KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827] Ryuusei : 13



KHR AuFic HBD.Hayato [8059 1827]   Ryuusei : 13

: KHR Fanfiction Au
: 8059  1827
: Period Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ






....เจ้ามีทายาทให้ท่านพี่ได้อย่างนั้นหรอ?....




คำพูดประโยคนี้มิอาจสั่นคลอนจิตใจของ โกคุเดระ ฮายาโตะ ได้อีกต่อไป

แต่กับผู้เป็นพี่ชายแล้วดูเหมือนจะไม่ใช่....


ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุถอนหายใจออกมาเบาๆในขณะที่เหน็บปลายโอบิเอาไว้ที่เอวของตน....ยามอยู่ต่อหน้าฮายาโตะเขาไม่อาจจะพูดถึงมันได้เพราะไม่อยากให้น้องชายต้องเก็บเอาเรื่องของท่านหญิงมิซึโกะไปคิดอีก

แต่มันดันเป็นตัวเขาเอง...ที่เก็บเอาประโยคนั้น ให้มันมาวนเวียนอยู่ในหัวตั้งไม่รู้กี่วันมาแล้ว


....ทายาท.....


เขารู้....เขารู้ดี...ว่าอีกไม่นานคำคำนี้จะต้องเป็นดั่งเข็มพิษเข้ามาทิ่มแทงหัวใจของเขา

เพราะคนที่จะต้องคิดถึงคำคำนี้มากกว่าใครไม่ใช่ยามาโมโตะ ทาเคชิ

แต่เป็น ฮิบาริ เคียวยะ...


ไม่ใช่ฮายาโตะ....แต่เป็นเขาเอง....


ใบหน้าน่ารักถอนหายใจออกมาอีกครั้งก่อนที่มือจะหยิบหวีขึ้นมา....ตราบใดที่มันยังไม่ถึงเวลา ให้เขาคิดไปล่วงหน้าก็คงไม่อาจจะช่วยอะไรได้...

อาจจะถูกคัดค้านให้ต้องเลิกรากันไป หรือไม่ก็ต้องยอมยกท่านหญิงที่สามารถมีลูกให้ฮิบาริ เคียวยะได้ ให้อยู่เหนือกว่า...

“ ท่านสึนะโยชิ....ผู้อาวุโสของบ้านใหญ่มาขอพบเจ้าค่ะ”         แต่แล้ววันเวลาที่เผลอคิดว่าจะมีอีกสักนิดกลับหดสั้นลงภายในเวลาไม่กี่วินาที

หวีที่อยู่ในมือร่วงลงสู่พื้น เมื่อได้ยินประโยคที่ข้ารับใช้เอ่ยบอกอยู่ที่หน้าประตู......ท่านย่าของบ้านใหญ่มาขอพบอย่างงั้นหรอ......


มันจะมีเรื่องอะไรได้...นอกไปเสียจาก.......



ร่างเล็กบางนั่งลงทับส้นบนฟูกรองนั่งภายในเรือนของตน นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตเหลือบมองหญิงชราที่อายุน่าจะมากที่สุดในตระกูลก็ว่าได้  ศีรษะที่ปกคลุมไปด้วยกลุ่มผมสีน้ำตาลก้มลงไปจรดพื้นเพื่อทำความเคารพต่อหญิงชราตรงหน้า

ผู้อาวุโสของบ้านใหญ่....เป็นชื่อที่เอาไว้ขนานนามปูชนียบุคคลของตระกูลที่ไม่ว่าจะลูกหลานคนไหนก็ต้องให้ความเคารพ ถึงแม้เขาเองจะไม่ใช่คนในตระกูลโดยตรง แต่การที่อยู่ที่นี่มานานก็ทำให้รู้ว่าหญิงชราตรงหน้านี้มีความสำคัญขนาดไหน

“ ท่านมาเวลานี้ เกรงว่าจะไม่ได้พบฮิบาริ เคียวยะ เพราะเขาเพิ่งออกไปลาดตระเวน...”       ตัวประกันจากอิสุเอ่ยบอกเพราะคิดว่าหญิงชรามาหาผู้เป็นหลานชาย แต่มือที่เหี่ยวย่นกลับยกขึ้นมาห้ามเป็นเชิงบอกว่าไม่ใช่

“ ข้ามาหาเจ้าต่างหาก...ท่านสึนะโยชิ”      น้ำเสียงที่ถึงแม้ว่าจะชราแต่ก็ยังน่าเกรงขามเอ่ยออกมา  ทำให้หัวคิ้วบนใบหน้าน่ารักมุ่นเข้าหากันทันที

ปกติหญิงชราจะอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์ริมแม่น้ำอันสงบเงียบซึ่งห่างไกลออกไปจากคฤหาสน์คามาคุระพอสมควร เพราะฉะนั้นจึงไม่บ่อยนักที่ร่างเล็กบางจะได้พบหน้ากันดังเช่นวันนี้...แล้วก็ราวกับว่าหญิงชราจงใจมาในเวลาที่ไม่มีใครอยู่....บ้านทั้งบ้านจึงเงียบสงัดจนได้ยินแต่เสียงหริ่งเรไร

“ ข้าคิดว่ามันได้เวลาอันเหมาะสมแล้ว...ที่จะต้องมาพูดเรื่องนี้กับท่าน”        สองมือเล็กเผลอกำอยู่บนหน้าตักของตัวเอง...เรื่องนี้ที่ว่า...ไม่ต้องเดาเขาก็รู้ดีว่ามันคือเรื่องไหน

ใบหน้าน่ารักก้มลงมองพื้นเสื่อทาทามิอย่างไม่อาจสู้สายตาที่คมกริบคู่นั้นได้

ไม่ว่าหญิงชราจะชี้นำไปในทางไหน...คนที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเขา จะต่อต้านได้ยังไง....

เป็นแค่ตัวประกันที่หมดประโยชน์ไปนานแล้ว....เป็นสายเลือดของศัตรู....แค่ชาติตระกูลก็ไม่คู่ควรแล้ว แล้วนี่ยังเป็น....ผู้ชาย....เหมือนกันอีกด้วย

“ ข้าไม่ได้คิดที่จะคัดค้านในความรักของท่าน....ในทางตรงกันข้ามข้ากลับคิดว่าดีเสียอีกเพราะท่านเคียวยะอ่อนโยนลงมาก ตั้งแต่ที่ท่านมาอยู่ที่นี่”     นัยน์ตากลมโตเบิกกว้างทั้งๆที่ยังมองอยู่ที่พื้นเสื่อทาทามิ ใบหน้าน่ารักเงยมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยริ้วรอยอย่างไม่อยากจะเชื่อหูว่าสิ่งที่ได้ยินนั้นเป็นความจริง...หญิงชราที่ได้ชื่อว่าเป็นที่หนึ่งในบ้านบยอมรับเรื่องของเขากับ ฮิบาริ เคียวยะง่ายๆแบบนี้เลยน่ะหรอ?

“ แต่ท่านเองก็คงจะเข้าใจใช่หรือไม่....ว่าท่านเคียวยะเป็นใครและมีหน้าที่เช่นไร...”        แต่แล้ว....ใบหน้าที่น่าเกรงขามนั้นก็ทำให้ตัวประกันจากอิสุนึกประหวั่นพรั่นพรึงขึ้นมาทันที


“ เขาจำเป็นที่จะต้องมีทายาท”


ราวกับได้ยินเสียงฟ้าฟาดลงมากลางหัวใจ...ทั้งๆที่คิดว่าเตรียมรับมือกับเรื่องนี้มาพอสมควรแล้ว แต่เอาเข้าจริง เมื่อได้มาฟังจากปากของคนตรงหน้า ร่างกายก็เหมือนจะชาวาบไปทุกส่วนทันที

“ ข้ารู้ว่าถึงข้าจะไปพูดเรื่องนี้กับท่านเคียวยะ...เขาก็คงไม่ฟัง....เพราะเช่นนั้นจึงต้องมาพูดกับท่าน....ตอนนี้ท่านเองก็คงจะรู้ตัวใช่หรือไม่ ว่าตัวเองมิได้เป็นเพียงแค่ตัวประกันจากอิสุอีกต่อไป...ใครๆต่างก็ขนานนามท่านแทนนายหญิงของคฤหาสน์คามาคุระไปกันหมดแล้ว”      หญิงชรายังคงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงกังวาน และนั่นมันก็ยิ่งกดดันคนที่อ่อนประสบการณ์กว่ามากให้ไล่เล็กลู่ลง

เขาไม่รู้...และคาดเดาไม่ถูกจริงๆ ว่าหญิงชราตรงหน้าต้องการอะไรจากเขา?

จะมาบอกให้เขาเลิกยุ่งกับฮิบาริ เคียวยะ ก็ดูเหมือนจะไม่ใช่เพราะตนเองยังบอกออกมากับปากด้วยซ้ำว่าจะไม่คัดค้าน

ถ้าเช่นนั้นต้องการอะไรกันแน่?

แต่ยิ่งมองลึกเข้าไปในดวงตาที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามากคู่นั้นมันก็มีแต่จะยิ่งทำให้อึดอัดใจ....เพราะมันจะมีทางเลือกให้เขาได้มากสักแค่ไหนกัน...

“ ซึ่งข้าเองก็มิได้คิดที่จะต่อต้านกับสิ่งที่คนอื่นๆเขาชื่นชมท่าน...ดีเสียอีก....ยิ่งท่านเป็นนายหญิง ท่านยิ่งต้องทำเพื่อสามี ทำเพื่อตระกูลฮิบาริและยามาโมโตะ...ร่วมมือกับข้า....ข้าจะหาหญิงสาวที่เหมาะสม ส่วนท่านก็แค่ทำอย่างไรก็ได้ให้ท่านเคียวยะมีความสัมพันธ์กับนางและมีทายาทออกมา...”        มือเล็กกำแน่นทันทีเมื่อในที่สุดก็ได้รับรู้สิ่งที่คนตรงหน้าต้องการ.....หัวใจเจ็บแปลบจนแทบจะหายใจไม่ออกไปกับคำพูดที่แสนจะเย็นชา..... เขาอยากจะตะโกนใส่หน้าหญิงชราว่าเขาไม่ได้เป็นนายหญิง ไม่ได้อยากจะเป็น!.....เขาเป็นผู้ชาย....เป็นเพียงผู้ชายที่มอบร่างกายและหัวใจให้กับ ฮิบาริ เคียวยะ ก็เท่านั้นเอง

ไม่ได้อยากจะรับรู้หน้าที่อันหนักอึ้ง....ซึ่งจะต้องทนมองคนที่ตนรักไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอื่น

“ ท่านจำเป็นต้องทำให้ได้ เพราะมันคือหน้าที่ของนายหญิงของบ้าน...แต่ไหนแต่ไรมาเจ้าเมืองคามาคุระนั้นก็ต้องมีภรรยาอย่างน้อยสองคน...เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงที่มาจากสายตระกูลฮิบาริและสายตระกูลยามาโมโตะ...ไม่ว่าจะคนไหนก็ต้องทำใจรับเรื่องนี้ให้ได้”       หญิงชรายังคงพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเย็นชา

รับได้?....รับได้แล้วทำไมถึงต้องตรอมใจตายเหมือนแม่ของฮิบาริ เคียวยะ กับแม่ของยามาโมโตะ ทาเคชิ ด้วยเล่า?!

อยากจะเถียง....อยากจะตะโกนออกไป แต่เขาก็ไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะทำได้

“ ถือว่าข้าขอร้องละ....ท่านสึนะโยชิ”       หญิงชราก้มศีรษะลงไปจรดพื้น และมันก็ยิ่งทำให้สองมือเล็กยิ่งกำแน่นอยู่บนหน้าตัก นัยน์ตาเริ่มจะพร่ามัวด้วยหยาดน้ำใสๆที่มีแต่จะต้องฝืนกล้ำกลืนมันลงไป

ใบหน้าน่ารักจำต้องเก็บความเจ็บปวดลงไปให้ลึกที่สุด....


เพราะสำหรับคนในตระกูลนักรบแล้ว....คำว่าหัวใจไม่อาจอยู่เหนือคำว่าหน้าที่ได้....









ประตูเลื่อนถูกเปิดออกก่อนที่หญิงชราจะก้าวเดินออกไปด้วยท่วงท่าสง่าผ่าเผย

ต่างกับคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ในห้อง...

ร่างเล็กบางยังคงนั่งอยู่ที่เดิม....ด้วยร่างกายที่ราวกับว่าไร้วิญญาณ นัยน์ตากลมโตที่เคยสดใสกลับดูราวกับดวงตาของคนตาย....ช่วงเวลาที่เคยมีแต่ความสุขกลับกลายเป็นทุกข์ทรมาน...


ร่างสง่าของหญิงชราเดินเลี้ยวไปตามระเบียงทางเดินเพื่อเตรียมตัวกลับคฤหาสน์ของตน นัยน์ตาที่ถึงแม้จะชราภาพแต่ก็ยังคมกล้ากวาดมองบ้านใหญ่ที่เคยอยู่มานาน.....ดูเหมือนบรรยากาศที่เคยเย็นยะเยือกจะเปลี่ยนไปนิดหน่อย...

ในขณะที่ก้าวเดินผ่านไป ข้ารับใช้ที่เดินสวนมาล้วนแล้วแต่หยุดทำความเคารพ....ไม่มีใครไม่รู้ว่านางคือใคร....และไม่เคยมีใครต่อต้านอำนาจที่แผ่ออกไปจากตัวของนางได้ถึงแม้จะไม่รู้จักกันก็ตาม

แต่ดูเหมือนจะไม่ใช่ทุกคนเสียแล้ว...

เมื่อจู่ๆ ร่างบอบบางที่อยู่ในชุดกิโมโนสีขาวรับกับเส้นผมสีเงินก็เดินสวนมาตามระเบียงทางเดิน นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองมานิดหน่อยก่อนจะเดินสวนไปโดยไม่ได้สนใจที่จะทำความเคารพ...ต้องบอกว่าไม่แม้แต่จะสนใจว่านางเป็นใครด้วยซ้ำ.....และนั่นมันก็ทำให้หญิงชราถึงกับต้องเหลียวหลังกลับไปมอง

คนที่ไม่เคารพนาง คนที่กล้าต่อต้านอำนาจของนาง....เพิ่งเคยเจอเป็นคนแรก....

