Wind Breaker Au.Fic [UmeSaku] เหล้าบ๊วยกับชานมซากุระ : 03
:
Wind Breaker Fanfiction Au
:
Hajime Umemiya x Haruka Sakura
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ติ๊งต่อง...
เงียบ...แทนที่เสียงออดหน้าห้องจะทำให้คนที่อยู่ข้างในกระตือรือล้นที่จะออกไปเปิดให้
ร่างสูงใหญ่ของอุเมมิยะ ฮาจิเมะกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม
ติ๊งต่อง...
เสียงออดดังอีกครั้งหลังจากเว้นระยะไปพักนึงเหมือนคนที่กดกำลังคิดไม่ตกอะไรอยู่
และนั่นก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปาก มือที่กำลังคนแป้งกับเกล็ดขนมปังถึงกับหยุดนิ่งเพราะไม่อยากให้มีเสียงพายกระทบกะละมังดังออกไป
อย่างเจ้าเหมียวขี้สงสัยนั่นคงกำลังเงี่ยหูฟังความเป็นไปในห้องอยู่แน่ๆ
ติ๊งต่อง...
ใช่
เขารู้ดีว่าคนที่กำลังกดออดอยู่นั้นคือซากุระ
แต่ที่เขาทำเนียนไม่อยู่บ้านและไม่ยอมไปเปิดให้นั้นก็เป็นเพราะว่า...เขาอยากให้ซากุระเป็นคนเปิดมันเข้ามาเอง
เปิดประตูห้องนี้ด้วยมือของซากุระเอง
“ไปไหนของมันเนี่ย?
กลับมืดแบบนี้ตลอดเลยหรือไงฟ๊ะ!”
ได้ยินเสียงบ่นดังเข้ามาถึงนี่เลยนะเจ้าเหมียว
เขาหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้า
ผ่านไปอีกพักนึงแหละ...กว่าเจ้าแมวนั่นจะยอมตัดใจและเขาก็ได้ยินเสียงที่ต้องการฟังสักที
จะดื้อไปถึงไหนนะซากุระเนี่ย~
ติ๊ด
ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ด
แกร๊ก...
มุมปากเขาหยักยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะกลับไปคนแป้งในกะละมังที่อุ้มไว้ต่อ
เท่านี้...มันก็กลายเป็นบ้านอีกหลังของซากุระไปแล้วที่นี่
“ห๋า?
ก็อยู่บ้านนี่ฟ๊ะ? ทำไมไม่ไปเปิดล่ะ?!” ร่างโปร่งบางกระโดดโหยงเป็นแมวเลยตอนย่องเข้ามาแล้วเห็นว่าเขายืนทำกับข้าวอยู่ตรงนี้
“ก็มือฉันไม่ว่างนี่นา
นายก็รู้รหัสอยู่แล้ว คราวหลังก็เปิดเข้ามาเลยไม่ต้องกดออดหรอก” เขาชูตะเกียบยาวกับตะหลิวในมือให้ซากุระดูเพื่อบังหน้า
“กลับมาแล้วต้องพูดว่ายังไงซากุระคุง~” เขาแกล้งท้วงให้ใบหน้ามนแดงระเรื่อเล่น
“ทะ
ทาไดมะ...”
“โย้ส
โอคาเอริ ซากุระ!”
เขายิ้มกว้างให้จนคนเขินถึงกับเสสายตาหลบพัลวัน เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบท่าทางแบบนั้นของซากุระนัก
อีกฝ่าย...ไม่เหมือนกับรุ่นน้องคนไหนๆหรือใครที่เขารู้จัก...
เพราะคนอื่นๆเอาแต่คิดจะหวังพึ่งเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งละมั้ง
ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกถึงความรู้สึกแบบนั้นจากซากุระเลยก็ว่าได้
มันเลยทำให้เขารู้สึกกับเด็กคนนี้แตกต่างจากคนอื่น?
