจะหันกลับไปลอยคอปริ่มผืนน้ำสีครามตามเดิม

“ ข้าว่าข้าก็ทำได้แล้วนะ? ไม่ใช่เจ้าหรอกหรอที่เอาแต่สะดุดชายกิโมโนล้มหัวฟาดพื้นน่ะ?”  คิ้วเข้มสีน้ำตาลเลิกขึ้นอย่างไม่ยอมแพ้ ริมฝีปากสีระเรื่อยิ้มยียวนให้เมื่อโกคุเดระ ฮายาโตะหันมาค้อนใส่...ถ้าไม่ทันกันคงจะอยู่ด้วยกันตลอดแบบนี้ไม่ได้ละนะ

“ ฮึ! ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้าซึระนั่นแหละ! วันๆก็ให้ซ้อมอยู่ได้! ข้าไม่เห็นอยากจะเป็นนางเอกสักหน่อย!”   และพอต่อกรกับคนตรงหน้าไม่ได้ก็เลยหันไปพาลใส่คนที่คงจะกำลังตามหาเป็นบ้าเป็นหลังอยู่แถวๆโรงละครคาบุกินู่นแหละ

“ เรน....”   แต่แล้วจู่ๆน้ำเสียงกระฟัดกระเฟียดก็แปลเปลี่ยนไป  ร่างบอบบางในกิโมโนสีขาวพลิกกายกลับมาว่ายน้ำไปหาร่างโปร่งบางของเพื่อนสนิท

“ หื๋อ?”

“ ชู่ว....”   ฝ่ามือขาวผ่องกดหัวสีน้ำตาลให้จมลงไปปริ่มๆน้ำ มีเพียงนัยน์ตาสีมรกตสองคู่ที่โผล่ขึ้นมาดู  ร่างทั้งสองค่อยๆไหลไปหลบอยู่หลังโขดหิน กลิ่นเหล็กที่ไม่คุ้นเคยลอยมาแตะจมูก

“ นั่นมันอะไรน่ะ?”   ใบหน้าสงสัยผลุบๆโผล่ๆออกไปมองกองเหล็กหน้าตาแปลกๆที่วางอยู่เต็มลาน...จะว่าไปพวกเขาเองก็นานๆจะว่ายมาไกลถึงนี่สักครั้ง...จำได้ว่าเมื่อเดือนก่อนอ่าวตรงนี้ยังมีแต่ป่าและพงหญ้าอยู่เลยไม่ใช่หรอ?

“ มีบ้านมาตั้งอยู่ตรงนี้ได้ไง?”   นัยน์ตาสีมรกตอยากรู้อยากเห็นจ้องไปที่หมู่อาคารแบบญี่ปุ่นซึ่งทำจากไม้ จะว่ามันดูสร้างขึ้นมาแบบง่ายๆก็ไม่เชิง เพราะบางหลังมันก็ค่อนข้างประณีตทีเดียว

“ เหมือนพวก...บ้านพักชั่วคราวเลย...ข้าเคยเห็นในหนังสือของอาจารย์ละ”  โกคุเดระ ฮายาโตะลูบคางพลางนึกถึงหนังสือเก่าแก่ที่อยู่ในศาลเจ้าประจำหมู่บ้าน ซึ่งอาคารตรงหน้ามันมีลักษณะคล้ายๆแบบนั้น

“ เจ้าดูเครื่องมือแปลกๆพวกนั้นสิฮายาโตะ...คนพวกนั้นกำลังจะทำอะไรกันน่ะ?”   พื้นที่ที่เคยเป็นป่าหญ้าถูกถางจนเตียนโล่งและตอนนี้มันก็มีอุปกรณ์ก่อสร้างที่ถูกนำเข้ามาจากต่างประเทศวางอยู่เต็มไปหมด เรือขนส่งลำใหญ่ที่ดูคล้ายๆแพมีแท่งเหล็กพาดอยู่ก็ลอยลำอยู่เต็มอ่าว

“ ข้าไม่เห็นจะรู้จัก...หรือว่าเจ้าพวกนั้นคิดจะมาทำเรื่องไม่ดีบนเกาะของพวกเรา?”   คนที่รู้ไปหมดซะทุกเรื่องรู้สึกยอมไม่ได้ที่จะปล่อยให้เจ้าเครื่องมือหน้าตาแปลกๆพวกนั้นมาทำให้ตนดูเป็นคนโง่ ริมฝีปากสีแดงจึงเม้มแน่นอย่างเจ็บใจ

“ เรน! เข้าไปดูกันเถอะ!”  แล้วใบหน้ามนของคนที่อยู่ข้างๆก็พยักรับอย่างไม่ต้องเอ่ยชวนซ้ำสอง


ร่างโปร่งบางทั้งคู่ว่ายน้ำเข้าไปใกล้ๆสถานที่ต้องสงสัย....


ว่ายเข้าไป.....



โดยที่ไม่รู้เลยว่าตลอดเวลาที่ตนด้อมๆมองๆอยู่หลังโขดหินนั่น....นัยน์ตาสีขี้เถ้าของเจ้าของสถานที่กลับจ้องเขม็งมองทั้งสองคนอยู่ก่อนแล้ว....



อันที่จริงน่าจะบอกว่าเขามองสิ่งมีชีวิตสองตัวนั้นมาตั้งแต่ที่มันว่ายน้ำอยู่กลางทะเลนั่นแล้วละ


ตัวอะไรกันนะ?


จะว่าปลาก็ไม่น่าใช่เพราะมันตัวใหญ่และมีรูปร่างคล้ายมนุษย์แต่ก็ไม่น่าจะใช่มนุษย์เพราะมันทั้งรวดเร็วและพลิ้วไหวเหมือนกับปลา

หรือว่าจะเป็น....


นางเงือก?