“ นั่นใคร?”      น้ำเสียงกังวานเอ่ยถามข้ารับใช้ที่อยู่ใกล้

“ โกคุเดระ ฮายาโตะ....เอ่อ....สินสงครามของท่านทาเคชิเจ้าค่ะ”

“ ของทาเคชิ?”        ข้ารับใช้พยักหน้ายืนยันและคำตอบนั้นมันก็ทำให้หญิงชราหันกลับไปเดินต่อโดยไม่สนใจเด็กคนนั้นอีก

ดีนะ...ที่ยามาโมโตะ ทาเคชิ ไม่ใช่คนที่ต้องเป็นเจ้าเมืองคามาคุระ....เพราะหากต้องต่อกรกับเจ้าเด็กผมเงินนั่นจริงๆ นางอาจจะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ก็ได้....








“ ข้าเข้าไปนะ?”         เสียงใสเอ่ยเรียกอยู่หน้าห้อง ก่อนที่ประตูเลื่อนจะถูกเปิดออก

และเมื่อนัยน์ตาสีมรกตแลเห็นร่างที่ยังนิ่งงันอยู่ที่เดิมของผู้เป็นพี่ชายแล้วก็ให้ใจหาย ร่างบอบบางถลาลงไปนั่งคุกเข่าตรงหน้า ก่อนจะยกมือขึ้นแตะปลายนิ้วลงไปบนใบหน้าใสของผู้เป็นพี่ชาย

“ เจ้าเป็นอะไรไปน่ะ? ใครรังแกเจ้า? เจ้าฮิบาริ เคียวยะอย่างนั้นหรอ?!”         และเพราะสัมผัสเย็นๆบนใบหน้าทำให้สึนะโยชิหลุดออกมาจากภวังค์

“ เจ้า....ฮายาโตะ?!”        นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ที่ไม่สะท้อนสิ่งใดอยู่เป็นชั่วยามบัดนี้กลับมองเห็นใบหน้าสวยที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วง....สิ่งที่อยู่ในใจมันหนักหน่วงเกินไปจนไม่อาจรับได้แต่เมื่อมีมือของคนที่รักยื่นเข้ามาหา....น้ำตาจึงไหลลงไปโดยที่ไม่รู้ตัว

“ เจ้าร้องไห้? เจ้าเป็นอะไร? บอกข้ามาสิ”        มือบางดึงไหล่ของพี่ชายเข้ามากอดเอาไว้ ให้ใบหน้าน่ารักซบอยู่ที่แผ่นอกของตน มือเฝ้าลูบปลอบโยนจนคนที่รู้ตัวว่าไม่ได้อยู่คนเดียวถึงกับปล่อยโฮออกมาด้วยความอัดอั้นตันใจ

ถึงจะรู้ว่าเขาที่เป็นพี่ ไม่ควรจะทำแบบนี้ แต่ความปวดระบมในใจหากไม่ระบายออกไป เขาคงต้องตายแน่

นัยน์ตาสีมรกตมองผู้เป็นพี่ชายด้วยสายตากังวล  อ้อมแขนบางกอดพี่ชายเอาไว้ ปล่อยให้อีกคนร้องไห้จนกว่าจะหายโศกเศร้า  มือบางลูบหัวสีน้ำตาลแทนคำปลอบโยน  ถึงแม้จะเฝ้าถามว่ามันเกิดอะไรขึ้นก็ไม่เคยได้รับคำตอบ จึงทำได้แค่คอยอยู่ข้างๆเท่านั้น

“ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น...ข้าก็จะอยู่ข้างๆเจ้า ข้าจะอธิษฐานกับดวงดาวให้มันช่วยปัดเป่าความทุกข์ของเจ้าไปให้หมด”        คำว่า “ดวงดาว” ทำให้ใบหน้าอมทุกข์ที่ยังคงแนบอยู่ที่คอกิโมโนสีขาวเผลอยิ้มน้อยๆออกมา


ถ้าหากข้าวอนขอต่อดาวตก....เรื่องที่ต้องแบกรับนี้มันจะหายไปได้หรือไม่...


“ ขออภัยค่ะท่านสึนะโยชิ....ท่านเจ้าเมืองให้มาเชิญท่าน...กับสินสงครามของท่านทาเคชิ....ไปฟังแถลงการณ์เรื่องงานชิงดาบเจ้าค่ะ”       เสียงของสาวใช้ดังอยู่ที่หน้าห้อง และนั่นมันก็ทำให้ร่างเล็กบางของผู้เป็นพี่ชายละออกมาจากอ้อมแขนที่คอยปลอบโยน

“ เข้าใจแล้ว...เดี๋ยวพวกข้าไป”       มือเล็กยกขึ้นลูบหน้าลูบตาที่แดงระเรื่อเพราะร้องไห้  ใบหน้าน่ารักหันมายิ้มให้ผู้เป็นน้องชายที่มองมาด้วยสายตาเป็นกังวล

“ ขอบใจเจ้ามาก....ที่จะอยู่เคียงข้างข้า...รู้แค่นี้ข้าก็มีกำลังใจจะต่อสู้กับทุกสิ่งทุกอย่างแล้วละ”        รอยยิ้มราวกับฟากฟ้าทำให้ใบหน้าของน้องชายคลายกังวลขึ้นมาได้บ้าง

ร่างเล็กบางลุกขึ้นไปหยิบฮาโอริสีม่วงเข้มมาสวมทับกิโมโมสีม่วงอ่อนของตนก่อนจะชักชวนผู้เป็นน้องชายให้ออกไปตามคำเชิญ

“ งานชิงดาบมันคืออะไร?”       ใบหน้าสวยถามออกไปในขณะที่ก้าวขาเดินไปตามระเบียงไม้ รู้สึกว่าที่คามาคุระช่างมีประเพณีมากมายเสียเหลือเกิน

เป็นเพราะเจ้าบ้ายามาโมโตะนั่นแหละ ที่ไม่เคยพูดถึงบ้านเกิดเมืองนอนของตนให้เขาฟังเลย เขาจึงไม่เคยรู้ว่าอะไรมันเป็นอะไร


ยามาโมโตะ คงไม่เคยคิดว่าจะอยากกลับมาที่นี่....


“ เป็นประเพณีของนักรบ”      ใบหน้าน่ารักอมยิ้มก่อนจะหันไปมองร่างบอบบางที่เดินเคียงข้างอย่างพินิจพิจารณา....ดูอ้อนแอ้นแบบนี้...แปดปีที่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน ฮายาโตะจะได้จับดาบบ้างหรือเปล่าก็ไม่รู้...แต่อย่างน้อยก็เป็นคนของตระกูลโกคุเดระ คงไม่น่าจะโดนใครรังแกเอาได้ง่ายๆมั้ง...ผู้เป็นพี่ชายชักจะเริ่มกังวล

ยามาโมโตะ ทาเคชิ ก็ไม่อยู่ด้วยแบบนี้...พวกทหารที่อยากจะลองดีคงใส่กันเต็มที่แน่ๆ

“ นักรบอีกแล้ว?! ทำไมถึงได้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนแบบนี้นะ เจ้าพวกคามาคุระ!”       ใบหน้าสวยฟึดฟัดเล็กน้อย พี่ชายจึงอธิบายต่อด้วยรอยยิ้มแห้ง

“ ก็เพราะเป็นแผ่นดินของผู้ชายกระหายเลือดนั่นแหละ....สิ่งบันเทิงของคนที่นี่จึงเป็นการได้ต่อสู้กัน....เพราะฉะนั้นทุกปีจึงจัดประเพณีนี้ขึ้นมา มันคือการประลองต่อหน้าเจ้าเมืองคามาคุระ โดยมีกฎว่าผู้ชายทุกคนในคฤหาสน์ ไม่ว่าจะทหารยาม ข้ารับใช้ ลูกหลานท่านเจ้าเมือง ไม่เว้นแม้แต่ตัวประกันอย่างข้าหรือเชลยศึกเช่นเจ้า...จะต้องต่อสู้กันต่อหน้าเจ้าเมืองคนปัจจุบัน นั่นก็คือ ฮิบาริ เคียวยะ....จนกว่าฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจะลุกไม่ขึ้น...แน่นอนว่าจะเอาให้ถึงตายก็ไม่มีกฎใดห้ามเอาไว้ เพียงแต่ส่วนใหญ่ก็ไม่ทำกันเพราะก็เป็นคนในบ้านที่รู้จักกันดี....คู่ต่อสู้จะใช้วิธีการเลือกสุ่มเอา หากใครชนะก็จะได้สู้ต่อไปเรื่อยๆ และผู้ชนะเลิศที่ล้มทุกคนได้ก็จะได้ดาบประจำตระกูลคามาคุระ.....ที่นับว่าเป็นดาบเล่มสำคัญของเมืองนี้เอาไปไว้ในครอบครองหนึ่งปี จนกว่าจะจัดงานนี้ขึ้นมาใหม่ในปีถัดไป...”

“......เพราะแบบนั้นเลยเรียกว่างานชิงดาบสินะ?....ว่าแต่เจ้าเคยเห็นดาบนั่นหรือเปล่า? ข้ากำลังสงสัยว่ามันเป็นคนละเล่มกับของยามาโมโตะใช่หรือไม่?”     

“ เคยสิ....ในเมื่อคนที่ครอบครองมันมาตลอดแปดปีที่ข้าอยู่ที่นี่ ก็คือฮิบาริ เคียวยะ...แล้วเจ้าดาบสีขาวเล่มนั้นมันก็ไม่เคยได้ออกไปจากห้องของคนคนนั้นเลย”       ใบหน้าน่ารักยิ้มน้อยๆยามที่นึกถึงดาบสองเล่มที่วางอยู่บนแท่นเหนือหัวนอนในห้องของร่างสูง....น้อยคนนักที่จะได้เห็นมัน

“ เชอะ! ก็ยังดีนะที่พอจะมีฝีมืออยู่บ้าง”      ใบหน้าสวยมักจะบูดนิดๆยามที่พูดถึงคนรักผู้โหดร้ายของพี่ชาย

“ ว่าแต่มันเป็นสีขาวหรอ?”

“ ใช่....คามาคุระมีดาบเล่มสำคัญอยู่ด้วยกันทั้งหมด สามเล่ม....เล่มที่สำคัญที่สุดคือดาบประจำตระกูลคามาคุระ มีสีขาวปลอด...ต้องเรียกมันว่างดงามมากกว่าจะน่าเกรงขาม เพราะคงแทบจะไม่ได้ลิ้มรสเลือดเลยละมั้ง....นั่นก็เพราะเป็นดาบที่ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องเอาออกไปใช้จริง...เพราะว่าดาบอีกสองเล่มที่เหลือคอยช่วยกันปกป้องคามาคุระเสมอมา....ดาบอีกสองเล่มมีสีดำสนิท...ไม่ว่าจะชโลมไปด้วยเลือดมากแค่ไหนก็ไม่อาจลดความคมของมันลงได้....หนึ่งคือดาบประจำตระกูลฮิบาริ ที่ฮิบาริ เคียวยะ ถืออยู่...ส่วนอีกหนึ่งคือดาบประจำตระกูลยามาโมโตะ ที่ยามาโมโตะ ทาเคชิ ถืออยู่”         ใบหน้าสวยชะงักค้างไปเมื่อได้ฟังคำอธิบายของพี่ชาย ขนทั่วกายลุกชันเพราะเขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าดาบที่ติดตัวยามาโมโตะอยู่เสมอจะมีความสำคัญขนาดนี้

และตอนนี้.....มันอยู่ที่เขา


“ ถ้าเจ้าสู้ไม่ไหวจะยอมแพ้ไปก็ได้นะ...อย่าฝืนล่ะฮายาโตะ...ข้าไม่ได้คิดจะดูถูกฝีมือเจ้า แต่ข้าเป็นห่วงเจ้า”       นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้มองมาด้วยแววกังวลน้อยๆ ทำให้ผู้เป็นน้องชายพยักหน้ารับอย่างว่าง่าย.....ตอนนี้ก็แค่ไม่อยากให้คนตรงหน้าต้องเป็นกังวล อีกทั้งเขาเองก็ยังไม่เคยรู้ฝีมือของคนคามาคุระ ถึงแม้คนที่ซ้อมด้วยกันมาตั้งแต่เด็กจะเป็นคนของคามาคุระเช่นกัน แต่เขาก็ไม่รู้ว่าหากเทียบกับคนอื่นๆแล้ว ยามาโมโตะจะอยู่ในระดับไหน

“ แบบนี้เจ้าเองก็ต้องเข้าร่วมประเพณีนี้ทุกปีละสิ”    

“ ใช่....ข้าต้องเข้าร่วมตั้งแต่ปีแรกที่มาอยู่ที่นี่...ตั้งแต่ยังจับดาบไม่เป็นจนกระทั่งได้เป็นคู่สุดท้ายของงานในสี่ปีหลังมานี้”        แน่นอนว่าคู่ต่อสู้ในคู่สุดท้ายของทุกๆปีก็คือ ฮิบาริ เคียวยะ เพราะตอนนั้นยังไม่ได้เป็นเจ้าเมืองคามาคุระ....และเพราะผ่านมาทุกรูปแบบขนาดนี้ เขาจึงเข้าใจดีว่าตอนที่ต้องพ่ายแพ้ต่อหน้าคนทั้งบ้าน มันรู้สึกน่าอายขนาดไหน

บทสนทนาจำต้องจบลงเมื่อขาทั้งสองคู่เดินมาถึงศาลาโล่งกลางคฤหาสน์ในที่สุด

และดูเหมือนพวกเขาจะมาช้าที่สุดเลยก็ว่าได้ ในเมื่อตอนนี้สายตาของคนทั้งบ้านต่างจับจ้องมาที่ตัวประกันและเชลยจากอิสุเป็นตาเดียว

ร่างสองร่างเดินไปนั่งลงที่ด้านหลัง ฮิบาริ เคียวยะ

“ เรื่องเดียวที่จะบอกให้รู้นั่นก็คือ...งานชิงดาบของปีนี้จะจัดที่ลานประลองกลางแจ้ง ไม่ใช่ในคฤหาสน์เหมือนที่ผ่านมา เนื่องจากว่าโรงฝึกกำลังซ่อมบำรุงจึงไม่อาจจัดงานได้”       น้องชายเจ้าเมืองคามาคุระคนก่อน หรือก็คือพ่อของท่านหญิงมิซึโกะประกาศออกมาต่อหน้าทุกคนในฐานะคนที่เป็นผู้จัดการงานนี้อยู่ทุกปี เมื่อชื่อของสถานที่ถูกเปิดเผยออกมาก็เรียกเสียงฮือฮาได้ไม่ไน้อย

เพราะลานประลองกลางแจ้งนั้นอยู่นอกตัวคฤหาสน์ ซึ่งเป็นพื้นที่เปิดโล่งพอที่ประชาชนคนทั่วไปจะมาเฝ้าดูกันได้

นั่นก็หมายความว่า....การต่อสู้ครั้งนี้ มิใช่จะมีเพียงแค่คนในบ้านเท่านั้นที่รับรู้....คนทั่วทั้งคามาคุระก็คงจะมาดูเช่นกัน...


ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มเอาไว้จนสวยงามของท่านหญิงมิซึโกะยิ้มเยาะเมื่อมองไปยังใบหน้าที่ยังไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวของ โกคุเดระ ฮายาโตะ

เอาเลย....จงพ่ายแพ้ซะ แล้วก็อับอายขายขี้หน้าคนทั้งคามาคุระมันซะเลย!!


“ พรุ่งนี้เช้า....ขอให้พวกเจ้าทุกคนจงไปรวมตัวกันที่ลานประลองตามที่บอก....แล้วก็จงอย่าลืม ว่างานนี้เป็นงานชิงดาบ...เพราะฉะนั้นอาวุธที่นอกเหนือจากดาบ ห้ามใช้!” 

สิ้นเสียงประกาศทุกคนต่างพยักหน้ารับทราบก่อนจะแยกย้ายกันไป....งานนี้ไม่ได้มีแต่ผู้ชายเท่านั้นที่ดูจะตื่นเต้น แต่พวกผู้หญิงในบ้านเองก็ต่างจับกลุ่มพูดคุยถึงพี่ชายน้องชายหรือสามีของตนอย่างสนุกสนานเช่นกัน

ในเมื่อทุกๆปีนั้นมีตัวเกร็งที่แทบจะนอนมาอย่างฮิบาริ เคียวยะ....แต่ปีนี้ในเมื่อเจ้าตัวขึ้นเป็นเจ้าเมืองจึงจำต้องนั่งดูอยู่ข้างสนามเท่านั้น....ยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่ถูกพูดถึงอย่างมากเองก็ไม่อยู่ เพราะฉะนั้นทุกคนที่เหลืออยู่จึงยังดูเหมือนจะมีสิทธิ

ร่างบอบบางของตัวประกันและเชลยศึกจากอิสุหลบออกมาจากวงสนทนา แต่ก่อนที่ขาจะก้าวเดินกลับเรือนของตน หญิงสาวที่ไม่อยากจะเจอหน้ามากที่สุดก็เดินมาขวางทางเอาไว้

“ หึ....หวังว่าคงจะไม่ทำตัวน่าสมเพชให้เสียชื่อท่านพี่ทาเคชิด้วยการแพ้ตั้งแต่คู่ต่อสู้คนแรกหรอกนะ”       สายตาจิกกัดเหยียดมองมาที่ร่างบอบบางของเชลยศึกจากอิสุอย่างไม่มีปิดบัง ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มเย้ยหยันนั้นช่างดูน่าหมั่นไส้ในสายตาของโกคุเดระ...และเขาก็ไม่เหมือนพี่ชายที่จะยอมทนให้อีกฝ่ายเสียดสีโดยไม่ตอบโต้

ยิ่งรู้ว่ายามาโมโตะไม่ได้มีความรู้สึกใดๆกับเธอ ก็ยิ่งไม่มีอะไรต้องเกรงกลัว

“ เหอะ! เอาไว้ให้ข้าแพ้ก่อนแล้วเจ้าค่อยมาสมน้ำหน้า! แต่ว่านะ....เจ้ากล้าพนันกับข้าไหมล่ะ? ว่าถ้าข้าได้ดาบนั่นมา เจ้าจะยอมถอนตัวออกจากการเป็นคู่หมั้น?!!”        ใบหน้าสวยยิ้มด้วยความมั่นใจบวกกับดวงตาที่เป็นประกายทำให้ท่านหญิงมิซึโกะถึงกับสั่นระริกด้วยความโกรธ

เธอไม่เคยเห็นใครใจกล้าหน้าด้านแบบนี้มาก่อน! ไม่เคยเจอใครที่กล้าเถียงเธอฉอดๆแบบนี้มาก่อน! ซ้ำยังกล้ามาท้าทายเธอเรื่องให้ถอนตัวออกจากการเป็นคู่หมั้นทั้งๆที่นั่นคือทั้งหมดในชีวิตของเธอ

ถ้าเธอไม่ได้เป็นคู่หมั้นของยามาโมโตะ ทาเคชิ ชีวิตของเธอก็ไม่มีค่าอะไรอีก!

“ เป็นแค่เชลยอย่ามาบังอาจกับข้า! ข้าจะคอยดูเจ้าเดินเอาหน้ามุดดินในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน!”        ร่างระหงสะบัดตัวก่อนจะเดินกระแทกเท้าจากไปในทันที

“ เจ้านี่ก็น้า....”        เสียงถอนหายใจพรางส่ายหน้าน้อยๆดังมาจากผู้เป็นพี่ชายที่ยืนอยู่ข้างกาย  นึกว่าจะต้องเข้าไปห้ามทัพเสียแล้วไหมล่ะ

“ ฮึ!”        ใบหน้าสวยของโกคุเดระ ฮายาโตะ สะบัดอย่างรำคาญก่อนจะหันมายิ้มให้พี่ชายตามปกติ โดยที่ไม่รู้เลยว่ากำลังถูกจับตามองจากคนรอบข้างมากมายขนาดไหน


เป็นเรื่องจริง....ที่ว่าร่างบอบบางนั่นเป็นคนแรกที่กล้าต่อกรกับท่านหญิงผู้เอาแต่ใจคนนั้น

นัยน์ตาสีดำสนิทของเจ้าเมืองคามาคุระมองไปที่เจ้าของผมสีเงินพรางกระตุกยิ้ม...เพราะแบบนี้สินะ ยามาโมโตะ ทาเคชิ ถึงทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ตัวมา

เหมือนกันไม่มีผิด...พี่กับน้อง....


เพราะมันก็เป็นเรื่องจริงเช่นกัน....ที่ว่าร่างเล็กบางของผู้เป็นพี่ชายก็เป็นคนแรกที่กล้าดื้อดึงกับคนอย่าง ฮิบาริ เคียวยะคนนี้









วันนี้ร่างบอบบางอยู่ในชุดสำหรับใช้ฝึกดาบ ท่อนล่างเป็นฮากามะสีดำสนิทส่วนท่อนบนเป็นกิโมโนสีขาวที่สวมทับกิโมโนตัวในสีแดงเลือดนก เรือนผมสีเงินถูกรวบขึ้นไปผูกเอาไว้ด้วยเชือกสีแดงเผยให้เห็นต้นคอระหงรับกับใบหน้าสวย

ร่างบอบบางเดินไปนั่งลงที่หน้าแท่นสำหรับวางดาบ ก่อนจะจ้องมองไปที่ดาบสีดำสนิทที่วางอยู่บนนั้น

ความจริงเขาก็ไม่ได้อยากจะให้ใครรู้....ว่าดาบประจำตระกูลแสนสำคัญเล่มนี้ถูกฝากเอาไว้ให้อยู่ข้างกายเขา....ไม่ได้อยากเอามันออกไปอวดเบ่งกับใคร ว่าเขามีความสำคัญเช่นไรกับยามาโมโตะ ทาเคชิ

ร่างสูงคงจะรู้....ว่าวันแบบนี้อาจจะมาถึงในขณะที่ตนไม่อยู่....

ถึงแม้ร่างกายจะอยู่แสนไกลแต่อย่างน้อยให้ดาบเล่มนี้ปกป้องเขาแทนก็ยังดี


หัวใจดวงน้อยเต้นกระหน่ำในขณะที่มือยื่นไปรับมันออกมาจากแท่นวาง

น่าแปลกที่ดาบสีดำนั้นกลับอบอุ่น....แทนที่จะเย็นยะเยือกเฉกเช่นดาบสังหารที่ปลิดชีวิตคนมานักต่อนัก....น่าแปลกที่ดาบซึ่งเคยชโลมเลือดของอิสุกลับไม่ได้ทำให้มือบางอยากจะปามันทิ้งไปแต่กลับกอดมันเอาไว้ในอ้อมแขน

ความเกลียดชังที่พยายามบอกตัวเองดูเหมือนในยามที่ร่างสูงไม่อยู่ มันกลับถูกฝังกลบด้วยคำว่าโหยหาและห่วงใย

ไม่ได้คิดถึง....ต้องย้ำกับตัวเองไม่รู้กี่รอบว่าไม่ได้คิดถึง....


ข้าก็แค่อยากจะให้ใครต่อใครรู้....ว่าเพลงดาบของคนที่ถูกไสส่งไปเป็นตัวประกันอยู่ที่อิสุนั้นร้ายกาจเพียงใด แค่อยากจะบอกให้พวกคามาคุระรู้ว่า ยามาโมโตะคนเดิมของข้านั้นเก่งกาจขนาดไหนที่คิดมันออกมาได้.....เพลงดาบคู่ของข้ากับเจ้า








ลานประลองกลางแจ้งคราคร่ำไปด้วยผู้คนที่ต่างมารอชมกันจนแน่นขนัด เนื่องด้วยไม่ใช่ว่าจะมีโอกาสแบบนี้ให้เห็นง่ายนัก เพราะแต่ไหนแต่ไรมางานชิงดาบก็เป็นงานภายในของคฤหาสน์เจ้าเมือง คนที่จะได้รับเชิญให้เข้าไปชมก็มีแต่ขุนนางชั้นผู้ใหญ่เท่านั้น 

ประชาชนชาวคามาคุระที่รู้ข่าวต่างมายืนเฝ้ารอชมกันจนเต็มแน่น ราวไม้ไผ่ที่กั้นขอบเขตเอาไว้ไม่มีส่วนไหนเลยที่จะไม่มีคนเกาะ  ถึงแม้จะได้ชื่อว่าลานประลอง แต่สภาพโดยทั่วไปแล้วก็เหมือนสวนแห่งหนึ่งมากกว่า เพราะโดยรอบล้วนเป็นต้นไม้ใหญ่ มีลานที่ปูด้วยกระดานไม้อยู่ตรงกลาง และมีอาคารที่เป็นศาลาโล่งสำหรับเป็นที่นั่งชมสำหรับเจ้าเมืองอยู่ข้างๆ ตอนนี้เหล่าผู้หญิงในบ้านต่างรอชมกันอยู่ในนั้น

ฮิบาริ เคียวยะเองก็เช่นกัน  ร่างสูงสง่านั่งอยู่บนเบาะรองนั่งด้วยใบหน้านิ่งเฉยติดจะหน่ายๆด้วยซ้ำ

เพราะทุกปีที่ผ่านมาตนต้องลงไปขย้ำไอ้พวกสัตว์กินพืชอ่อนแออยู่ในสนาม ไม่ใช่มานั่งดูอยู่แบบนี้

ที่ด้านหลังเยื้องไปพอสมควร ร่างระหงของท่านหญิงมิซึโกะกำลังกรีดพัด พัดใบหน้าเบาๆ ริมฝีปากสีแดงสดยิ้มเหยียดอย่างพยายามจินตนาการใบหน้ายามพ่ายแพ้ของเจ้าเชลยศึกอวดดีนั่น  รูปร่างหน้าตาแบบนั้น....แม้แต่พ่อครัวของคฤหาสน์ มันจะเอาชนะได้หรือเปล่าก็ไม่รู้

หึ....และถ้าพ่ายแพ้แม้กระทั่งพ่อครัว....มันคงน่าหัวเราะเยาะน่าดู....

หัวใจที่แสนสดใสในวันนี้ของท่านหญิงกำลังคิดคำพูดถากถางต่างๆนานา จนกระทั่งผู้ชายในบ้านทั้งหมดที่ต้องเข้าร่วมการต่อสู้ต่างทยอยเดินออกมาจากกระโจมที่ถูกจัดแยกเอาไว้ ร่างสูงใหญ่ของทั้งทหารยามและลูกท่านหลานเธอต่างนั่งลงอย่างเป็นระเบียบที่ด้านข้างอีกฝั่งของลานประลอง

และก็เพราะว่ามีแต่ผู้ชายตัวใหญ่ยักษ์ เลยทำให้ร่างเล็กบางของตัวประกันจากอิสุที่อยู่ในชุดฮากามะสีดำล้วนช่างดูโดดเด่นสะดุดตา ทั้งวงหน้าหวานน่ารัก ทั้งลำตัวที่ราวกับจะหักเป็นสองท่อนหากถูกกระแทกแรงๆ ยิ่งดูไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเป็นคนที่ชิงดาบสุดท้ายกับ ฮิบาริ เคียวยะ มาได้ตั้งสี่ปีซ้อน

เสียงพูดคุยกระซิบกระซาบดังมาจากปากของชาวบ้านที่อยู่โดยรอบ เพราะใช่ว่าจะได้เห็นร่างเล็กๆนั่นได้ง่ายๆเสียเมื่อไหร่ ปีนึงจะมีแค่ครั้งสองครั้งเท่านั้นแหละ ที่ฮิบาริ เคียวยะ จะยอมพาตัวประกันจากอิสุออกมานอกคฤหาสน์

แต่แล้วทุกเสียงก็ต้องเงียบลงเมื่อร่างบอบบางของใครบางคนเดินออกมาจากในกระโจมเป็นคนสุดท้าย

ทั้งๆที่คนอื่นๆล้วนแล้วแต่ใส่ฮากามะกับกิโมโนสีเข้ม แต่ร่างบอบบางคนนี้กลับใส่ฮากามะสีดำกับกิโมโนสีขาว....

