Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059] GLIDE : 15


Attack on Titan feat.KHR Au.Fic [Levi xEren , 8059]  GLIDE : 15

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           

         




เสียงนาฬิกาปลุกที่ดังข้ามมาจากบ้านอีกฝั่งทำให้นัยน์ตาสีขี้เถ้าปรือขึ้นมาน้อยๆ หัวรองทรงไถเกรียนครึ่งล่างผงกขึ้นมาจากหมอนก่อนจะมองผ่านผ้าม่านที่ปิดหน้าต่างกระจกบานใหญ่ไปยังบ้านอีกฝั่งที่เสียงนาฬิกาปลุกยังดังไม่ได้หยุด....วันนี้ก็เป็นเหมือนทุกวันที่เขาจะตื่นก่อนเจ้าของนาฬิกานั่น

ทั้งๆที่เพิ่งจะได้นอนไปไม่กี่ชั่วโมงเองแท้ๆ...

ใบหน้าคมที่ยังงัวเงียหันกลับมาสนใจร่างกายอุ่นๆที่นอนซุกอยู่ข้างๆ เส้นผมสีน้ำตาลที่โผล่พ้นผ้าห่มออกมาทำให้อดที่จะอมยิ้มไม่ได้ สองแขนกอดกระชับผิวเนื้อนิ่มก่อนจะจูบลงไปที่เส้นผมนั้นเบาๆแล้วละออกมา

“ เอเลน...”   เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ใบหูของคนที่ยังหลับสนิท ฝ่ามือตวัดผ้าผืนหนาออกไปเล็กน้อยเพื่อให้สามารถมองเห็นใบหน้าที่ยังหลับปุ๋ย ปลายจมูกยื่นเข้าไปคลอเคลียแก้มใสไล่ไปจนถึงซอกคอที่เต็มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบ

“ ตื่นได้แล้วไอ้เด็กเหลือขอ....”  ว่าแล้วก็ฝังรอยเพิ่มเข้าไปอีกรอย แต่คนที่เหนื่อยอ่อนกลับยังไม่ยอมลืมตาขึ้นมา มีเพียงเสียงอืออาแล้วก็เงียบไปอีก

“ วันนี้ต้องไปโรงเรียนไม่ใช่หรอ?”  เพราะยังเป็นช่วงกลางสัปดาห์และเขาเองก็ต้องไปแคนาดาแล้วเช่นกัน มือข้างหนึ่งสอดเข้าไปใต้เอวบางก่อนจะพลิกร่างของเจ้าคนขี้เซาให้นอนหงายพร้อมๆกับท่อนแขนอีกข้างที่ตลบผ้าห่มก่อนจะแทรกตัวเข้าไปคร่อมเอาไว้ คิ้วสีน้ำตาลขมวดเข้าหากันเมื่อถูกก่อกวนก่อนที่มันจะคลายออกเมื่อสติเตรียมจะเข้าสู่นิทราต่อ

ดูท่าทางเจ้าเด็กนี่จะไม่ยอมตื่นแน่ๆ....

ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจึงทิ้งตัวลงไปทาบทับจนร่างกายที่กอดรัดกันมาทั้งคืนแนบสัมผัสแทบทุกส่วนอีกครั้ง กลิ่นหวานๆยังคงลอยคลุ้งอยู่ทั่วห้อง ปลายจมูกดอมดมไปที่ซอกคอระหงก่อนจะกดจูบลงไปอย่างไม่รู้เบื่อ

ร่างกายของเด็กนี่เป็นร่างกายที่ดีจริงๆ....เพราะไม่ว่าจะสัมผัสสักกี่ครั้งมันก็ยังไม่พอ...มีแต่จะยิ่งต้องการมากขึ้น มากขึ้น มากเสียจนเขายังหวั่นใจในความต้องการของตัวเอง....มันน่ากลัวไปหรือเปล่านะ....ถ้าเขาจะบอกว่าเขาสามารถอยู่บนเตียงกับเด็กนี่ได้ทั้งวันทั้งคืน ทั้งสัปดาห์ หรือแม้แต่ทั้งเดือน...


…Fushigi na mahou kakete…yogoreta doresu kisete….


เสียงโทรศัพท์ทำให้ใบหน้าที่ยังคลอเคลียอยู่ที่ซอกคอของคนหลับละออกไปมองตามกองเสื้อผ้าที่ถูกโยนไว้ระเกะระกะ เพื่อจะควานหามันเขาจึงจำต้องขยับออกมาจากร่างโปร่งบาง มือกดรับก่อนจะขยับมานั่งพิงหัวเตียงเอาไว้ ร่างกายท่อนล่างยังอยู่ในผ้าห่มและเพราะว่าความอบอุ่นมันหายไปเด็กนั่นจึงขยับเข้ามาหาทั้งๆที่ตายังปิดสนิท

" มีอะไร?"   เสียงเอ่ยออกไปห้วนๆต่อให้ปลายสายจะเป็นถึงทีมบอสก็ตาม

" วันนี้นายกับโกคุเดระยังไม่ต้องไปแคนาดานะ ไปพรุ่งนี้พร้อม F14T เลยก็แล้วกัน"   มือลูบเส้นผมสีน้ำตาลของคนที่ซุกตัวอยู่ข้างๆอย่างไม่ได้คิดอะไรกับสิ่งที่ปลายสายบอกมา...ไม่จำเป็นต้องรู้เหตุผล...เพราะเอลวินจะเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้กับอนาคตของเฟอร์รารี่อยู่แล้ว

" อื้อ"   เขาตอบรับสั้นๆก่อนจะวางสายไป....ถ้าอย่างงั้นวันนี้เขาก็ว่าง?

“ โฮ่ย...ตื่นได้แล้วไอ้เด็กเหลือขอ...”  คราวนี้เขาดึงผ้าห่มออกจากร่างกายเปลือยเปล่า ความหนาวเย็นทำให้ร่างกายที่เต็มไปด้วยรอยแดงกับคราบช็อกโกแลตที่ยังเหลืออยู่นิดหน่อยเริ่มขยุกขยิก เสียงอืออางึมงำเบาๆพร้อมๆกับนัยน์ตาสีมรกตที่ค่อยๆเปิดขึ้นอย่างสลึมสะลือ ใบหน้ามนเงยขึ้นมามองเขาก่อนจะซุกลงไปที่ต้นขา ทำราวกับว่ากำลังอ้อนขอโดดเรียนยังไงอย่างงั้น

“ จะลุกดีๆหรือว่าจะต้องให้ชั้น ปลุกมากกว่านี้?”  เขาก้มลงไปกระซิบที่ใบหูบางด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์.....ถึงอยากจะตามใจแค่ไหนแต่ยังไงเขาก็ต้องคิดถึงอนาคตของเด็กนี่ด้วย

“ อื้อ....ตื่นแล้ว...ก็ได้....”  ใบหน้ามนรีบตอบกลับมาก่อนจะอ้าปากหาวหวอด ร่างโปร่งบางพยายามจะลุกขึ้นแต่ดูท่าว่าผลตกค้างของเมื่อคืนจะมีไม่ใช่น้อย...เพราะงั้นแค่ขยับ....ร่างกายก็เหมือนจะวูบไป...เรี่ยวแรงที่ถูกสูบจนไม่มีเหลือทำให้สั่นนิดๆอย่างช่วยไม่ได้

สายตาคมกริบมองอาการของคนข้างๆอย่างนึกห่วง...สงสัยจะลุกเองไม่ไหวแน่...ท่อนแขนแข็งแรงจึงสอดเข้าไปใต้ขาก่อนจะอุ้มขึ้นมาแล้วพาไปห้องน้ำ...เพราะไม่ได้ใส่เสื้อผ้าจึงไม่ต้องเสียเวลาถอด ร่างโปร่งบางจึงถูกวางลงไปในอ่างอาบน้ำได้เลย

“ รีบๆอาบน้ำ เดี๋ยวชั้นไปส่งที่โรงเรียน”

“ เอ๋? คุณรีไวไม่ต้องไปแคนาดาแล้วหรอครับ?”

“ ไปพรุ่งนี้”

“ ครับ”

“ อาบเองได้หรือเปล่า?” 

“ ดะ ได้ครับ...”

“ หึ....ที่ตั้งใจจะถามคือ...เอาออกเองได้หรือเปล่าต่างหาก?”

“ ได้ครับ!

ได้ยินเสียงบ่นเป็นหมีกินผึ้งอยู่หลังบานประตูห้องน้ำท่ามกลางรอยยิ้มของเขา มือก้มลงไปเก็บเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่รอบห้องขึ้นมาโยนลงตะกร้าอย่างอารมณ์ดีก่อนที่จะมาหยุดยืนอยู่หน้าเตียง ที่จริงก็แค่ตั้งใจจะคลุมมันให้เรียบร้อยแต่พอเลิกผ้าห่มขึ้นมาร่องรอยที่เหลืออยู่ก็ทำให้เขาต้องเปลี่ยนใจ....เพราะผ้าปูสีแดงเลือดนกที่ยับยู่ยี่นั้นมีแต่รอยช็อกโกแลตกับคราบสีขาว...แบบนี้คงซักไม่ไหวแน่...สงสัยคงต้องซื้อใหม่...








ร่างโปร่งบางเดินเหมือนคนหมดแรงออกมาจากบ้านฝั่งซ้าย ใบหน้ามนเหม่อลอยเหมือนคนยังไม่ค่อยจะตื่นดี มือพับแขนเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกเข้ารูปที่พอดีตัวเขาอย่างไม่น่าเชื่อ รู้สึกว่าคุณรีไวจะไปยืมเสื้อของ โกคุเดระ ฮายาโตะ มาให้ แล้วในขณะที่ริมฝีปากเริ่มจะบ่นอุบอิบจากร่างกายที่เมื่อยล้า ว่าคนที่ทำให้มันเป็นแบบนี้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหนมากมาย อายุก็น้อยๆเสียที่ไหน...นัยน์ตาก็เหลือบไปเห็นเจ้าของเสื้อเข้าพอดี

ระหว่างบ้านทั้งสองฝั่งจะมีอาคารเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชื่อมอยู่ ถ้ามองตามผังมันก็คือก้นตัว U นั่นเอง

ผนังด้านที่ติดเฉลียงไม้เป็นกระจกทั้งผืนทำให้มองเห็นได้ว่าข้างในมันคือห้องออกกำลังกายซึ่งเต็มไปด้วยอุปกรณ์ราวกับอยู่ในฟิตเนส เพราะถึงแม้เจ้าของบ้านทั้งสองคนจะไม่ได้ร่างกายสูงใหญ่หรือดูเหมือนนักกีฬาทั่วไป แต่ขึ้นชื่อว่านักแข่งรถย่อมต้องมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ไม่งั้นจะรับความเร็วกว่า 300 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ยังไง...นั่นมันความเร็วระดับชินคันเซ็นเลยนะ

แล้วตอนนี้ร่างบอบบางของนักขับมือสองของทีมม้าลำพองก็กำลังวิ่งอยู่บนลู่วิ่งในห้องออกกำลังกายที่ว่า

จังหวะการก้าวขาที่สม่ำเสมอทำให้ปลายผมสีเงินขยับขึ้นลงและมันยิ่งส่งประกายเมื่อต้องแสงแดดยามสายที่ส่องผ่านประตูกระจกซึ่งเปิดเอาไว้ มือขาวผ่องบางคว้าผ้าขนหนูที่พาดคออยู่มาซับใบหน้าที่มีเหงื่อเกาะน้อยๆ ความระยิบระยับราวกับไม่ใช่คนบนโลกทำให้เขาถึงกับหยุดยืนมอง...สะกดสายตาได้แบบนี้ก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมถึงมีหมีบาดเจ็บมานอนเฝ้าอยู่ใกล้ๆ....คุณรีไวดูแลเด็กคนนั้นมาได้อย่างยอดเยี่ยมจริงๆ ดูไม่รู้เลยว่าเป็นดอกไม้ที่อยู่ในโคลนตมมาก่อน

