Attack on Titan. Au S.Fic HBD.Eren [Levi x Eren] พราว : 02


Attack on Titan. Au S.Fic HBD.Eren [Levi x Eren]  พราว : 02

: Attack on Titan Fanfiction 
: Levi x Eren
: Warmhearted Sweet
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
  
        



ทุกๆวันหลังจากที่ใครต่อใครต่างแยกย้ายกันกลับบ้านไปจนหมดแล้ว ผมจะยังต้องนั่งแกร่วเพื่อรอเจ้าเครื่องซักผ้ารุ่นคุณปู่ซักผ้าให้จนเสร็จ

แต่หลังจากวันนั้นเป็นต้นมา ช่วงเวลาแห่งการรอคอยก็ไม่มีสำหรับผมอีก...


เขาเอาหนังสือมากองให้ผมดู...เพื่อให้ผมเชื่อใจว่าเขาจะทำให้ผมเล่นเบสบอลได้...ถึงแม้จะต้องใช้ความพยายามและความอดทนมากกว่าคนอื่นเป็นร้อยๆเท่าก็ตาม

ขวดยาและแก้วน้ำถูกวางไว้ที่ม้านั่งข้างสนามแทนที่จะมีแต่ผ้าขนหนูเหมือนคนอื่นๆ...มันถูกเตรียมเอาไว้...เผื่อว่าผมจะอาการกำเริบแบบเฉียบพลันซึ่งมันก็มีโอกาสเป็นไปได้ถ้าออกแรงมากๆ

ในวันแรกๆ เขาแค่ให้ผมยืดแข้งยืดขาด้วยท่วงท่าง่ายๆ ให้ผมลองจับไม้เบสบอลในท่าพื้นฐานโดยที่ยังไม่ต้องตี....ผมยังจำได้ดี...ว่าอ้อมแขนของเขาที่โอบรอบแผ่นหลังของผมเพื่อจับมือที่จับไม้ผิดของผมให้ถูกต้องนั้นมันอบอุ่นขนาดไหน...

เสี้ยวใบหน้าคมที่ลมหายใจเป่ารดแก้มของผมมันอยู่ใกล้...จนผมไม่มีสมาธิ...

เพราะงั้นกว่าผมจะจับไม้เบสบอลให้ถูกต้องได้ แก้มของผมก็ถูกดึงจนแทบยืดเลยละ


บางทีผมก็สงสัย...


ว่าทำไมเขาต้องพยายามเพื่อผมขนาดนี้กันนะ...

ทั้งๆที่เขาจะทำเป็นเมินเฉยไปเลยก็ได้แท้ๆ....



แต่เขากลับเอาเวลาที่แสนมีค่าในทุกๆเย็นของเขามาอยู่กับผม....



การซ้อมของชมรมดูจะหนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆเมื่อการแข่งอินเตอร์ไฮเริ่มใกล้เข้ามา แน่นอนว่าเป้าหมายของพวกเราคือการเดินเข้าสู่ โคชิเอ็ง เท่านั้น

ถึงแม้ว่าเขาจะเพิ่มเวลาซ้อมให้กับสมาชิกชมรมคนอื่นๆในเวลาปกติ แต่เขาก็ไม่คิดจะลดเวลาที่จะมาอยู่กับผมในทุกๆเย็น เพราะงั้นเราจึงอยู่ด้วยกันจนมืดค่ำแทบทุกวัน

แค่ไม่กี่เดือนที่ผมได้ออกกำลังกายถึงแม้ว่ามันจะน้อยนิดและค่อยเป็นค่อยไปแต่ก็ดูเหมือนมันจะส่งผลดีต่อร่างกายของผมจนพ่อที่เป็นหมอประจำตัวยังแปลกใจ...ใบหน้าที่เคยซีดเซียวของผมกลับมีสีเลือดฝาด ผิวที่เคยขาวเหมือนกระดาษกลับอมชมพู...พ่อเลยดูจะเห็นดีเห็นงามไปกับความคิดของโค้ชไม่ใช่น้อย

แต่การเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้นก็ใช่จะมีแต่เรื่องดีๆเสมอไปในเมื่อผมยังคงเป็นเพียงคนเดียวที่พวกชมรมเชียร์ยังตามมาตอแยไม่เลิก...ก็แหงละ ไม่เคยมีใครปฏิเสธพวกนั้นแบบผมเลยนี่


เคร้ง!!


ไม้เบสบอลตีเข้าใต้ลูกพอดิบพอดีทำให้เจ้าบอลสีขาวตะเข็บแดงลอยละลิ่วออกไปในท้องฟ้าที่เริ่มจะโพล้เพล้ ถึงจะรู้ว่าเขาไม่ได้ขว้างลูกอย่างเต็มแรงเพื่อให้ผมตีมันได้ แต่ทุกครั้งที่ไม้สัมผัสจนลูกบอลลอยออกไปมันก็ทำให้ผมดีใจจนหยุดไม่อยู่

“ โค้ช!! ผมตีได้ด้วยล่ะ เย้ๆ”

“ อย่ามัวแต่ดีใจสิไอ้เด็กบ้า! วิ่งไปที่เบสสิ!”  ผมมัวแต่กระโดดโล้ดเต้นจนลืมไปว่าหลังจากตีลูกได้แล้วผู้เล่นจะต้องวิ่งไปเหยียบเบสทั้งสี่ก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะคว้าลูกได้แล้วโยนกลับมา สองมือรีบทิ้งไม้ก่อนจะวิ่งออกไปเท่าที่แรงของผมจะทำได้...ซึ่งมันคงต้วมเตี้ยมในสายตาของเขาน่าดู

“ ฮะ ฮะ ฮะ”   แต่ถึงอย่างนั้นผมก็ยังหัวเราะ

“ โค้ช?”  ผมมาหยุดยืนหอบน้อยๆอยู่ที่เบสสุดท้ายก่อนจะเงยหน้าเรียกเขาด้วยความสงสัย เพราะจู่ๆเขาก็ยืนนิ่งแล้วมองผมด้วยรอยยิ้มจางๆ....

เอ๋?....เมื่อกี้เขายิ้มงั้นหรอ?

“ อยากลองขว้างดูบ้างไหม?”  เขาสะบัดหน้าหนีก่อนจะหันกลับมาอีกทีด้วยใบหน้าโหดตามเดิม

“ อ่า....ครับ...”  ผมขยับเข้าไปยืนในตำแหน่งพิชเชอร์ซึ่งเขายืนอยู่ก่อนหน้านี้ ก่อนจะมองลูกเบสบอลในมือของเขา

“ ที่จริงจะจับลูกยังไงก็แล้วแต่เทคนิคของใครของมัน...ชั้นจะบอกตำแหน่งการจับลูกที่ดีที่สุดของชั้นให้ก็แล้วกัน”  ผมขยับเข้าไปยืนใกล้ๆแล้วมองมือที่เห็นเส้นเลือดชัดเจนของเขา...มันดูสมกับเป็นมือของผู้ชายมากๆ...เทียบกับมือของผมแล้ว....คนละเรื่องกันเลย

“ ไม่ใช่...เอาอุ้งมือรองไว้อย่างนี้สิ”  เขาจับมือผมก่อนจะกดปลายนิ้วของผมลงบนลูกบอล

มันก็แค่การจับมือเพื่อสอนพื้นฐานการจับบอลธรรมดาๆ...แล้วทำไมผมถึงได้รู้สึกร้อนที่ใบหน้าขึ้นมากันนะ

“ โฮ่ย...หน้าแดงหรือเปล่าน่ะ? เป็นอะไร? ไข้ขึ้น? งั้นวันนี้พอก่อนแล้วกัน”   ยิ่งเขาจ้องหน้าผมมันก็ยิ่งแดงขึ้นน่ะสิ แต่ผมก็บอกกับเขาไม่ได้ว่ามันเป็นเพราะอะไร

“ งะ งั้นผมไปตากผ้าก่อนนะครับ”  ผมรีบก้มหน้าก้มตาเดินเข้าไปในห้องชมรม และกว่าจะจัดการทุกอย่างเสร็จ พระอาทิตย์ก็ลาลับขอบฟ้าไปแล้ว...


กุญแจห้องชมรมถูกไขปิดก่อนที่ผมจะเดินตามเขาไปยังโรงจอดจักรยานเงียบๆ แสงไฟค่อยๆกระพริบติดขึ้นมาทำให้คิดว่าป่านนี้คงจะไม่มีคนเหลืออยู่ในโรงเรียนแล้ว แต่ในขณะที่ขาตั้งใจจะเดินไปข้างหน้าก็รู้สึกว่าที่ชายเสื้อถูกดึงรั้งให้ตัวเอนไปข้างหลัง

ใครมาจับน่ะ? หรือว่าจะเป็นพวกชมรมเชียร์ที่มักจะโผล่มาได้ทุกที่ทุกเวลาที่ผมอยู่ตามลำพัง?

แต่เมื่อผมหันกลับไปดู นัยน์ตาทั้งคู่ก็ต้องเบิกค้าง.....นี่มัน....เด็กผู้หญิงจากโรงเรียนข้างๆ?

ที่ผมรู้ก็เพราะว่าชุดนักเรียนที่เธอสวมอยู่...ใบหน้าของเด็กสาวก้มลงอย่างอายๆ ถึงจะมืดสลัวแต่ผมก็ยังสามารถมองเห็นรอยแดงบนแก้มของเธอได้อย่างชัดเจน...เด็กผู้หญิงตรงหน้าจัดว่าน่ารักมากทีเดียว...

" เอ่อ....คือ...ขอเวลาสักครู่...ได้ไหมคะ..."  เปล่าหรอก...เธอไม่ได้พูดกับผม...เพราะคนที่เธอหันหน้าไปหาคือของโค้ชของผมต่างหาก...


อ่า...สถานการณ์แบบนี้นี่มัน....


" ถ้าจะสารภาพรักละก็ ขอปฏิเสธเลยแล้วกัน ขอโทษที"

น่ะ!!...เสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาอย่างไร้เยื่อไยและเข้าใจสถานการณ์เป็นอย่างดีนี่มันจะโหดร้ายเกินไปไหม...เขาก็ยังคงเป็นเขาที่ไม่เคยสนใจความรู้สึกของเด็กผู้หญิงที่ชอบเขาเลยสักนิด...ยังคงไม่คิดจะอ่อนโยนด้วยแม้แต่คำพูดที่ใช้ปฏิเสธ...

น่าสงสารชะมัด...เพราะเด็กผู้หญิงคนนี้ไม่มีแม้แต่โอกาสที่จะได้บอกว่าชอบเขา...