นัยน์ตารีขวางจึงยิ่งจ้องเจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนาทั้งสองนั่นเข้าไปอีก ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครอยู่ในชุดที่ดูแปลกตาไปจากคนญี่ปุ่นทั่วไป  เพราะนายช่างหนุ่มผู้คอยควบคุมโครงการก่อสร้างแห่งนี้อยู่ในกางเกงแสลคสีดำกับเสื้อเชิ้ตสีขาวตามแบบชาวตะวันตก ที่ลำคอมีผ้าสีขาวผูกเอาไว้ให้ความรู้สึกว่าคงจะมาจากตระกูลที่สูงส่ง ถึงจะแต่งกายแบบชาวต่างชาติแต่หัวหน้าวิศวกรคนนี้ก็มีเส้นผมสีดำสนิทที่บ่งบอกว่าเขาเป็นคนญี่ปุ่น

ลมทะเลพัดเอากลิ่นเค็มเข้ามาปะทะใบหน้า เส้นผมสีดำที่ด้านหน้ายาวกว่าส่วนท้ายทอยที่ไถเกรียนโบกสะบัดน้อยๆเช่นเดียวกับแผ่นกระดาษที่ส่งเสียงกรอบแกรบอยู่บนโต๊ะ 

นัยน์ตาสีขี้เถ้าละจาก นางเงือก ตรงหน้ากลับไปมองกระดาษแผ่นใหญ่ที่กางอยู่เต็มโต๊ะ...มันคือแบบโครงสร้างทั้งหมดของสะพานเซโตะ โอฮาชิ....สะพานแห่งแรกของญี่ปุ่นที่จะสร้างข้ามทะเลไม่ใช่แม่น้ำ


และจะเป็นสะพานแห่งแรกที่จะเชื่อมเกาะชิโกกุกับโลกภายนอก....


ด้วยความที่มันเป็นสะพานขนาดใหญ่ซึ่งถูกออกแบบมาให้เป็นสะพานสองชั้นเพื่อรองรับทั้งทางรถยนต์และทางรถไฟในอนาคต มันจึงไม่ใช่งานที่นายช่างทั่วไปจะมาควบคุมได้...เขา...ที่ใครๆในกรมทางรถไฟต่างยกให้เป็นวิศวกรหมายเลขหนึ่งจึงเป็นตัวเลือกแรกที่จะถูกส่งมาเป็นคนดูแลการก่อสร้างสิ่งที่กำลังจะกลายเป็นประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นในอนาคต...นอกจะเกียรติแล้วความยากของงานนี้ก็เป็นที่ท้าทาย...ยิ่งเป็นงานบุกเบิกงานแรกที่ทำข้ามมายังเกาะที่ห่างไกลแห่งนี้...บางทีคงจะหวังเรื่องการต้อนรับจากคนที่นี่อาจจะเป็นไปได้ยากเสียด้วยซ้ำ


“ นายช่าง...เรียกพวกข้ามามีอะไรหรือขอรับ?”  ประตูเลื่อนถูกเปิดออกก่อนที่ชายรูปร่างสูงใหญ่สามสี่คนจะโผล่เข้ามา ใบหน้านิ่งจึงหันกลับไปมองที่หน้าต่างอีกครั้ง

“ นั่นมันตัวอะไร? ไปจับมันขึ้นมา เผื่อเราจะใช้มันช่วยในการสำรวจพื้นที่ใต้น้ำสำหรับการปรับหน้าหินเพื่อตั้งฐานรากสะพาน”   ถึงจะไม่รู้ว่านั่นคือตัวอะไรแต่เรื่องการว่ายน้ำที่เก่งกาจ เขาก็ต้องยอมรับว่าอยากให้มาช่วยงานของเขาจริงๆ


นายช่างหนุ่มย้ายตัวเองมายืนอยู่บนดาดฟ้าเรือเครน  นัยน์ตาขี้รำคาญจ้องมองผลงานของลูกน้องที่สั่งให้ลงไปจับสิ่งมีชีวิตปริศนาทั้งสองตัว แต่ก็ดูท่าจะไม่ได้เรื่องเพราะไม่ว่าจะดักหน้าดักหลังเจ้าสองตัวนั้นยังไงก็ว่ายหลบได้หมด...ท่วงท่าที่พลิ้วไหวราวกับปลายิ่งทำให้ละสายตาไม่ได้ ยิ่งได้มองใกล้ๆก็ยิ่งเห็นถึงความบอบบางของร่างกายทั้งคู่...แล้วยิ่งมันต่อสู้หลีกหนีมากเท่าไหร่ก็ยิ่งมีแต่จะกระตุ้นสัญชาตญาณการไล่ต้อนของผู้ชายให้กระหายขึ้นมามากเท่านั้น

ปลายนิ้วแข็งแรงเกี่ยวผ้าพันคอก่อนจะดึงมันออกไปช้าๆ....เห็นทีว่าเขาคงต้องลงไปจับมันเองเสียแล้ว...



“ เรน! หนีกันก่อน!”   เสียงของโกคุเดระ ฮายาโตะตะโกนเรียกอยู่ไม่ไกล แต่ร่างโปร่งบางเจ้าของผมสีน้ำตาลก็ไม่มีเวลาจะตอบกลับ ลำตัวขยับหลบฝ่ามือใหญ่ๆที่คว้ามาจากรอบด้านก่อนจะม้วนตัวดำลงไปใต้น้ำ จู่ๆผู้ชายร่างยักษ์พวกนี้ก็กระโดดลงมาจากเรือขนของที่พวกเขาไปแอบด้อมๆมองๆอยู่ จากความได้เปรียบเรื่องขนาดร่างกายทำให้พวกเขาหนีไปไม่ได้ง่ายๆนัก ตอนนี้แค่หลบให้พ้นก็เต็มที่แล้ว

เป็นอีกครั้งที่ลำตัวบางเอี้ยวหลบมือใหญ่ๆได้ทัน ยังดีที่อยู่ใต้น้ำพวกเขาที่ตัวเล็กกว่ามากจึงยังพอจะหนีได้บ้าง ร่างโปร่งบางว่ายหลบร่างใหญ่ยักษ์ เส้นผมสีน้ำตาลพลิ้วไหวอยู่ในน้ำราวกับยอดอ่อนของปะการัง เป็นเพราะเล่นน้ำในทะเลแถวนี้จนรู้ดีว่าที่ไหนเป็นยังไง ร่างโปร่งบางจึงตั้งใจจะหนีไปหลบในแนวโขดหินสลับซับซ้อนซึ่งอยู่ไม่ไกล

ทั้งๆที่มั่นใจว่าจะหลบพ้นแน่ๆถ้าอีกฝ่ายมีฝีมือการว่ายน้ำอยู่เท่านี้

แต่ชั่วขณะที่ข้อเท้าถูกจับเอาไว้ได้...เขาจึงรู้ตัวว่าเขาคิดผิด!