“ อ๊ะ?!!  อะไรบางอย่างที่จับหมับมาที่ก้นของเขาทำให้สะดุ้งโหยงก่อนจะอุทานออกไปอย่างตกใจ และเมื่อหันไปมองมันก็ไม่ใช่อะไรนอกจากมือของผู้ปกครองของโกคุเดระนั่นเอง

“ คิดจะนอกใจชั้นรึไง?”  ใบหน้าคมขยับเข้ามากระซิบที่ใบหูด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะเดินนำไปที่โรงจอดรถ

“ โธ่....ใครจะไปคิดแบบนั้นละครับ...”   ใบหน้ามนทำแก้มป่องก่อนจะบ่นแล้วเดินตามไป แต่ยังไม่ทันจะเดินพ้นห้องออกกำลังกาย ใบหน้าสวยของโกคุเดระก็ยื่นออกมาพร้อมบอกกับคุณรีไวว่า

“ รีไว...ชั้นจะใช้ F12นะ” 

“ หึ....ไอ้หมีถึกหน้าด้านหน้าทนแบบนั้นที่จริงให้มันโต้ลมไปก็ไม่ตายง่ายๆหรอก”   คนเป็นผู้ปกครองยักไหล่...อ๋อ...ที่โกคุเดระ ฮายาโตะ เอารถคุณรีไวไปใช้ก็เพราะมีคนป่วยนั่งไปด้วย? แต่ California มันก็ปิดประทุนได้ไม่ใช่หรือไง? แต่พวกเฉยชาต่อโลกอย่างเด็กคนนั้นก็คงจะขี้เกียจละมั้ง?






ถึงจะพูดจาไม่ได้น่าฟังแต่คุณรีไวก็ยังยอมทำตามคำขอร้องของโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่ดี มือแข็งแรงเสียบกุญแจ F12 Berlinetta คาเอาไว้ให้ก่อนที่ตัวเองจะเดินไปยังรถอีกคัน

เอ๋?

ไม่ใช่แหะ...เพราะร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครคนนั้นเดินเลยไปยังห้องเก็บของที่อยู่อีกฟากหนึ่งของที่จอดรถแทนที่จะเป็นรถอีกสามคันที่จอดรออยู่

แล้วที่เขาคิดมาตลอดว่ามันเป็นแค่ห้องเก็บของมันก็ทำให้เขารู้ว่าเขาคิดผิด...เพราะสิ่งที่คุณรีไวจูงออกมามันคือรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่....ห้องนั่นก็เป็นโรงจอดรถเหมือนกัน!

นัยน์ตาสีมรกตไล่มอง YAMAHA R1 RZF สีดำ-แดงเลือดนกที่อยู่ตรงหน้า ความรู้สึกตอนที่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์คันใหญ่แบบนี้เป็นครั้งแรกหวนกลับคืนมาซึมซาบอยู่บนร่างกาย ถึงจะเป็นช่วงเวลาเพียงชั่วพริบตาแต่เขาก็ยังจำได้ดีว่าแผ่นหลังของคุณรีไวนั้นอบอุ่นขนาดไหน และชั่ววินาทีนั้นเขาก็ตกหลุมรักมันอย่างถอนตัวไม่ขึ้น...

“ จะได้ตื่นเต็มตา”   นักขับมือหนึ่งของทีมเฟอร์รารี่ก้าวขาคร่อมเบาะสีดำด้วยท่าทางอารมณ์ดี

“ โธ่...ผมตื่นแล้วนะ”  ร่างโปร่งบางขยับเข้าไปใกล้ก่อนที่มือแข็งแรงจะยื่นหมวกกันน็อคมาให้

“ ใส่ซะ”   ใบหน้ามนก้มมองหมวกกันน็อคในมือด้วยสายตาเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่แล้วจู่ๆริมฝีปากสีระเรื่อก็เอ่ยออกมา

“ ไม่ใส่...ไม่ได้หรอครับ...”  นัยน์ตาสีขี้เถ้าจึงมองอีกฝ่ายอย่างสงสัย เด็กนั่นมันคิดอะไรอยู่? ขี่มอเตอร์ไซค์ไม่ใส่หมวกกันน็อคมันอันตรายไม่ใช่หรือไง?

“ คุณคงไม่ทำผมตกลงไปใช่ไหมล่ะครับ....อีกอย่าง...ผมก็.....”  ใบหน้ามนก้มลงด้วยสองแก้มขึ้นสีน้อยๆ ปกติก็คิดอะไรไม่ค่อยจะเหมือนใครอยู่แล้วมันเลยทำให้เขาคาดคั้นเพราะอยากรู้ว่าคราวนี้จะทำอะไรแผลงๆอีก

“ ก็ ?”  เขาจ้องมองใบหน้าที่เสไปมาด้วยความอายแล้วในที่สุดริมฝีปากช่างเจรจาก็ยอมเปิดเผยมันออกมาจนได้

“ ก็.....อยาก........เอาหน้าซบที่หลังคุณ......”  ไม่รู้กี่ครั้งแล้วกันนะที่เขาโดนหมัดฮุคจากถ้อยคำที่ตรงไปตรงมานั่นจนหัวใจแกว่งไป เขายกมือขึ้นมากุมใบหน้าก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ...ดื้อก็เท่านั้น ทั้งรั้นทั้งทำแต่เรื่องน่าอาย...แต่ก็เพราะคำบอกรักที่ออกมาจากปากง่ายๆนี่แหละที่มัดใจเขาจนหนีไปไหนไม่ได้

“ หึหึ.....ตามใจ...”

“ อะไรล่ะ? อย่าหัวเราะผมนะ! ก็เห็นในหนังมันดูรู้สึกดีนี่นา....”   จะทำตามในหนังหรืออะไรก็ช่างเถอะ ยังไงเขาก็ได้กำไร ปลายเท้าในรองเท้าบูทสีดำเขี่ยขาตั้งขึ้นก่อนจะรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของคนที่ซ้อนอยู่ข้างหลัง ฝ่ามือบางโอบมารอบเอวแล้วกอดเขาเอาไว้

เสียงทุ้มต่ำของเครื่องยนต์ดังกระหึ่มก่อนที่วงล้อที่ใหญ่กว่ามอเตอร์ไซค์ทั่วไปมากจะค่อยๆหมุนและเมื่อมันแตะถนนลาดยางมะตอยสีเข้มความเร็วที่เพิ่มขึ้นก็ทำให้แผ่นหลังยิ่งรู้สึกอบอุ่น สองแขนผอมบางกอดกระชับมามากขึ้น ทั้งลำตัวทั้งใบหน้าที่ซบอยู่ราวกับจะช่วยเยียวยารักษาบาดแผลบนแผ่นหลังให้หายไป...ราวกับจะช่วยลบเลือนอดีตอันโหดร้ายให้กลายเป็นแค่ความฝัน...เขาเพิ่งรู้...ว่าการขี่มอเตอร์ไซค์มันจะรู้สึกดีได้ขนาดนี้...





YAMAHA R1 RZF แวะจอดที่ข้างทางซึ่งมีเพียงถนนที่ว่างเปล่ากับเหล่าต้นไม้ใหญ่โอบล้อมเอาไว้ ความเขียวขจีทำให้จิตใจปลอดโปร่งจนอารมณ์ดี...แล้วยิ่งมีคนรักอยู่ด้วยกันถึงมันจะไม่ใช่สถานที่อันเลิศหรูแต่ก็มีความสุขจนคนทั้งโลกต้องอิจฉา

ร่างโปร่งบางก้าวขาลงไปจากท้ายมอเตอร์ไซค์ปล่อยให้ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครนั่งพิงมันเอาไว้ ถุงใส่แซนวิชที่แวะซื้อถูกหยิบออกมาก่อนจะผลัดกันกัดคนละคำ ทั้งรอยยิ้ม ทั้งเสียงหัวเราะ ทั้งปลายนิ้วที่เช็ดเศษขนมปังให้ มันคือสิ่งที่พวกเขาจะจดจำไปจนวันตาย

จะฝังมันให้ลึกสุดใจว่าครั้งหนึ่งพวกเขาเคยรักกันมากขนาดไหน...





เพราะทั้งแวะพัก ทั้งขับอ้อม ทำให้กว่าจะมาถึงโรงเรียนก็ได้เวลาเข้าห้องพอดี

ร่างโปร่งบางลงมายืนอยู่ข้างๆมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ สองมือไพล่หลังเอาไว้ก่อนจะยื่นใบหน้ายิ้มแย้มเข้าไปหาคนที่ยังนั่งคร่อมอยู่บนเบาะ มือแข็งแรงยื่นมาบีบจมูกรั้นโยกไปมาอย่างนึกหมั่นเขี้ยวก่อนที่ปลายนิ้วจะเกลี่ยเส้นผมสีน้ำตาลที่ถูกลมพัดจนยุ่งให้เข้าที่เข้าทาง

“ ฮิ...เพิ่งเห็นว่าเราใส่เสื้อเหมือนกันเลยนะครับ...”  ก็เพราะมันเป็นชุดลำลองของเฟอร์รารี่ที่รีไวไปยืมโกคุเดระมาให้นั่นแหละ มันถึงได้เหมือนกัน

“ เดี๋ยวตอนบ่ายชั้นมารับ” 

“ ครับ แล้วเจอกันนะครับ”   ร่างโปร่งหันมาโบกมือให้ก่อนจะวิ่งหายเข้าไปในรั้วโรงเรียน นัยน์ตาสีขี้เถ้าได้แต่เฝ้ามองแผ่นหลังดื้อดึงนั้นจนลับสายตา ในใจคิดเพียงแต่ว่า...ถ้าวันเวลาแห่งความสุขนี้คงอยู่ตลอดไปก็คงจะดี...






วันเวลาแห่งความสุข...จะเรียกแบบนั้นก็คงจะใช่

แต่มันก็ไม่ได้สงบซะทีเดียว...








BMW 5-Series Sedan ที่ดูจะธรรมดาสุดในบรรดารถที่จอดเรียงกันอยู่ในบ้านกลางเขตอุทยานของมาราเนลโลกลับมีความจำเป็นที่สุดเมื่อคนทั้งบ้านจะต้องไป “ด้วยกัน” เพราะมันเป็นรถเพียงคันเดียวที่นั่งได้สี่คน

และตอนนี้เจ้ารถสีดำก็กำลังจอดอยู่ที่หน้าโรงเรียน...