" เอ่อ คือ..."  ผมได้แต่ยืนอึกอักละล่ำละลักอยู่ตรงหน้าเด็กสาว ในหัวพยายามนึกคำพูดปลอบใจ แต่อย่างผมก็คงไม่มีสิทธิ์อะไรไปปลอบใจเธอ

" มัวช้าอะไรอยู่ล่ะไอ้เด็กเหลือขอ นายกลับบ้านดึกได้หรือไง เดี๋ยวไข้ก็ขึ้นอีกหรอก มานี่"  มือแข็งแรงของเขาดึงต้นแขนของผมก่อนจะลากออกไปโดยไม่สนใจเด็กผู้หญิงที่ยืนทำหน้าจะร้องไห้อยู่เลยสักนิด

ผมก็รู้อยู่หรอกนะว่าเขาเย็นชา...แต่พอได้เห็นกับตาแบบนี้ในใจกลับนึกหวาดหวั่น

จะกลัวอะไรกันล่ะ...ผมน่ะ?





" ผมว่า...สักวันกรรมจะต้องตามสนองคุณ ที่ไปทำเด็กผู้หญิงร้องไห้แบบนั้น..."   ผมนั่งบู่ปากอยู่ท้ายจักรยานที่กำลังปั่นไปเรื่อยๆ....แต่ก็น่าแปลกที่อีกใจกลับรู้สึกโล่งอกกับคำตอบของเขา

" หึ...ทุกวันนี้ที่ชั้นต้องคอยดูแลนายก็ถือว่ากรรมตามสนองพอแล้วละ"  ดูเหมือนเรื่องเมื่อกี้จะไม่ได้อยู่ในสายตาของเขาเลย เขาจึงเมินเฉยกับมันแล้วหันมาหยอกล้อผมแทน

" ห่ะ....ผมไม่ได้เลี้ยงยากซักหน่อย"  ได้ยินเสียงเขาหัวเราะเบาๆมาตามสายลม...ผมเหม่อมองท้องน้ำที่สะท้อนแสงไฟยามค่ำคืน...ประกายระยิบระยับของมันทำให้ผมเผลอคิดถึงเรื่องในอดีตของเขา

" นี่โค้ช...ผมถามคุณจริงๆเถอะ...ไม่คิดจะมีความรักใหม่บ้างหรอครับ? ถึงคุณจะรักเค้ามากแต่เค้าก็ตายไปแล้วไม่ใช่หรอครับ?"   เป็นคำถามที่ผมก็ไม่แน่ใจว่าผมถามเผื่อใครๆหรือถามให้ตัวเองกันแน่? แต่เขากลับตอบมาราวกับว่าไม่เข้าใจ...

" ตายแล้ว?"

" ก็...นั่นไง...เอ่อ...ขอโทษนะครับถ้าผมไปสะกิดแผลใจคุณ"   ผมเพิ่งจะนึกขึ้นได้ว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องต้องห้ามสำหรับเขาก็ได้ ผมจึงหุบปากเงียบไป แต่เขากลับ...

" พูดอะไรไม่รู้เรื่องน่ะไอ้เด็กเหลือขอ? อธิบายมาดีๆซิ"

" เอ๋? ก็...คนเค้าลือกัน...ว่าอุบัติเหตุครั้งนั้นนอกจากทำให้คุณบาดเจ็บสาหัสจนกลับไปเล่นเบสบอลอีกไม่ได้....แฟนของคุณ...ยังตายไปในอุบัติเหตุนั่นด้วย....ไม่ใช่หรอครับ?"  ผมพูดออกไปอย่างกล้าๆกลัวๆ

"................."  ดูเหมือนเขาจะชะงักไปจริงๆด้วย มันจึงมีเพียงเสียงวงล้อของจักรยานที่หมุนต้านสายลมให้ได้ยิน

" โค้ช?...."

" .............อืม...ชั้นถือว่าเธอตายไปแล้ว...."  

" เอ๋?"   ....ถือว่า...นั่นมันหมายความว่ายังไง?

" .......พวกเราทะเลาะกัน เพราะเธอขอเลิก...ชั้นเพิ่งรู้ตอนนั้นเองว่าสิ่งที่ชั้นคิดว่ามันคือความรักจริงๆแล้วมันไม่ใช่...ที่เธอคบกับชั้นก็เพราะชั้นแค่มีชื่อเสียงก็เท่านั้นเอง...เราทะเลาะกัน...เธอเดินจากไป...จากนั้นรถของชั้นก็คว่ำ"  เสียงทุ้มที่ตอบกลับมานั้นฟังดูโดดเดี่ยวอ้างว้าง สิ่งที่เขาพูดทำให้ผมได้แต่นิ่งงัน แบบนี้มันเจ็บปวดยิ่งกว่าตายจากกันไปด้วยความรักอีกไม่ใช่หรือไง

" หมายความว่า...เธอยังมีชีวิตอยู่?"

" ใช่....แต่สำหรับชั้น...เธอตายไปตั้งแต่วันนั้นแล้ว"

"..........."   เพราะแบบนี้เองสินะ เขาถึงได้ไม่อยากรักใครอีก ไม่อยากคบกับใครอีก

เขาคงจะกลัว...กับการที่ต้องถูกหักหลังจากคนที่เขาคิดว่ารักเขา

สองแขนเอื้อมไปกอดกระชับรอบเอวของเขาแน่นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าซุกลงไปที่แผ่นหลังแข็งแกร่งจนเขาหันมามอง

" ผม....อยากให้คุณมีความสุข...." 

นั่นคือความรู้สึกจากใจจริงของผม....อยากจะแบ่งเบาความเศร้าหมองของเขา อยากจะอยู่ข้างๆปัดเป่าความอ้างว้างให้ออกไปจากหัวใจของเขา


บางที...


ความรู้สึกที่ผมมีต่อเขา....อาจจะไม่ได้ต่างไปจากเด็กผู้หญิงคนเมื่อกี้เลยก็เป็นได้....









ไม่ได้มีแต่การแข่งขันเบสบอลระดับมัธยมปลายทั่วประเทศเท่านั้นที่ใกล้เข้ามา การสอบปลายภาคที่เป็นสิ่งแสดงว่าเทอมแรกในม.ปลายปีหนึ่งของผมกำลังจะจบลงก็ใกล้เข้ามาด้วยเช่นกัน

ทั้งๆที่ผมควรจะมีสมาธิกับการอ่านหนังสือสอบ แต่สิ่งที่อยู่ในใจของผมกลับเป็นเรื่องของเขา แล้วนานเข้ามันก็ยิ่งชัดเจนจนน่ากลัว...

“ เอเลน!!”  เสียงตะโกนของแม่ทำให้ผมหลุดจากภวังค์ เงาร่างของตัวเองที่สะท้อนจากกระจกทำให้เผลอถอนหายใจ...ผู้หญิงก็ไม่ใช่ หน้าอกก็ไม่มี แถมยังขี้โรค...ขนาดเด็กผู้หญิงที่สวยขนาดนั้นเขายังไม่ชายตาแล...อย่างผมคงหมดหวัง...

“ เอเลน!! เด็กคนนี้นี่...เอเลน!!! โค้ชมารอนานแล้วนะ ตื่นรึยัง?! ลงมาได้แล้ว!”  เสียงของแม่ทำให้ผมสะบัดใบหน้าไปมาอย่างเรียกสติ...ช่างเถอะ...มันอาจจะเป็นแค่ความหลงใหล...อาจจะไม่ใช่ความรักก็ได้?...จะว่าไป...ผมเคยรู้จักมันเสียที่ไหน

“ คร้าบ...”  มือคว้ากระเป๋าก่อนจะวิ่งเหยาะๆลงบันไดและเมื่อเปิดประตูบ้านออกไปก็เห็นเขานั่งคร่อมรออยู่บนจักรยาน

“ อุหว่ะ....หน้าตาดูไม่ได้เลยแหะนายน่ะ...”  และนั่นก็คือคำแรกที่เขาทักผม...คนยิ่งจิตตกๆอยู่ยิ่งทำให้สลดเข้าไปใหญ่...ใช่ซี้...ก็ผมมันไม่น่ารักนี่!

“ ตาดำเป็นหมีเชียว อ่านหนังสือหรอ?”  มือของเขาประคองเข้ามาที่แก้มของผมก่อนจะกดปลายนิ้วโป้งลงไปที่ใต้ดวงตา การกระทำที่อ่อนโยนผิดกับใบหน้าทำให้หัวใจของผมรู้สึกอุ่นขึ้นมา

“ ครับ...ก็อาทิตย์หน้าจะสอบปลายภาคแล้วนี่...อ่านยังไงก็ไม่เข้าหัว แย่จัง...”  ก็เพราะว่ามีแต่เรื่องของเขาอยู่เต็มหัว อะไรๆมันเลยรับเข้าไปไม่ได้อีก  ผมได้แต่เดินถอนหายใจแล้วนั่งซ้อนลงไปที่ท้ายจักรยานของเขา...จะว่าไปก็ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่เหมือนกันที่เราไปและกลับจากโรงเรียนด้วยกัน

“ ถ้าง่วงก็นอนซะสิ...ชั้นให้ยืมหลังก็ได้”  ผมไม่รู้หรอกนะว่าเขาคิดก่อนที่จะพูดหรือเพียงแค่ต้องการจะหยอกเย้าผมเล่นเหมือนทุกที แต่มันก็ทำให้ผมดีใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลยละ  ใบหน้าจึงซบลงไปที่แผ่นหลังของเขาก่อนจะหลับตาลงช้าๆ

“ ถ้างั้นก็...ขอยืมหน่อยแล้วกันนะครับ”  คงจะเป็นเพราะสายลมผสมไออุ่นที่แผ่ออกมาจากหลังของเขาทำให้นัยน์ตาของผมปิดลงได้อย่างง่ายดาย ความรู้สึกปลอดภัยทำให้สามารถปล่อยร่างกายให้เข้าสู่นิทรา....จนกระทั่งผมมานอนอยู่ที่ม้านั่งยาวของห้องชมรมได้ยังไงก็ไม่ทันรู้ตัว


“ อือ...”  ผมลุกขึ้นมานั่งทั้งๆที่ยังสะลึมสะลือ สองมือยกขึ้นขยี้ตาพลางหาวหอด

“ หลับน้ำลายยืดเชียว น่าเกลียดจริงๆ”  เขาดึงทิชชูจากกล่องมาแปะลงที่ปลายคางของผมที่ได้แต่อมยิ้ม...เพิ่งเห็นว่าท่อนบนของเขามีเพียงเสื้อยืดสีขาวตัวเดียว เพราะเสื้อวอร์มสีดำมันอยู่บนลำตัวของผมเอง

“ โค้ช...แบกผมมาหรอครับ?”  จากโรงจอดจักรยานถ้าจะมาถึงนี่ได้โดยที่ผมไม่รู้สึกตัวขนาดนี้ เขาคงจะอุ้มผมมา

“ ก็ว่าจะปล่อยให้นอนตากยุงอยู่ที่โรงจอดจักรยานนั่นแหละ เขี่ยเท่าไหร่ก็ไม่ตื่น แต่ถ้าใครมาเห็นผู้จัดการชมรมเบสบอลไปนอนน้ำลายย้อยอยู่ตรงนั้นมันคงไม่ดีเท่าไหร่ ก็เลยต้องแบกมา”  ผมได้แต่นั่งขำกับความอ้อมโลกของเขา ไม่รู้จะอธิบายให้ยืดยาวไปทำไมกันนะ

“............บอกไอ้เด็กเหลือขอพวกนั้นด้วยว่า อาทิตย์นี้ชมรมงดซ้อมให้ก็แล้วกัน เพราะถ้าสอบตกขึ้นมาแล้วต้องอยู่ซ่อมตอนปิดเทอม มันจะซ้อมลำบาก”   เขายกมือขึ้นลูบคางพลางบอกกับผม

“ เอ๋? ครับ...”  จะว่าไปมันก็เหนื่อยจริงๆนั่นแหละ ถ้าต้องซ้อมจนหมดแรงแล้วกลับบ้านไปอ่านหนังสือต่อ ยังไงก็ยาก...ว่าแต่ที่เขาบอกว่าซ้อมช่วงปิดเทอมนี่มัน.....