นัยน์ตาสีมรกตเบิกโพลงอยู่ใต้น้ำอย่างตกใจ ลำตัวถูกดึงกลับไปทำให้สามารถมองเห็นใบหน้าของคนที่จับตัวเขาเอาไว้ได้....นัยน์ตากลมโตสบประสานกับนัยน์ตาสีขี้เถ้าที่ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมที่ไม่เคยเห็นกับร่างกายที่ไม่ได้ใหญ่โตไปมากกว่าเขาทำเอาชะงักค้าง ความรู้สึกบางอย่างเกิดขึ้นมาอย่างที่ไม่รู้ว่ามันคืออะไร...เพราะผู้ชายคนนี้ปราบเขาได้อย่างงั้นหรอ?

ฟองอากาศที่ลอยขึ้นสู่เหนือน้ำทำให้หลุดออกมาจากภวังค์ ฝ่ามือพยายามต่อต้านการจับกุมแต่ก็ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้สะทกสะท้านเลยสักนิด มีแต่ตัวเขาที่ถูกลากขึ้นสู่ผิวน้ำไปด้วยกัน


ผู้ชายคนนี้แข็งแรงมาก....


ใบหน้ามนสะบัดไปมาอยู่เหนือน้ำเพื่อกอบโกยออกซิเจนเข้าปอด แต่ยังไม่ทันจะหายใจทั่วท้องร่างทั้งร่างก็ลอยขึ้นไปอยู่กลางอากาศ

“ เหวอ? ปล่อยข้านะ! เจ้าเป็นใครแล้วจะจับข้าไปไหน? ปล่อยๆๆ”   ร่างโปร่งบางดิ้นพล่านทั้งๆที่ยังอยู่ในอ้อมแขนแข็งแรง นายช่างหนุ่มเดินด้วยท่วงท่านิ่งเฉยขึ้นมาจากน้ำ ใบหน้าคมหันกลับไปมองท้องทะเลอย่างนึกเสียดายที่ปล่อยให้อีกตัวหลุดไปได้ก่อนจะค่อยๆหันกลับมามองเจ้าสิ่งมีชีวิตปริศนาที่ดิ้นไปมาอยู่ในอ้อมแขนตน

“ พูดภาษาคนได้นี่?”   และแค่เอ่ยออกมาประโยคแรกก็ทำเอาร่างโปร่งบางถึงกับอ้าปากค้าง

“ ก็ข้าเป็นคน ก็ต้องพูดภาษาคนได้สิ?!”   ใบหน้ามนขู่ฟ่อราวกับลูกหมา ร่างโปร่งยังดิ้นไม่หยุดจนในที่สุดก็ถูกโยนลงไปที่พื้นไม้ในเรือนหลังหนึ่ง มือบางทั้งสองข้างถูกจับมัดเข้าด้วยกันเช่นเดียวกับที่ข้อเท้าซึ่งถูกพันธนาการเอาไว้กับขาโต๊ะไม้ตัวใหญ่ซึ่งมีกระดาษอะไรไม่รู้วางอยู่เต็มไปหมดแต่ตอนนั้นคนที่ยังแหกปากโวยวายก็หาได้สนใจไม่

หลังจากจัดการจับมัดจนเรียบร้อย ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็ถอยออกมายืนกอดอกพินิจพิจารณาสิ่งมีชีวิตที่อยู่ตรงหน้า นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่มองไปตามร่างกายโปร่งบางที่อยู่ในกิโมโนเปียกแฉะสีหญ้าแห้งอย่างไม่มีเกรงใจ...ไม่มีหางเหมือนนางเงือก ไม่มีครีบไม่มีเกล็ดเหมือนปลา...ถ้างั้นก็คงบอกได้แต่ว่าเจ้าเด็กที่ร้องโวยวายอยู่ตรงหน้านี่ก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาๆเท่านั้น

จากกิโมโนที่เปียกลู่แนบอยู่กับร่างกาย ถึงจะสรุปได้ว่าเจ้าเด็กตรงหน้าเป็นมนุษย์แต่มันก็มีบางอย่างที่ดูขัดๆกัน?...นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบขึ้นมามองใบหน้ามน ทั้งเส้นผมสีน้ำตาลที่ยาวประบ่าซึ่งถูกรวบครึ่งหัวมัดเป็นจุกอยู่ด้านหลัง ทั้งรูปหน้าที่จัดได้ว่าน่ารักมากหากเทียบกับเด็กสาวทั่วๆไป...ทั้งๆอย่างนั้น...แต่เมื่อเหลือบลงไปมองที่หน้าอกมันกลับแบนเรียบ....เป็นเด็กผู้หญิงที่หน้าอกยังไม่ขึ้น?....แต่สันนูนๆที่อยู่ที่ลำคอก็ทำให้ความสงสัยของนายช่างหนุ่มวนกลับมาอีกครั้ง ในเมื่อสิ่งนั้นมันเป็นอวัยวะบ่งบอกความเป็นผู้ชาย?


...ตกลงเจ้าเด็กตรงหน้านี่มันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายกันแน่?


“ มองอะไรของเจ้า?! บอกให้ปล่อยข้าไง!!”   ใบหน้าคมยื่นเข้าไปมองผิวพรรณที่ดูจะเปล่งปลั่งนวลเนียนเกินกว่าจะเป็นผิวของผู้ชายใกล้ๆจนอีกฝ่ายได้แต่ขนลุก ใบหน้ามนยังคงแยกเขี้ยวใส่ไม่หยุดและดูท่าว่าจะไม่เลิกพยศง่ายๆเสียด้วย

“ มาด้อมๆมองๆกองช่างของข้าแบบนี้ ตั้งใจจะมาขโมยของหรือไงเจ้าเด็กเหลือขอ?”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปใกล้ๆใบหูและนั่นก็ยิ่งทำให้ไอร้อนแทบจะพุ่งออกไปเป็นเปลวไฟ

“ ข้าไม่ใช่หัวขโมยนะ! ข้าก็แค่จะเข้ามาดูว่าเจ้าพวกน่าสงสัยอย่างพวกเจ้ามาทำอะไรที่นี่กัน ข้าจะได้เอาไปฟ้องเจ้าเมืองให้มาจับพวกเจ้าให้หมดไง! ปล่อยข้าได้รึยัง?!”   ร่างแข็งแกร่งละออกไปยืนกอดอกมองอีกครั้ง...พูดออกมาแบบนั้นแล้วใครจะยอมปล่อยง่ายๆกันเนี่ย?...ใบหน้าคมยกยิ้มที่มุมปากอย่างรู้สึกสนุก....ขนาดตัวเองเสียเปรียบอยู่แท้ๆแต่กลับปากเก่งเสียไม่มีละเจ้าเด็กนี่...ยิ่งเห็นน้ำตาที่ปริ่มออกมาจากใบหน้าที่กำลังขู่ฟ่อก็ยิ่งรู้สึกว่ามันช่างน่ารังแกเสียจริงๆ