เส้นผมสีเงินที่พลิ้วไหวไปตามสายลมยิ่งขับส่งให้ร่างทั้งร่างดูราวกับอัญมณีที่เปล่งแสงได้ ใบหน้าสวยนิ่งๆแฝงแววหยิ่งยะโสเอาไว้น้อยๆ จังหวะการก้าวเดินที่มั่นใจยิ่งสะกดทุกสายตาเอาไว้ได้อย่างอยู่หมัด

ร่างบอบบางก้าวไปนั่งลงที่หางแถวท้ายสุด.....และเมื่อมือบางวางดาบที่ถือมาด้วยลงตรงหน้าเหมือนที่ทุกๆคนทำ

ทุกสายตาก็ถึงกับตะลึงงัน

เพราะดาบสีดำเล่มนั้นคือดาบประจำตระกูลยามาโมโตะ.....


เสียงอื้ออึงดังขึ้นมาทันที...ร่างบอบบางคนนี้เป็นใครกันแน่?....ทำไมมีดาบเล่มนี้ทั้งๆที่มันน่าจะอยู่ที่ ยามาโมโตะ ทาเคชิที่อิสุ


นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองใบหน้าของผู้เป็นพี่ชายที่นั่งอยู่ห่างกันพอสมควร ใบหน้าน่ารักยิ้มน้อยๆอย่างไม่ได้แสดงให้เห็นว่าแปลกใจ ต่างจากสีหน้าของท่านหญิงมิซึโกะที่ตะลึงจนตาถลน ร่างระหงสั่นระริกอย่างที่อยากจะอาละวาดเต็มทีถ้าไม่ติดที่ผู้เป็นพ่อจับแขนเล็กๆนั่นเอาไว้

ใบหน้าสวยของเชลยศึกยิ้มที่มุมปากน้อยๆ....เปล่านะ...เขาไม่ได้คิดจะเยาะเย้ยสักหน่อย

ก็แค่สะใจ



เสียงประกาศกร้าวจากพิธีกรของงานขานชื่อ โกคุเดระ ฮายาโตะ ออกมา ทำให้ร่างบอบบางที่เพิ่งจะนั่งลงมาได้ไม่นานจำต้องลุกขึ้นอีกครั้ง.....ได้สู้เป็นคู่แรกเลยหรอเนี่ย?

ร่างบอบบางเดินไปยังกลางลานที่ปูด้วยไม้ ทุกท่วงท่ายังคงสะกดสายตาเอาไว้ได้เช่นเคย และมันยิ่งดูจะมากขึ้นด้วยซ้ำเมื่อรู้ว่าเขาเป็นใครและมีความสัมพันธ์ยังไงกับยามาโมโตะ ทาเคชิ

คนที่จะต้องสู้ด้วยนั้นมาจากการสุ่มเลือก และบัดนี้ร่างใหญ่ยักษ์ของนายทหารคนหนึ่งก็ยืนแสยะยิ้มอย่างดีใจอยู่ตรงหน้า

มิใช่ว่าอยากจะต่อสู้ด้วยเพราะล่วงรู้ถึงฝีมือของร่างบอบบาง


แต่ยิ่ง โกคุเดระ ฮายาโตะ เป็นของต้องห้ามมากเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าลิ้มลองมากเท่านั้น


รอยยิ้มเย้ยหยันจากท่านหญิงจอมร้ายกาจที่นั่งอยู่ไกลๆแว่บเข้ามาในหางตา ซึ่งโกคุเดระก็ไม่ได้สนใจนัก สมาธิถูกเพ่งไปที่ร่างยักษ์ตรงหน้า....ก่อนที่มือจะปลดคมดาบสีดำออกจากฝัก

ร่างบอบบางขยับรวดเร็วราวกับสายลม เช่นเดียวกับข้อมือที่แทบจะไม่ต้องใช้แรงอะไรมากนัก

และแค่นึกถึงคำพูดของยามาโมโตะที่เคยบอกกับเขาเอาไว้ว่า.....


“ ข้ารับรองว่าจะไม่มีใครสู้เจ้าได้ถึงแม้เจ้าจะมีแรงน้อยกว่าก็ตาม”


ร่างใหญ่ยักษ์ของคู่ต่อสู้ก็ล้มลงฟาดพื้นสลบไปในทันที ด้วยสันดาบสีดำที่อยู่ในมือบาง


รอบข้างดูเหมือนจะนิ่งค้างไปด้วยไม่อยากจะเชื่อสายตากับการต่อสู้ที่จบลงอย่างรวดเร็ว จนร่างบอบบางเดินกลับไปนั่งลงยังที่เดิม เสียงฮือฮาจึงได้ดังตามมากระฉ่อน

แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ใบหน้าของท่านหญิงมิซึโกะถึงกับบิดเบี้ยว มือเรียวกำแน่นอย่างโกรธแค้น ไม่อยากจะเชื่อว่าเจ้าเชลยนั่นมันจะมีฝีมือ ทั้งๆที่ดูเหมือนจะถูกเลี้ยงดูมาราวกับคุณหนู เพราะการที่จะมีผิวขาวพอๆกับเธอได้ มันจะต้องถูกประคบประหงมให้อยู่แต่ในบ้าน ซ้ำรูปร่างก็ดูไม่ได้ใกล้เคียงกับผู้ชายวัยเดียวกันเลยสักนิด ไม่คิดจริงๆว่าจะมีแรงแม้กระทั่งยกดาบขึ้นมาได้....ริมฝีปากสีแดงเม้มแน่น นัยน์ตาสีดำสนิทจับจ้องไปยังเจ้าของเรือนผมสีเงินที่นั่งอยู่อีกฝั่งของลานประลองอย่างไม่สบอารมณ์ ไม่ว่าอะไรก็ไม่ได้ดั่งใจไปเสียหมด!

ทั้งๆที่ตั้งใจจะให้มันอับอายแต่ดันกลายเป็นว่าให้มันมาแสดงฝีมือต่อหน้าคนอื่นๆ แถมยังดาบของท่านพี่ทาเคชินั่นอีก....ใครจะไปคิดว่าจะหลงใหลมันถึงขั้นให้ดาบสำคัญเล่มนั้นติดตัวเอาไว้แบบนี้!!

เห็นทีว่านี่จะไม่ใช่เรื่องเล่นๆสำหรับเธออีกต่อไปแล้ว!




นัยน์ตาสีมรกตจ้องมองการต่อสู้ของคู่อื่นๆอย่างสนอกสนใจ....สมแล้วที่เป็นแผ่นดินของสายดาบที่แข็งแกร่งที่สุด เพราะต่อให้คนที่กำลังสู้อยู่จะมีฝีมืออ่อนด้อยแค่ไหน แต่ทักษะเบื้องต้นเขากลับคิดว่าแต่ละคนนั้นทำได้ดีมากทีเดียว

สมองพยายามจดจำท่วงท่าที่แตกต่างจากที่ยามาโมโตะเคยใช้ให้ได้มากที่สุด ยิ่งเป็นการต่อสู้ที่ไม่ได้หมายจะเอาชีวิตก็จะยิ่งแสดงให้เห็นถึงกระบวนท่าที่สวยงามและชัดเจนมากขึ้นเท่านั้น

จนกระทั่งเสียงขานชื่อของตัวประกันจากอิสุดังขึ้น ใบหน้าสวยจึงได้เงยมองไปที่ลานประลองอีกครั้ง....จากที่ผู้เป็นพี่ชายเคยเล่ามา ดูเหมือนฮิบาริ เคียวยะจะเป็นคนฝึกดาบให้กับมือ เพราะฉะนั้นจะยิ่งพลาดไม่ได้แม้แต่วินาทีเดียว


ร่างเล็กบางเจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลเดินไปกลางลานประลองด้วยท่าทางเอาจริงเอาจัง ใบหน้าที่เคยอ่อนโยนอยู่เสมอยามที่จับดาบกลับเปลี่ยนไปเป็นเคร่งขรึม นัยน์ตากลมโตจับจ้องไปยังคู่ต่อสู้ที่ตัวสูงใหญ่กว่าอย่างไม่ได้รู้สึกกลัวเกรง....ความจริงแล้วประเพณีแบบนี้มันไม่ใช่วิถีชีวิตของเขาเลยสักนิด

เพียงแต่.....หากเขาไม่ปกป้องเอาไว้...ดาบสีขาวเล่มนั้นมันก็จะต้องไปอยู่ที่อื่นที่ไม่ใช่ในห้องนอนของฮิบาริ เคียวยะ

แค่คิดก็รู้สึกว่ายอมไม่ได้ยังไงไม่รู้...

คมดาบถูกชักออกมาจากฝักก่อนจะชี้ไปยังคนตรงหน้าที่ขยับเท้าเข้ามาหาอย่างจะไม่ให้เขาตั้งตัว

แต่กระนั้นอีกฝ่ายก็เร็วไม่พอ มือเล็กยกดาบขึ้นกันเอาไว้ได้หมดก่อนจะลดตัวลงไปวาดดาบเข้าที่สีข้างทำให้ร่างสูงใหญ่จำต้องเบี่ยงตัวหลบ สันดาบตามไปซ้ำอย่างเอาจริงจนใบหน้าของคู่ต่อสู้นั้นหวาดผวาจนเห็นได้ชัด เพราะไม่คิดว่าคนที่ดูอ่อนโยนแบบนี้จะไร้ความปราณี

มันช่วยไม่ได้....เขาเรียนรู้มาตลอดเวลาที่จับดาบสู้กับฮิบาริ เคียวยะ ว่าถ้าลังเลแม้เพียงนิดหรือเผลอใจอ่อนให้คู่ต่อสู้ละก็ คนที่จะต้องเจ็บตัวก็คือเขาเอง

ร่างเล็กบางยกดาบขึ้นรับการจู่โจมของอีกฝ่ายก่อนจะตวัดตัวเปลี่ยนเพลงดาบอย่างรวดเร็ว และก่อนที่เพลงดาบขั้นสูงของตระกูลยามาโมโตะจะหยุดลง ปลายดาบคมกริบก็ไปจ่ออยู่ที่คอหอยของคู่ต่อสู้เรียบร้อยแล้ว

“ ขะ ขอบคุณที่ชี้แนะขอรับ!”       นายทหารที่ปลายดาบลดไปจากลำคอทรุดนั่งลงกับพื้นด้วยเหงื่อท่วมตัว ร่างสูงใหญ่นั่งทับส้นก่อนจะโค้งให้กับร่างเล็กบางอย่างนอบน้อม  ก็ปีนึงนี่เป็นเพียงโอกาสเดียวที่จะได้ฝึกซ้อมกับคนที่มีฝีมือเป็นที่สองของคามาคุระนี่นะ



การต่อสู้ผ่านพ้นไปเรื่อยๆ และยิ่งถึงรอบลึกๆมากขึ้นเท่าไหร่ ฝีไม้ลายมือของคนที่เหลืออยู่ก็มีแต่จะแข็งแกร่งขึ้นเท่านั้น

นัยน์ตาสีมรกตจับจ้องมองคู่ต่อสู้ที่ล้วนแล้วแต่มีเรี่ยวแรงมากกว่าด้วยดวงตาไม่กระพริบ ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะมีร่างกายสูงใหญ่แต่ไม่ว่าจะฝีมือดาบหรือความเร็วก็ยังไม่มีใครเทียบกับยามาโมโตะได้ นัยน์ตาของเขาที่เฝ้าหาจุดอ่อนของยามาโมโตะมาตั้งเจ็ดแปดปีมีหรือจะไม่รู้ว่าเพลงดาบแบบนี้ต้องรับมือยังไง

“ ย๊ากกกกกกก”        ร่างสูงใหญ่ตรงหน้าส่งเสียงร้องขู่ก่อนจะจับดาบพุ่งเข้าใส่ ดูเหมือนผู้ชายคนนี้จะเป็นลูกหลานคนสำคัญของตระกูลยามาโมโตะเพราะเสียงเชียร์ที่ดังมาจากรอบๆ

ใบหน้าสวยเบี่ยงหลบวิถีดาบ และนั่นมันก็ทำให้อีกฝ่ายเริ่มจะไม่พอใจเพราะใช้เวลาสู้กับเขามานานจนเหงื่อท่วมแต่ก็ยังล้มเขาลงไม่ได้เสียที ดวงตาดุดันจ้องเขม็งมองดาบสีดำในมือเขาด้วยแววหิวกระหาย

หรือจะไม่ชอบใจที่เขาได้ถือดาบเล่มนี้ แทนที่จะเป็นลูกหลานแบบตน?

จะว่าไปเขาเองก็ไม่เคยได้ยินยามาโมโตะพูดถึงญาติพี่น้องคนไหนนอกจากฮิบาริ เคียวยะเลย....จะบอกว่าไม่เคยเห็นใครอยู่ในสายตาว่างั้น?

คมดาบวาดลงมาอีกและมันก็ทำให้เขาต้องเบี่ยงตัวหลบจนปลายเส้นผมสีเงินที่หลบไม่พ้นถูกตัดขาดไปเล็กน้อย....ดูเหมือนฝ่ายนั้นจะเริ่มยิ้มออกเพราะคิดว่ากำลังเข้าใกล้ตัวเขาได้มากขึ้นเรื่อยๆ

เอาเลย.....ก้าวเข้ามาหาเขาอีก.....

ก้าวเข้ามาแบบที่ยามาโมโตะ ทาเคชิ จะไม่มีวันทำ ยามที่จับดาบสู้กับเขา

เพราะท่าที่เป็นจุดอ่อนซึ่งพวกคามาคุระเองก็ดูท่าว่าจะไม่รู้นั้น คือท่าที่ใช้ในระยะประชิดนี่แหละ!


สวบ......


ร่างสูงใหญ่ชะงักงันก่อนจะยืนนิ่งไม่ไหวติง เหงื่อไหลลงไปตามใบหน้าที่อ้าปากค้างอย่างตื่นตะลึง คมดาบสีดำในมือบางยังคงค้างเอาไว้ในตำแหน่งเดิมให้ใครต่อใครเห็น....ว่าเขาเป็นผู้ชนะ....เพราะว่าดาบนั้นถูกเบี่ยงหลบไปนิดหน่อยจากวิถีเดิมของเพลงดาบคู่....ไม่เช่นนั้นมันก็คงจะเสียบทะลุหัวใจได้ทันที

เสียงอื้ออึงดังมาจากโดยรอบ....ถึงแม้ว่าจะไม่มีเสียงปรบมือให้แก่เชลยศึกอย่างเขาก็ไม่ได้รู้สึกอะไร

ร่างบอบบางตั้งใจจะเดินกลับไปยังที่นั่งของตน แต่ทว่าแขนก็ถูกรั้งเอาไว้ด้วยมือของคนที่เพิ่งจะพ่ายแพ้ให้แก่เขา

“ เจ้ารู้ใช่ไหมว่าดาบนั่นมีความสำคัญยังไง”      นัยน์ตาสีมรกตเพียงแค่ปรายตามองก่อนจะพยักหน้าลงน้อยๆ

“ บอกยามาโมโตะ ทาเคชิ ของเจ้าด้วยล่ะว่า ถ้าไม่เก็บมันเอาไว้ให้ดีๆ ข้าจะไปทวงคืน...รวมทั้งตัวเจ้าด้วย”       มือใหญ่ปล่อยแขนบางออกจากมือด้วยแรงสะบัดน้อยๆ นัยน์ตาสีมรกตยังคงมึนงงกับคำพูดของอีกฝ่าย ไอ้ประโยคแรกน่ะเขาเข้าใจ แต่ประโยคหลังนั่นมันยังไงกัน?