ก็ขนาดเดือดร้อนแบบนี้
ริมฝีปากสีชมพูนั่นยังไม่เคยออกปากขอร้องให้เขาช่วยก่อนเลยสักครั้ง
มีแต่เขานี่แหละที่คอยไปวอแวกับเด็กนั่นจนตัวเองยังแปลกใจ
ถึงเขาจะใจดีแต่ก็ไม่เคยตอแยใครแบบนี้หรอกนะ
“ชิ” เขาเหลือบมองคนที่สบถเหมือนแมวดื้อ แต่ก็ยังมาเอี้ยงๆมองๆว่าเขากำลังทำอะไรอยู่ ปลายนิ้วคีบหางกุ้งที่คลุกแป้งจนทั่วตัวก่อนจะหย่อนลงไปในกระทะที่เต็มไปด้วยน้ำมันร้อนๆ
เสียงฉ่าดังขึ้นมาพร้อมกับเทมปุระกุ้งที่เหลืองกรอบน่ากินลอยฟูฟ่อง
ซากุระมองมันด้วยดวงตาเป็นประกายแถมยังกลืนน้ำลายอึกๆอีกต่างหาก
น่ารักมากกกก
น่ารักสุดๆ
จริงอยู่ที่รอบตัวเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย
ทั้งเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงหน้าตาดีๆอยู่เต็มไปหมด
แต่ก็ไม่เคยมีใครที่มีปฏิกิริยาตามธรรมชาติที่จริงใจขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
“คิก...”
เขาหัวเราะเบาๆทำเอาเจ้าเหมียวที่กำลังจ้องกุ้งในกระทะถึงกับผงะก่อนจะรีบชักสีหน้าทำเป็นว่าไม่สนใจ
เขาอมยิ้มก่อนจะหยิบผักอีกหลายอย่างชุบแป้งแล้วก็หย่อนลงกระทะ
ไม่ช้าบรรดาผักทอดเหลืองอร่ามก็เต็มกระชอนที่ใช้กรองน้ำมัน
ทั้งกลิ่นและสีของมันทำให้เจ้าเหมียวยืนน้ำลายยืดอย่างน่าเอ็นดูสุดๆ
ถึงจะไม่มีคำชมออกมาจากริมฝีปากสีชมพูนั่น
แต่ปฏิกิริยาทั้งหมดของซากุระกลับเป็นอะไรที่เขาชอบมากกว่าคำยกยอปอปั้นที่มักจะได้ยินจากคนอื่นๆ
เพราะเขาชอบกินข้าวไปด้วยพูดคุยกับทุกคนไปด้วย
แต่ซากุระที่มักจะกินอาหารฝีมือเขาอย่างเอร็ดอร่อยนั่นกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่ไม่น้อยเลย
มันเหมือนกับแค่ได้มองใบหน้าน่ารักที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆแบบนั้นก็สุขใจแบบสุดๆไปแล้ว
“ไปล้างมือแล้วก็มาตักข้าวสิซากุระ”
“ห๋า~
ใครบอกว่าจะกินด้วย?” ใบหน้ามนสะบัดไปอีกทางพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอก
เพราะท่าทางหยิ่งๆแบบนั้นหรือเปล่านะ?
“แต่ฉันทำเผื่อแล้วนี่นา~
จะให้ทิ้งจริงๆเหรอ...” เขาแสร้งทำหน้าสลด
“อึ้ก....” เพราะอาการผงะที่แสนจะน่ารักนี่หรือเปล่านะ?
“จะ
จะกินให้ก็ได้ เห็นว่าทำไว้แล้วหรอกนะ จะให้ทิ้งของกินได้ไง!” หรือเป็นเพราะความปากไม่ตรงกับใจแบบนี้กันแน่?
“ดีเลย
งั้นก็ไปล้างมือแล้วมาช่วยกันเตรียมจานนะซากุระ”
“อะ
อื้อ” หรือเพราะบางครั้งก็ว่าง่าย?
อย่างไหนกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกสนใจซากุระมากกว่าใครๆแบบนี้?
เพราะวันนี้เจ้าเหมียวยืนกรานที่จะล้างจานเองให้ได้
เขาจึงเป็นคนอาบน้ำก่อน
ร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อยืดสบายๆกำลังจัดฟูกนอนในขณะที่ร่างโปร่งบางเดินเช็ดผมตัวหอมฟุ้งเข้ามาในห้อง
เสื้อของเขาที่ซากุระใส่อยู่นั้นดูจะใหญ่ไปหน่อยจนทั้งไหล่ทั้งแขนเสื้อตกลงมากองที่ข้อศอก
คอก็กว้างจนเห็นทั้งไหปลาร้า
ความยาวที่ควรจะอยู่แค่ต้นขาก็กลายเป็นว่าอีกไม่เท่าไหร่ก็จะคลุมเข่า...นี่ขนาดตัวเขากับซากุระต่างกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?
ใบหน้าใสภายใต้กรอบผมสองสีเหลือบมองเขาและเมื่อเห็นว่าเขาเองก็มองอยู่
เจ้าเหมียวนั่นก็ยู่หน้าให้
พอมาประกอบกับเสื้อตัวใหญ่ๆนั่นก็ยิ่งดูน่าเอ็นดูสุดๆไปเลยแหะ
แย่ละ...