นัยน์ตาสีขี้เถ้าไล่มองลงไปตามร่างกายโปร่งบาง แขนขาเรียวเล็กแบบนี้บอกว่าเป็นผู้ชายแล้วจะให้เชื่อได้ยังไง....นัยน์ตายังคงไล่มองลงไปเรื่อยๆ เรื่อยๆ...กิโมโนสีหญ้าแห้งที่ยังแนบชิดเน้นทุกสัดส่วนของร่างกายมันชวนให้พิสูจน์เสียจริงๆ

แล้วฝ่ามือที่ขัดกันอยู่ที่แผงอกก็คลายออก ก่อนที่ข้างหนึ่งจะล้วงเข้าไปข้างใต้กิโมโนสีหญ้าแห้ง...ในตำแหน่งตรงกลางหว่างขาพอดี...

“ อะ...จะ...เจ้า...จับอะไร?! อ๊ากกกกกกกกกกกก!!! เจ้าคนบ้า! เจ้าคนโรคจิต!!”   ร่างโปร่งบางถึงกับถอยหลังครูดเท่าที่เชือกที่มัดเอาไว้จะยาวพอ ลำตัวบางงอเข้าหากันพลางสั่นหงึกๆ นัยน์ตาสีมรกตจ้องอีกฝ่ายเขม็งอย่างไม่ไว้ใจ

นัยน์ตาสีขี้เถ้ามองลงไปที่ฝ่ามือของตัวเอง...ในที่สุดก็หาข้อสรุปได้....ว่าเด็กนั่น....เป็นผู้ชาย....










เสียงจ๋อมๆดังขึ้นเพียงเล็กน้อยเมื่อคนที่ลอยคอหลบอยู่ข้างโขดหินพยายามขยับกายอยู่ใต้น้ำให้เบาที่สุด เส้นผมสีเงินประบ่ายังคงระอยู่ในน้ำ นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองไปยังกลุ่มอาคารพักชั่วคราวนั่นอย่างใช้ความคิด

เจ้าบ้าเรนโดนจับตัวไปอีท่าไหนเนี่ย? อย่างเจ้านั่นไม่น่าจะโดนจับไปง่ายๆเลยนี่นา....หรือว่าจะมีคนที่เก่งกาจถึงขนาดสามารถตะครุบตัวพวกเขาได้กันนะ?

ก็นับว่าโชคดีแล้วละ ที่คนที่ถูกจับไปไม่ใช่เขา

“ ฮึ...”   ใบหน้าสวยหัวเราะในลำคอเมื่อนึกถึงเพื่อนสนิทที่อยู่ด้วยกันมาตั้งแต่เด็ก....ถ้าเจ้าเรนเป็นคนที่หนีรอดมาได้ละก็ คงจะบุกเข้าไปตรงๆเพื่อช่วยเขาออกมาแน่และก็คงไม่พ้นโดนจับไปด้วยกันทั้งคู่

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองไปที่กองหญ้าแห้งและต้นไม้ที่ถูกตัดซึ่งกองอยู่รอบๆ คงจะเป็นต้นไม้ที่เคยขึ้นก่อนที่พื้นที่จะถูกปรับเปลี่ยนเป็นที่ตั้งหมู่อาคาร....นัยน์ตาสีมรกตหันกลับไปมองที่เรือนหลังซึ่งมีเสียงของเจ้าเพื่อนตัวดีโวยวายอยู่ข้างใน...อย่างน้อยๆก็มีข้อดีตรงนี้ละนะเจ้าเด็กคนนั้น...เขาจะได้ไม่ต้องเสียเวลาหาว่าถูกเอาตัวไปขังไว้ที่ไหน

ร่างบอบบางค่อยๆขยับขึ้นมาจากน้ำก่อนที่จะค่อยๆย่องไปที่กองหญ้าพวกนั้น....








“ ไฟไหม้!!!!!

เสียงตะโกนโหวกเหวกทำให้นายช่างหนุ่มจำต้องละจากการคาดคั้นคนที่นั่งตัวสั่นอยู่ตรงหน้าไป ใบหน้าคมหันไปมองลูกน้องของตัวเองที่กำลังวิ่งกันให้วุ่นอยู่ภายนอก ควันไฟมากมายลอยตลบจนแทบจะมองอะไรไม่เห็น....ไฟไหม้ได้ยังไงกัน?

“ ชริ...”   ริมฝีปากสบถอย่างขัดใจก่อนจะหันมาส่งสายตาบอกคนที่จับมาได้ว่าให้รออยู่ “เงียบๆ” แล้วร่างแข็งแกร่งก็เดินออกจากห้องไป

แต่มีหรือที่จอมดื้ออย่างร่างโปร่งบางจะยอมอยู่นิ่งๆ สองมือพยายามแกะเชือกไปพลางมองหามีดหรือของมีคมอะไรก็ได้ไปพลาง ก่อนจะนัยน์ตาเบิกกว้างเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังอยู่ที่ประตู

“ ไม่ได้เรื่องเลยจริงๆเจ้าเนี่ย..แค่นี้ทำไมถึงปล่อยให้ถูกจับตัวมาได้กันห๊ะ?!

“ ฮายาโตะ~~~”   ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยเรียกเพื่อนสนิทด้วยความดีใจ ร่างบอบบางเจ้าของผมสีเงินเดินเข้าไปแก้มัดที่ข้อมือกับข้อเท้าให้ก่อนจะพากันหนีออกไปได้สำเร็จ










ภาพของร่างบางสองร่างที่วิ่งหนีออกมาจากอาคารพักชั่วคราวแล้วว่ายน้ำลงทะเลไปอยู่ในสายตาของคนที่ซุ่มดูอยู่ตลอดเวลา

ร่างสูงใหญ่ในฮากามะสีดำยิ้มเย็นๆที่มุมปากก่อนจะหันไปสั่งลูกน้องที่นั่งอยู่หลังพุ่มไม้ด้วยกัน

“ พวกเจ้า....เข้าไปที่เรือนหลังนั้นแล้วก็รื้อค้นทำลายข้าวของในนั้นให้หมด...โดยเฉพาะหมายอนุญาตก่อสร้างสะพาน...ถ้าเจอมันให้ฉีกทิ้งไปซะ”   เสียงทุ้มเอ่ยออกไปทั้งๆที่นัยน์ตายังจ้องอยู่ที่กลุ่มอาคารพักชั่วคราว....บอกแล้วใช่ไหมว่าทุกสิ่งทุกอย่างมันจะต้องเป็นของเขา....หากสะพานนั่นมันสร้างขึ้นมาได้จริงคนที่เดือดร้อนที่สุดก็คงจะไม่พ้นตระกูลยามาโมโตะเพราะการมีสะพานมันจะส่งผลกระทบกับการเดินเรือทันที


ใครที่คิดจะขวางเขาจะทำลายมันให้หมด....