จริงอยู่ที่นักเรียนคนอื่นๆอาจจะคุ้นตากับภาพเฟอร์รารี่สีแดงสดที่จะมาจอดรอ เอเลน เยเกอร์ อยู่หน้าประตูรั้ว แต่สำหรับ BMW สีดำที่ทำให้นึกถึงพวกมาเฟียนั้นทำยังไงก็คงไม่ชินไปได้ง่ายๆแน่ แล้วยิ่งสองคนที่นั่งอยู่หน้ารถก็มีแต่จะทำให้ใครต่อใครหันไปมอง ปกติแค่รีไวแห่งทีมเฟอร์รารี่ก็มีแต่คนสนใจอยู่แล้ว คราวนี้ยังมีร่างบอบบางของนักขับมือสองแห่งทีมม้าลำพองมาด้วยกัน มันเลยยิ่งทำให้เกิดเสียงฮือฮาได้ไม่ยาก

แต่ก็ดูเหมือนคนที่นั่งอยู่ที่เบาะหน้าจะชินกับเรื่องแบบนี้ ใบหน้าเฉยชากับใบหน้านิ่งสนิทจึงไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับผู้คนที่ต่างก็เหลียวหลังกลับมามอง  นัยน์ตาทั้งสองคู่จับจ้องไปที่ร่างโปร่งบางซึ่งกำลังวิ่งตรงมาทางนี้เพราะคงจำได้ว่ารถคันนี้เป็นของใคร

“ ชั้นไปนั่งหลังแล้วกัน”  โกคุเดระที่นั่งอยู่เบาะข้างคนขับเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ในขณะที่มือบางกำลังจะเปิดประตูแล้วเตรียมจะก้าวขามานั่งที่เบาะหลัง เสียงเข้มงวดของคนที่กุมพวงมาลัยก็เอ่ยออกมาราวกับกำลังคิดอะไรอยู่

“ เดี๋ยวก่อนฮายาโตะ.......”  ใบหน้านิ่งสนิทครุ่นคิดก่อนจะหันมามองร่างสูงใหญ่ซึ่งนั่งสบายๆอยู่บนเบาะหลังตามลำพัง

“ หื๋อ?”  ใบหน้าสวยหันไปมองผู้ปกครองอย่างสงสัย แล้วสิ่งที่รีไวพูดออกมาก็ทำให้ใบหน้าคมถึงกับหลุดหัวเราะตามประสาคนอารมณ์ดี

“ แกกับเอเลนไปนั่งหลัง แล้วให้ไอ้หมีนั่นมานั่งหน้า จะได้อยู่ในสายตา”  ก็แค่ไม่อยากให้เขากับโกคุเดระนั่งด้วยกัน?

“ ฮะ ฮะ ฮะ”  มือใหญ่ยกขึ้นเกาท้ายทอยอย่างไม่ได้รู้สึกโกรธเคืองอะไร...ก็นะ...มีลูกชายน่ารักจะหวงขนาดนี้ก็ไม่น่าแปลกใจหรอก ร่างสูงใหญ่สลับที่นั่งกับร่างบอบบางแล้วไม่นานคนที่วิ่งกระหืดกระหอบก็มาถึง

“ กำลังจะไปไหน...กันหรอครับ?”  ร่างโปร่งบางก้าวขาเข้ามานั่งในรถด้วยใบหน้าที่ยังงงๆเพราะไม่คิดว่าคุณรีไวจะมากับสองคนนี้

“ จะไปซื้อโซฟา....”   เสียงราบเรียบที่ตอบกลับมาเป็นเสียงของโกคุเดระ ฮายาโตะ ที่ไม่เคยพูดเกินสิบคำจนทำให้ร่างสูงใหญ่ที่นั่งอยู่บนเบาะหน้าต้องอธิบายออกมาแทน

“ เริ่มแรกชั้นกับโกคุเดระจะไปซื้อโซฟา แต่พอคุณพะ อ่า...คุณรีไวเห็นเข้าก็เลยตามมาขัดขวาง...เอ่อ...ตามมาด้วยน่ะ”  คำพูดที่เหมือนจะหลุดความจริงออกไปอย่างตั้งใจจะกวนประสาททำให้เส้นเลือดบนขมับของนักขับมือหนึ่งกระตุกถี่ยิบ

“ ชั้นจะไปซื้อผ้าปูที่นอน! แล้วอีกอย่างปล่อยให้ไปกับหมีวายร้ายอย่างแกมันก็ไม่น่าไว้ใจ ชั้นเลยต้องไปด้วย...จะว่าไปแล้ว...แกต่างหากที่จะไปทำไม?...ในเมื่อนั่นมันเป็นโซฟาในบ้านของชั้น...ให้เจ้าฮายาโตะไปเลือกกับชั้นซึ่งจะไปซื้อผ้าปูที่นอนอยู่แล้วก็ได้นี่?”   ใบหน้าทะมึนหันมาจิกกัดคนที่นั่งอยู่บนเบาะข้างๆกัน แต่ดูท่าว่าเจ้าคนที่ถูกตราหน้าว่าหมีวายร้ายนั่นจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับรังสีอำมหิตที่อีกฝ่ายส่งให้เลยสักนิด ใบหน้าแย้มบานราวกับดอกทานตะวันยังคงหาเหตุผลข้างๆคูๆมาสู้จนได้

“ เอ๋? ก็ผมเป็นคนจ่ายตังค์อ่ะ ก็ต้องไปดูสิ อีกอย่างคนที่ต้องนอนบนโซฟานั่นมันก็ผมนะ ถ้าไม่ไปลองนอนเดี๋ยวโกคุเดระซื้อแบบสั้นมาก็เมื่อยขาแย่” 

“ แกเป็นคนทำโซฟาเปื้อนเลือดจนล้างไม่ออก แกก็ต้องเป็นคนจ่ายค่าโซฟาใหม่มันก็ถูกแล้ว! แล้วก็โซฟานะไม่ใช่เตียง ไสหัวกลับไปนอนที่บ้านแกสิ!”  ดูเหมือนนักขับมือหนึ่งจะไม่เคยรับมือตัวเนียนที่เนียนขนาดนี้มาก่อน เพราะปกติแล้วคนที่มาเกาะแกะเด็กในปกครองของตน แค่เจอฝ่าเท้ากระทืบไปทีเดียวก็หนีหัวหด เพิ่งเคยเจอคนที่มันหน้าด้านหน้าทนขนาดนี้เป็นครั้งแรก เพราะงั้นยิ่งคุยกันคิ้วสีดำก็ยิ่งเต้นด้วยความหงุดหงิด

“ เอ๋? แต่ผมโดนพักงานเพราะช่วยพาโกคุเดระหนีนะ ไม่มีที่ไปแล้วด้วยละ คิดดูสิ ขนาดหมียังมีสวนสัตว์ให้กลับแต่ผมไม่มีที่ไหนให้ไปนอกจากที่นี่ น่าสงสารออกเนอะ” 

“ อย่ามาตอแหล! มาเฟียอย่างแกคงมีบ้านเล็กบ้านน้อยซุกเอาไว้มากมายละสิ! รึจะให้ชั้นโทรบอกเอลวินให้ฝากแกไว้ในสวนสัตว์ด้วยดี?! ห๊ะ?!   ก็ยังคงสงสัยต่อไป...ว่าเอลวิน สมิธ ทำมาหากินด้วยอาชีพอะไรกันแน่...

“ หว๋า~~ ใครจะไปอยู่กับหมีสกปรกๆพวกนั้นได้...อีกอย่าง บ้านเล็กบ้านน้อยอะไรไม่มีหรอกน่า...ผมมีโกคุเดระคนเดียว...เนอะ!”  ไม่ว่าเปล่า ใบหน้าคมยังหันมาเนอะใส่ร่างบอบบางซึ่งนั่งอยู่เบาะหลัง ท่าทางกวนประสาททำเอามือที่จับพวงมาลัยถึงกับตรงมากระชากคอเสื้อ

“ แก....” 

“ เอ่อ...อ่า....คุณรีไวจะไปซื้อของที่ไหนหรอครับ?”   ร่างโปร่งบางเห็นท่าไม่ดีเลยรีบห้ามทับด้วยการเปิดประเด็นไปเรื่องอื่น...ทั้งๆที่ตัวต้นเหตุยังนั่งกอดอกเหม่อมองท้องฟ้านอกหน้าต่างอย่างไม่สนใจว่าพ่อกับสามีจะตีกันตายเลยสักนิด...ลำตัวโปร่งชะโงกไปแยกทั้งสองคนออกจากกัน...วันนี้จะได้โซฟาไหมเนี่ย? ดีไม่ดีโซฟาตัวใหม่ก็อาจจะเปื้อนเลือดก่อนจะถูกส่งมาถึงบ้านก็ได้นะ

“ โกคุเดระ~~”  เอเลนหันไปขอความช่วยเหลือจากร่างบอบบางเมื่อแรงตัวเองไม่พอจะห้ามสองคนข้างหน้า ใบหน้าสวยที่ล้อมกรอบด้วยเส้นผมสีเงินจึงถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ หุบปาก...หมีที่ไหนพูดฉอดๆแบบนี้”  มือบางเอื้อมไปดึงหูของร่างสูงใหญ่ราวกับอีกฝ่ายไม่ใช่เพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่ ใบหน้าคมร้องโอดโอยอย่างไม่ได้ดูน่าสงสารเลยสักนิด...และเพราะแบบนั้นแหละ BMW สีดำถึงเคลื่อนที่ได้สักที




แต่ก็ยังมิวาย...



“ นี่มันรถหรือเต่าเนี่ย?”

“ อ่า...ขอโทษนะครับที่มันไม่แรงเท่าเฟอร์รารี่...แต่ถ้าโกคุเดระจะเอาไปบดขยะจนพังเป็นคันๆ ผมก็ต้องใช้รุ่นนี้ละจะได้ซื้อใหม่ได้เท่าที่ต้องการ”

สองคนข้างหน้ายังคงคุยกันมันหยดไปตลอดทางจนคนที่นั่งข้างหลังได้แต่ยิ้มแห้ง...ใบหน้ามนหันไปมองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ...หัวสีเงินเอนพิงเบาะหลับนิ่งไปนานแล้ว...พอไม่ได้เป็นคนขับเลยไม่รู้จะทำอะไรหรือเป็นเพราะว่าคุณรีไวเป็นคนขับกันนะ โกคุเดระ ถึงได้หลับตาอย่างสบายใจได้แบบนี้...

ใบหน้ามนอมยิ้มน้อยๆก่อนจะเหม่อมองท้องฟ้าใส ถึงคุณรีไวกับ ยามาโมโตะ ทาเคชิ จะดูไม่ค่อยชอบขี้หน้ากัน แต่มันก็มีไม่กี่คนหรอกนะที่คุณรีไวจะหาเรื่องและต่อล้อต่อเถียงด้วยมากขนาดนี้...ปกติถ้ารำคาญหรือไม่สนใจก็จะลงไม้ลงมือทันทีไม่ก็เมินใส่แบบที่เขาเคยโดนในตอนแรกๆ

“ หึหึ....”  ริมฝีปากสีระเรื่อพยายามกลั้นหัวเราะ...บรรยากาศแบบนี้...เหมือน “ครอบครัว” เลยไม่ใช่หรือไง


ครอบครัวที่มีเรา 4 คน....

ครอบครัวที่กำลังไปเที่ยวด้วยกันในวันหยุด....

ครอบครัว...ที่เขาอยากสร้างให้คุณรีไว....

ครอบครัว...ที่มีไว้ให้กลับมา....


หัวใจที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นทำให้เปลือกตารู้สึกหนักๆขึ้นมา ความรู้สึกสุขใจและปลอดภัยทำให้หลับตาลงได้ไม่ยาก...ถ้าหากอยู่ในครอบครัวนี้...ก็คงไม่มีอะไรต้องกลัว....




แชะ!


เสียงกล้องถ่ายรูปจากโทรศัพท์มือถือทำให้นัยน์ตาขี้รำคาญซึ่งจับจ้องอยู่ที่ถนนเหลือบไปมองไอ้คนที่นั่งอยู่ข้างๆ


แชะ!! แชะ!! แชะ!!!


ด้วยความสงสัยว่าไอ้หมีบ้านั่นมันถ่ายรูปอะไร นัยน์ตาจึงเหลือบมองกระจกหลังก่อนที่ภาพซึ่งทำให้เผลอยิ้มจะปรากฏแก่สายตา...