เสียงเชียร์จากรอบข้างดูเหมือนจะสนุกสนานมากยิ่งขึ้นเมื่อคนสำคัญๆต่างลงสนามสู้กันเอง

แน่นอนว่าชาวบ้านตาดำๆแบบนี้ไม่เคยมีโอกาสได้เห็นยามที่ผู้ปกครองของตนออกรบ จึงไม่ใช่เรื่องง่ายๆที่จะได้เห็นฝีมือที่ล้วนแล้วแต่เก่งกาจจนเลือดในกายฉีดพล่าน

แต่น่าเสียดาย....

ที่สองคนสุดท้ายที่เหลืออยู่.....ต่างไม่ใช่ทั้งผู้ปกครองของตนและไม่ใช่ทั้งคนของคามาคุระ


ตัวประกันจากอิสุกำลังยืนเผชิญหน้าอยู่กับเชลยศึกจากอิสุ....คู่สุดท้ายที่จะชิงดาบกันคือสองพี่น้องจากตระกูลโกคุเดระ!


ถึงแม้จะดูน่าเจ็บใจแต่ด้วยความที่ร่างบอบบางทั้งคู่ต่างน่าดู ดาบที่ไม่ได้มีแต่ความดุดันอย่างเดียวแต่ยังแฝงเอาไว้ด้วยความสวยงาม ยิ่งผนวกเข้ากับรูปร่างหน้าตาของคนที่ใช้ ก็ยิ่งทำให้สายตาทุกคู่ต่างยังจับจ้องอยู่ที่สองคนนั้นไม่วางตา

ถือซะว่าได้ดูดอกไม้ในคมดาบสู้กัน มันก็ไม่เลวนักหรอก

ลำตัวบางต่างโค้งให้แก่กันก่อนที่ใบหน้าของทั้งสองฝ่ายจะจ้องมองกันและกัน

ความจริงไม่มีเหตุผลอะไรให้ต้องมาต่อสู้ แต่เพราะอีกฝ่ายเป็นคนใกล้ชิดการที่อยากจะรู้ฝีมือจึงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

หากไม่มีการจัดงานนี้ขึ้นมา คิดหรือว่าเขาสองคนจะสู้กันได้จริงๆ

ร่างเล็กของผู้เป็นพี่ชายขยับเข้าหาร่างบอบบางของน้องชาย และไม่ว่าจะฟาดดาบออกไปยังไงฮายาโตะก็รับเอาไว้ได้หมด แถมยังโต้กลับมาได้ในจังหวะที่ไม่คิดว่าจะทำได้ด้วย....ราวกับว่าผู้เป็นน้องชายล่วงรู้ถึงกระบวนท่าวิชาดาบขั้นสูงของตระกูลยามาโมโตะเป็นอย่างดี

เพราะผ่านการต่อสู้มาทั้งวัน ร่างบอบบางของทั้งสองจึงหอบหายใจภายในเวลาไม่นาน นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้จ้องมองเจ้าของเรือนผมสีเงินด้วยความสงสัย...ยิ่งประมือกันมากเท่าไหร่ก็ยิ่งรู้ตัวเลยว่า เพลงดาบที่เขาใช้อยู่นี้ไม่อาจจะเอาชนะฮายาโตะได้...มีแต่จะถูกไล่ต้อนให้เข้าทางไปเรื่อยๆ

“ ข้าขอถามอะไรเจ้าสักอย่างสิฮายาโตะ”      ผู้เป็นพี่ชายเอ่ยถามด้วยรอยยิ้มในขณะที่ต่างฝ่ายต่างยืนหอบ สำหรับเขาแล้วมันคือความภาคภูมิใจที่น้องชายคนเล็กมีฝีมือมากมายขนาดนี้....เจ้าพี่ๆจอมหวงพวกนั้นจะรู้บ้างหรือเปล่านะว่าคนที่ตนเฝ้าประคบประหงมเอาไว้ดันถูกใครบางคนเสี้ยมสอนให้ร้ายกาจอย่างที่เห็น

“ คู่ฝึกซ้อมดาบของเจ้าในอิสุเป็นใคร?”     ดูจากเพลงดาบที่ไม่ได้พึ่งพาแค่แรง แต่ยังใช้สมองในการคำนวณวิถีดาบ นอกจากฮายาโตะที่ฉลาดมากๆอยู่แล้ว คนที่เป็นคู่ซ้อมให้เองก็ต้องเก่งมากๆด้วยถึงจะทำให้ดาบของฮายาโตะสามารถวาดออกมาได้หลากหลายขนาดนี้ ขนาดเขาใช้เพลงดาบของตระกูลยามาโมโตะซึ่งเป็นสายดาบที่แข็งแกร่งที่สุด ฮายาโตะยังโต้กลับมาได้อย่างไม่เป็นรองเลย

แล้วคำตอบที่หลุดออกมาจากปากของผู้ป็นน้องชายก็ไม่ได้ทำให้เขาแปลกใจ...ว่าทำไมคนคนนั้นถึงทำให้อิสุล่มสลายลงได้

“ คู่ฝึกซ้อมดาบของข้า...คือ ยามาโมโตะ ทาเคชิ”

และแน่นอนว่าคนทั่วทั้งสนามต่างได้ยิน หลายคนตะลึงงัน ส่วนทหารที่รู้ฝีมือของยามาโมโตะคนนั้นดีต่างก็ลอบกลืนน้ำลาย

เพราะหากว่ายามาโมโตะ ทาเคชิกับโกคุเดระ ฮายาโตะ จับดาบคู่กันขึ้นมา....มันจะน่ากลัวขนาดไหน

บางที....แม้แต่ ฮิบาริ เคียวยะ เองอาจจะเอาไม่อยู่ด้วยซ้ำ

แต่ที่น่าแปลกใจยิ่งกว่าคือ ทำไมอิสุถึงไม่ยอมให้คนที่มีฝีมือขนาดนี้ออกมาสู้ศึกในครั้งนั้น....เพราะถ้าหากเป็นโกคุเดระ ฮายาโตะก็อาจจะต้านยามาโมโตะ ทาเคชิ เอาไว้ได้นานกว่านี้ก็ได้

เสียงเหล็กกล้าปะทะกันอย่างต่อเนื่อง มือเล็กเริ่มจะสั่นระริกไปกับน้ำหนักของดาบสีดำที่โถมเข้ามา นัยน์ตาแข็งกร้าวของสองพี่น้องยังคงจับจ้องกันและกันอย่างไม่ยอมแพ้

สันกรามของผู้เป็นพี่ชายเริ่มจะกัดฟันน้อยๆ เพราะหลายครั้งหากว่าเขาไม่เร็วพอที่จะหลบฮิบาริ เคียวยะได้ คงโดนดาบสีดำของน้องชายจ่อที่จุดตายไปแล้ว

ยิ่งสู้...แขนที่ถือดาบก็ยิ่งล้า....ยิ่งรู้สึกว่าห่างไกลกับคำว่าชัยชนะไปเสียทุกที

แต่ถึงกระนั้นนัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ก็ยังไม่ยอมแพ้ เช่นเดียวกับนัยน์ตาสีมรกตที่ยังคงจับจ้องกลับมาอย่างจริงจัง

ดูท่าทางว่าพวกเขาสองคนคงจะได้รับอิทธิพลมาจากคู่ซ้อมดาบด้วยกันทั้งคู่...ว่าหากยังไม่หมดสติไปก็ห้ามถอดใจยอมแพ้

และตอนนี้เขาดูเหมือนจะได้เปรียบอยู่นิดหน่อยก็ตรงที่  คู่ซ้อมดาบของเขายังคงนั่งมองการต่อสู้อยู่ที่ข้างสนาม  นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ลอบเหลือบมองไปที่เจ้าเมืองคามาคุระ เขาคิดว่าคนอย่างฮิบาริ เคียวยะ น่าจะดูออกถึงกระบวนท่าของฮายาโตะ

และก็เป็นไปอย่างที่คาด....

มือใหญ่หยิบทอนฟาออกมาวางไว้ตรงหน้าราวกับว่ากำลังจะบอกอะไรบางอย่างกับเขา....ทอนฟา?

หมายความว่า........

“ อ่า”      ใบหน้าน่ารักยิ้มที่มุมปากอย่างเข้าใจความหมายที่ร่างสูงบอก

ให้เลิกใช้เพลงดาบของตระกูลยามาโมโตะ แต่ให้ใช้เพลงดาบสำหรับสู้กับทอนฟาของร่างสูงที่มีแต่เขาเท่านั้นที่เคยได้ใช้มัน....อย่างนั้นสินะ

และเมื่อเปลี่ยนกระบวนท่าไป....ผู้เป็นน้องชายก็เสียเปรียบทันที


เคร้ง!!


ดาบสีดำจำต้องหันไปตั้งรับ  ใบหน้าสวยขบเขี้ยวเคี้ยวฟันเมื่อจู่ๆเพลงดาบของพี่ชายก็เปลี่ยนไป....ทั้งรวดเร็ว ทั้งไร้ทิศทาง....นัยน์ตาสีมรกตที่พยายามจะมองตามกลับทำได้ไม่ถนัดนัก หัวสีเงินก้มหลบสันดาบที่วาดเข้ามา และทั้งๆที่คิดว่าหลบพ้นแล้วกลับไม่ใช่

ในเมื่อจู่ๆ สันดาบก็โผล่มาให้เห็นอีกทีว่ามันอยู่แถวๆหน้าท้อง

“ อึก!”      ดีที่ดาบสีดำยังรับได้อย่างฉิวเฉียด แต่กระนั้นแรงกระแทกก็ทำเอาร่างบอบบางถึงกับเซถลา

ไม่ได้การ....ดูเหมือนพี่ชายจะเปลี่ยนไปใช้เพลงดาบที่เขาไม่รู้จัก และหากมัวแต่วิเคราะห์ก็จะเสียแรงไปเปล่าๆ วิถีดาบที่ไร้ทิศทางแบบนั้นนอกจากฝึกด้วยกันเป็นเวลานานเท่านั้นแหละถึงจะจับทางได้

“ ชิ...”      ใบหน้าสวยเม้นริมฝีปากเล็กน้อย...คงต้องใช้เพลงดาบคู่จัดการให้จบไปในทีเดียว

แต่เพลงดาบคู่ ชื่อมันก็บอกเอาไว้ตั้งแต่แรกอยู่แล้วว่าต้องใช้เป็นคู่....เขาที่ใช้อยู่ฝั่งเดียวก็เท่ากับลดความอันตรายลงไปกว่าครึ่ง ซึ่งจะใช้ได้ผลกับดาบของพี่ชายหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ

มีแต่ต้องลองดูเท่านั้นสินะ


ร่างทั้งสองต่างกระโดดออกห่างจากกันก่อนจะหอบจนตัวโยน  นัยน์ตาคมกล้าที่ต่างจ้องมองกันและกันต่างบ่งบอกว่าดาบในครั้งหน้าคือดาบสุดท้าย

“ เข้ามาเลย ฮายาโตะ!!

“ อื้อ!!


ราวกับฝูงผีเสื้อสีขาวพุ่งเข้าไปพัวพันกับฝูงสีเสื้อสีส้ม  เพลงดาบที่รวดเร็วราวกับสายลมต่างถูกตวัดออกไปและผลสุดท้ายคือ....

ปลายดาบสีดำอยู่ห่างจากคอของผู้เป็นพี่ชายราวๆคืบ ต่างจากดาบของพี่ชายที่จออยู่ที่ลำคอระหงแค่เซ็นต์เดียว



“ ข้าแพ้แล้วล่ะ”       ใบหน้าสวยยิ้มให้ในขณะที่ลดดาบในมือลง นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ของพี่ชายมองกลับมาด้วยสายตาอ่อนโยนราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจว่าตนคือผู้ชนะ

“ ถ้าข้าไม่ได้ทอนฟานั่นช่วยเอาไว้ ข้าคงไม่อาจจะเอาชนะเจ้าได้หรอก”      ดาบในมือผู้เป็นพี่ชายก็ลดลงไป ร่างสองร่างต่างโค้งให้กันท่ามกลางเสียงปรบมือที่ดังมาจากทั่วทุกทิศ

“ ทอนฟา?”      ใบหน้าอมยิ้มของสองพี่น้องต่างก็เหลือบมองไปที่ร่างสีดำที่ยังคงนั่งทำหน้าตายอยู่ภายในศาลา

“ คราวหลังข้าคงต้องให้เจ้าสอนข้าบ้างแล้ว...เพลงดาบมั่วๆแบบนั้น”       เสียงหัวเราะน้อยๆผสานไปกับเสียงพูดคุยของสองคนที่อยู่กลางลานทำให้บรรยากาศที่เคยตื่นเต้นดูเบาบางลง

ร่างเล็กบางของผู้ชนะถูกพาเดินเข้าไปหาเจ้าเมืองคามาคุระที่นั่งอยู่ในศาลา

ไม่มีพิธีรีตองอะไรมากนักในการรับดาบ แล้วยิ่งร่างบอบบางที่ไม่คิดจะให้ดาบนั่นไปอยู่ที่ไหนยิ่งแล้วใหญ่

“ ข้าฝากมันเอาไว้ในห้องของเจ้าเช่นเดิมได้หรือไม่”      รอยยิ้มสดใสจากใบหน้าเล็กมีแต่จะทำให้ใบหน้าคมยิ้มออกมาที่มุมปาก นัยน์ตาสีดำเจ้าเล่ห์จ้องมองไปยังร่างเล็กของตัวประกันจากอิสุอย่างสื่อความหมาย ก่อนที่ดาบสีขาวจะถูกวางเอาไว้บนแท่นดังเดิม


เป็นอันว่างานชิงดาบของปีนี้ก็จบลงไปพร้อมๆกับแดดสีส้มที่ฉายไปทั่วบริเวณ...