“ แต่นายน้อยขอรับ...ถ้าทำแบบนั้น...คุณหนู...เอ่อ...เด็กคนนั้นจะโดนร่างแหไปด้วยนะขอรับ”   ข้ารับใช้คนสนิทเอ่ยทักท้วงแต่ใบหน้าคมเข้มภายใต้กรอบผมสั้นสีดำก็ยังคงเมินเฉย....เด็กนั่นก็เป็นคนของตระกูลยามาโมโตะเช่นกัน เพราะงั้นหากจะต้องเสียสละไปบ้างก็คงต้องทำใจยอมรับให้ได้

“ ไปได้แล้ว”  

“ ขอรับ...”









นายช่างหนุ่มเดินกลับมายังเรือนที่ใช้แทนห้องทำงานอีกครั้งอย่างนึกหัวเสียอยู่ไม่น้อย....ใครกันที่มันมาจุดไฟเผาหญ้าเล่นแบบนี้....ทั้งๆที่ไม่ได้มีอะไรแต่เป็นเพราะควันไฟที่ออกมามากจากเศษหญ้าแห้งพวกนั้นทำให้ทุกคนแตกตื่นกันไปหมด

“ โฮ่ย...”   มือแข็งแรงท้าวขอบประตูพลางส่งเสียงทักเพราะคนที่ถูกล่ามอยู่ดูจะเงียบผิดปกติ แต่แล้วเมื่อเดินพ้นขอบประตูเข้ามา ภาพที่อยู่ตรงหน้ากลับทำให้นัยน์ตาถึงกับเบิกค้าง

ข้าวของที่เคยอยู่บนชั้นไม้หล่นกระจัดกระจาย เก้าอี้ก็ถูกทุบทำลายจนไม่เหลือชิ้นดี สภาพห้องในตอนนี้มันเละเทะจนแทบจะจำไม่ได้ กระดาษแบบแปลนการก่อสร้างก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ ร่างแข็งแกร่งเดินเข้าไปที่โต๊ะกลางห้องก่อนจะกัดฟันกรอดเมื่อเห็นลิ้นชักที่หักคาอยู่ที่พื้น ถุงเงินที่หายไปยังไม่เท่าไหร่แต่หมายการก่อสร้างสะพานที่ถูกฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยนี่สิที่มันทำให้ไม่สามารถจะให้อภัยคนที่ทำแบบนี้ได้

“ ไอ้เจ้าเด็กเหลือขอนั่น.....”   ใบหน้าดุดันกัดฟันพร้อมกับกำหมัดแน่น....

คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากเจ้าเด็กที่เขาไปจับตัวขึ้นมาจากในน้ำนั่นเป็นคนทำ...อีกคนที่หนีไปได้คงจะกลับมาเผาหญ้าแล้วล่อให้เขาออกไปก่อนเจ้าตัวจะย่องเข้ามาช่วยเจ้าเด็กหัวสีน้ำตาลในห้องนี้ และมันก็ไม่ได้หนีไปเปล่าๆแต่กลับขโมยถุงใส่เงินของเขาไปทั้งยังทำลายข้าวของไว้ให้ดูต่างหน้าอีกต่างหาก

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบลงไปมองหมายการก่อสร้างสะพานซึ่งถือเป็นเอกสารที่สำคัญมากอย่างเจ็บใจจนไม่รู้จะพูดยังไง

ไออำมหิตลอยดำทะมึนอยู่รอบๆกาย....อย่าให้เขาจับได้ก็แล้วกันเจ้าเด็กนั่น!!


โครม!!!


ความโกรธจนแทบคลั่งถูกระบายออกไปด้วยการกระแทกกำปั้นเข้ากับผนังไม้จนทะลุเป็นรู....

เขาไม่น่าไปไว้ใจใบหน้าที่ดูไม่น่าจะมีพิษมีภัยของเจ้าเด็กเหลือขอหัวขโมยที่ไม่รู้หัวนอนปลายเท้านั่นเลยจริงๆ!











กว่าจะตากลมกลับมาถึงที่หมู่บ้าน กิโมโนที่เคยเปียกโชกก็แห้งสนิทไปแล้ว

ร่างบางทั้งคู่กระโดดลงมายืนอยู่ข้างๆเกวียนก่อนจะโบกมือขอบคุณชายชราที่ให้พวกเขาติดเกวียนไปด้วยเสมอ

“ ขอบคุณนะปู่”   เรนมักจะเป็นคนเอ่ยขอบคุณด้วยใบหน้าอมยิ้มต่างจากอีกคนที่มักจะปั้นหน้าหงิกอยู่เสมอ

“ เออ...ตั้งใจเล่นให้มันดีๆก็แล้วกัน ข้ารอดูอยู่นะ”   ชายชราโบกมือให้ก่อนจะขับเกวียนจากไป...ที่บอกว่าให้เล่นดีๆก็คงจะหนีไม่พ้นเรื่องของสถานที่ที่อยู่เบื้องหลังของพวกเขาในตอนนี้


โรงละครคาบุกิ...คานามารุสะ


“ พวกเจ้าสองคน....หนีไปเล่นน้ำกันมาอีกแล้วใช่ไหม?.....”   น้ำเสียงเย็นๆที่ออกมาต้อนรับแทบจะทันทีทำให้แผ่นหลังบอบบางรู้สึกเสียววาบ ใบหน้าน่ารักทั้งคู่หันกลับไปก่อนจะเงยขึ้นมองที่สุดปลายบันไดหิน แล้วก็ไม่ได้หูแว่วไปจริงๆเมื่อร่างระหงของ คัตสึระ โคทาโร่ อดีตนักแสดงที่ผันตัวมาเป็นคนรับช่วงต่อโรงละครแห่งนี้แทนครอบครัวคนอื่นๆยืนอยู่ตรงนั้น