ดวงตาสีมรกตทั้งสองคู่ต่างหลับพริ้ม หัวสีเงินกับหัวสีน้ำตาลเอนพิงกันอยู่ที่เบาะหลัง แล้วทั้งสองคนก็ดันอยู่ในชุดลำลองของเฟอร์รารี่เหมือนกันมันเลยเหมือนกับตุ๊กตาฝาแฝด...ช่างเป็นภาพที่น่าเอ็นดูและทำให้รู้สึกมีความสุขอย่างบอกไม่ถูก...และมันคงจะมีความสุขมากกว่านี้ถ้าไม่มีไอ้หมีควายตัวดำๆนี่มากดถ่ายรูปแชะๆอยู่ข้างๆ!

“ โฮ่ย ไอ้หมีเหลือขอ...ใครอนุญาตให้แกถ่ายรูปแฟนชั้น...”

“ เอ๋? แต่นั่นมันก็แฟนผมเหมือนกัน”   คำพูดคำจามันน่าย้ายปลายเท้าจากคันเร่งมาเหยียบที่หน้าเนียนๆของมันแทนจริงๆ!

“ ห๋า? แกว่าใครแฟนแกนะ? ถ้าชั้นไม่อนุญาตก็อย่าหวัง!

“ ใจร้าย~~  ร่างสูงใหญ่ทำหูลู่หางตก

“ จะบอกให้ว่ามันน่ากระทืบมากกว่าน่าสงสารนะ...แล้วก็...ส่งรูปนั่นมาให้ชั้นด้วย”

“ คร้าบ..."

" อ่ะ....จริงสิ....”  ร่างสูงใหญ่ทำท่าเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้ ก่อนที่มือจะควานหาของบางอย่างในที่เก็บของหน้ารถ


แล้วกล้องโพราลอยด์ก็ถูกหยิบขึ้นมา...


" คุณพะ...อ่า...คุณรีไวขับรถไปนิ่งๆนะ..."  เลนส์กล้องหันมาส่องด้านในรถก่อนที่ร่างสูงจะยื่นตัวเข้าไปในเฟรม

ริมซ้ายมีใบหน้าโหดๆของนักขับมือหนึ่งแห่งทีมเฟอร์รารี่ ถัดมาเป็นสองคนบนเบาะหลังที่ยังหลับพริ้ม และริมอีกข้างคือผู้พิทักษ์พิรุณของวองโกเล่


แชะ!


ถึงมันจะเป็นภาพที่แปลกประหลาดด้วยคนทั้งสี่ที่ไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้....แต่มันก็คือภาพของครอบครัวเพียงหนึ่งเดียว

คืออีกภาพ...ที่จะเข้าไปอยู่ในกรอบรูปอันว่างเปล่าเหล่านั้น...







BMW 5-Series Sedan จอดลงในย่านแบรนด์เนมของโบโลญญ่า ร้านรวงหน้าตาหรูหราถูกปรับเปลี่ยนให้เข้ากับอาคารเก่าสไตล์เรเนอซองส์ได้อย่างลงตัว และเพราะเป็นย่านที่สินค้ามีราคาสูง ผู้คนจึงไม่พลุกพล่านเหมือนย่านอื่นๆ

ร่างทั้งสี่เดินไปตามทางเดินริมถนนที่ร่มรื่นไปด้วยต้นไม้ใหญ่ ผนังสีอิฐของอาคารกับหลังคากระเบื้องคงไว้ซึ่งมนต์สเน่ห์ในแบบอิตาลีอย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง หลายบลอคเชื่อมต่อกันด้วยคอร์ตเล็กๆ ร้านกาแฟหลายๆร้านต่างก็จัดเก้าอี้กลางแจ้งเอาไว้ให้นั่งพักหลังจากการช็อปปิ้ง

และเพราะทั้งสี่เป็นผู้ชายจึงไม่ได้ละเอียดอ่อนอย่างการหาข้อมูลก่อนที่จะมาซื้อของนัก ยิ่งของอย่างเฟอร์นิเจอร์ก็ยิ่งเป็นอะไรที่ไม่เคยมีอยู่ในหัว...เพราะงั้นคนที่ต้องเดือดร้อนก็คงจะไม่พ้น...

“ เอลวิน....ชั้นกำลังเดินอยู่ที่ย่านหรูๆในโบโลญญ่า...แล้วจะหาร้านเฟอร์นิเจอร์ได้ที่ไหน?”   เสียงนิ่งถูกกรอกใส่โทรศัพท์มือถือของคนที่อายุมากที่สุดในกลุ่ม

“ ช็อปเฟอร์รารี่มันมีโซฟาขายด้วยหรือไง? เออ! จะซื้อโซฟา!”   ดูท่าทางว่าปลายสายก็จะโยนไปช็อปเฟอร์รารี่ยันเหมือนกัน...ใบหน้ามนของคนที่เด็กที่สุดมองหน้าของคนรักด้วยรอยยิ้มละเหี่ยใจนิดๆ...ตกลงมาถึงนี่แต่คุณรีไวไม่รู้เลยสินะว่าจะไปหาซื้อโซฟาได้ที่ไหน...

“ บลอค 5 นะ...อือ...โทรไปบอกไว้เลยว่ากำลังจะไป”   น่าน....สมเป็นผู้จัดการจริงๆ...ดูเหมือนปลายสายจะจัดการได้หมดตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ!

และเมื่อจบการสนทนากับปลายสาย ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครก็ก้าวขาฉับๆเดินนำไปยังร้านเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นซึ่งแทรกตัวอยู่ในย่านนี้ได้อย่างแนบเนียน...แล้วก็ไม่ต้องสงสัยเลยว่าราคาจะแพงหูฉี่ขนาดไหน...ไม่รู้ว่าคุณรีไวจงใจจะแกล้งยามาโมโตะ ทาเคชิ คนที่ต้องจ่ายค่าโซฟาหรือว่าไม่เคยสนใจเรื่องราคาของกันแน่ถึงได้พามาย่านที่ไม่ค่อยมีคนพลุกพล่านน่ารำคาญแห่งนี้...แต่ก็ดูเหมือนคนที่ต้องเสียเงินเองก็ไม่ได้ใส่ใจเช่นกัน ร่างสูงใหญ่ยังคงหยอกล้อร่างบอบบางที่เพิ่งตื่นเต็มตาให้หันมาแยกเขี้ยวใส่เป็นระยะๆ

ขาทั้งสี่คู่ก้าวเข้าไปในร้านที่ดูสว่างไปด้วยแสงไฟเย็นตา เฟอร์นิเจอร์ทั้งหมดล้วนเป็นแบบเรียบหรูดูเข้ากับบ้านของพวกเขาได้เป็นอย่างดี

“ คุณรีไว...เชิญครับ”   พนักงานของร้านออกมาต้อนรับทันทีที่เห็นพวกเขาทั้งสี่

“ ฮายาโตะ...แกไปเลือกโซฟา เดี๋ยวชั้นจะไปดูผ้าปูที่นอน”  ใบหน้านิ่งเอ่ยบอกเด็กในปกครองก่อนที่ทั้งคู่จะแยกย้ายกัน...แล้วก็ไม่ต้องบอกเลยว่า ยามาโมโตะ ทาเคชิ จะเดินตามโกคุเดระต้อยๆให้คุณรีไวอยากเดินตามไปกระทืบแค่ไหน กว่าจะดึงกลับมาได้ร่างกายที่ยังไม่ค่อยจะฟื้นดีของเขาก็แทบจะหมดแรง

“ เดี๋ยวผมนั่งรออยู่ตรงนี้แล้วกันนะครับ”  ใบหน้ามนหันไปบอกคนที่ยังทำหน้าหงุดหงิด

“ ถ้านายนั่งอยู่ตรงนี้แล้วใครจะเลือกผ้าปูล่ะไอ้เด็กเหลือขอ?” 

“ เอ๋?...ให้ผมเลือก...หรอครับ?...”   สิ่งที่คุณรีไวพูดออกมามีแต่จะทำให้นัยน์ตาเบิกกว้าง

“ ก็ใช่น่ะสิ...ไปเลือกซะ”   ใบหน้ามนรู้สึกร้อนผ่าวไปจนถึงใบหู...แบบนี้มัน...เหมือนคู่รักข้าวใหม่ปลามันที่มาซื้อของเข้าบ้านด้วยกันเลยไม่ใช่หรือไง...แล้วการให้เขาเลือกผู้ปูเตียงให้แบบนี้มันก็....

ร่างโปร่งบางได้แต่ก้มหน้างุดเดินตามอีกฝ่ายไปอย่างเขินอาย...กับเรื่องเล็กๆแค่นี้ก็มีความสุขจนล้นปรี่แล้ว...

ตอนนี้ถึงเพิ่งอยากจะขอบคุณความดื้อดึงของตัวเองจริงๆ



นัยน์ตาสีมรกตกวาดมองผ้าปูที่นอนตัวอย่างที่มีมากมายมหาศาล ทั้งที่ปูเตียงเอาไว้ให้ดู ทั้งที่แขวนโชว์ลายบางส่วน แล้วผ้าปูเองก็ไม่ได้มีเฉพาะลายในสไตล์โมเดิร์น แต่มีมันทุกแบบ ทุกสไตล์ ทุกสัญชาติ!!

มีตั้งแต่แบบเรียบหรูด้วยสีพื้นแต่เน้นเนื้อผ้าที่ดูเนียนนุ่มต่างกัน มีทั้งผ้าอาหรับอินเดียสีสันฉูดฉาด มีทั้งแบบลวดลายคน รถ ต้นไม้ การ์ตูน โลโก้อะไรไม่รู้มากมาย มีแม้กระทั่งลายพระเจ้าหลุยส์ยันมังกรทองของฮ่องเต้!!

“ เอาแบบไหนดีครับ...”  ใบหน้ามนหันไปหันมาอย่างเลือกไม่ถูก นอกจากเรื่องรถแข่งทามิย่าแล้ว อย่างอื่นก็ใช่ว่าเขาจะรู้อะไรมากนัก ริมฝีปากจึงเอ่ยถามเจ้าของเตียงเผื่อจะมีไอเดีย

“ เอาแบบที่นายชอบนั่นแหละ”   แต่ดูเหมือนคำตอบของอีกฝ่ายก็ไม่ได้ช่วยอะไรเลยนอกจะทำให้หน้าแดงกว่าเดิมเท่านั้น...คุณรีไวนะคุณรีไว...

นัยน์ตาสีมรกตจึงกวาดมองไปรอบๆอีกครั้ง...ก่อนที่มันจะไปสะดุดอยู่ที่ผ้าปูผืนหนึ่ง

“ เอาอันนี้ดีไหมครับ!”   นัยน์ตาสีมรกตเป็นประกายเมื่อเจอลายที่ชอบใจ แต่มันดันไม่ใช่ลายรถแข่งอย่างที่อีกคนคาดเอาไว้...นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองลายของผ้าปูนั่นอย่างชะงักเล็กๆ

" หน้าตาก็ดี แต่ดูจะมีปัญหาเรื่องรสนิยมนิดหน่อยนะ"  เสียงนิ่งเอ่ยออกไปในขณะที่ยังไม่ละสายตาจากผ้าปูที่ว่า

" เอ๋?...ไม่น่ารักหรอกครับ?...นี่น่ะ เป็นอนิเมะที่กำลังดังสุดๆในตอนนี้เลยนะครับ"    นัยน์ตาสีขี้ถ้าไล่มองหัวคนขนาดใหญ่ที่ราวกับหุ่นกายวิภาคในห้องวิทยาศาสตร์ซึ่งกำลังอ้าปากอยู่บนผ้าปู...ข้างๆกันมีคำว่า Attack on Titan อะไรสักอย่างพิมพ์อยู่...