ผู้คนต่างกระจายกันกลับบ้าน ผู้ที่เข้าร่วมต่อสู้เองก็ต่างก็แยกย้ายกันกลับสู่กระโจมของใครของมัน นัยน์ตาสีมรกตทันมองเห็นใบหน้าบูดบึ้งกับสายตาไม่พอใจจากท่านหญิงมิซึโกะที่ตวัดมองมาก่อนจะกระแทกเท้าเดินออกจากศาลาไป

หึ....อย่าคิดว่าจะทำอะไรเขาได้ง่ายๆล่ะ! สไตล์นางเอกเจ้าน้ำตาที่โดนรังแกน่ะ ไม่ใช่เขา!!

และก่อนที่ร่างบอบบางของเชลยศึกจากอิสุจะได้เดินออกไปจากลานประลอง ม้าเร็วที่ถูกส่งมาจากกองทัพที่เดินทางไปอิสุก็เดินเข้ามาหา

“ ท่านยามาโมโตะฝากของมาให้ขอรับ”        นายทหารหยิบกล่องไม้สี่เหลี่ยมผืนผ้าขนาดประมาณฝ่ามือมายื่นให้ มือบางรับไปด้วยใบหน้างงๆ

“ ขอบใจ....แล้วเจ้าไม่ต้องเข้าไปรายงานอะไรกับเจ้าเมืองหรอ?”      ใบหน้าสวยทักอย่างสงสัยเมื่อนายทหารทำท่าจะเดินจากไปโดยไม่ได้มีวี่แววว่าจะเข้าไปหา ฮิบาริ เคียวยะ

“ ไม่ต้องขอรับ เพราะข้าแค่เอาของมาส่งให้ท่านตามคำสั่งของท่านทาเคชิเท่านั้นเอง”      ร่างสูงใหญ่ก้มหัวให้ก่อนจะเดินจากไป นัยน์ตาสีมรกตมองแผ่นหลังที่ปะปนไปกับฝูงชนนั้นด้วยความสงสัย

ของสำคัญอะไรถึงได้ใช้ทหารให้เดินทางเอากลับมาให้เขาแบบนี้?

มือบางค่อยๆแง้มฝากล่องไม้ออกดู เพราะไม่รู้ว่าของที่อยู่ข้างในนั้นสมควรจะเปิดดูตรงนี้ได้หรือไม่

แต่แล้วเมื่อมองเห็นมัน

น้ำตาไม่รักดีก็ดันรื้นขึ้นมาอย่างห้ามไม่อยู่....


กังหันสีแดงอันน้อยถูกวางอยู่ท่ามกลางผ้ากำมะหยี่ที่บุกล่องเอาไว้อย่างดี....


กังหันสีแดงที่บอกว่าจะทำให้เขาทุกวัน....


เจ้าบ้ายามาโมโตะนั่น.....


.
.
.
.
.
.
.
.

รองเท้าสานเหยียบย่างลงไปบนใบไม้แห้งกรอบจนเกิดเสียงดัง แต่กระนั้นร่างสูงใหญ่ที่เดินลัดเลาะไปตามป่าทึบก็ไม่คิดที่จะเบาเสียงลง

ร่างที่อยู่ในฮากามะดำล้วนยังคงก้าวเดินต่อไปด้วยท่วงท่าสบายๆ ใบหน้าคมเงยมองเส้นทางที่เรียกไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเส้นทาง เพราะไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็มีแต่ป่า และไม่นานยามาโมโตะ ทาเคชิก็ไปปรากฏตัวอยู่ที่หน้าเรือนไม้หลังหนึ่ง

ที่นี่เป็นที่เดียวในอิสุที่เขาไม่สั่งให้ทหารบุกมาทำลาย

และหากเขาไม่บอกใครก็จะไม่มีทหารคนไหนของคามาคุระรู้อย่างแน่นอนว่าบ้านหลังนี้มีอยู่จริงๆ


เพราะมันคือรังลับของตระกูลโกคุเดระ....


นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองลงไปที่ชานไม้ของบ้าน รอยยิ้มปรากฏอยู่ที่มุมปากทันทีที่มองเห็นของที่วางอยู่

จะไม่ยอมออกมาพบกันเลยงั้นสินะ....แต่ก็สมแล้วละ...เขาไม่โดนล้อมแล้วฆ่าตายในป่าที่เพิ่งเดินผ่านมานั่นก็บุญแค่ไหนแล้ว

มือใหญ่ก้มลงไปหยิบดาบที่คุ้นตาขึ้นมา

ดาบของแม่เขา...ที่เขาเคยให้โกคุเดระ ฮายาโตะเอาไว้

กระดาษแผ่นหนึ่งถูกวางเอาไว้แทนที่....

ก่อนที่ร่างสูงใหญ่จะเดินจากมาท่ามกลางสายตาอีกนับสิบคู่ที่จ้องมองอยู่จากในเงามืด.....

.
.
.
.
.
.
.
.
.


มือเล็กของตัวประกันจากอิสุวางผ้าที่ใช้เช็ดหน้าเช็ดตาลงก่อนจะจับผ้าคาดเอวให้เข้าที่เข้าทาง ในขณะที่กำลังคิดว่าจะเปลี่ยนจากฮากามะเหงื่อโชกตัวนี้ไปเป็นกิโมโนเลยจะดีไหม เสียงแผ่วเบาเสียงหนึ่งก็ดังอยู่ที่ด้านนอกกระโจม

“ ขออภัยค่ะท่านสึนะโยชิ ท่านย่าให้ข้ามาแจ้งข่าวกับท่าน”        คำว่า ท่านย่า ทำให้ร่างเล็กที่ยืนอยู่ในกระโจมถึงกับตัวชา  บนบ่ารู้สึกหนักอึ้งขึ้นมาทันที

“ ชะ เชิญเข้ามาสิ”      หญิงสาวที่อยู่ในชุดกิโมโนสีเข้มเดินเข้ามาด้วยใบหน้านิ่งสนิท ถ้าจำไม่ผิดเธอคือหลานคนหนึ่งของสายตระกูลฮิบาริ และยังเป็นคนสนิทของผู้อาวุโสของบ้านใหญ่อีกด้วย การที่หญิงชราใช้ให้หลานสาวที่ไว้ใจได้ที่สุดมาหาเขาแปลว่าข่าวที่จะบอกนั้นคงให้ใครล่วงรู้ไม่ได้

“ ท่านย่าให้มาเรียนท่านสึนะโยชิว่า.....คืนวันพรุ่งนี้ทางเราจะส่งตัวหญิงสาวที่เหมาะสมไปให้ ขอให้ท่านเตรียมการให้พร้อมด้วย”         ใบหน้าน่ารักนิ่งอึ้งทั้งๆที่ยังก้มมองพื้น


พรุ่งนี้แล้วอย่างนั้นหรือ...


“ ท่านมีอะไรขัดข้องหรือไม่?”       หญิงสาวถามมาด้วยเสียงที่นิ่งงัน  ทั้งๆที่เขาอยากจะตะโกนใส่หน้ากลับไป ว่าเขาขัดข้องตั้งแต่การที่ต้องมาทำแบบนี้แล้วละ!

แต่ทว่าก็ทำได้เพียงแค่พยักหน้า....แล้วเก็บซ่อนความเจ็บปวดลงไปในใจ

“ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”       นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้มองส่งแผ่นหลังบางของหญิงสาวไปด้วยสายตาเศร้าหมอง

ต้องทำยังไงถึงจะทำใจได้....จะต้องเย็นชาแบบคนตระกูลนี้อย่างงั้นหรอถึงจะไม่รู้สึกเจ็บไม่รู้สึกปวดแบบที่เขาเป็น

ถึงแม้ว่าท่านแม่ของเขาจะเป็นคนของตระกูลฮิบาริ แต่ไม่เคยมีแม้แต่ครั้งเดียวที่จะสอนเขาว่า....อย่ารักใคร....และต่อให้เขาถูกพาเข้าไปในบ้านใหญ่ของตระกูลโกคุเดระ นายหญิงของที่นั่นก็ไม่เคยบอกให้เขาทำตามวิถีของคนในตระกูลนักรบ....ท่านหญิงคนนั้นไม่เคยบอกเขา....ว่าอย่ามีความรัก

ร่างกายที่แทบจะไร้แรงยืนยังคงนิ่งงันอยู่ตรงนั้นนานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ จนกระทั่งท่อนแขนแข็งแรงตวัดตัวเขาเข้าไปในอ้อมแขนก่อนที่ใบหน้าคมจะซุกลงมาที่ซอกคอจากทางด้านหลัง จึงทำให้นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้หลุดออกมาจากภวังค์

กลิ่นกายที่คุ้นเคยนี้เป็นของ ฮิบาริ เคียวยะ

“ ข้าเห็นยัยเด็กที่อยู่กับท่านย่าเข้ามาในนี้....เจ้าคงไม่ได้นอกใจข้าอยู่นะ?”       อ้อมแขนแข็งแรงกอดรัดอย่างตั้งใจจะบอกให้รู้ว่าหวงแหน และนั่นก็ทำให้ร่างเล็กแทบจะอดทนต่อไปไม่ไหว อยากจะบอกทุกอย่างให้คนที่กอดตนจากด้านหลังรับรู้ อยากจะวิ่งออกไปบอกหญิงสาวคนนั้นว่าจะยกเลิกแผนการทุกอย่าง

อยากจะทำแบบนั้น....แต่ก็ทำไม่ได้....

“ ปล่อยข้านะ เจ้าคิดว่าที่นี่มันที่ไหนกัน? ถ้าใครมาเห็นเข้าจะทำยังไง? แล้วอีกอย่างข้าก็ไม่ได้นอกใจเจ้าด้วย! นางก็แค่แวะเข้ามาแสดงความยินดีเท่านั้นแหละ”       พยายามปรับเสียงไม่ให้สั่น พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติที่สุด

“ อย่างผู้หญิงคนนั้นน่ะหรอจะมาแสดงความยินดีกับเจ้า? นี่...เจ้าคงไม่ได้กำลังคิดจะทรยศต่อข้าอยู่ใช่ไหมเจ้าสัตว์กินพืช?”        น้ำเสียงนิ่งเอ่ยถามออกมา สมแล้วที่เป็นฮิบาริ เคียวยะ แค่เรื่องเล็กๆแค่นี้ก็ยังจับพิรุธได้


ถ้าเป็นคำว่าหน้าที่....ข้าไม่ได้ทรยศต่อเจ้า

แต่หากเป็นคำว่าหัวใจแล้วละก็.....ข้ากำลังจะทำในสิ่งที่เจ้าคงไม่อาจอภัยให้ได้เลยล่ะ


“ ท่านพี่? เจ้าอยู่ในนั้นใช่ไหม? ข้าเข้าไปนะ?”       เสียงใสของโกคุเดระ ฮายาโตะ เอ่ยอยู่ข้างนอกและนั่นมันก็ราวกับสัญญาณช่วยชีวิต

“ ใช่ ข้าอยู่ในนี้”       ร่างเล็กตะโกนรับออกไปก่อนจะพยายามผลักปลิงตัวใหญ่ที่เกาะหลังตนอยู่ออกไป

“ อ๊ะ!! แล้วเจ้าทำไมมาอยู่นี่?! ปล่อยพี่ข้าเดี๋ยวนี้นะ!!”        ร่างบอบบางแหวกม่านที่ทางเข้าเข้ามา และเมื่อเห็นฮิบาริ เคียวยะที่ยังไม่ยอมปล่อยร่างในอ้อมแขนแต่โดยดีผู้เป็นน้องชายที่แสนดีเลยเข้ามาช่วย มือบางดึงตัวพี่ชายออกมาจากเจ้าจอมมารร้าย  นัยน์ตาสีมรกตจ้องเขม็งไปยังพี่เขยอย่างไม่ได้รู้สึกกลัวเกรงอย่างที่ใครๆเค้ากลัวกัน และนั่นก็ทำให้ใบหน้าคมยิ้มที่มุมปากอย่างถูกใจ....สายตาแบบนี้ สมเป็นพี่น้องกันจริงๆ

“ อาวุธที่น่ากลัวที่สุดของเจ้า ไม่ใช่ดาบใช่หรือไม่?”      จู่ๆฮิบาริ เคียวยะก็หันไปถามร่างบอบบางด้วยใบหน้าเรียบเฉย ทำเอาคนที่ตั้งใจจะแยกเขี้ยวใส่ผงะไปก่อนจะตอบออกมาด้วยใบหน้าเอาจริง

“ อาวุธที่ข้าถนัดคือธนู...ไม่ใช่ดาบ”        ใบหน้าคมยกยิ้มก่อนที่จะก้าวขาเตรียมจะเดินออกไปจากกระโจมท่ามกลางความมึนงงของทั้งสองคนที่เหลืออยู่  แต่ก่อนที่ร่างสูงจะเดินผ่านโกคุเดระ ฮายาโตะไป น้ำเสียงแผ่วเบาก็ดังออกมาให้ได้ยิน

“ ฝากดูแลพี่เจ้าด้วยล่ะ อย่าให้ใครมารังแกเอาได้...แม้แต่ตัวข้าเอง”

แน่นอนว่านัยน์ตาสีมรกตนั้นแข็งกร้าวรับคำ   แต่นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้ของคนที่ยืนอยู่ข้างๆกลับสั่นพร่า


ยิ่งรักมากเท่าไหร่....สิ่งที่เขากำลังจะทำลงไปก็มีแต่จะยิ่งทำให้เจ็บปวดมากขึ้นเท่านั้น

ทำยังไงดี....


ทำไมโชคชะตาที่โหดร้ายถึงต้องเลือกเขาด้วย....


ทำไมต้องเลือกเขา....ให้ต้องทรยศต่อหัวใจของคนที่ตนรักด้วย....