ถึงใบหน้าภายใต้อกรอบผมสีดำขลับยาวสลวยถึงกลางหลังนั่นจะงดงามไม่ได้แพ้เด็กสองคนที่ยืนอยู่เบื้องล่าง แต่เวลาที่เจ้าของโรงละครแห่งนี้โกรธขึ้นมาทีไรก็น่ากลัวไม่แพ้คนเป็นแม่เลยทีเดียว และเจ้าเด็กซุกซนทั้งสองคนก็รู้อิทธิฤทธิ์ของอีกฝ่ายดี สองขาจึงพากันวิ่งหนีโดยไม่รีรอ

“ เดี๋ยว! จะหนีไปไหนกัน?! กลับมานะ! เรน! ฮายาโตะ! ข้าบอกพวกเจ้ากี่ครั้งแล้วว่าอย่าไปเล่นน้ำ! มีผิวดีๆทำไมไม่รู้จักดูแลกันบ้างนะเจ้าเด็กพวกนี้.....”   เสียงตะโกนปนบ่นค่อยๆเบาบางลงตามระยะทางที่ทั้งคู่ห่างออกมา

ร่างบางมาหยุดยืนหอบหายใจอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ขึ้นอยู่ตรงทางแยก...

“ แฮ่ก...แฮ่ก...เจ้ายักษ์ซึระ น่ากลัวจริงๆ...”   คนที่เรียกคนที่เป็นทั้งอาจารย์ทั้งคนที่คอยดูแลตนมาตั้งแต่ยังเด็กๆอย่างไม่สนใจจะให้เกียรติแบบนี้คงหนีไม่พ้นโกคุเดระ ฮายาโตะ

“ พรุ่งนี้เจ้ากับข้าโดนซ้อมโหดแหงเลยฮายาโตะ...แฮ่ก...แฮ่ก...”   มือบางท้าวลงไปที่โคนต้นไม้...วันนี้มันเป็นวันอะไรกันนะถึงได้ต้องเอาแต่วิ่งหนีแบบนี้

“ พรุ่งนี้ค่อยหาทางหนีแล้วกัน เอาวันนี้ให้รอดก่อน....”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีเงินยังหอบหายใจหนักหน่วง

“ ว่าแต่เจ้า...แวะบ้านข้าก่อนไหม ท่านแม่ว่าจะตัดชุดใหม่ให้เจ้า”  เรนเอ่ยชวนอีกฝ่ายที่เข้าๆออกๆที่บ้านของเขาราวกับเป็นคนในครอบครัวกันมาตั้งแต่จำความได้...แม่ของพวกเขาเป็นเพื่อนกัน...ทั้งคู่ก็เคยเป็นนักแสดงคาบุกิมาก่อนที่จะมีการประกาศห้ามไม่ให้ผู้หญิงแสดงละครคาบุกิแล้วเปลี่ยนมาใช้แต่เด็กหนุ่มแสดงแทนอย่างในปัจจุบัน

“ ไว้วันหลังเถอะ วันนี้ข้าต้องกลับแล้ว ฝากขอบคุณท่านน้าด้วย”   โกคุเดระ ฮายาโตะโบกมือน้อยๆก่อนจะหันไปมองแสงแดดที่เริ่มอ่อนแสงลง

“ ถ้างั้นเจอกันพรุ่งนี้”   แล้วร่างทั้งสองก็แยกกันไปคนละทาง



ร่างบอบบางมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าบันไดหินนับร้อยที่เรียงรายขึ้นสู่เสาประตูโทริอิที่ทำจากหิน ใบหน้าสวยเงยมองสถานที่ที่กลายเป็น “บ้าน” ของตัวเองนับจากวันที่เสียครอบครัวเพียงคนเดียวอย่างผู้เป็นแม่ไป

สายลมอ่อนโยนโบกพัดทำให้ปรอยผมสีเงินโบกสะบัดน้อยๆราวกับจะเอ่ยคำต้อนรับกลับบ้าน ใบหน้าสวยอมยิ้มก่อนจะเดินขึ้นบันไดหิน...สู่สถานที่อันศักดิ์สิทธิ์ของเหล่าผู้แสวงบุญจากแดนไกล...


ศาลเจ้าโคโตฮิระ....






ร่างโปร่งบางเดินลอดซุ้มประตูไม้เข้ามายังบ้านของตนซึ่งอาศัยอยู่กับแม่ตามลำพัง

อันที่จริงแล้วการที่ผู้หญิงจะเลี้ยงลูกอยู่กับบ้านเพียงคนเดียวในสมัยที่ผู้ชายเป็นใหญ่แบบนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ความเป็นอยู่ของพวกเขาสองแม่ลูกนั้นก็นับว่าดีกว่าใครๆในหมู่บ้านแห่งนี้ค่อนข้างมาก...ก็มีหลายต่อหลายคนต่างเดากันไป...ว่าพ่อของเขาคงไม่ใช่คนธรรมดาถึงได้อุปการะพวกเขาให้อยู่ดีกินดีได้แบบนี้

“ เรน...กลับมาแล้วหรอลูก? แล้วฮายาโตะไม่มาด้วยกันหรอ?”   ผู้เป็นแม่เงยหน้าจากผืนผ้าที่กำลังปักอยู่มามองดูลูกชายเพียงคนเดียวของเธอ

“ หนีไปเล่นน้ำมาอีกแล้วใช่ไหมเนี่ย? เดี๋ยวคัตสึระซังก็โกรธเอาหรอก ลูกนี่จริงๆเลย...”   มือนิ่มยกขึ้นลูบใบหน้าของลูกชายอย่างไม่ได้คิดจะต่อว่าอะไรจริงจังนัก...เธอไม่คิดจะห้ามเมื่อเด็กคนนี้บอกว่าอยากจะเล่นละครคาบุกิทั้งๆที่หากอยู่เฉยๆพวกเธอสองแม่ลูกก็ยังถูกเลี้ยงดูไปทั้งชีวิต...แต่เป็นเพราะว่าเธอเคยแสดงละครนั่นมาก่อนและเธอก็ได้รับรู้ว่าหากตัดเรื่องคาวโลกีย์ของการค้าประเวณีที่ผู้หญิงบางคนใช้การแสดงบังหน้ามาหาลูกค้าออกไป...ศิลปะการแสดงแขนงนี้ก็นับเป็นศาสตร์ที่ดีเลยทีเดียว...เธอเคยรู้สึกสนุกสนานยามเมื่อขึ้นไปอยู่บนเวทีและเธอก็อยากให้เรนได้รู้สึกแบบนั้นบ้าง

“ ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่นา...จริงสิท่านแม่ ข้าไปเจอคนแปลกๆมาด้วยละ เดี๋ยวข้าจะเล่าให้ฟัง...ว่าแต่ถุงเงินนี่.....?”   ร่างโปร่งบางที่นั่งลงบนเบาะรองนั่งข้างๆโต๊ะเตี้ยแล้วหยิบผลไม้ที่วางอยู่บนโต๊ะเข้าปากก่อนที่สายตาจะไปสะดุดอยู่ที่ถุงใส่เงินที่วางอยู่บนนั้นเข้า

“ คนของบ้านใหญ่เอามาให้จ้ะ”   ใบหน้ามนพยักหน้ารับรู้ก่อนจะไม่ได้สนใจมันอีก...ถึงจะติดใจอยู่หน่อยๆก็เถอะว่าตราข้างถุงมันแปลกไปหรือเปล่า ทั้งๆที่ปกติแล้วมันต้องเป็นตราประจำตระกูลของเขาไม่ใช่ตรารูปปีกที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ แต่ร่างโปร่งบางก็เลือกที่จะไม่ขุดคุ้ยเพราะรู้ดีว่าเส้นแบ่งระหว่างเขตที่ตัวเองต้องอยู่กับเขตของคนในบ้านใหญ่มันอยู่ที่ตรงไหน


พวกเราก็แค่ต่างฝ่ายต่างใช้ชีวิตของตัวเองไป...ถึงแม้จะรู้ว่านั่นคือพี่ชายก็ตาม....






.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....





หงึกๆๆๆ อินโทรบ้านพ่อง ยาวสลัดมาก555

ขอต้อนรับเข้าสู่ไหใหม่อย่างเป็นทางการ กร๊ากกกกกก  อย่าเพิ่งขว้างอะไรมานะคะ ฮืออออออ อันที่จริงมันก็ไม่ใหม่นักหรอกไหนี้ ก็เป็นเรื่องที่เคยเกริ่นเอาไว้นานพอสมควรแล้วละ แหะแหะ แอบเอาอินโทรมาลงก่อง ก็ไม่รู้ว่าจะมีคนอ่านมากน้อยแค่ไหน อาจจะกลับมาแต่งต่ออีกทีหลัง GLIDE จบไปแล้ว อะไรประมาณนั้น TvT

จะว่าไปไม่ได้แต่งพีเรียดมานานพอสมควร การใช้ภาษาอาจจะไม่ลื่นไหลเท่าดาวตก โปรดอภัยให้คุณกวางด้วยนะคะ TvT แล้วเรื่องยาวก็เป็นพีเรียดอีกจนได้....มีแค่ GLIDE กับ IF ละมั้งเนี่ยที่เป็นเรื่องยาวที่เป็นยุคปัจจุบันน่ะ555 ยะ ยังไงก็ขอฝาก Ai Kotaba เอาไว้อีกเรื่องนึงนะค้า ^ ^

มาพูดถึงตัวฟิคกันบ้าง เอาเรื่องสถานที่ก่อนเลย5555 ก็อาจจะคุ้นหน้าคุ้นตากันดีสำหรับโลเคชั่นที่เอามาใช้อีกแล้ว(โดนตบ) นึกอะไรไม่ออกก็ชิโกกุอย่างเดียวเลย แหะแหะ ใช่ค่ะ โลเคชั่นของฟิคเรื่องนี้อยู่ที่เกาะชิโกกุ หนึ่งในสี่เกาะใหญ่ของญี่ปุ่นนั้นเอง ส่วนเมืองที่ใช้ก็มีอยู่จริงในแผนที่โลกนะคะ  หลักๆก็ โคโตฮิระ(อีกแล้ว ก๊ากกก) และทาคามัตสึ อย่างโรงละครคาบุกิที่ใช้เป็นฉากในเรื่องก็มีสถานที่จริงค่ะ ศาลเจ้าโคโตฮิระก็เช่นกัน ในแผนที่อยู่ใกล้ๆกันตามที่เขียนในท้องเรื่องเบยค่ะ สนใจเข้าไปดูได้ที่ >> [Re-view] ตกหลุมรัก The Series ปีสาม : Kotohira - Kanamuraza Kabuki Theater             งามมว๊ากกกกกกกกกอ่ะ ฮืออออ น่าเสียดายที่วันที่ไปคุณกวางขึ้นไปศาลเจ้าไม่ทัน ไม่งั้นคงได้เก็บรายละเอียดมามากกว่านี้ แง๊~~~ ปราสาททาคามัตสึก็ด้วย โอยยยยย อยากไปอีกจังๆๆ

นอกจากสถานที่แล้วอีกส่วนหนึ่งซึ่งน่าจะพูดถึงในฟิคเรื่องนี้ค่อนข้างมากก็คือเรื่องของสะพานเซโตะโอฮาชิค่ะ 5555 คือตอนที่อ่านเรื่องการสร้างสะพานมาได้ยังไงนี่รู้สึกทึ่งมากๆเลยค่ะ ก็เลยอยากจะเอามาเล่าให้ฟังอีกต่อนึง งื้อออออ ถึงแม้ว่าช่วงยุคสมัยที่สร้างมันจะไปกันคนละทางก็เถอะนะ555(โดนเหยียบ) เพราะจริงๆแล้วสะพานเซโตะโอฮาชิสร้างมาในยุคปัจจุบันนี่แหละค่ะ ไม่ใช่ยุคพีเรียดอย่างในฟิค ^ ^”

พูดถึงช่วงเวลาในฟิคกันบ้าง ยุคที่ใช้จะเป็นยุครอยต่อระหว่างเก่ากับใหม่น่ะค่ะ เพราะงั้นก็เลยจะให้คุณท่านรีไวใส่ชุดปกติ ส่วนคนอื่นๆก็กิโมโนไป (แน่นอนว่าต้องมีคุณรีไวเวอร์ชั่นฮากามะ) ส่วนลุคหนูเลนในเรื่องจะให้เป็นเด็กผู้ชายแต่ไว้ผมแบบเอเลนที่เป็นผู้หญิงน่ะค่ะ ผมยาวประบ่าและมัดครึ่งหัวทำทรงดังโงะแบบที่เห็นกันในแฟนอาร์ตทั่วไป(ที่อ.อิซาแกวาดนำมานั่นแล)