" ใครจะไปนอนลง...เลือกใหม่ซะ"   แล้วคำประกาศิตก็ทำให้ร่างโปร่งบางต้องตัดใจ

" อ่า...ครับ...."  

" งั้นเอาสีพื้นเรียบๆก็แล้วกันนะครับ"   น่าจะเลือกง่ายสุดแล้วมั้ง

" อืม"

ร่างโปร่งบางจึงตั้งใจจะเดินไปยังโซนที่เป็นผ้าปูแบบเรียบหรูดูดีที่มีสีให้เลือกมากมาย ปลายนิ้วสัมผัสตัวอย่างผ้าไปเรื่อยๆอย่างไม่ได้คิดอะไรมาก ก็คงหาผ้านุ่มๆสักผืนกับสีไม่ดำก็แดง...แต่แล้วในขณะที่กำลังคิดแบบนั้น...สายตาก็พลันเหลือบไปเห็นปลอกหมอนลายคู่รัก...


มันเป็นปลอกหมอนลายกราฟฟิคซึ่งใบหนึ่งเป็นรูปผู้ชายซึ่งปลายนิ้วนางข้างซ้ายมีด้ายสีแดงพันอยู่ แล้วด้ายนั้นมันก็ลากให้เห็นแป็นเส้นว่าต่อกับหมอนอีกใบที่เป็นลายผู้หญิง แน่นอนว่าปลายของด้ายก็พันอยู่ที่นิ้วนางข้างซ้ายเหมือนกัน


สองขาหยุดยืนดูอย่างไม่รู้ตัว เช่นเดียวกับริมฝีปากที่เผลอยิ้มออกมา

" เลือกได้แล้วใช่ไหม?"   ก่อนที่เสียงนิ่งจากข้างหลังจะปลุกให้ออกมาจากภวังค์

" เอ๋? ยัง....ครับ...."  เขาตอบออกไปด้วยท่าทางลนลาน แต่ดูเหมือนคุณรีไวจะเรียกพนักงานมาหาแล้วชี้ว่าจะเอาลายคู่รักนั่น

" เอาแบบนี้โหลนึง"

" ห๊ะ?!"   จะซื้อไปทำไมมากมาย ไม่ใช่ของใช้แล้วทิ้งเสียหน่อย?

" จะได้ไม่ต้องมาซื้อบ่อยๆไง"  ร่างโปร่งบางได้แต่ยืนมองคนที่ยืนรูดบัตรเครดิตอย่างอึ้งๆระคนหวาดระแวง...อย่าบอกนะว่า....


นี่คิดจะทำเรื่องแบบเมื่อคืนนี้อีกกี่ครั้งกันถึงต้องเตรียมผ้าปูเยอะขนาดนั้นเนี่ย?!







นัยน์ตาสีมรกตเหล่มองร่างสูงใหญ่ที่นอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนโซฟาอย่างนึกรำคาญ...

ก็เพราะว่าลองนั่งลองนอนมาจะหมดร้านอยู่แล้ว แต่ไอ้บ้านั่นมันก็เลือกไม่ได้ซักที!

ทั้งๆที่ปกติแล้วเขาก็ไม่ใช่คนที่จะมาสนใจโซฟาอะไรพวกนี้ จะซื้อแบบไหนก็ซื้อๆไปเถอะ ขอแค่มันนั่งได้ก็พอ และเพราะแบบนั้นคนใจร้อนฝังในแบบเขาเลยต้องอ้าปากด่ามันไปสักที

“ จะเลือกได้หรือยังห๊ะ?!ไอ้บ้านี่!”  แล้วใบหน้าเนียนๆนั่นก็ตอบกลับมาแทบจะทันที...

“ ขอยืมตักนายหน่อยได้ไหมอ่ะโกคุเดระ...พอไม่มีหมอนชั้นก็เลยเลือกไม่ถูกว่าโซฟาตัวไหนจะดีกว่ากัน?”   คิ้วสีเงินกระตุกถี่ยิบแต่ก่อนที่จะได้ด่ากลับไปก็มีเสียงของใครบางคนแทรกเข้ามา

“ ชั้นให้ยืมท่อนขาเอาไหมไอ้หมีวายร้าย?! จะให้ฟาดตรงไหนบอกมาเลย!”   เป็นเสียงของคนที่เพิ่งซื้อผ้าปูที่นอนเสร็จนั่นเอง


ผลั๊วะ!!


แล้วร่างสูงใหญ่ก็ต้องเด้งผึงจากพื้นโซฟาหลบท่อนขาได้อย่างฉิวเฉียด

“ ยังไม่ได้บอกว่าจะเอาเลยนะ ฮะฮะฮะ”   เสียงหัวเราะสบายๆตอบกลับมาอย่างหาได้หวาดกลัวไม่ ทำเอาร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าหวงลูกชายยิ่งกว่าใครแทบจะตรงเข้าไปกระทืบซ้ำถ้าไม่ติดมือบางตะครุบท่อนแขนเอาไว้เสียก่อน

“ คุณรีไว!! ผมอยากไปร้านอะไหล่!! ไปด้วยกันนะครับ!! ฮะฮะฮะ”   ใบหน้ามนหันไปหัวเราะแห้งๆให้พนักงานก่อนจะใช้แรงที่ยังไม่ค่อยจะกลับคืนมาลากคนที่ตั้งใจจะเข้าไปลุยเต็มที่ออกมาจากร้าน เหงื่อหยดลงจากขมับจนแทบจะซับไม่ทัน ขืนปล่อยไว้ในนั้นคงได้ตีกันจนร้านพังแน่ๆ เขาละแปลกใจจริงๆว่าอยู่บ้านเดียวกันมาได้ยังไง? หรือว่าไอ้เศษซากสิ่งของที่เขามักจะเห็นมันกองอยู่ในเฉลียงบ้าง สนามบ้าง มันจะเป็นเพราะแบบนี้นี่เอง...

แล้วกว่าคุณรีไวจะยอมสงบลงก็เมื่อเดินห่างออกมาจากร้านนั้นพอสมควร

เขาหันไปมองใบหน้าที่ยังฟึดฟัดน้อยๆด้วยรอยยิ้ม...บางทีเขาก็คิดนะว่า...ถ้าพ่อของเขาเป็นแบบนี้บ้างก็คงจะดี...

ไม่ใช่ว่าพ่อไม่หวงเขาหรอก...เขารู้ดีว่าพอรักและประคบประหงมเขามาดีขนาดไหน...แต่พ่อไม่เคยแสดงออกซึ่งๆหน้า

พ่อจะเฝ้าจัดการคนที่ทำให้เขาต้องยุ่งยากวุ่นวายอยู่เบื้องหลังตลอด...และเพราะแบบนั้นมันเลยทำให้เขาไม่รู้เลย...ว่าพ่อกำลังทำอะไรอยู่


จู่ๆปลายนิ้วแข็งแรงก็สอดประสานเข้ามากับนิ้วทั้งห้าของเขาทำเอาห้วงความคิดเรื่องพ่อค่อยๆหายไป....

เขาก้มลงมองมือที่แสนอบอุ่นก่อนจะเงยมองใบหน้าที่ยังนิ่งเฉย...นัยน์ตาขี้รำคาญคู่นั้นเสไปมองข้างทาง...ร่างแข็งแกร่งจับมือเขาเดินไปเรื่อยๆโดยไม่พูดอะไร...

ใบหน้ามนหันกลับมามองทางพลางอมยิ้ม...

ปลายนิ้วขยับกระชับฝ่ามือข้างนั้น...

เขาจะจับมันเอาไว้...ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็จะไม่มีวันปล่อยมือคู่นี้ไปแน่...

จะดื้อดึงจนถึงที่สุด...





บรรยากาศที่แสนโรแมนติกทำให้รู้สึกว่าวันนี้ช่างเป็นวันที่สวยงาม ถึงแม้ว่าในความเป็นจริงแล้วกลุ่มเมฆกำลังปกคลุมน่านฟ้าเหนือโบโลญญ่าจนเกือบจะมืดมิด

แล้วยังไม่ทันจะเดินไปถึงร้านอะไหล่ สายฝนเม็ดใหญ่ก็โปรยปรายลงมาโดยไม่บอกกล่าว หยดน้ำจากฟากฟ้าค่อยๆหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆ

เสียงซ่าๆของห่าฝนที่ตกลงมาราวกับพายุทำให้พวกเขาไม่มีแม้แต่เวลาจะมองหาที่หลบ ฝ่ามือที่กอบกุมมือของเขาอยู่ออกแรงดึงให้วิ่งตามไป นัยน์ตาสีมรกตแทบจะลืมไม่ขึ้นเพราะหยดน้ำที่กระทบใบหน้า เพราะงั้นจึงวิ่งตามอีกฝ่ายไปโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากำลังวิ่งไปไหน

ร่างโปร่งบางเหมือนจะโดนเหวี่ยงเข้าไปในที่แคบๆ และเมื่อนัยน์ตาสีมรกตลืมตาขึ้นมาอีกครั้งถึงได้รู้ว่า....ตนอยู่ในตู้โทรศัพท์...

ร่างแข็งแกร่งก้าวตามเข้ามาก่อนที่ประตูตู้จะปิดลง  นัยน์ตาสีขี้เถ้าหันไปมองเม็ดฝนอย่างรำคาญ หยดน้ำถูกปล่อยให้ไหลลงมาตามเส้นผมสีดำก่อนจะไหลลงไปตามใบหน้าโดยไม่คิดที่จะเช็ดมัน

" เปียก...หมดเลยนะครับ..."  มือบางจึงใช้แขนเสื้อของตัวเองที่ยังแห้งอยู่ซับให้แทน

ลมหายใจถูกพ่นออกไปเป็นไอ เป็นเพราะจู่ๆอุณหภูมิภายนอกก็ลดลงอย่างรวดเร็วอีกทั้งยังวิ่งมาจนสุดแรง ทำให้ไอสีขาวขยายกลายเป็นวงใหญ่

ใบหน้าของคนสองคนที่ยืนอยู่ในพื้นที่แคบๆของตู้โทรศัพท์หันหน้าเข้าหากัน นัยน์ตาสีขี้เถ้าจับจ้องมองใบหน้ามนอย่างไม่คิดจะปิดบัง ต่างกับอีกคนที่พยายามเสหน้าไปมองสายฝนเม็ดหนาที่สาดกระทบผนังกระจกเข้ามาไม่หยุด

เป็นเพราะว่าอยู่ใกล้กันขนาดนี้เลยเขินจนในหัวคิดหาเรื่องมาพูดคุยไม่ออก ริมฝีปากช่างเจรจาจึงปิดเงียบก่อนจะก้มหน้าแดงๆลงมองที่พื้น

ลมหายใจหนักๆจากการวิ่งค่อยๆเข้าออกเป็นปกติ ถึงแม้ว่าแผ่นหลังที่แนบกระจกอยู่จะรับรู้ได้ถึงความเย็นเฉียบของสายฝนแต่อุณหภูมิจากร่างกายที่แนบชิดก็ไม่ทำให้รู้สึกถึงความหนาว

ทั้งลมทั้งฝนที่กระหน่ำอยู่ภายนอกทำให้บรรยากาศนั้นมืดฟ้ามัวดินจนมองอะไรไม่เห็น แต่การถูกสภาพอากาศเลวร้ายกักขังเอาไว้ในตู้โทรศัพท์กับคนที่รักมันก็ไม่ได้เลวร้ายนักหรอก