กว่าจะกลับมาถึงคฤหาสน์ ดวงตะวันก็ลาลับขอบฟ้า และกว่าจะทำอะไรต่อมิอะไรเสร็จรอบกายก็มืดสนิท

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างชมจันทร์ ปลายคางเกยขอบวงโค้งของบานหน้าต่างล่างเอาไว้ ปลายแขนข้างที่ปล่อยให้ห้อยออกไปข้างนอกขยับปลายนิ้วไปตามสายลมอย่างเหม่อลอย

หากหยิบโกโตะมาเล่นในยามนี้เขาคงจะนึกออกแต่บทเพลงแสนเศร้า

ดวงตาเฝ้ามองหา แต่ทว่า....

คืนนี้ไม่มีดาวตกลงมาสักดวง...

ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังเฝ้าอธิษฐาน.....


ได้โปรดเถิดดวงดาว.......ขอให้คืนวันพรุ่งนี้ไม่มีวันจะมาถึง......


จู่ๆก็รู้สึกถึงอะไรอุ่นๆที่ไหลลงไปตามแก้ม มือปาดมันขึ้นมาถึงได้รู้ว่ามันคือน้ำตา...

ร่างเล็กบางลุกขึ้นยืนช้าๆ

ถ้าหากว่าคืนนี้จะเป็นคืนสุดท้าย....ที่ฮิบาริ เคียวยะ จะเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว....อย่างน้อยก็ขอให้ได้อยู่ภายใต้อ้อมแขนที่แข็งแกร่งคู่นั้นจนกว่าฟ้าจะสางด้วยเถิด...

ฝ่ามือเลื่อนประตูห้องให้เปิดออกก่อนที่ฝ่าเท้าจะก้าวเดินออกไปด้วยความมั่นคง และมันไปหยุดลงอีกที.....ที่หน้าห้องของเจ้าเมืองคามาคุระ

“ ข้าเข้าไปได้หรือไม่....”       ร่างเล็กบางนั่งลงทับส้นอยู่ที่หน้าประตูก่อนจะเอ่ยถามออกไป คบไฟในห้องยังคงสว่างจ้านั่นแปลว่า ฮิบาริ เคียวยะ ยังไม่นอน

“ เข้ามาสิ”     เมื่อเสียงทุ้มตอบกลับมา มือเล็กก็ค่อยๆเลื่อนประตูให้เปิดออกก่อนจะโค้งให้เล็กน้อยแล้วลุกขึ้นก้าวขาเข้าไป

นัยน์ตาสีดำมองมาด้วยความสงสัย เพราะปกติร่างเล็กของเจ้าสัตว์กินพืชนั่นจะไม่เคยเข้ามาหาเขาในยามวิกาลแบบนี้ด้วยตัวเอง มีแต่ต้องไปลากมาเท่านั้น มือที่ถือหนังสือราชการอยู่วางมันลงก่อนจะเงยหน้ามองใบหน้าใสอย่างพิจารณา

“ เป็นอะไรไป?”          รอยแดงที่จมูกบ่งบอกให้รู้ว่าน่าจะร้องไห้มา แต่ทว่าถามเท่าไหร่ก็ไม่เคยมีอะไรหลุดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อนั่น และมันก็ทำให้เขานึกหงุดหงิด

“ กอดข้าที”       คำพูดที่หลุดออกมาดันเป็นคำที่ทำเอานัยน์ตาสีดำเบิกกว้าง

ร่างเล็กบางเดินมานั่งลงที่ตรงหน้า นัยน์ตากลมโตมีแววเว้าวอน มือเล็กยื่นออกมาแตะปลายนิ้วอยู่ที่ไหปลาร้าของเขาก่อนที่จะค่อยๆทาบลงไปตามรอยแหวกของยูคาตะสีดำ

มือใหญ่กระชากข้อมือเล็กเอาไว้ก่อนจะกดแผ่นหลังบางลงกับพื้น ร่างกายแข็งแกร่งก้าวคร่อมร่างเล็กที่ยังคงมองมาที่ใบหน้าของเขาอย่างมั่นคง....ไม่รู้หรอกว่าไปเจอเรื่องอะไรมา...แต่หากว่าอ้อมแขนของปิศาจเช่นเขามันจะช่วยเยียวยาได้....นานๆทีก็จะอ่อนโยนให้ก็แล้วกัน....ใบหน้าคมก้มลงไปกดจูบที่ซอกคอก่อนจะกระซิบด้วยเสียงสั่นพร่าไปที่ใบหู

“ มายั่วข้าแบบนี้ อย่าเสียใจทีหลังก็แล้วกัน”

โอบิถูกปลดออกไป ตามด้วยกิโมโนสองสามชั้นถูกแหวกออกจากกัน ใบหน้าคมก้มลงฝังรอยจูบเอาไว้ที่ซอกคอละเรื่อยลงมาที่ลาดไหล่....ไหปลาร้า.....แผ่นอก.....หน้าท้องแบนเรียบ....ก่อนจะหยุดวนอยู่ที่ต้นขาด้านใน ใบหน้าเล็กแดงระเรื่อยกมือขึ้นปิดปาก  ทุกความรู้สึกที่ชัดเจนอยู่บนร่างกายแบบนี้ยิ่งทำให้ไม่อยากจะยกให้ใคร

ไม่อยากให้ใครมาแตะต้องฮิบาริ เคียวยะ ของเขา

ไม่ว่าจะกล้ามเนื้อที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ แรงขยับที่รุนแรงเอาแต่ใจ ใบหน้าพึงพอใจที่อมยิ้มน้อยๆ นัยน์ตาสีดำสนิทที่เจ้าเล่ห์แต่ก็อ่อนโยน......ไม่อยากให้ใครได้เห็น.....อยากให้มันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

อ้อมแขนที่โอบกอดอย่างนุ่มนวลผสมปนเปไปกับอ้อมแขนที่กอดรัดอย่างหวงแหน  เสียงหอบหายใจและไออุ่น  เรียวลิ้นที่สอดแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดจนแทบจะหลอมละลาย......ไม่อยากให้ใครได้สัมผัส.....อยากให้มันเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว

ไม่อยากให้ใคร....


ไม่อยากยกให้ใครเลยจริงๆ.....










เสียงจิ๊บ จิ๊บ ของนกน้อยทำให้นัยน์ตาสีดำลืมขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ท่อนแขนพาดไปข้างๆเพื่อควานหาตัวคนที่ตนกอดเอาไว้ทั้งคืนแต่กลับพอเพียงความว่างเปล่า

ร่างสูงยันกายลุกขึ้นมานั่ง กิโมโนตัวนอกที่คลุมร่างกายอยู่ร่วงลงไปเผยให้เห็นแผงอกเปลือยเปล่ากับกระดาษแผ่นหนึ่ง....ลายมือที่อยู่บนนั้นไม่ต้องบอกก็รู้ดีว่ามันเป็นของใคร

ออกไปลาดตระเวนวันนี้ก็ระวังตัวด้วยล่ะ....แล้วก็คืนนี้....มาหาข้าที่ห้องได้หรือไม่?

“ เจ้าสัตว์กินพืชนั่น....”       ใบหน้าคมไม่ได้ดีใจไปกับคำเชิญชวนนั้นเลยแม้แต่น้อย ในใจเฝ้าคิดว่ามันต้องมีอะไรเกิดขึ้นแน่ๆ

และคืนนี้เขาก็จะต้องเค้นเอาความจริงออกมาให้ได้!!






ร่างเล็กบางพยายามนั่งหลังตรงไม่ให้หวั่นไหวไปกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้า

บัดนี้หญิงสาว “ที่เหมาะสม”  ถูกส่งตัวเข้ามาให้เขาอย่างเป็นความลับที่สุดเรียบร้อยแล้วและเธอก็กำลังโค้งคาราวะเขาอยู่  ใบหน้างดงามหมดจด รูปร่างบอบบางน่าทะนุถนอม....เป็นผู้ชายคนไหนก็คงจะชอบได้โดยง่าย

“ เชิญเจ้าพักผ่อนเถอะ....”       ใบหน้าน่ารักพยายามจะยิ้มทั้งๆที่มันยากเย็นเหลือเกิน...ถึงจะรู้ว่าไม่ใช่ความผิดของหญิงสาวตรงหน้า แต่จะให้เขาทนได้อย่างไรกับการที่ต้องมารู้เห็นเป็นใจในทุกขั้นตอนเพื่อให้คนที่ตัวเองรักไปนอนกับคนอื่นแบบนี้น่ะ

เมื่อไหร่หัวใจที่แทบจะแหลกละเอียดนี้มันจะด้านชาเสียที เขาจะได้ทำหน้าที่นี้ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่อง!

“ ขอบพระคุณค่ะ นายหญิง”

“ ไม่ใช่นายหญิง!!”      ดวงตาสีน้ำตาลไหม้กลมโตผงะไปกับเสียงตวาดของตัวเอง ไม่ต้องพูดถึงหญิงสาวตรงหน้าที่มองมาที่เขาด้วยดวงตาเบิกกว้าง

ใบหน้าเล็กสับสนเล็กน้อยก่อนจะพยายามปรับให้มันเป็นปกติ....เขาจะไปเผลอใส่อารมณ์กับคนตรงหน้าไม่ได้...เธอไม่ได้ผิดอะไรเลย....พยายามสูดหายใจเข้าอย่างใจเย็น

“ ข้าหมายความว่า....ให้เรียกข้าว่าสึนะโยชิเถอะ”       ดวงตาที่เศร้าสร้อยทอดมองไปที่หญิงสาวที่พยักหน้ารับอย่างตื่นๆเล็กน้อย...เธอเองก็คงจะได้ยินคำร่ำลือมาบ้างว่าเขาไม่ใช่คนที่จะดุด่าว่ากล่าวใครได้

“ ถ้าเช่นนั้นข้าขอตัวก่อน”      รอยยิ้มฝืนๆถูกส่งไปให้อีกครั้งก่อนที่ร่างเล็กบางจะลุกขึ้นเดินออกมาจากห้องของตัวเอง.....ซึ่งคืนนี้มันจะกลายเป็นสถานที่ที่กลายเป็นแผลใจอันใหญ่หลวงของเขาไปตลอดกาล







เวลานั้นเดินผ่านไปอย่างรวดเร็ว.....แสงอาทิตย์ลาลับขอบฟ้าไปนานแล้ว และบัดนี้ร่างสูงสง่าในยูคาตะสีดำสนิทก็กำลังเดินไปตามระเบียงทางเดินด้วยไออำมหิตที่ปิดไม่มิดเช่นเคย ข้ารับใช้สองสามคนที่เดินสวนมาต่างหลบทางให้ด้วยความหวาดผวาเช่นเดิม ถึงแม้ว่าพักหลังๆมานี้ร่างสูงจะใจดีขึ้นมานิดๆก็เถอะ แต่ใบหน้าบอกบุญไม่รับแบบนั้นมันก็ทำให้ไม่มีใครอยากจะอยู่ใกล้อยู่ดี

ทางเดินที่คุ้นเคยส่งสียงเอี๊ยดๆยามก้าวผ่าน นัยน์ตาสีดำเหลือบมองห้องเป้าหมายที่เห็นอยู่ไกลๆด้วยความค้างคาใจ หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่เก็บความสงสัยเอาไว้จนป่านนี้ เพราะระเบียงทางเดินนี่ตลอดแปดเก้าปีที่ผ่านมาเขาก็ใช้มันเดินไปจัดการเจ้าสัตว์กินพืชตัวเล็กๆที่แสนดื้อดึงนั่นมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง

เพราะคำว่า...หน้าที่...ทำให้ต้องอดทนรอมาจนถึงเวลานี้

มันเกิดอะไรขึ้นกัน?

ทำไมเจ้าสัตว์กินพืชนั่นถึงไม่ยอมบอกเขาตรงๆ?

มีแต่คำถามวนเวียนอยู่ในหัว แต่สิ่งที่คิดออกเพียงเรื่องเดียวก็คือ...

เพราะคิดว่าคนที่โหดร้ายอย่างเขาจะช่วยอะไรไม่ได้เลยไม่ยอมบอก เพราะไม่เชื่อใจเขา....?

และนั่นมันก็ยิ่งทำให้รู้สึกหงุดหงิด  จะต้องให้แสดงออกไปยังไงถึงจะยอมเชื่อว่าทั้งหมดของหัวใจของเขาน่ะ.....


เป็นเพราะที่ผ่านมา ไม่เคยบอกว่ารักให้รู้ เลยไม่เคยมั่นใจ?

“ ฮึ่ม.....”        จะให้เขาพูดคำนั้นออกไปน่ะหรอ...ขย้ำให้ตายก่อนเถอะ!


นัยน์ตาคมกริบจ้องมองที่ประตูห้องอย่างคาดโทษ เงาที่ทาบทับอยู่ที่ประตูทำให้เสียงขยับกายเกิดขึ้นภายในห้อง มือใหญ่เลื่อนประตูเปิดออกอย่างรวดเร็วอย่างไม่คิดจะส่งเสียงบอกก่อนเช่นเดิม

และเพราะแบบนั้นแหละ....เมื่อมองเห็นคนที่นั่งทับส้นรออยู่ในห้อง....


นัยน์ตาสีดำก็ต้องเบิกกว้าง.....


“ คืนนี้...ให้ข้าอยู่รับใช้ท่านนะคะ ท่านเคียวยะ”        หญิงสาวก้มหัวลงไปจรดพื้น


และคำตอบของคำถามทุกอย่างก็กระจ่างชัดขึ้นมาทันที....

คำตอบของใบหน้าที่เศร้าหมอง คำตอบของรอยน้ำตา คำตอบของทุกสิ่งทุกอย่างที่ปิดบังเขาเอาไว้.....

มือใหญ่ได้แต่กำแน่น ใบหน้าคมนิ่งสนิทจนดูน่าขนลุก



เจ้าคิดว่าข้านอนกับใครก็ได้อย่างนั้นใช่ไหม? คิดว่าคนอย่างข้าไม่มีสิ่งที่เรียกว่าหัวใจอย่างนั้นใช่ไหม?

บอกแล้วใช่ไหมว่าอย่าทรยศข้าอีก สึนะโยชิ!









ร่างสูงสง่ายังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู....

โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่ายังมีสายตาที่เจ็บปวดเฝ้ามองจากห้องที่อยู่ไม่ไกล

นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้สั่นไหวเพราะตอนนี้ในจิตใจมันกำลังสับสนไปหมด สมองกับหัวใจดูเหมือนจะสั่งงานสวนกันไปมา ทั้งๆที่รู้ตัวว่าหากยังยืนอยู่ตรงนี้ ภาพตรงหน้าก็มีแต่จะทำให้หัวใจต้องแหลกสลาย แต่ขาก็ยังไม่ยอมเดินจากไปไหน

จะยังหวังอะไรอยู่อีก.....ในเมื่อเขาเป็นคนยอมรับให้ทุกอย่างมันเกิดขึ้นมาเอง

นึกถึงวิธีการอันแสนเย็นชาที่ผลักภาระทุกอย่างให้เขาแล้วมันก็ยิ่งเจ็บแปลบที่หัวใจ

บังคับให้เขาเลิกกับฮิบาริ เคียวยะไปเลย มันยังจะโหดร้ายน้อยกว่าให้เขาต้องมานั่งรับรู้ทุกอย่างอยู่แบบนี้ ต้องทนเห็นคนที่ตัวเองรักไปมีอะไรกับคนอื่นคิดว่ามันจะไม่เจ็บหรือยังไง...หัวใจของเขาแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆให้ๆได้แล้วตอนนี้

นี่มันคงเป็นวิธีการแก้แค้นอย่างสาสมแล้วสินะ สำหรับคนที่มาแย่งเอาทายาทอันดับหนึ่งของคามาคุระไปครอบครองไว้คนเดียวอย่างเขา

แล้วถ้าหากผู้หญิงคนนี้ไม่สามารถมีลูกให้ฮิบาริ เคียวยะได้จริงๆล่ะ เขาไม่ต้องทนดูร่างสูงสง่าไปมีความสัมพันธ์กับผู้หญิงอีกร้อยหน้าพันตาหรอกหรือ

“ ฮึก....”        มือเล็กเผลอยกขึ้นขยุ้มคอกิโมโนที่หน้าอกซ้าย หัวใจมันปวดจนแทบทนไม่ไหว

เรื่องนั้นยังไม่เท่าไหร่....แล้วถ้าเกิดว่าฮิบาริ เคียวยะ เกิดหลงรักผู้หญิงคนนั้นขึ้นมาเขาจะทำยังไง

ต้องสูญเสียคนที่ตัวเองรักไปต่อหน้าต่อตา ถูกแย่งเอาไปโดยที่เขาเป็นฝ่ายถวายใส่พานไปให้แบบนี้น่ะหรอ

ร่างเล็กบางซวนเซไปพิงอยู่กับผนังอย่างไร้สิ้นเรี่ยวแรง ในหัวเฝ้าคิดไปต่างๆนานาจนเริ่มจะจับต้นชนปลายไม่ถูก ความหึงความหวงเข้าครอบงำจนอยากจะวิ่งไปฉุดรั้งร่างสูงเอาไว้ ไม่ให้ก้าวขาเดินเข้าไปในห้อง แต่คำว่าหน้าที่ก็ทำให้ร่างกายหนักอึ้งจนไม่อาจขยับไปไหนได้

ขอบตามันร้อนผ่าวราวกับน้ำตาจะไหลลงมาได้ทุกเมื่อ

หรือว่ามันจะไหลลงมาแล้ว...ที่ข้างในหัวใจดวงนี้


ทรมาน.....


ทรมานจนไม่อยากจะเผชิญหน้ากับอะไรอีก....ไม่อยากจะรับรู้อะไรอีก....



นัยน์ตาสีน้ำตาลไหม้สั่นพร่าเฝ้ามองไปที่ร่างสูงที่ยังคงยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตู

ถึงแม้ว่าด้วยริมฝีปากนี้จะไม่อาจเอื้อนเอ่ยออกไปได้....แต่หัวใจขอเห็นแก่ตัวบ้างจะได้ไหม....



อย่าไป....



ได้โปรดรักข้า...ได้โปรดอยู่กับข้า....ได้โปรดอย่าก้าวขาเข้าไป.....



ฮิบาริ เคียวยะ.....ข้าขออ้อนวอนเจ้าด้วยหัวใจทั้งหมดที่ข้ามี...



อย่าไป.....





อย่าไป!!!












แต่ทว่า.....


ดูเหมือนเสียงจากหัวใจจะส่งไปไม่ถึง....


เมื่อร่างสูงสง่าก้าวขาเข้าไป....พร้อมกับประตูบานเลื่อนที่ปิดลงเสียงดัง



ปิดลงไปพร้อมๆกับหัวใจของเขา...



ปิดลงไปพร้อมๆกับน้ำตาที่ไหลลงมาโดยที่ไม่รู้ตัว...








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

โปรดติดตามตอนต่อไป....






=[ ]= ยัยมี๊โดนรุมสกำตายยังเขียดแน่นๆงานนี้ *ขุดหลุมหลบภัยใหญ่ๆเลย*  อย่านะ!! ถ้าฆ่าเค้าละก็ ตอนต่อไปเป็นไงไม่รู้ด้วยนะเออ!!

ยัยมี๊เป็นไข้ พูดอะไรไม่รู้เรื่องแล้วค่ะตอนนี้ *ทำเบลอ*

ก็นะ...อากาศมันชักจะงงๆ(ปกติก็งงอยู่แล้ว=”=) ระวังสุขภาพกันด้วยนะทุกท่าน ส่วนทางนี้ก็ต้องขอบคุณหลายคนที่ถามไถ่มาอย่างห่วงใย ถึงแม้ความจริงแล้วมันจะห่วงดาวตกมากกว่าคนแต่งก็เถอะ กร๊ากกกก  จริงๆไปประกาศกร้าวเอาไว้ในเฟสบุคว่าจะลงตอนที่ 13 พร้อมกับ Psycho Pass ตอนที่ 13 ฉาย ฮ่าๆๆๆ เอ่อ...แต่จนแล้วจนรอด คุณโคก็ออกมาเฉิดฉาย(?)ไปตั้งหลายวันแล้ว ดาวตกดวงที่ 13 มันถึงเพิ่งจะร่วงลงมา T[ ]T โปรดอภัยให้เค้าด้วย มีหลายเหตุผลที่ยังเอาลงไม่ได้อ่ะนะ อืออออ

เมื่อวันที่ 12 ที่ผ่านมาก็ต้องขอขอบคุณของขวัญและทุกคำอวยพรด้วยนะคะ ไว้จะเขียนเอนทรีขอบคุณโดยเฉพาะเลยอีกที ฮี่ๆๆ เพราะได้ของขวัญเป็นฟิคสนุกๆหลายเรื่องเลยค่ะ ใครสนใจจะได้ตามไปอ่านถูกน้า >w<

โอยยยย เหมือนมีเรื่องจะเม้าท์อีกหลายอย่างแต่กำลังมึนค่ะ ขอตัวไปพักก่อน


แล้วก็....ดาวตกตอนที่ 13 ลงแล้ว.....ใครเป็นเจ้าของ “ฟ้าถล่ม”  เอาตอนที่ 2 มาซะดีๆ *แบมือ* ถึงขั้นทวงออกสื่อเพราะทนไม่ไหวแล้วว้อยค่าาาาาาาา

ขอบคุณทุกคอมเม้นต์จากตอนที่แล้วด้วยนะคะ ^ ^ แล้วเจอกันตอนหน้าค่า


ปล.ถึงคนที่ส่งเมล์มา...ข้าพเจ้าอ่านแล้วนะคะ แต่ที่ยังไม่ได้ตอบไปเพราะอาทิตย์ที่ผ่านมาเป็นบ้าเป็นหลังกับดาวตกตอนที่13นี่แหละ ถึงจะเห็นว่ามันออกมาแค่นี้แต่นี่คือที่ผลิตมาทั้งอาทิตย์เลยนะ โฮววววว เดี๋ยวไปตอบน้า ไม่ต้องคิดมากอะไรไป555


8 ความคิดเห็น:

  1. ไม่นะคะไม่ไม่ไม่ ท่านฮิต้องเป็นของสึนะโยชิคนเดียวสิคะ กรี๊ดดดดดดดดด TT

    รอตอนต่อนะคะ พี่กวางสู้ๆ

    ปล.ได้โปรดอย่าแต่งทำร้ายคนอ่านอีกเลยยยยยย~~TT *สั่งน้ำมูก*

    ตอบลบ
  2. ฮือออออออออออออออ!!!! ดร่าม่าได้ใจมากคร่.....น้ำตาซึมเลย

    ท่านฮิเราทำไมทำแบบนี้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! น่าสงสารทูน่าเราเหลือเกินนน!! TT

    อ่านไปแรกๆ ยังไม่ดาร์ก เท่าตอนที่ใกล้จะจบเลย......

    รอลุ้นตอนหน้านะคร่ ว่าสรุปแล้วท่านฮิเรา จะทำหรือไม่ทำกันแน่....^^

    ตอบลบ
  3. ทูน่าาาาาาาาา!

    ทูน่าน่าสงสารไปแล้ววTT^TT เกลียดคุณย่าอ่ะ - -
    ตอนแรกๆมันยังไม่ค่อยดราม่าเลยนะพี่กวาง ทำไมตอนหลังๆมันเป็นแบบนี้อ่าาTT^TT

    แต่ว่ามุกจะบอกว่าหนุกมากกก น้ำตาซึมเลยอ่ะ แต่รู้สึกว่ามุกจะเจอจุดนึงคือ ครอบครัวหนูก๊กยังไม่ตายใช่บ่?? ตอนที่ยามะไปรังลับตระกุลโกคุอ่ะ
    แล้วก็ประโยคที่ว่าสายตานับสิบกำลังจ้องมองง อ๊ากกก ใช่ครอบครัวหนูก๊กใช่ไหมเนี่ยย ลุ้นมากค่า

    รอ8059อยู่นะพี่พิณ ปล.ท่านฮิจะเข้าไปเอาดาบกระซวกไส้ผู้หญิงที่ถูกส่งมาเป็นนายหญิงใช่ม่ะ 5555

    แต่คราวนี้สงสารทูน่าจับจิตตริงๆอ่ะTT^TT

    ตอบลบ
  4. สมน้ำหน้ายัยมิซึโกะ ฮ่าฮ่าฮ่า ทีนี้รู้ยังว่า ฮายะจังนะเก่งแค่ไหน สมแล้วที่เป็นที่รักของยามะคุง (ให้มันรู้สะบ้างว่าใครเป็นใคร)
    พี่น้องคู่นี้ก็เก่งทั้งคู่เลยนะ สมกับที่มีเทรนเนอร์เก่งทัั้งคู่ แต่ว่าตอนนี้สงสารสึจัง เด๋วคุณย่าจะโดนทอนฟา ของท่านกรรมการ
    เอ๊ยท่านฮิเจ้าเมือง เอาใจช่วยสองศรีพี่น้องให้ผงาดอยู่ที่คามาคูระได้อย่างสง่าผ่าเผยนะจ๊ะ (รัก 8059 ที่ซู๊ดดดดด) รักคนแต่งด้วย

    ตอบลบ
  5. คึ หึ หึ //ชูป้ายสับปะรดหัวเราะ

    ให้มันรู้ซะบ้าง ยัยมิซึโกะ เห็นความสุดยอดของก๊กจังยังคะ=w= !! เป็นไงล่ะ ถึงจะสวย บอบบาง เเต่นางก็สู้ได้นะเว้ยเฮ้ย หล่อนน่ะทำอะไรได้บ้าง โด่ๆ //ยังไม่เลิกเเขวะ

    เเละ...ปลื้มยามะตอนนี้มากเลย ขนาดไปอยู่ต่างเมืองยังอุตส่าห์ส่งกังหันน้อยๆเเทนความรู้สึกมาให้ เเกจะน่ารักเกินไปเเล้วนะเว้ยTT__TT ฮื้ออ ดีนะที่ฝากมา นี่ถ้ามาให้กับตัวคงเเบบ สุดยอดดดดด ไปๆมาๆระหว่างเมืองทุกๆวันมันเหนื่อยไม่ใช่ย่อยๆเลยนะ!!


    เเละสุดท้ายนี้....

    ถึงหนูจะสายd18เเละ2784 เเต่พอมาเจอทูน่าเรื่องนี้ บอกตามตรงว่า สงสารอะ ทูน่าเอ้ยยยยยย อย่าไปยอมเดะ!!!TT[]TT ชีวิตเเกทำไมมันรันทดยังงี้ อุตส่าห์เป็นนายหญิงเมืองนี้ทั้งที เเต่ต้องหาผู้หญิงมาบำเรอสามีตัวเอง ตายๆๆ คุณย่าคะ ทายาทคนอื่นในตระกูลก็มีนี่นา โธ่

    อ่านพาร์ทหลังๆเเล้วน้ำตาจะไหล สงสารทูน่าTTT[]TTT เวรกรรม ถ้ามันบาดตาก็อย่าไปดูเซ่ เดินหนีเลย เอ๊ะไม่สิ เดินไปประกาศที่ห้องเลยว่า ของๆข้าใครอย่าเเตะ จะทนทำไมวะคะ !!!!!!!

    ตอบลบ
  6. ได้โปรดเถอะฮิบาริ เคียวยะ อย่าก้าวเข้าไปเลย ฮายาโตะอยู่ไหนถ้ารู้ความสัมพันธ์สองคนนั้น ก็ไปลากยัยหน้าด้านมากระทืบๆๆๆๆๆๆๆ เลยสิ รักพี่มากเลยไม่ใช่รึไง?

    ตอบลบ
  7. ก๊กร้ายนะเราคือก็แค่สะใจใครจะทำไม
    ก็แค่ยามะเป็นคนสอนเอ๊งงง
    โถๆ555555555555555
    คือประลองกันได้มันมากค่ะไอ้เราลุ้นตัวโก่ง
    หนุก๊กสวยไม่ใช่นางเอกยอมนะสู้คนนะมาจัดการคนแบบสึนะที รายนั้นโดนทำร้ายมานานแล้ว
    คือยามะกลับมาได้แล้วแกหายไปนานแล้ว
    รังลับ!!!!!!!

    ตอบลบ
  8. แงงงงงงงงงงง
    ท่านฮิๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ทำไมเข้าไปหานังนั่นล่า
    สงสารสึง่าาาาาาาาาาา ร้องไห้หนักมาก นะจุกนี้ แงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
    จิไม่ทน
    ขุ่นย่าค่ะ สักฉาดมั้ยคะ อย่าหาว่าทำร้ายคนแก่นะ อารมณ์ขึ้นค่ะ

    ตอบลบ