“ นายเองก็เตรียมทำเรื่องแล้วก็ขอเอกสารสำหรับการเข้าค่ายซ้อมช่วงปิดเทอมด้วยล่ะ”  ......เข้าค่าย....งั้นหรอ? จากที่ยังง่วงๆมึนๆ รู้สึกตื่นขึ้นมาเลยละ

“ อ้อแล้วก็...เย็นนี้โทรไปบอกแม่นายซะ ว่านายจะไปค้างที่บ้านชั้น”   ห๋า?!!! ผมจะไปค้างที่บ้านเขาตั้งแต่เมื่อไหร่? หรือผมเป็นคนบอกเขาอย่างงั้นหรอ? ผมละเมอบอกเขาอย่างงั้นหรอ? ผมได้แต่พยักหน้ารับทั้งๆที่ยังงงๆ และเขาคงจะเห็นใบหน้าสงสัยของผม เขาจึงได้เอ่ยปากเฉลย

“ ก็นายบอกว่าอ่านหนังสือไม่รู้เรื่องใช่ไหมล่ะ ชั้นจะติวให้...เพราะก่อนที่ชั้นจะมาเอาดีด้านเบสบอล ชั้นก็มีผลการเรียนอยู่อันดับต้นๆไม่ต่ำเตี้ยเรี่ยดินแบบนายหรอก”  ไม่แน่ใจว่าเขากำลังทำหน้าภูมิใจหรือเยาะเย้ยผมกันแน่ แต่เดี๋ยวเถอะ! ผมไม่ได้คะแนนแย่แบบนั้นซักหน่อย อย่างน้อยก็อยู่กลางๆละน่า

ผมตีหน้าบูดกลบรอยแดงบนแก้มก่อนจะเดินไปหยิบปากกากับกระดาษเพื่อเขียนประกาศบอกสมาชิกชมรมทุกคนตามที่เขาว่ามา...เขาจะรู้ไหมนะว่าผมต้องตั้งสมาธิแค่ไหนกว่าจะเขียนมันจนจบได้...นั่นก็เพราะผมไม่เคยคิดมาก่อนเลยน่ะสิ ว่าจะได้ไปบ้านของเขา แถมยังได้สิทธิ์ค้างคืนอีกต่างหาก...



แล้วก็ไม่ใช่แค่เฉพาะช่วงเช้าเท่านั้น แต่วันทั้งวันผมแทบจะเรียนไม่รู้เรื่องเลย....



จนกระทั่ง...

ผมกลับมานั่งซ้อนจักรยานของเขาที่ปั่นเลาะริมแม่น้ำไปเรื่อยๆ...เพราะวันนี้งดซ้อมพวกเราเลยได้กลับบ้านเร็วกว่าปกติ...ซึ่งนั่นก็หมายความว่าผมคงมีเวลาอยู่กับเขาที่บ้านนานขึ้นกว่าเดิม


ทั้งๆที่ผมคิดแบบนั้น...


ทั้งๆที่ผมคิดว่าเราจะได้ทำอะไรด้วยกันกระหนุงกระหนิง


แต่ความจริงแล้ว....



“ นอนซะ”   ประโยคสั้นๆเอ่ยขึ้นทันทีที่ผมนั่งลงบนโซฟาในบ้านสีขาวสะอาดตาหลังไม่ใหญ่ไม่เล็ก

“ เอ๋? นอน??”  ผมได้แต่ทำหน้าเอ๋อเพราะกำลังงงกับคำพูดของเขา...นี่คงไม่ได้คิดจะทำอะไรๆกับผมใช่ไหมถึงได้ล่อลวงมาถึงนี่แล้วสั่งผมแบบนี้น่ะ?

“ เป็นโซฟาคงนอนลำบากสินะ งั้นมานี่”  แล้วข้อมือของผมก็ถูกมือแข็งแรงของเขาจับหมับก่อนจะออกแรงลากให้เดินตามไป สองขาก้าวขึ้นบันไดด้วยใบหน้าที่เหวอหนักกว่าเดิม...พาผมขึ้นชั้นสองแบบนี้คงไม่ได้จะเลี้ยงข้าวเข้าครัวแน่นอน

“ คะ โค้ช?”  ผมพยายามขืนตัวเองไว้บ้างแต่ก็ดูท่าทางจะไม่กระทบอะไรกับแรงของเขาเลยสักนิด ฝ่ามือแข็งแรงจับไหล่ผมกดลงไปให้นั่งบนเตียงก่อนที่เสียงทุ้มจะสั่งออกมาเป็นคำเดิม

“ นอนซะ”  ถ้าเขาจะทำจริงๆอย่างผมจะไปสู้ยังไงได้ ร่างกายจึงค่อยๆนอนลงไปตามที่เขาต้องการ...กลิ่นสะอาดๆที่คล้ายกับกลิ่นตัวของเขาทำให้เผลอสูดกลิ่นเข้าไป...มาจากหมอนงั้นหรอ?...แล้วจู่ๆเปลือกตาของผมรู้สึกหนักๆขึ้นมา...คงจะเป็นเพราะอ่านหนังสือไม่ได้หลับไม่ได้นอนมาหลายวัน พอได้อยู่ในที่ที่รู้สึกผ่อนคลาย นัยน์ตาจึงปิดลงได้อย่างง่ายดาย....นี่เขาเป็นยานอนหลับหรือยังไงกันนะ...ถึงกล่อมผมได้สนิทใจขนาดนี้


แล้วผมก็เพิ่งจะเข้าใจเหตุผลของเขาเมื่อผมตื่นขึ้นมา....


ทั้งๆที่นอนไปแค่ไม่กี่ชั่วโมงแต่ผมกลับรู้สึกสดชื่นและปลอดโปร่งจนไม่ว่าเขาจะติวอะไรให้ผม ผมก็จำได้จนหมด...ไม่น่าเชื่อเลยว่ามนต์สะกดของเขาจะทรงอานุภาพขนาดนี้

“ เป็นไงบ้างครับ?”  ผมมองเขาซึ่งกำลังถือกระดาษคำตอบที่เพิ่งทำไปด้วยนัยน์ตาเป็นประกาย

“ ก็ไม่เลว...ถ้าจะทำก็ทำได้นี่ไอ้เด็กเหลือขอ”  ผมถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเขาวางกระดาษคำตอบลง...ที่เหลือก็แค่ตอนสอบทำให้ได้แบบนี้สินะ

“ ขอบคุณมากเลยนะครับโค้ช”  ถ้าเอาหน้าเข้าไปถูไถเขาได้ผมคงทำไปแล้ว แต่เพราะผมไม่ใช่ลูกหมาผมจึงทำได้แค่นั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ให้เขาเท่านั้นเอง

“ อ่านหนังสือไป ชั้นจะไปชงชาเพิ่ม”  ฝ่ามือแข็งแรงขยี้หัวผมอย่างนึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมาละมั้งก่อนที่เขาจะถือกาน้ำชาแล้วเดินออกจากห้องไป....จะว่าไปผมก็แปลกใจอยู่เหมือนกันนะที่เขาเลือกที่จะติวให้ผมแทนที่จะเป็นสมาชิกชมรมคนอื่นๆ เพราะหากเทียบกันแล้วผู้จัดการทีมอย่างผมก็ไม่น่าจะสำคัญเท่าผู้เล่นอย่างเอสของทีม เขาน่าจะไปติวให้พวกนั้นมากกว่าอีกนะ...อ่า...แต่พอคิดอีกที ผมก็ไม่รู้เลยนี่นะว่าพวกนั้นตอนเรียนเป็นยังไงบ้าง อาจจะคะแนนดีอยู่แล้วก็ได้?

ผมแอบกวาดสายตามองไปรอบๆห้องที่แสนจะเป็นระเบียบเรียบร้อยของเขา ข้าวของทุกชิ้นล้วนสะอาดสะอ้านจนแทบจะขึ้นเงาจนผมอดสงสัยไม่ได้ว่าเขาเป็นหนุ่มโสดแน่นะ? บ้านของเขานี่อย่างกะมีภรรยามาคอยทำให้เลย!

ใบหน้าหันไปมองประตูก่อนจะแอบลุกขึ้นช้าๆแล้วย่องๆไปที่โต๊ะทำงานของเขา มีหนังสือเกี่ยวกับเบสบอลตั้งอยู่เต็มไปหมด นอกนั้นก็มีสมุดจดที่ผมเห็นเขาถืออยู่ทุกวันแล้วก็ดินสอปากกามากมายเสียบอยู่ในที่ใส่ บนโต๊ะของเขาไม่มีขยะหรือสิ่งของวางระเกะระกะเหมือนโต๊ะของคนทั่วไปเลยแหะ สงสัยคงจะเก็บทุกวันเลยมั้งเนี่ย? ผมอมยิ้มก่อนจะหยิบกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะเขาขึ้นมา...ไม่คิดเลยจริงๆนะว่าเขาจะตั้งรูปนี้เอาไว้บนโต๊ะ....มันเป็นรูปที่ถ่ายเมื่อเดือนก่อนกับสมาชิกชมรมเบสบอลทุกคน...ผมนึกว่าเขาจะไม่สนใจมันเสียอีก

มือวางกรอบรูปนั่นลงบนโต๊ะช้าๆ....ถ้าเขาตั้งมันเอาไว้เพราะในรูปนั้นมีผมอยู่ด้วยก็คงจะดีสิน้า...อ๋า...ความคิดอย่างกับสาวน้อยเลยแหะ ผมได้แต่สะบัดใบหน้าที่ยังเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

แต่จะว่าไปในห้องของเขากลับไม่มีโปสเตอร์ทีมเบสบอลที่ชอบหรือหนังสือนิตยสารของทีมเก่าที่เขาเคยอยู่เลยแหะ ไม่มีแม้แต่รูปที่ถ่ายกับเพื่อนร่วมทีมของตัวเองหรือภาพตอนรับถ้วยแชมป์ลีกเลยสักใบ....ไม่มี...รูปของผู้หญิงที่เขาเคยรัก

แล้วสายตาก็ไปหยุดอยู่ที่ลิ้นชักโดยอัตโนมัติ ผมลอบกลืนน้ำลายอย่างที่รู้ว่ามันผิดที่จะไปแอบดูความลับของคนอื่น แต่ผมก็อยากรู้และบางทีในลิ้นชักของคนที่ตัดสินใจจะทิ้งอดีตไปแล้วแบบเขามันอาจจะไม่มีอะไรเลยก็ได้...อาจจะเป็นลิ้นชักที่ว่างเปล่า...เพื่อรออนาคตมาเติมมันให้เต็มอีกครั้ง


เหมือนกับเขาที่ใช้ชีวิตราวกับกำลังรอใครสักคนอยู่...