นัยน์ตาสีมรกตเหลือบขึ้นมามองใบหน้านิ่งที่ยังจ้องมองตนอย่างไม่วางตา แล้วทุกครั้งที่สบสายตาคมกริบคู่นั้นสองแก้มก็จะรู้สึกร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้....เสียงหัวใจเต้นระรัวจนคิดว่าอีกฝ่ายคงได้ยินแน่ๆต่อให้เสียงของสายฝนจะดังแค่ไหนแต่เราก็อยู่ใกล้กันมากกว่านั้น

ร่างโปร่งบางตั้งใจจะชวนคุยเพื่อทำลายความเงียบที่ทำให้ได้ยินทั้งเสียงเต้นของหัวใจและเสียงลมหายใจ ซึ่งยิ่งนานไปมันก็มีแต่จะทำให้ร่างกายร้อนลุ่มแปลกๆ

" คุณรีไว อื้อ?!"   แต่ริมฝีปากสีระเรื่อกลับถูกปิดด้วยริมฝีปากของอีกฝ่าย ใบหน้าของร่างที่เตี้ยกว่าเงยขึ้นมาประกบจูบได้อย่างพอดิบพอดี ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปจนร่างที่ไร้แรงยืนได้แต่เอนพิงผนังกระจกของตู้โทรศัพท์เอาไว้ คนที่จู่โจมยังตามมาบดเบียดจนแผ่นหลังบางแทบจะจมหายไปในเนื้อกระจก

" อื้ม"   มือบางพยายามดันแผงอกแข็งแรงออกไปเพราะอายเกินกว่าจะทำเรื่องแบบนี้ในที่สาธารณะได้ แต่ก็ดูเหมือนมันจะไม่ค่อยได้ผลเท่าไหร่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมให้ความร่วมมือ

ปลายลิ้นยังคงพันพัวล่อลวงคนที่ไร้เดียงสาให้ตกบ่วงเล่ห์กลของปีศาจ ใบหน้ามนได้แต่เงยหน้าหอบหายใจเมื่อริมฝีปากถูกปล่อยให้เป็นอิสระ สติดูเหมือนจะล่องลอยไปตามรสจูบที่หอมหวานปานยาเสพติด ฝ่ามือจึงหยุดต่อต้านแล้วปล่อยให้ใบหน้าคมซุกไซร้คลอเคลียอยู่ที่ซอกคอ

ไอสีขาวจากลมหายใจหนักๆลอยกระทบกับผนังกระจกจนกลายเป็นฝ้า...นัยน์ตาสีมรกตเลื่อนลอยมองไปยังด้านนอกซึ่งมองไม่เห็นอะไรนอกจากฝนเม็ดใหญ่ที่บดบังทุกอย่างจนหมด...ตอนนี้ความผิดชอบชั่วดีกำลังตบตีกันอยู่ในหัว...ว่าจะปล่อยเลยตามเลยหรือควรจะห้ามเอาไว้ดี....

" คุณรีไว...อย่าครับ...."  ดูเหมือนจิตใจด้านดีจะชนะอยู่นิดหน่อย เสียงสั่นพร่าจึงเอ่ยห้ามเมื่อท่อนขาแข็งแรงกดหัวเข่าลงมาที่หว่างขา แค่แรงเสียดสีที่เบื้องล่างก็ทำเอาแทบคลั่ง ริมฝีปากเจ้าเล่ห์นั่นยังร่ายมนต์สะกดใส่มาอีก

" ไม่ได้หรอ?...เอเลน..."  ...อ้า...ขี้โกงที่สุด! มาเรียกชื่อเขาเอาในเวลาแบบนี้นี่มัน......ก็รู้ทั้งรู้อยู่แท้ๆ!

" เดี๋ยวใครเห็น...."  

" ไม่มีใครเห็นหรอกน่า ฝนตกหนักขนาดนี้"

" แต่ว่า......"

" เอเลน...."

"............"

" เอเลน...."

" โธ่...ไม่รู้ด้วยแล้ว! ถ้าเป็นข่าวขึ้นมาคุณต้องรับผิดชอบแต่งงานกับผมเลยนะ!"

" ไม่มีปัญหา"

ทั้งๆที่ปกติเป็นคนยิ้มยากเย็น แต่รอยยิ้มที่เขามักจะเห็นตอนเวลาจะมีอะไรกันมันกลับทำให้รู้สึกว่ามันช่างเจ้าเล่ห์ซะจนไม่อยากให้ยิ้มเลยจริงๆ!

เสียงปลดเข็มขัดที่ดังให้ได้ยินมีแต่จะทำให้ใบหน้ามนฝังลงไปที่หัวไหล่แข็งแรงด้วยความอายจนไม่กล้าเงยหน้า ลมหายใจเริ่มจะติดๆขัดๆอีกครั้งเมื่อมือของอีกฝ่ายล้วงเข้าไปสัมผัสส่วนอ่อนไหวของร่างกาย

" อื้อ!"  ต่อให้เสียงของสายฝนจะดังยิ่งกว่าฟ้าถล่มแต่ริมฝีปากสีระเรื่อก็ไม่กล้าที่จะเปล่งเสียงครางออกไป จึงต้องพยายามสะกดกลั้นมันเอาไว้ด้วยใบหน้าทรมาน

นัยน์ตาสีขี้เถ้าจ้องมองภาพตรงหน้าด้วยความพึงพอใจเพราะใบหน้าที่ดูไร้ทางสู้แบบนี้มันน่ารังแกน้อยเสียที่ไหน ฝ่ามือที่กอบกุมแกนกายของอีกฝ่ายอยู่จึงขยับเพียงแผ่วเบาก่อนจะหยอกเย้าซอกคอระหงด้วยลมหายใจอุ่นๆจนคนถูกกระทำได้แต่บิดเร่า

กางเกงถูกดึงลงไปถึงแค่ต้นขาให้พอสอดใส่ปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลังได้ ใบหน้ามนยังคงใช้ไหล่แข็งแรงเป็นที่ระบายลมหายใจหนักหน่วงเมื่อช่วงล่างรับรู้ได้ถึงสิ่งที่แทรกเข้ามาในร่างกาย สองขาสั่นระริกนั้นทรงตัวแทบไม่ไหว ผนังภายในดูจะบีบรัดสองนิ้วนั้นยิ่งกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา จะเป็นเพราะสถานที่ที่ทำให้ใจเต้นระรัวด้วยกลัวใครจะมาเห็นเข้าแบบนี้หรือเปล่านะที่กระตุ้นเร้าความต้องการให้ทบทวี

นัยน์ตาสีมรกตหวานฉ่ำเหลือบมองอีกฝ่ายเมื่อปลายนิ้วถูกดึงออกไป สองขาถูกยกขึ้นมาด้วยสองแขนแข็งแรงก่อนที่แผ่นหลังซึ่งถูกดันจนติดกระจกจะช่วยพยุงร่างกายเอาไว้ เพิ่งจะเคยมีอะไรกันในท่ายืนแบบนี้เป็นครั้งแรก แก้มใสร้อนเป็นไฟรู้สึกอายจนไม่อยากจะลืมตามองรอบกายเลยจริงๆ

“ อึ๊ก...อ้า...”   ใบหน้ามนสะบัดเงยขึ้นฟ้าเมื่อความเป็นชายที่ขยายใหญ่สอดใส่เข้ามา จากที่พยายามห้ามเสียงครางดูเหมือนคราวนี้จะทนไม่ไหวจึงได้แต่ปล่อยเสียงร้องให้ผสมปนเปไปกับเสียงของสายฝน

ลมหายใจกลายเป็นไอสีขาวกระจายฟุ้งไปทั่วอย่างไม่รู้ว่ามันเป็นลมหายใจของใครกันแน่ ความร้อนระอุที่สอดแทรกอยู่ภายในร่างกายโปร่งบางทำให้รู้ว่าตอนนี้ร่างแข็งแกร่งกำลังต้องการมากแค่ไหน แล้วทันทีที่สอดใส่ได้จนหมดมันก็เริ่มขยับโดยไม่รั้งรอ

สองแขนผอมบางโอบรอบลำคอแกร่งเอาไว้แทบไม่ทัน ความหนักหน่วงของการกระแทกกายเข้าออกดูเหมือนจะสอดรับกับการบีบรัดของผนังภายในได้เป็นอย่างดี ใบหน้าคมถึงได้ดูรู้สึกดีขนาดนี้

“ เอเลน...”   เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่หน้าอกเพราะร่างโปร่งทำได้แค่กอดหัวสีดำนั่นเอาไว้ เสียงครางถูกปล่อยออกไปเพราะถูกความสุขสมเล่นงานจนไม่อาจต่อต้านอะไรได้อีก

ยิ่งความต้องการพุ่งสูงขึ้นมาเท่าไหร่ ไอร้อนก็ยิ่งทำให้กระจกตู้โทรศัพท์ฝ้ามัวมากขึ้นเท่านั้น จนตอนนี้มันแทบจะมองอะไรไม่เห็นอีก

ความเป็นชายถูกดึงออกมาจนสุดก่อนจะกระแทกเข้าไปรวดเดียว ทุกความรู้สึกที่ถูกอัดแน่นเข้าไปพร้อมกันทำให้ความสุขล้นทะลักเต็มหน้าท้องและช่องทางคับแน่น

ลมหายใจหอบถี่ดังก้องจนแยกไม่ออกว่าของใครเป็นของใคร ร่างแข็งแกร่งได้แต่ยืนนิ่งซบหน้าเอาไว้กับไหล่บาง ยังคงปล่อยให้ร่างกายค้างคาอยู่ท่าเดิมจนกว่าลมหายใจจะกลับไปเป็นปกติ

“ คุณ...รีไว...”   เสียงแผ่วเบาร้องประท้วงเมื่อรู้สึกว่านานเกินไป ที่จริงสองขาของตัวเองในตอนนี้ก็ไม่มีแรงจะยืนเองได้หรอกแต่ก็ไม่อยากอยู่ในท่านี้ต่อ

นัยน์ตาสีมรกตหลับแน่นเมื่ออีกฝ่ายค่อยๆดึงร่างกายกลับไป สองหูได้ยินเสียงหยดแหมะๆจนเปลือกตาต้องเปิดขึ้นมาดู แล้วสองแก้มก็ต้องร้อนผ่าวเมื่อเห็นว่าน้ำสีขาวขุ่นมันไหลลงไปเลอะพื้นตู้เต็มไปหมด


ถ้านึกอยากจะทำที่ไหนก็ทำแบบนี้ สงสัยเขาคงต้องบังคับให้พกถุงยางเอาไว้บ้าง!


และทันทีที่ปลายเท้าถูกปล่อยลงพื้น แข้งขาที่อ่อนแรงก็พาเอาร่างซวนเซไปซบอยู่ที่แผงอกแข็งแกร่งที่รอรับอยู่แล้ว...ไม่รู้ว่าเป็นเพราะความเย็นสบายของสายฝนหรือเพราะหมดแรงกันแน่ที่ทำเอาเปลือกตารู้สึกหนักอึ้ง จนในที่สุดสติที่มีก็ค่อยๆดับวูบไป

ใบหน้านิ่งจ้องมองนัยน์ตาที่หลับพริ้ม แผ่นหลังเอนพิงผนังกระจกเอาไว้เพื่อเป็นหลักให้อีกฝ่ายพักพิง สองแขนโอบกอดร่างกายที่รักแสนรักเอาไว้ก่อนจะยกมือขึ้นมาลูบหัวสีน้ำตาลนิ่มนั้นเบาๆ

นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหม่อมองสายฝนที่ยังเทกระหน่ำ...นานๆทีได้ปล่อยใจให้ล่องลอยไปตามบรรยากาศแห่งความชุ่มฉ่ำแบบนี้บ้างก็ไม่เลวเหมือนกัน


เหมือนกับร่างกายในอ้อมแขนนี้...ที่เขาจะกอดมันเอาไว้จนกว่าท้องฟ้าจะกลับมาสดใสดังเดิม...