คืออันที่จริงฟิคเรื่องนี้ก็มีแรงบันดาลใจมาจากเพลงอีกแล้วค่ะ >w< มีคน(ชื่อน้องริยา) ส่งเพลงๆนึงมาให้เมื่อนานมาแล้ว ไม่รู้ทำไมตอนฟังครั้งแรกดันนึกถึงแต่เกาะชิโกกุกับสะพานเซโตะโอฮาชิ ง๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ก็เลย......นะ ไปฟังเพลงกันดีก่า คือคุณกวางไม่รู้เบยค่ะว่าเพลงนี้ชื่ออะไร(อ่านไม่ออก)และความหมายว่ายังไง ^ ^ แต่ชอบมากอ่ะ TTvTTbb








แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ >3<



5 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ14 สิงหาคม 2557 เวลา 00:56

    สุดยอดค่ะ ดราม่าเอยจงซับซ้อนยิ่งขึ้นจริงๆ เรื่องนี้ รอต่อนะคะ ภาษาลื่นดีค่ะ ไม่ติดขัดอะไร

    ตอบลบ
  2. อ๊าาา~~~กลับมาอีกทีนี่ตามอ่านไม่ทันเลยนะคะพี่กวาง
    //ของเรียกว่าพี่นะคะเพราะดูๆแล้วอายุเราน่าจะห่างกันมากพอดูฮะฮะฮะ//
    ชั่งเรื่องอายุมันเถอะมาถึงเรื่องฟิคกันบ้างเรื่องนี้นี่อิเนียนมันดาร์กสินะสินะ!!
    ต้องปะทะกันกะเฮียท่อนขาแบบตาต่อตาฟันต่อฟันแน่ๆ....อ๊าสงสารนู๋เอเลนจังต้องรับศึกสองด้าน
    เลยเหรอคะ???...ไม่อยากเสียน้ำตาให้นู๋เลนอีกแล้วน้าาาา!!
    //ในอะนิเมะก็รอบหนึ่งแล้วในมังงะก็ไปอีกรอบนี่ต้องมาเสียน้ำตาให้กับฟิคพี่กวางอีกรอบเหรอคะเนี้ย???//
    แต่ก็ยังอยากอ่านต่ออยู่ค่ะรีบๆกลับมาต่อไวๆน้าาาคนอ่านรออยู่จริงๆค่ะ
    และเมื่อไม่นานมานี้อิซายะกลับไปอ่าน.บันทึกของพี่ชายคนเล็ก,หิมะหยดน้ำความรัก,ดาวตก,ความทรงจำในคืนสีเทาแล้วก็ใต้เงาซากุระมาด้วยล่ะค่ะ,ซอมบี้เวอร์8059แล้วก็ลิปสติ้กด้วย
    //อารมณ์ประมาณว่าหวนคิดถึงวันเก่าๆอะไรประมาณนี้แหละคิดถึงแต่ไม่ได้ฝากเม้นไว้ต้องขออภัยด้วยค่ะ//
    แล้วก็กะว่าจะอ่านอีกหลายๆเรื่องสรุปที่มันจะสื่อก็คือ.....
    Blooming heart กะหิมะหยดน้ำความรักกะซอมบี้เวอร์รีเอนี่ยังรอตอนต่อไปอยู่นะคะพี่กวาง!!!
    ถึงแม้ว่าชาติหนึ่งจะโผล่หน้ามาทีก็เถอะแต่มันทำไมเรียกร้องอย่างงี้ฟร๊าาาา!!!!!
    ฮะฮะฮะ....เป็นกำลังใจอันน้อยนิดให้อีกคนนะคะสู้ๆๆๆๆๆ!!!!!
    Isayaaaaa!!!!!

    ตอบลบ
  3. พี่กวางค่า!!!!!!!!~~~~~~ หนูถึงกับกรี๊ดลั่นเลยค่ะ เจอฟิคแบบนี้ หาอ่านอยากมาก~~~~~ ตอนขึ้นเรื่องหนูก็เริ่มคิดถึงเรื่อง sengoku basara แล้วค่ะ แต่พอระบุว่า หนู(เอ)เรน กับหนูก๊ก อยู่ชิโกกุ...กรี๊ดแตกเลยค่ะ(นึกถึงBasaraอยู่แล้ว เจอชิโกกุเข้าไปอีก หน้าโจโซคาเบะ โมโตจิกะนี่ลอยมาเลยค่ะ) จะติดตามแบบเข้ามาทุกวันเลยค่ะ รีเอ AU แบบญี่ปุนๆไม่ค่อยมีให้อ่าน (ประจวบเหมาะกับช่วงที่ติดโมโตจิกะ กับ โมโตนาริอย่างแรง~)

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ26 มกราคม 2558 เวลา 00:10

    สวัสดีค่ะ พอเข้ามาอ่านเรื่องนี้แล้วมันรู้สึกกลิ่นของความดราม่านี่สาดกระจายเลยค่ะ
    พี่ชาย พี่ชาย พี่ชายของเจ้าคือใครกัน!!! ใช่อีตายามะหรือเปล่า 55555
    หนูก๊กนี่เหมาะกับเรื่องย้อนยุคมากเลยค่ะ
    ชุดเสื้อผ้าหน้าผม ใจนี่เต้นตุ้บๆ
    ยามะออกมานิดนึงแกน่าจะเลวสินะเรื่องนี้ ทำกับพี่ไวได้
    รีไวไม่ใช่คนที่ยอมใครหรอกนะท่านเหมือนท่านนั่นแหละ
    โอยยสนุกแล้วสินะคะ
    เอเลนโดนเต็มๆ
    คือเรื่องราวจะออกมาอิท่าไหน มีซึระมาอีก ><ชอบค่ะ

    ตอบลบ
  5. 555ตอนแรกแอบงงว่าเรนคือใครพออ่านไปมาอ้าวเอเลนน่ะเองแหะๆยังไม่ชิน...แค่อินโทรก้อยาวขนาดเน้แบ้วววแถมเมามันส์มากคาดว่าตอนแรกคงหนุกแน่ๆเเว้บไปอ่านต่อแม้จะโดนด่าให้เข้านอนได้แล้ว

    ตอบลบ