มือของผมดึงลิ้นชักออกช้าๆ...ความว่างเปล่าค่อยๆปรากฏแก่สายตา....มันไม่มีอะไรอย่างที่ผมคิดจริงๆ...

แต่เดี๋ยวนะ?

ไม่ใช่ว่าไม่มี....

เพราะเมื่อผมดึงมันออกมาเรื่อยๆ มุมกระดาษสองสามแผ่นก็ค่อยๆโผล่ออกมาให้เห็น....มันเป็นกระดาษรูปถ่ายที่คว่ำหน้าอยู่....รูป...ของใครกัน?

ผมหยิบมันขึ้นมาด้วยหัวใจที่เต้นระรัวและพอพลิกมัน...นัยน์ตาก็ถึงกับนิ่งค้าง...

เพราะหากมันเป็นรูปครอบครัวของเขา หรือรูปเพื่อนของเขา หรือแม้แต่รูปผู้หญิงที่เขาเคยรัก ผมคงจะไม่หัวใจแทบหยุดเต้นแบบนี้....เพราะรูปที่อยู่ในมือผม....


มันเป็นรูปของผมเอง...


เอ๋?

ทำไมกันล่ะ?

มือสั่นๆคว้าลงไปที่รูปอีกสองสามใบที่เหลือก่อนจะพลิกมันขึ้นมาดู...แล้วมันก็ล้วนเป็นรูปของผมทั้งสิ้น...เป็นรูปที่เหมือนจะแอบถ่ายมาเพราะผมไม่เคยรู้ตัวเลยว่าไปถ่ายรูปแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่

นัยน์ตาได้แต่เบิกกว้าง ที่ใต้อกซ้ายเองก็เดี๋ยวเต้นโครมครามเดี๋ยวเกือบจะหยุดเต้น มีแต่คำถามเต็มหัวผมไปหมดว่านี่มันอะไรกัน ทำไมถึงมีรูปของผมอยู่ในลิ้นชักของเขา


แกร่ก....


และเพราะมัวแต่ตื่นตะลึงผมจึงไม่ทันจะได้ขยับตัวไปไหน....จนเขากลับมา....

ผมหันไปมองตามเสียงประตูที่เปิดออกด้วยเหงื่อแตกพลั่ก เขายืนนิ่งค้างอยู่ข้างบานประตู....ด้วยสีหน้าที่แทบจะไม่เปลี่ยนไป...แต่ผมกลับรับรู้ได้ว่าเขากำลังโกรธ...

กาน้ำชาถูกวางลงไปบนโต๊ะญี่ปุ่นซึ่งมีหนังสือกับชีสต์ที่ยังติวค้างเอาไว้ ก่อนที่เขาจะเดินตรงมาที่ผม ฝ่ามือแข็งแรงจับข้อมือของผมเอาไว้ก่อนจะดึงรูปถ่ายพวกนั้นโยนกลับไปในลิ้นชักแล้วปิดมันด้วยเสียงดังลั่น

“ ถ้าไม่ติวต่อแล้วก็ไปนอนซะ”   เขาลากผมออกมาจากห้องก่อนจะพาไปโยนไว้ที่ห้องข้างๆ

“ โค้ช!! ผมขอโทษ ผมไม่ได้ตั้งใจจะแอบดู.....”   เขาปิดประตูใส่หน้าโดยไม่รับฟังคำแก้ตัวของผม

ผมได้แต่ทิ้งตัวนั่งลงบนเตียงในห้องที่ดูเหมือนจะเป็นห้องนอนแขก เพราะบ้านหลังนี้ไม่มีใครอยู่อีก

ในหัวยังคงเต็มไปด้วยคำถามและภาพของรูปถ่ายพวกนั้น


เขา.....คิดอะไรกับผมหรือเปล่า....


อยากรู้...


อยากรู้จริงๆ...







แต่จนแล้วจนรอดก็ไม่ได้ถามออกไป....วันรุ่งขึ้นเขายังคงทำตัวกับผมตามปกติราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น อีกทั้งอาทิตย์นั้นทั้งอาทิตย์เราก็แทบไม่ได้เจอกันเพราะเป็นช่วงแห่งการสอบปลายภาคและชมรมก็ไม่มีซ้อม

ถึงจะมีเรื่องของเขารบกวนจิตใจอยู่แต่ผมก็พยายามทำข้อสอบจนผ่านตัวแดงมาได้ทุกวิชาแล้วก็ดูเหมือนว่าคะแนนของผมจะดีที่สุดของทั้งชมรมแล้วละ

ยิ่งพอเอากระดาษคำตอบที่บ่งบอกคะแนนของสมาชิกแต่ละคนมากองรวมกัน มันก็ยิ่งเห็นได้ชัดว่าเจ้าพวกนั้นที่ผมคิดว่ามันคงจะเรียนกันดีอยู่แล้วน่ะ ผมคิดผิด เพราะแต่ละคนคะแนนแทบจะตกไม่ตกแหล่ ซึ่งความเป็นจริงข้อนี้ผมคิดว่าเขาน่าจะรู้ดี

ถ้างั้นที่ยังเลือกติวให้ผมคนเดียว...มันอาจจะมีเหตุผลอื่นสินะ?

ยิ่งรู้แบบนั้น....ความรู้สึกที่ผมมีให้เขามันก็ยิ่งถอนตัวไม่ขึ้นมากกว่าเดิม...


ถ้าผมกับเขา...ถ้าพวกเราใจตรงกันก็คงจะดี....












ในที่สุดปิดเทอมก็มาถึง...

และในขณะที่นักเรียนคนอื่นๆนอนอืดกันอยู่ที่บ้าน พวกสมาชิกของชมรมเบสบอลกลับต้องไปเข้าค่ายซ้อมตลอดเวลาสองอาทิตย์

ผมก้าวขาลงจากรถไฟก่อนจะเงยหน้ามองขุนเขาที่ล้อมอยู่รอบด้าน ได้ยินเสียงสูดอากาศเข้าปอดดังมาจากเจ้าพวกที่สะพายกระเป๋ากีฬาใบใหญ่เดินตามลงมา บางคนก็บิดขี้เกียจอย่างคลายความเมื่อยล้าจากการที่ต้องนั่งรถไฟมาเป็นชั่วโมงๆ  ถึงจะไกลจากโรงเรียนของผมไม่ใช่น้อยแต่ที่นี่ก็ยังอยู่ในเขตจังหวัดเดียวกันและเจ้าของเรียวกังบนเขานั่นก็เป็นแฟนตัวยงของทีมเบสบอลโรงเรียนผมเชียวละ ถึงได้จัดการเรื่องที่พักสำหรับค่ายซ้อมให้ทุกปีๆแบบนี้

ทางขึ้นเรียวกังเริ่มชันขึ้นเรื่อยๆตามความลาดเอียงของภูเขา ถึงแม้สองข้างทางเดินปูหินนี้จะมีต้นไม้เขียวขจีแต่สำหรับผมที่ไม่ได้แข็งแรงทรงพลังเหมือนสมาชิกชมรมคนอื่นๆจึงเริ่มหอบน้อยๆ เหงื่อเม็ดเล็กเริ่มผุดพราวอยู่ทั่วใบหน้า ก่อนที่จู่ๆจะมีมือของใครบางคนมาดึงกระเป๋าของผมไป

“ เอ๋? โค้ช?”  เขายังคงเดินต่อด้วยใบหน้าเรียบเฉยทั้งๆที่เอากระเป๋าของผมไปสะพายไว้...การกระทำที่ไร้คำพูดของเขามันทำให้ผมตกหลุมรักครั้งแล้วครั้งเล่า เขาจะรู้ตัวบ้างหรือเปล่า...

ยิ่งนึกถึงรูปของผมในลิ้นชักโต๊ะทำงานในห้องนอนเขา...ใบหน้าก็รู้สึกร้อนผ่าวอย่างช่วยไม่ได้...เขารู้สึกอะไรกับผมหรือเปล่า หรือว่านั่นเป็นเพียงแค่รูปที่ไปยึดมาจากสมาชิกชมรมซึ่งเหมือนพวกนั้นจะมีรูปแอบถ่ายของผมอยู่...ผมอยากรู้...อยากรู้ๆๆ


ในที่สุดก็เดินขึ้นมาถึงเรียวกังที่ตั้งอยู่บนเขาจนได้ ผมยันแขนลงไปกับต้นขาพลางหอบแฮ่กทั้งๆที่เจ้าพวกบ้าพลังทั้งหลายยังยืนคุยกันสบายๆ ในกระเป๋าของพวกนั้นมีทั้งไม้เบสบอลทั้งถุงมือทั้งลูกเบสบอลที่รวมๆกันแล้วก็หนักเอาเรื่อง แต่เจ้าพวกนั้นกลับแบกมันขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย ต่างจากกระเป๋าของผมที่มีแค่ยาเบาๆผมยังต้องให้โค้ชแบกขึ้นมาให้ คนที่มีร่างกายแข็งแรงนี่มันจะน่าอิจฉาเกินไปแล้ว!

เจ้าของเรียวกังเดินมาเชิญพวกเราเข้าไป ดูเหมือนจะเตรียมห้องโถงใหญ่ๆเอาไว้สำหรับสมาชิกชมรมนอนรวมกันห้องหนึ่ง และห้องพักปกติของโค้ชอีกห้องหนึ่ง ซึ่งก็ดูไม่น่าจะมีปัญหาอะไรถ้ามันจะไม่มีคนเริ่ม....

“ เอเลนนายนอนข้างๆชั้นนะ ตัวนายท่าจะนิ่มน่าจะเป็นหมอนข้างที่ดี”  ใครสักคนดึงต้นแขนของผมเข้าไปหาจนแทบเซถลา แต่ยังไม่ทันจะมองหน้า...

“ ได้ไงว่ะ ชั้นก็จะนอนข้างหมอนี่ ยังดีนะที่ชมรมเรายังมีเอเลนอยู่ ไม่งั้นคงได้เฉาตายในป่าในเขาแบบนี้แน่”  แขนอีกข้างถูกจับดึงไปอีกทาง...มีผมอยู่แล้วมันยังไง? อีกอย่างผมก็ไม่ใช่หมอนข้างนะ! ริมฝีปากเตรียมจะอ้าด่า แต่ทว่า...