จะกอดเอาไว้....


นั่นคือความตั้งใจ....ตอนที่ยังไม่รู้อะไรเลย....












เป็นเพราะสายฝนที่จู่ๆก็เทกระหน่ำลงมา ทำให้คนที่เพิ่งเกือบจะฆ่ากันตายจากการซื้อโซฟาได้แต่วิ่งเข้าไปหลบฝนในร้านกาแฟใกล้ๆ

นมร้อนๆกับกาแฟดำถูกวางลงบนโต๊ะก่อนที่มือใหญ่จะหยิบสลับกันให้เพราะพนักงานคิดว่ากาแฟดำน่าจะเป็นของร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำแต่ที่จริงแล้วมันเป็นของร่างบอบบางต่างหาก

นัยน์ตาสีมรกตมองคนที่จิบนมร้อนอย่างนึกหมั่นไส้ สายตาเขม่นนิดๆจึงไล่มองคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามตั้งแต่หัวจรดเท้า...ทั้งๆที่วันนี้มันใส่ดำทั้งตัวไม่เว้นแม้แต่เชิ้ตข้างในแต่กลับมาดื่มอะไรใสๆอย่างนมเนี่ยนะ? เข้ากันซะไม่มี

“ มองชั้นหรอโกคุเดระ? เขินจัง...”   แล้วยังคำพูดคำจาน่ากระทืบนั่นอีก ก็สมแล้วที่จะตีกับรีไวแทบทุกวัน

แต่ถ้าเทียบกับการที่มันเอาแต่นอนนิ่งเพราะพิษจากบาดแผล การที่เขาต้องมานั่งฟังมันพล่ามคำพูดเน่าๆแบบนี้ก็นับว่าดีกว่าเป็นไหนๆ

“ ชั้นมองหาจุดอ่อนของแกอยู่ต่างหาก!”   มือบางยกกาแฟดำขึ้นมาดื่มพลางเหลือบมองสายฝนเม็ดหนาที่นอกหน้าต่าง ไม่รู้ว่าทำไมการเดินทางในวันพรุ่งนี้กลับไม่ได้รู้สึกน่ากังวลเท่าการปล่อยให้ไอ้บ้าตรงหน้าอยู่บ้านตามลำพัง...จะเป็นอะไรไหมนะ...ถ้าบาดเจ็บอีกแล้วจะมีคนคอยดูหรือเปล่า...


นี่เขา...ท่าจะเป็นเอามากเหมือนกันนะ...


ใบหน้าสวยสะบัดไปมาจนผมสีเงินส่งกลิ่นหอมฟุ้ง ต้องพยายามปัดความกังวลใจที่ไม่เคยมีให้ใครมาก่อนแบบนี้ออกไป...ถึงเขาจะรู้ดีว่ามันคงไม่มีผลอะไรกับการแข่ง เพราะทุกครั้งที่มือจับพวงมาลัยก็ไม่มีอะไรอยูในหัวอีก แต่เขาก็อยากจะเชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายมากกว่านี้...อย่างหมอนี่...คงไม่เป็นไร...

“ นี่...ชุดที่แกใส่เมื่อวันก่อนน่ะ...เรียกว่าอะไร?”   เป็นเพราะต้องพาคนตรงหน้าไปทำแผลทุกวัน แล้วชุดแปลกๆที่หมอนั่นใส่ก็ทำให้เขาสนใจอยู่ไม่น้อย...ก็ไม่อยากจะบอกหรอกนะว่า...ไอ้บ้านั่นเข้ากับชุดนั้นอย่างไร้ข้อโต้แย้งจริงๆ

“ เอ๋?...ยูกาตะน่ะหรอ?”   ใบหน้าคมละจากแก้วนมขึ้นมาตอบคำถาม

“ ยูกาตะ....”   ริมฝีปากสีสดพยายามที่จะสะกดตาม ฟังจากชื่อดูเหมือนจะเป็นชุดของชาวญี่ปุ่นสินะ

“ ชั้นสั่งตัดเอาไว้ให้นายด้วยละโกคุเดระ”   สิ่งที่ได้ยินทำเอานัยน์ตานิ่งค้าง...ทำไมที่อกซ้ายรู้สึกอุ่นวาบขึ้นมา...

เพราะชื่อของเขามันเป็นแบบนี้ เลยทำให้สนใจในความเป็นญี่ปุ่นอยู่บ้าง แต่ก็ไม่คิดเลยว่าจะได้สัมผัสมันตรงๆ

“ เอาไว้เราใส่มันแล้วไปเดินเล่นที่ญี่ปุ่นด้วยกันนะ”   รอยยิ้มจริงใจกับคำพูดที่เป็นดั่งสัญญาทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ใบหน้าสวยพยักหน้าน้อยๆก่อนจะเสออกไปเหม่อมองสายฝน


สักวัน...เขาจะใส่มัน...แล้วไปยังแผ่นดินที่ให้ชื่อนี้กับเขามา


ได้แต่หวังว่า...สัญญานี้จะเป็นจริงในเร็ววัน...










.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





หงั่กๆๆๆ ตอนนี้อาจจะมีคำผิดและตอนนี้อาจจะมีบทพิศวงงงงวย อ่านเจออะไรแปลกๆก็ข้ามไปนะค้า (โดนโบก) แบบว่าไม่ค่อยมีสมาธิค่ะตอนที่แต่งตอนนี้อยู่น่ะ T^T อยากทำอะไรหลายอย่างมากเกินไป แง๊~~~

ก็เอาเป็นว่า ขอบคุณมากๆเลยนะค้าที่ติดตามกันมาจนถึงนี่ ผ่านตอนที่ 15 ไปแบ้วสินะสำหรับเรื่องนี้ ดีไม่ดีจะยาวกว่าดาวตกอีกนะเนี่ย *ทรุด*

แล้วเจอกันตอนหน้าค่า ^ ^






6 ความคิดเห็น:

  1. แต่ละคนทิ้งท้ายได้แบบ.....อา..แววดราม่าเมื่อจะโบกมือเรียกหยองๆอยู่ไม่ตอนหน้าก็อีก2-3ตอนถัดไปยังไงไม่รู้

    อาแต่ก็หวานมดขึ้นจริงๆ...ทั้งafterของเช้ากิจกรรมอย่างว่าที่...////////(ลองลอยไป)
    แล้วมอไซต์ที่ซ้อน...คันนั้นสินะอ้ายยยยยยยยยยยยยยยย(ขอแต๋วหน่อยเถอะฮ้า)
    ไหนยังจะครอบครับสุขสันต์อีกโฮ่ๆๆๆ
    แล้วฉากอย่างว่าในตู้โทรศัพท์อีก...โอ้ยยยยยอยากแปลงร่างเป็นโทรศัพท์ในตู้นั้นจัง5555

    ภาพบรรยายแต่ฟอร์นิเจอร์อีก สไตลบ้าน โครงบ้านอีก... เมื่อไรจะเอาแบบแปลนบ้านมาให้ผมซักที!!!! //เขย่าคอพี่กวาง
    อ่านตอนนี้แล้วอย่างคึกมาฮะ
    โอ้ยยยยยทำภายในก็อยากวาด..อยากอ่านBios ตอนต่อของเรื่องนี้ก็ด้วยอ้ากกกก อย่าหายไปนานนะพี่กวางงงงงงงงงงงงงงงง

    ตอบลบ
  2. #กดโทรศัพท์หาเอลวิน(?)!!!!!!!!!!!!!!
    “ฮัลโหล(?) ฉันต้องการ(?)ตู้โทรศัพท์ตู้นั้น(?)!!!! นายจัดการถอนตู้(?)มาให้ด้วย ด่วน(?)!!!!!”
    #โดนเอลวินโบกกระหน่ำ 5555555555555555 เค้ายังคงชอบจริงจังถึงอาชีพของเอลวิน สมิธ 55555555

    กวางซาม้าาาาาาาา โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกก > [ ] < ณ จุดนี้คนบ้าไม่ไหว(?)แล้ว ว่าพาร์ทที่แล้วไม่ทนแล้ว พาร์ทนี้ก็ไม่ทนนนนนนนนนนนนนนนนนนนน #หล่อนทนพาร์ทไหนบ้าง(?)หล่อนว่ามาเลยดีกว่า 555555 ฮือออออ แม่เจ้าไอ้ความรู้สึกยิ้มไม่เลิก หุบยิ้มไม่ได้ มีความสุขล้นใจ(?)จนต้องระบายออก(?)ไม่งั้นจะสำลักตาย(?)แบบนี้มันกำลังครอบงำ(?)แบบสุดๆเลย อ๊ากกกกกก ถึงจะถูกทิ้งไว้ด้วยกลิ่นของความดราม่าที่มาพร้อมสายฝนห่าใหญ่บนท้องฟ้ามืดมิดนั่นกลายๆก็เถอะนะ แถมยังเหมือนทิ้งทวน(?)ว่าไอ้การได้อยู่พร้อมหน้ากันแบบครอบครัว(?)แบบนี้จะเป็นได้แค่ความหวังที่แสนสั้น(?) ฮือออออ (กอดขากวางซามะ) คนอ่านอ่อนแอ(?)มากกว่าที่คิดไว้นะคะ อย่ารังแกให้ปวดใจ(?)เยอะ น้ำลายฟูมปากตาย(?)แล้วจะไม่มีเรียงความวันแม่(?)มาส่ง(?)นะคะ #โดนกวางซามะโบก 555555555

    บอกตรงๆว่าขึ้นต้นพาร์ทมาก็ต้องคว้าหมอนมาซุก(?)แล้วค่ะ ฮือออออ ถูกทิ้งค้างไว้ที่พาร์ทที่แล้วกับหม้อไหชาม(?)ช็อกโกแลตให้ไปต่อเอง(?) แต่กวางซามะก็มาต่อแบบหลังจากนั้นให้ที่พาร์ทนี้แค่นี้ก็ฟินโคตรรรรรรร แม่เจ้า ถ้าท่านท่อนขาจะปลุกเอเลนได้พาลงไปนอนกระอักเลือดฟิน(?)แบบนี้ ~~~~~~ ก็พอดีอ่านวน(?)!!!!!! อย่าว่าแต่พี่แกสามารถอยู่บนเตียง(?)กับเด็กเหลือขอของพี่แก(?)ได้เป็นเดือน ทางนี้ก็มโน(?)ได้เป็นปี(?)นะเว้ยคะ(?) ฟฟหหกกดสสวว > /// [ ] /// < แถมความใฝ่ฝัน(?)จากเบื้องลึก(?)ของตัวเอง(?)ก็เหมือนถูกเติมเต็ม(?) ฮืออออ อยากให้เจ้าลูกหมาได้นอนตื่นอยู่บนเตียงของท่านท่อนขา(?)แบบนี้มานาน(?)แล้ว ที่ผ่านมาเอะอะก็โรงแรมตลอดนี่น่าเนอะ ทุกอย่างถูกดำเนินอยู่ในเวลาที่บีบจำกัดเสมอ คิดตลอดว่าถ้าเอเลนได้ตื่นมาบนเตียงของท่านท่อนขาจะดีแค่ไหน(?)นะ…….และบอกเลยว่า ดีมาก!!!!!!!! มันดีมากจริงจังงง!!!!! #อินเนอร์หล่อนมาล้วนๆเลยนะ 55555555555