“ เฮ้ย! ชั้นก็จะนอนข้างๆเอเลน รึพวกนายไม่อยากได้รูปตอนหลับของหมอนี่”  ไอ้บ้านี่เองสินะที่แอบถ่ายรูปผม...ลำตัวเหมือนจะถูกดึงไปอีกทาง

“ ไม่ยอมหรอกนะเฟ้ย ชั้นก็จะนอนข้างหมอนี่ด้วย”  เอาแล้วไง...ตัวผมเริ่มถูกดึงไปดึงมาจนตาเริ่มลาย เสียงเถียงกันก็เริ่มจะดังมากขึ้น


ปี๊ดดดดดดด....


เสียงนกหวีดทำเอาเจ้าพวกป่าเถื่อนวิ่งไปเรียงแถวอยู่กลางห้องราวกับมันเป็นปฏิกิริยาตอบสนองของร่างกาย ผมยังคงยืนมึนอยู่กับที่และเมื่อมองไปที่คนเป่านกหวีดก็เห็นแต่สายตาละเหี่ยใจที่เขาใช้มองเหล่าลิงทโมนที่มาอยู่รวมกัน

“ หมอนี่จะไปนอนที่ห้องชั้น....หมดปัญหาแล้วใช่ไหม”   เอ๋?...เขาชี้นิ้วมาที่ผม? ก่อนที่จะได้ยินเสียงครวญครางของสมาชิกชมรมคนอื่นๆแต่ก็ไม่มีใครกล้าขัดขืนคำสั่งของเขา

สรุปว่า...

ผมต้องนอนห้องเดียวกับเขาสองต่อสองตลอดการเข้าค่ายในครั้งนี้!

โธ่...แล้วผมจะหลับลงได้ยังไง...




สนามเบสบอลที่จะใช้ซ้อมเป็นของโรงเรียนประถมที่อยู่เชิงเขา...นั่นหมายความว่าผมจะต้องขึ้นลงๆเขาลูกนี้ทุกวันเลยสินะ แค่คิดก็ขาอ่อนขึ้นมาแล้วละ

ร่างสูงใหญ่ในชุดฟอร์มเบสบอลของโรงเรียนต่างก็วิ่งเหยาะๆแซงหน้าผมไปจนในที่สุดผมก็เป็นคนเดินรั้งท้ายจนได้ เจ้าพวกนั้นมันไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยแถมยังเดินไปก็วอร์มกันไป ช่างมีร่างกายที่น่าอิจฉาจริงๆเลยนะ

เงาวูบไหวของอะไรไวๆวิ่งผ่านด้านข้างผมไปก่อนที่มันจะเลี้ยวมาปาดหน้า


จักรยาน?


แล้วคนที่คร่อมอยู่บนจักรยานนั้นก็ไม่ใช่ใคร...เขาพยักหน้าให้ผมซ้อนท้ายก่อนจะโยนนาฬิกาจับเวลาให้

“ ไอ้พวกเด็กเหลือขอทั้งหลาย! ชั้นจะจับเวลาวิ่งลงถึงเชิงเขา เอ้า! เริ่มได้!!”   จู่ๆเขาก็ตะโกนก้องจนผมกดนาฬิกาแทบไม่ทัน ปุ่มอะไรเป็นอะไรบ้างก็กดให้มั่วไปหมด...โธ่...จะทำอะไรก็บอกผมสักคำก่อนสิ

เขาปั่นจักรยานแซงหน้าไอ้พวกบ้าพลังที่กำลังวิ่งกันอย่างเอาเป็นเอาตายจนลงไปถึงเชิงเขาจนได้ การซ้อมดำเนินต่อไปจนเย็นซึ่งหมู่บ้านที่ราวกับตัดขาดจากโลกภายนอกแบบนี้มันก็ดีตรงที่พวกผมมีสมาธิกันมากขึ้น เพราะงั้นในแต่ละวันกว่าจะกลับถึงเรียวกังก็มือค่ำพอดี


“ เหนื่อยจังเลยน้า...ชั้นหมดแรงสุดๆเลยเนี่ย อยากแช่น้ำร้อนๆจัง”   ได้ยินเสียงใครสักคนร้องครางมาตามทางเดินเข้าเรียวกัง ทีตอนนี้ละทำเป็นบ่น เมื่อกลางวันยังเห็นหัวเราะกันร่า

“ เอเลน! ไปอาบน้ำกัน!”  ท่อนแขนแข็งแรงคว้ามาที่คอของผม รู้สึกหมั่นไส้ในความสูงใหญ่ของพวกมันจริงๆ

“ จริงด้วยๆ”  ลูกคู่อีกหลายเสียงร้องรับทันที...จะให้ไปอาบน้ำด้วยมันก็ได้อยู่หรอก ในเมื่อผมก็เป็นผู้ชาย ไม่เห็นจะแปลก

“ โฮ่ย...เจ้าลูกหมา นายต้องซักเสื้อผ้าไม่ใช่หรือไง?”  เสียงเข้มของเขาทำเอาเจ้าพวกนั้นคอตก? ผมเองก็หันไปถอนหายใจ...มาถึงนี่ก็ยังไม่พ้นหน้าที่ซักผ้าอีกสินะ

แล้วก็ดูเหมือนผ้าจะเยอะกว่าเดิมเป็นสองเท่าในเมื่อมันไม่ได้มีแต่ชุดฟอร์มเบสบอลแต่ยังมีเสื้อผ้าที่ใส่ไปรเวทอีกด้วย

เดี๋ยวนะ...

ในตะกร้าผ้าเหมือนมันจะไม่ได้มีแต่เสื้อกับกางเกงท่านั้นแต่มันยังมี....ชั้นใน?

ไอ้พวกบ้านั่นคิดจะให้ผมซักชั้นในให้ด้วยหรือไง?!! ฝ่ามือหยิบชั้นในที่ไซส์ใหญ่จนน่าหมั่นไส้ก่อนที่ฝ่าเท้าจะเดินกระทืบปึงๆไปที่ห้องอาบน้ำรวม

“ นี่พวกนาย!!”  เสียงตะโกนทะลุไอหมอกของน้ำอุ่นจนพวกนั้นหันมามอง

“ ว้ายยยย เอเลนลามก! นายยังเป็นเด็กอยู่เลยนะ ทำแบบนี้ไม่ดีๆ”  น้ำเสียงที่น่ากระทืบนั่นมันทำให้ผมปาสิ่งที่อยู่ในมือเข้าไปด้วยใบหน้างอหงิก ใครกันแน่ที่ไม่รู้จักโตซักที!

“ พวกแกไม่ใช่หรือไงเล่าที่ลามกโรคจิต! กางเกงในตัวเองก็ซักเองสิฟ๊ะ!”  ด่าเสร็จผมก็เดินกลับมา ได้ยินเสียงหัวเราะดังอยู่ที่หน้าห้องซักผ้า

“ โค้ช....”  ผมสะบัดหน้างอนๆ นี่ผมโดนเจ้าพวกนั้นกลั่นแกล้งอยู่นะยังจะมีหน้ามาหัวเราะ

“ จะเอากางเกงในมาให้ผมซักอีกคนหรือไงครับ”  ผมเลยประชดด้วยเสียงเง้างอด แต่เขากลับเดินเข้ามาหาพลางยิ้มที่มุมปาก

“ ถ้าเป็นแบบนั้นจริงๆล่ะ นายจะซักให้ชั้นไหม?”  คำพูดหยอกเย้าของเขามันทำเอาผมถึงกับหายใจสะดุด ใบหน้านิ่งค้างก่อนจะอ้าปากพะงาบๆ

“ อุ๊บ! หน้านายที่ตลกจริงๆ”  เขาหันไปกลั้นหัวเราะและนั่นแหละที่ทำให้ผมรู้ว่าผมไม่ได้โดนแค่คนในชมรมแกล้ง แม้แต่โค้ชอย่างเขาก็ยังเป็นไปด้วย!

“ อะ เอาเสื้อผ้ามาสิครับ...หัวเราะอยู่ได้...”  ผมทำหน้าหงิกก่อนจะมองเสื้อผ้าในตะกร้าของเขา พอมาดูแบบนี้แล้วมันล้วนแล้วแต่เป็นสีดำ ข้างนอกผมเห็นประจำอยู่แล้ว แต่ข้างในเขาก็ใส่สีดำด้วยหรือไง...อ๊า!!!...นี่ผมกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย?! หรือว่าผมจะเป็นเด็กลามกอย่างที่เจ้าพวกนั้นว่ากันจริงๆ? ไม่นะ!

“ เดี๋ยวชั้นซักเอง ขืนเอาไปซักรวมกับของพวกนายเสื้อผ้าชั้นก็ขึ้นราพอดี”  แล้วเขาก็ใส่เสื้อผ้าของตัวเองลงไปในเครื่องข้างๆ ถึงเครื่องจะใหม่กว่าที่ชมรมแต่ผ้าปริมาณขนาดนี้กว่าผมจะซักแล้วตากเสร็จ เสียงในห้องอาบน้ำก็เงียบสนิทไปแล้ว

“ ไม่มีใครอยู่แล้วหรือไงนะ?”  ผมชะโงกหน้าเข้าไปมองในหมอกควัน สงสัยว่าผมคงจะอาบน้ำเป็นคนสุดท้ายแล้วละมั้ง

“ งั้นหรอ”  จู่ๆเสียงทุ้มก็ดังอยู่ข้างหลังทำเอาผมถึงกับสะดุ้งโหยง เขาเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่กันเนี่ย?

ถ้างั้น...ในห้องนี้ก็มีแค่ผมกับเขา...แค่เราสองคน?

รู้สึกหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมขึ้นมาทันที การที่ต้องอยู่ใกล้คนที่ตัวเองแอบชอบด้วยร่างกายเปลือยเปล่านี่มันงานเข้าชัดๆ


กริ๊งงง....


เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นมาทำให้ผมละสายตาจากแผ่นหลังของเขาที่กำลังถอดเสื้อผ้า...ชื่อที่ขึ้นในสายเรียกเข้าคือชื่อของแม่...สงสัยคงโทรมาถามด้วยความเป็นห่วงนั่นแหละ

“ ฮัลโล แม่?”

“ เอเลน!! แย่แล้ว!! ตรู๊ด....ตรู๊ด....ตรู๊ด........”  จู่ๆสายก็ตัดไปทิ้งคำพูดด้วยเสียงตื่นๆของแม่เอาไว้แค่นั้น...แย่?...แย่เรื่องอะไรกัน? เกิดอะไรขึ้นกับที่บ้านหรือเปล่า?

ผมกดโทรกลับไปทันที แต่เสียงที่ตอบกลับมามีเพียงข้อความว่าที่นี่...ไม่มีสัญญาณ....

ปัดโธ่!!! แล้วแบบนี้ผมจะรู้เรื่องไหม? เกิดอะไรขึ้นกับแม่หรือพ่อหรือเปล่า? ทำไมเสียงแม่ถึงได้ตื่นตระหนกขนาดนั้น?

ผมก้าวขาออกมาจากห้องอาบน้ำด้วยความร้อนรน หวังว่าสักจุดในเรียวกังจะมีคลื่นบ้าง...แต่เดินจนรอบก็ยังติดต่อกับแม่ไม่ได้เลย...แย่แล้ว...จะทำยังไงดี ยังไงผมก็ต้องหาทางโทรกลับบ้านให้ได้

“ โฮ่ย...เกิดอะไรขึ้นน่ะ?”  ในขณะที่ผมกำลังเดินไปเดินมาอย่างหาทางออกไม่เจอ มือแข็งแรงของเขาก็จับข้อมือของผมเอาไว้ก่อนจะถามออกมา ชั่ววินาทีที่สบสายตาของเขา หัวใจที่เต็มไปด้วยความกังวลของผมกลับรู้สึกถึงที่พึ่งพา น้ำตามันเลยปริ่มออกมาอย่างช่วยไม่ได้

“ โค้ช~~~



หลังจากที่เขาพาผมไปสอบถามกับเจ้าของโรงแรม ดูเหมือนคลื่นสัญญาณโทรศัพท์บนเขาแทบทุกอย่างจะมีปัญหา ถ้าจะใช้โทรศัพท์ตอนนี้คงมีอยู่แค่หนทางเดียว...


เสียงล้อจักรยานหมุนวนผสมผสานไปกับสายลมกลางคืนยิ่งทำให้วังเวง ความมืดที่โอบล้อมรอบกายทำเอารู้สึกหนาวไปจนถึงไขสันหลัง ถ้าผมมาคนเดียวผมคงวิ่งกลับโรงแรมตั้งแต่ยังไม่ทันจะพ้นโค้งแรกแน่ๆ

ใช่....ทั้งๆที่ผมน่าจะต้องมาคนเดียว...

แต่เขากลับบอกกับผมว่าจะมากับผมด้วยโดยไม่มีความลังเล...

สองมือกำชายเสื้อของเขาแน่นก่อนจะเอาหน้าผากชนเบาๆที่แผ่นหลังของเขา

เขาทำกับผมแบบนี้...แล้วผมจะไม่รักเขาได้ยังไง...


จักรยานวิ่งฉิวอยู่ในตัวหมู่บ้านท่ามกลางแสงไฟสลัวๆ ทั้งๆที่ยังหัวค่ำแต่ที่นี่กลับเข้าบ้านกันหมดแล้ว บรรยากาศมันเลยยิ่งกว่าในหนังผีที่ผมต้องไปทำภารกิจพิชิตหมู่บ้านร้างเสียอีก

ล้อสแตนเลสชะลอความเร็วลงเมื่อผมมองเห็นตู้โทรศัพท์สาธารณะอยู่ไม่ไกล เขาจอดจักรยานให้ที่ด้านหน้าก่อนที่ผมจะก้าวขาลงไป

“ โค้ช...โทรศัพท์นี่มันเป็นแบบหยอดเหรียญ....”   บัตรที่ยืมมาจากเรียวกังถึงกับชะงักค้างเมื่อดูเท่าไหร่มันก็มีแต่ที่ใส่เหรียญ สองมือล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกง ด้วยความรีบร้อนจึงไม่ได้หยิบเงินมาสักเยน

“ รอเดี๋ยวนะ”  เขาหันไปหันมาก่อนจะลงจากจักรยานแล้ววิ่งไปร้านค้าซึ่งปิดร้านไปแล้ว ภาพทุกอย่างอยู่ในสายตาของผม...ตั้งแต่ที่เขาตะโกนเรียกให้ร้านค้าเปิดประตู จนถึงทุบปังๆจนเจ้าของร้านต้องออกมาดู แล้วเขาก็ข่มขู่จนขอแลกเหรียญมาจนได้

“ เอ้า”  เขาแบมือที่กำเหรียญลงมาบนมือของผม เหงื่อที่ผมแทบจะไม่เคยเห็นไหลลงมาจากหน้าผากของเขา ทั้งยังเสียงหอบหายใจกับไหล่ที่กระเพื่อมขึ้นลง เขาคงจะเหนื่อยจากการปั่นจักรยานลงมาซ้ำยังไม่ทันจะได้พักก็ต้องไปวิ่งหาเหรียญให้ผมอีก

ผมอยากบอกเขา...

ผมอยากบอกเขาจริงๆ...ว่าผมชอบเขา

ชอบเขาจนทนไม่ไหวแล้ว...

“ รีบไปโทรศัพท์สิ?”  เขาเอ่ยบอกผมที่สะดุ้งออกมาจากภวังค์ ก่อนจะหันหลังเข้าไปกดโทรศัพท์หาแม่


ตรู้ด....ตรู้ด....ตรู้ด......


แล้วความกังวลก็แล่นเข้ามาในหัวผมอีกครั้งเมื่อปลายสายยังคงไม่กดรับ...เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่านะ...

“ ฮัลโล? บ้านหมอเยเกอร์ค่ะ”  เสียงของแม่ที่เคยได้ยินอยู่ทุกวันกลับทำให้ผมโล่งอกราวกับยกภูเขาออกไปในวันนี้

“ แม่!! นี่ผมเองนะ เอเลน! เกิดอะไรขึ้นน่ะ?! จู่ๆก็โทรมาบอกว่าแย่แล้ว”  ผมรัวใส่ไปเป็นชุดจนปลายสายได้แต่อึ้งไปนิดนึง ก่อนที่จะมีเสียงหัวเราะเบาๆสวนกลับมา

“ เอเลน...แม่ขอโทษจ้ะ พอดีแม่ตื่นเต้นไปหน่อยน่ะ”

“ แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ?” 

“ พอดีว่าแม่ถูกรางวัลจากตู้ไข่หมุน...ได้ไปเที่ยวฮาวายฟรีตั้งอาทิตย์นึง”   ห๋า? ไอ้ที่โทรมาแล้วทำเอาผมหัวใจจะวายตายรวมไปถึงโค้ชเองก็ต้องตาลีตาเหลือกช่วยผมสารพัดแบบนี้....ก็แค่โทรมาบอกว่าได้รางวัล?

ผมได้แต่กุมขมับก่อนจะวางสายไปด้วยความที่ไม่รู้จะไปบอกคนที่คร่อมจักรยานรอว่ายังไงดี.....แม่นะแม่!!



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะต้องปั่นขึ้นเขาด้วยหรือเปล่า เขาจึงปั่นจักรยานช้ากว่าขาลงมาก

แผ่นหลังชื้นเหงื่อของเขาทำให้ผมรู้ว่าเขาคงจะเหนื่อยมากเลยทีเดียว

“ โค้ชครับ...ขอบคุณมากนะครับ...”  ผมกระชับฝ่ามือที่กำชายเสื้อเขาอยู่ เขาเพียงแค่พยักหน้ารับรู้โดยไม่พูดอะไร

กว่าผมกับเขาจะกลับถึงเรียวกังได้ ใครต่อใครก็คงจะเข้านอนไปหมดแล้ว


ผมถอดเสื้อผ้าด้วยนัยน์ตาที่เริ่มจะลอยๆ เหนื่อยมาทั้งวันแล้วยังต้องมาเหนื่อยกับเรื่องของแม่อีก ที่จริงผมอยากจะไปสลบในห้องนอนเลยด้วยซ้ำ

ผมวิ่งผ่านน้ำอย่างรวดเร็วแล้วรีบลงไปแช่ในบ่อน้ำร้อนกลางแจ้ง อย่างน้อยก็ขอผ่อนคลายสักหน่อยก็แล้วกัน ได้แต่หวังว่าผมจะไม่หลับไปคาบ่อนะ

เสียงซ่าๆจากฝักบัวที่ได้ยินคงจะไม่มีใครอื่นนอกจากเขา แต่เวลานี้ผมไม่มีกระจิตกระใจจะไปเขินอายอะไรแล้ว คางเกยอยู่ที่ขอบบ่อพลางดวงตาหรี่ปรือ กว่าจะรู้ตัวว่าเขาลงมาแช่อยู่ในบ่อด้วยกันก็เมื่อเสียงจ๋อมๆดังอยู่ข้างๆหู

ผมหันหน้ากลับไปหาเขา...ร่างกายเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามทำเอาผมเริ่มเบลอ

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมนต์ของดวงดาวที่พร่างพราวอยู่เต็มท้องฟ้า หรือว่าเป็นเพราะความรู้สึกที่มีให้เขามันมากเกินกว่าภาชนะที่ชื่อว่าหัวใจจะกักเก็บไหว

ไม่รู้ว่าเป็นเพราะไอหมอกที่ลอยจางๆเหมือนอยู่ในฝัน หรือมันเป็นเพราะสิ่งที่เขาทำให้ผมกันแน่


ที่ทำให้ริมฝีปากของผม....


ริมฝีปากของผม....


เอ่ยบอกกับเขา....




" โค้ช...ทำยังไงดีครับ....ผมคิดว่า...ผมรักคุณ"




บอกไปแล้ว...



บอกเขาไปแล้ว....




แล้วเขา...


จะตอบผมว่ายังไงกันนะ....








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.


To be con.






เพราะฉันเพิ่งบอกรักไป...

และเขา...ก็รับฟังทุกอย่าง ทุกถ้อยคำ...

เหมือนความฝัน...

แต่ฉันเองก็ไม่อาจแน่ใจ...พรุ่งนี้...เรื่องของเราจะสุข...หรือแสนเศร้า...

จึงวอนขอดาวให้ช่วยฉันที....





ง๊ากกกกกก โรแมนติกฝุดๆ งื้ออออ >////<  หมายถึงเพลงนะ แต่ฟิคคุณกวางนี่ก็พยายามให้โรแมนติกแล้วนะแต่จะได้ไหมนี่ก็ไม่แน่ใจ5555 คือส่วนตัวแล้วชอบแต่งฟิคแบบนี้ที่สุดเลยค่ะ กร๊ากกกก ไอ้ที่แบบอ่านไปจะหลับไปนี่น่ะ *ทรุด* ก็ต้องกราบขอประทานอภัยถ้าความเร้าใจมันจะน้อยไปหน่อยสำหรับฟิคชิลๆเรื่องนี้อ่ะนะ ^ ^”

ก่อนจะพูดจาไร้สาระ...



สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะ เอเลน~~~


แอร๊ยยยย >////< ขอให้อ.อิซาทั้งรักทั้งหลง จะได้เป็น นางเอก พระเอกสมใจ ขอให้พิชิต ใจหัวหน้าและเหล่าฮาเร็ม ไททันได้จนหมดกู้บ้านกู้วอลมาเรียกลับคืนมาจนได้นะจ๊ะ โต เป็นสาว ขึ้นอีกปี(?)มี๊ละปลื้มจ๊ายปลื้มใจ >w<


ที่จริงแล้วน่ะ....ฟิควันเกิดเอเลนจริงๆคือ Lipstick ค่ะ มันเป็นฟิคที่เป็นภาคต่อของ BiOS  ตอนแรกก็ว่าจะลงเลยเพราะแต่งไปเกือบจบตอนแล้ว แต่คิดไปคิดมา...ลงฟิคซอมบี้ให้จบก่อนดีกว่า ไม่งั้นสปอยด์เละเทะเลยสำหรับคนที่ไม่ได้อ่านเวอร์ชั่น 8059 อ่ะนะ แหะแหะ ก็นั่นแหละ กำลังวุ่นวายกับสองเรื่องนี้อยู่ดีๆก็ดันไปขุดเพลงเก่ามาฟัง....= =”” ออกนอกระบบสุริยะจนได้มาอีกเรื่องจนได้ ฮืออออออ ยะ ยังไงก็ฝากฟิคน้อยๆเรื่องนี้อีกเรื่องนึงนะค้า ถ้าตอนหน้าไม่จบก็ไม่น่าจะเกิน 4 ตอนอ่ะนะ *เหม่อ*

คือที่บ้านเราก็แฮปกันแบบอบอุ่นๆแบบนี้ แต่ที่ญี่ปุ่นนี่เค้าจัดงาน “เอเลนโอนลี่อีเว้นต์” ให้เลยนะคะ โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อยากไปย์~~~~~ >/////< ทำไมช่วงที่ตรูไปนี่ทุกอีเว้นต์มันผ่านไปหมดแล้วฟ๊ะ ไปไม่ได้ตรงอะไรกะใครเค้าเลยถถถถถ

แปะภาพแฮปเอเลนประชดซะเลยนี่แน่ะ!



ดูสีซะก่อน....ไม่บ่งบอกเลยนะคะว่าต้องการอัลไล5555






 เพื่อการศึกษา(?)อ่ะนะเอเลน หัวหน้าเค้าหวังดี กร๊ากกกก



ของขวัญแต่ละอย่าง....เอเลนคงอยากได้จนน้ำตาไหลพราก 5555

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามนะคะ อยากจิเวิ่นเป็นภูเขาเลากาแต่ฟิคก็ยังไม่เสร็จ TT[ ]TT แล้วเจอกันตอนหน้านะคะฟฟฟฟ







11 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ29 มีนาคม 2557 เวลา 14:29

    อ๊ากกกกกกกก! พี่กวางงงง มันแบบ.. งื้อออ อบอุ่นมาก
    ชอบอ่านฟิคแบบนี้นะคะ เรื่อยๆ ไม่หนักมากไปดี
    แต่ตัดบทได้ค้างมากค่าาา !!! เอาตอน 3 มาน๊าาาาา //ตะกุยจอ

    ตอบลบ
  2. ป๊อง ///// เคลิ่มอ่ะ ชอบนะฟิคใสๆแบบนี้อ่ะ
    แต่ช่างตัดกันได้ทำร้ายจิตใจมากๆ
    รีไวซังคงโออยู่แล้วล่ะ สโตรกมานานนิ//โดนเสียบ
    ไท่งั้นคงไม่พูดหรอกว่ายังงี้ก็มีเซ็กไม่ได้. นี่นอกจากสโตรกแล้วยังหวังไปไกลแล้วยังลงลึกอีกแน่ะ. รีไวซังลามก!!! /(-///-)\(โดนกระทืบ). มาต่อเร็วๆนะพี่ทั้งซอมบี้แล้วก็เรื่องใหม่นี้

    ตอบลบ
  3. อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก เอาตอนต่อไปมาเถอะค่าาาาาาาาาาาาาา ตัดตอนแบบนี้มันทำร้ายกันเกินปายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย โฮกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

    เฮย์โจวคะ ทำตัวเป็นผู้ปกครองไปเรียบร้อยแล้วใช่มั้ย >..< แล้วชอบมากๆ มากๆจริงๆตอนที่หนูเลนวิ่งไปที่เบสแล้วเฮย์โจวยิ้มบางๆอ่ะ โอยยยยยยย คิดภาพตามแล้วเป็นสายตาและรอยยิ้มที่ชวนอบอุ่นหัวใจมากๆเลยค่ะ เขินแทนหนูเลนอ่ะ เฮย์โจวน่ารักไป >3< เพลงดาว ยังเล่นอยู่ข้างหู อ่านฟิคเรื่องนี้แล้วมันเข้ามาก ช่างฟินค่ะ

    สองรอบติดเลยสินะ ที่หนูเลนมาเห็นคนมาสารภาพรักกับเฮย์โจวอ่ะ คือนั่นแหล่ะ ตอนแรกยังไม่รู้ ไม่ค่อยแน่ใจเหมือนกันว่าเฮย์โจวคิดยังไงกับหนูเลน แต่พอไปที่บ้านแล้วหนูเลนเปิดลิ้นชักเท่านั้นแหล่ะ อื้อหืออออออออออออออออออออออออออออออ สครีมลั่นค่ะ ฮว้ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก อย่างนี้เขาเรียก คลั่งไคล้ เลยค่ะ เฮย์โจววววววววว คือสครีมลั่นบ้าน เขินล่ะสิ! เขินอ่ะดิ

    ตอนนี้อีก

    “ อ้อแล้วก็...เย็นนี้โทรไปบอกแม่นายซะ ว่านายจะไปค้างที่บ้านชั้น”

    แล้วก็นี่อีก!

    “ หมอนี่จะไปนอนที่ห้องชั้น....หมดปัญหาแล้วใช่ไหม”

    อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก มัดมือชกค่ะ! เฮย์โจวช่างเด็ดขาด ทำอะไรชัดเจนเยี่ยมยอด แต่แอบชอบฉากที่คนในชมรมแย่งกันนอนข้างๆเอเลนจัง มุ้งมิ้งอย่างบอกไม่ถูก เฮ้อออ เป็นที่รักที่เอ็นดูจริงๆ เด็กน้อยเอ๊ยยย >v<

    แล้วที่บอกว่าให้ซักชั้นในให้นั่นอีก อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก นึกว่าจะสครีมหมดแล้ว แต่ก็ยังโผล่มาอีกจนได้ ไม่ไหวแล้วค่ะ สีหน้า ท่าทาง รอยยิ้ม กะลิ้มกะเหลี่ย เสน่ห์ผู้ใหญ่นี่มันร้ายกาจนัก! ฮึก ตบบ่าหนูเลน ว่าตอนนี้หนูเข้าเขตเรดโซน

    ฉากสุดท้ายนี่...โรแมนติกมากค่ะ มากๆเลยจริงๆ จินตนาการดาวเต็มฟ้า แล้วเพลงดาวยังกรอกหูเค้าอยู่เลย มันเข้ามากอ่ะ มากๆจริงๆ แอบลุ้นอยู่ว่าใครหนอจะเป็นฝ่ายบอกก่อน แต่คำพูดสุดท้ายนี่ทำเอาตบโต๊ะรัวๆ ลูกสาวช่างได้ใจ น้ำตาไหลพรากกกกกกก TT..TT

    โรแมนติกมากค่ะ อบอุ่นใจมากๆจริงกับฟิคเรื่องนี้ จำได้ว่าไม่ได้สครีมฟิคมานานมากแล้ว โฮกกกกกกกกก เอาตอนสามมาเต๊อะ มาเต๊อะๆๆ


    ตอบลบ
  4. ค้างอย่างแรง 55555 โอ้ยยยย อบอุ่นหัวจายยย
    เป็นสาวน้อย (?) ในหมูชายโฉดต้องทำใจหน่อย นอกจากจะโดนแทะโลมอยู่ตลอดเวลาจากคนในชมรมแล้วแม้แต่โค้ชก็ยังไม่เว้น ก๊ากกก ยังตามไปขัดขวางอยู่ตลอดอีกตางหาก แหม่ๆ พูดไปก็คิดถึงแจน ไรเนอร์ อยากให้มีบทมาแย่งเอเลนน้อยๆ อีก รีไวซามะคนดีไปอยากให้มีคู่แข่งบ้าง 555555

    สุขสันต์วันเกิดน้าเอเลนที่รัก -///-
    รอติดตามตอน 3 นะค้าาา

    ตอบลบ
  5. อร๊ายยยยยยย อ่านไปเขินไป >////< น่ารักอะคะ
    เฮย์โจวแลดูเป็นผู้ชายอบอุ่นมากๆ
    ว่าแต่ที่คอยดูแลให้เอเลนสามารถออกกำลังกายได้นี่ มีความหมายอะไรแอบแฝงไว้รึเปล่าคะ


    แล้วก็สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะเอเลน ขอให้เป็นที่รักของเฮย์โจว
    และก็น่ารักๆให้พี่กวางปู้ยี่ปู้ยำให้เราชื่นชมอย่างนี้ไปนานๆ ฮ่าๆๆๆ

    ตอบลบ
  6. พี่กวางขาาาาาา มันค้างงงงงงงงงงงง!!!! #นอนดิ้น
    ตัดจบได้ทำร้ายจิตใจมากค่ะ TwTbbb
    ท่านท่อนขา(?)ดูอ่อนโยนใจดีอบอุ่นเพอร์เฟ็คมากค่า อ่านแล้วเขิน อรั้ย ><
    (#ทำแบบนี้หวังผลอะไรรึเปล่าคะรีไวซามะ //โดนกระทืบ)

    สุขสันต์วันเกิดน้า เอเลนผู้แสนจะน่ารัก
    ขอให้รักกับรีไวซามะไปนานๆ ขอให้มีความสุขจนน้ำตาไหลพรากกับของขวัญของพี่กวางกับเฮย์โจวนะจ๊ะ

    สุดท้ายนี้...ขอให้ตอนที่ 3 จงมาให้อ่านในเร็ววัน //ชิ่ง

    ตอบลบ
  7. ว่าแล้วว่าต้องโดนตัดแบบนี้แน่นอน...ถึงจะทำใจไว้เเล้วแต่..... พี่กวางงงงงงงงงงงงงงงงงง ดิ้นๆ!!!!!!!! กรุณาต่อด่วนเลยค่ะ /กราบบบบบบบบ

    ตอบลบ
  8. มันเป็นฟิคที่....
    อ่านไปยิ้มไปแล้วก็ยิ้มแบบต่อเนื่อง(?)จนหุบไม่ได้(?)ตะหากนะคะกวางซาม๊าาาาาาา > __ <

    ขอย้ำ(?)ว่าตาตื่น(?)ทุกช่วงทุกอนู(?)เบยยยจริงจัง!!!
    คือโรแมนติคมากกกจริงจังอ้ะะะะ
    โรแมนติคจนคนอ่านกลัวว่าจะโดนพาแหกโค้ง(?)ไปยิงกันไส้แตก(?)
    #ถถถถถถเค้าแซวเล่นนะคะ > _ <