    เรื่องผ้าปู….บอกตรงว่าๆอยากจะโทรหาเอลวินอีกรอบ(?) 5555555555555555 ว่าเอาผ้าปูด้วย(?) แต่ถ้าโทรอีกรอบอาจจะไม่ใช่แค่โดนโบก(?) #หล่อนตายตั้งแต่โทรรอบแรกแล้วไม่ใช่เหรอเฟ้ยยย 5555555

    เค้าชอบฉากที่เอเลนมองหนูก๊กมากๆๆๆเลยล่ะค่ะ พาร์ทนี้บอกตรงๆว่าได้ใจคนบ้ามากๆๆเพราะกวางซามะเซอร์วิสคู่นี้(?)ให้มุ้งมิ้ง(?)ให้คนบ้าจิตใจเบิกบาน(?)หลายจุด โฮ่ยยยยย ถ้ากระต่ายจะมองกันเอง(?) แถมยังอยู่ด้วยกันแล้วพากันหลับ(?)เอาหัวพิงกันแบบเน้~~~!!!!! ตูอยากจิเป็นเบาะรถ(?)เหลือคณา โฮกกกกกก โคตะระบุพการีฟินมากจริงจัง!!!!!!!!!!!!!!!!!! และการเตือนคนรักไม่ให้นอกใจของท่านท่อนขาก็ได้ใจมากค่ะ 555555555 พี่แกเลือกจุดเตือน(?)ได้ใจมากกกกกก อะไรคือการจับบั้นท้ายเตือนนนนหือออออออ เป็นการจับจุดแสดงความเป็นเจ้าของได้เลือดกระฉูดจริงๆพ่อคุณ
    แล้วไหนจะเรื่องมอไซค์คันงามที่ท่านท่อนขาได้ทำการยืดขา(?)มาเพื่อการนี้โดยเฉพาะนั่นอีก #ตูไม่แซะตูตายตาไมหลับ55555555555 บอกตรงๆว่าฟินเพราะคำพูดเจ้าลูกหมามาก ฮืออออออ ไอ้ที่บอกว่าไม่อยากใส่หมวกกันน็อคเพราะอยากเอาหน้าซบหลังนี่มันอาร๊ายยยยยยยย เอเล๊นนนนนน ฮือออออ ถ้าหนูจะแอคแทคกระหน่ำขนาดนี้ คนบ้าจะไม่โงหัวขึ้น(?)มาแล้วนะคะ แต่เค้าชอบมากกกกกกกจริงจังนะคะกวางซามะ ประโยคแบบนี้ฟินมากกกกกกกจริงจัง

    จุดประกายของความอิ่มเอิบ(?)ของพาร์ทนี้คือ ช่วงเวลาครอบครัว(?)บนรถเต่าคลาน(?)ที่ท่านท่อนขาว่าเอาไว้(?) พลอตเรื่องบนรถมาเฟียเป็นอะไรที่ไม่ทนนนนนนนนนนน ฮืออออ เอลวิน(?)ฉันจะเอาเบาะหลัง(?)ด้วยยยย #มันยังไม่เลิก55555 เค้าอ่านวนหลายรอบมากจริงจังนะคะ ฉากบนรถ ทั้งการต่อปากต่อคำแม้ว่าเนียนจะเป็นต่อ(?)เพราะมันด้านเกินคนปกติ(?) แต่ที่ยังไม่ตาย(?)เพราะไอ้เจ้าหมีดำมันยังมีบุญได้กระต่ายสองตัวข้างหลังช่วยไว้ 555555 แล้วไหนจะไอ้การถ่ายรูป!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! แม่เจ้า เอลวิ๊นนนนนนนน(?)เอารูปไปอัด(?)มาให้ฉันด้วยยยยยยยยยยยย #เอลวินถอดวิกปา(?)อัดหน้า(?)ฉันมาทำไม ; _ ; #5555555555555 #รอบนี้ตูตายเพราะโดนแม่ยกเอลวินกระทืบ(?) #เก๊าแซะเพราะเก๊ารัก(?)นะคะ #เก๊าไม่ได้จะลบหลู่อะไรเบยยย ฮืออออ บอกตรงๆว่าเขากร๊ากมากจริงจัง ไอ้ประโยคเนียนๆๆๆของตาเนียนนนนน่ะ ฉันจับได้(?)นะเฟ้ยยยยว่าแกแซะท่านท่อนขาน่ะ ไอ้ที่บอกว่าถ้าไม่ไปเลือกเองแล้วหนูก๊กจะซื้อแบบสั้นมาแล้วจะเมื่อยขาน่ะ แกจะบอกว่าท่านท่อนขาเตี้ #โดนท่านท่อนขากระทืบตายข้อหาเสนอหน้าอธิบาย(?)ให้ความมันยาวและชัดเจนกว่าเดิม(?) 555555555555
    .
    .
    .

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. .
      .
      ฮือออออ บนรถเป็นอะไรที่ฟินจริงจังงงงงงงงงงงงงงงงง (นัวเนียกวางซามะ(?)) แถมยังให้ฟินต่อเนื่อง(?)กับการไปช็อปปิ้งเลือกซื้อของเข้าบ้านราวคู่แต่งงานใหม่สองคู่(?)อีก คู่นึงเลือกโซฟา คู่นึงเลือกผ้าปู โอ่ยยยยยยย คนบ้าตายยยยยยยแล้วจ้า 5555555555 และแม้กระทั่งผ้าปูเอเลนก็ยังจะเลือกลายไททัน 55555555555555 เค้าฮามากจริงจัง คือหัวเราะจนปวดท้อง(?) อะไรคือการเลือกผ้าปูให้แฟนตัวเองเป็นลายไททัน? 5555555555 ขืนท่านท่อนขาบ้าจี้ตกลง คงได้ฟัน(?)กันบนเตียง(?)ทุกวันกว่าจะได้นอน #พิมพ์เองเลือดกระฉูดเอง(?) แล้วอะไรคือการที่ผ้าปูเลือกเสร็จแล้วแต่หมีเนียนยังไม่ได้โซฟา(?) จนท่อนขาประเคนมาให้แทนตักที่เรียกร้องดีนักแบบนั้นน่ะหือออออ คู่นี้คงจะต้องรบกันอีกยาวนาน 555555 และบอกตรงๆว่าถ้าผู้ปกครองไม่อยู่(?)หมีเนียนไม่จบแค่ขอตัก(?)แน่ โฮกกกกกกกกกกกกกก ไม่ทนนนนนนนนนน > [ ] <

      เหนือสิ่งอื่นใดของพาร์ทนี้ เอลวินนนนนนนนนนนนนนนน ฉันจะเอาตู้โทรศัพท์(?)ตู้นั้นจริงจังนะ!!!! #เอลวินตะโกนว่าเลิกยุ่งกับตูสักทีเถอะ(?)5555555555 กวางซาม๊าาาาาา เค้าไม่ทนกับตู้โทรศัพท์ ฮืออออออ ไม่คิดมาก่อนว่าตู้โทรศัพท์ที่ตัวเองชอบถ่ายรูปด้วย(?)จะฟินได้ฟินดีขนาดนี้ ฮือออออออออออออออ จะไปซื้อตู้โทรศัพท์(?) ฮืออออออออ ถ้าความอดทนมันจะต่ำจนไม่มีขนาดนี้ ตู้โทรศัพท์ก็ยังจะ….อ๊ากกกกกก ไปขอลูกสาว(?)จากมิสเตอร์เยเกอร์(?)ได้แล้วววววววท่านท่อนข๊าาาา

      จริงๆอยากฟินคู่หมีเนียนกับหนูก๊กมากกว่านี้จังค่ะ อยากให้คู่นี้มีอะไรที่ชัดเจน(?)บ้าง แต่ก็นะ หลายๆอย่างมันยังไม่อำนวย(?)ให้ถึงจุดนั้น(?) ผู้ปกครองเขาก็ไม่อนุมัติ(?) จะเนียนลอบกิน(?)ก็กลัวกระต่ายจะเตลิด(?)แถมอาจตายระหว่างกิน(?) เกิดเป็นหมีควายดำเนียนๆ(?)ที่มันรันท๊ดรันทด(?)น่าสงสาร(?)จริงๆ 5555555555

      ถึงฟิคเรื่องนี้จะยาวกว่าดาวตก เค้าก็ติดตามจนจบแน่นอนนะคะ (เกาะแขนกวางซามะแน่น) * ^ * ไม่ต้องห่วงว่าคนบ้าจะหายกบาล(?)ไปนะคะ ถึงจะโดนจับเข้าโรงบาล(?)ก็จะกลับมาใหม่(?)ค่ะ 55555555 #หล่อนดูอันตรายมาก
      เก๊ารักฟิคกวางซามะทุกๆเรื่องจริงจังน้า ทุกวันนี้ก็ยังคิดถึงดาวตกเป็นเรื่องแรกๆอยู่เสมอเบย พออ้างอิง(?)มาแบบนี้ก็จะกลับไปอ่านอีกรอบ(?)อีกซะแล้วล่ะค่ะสำหรับดาวตก > _ <

      ใกล้สิ้นเดือนมีนาแล้ว…..ตอนนี้คงกำลังปั่นหลายๆอย่าง(?)เนาะ เค้ามีให้แต่ความบ้า(?)กับกำลังใจค่ะ T ^ T (ลากเข่งกำลังใจมาให้(?)) เป็นกำลังใจให้อยู่ตลอดเวลาเลยจริงจังน้า~~~

      ลบ
  3. ตู้โทรศัพท์!!!!! กับผ้าปูเตียง!!!!!!!!!!!! เสียเลือดเเละมดเลียจอมากค่ะพี่กวาง>\\\\\\\\\\\\\<
    ฝนตกหนักชุ่มฉ่ำไปทั่วเลยนะคะ รีไวซังก็ช่างไม่เคยสนสถานที่เลยจริงๆค่ะ คุกอยู่ถัดไปค่ะรีไวซัง/โดนเตะ!
    .ขออภัยที่เพิ่งได้เม้นต์นะคะ เพิ่งจะเล่นบล็อกนี้น่ะค่ะ>w<

    ตอบลบ
  4. ไม่ระบุชื่อ25 เมษายน 2557 เวลา 00:37

    จะรอนะค๊าาาาาา อ่านรวดเดียวมาถึงตอนที่15เลย ฟินมากกกกกค่าาาาาาา>____<
    รีไวล์ กับเอเลน คู่เค้าจะหวานกันไปไหนเนี่ยยยยย~

    ตอบลบ
  5. ขนาดฉากกินช็อกโกแลตที่อร่อยที่สุดในโลกของรีไวล์ไม่มาแบบเต็มๆยังเลือดท่วมเลยอ่ะ
    ถึงขั้นต้องซื้อผ้าปูที่นอนใหม่กันเลยทีเดียว
    แถมซื้อเป็นโหลซะด้วย ช็อกโกแลตคงอร่อยมากสินะคะท่านถึงคิดจะกินบ่อยๆ//โดนโบก
    ไหนจะตู้โทรศัพท์อีก
    เอเลนถึงกับอยากให้ท่านพกถุงยางเลย

    ไม่น่าเชื่อว่ารีไวล์กับยามะจะนั่งคุ่กันในรถไปจนถึงย่านช็อปปิ้งได้โดยไม่มีใครเป้นอะไร
    คิดว่ารีไวล์คงเหนื่อยใจเพราะยามะช่างถึกทนและเนียนเกินไปจริงๆ

    ปล สรุปว่าเอลวินปรากฏตัวน้อยแต่ถูกพูดถึงมากที่สุดสินะ

    ตอบลบ