    ถึงจะชอบฟิคป่าเถื่อน(?) #เดี๋ยวๆ #แต่เค้าก็นึกคำนิยามฟิคท่านท่อนขาด้วยคำอื่นไม่ออก(?)อยู่ดีค่ะ 55555
    นั่นล่ะค่ะ(?) ถึงแนวที่ผ่านมาเค้าจะโฮกฮากกกมากก แต่แนวนี้ที่เพิ่งได้สัมผัส(?)กับคู่นี้ บอกตรงๆเลยว่าโคตะระอยากจิไปทำป้ายไฟ(?)มาโบกเชียร์(?)ให้แต่งเพิ่มอีก(?)สักสองสามเรื่อง(?) #เดี๋ยวๆหล่อน #หล่อนจะปั้นนั่งไห(?)ไปเพิ่มให้เค้าทำไมน่ะหืออ 55555

    จริงๆอยากเม้นท์บอกตั้งแต่พาร์ทที่แล้ว(?)เหมือนกันนะ
    ว่าอ่านไปเค้าก็ได้กลิ่นอาย(?)ของ 8059มากมาย > ___ < 55555 หรือเพราะมันเป็นทีมเบสบอล(?)
    คือสารภาพ(?)ว่าในขณะที่อ่านก็อดคิดไม่ได้ว่าในทีม(?)มันจะต้องมีไอ้เนียน(?)ที่ทั้งชีวิตแม่งบ้าเบสบอล(?)แต่สายตากับหัวใจ(?)มีไว้มองคนสวยปากไม่ตรงกับใจอยู่ด้วยคนนึงแหงแซะ(?) #หล่อนๆ ฟิควันเกิดเอเลนหล่อน #เนียนมาจากไหนหล่อน #หล่อนมีสติบ้างอะไรบ้าง ถถถถถถถถถถถถถ

    ปล่อยผ่านย่อหน้าข้างบนไปเถอะนะคะ T _ T


    เค้าว่าพาร์ทแรกเค้าดิ้นตายหลายรอบมากแล้ว พาร์ทนี้ดิ้นทุกย่อหน้า(?)เลยค่ะ > __ < ไม่รู้จะเอาอะไรมาบรรยายสาระร่าง(?)ตัวเองตอนอ่าน 5555 ฉากสอนเบสบอลก็โฮกกกกมากกก ไหนจะไปกลับโรงเรียนพร้อมกัน ท่านท่อนขาไม่คิดจะห่างเอเลนจริงจัง!!!!!!!! ฟินตายตรงนี้!!!!!! แล้วตายหนักกับพ่อท่าน(?)มีรูปเอเลนในลิ้นชัก(?) อ๊ากกกกกกกกกกก ถึงจะแถ(?)ว่ายึดมาจากพวกเหลือขอในชมรมก็เถอะ แต่ยอมรับมาซะว่ายึดมาแล้วจำเป็นมากกกกกเลยที่ต้องเก็บไว้ที่ลิ้นชักเพื่อเป็นกำลังใจ(?)ในการทำงานเวลาหมดแรงใช่มั้ยล่า #ดิฉันฟินตายกับฟิคไปแล้ว(?) เพราะงั้นกระทืบมาก็ไม่ช่วยให้ตายไปมากกว่านี้(?)หรอกนะคะท่านท่อนขา ถถถถถถถถถถถถถ

    เค้าชอบทุกๆๆฉากที่เฮย์โจวคอยดูแลคอยหวง(?)เอเลนแบบไม่เปิดเผย(?)มากมายยย ฮืออออ น่ารักมากเกินไปแล้วฟิคเรื่องนี้ การที่พ่อคุณมาคอยเที่ยวปั่นจักรยานให้เอเลนนั่งแบบนี้ หาไม่ได้แล้วค่าาาาาา ถ้าเป็นเอเลนเวอร์ชั่นไม่ป่วย(?) มีหวังได้ให้เอเลนปั่น(?)ให้เหนื่อย(?)แทนสินะ พ่อท่านเพื่อจะลากเอเลนเข้าโซนง่ายๆ #หล่อนกลับม๊าาาา

    เป็นครั้งแรกที่เค้าชอบฉากจบตอน(?) 5555555555
    ไม่รู้สิ หรือเพราะกำลังฟังเพลงดาวไปด้วย เลยรู้สึกว่า คำตอบมันต้องรอ(?) แต่เค้าก็ไม่ได้อยากรอ(?)น้า #เดี๋ยวกวางซามะเคลิ้ม(?)ไม่มาต่อ(?) T _ T เป็นการจบที่เข้ากับเพลงมากจริงจัง!!!!! และก็เป็นฉากสารภาพรักที่โคตะระก๊าวใจมากกกกกก แช่น้ำ สองต่อสอง ใต้ดวงดาว(?) โฮกกกกกกกกกก พ่อความอดทนต่ำ~~~จะทนไหวหรือออออ #หล่อนจะไปยุเค้าทำม้าย ถถถถถ

    เป็นฟิควันเกิดเอเลนแบบสำรอง(?)ที่ก๊าวใจมากกกกกกจริงจังนะคะ
    ฮือออออออออ ยิ่งอ่านก็ยิ่งรู้ว่าตัวเองโคตะรหลงเอเลน(?) #หล่อนมั่วประเด็นตลอดดดด ถถถถถ

    ยังไงก็ สุขสันต์วันเกิดอีกหลายๆรอบ(?)เลยน้าเอเล๊นนนนนนน > __ <
    ส่วนตัวดีใจมากๆที่ได้รักเอเลนเพราะกวางซามะ(?) ดีใจที่ได้ไปพบรัก(?)ในห้องที่แสงส่องไม่ถึง(?)จริงจัง
    ดีใจที่ได้ตามอ่านมาทุกๆเรื่องที่กวางซามะแต่งให้เอเลน(?) และเรื่องนี้เค้าก็ดีใจที่ได้อ่านจริงจังเหมือนเดิมค่ะ!!!
    เค้าอ่านไปเค้าก็เปืดเพลงดาวไปด้วยล่ะค่ะ เพราะงั้นตอนนี้เค้าหวานเยิ้ม(?)ตามฟีลในเพลงมาก 55555
    เป็นวันเกิดเอเลนที่เยิ้ม(?)ทั้งวัน(?)จริงจังเบย!!!!
    เพราะฉะนั้นถึงจะเลยเถิดเกิน4ตอน(?)ก็จะเป็นกำลังใจให้สุดพลังเลยค่ะ~~
    #ส่งเอเลนถือไม้ขนไก่(?)ที่ท่านท่อนขาให้(?)ไปใช้ให้เกิดประโยชน์(?)โดยการปัดต้นคอ(?)กวางซามะ(?)เล่น(?)กันกวางซามะเหม่อ(?) 555555

    ยังไงเค้าก็รออ่านอยู่เสมอนะคะ
    รักฟิคกวางซามะมากๆเหมือนเดิมด้วยค่ะ

    รักษาสุขภาพด้วยนะคะ~~

    ตอบลบ
  9. เฮย์โจวววววววววววววววว ล่อลวงเด็กเข้าบ้านนนนนนนนนนนนนนนนนนน

    เอเลนเอ๋ย หลับง่ายๆแบบนั้นถ้าเฮย์โจวจะทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ป่านนี้ไม่โดนกินเรียบแล้วรึ!

    อ๋าแล้วเฮย์โจวก็ใช้อำนาจในทางมิชอบยึดเอเลนไปเป็นหมอนข้างซะเองแล้วสินะคะ แถมยังไม่ยอให้ใครเห็นเอเลนตอนโป๊อีก หึงล่ะสิๆๆๆๆ/ โดนฟันหลังคอ

    ตอบลบ
  10. ช่วงแรกๆ ว่าละมุนแล้ว ช่วงหลังนี่...ฆ่าคนตายได้เลยนะ

    โอ๊ยยยยยยยยยยย คือเข้าใจความรู้สึกเอเลน ทั้งคำบรรยาย ทั้งบรรยากาศ นี่แบบทำเอาอินมาก

    ตอนแรก...นึกว่าจะมีฉากสักอย่างในห้อง แล้วมันก็มีจริงๆ คิดว่าเฮย์โจวไม่ได้โกรธหรอกใช่มั้ย? แค่ไม่อยากให้เด็กที่ชอบรู้ว่าตัวเองชอบอยู่มากกว่า...มั้ง

    มันดูล่อลวงมากนะ มีอย่างที่ไหนพาเด็กเข้าบ้านแล้วบอกนอนซะ โฮ่ววว จริงๆ เลยพ่อคุณ เล่นเอาโดกิโดกิมาก

    พอเข้าค่ายซ้อมมันยิ่งชัดว่าเอเลนเป็นสมบัติของชมรม ทุกคนหวงมากกกกกก ไม่เว้นกระทั่งโค้ช แต่ละคนแย่งเอเลนกันให้ได้แต่สุดท้ายแพ้ผู้ใหญ่ ฮ่าๆๆๆๆ เสียใจด้วยนะพวกนาย เฮย์โจวเทคแคร์เอเลนมาก น่ารัก เขินแทนมากกกก ยิ่งฉากปั่นจักรยานมาในหมู่บ้านนี่แบบ..คนคนนี้จะทุ่มให้คนที่ตัวเองเฉยๆ ได้ขนาดนี้เลยเหรอ มันแฮปปี้ฟินนาเล่แทนเอเลนมาก เข้าใจเอเลนนะ อยากบอกออกไป เก็บไว้ไม่ไหว แต่กลัวอยู่ดี ชอบประโยคนี้มาก ความรู้สึกที่มีให้เขามันมากเกินกว่าภาชนะที่ชื่อว่าหัวใจจะกักเก็บไหว มันสวย..มันลึกล้ำ... พี่กวางคิดได้ไงเนี่ย สวยมากกกกกกกกกก

    จะรอดูว่าจะมีเรื่องชวนระทึกเกิดขึ้นมั้ย? ....ถึงจะความรู้สึกว่าเอเลนไม่รอดแน่ก็เหอะ

    ตอบลบ
  11. แบบโค้ชรีไวนี่เขาเรียกว่าคูลเดเระรึเปล่าน้าาาาาา
    ดูนิ่งๆไม่สนใจ
    แต่ที่จริงเก็บทุกรายละเอียดโดยเฉพาะเรื่องของเอเลนจนคนอ่านอยกาจะเป็นเอเลนขึ้นมาทันที//มโนแป๊บ
    แถมยังหวงแบบเนียนๆด้วยนะ
    ใช้อำนาจสั่งนู่นนี่นั่นเพื่อกำจัด กขค. //โดนลูกเบสบอลอัดหน้า
    แอบหลุดขำคุณแม่เอเลนย่ะ
    เอาซธคนอ่านตกใจนีึกว่าจะเป็นดราม่า
    ที่ไหนได้ แม่จะได้เที่ยวฟรีหนึ่งอาทิตย์ แบบนี้ก็เป็นโอกาสดีสำหรับโค้ชน่ะสิ
    ท้ายตอนจบได้ค้างมากกกกกก
    เอเลนสารภาพไปแล้ว
    อย่าว่าแต่โค้ชเลย คนอ่านก็อึ้งนะลูก

    ตอบลบ