เวลาที่อีกฝ่ายใส่เสื้อของเขาแบบนี้...มันชวนให้รู้สึกใจเต้นแปลกๆแหะ?
ถึงจะไม่เคยมีแฟน
แต่เขาก็พอจะรู้ว่าความรู้สึกที่มีให้ซากุระไม่ใช่ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนหรือรุ่นน้องแน่ๆ
และยิ่งไม่ใช่แค่คนรู้จักด้วย
เขาเอ็นดูอีกฝ่ายไปเสียหมดไม่ว่าซากุระจะทำอะไร
ไม่สิ ไม่ใช่แค่ความเอ็นดูแต่เขามองว่ามันน่ารัก ไม่ใช่ความรู้สึก “เอ็นดูเฉยๆ” แต่เขา
“ชอบ”.....
“......” มือใหญ่ยกมือขึ้นมาปิดปากทั้งที่ใบหน้ายังนิ่งค้าง...ไม่จริงน่า...หรือว่าเขาจะเผลอคิดอะไรกับซากุระไปแล้ว?
เริ่มแรกที่ชอบแหย่ชอบแกล้งเจ้าแมววัวนี่ก็เพราะเห็นว่าน่ารักดีหรอก...เริ่มแรกก็แค่อยากเป็นพี่ชายให้
อยากจะดูแล....แต่ว่า...ตอนนี้......
ครืด....
แล้วเสียงลากฟูกไปอีกฝั่งของห้องก็ทำให้เขาหลุดออกมาจากห้วงความคิดของตัวเอง
อ๊ะ
“หัวยังเปียกอยู่เลยนี่?
จะนอนแล้วเหรอ?”
เขาทักคนที่นั่งขัดสมาธิหน้ายุ่งอยู่บนฟูกที่ห่างออกไปเป็นวา
จะลากไปทำไมก็ไม่รู้เพราะถึงยังไงเขาก็ไปลากกลับมาได้อยู่แล้ว
เขาอมยิ้มให้กับความไม่เป็นมิตรของเจ้าแมวจรนั่นก่อนจะลุกไปหยิบไดร์เป่าผมมา
แน่นอนว่าเขาใช้แรงไม่มากนักหรอกในการคว้าลำตัวบางๆให้มานั่งอยู่ตรงหน้า
เสียงฟู่ๆดังพร้อมกับเส้นผมสองสีที่ปลิวไสว
เขาใช้มือของตัวเองสางแทนหวี...ทั้งๆที่ผมนิ่มขนาดนี้เลยนะ
นิ่มพอๆกับขนแมวเลยนะเนี่ย ต้องดูแลให้ดีๆหน่อยสิ
“อื้อ~ ฉะ
ฉันทำเองก็ได้”
มือแมวพยายามเอื้อมมายื้อแย่งไดร์เป่าผมกับเขา ถึงจะต้องหลับตาหนีแรงลมบ้างแต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะดื้อเลยจริงๆ
เขายังคงเป่าผมให้เจ้าตัวดีอย่างไม่สะทกสะท้าน
ดีจริงๆที่เขาตัวใหญ่กว่า สูงกว่า แขนขายาวกว่า น้ำหนักเยอะกว่า แล้วก็แรงเยอะกว่า
ไม่งั้นเขาคงเอาเจ้าแมวดื้อนี่ไม่อยู่
“เสร็จ~”
ราวกับจะมีแสงวิบวับๆเปล่งประกายอยู่บนเส้นผมนุ่มลื่นเงางามขึ้นมาเลย เนี่ย
หวีให้มันดีๆขนก็อย่างสวยแล้วเจ้าเหมียวเอ้ย
“ฮ้า~
น่ารักจริงๆเลย~ หอมด้วย~” เขาเผลอรวบลำตัวบางมากอดก่อนจะเอาหน้าถูไถด้วยความเอ็นดู
ตัวของซากุระมีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวอย่างที่เขาเคยว่าไว้จริงๆนะ...กลิ่นของชานมซากุระ
“ปล่อยนะเฟ้ย!!” นะ ถ้ายอมให้เขากอดแต่โดยดีก็ไม่ใช่ ฮารุกะ
ซากุระแล้ว มือแมวกางเล็บแจกยันต์ห้าแถวมาเต็มหน้า ดีที่มือเขาคว้าเอาไว้ทัน
และก็เพราะคว้าเอาไว้ทันนั่นแหละ
เขาถึงได้เพิ่งเห็นว่าที่ท้องแขนขาวๆนั่นมันมีแผลถลอกเป็นทางยาวอยู่ด้วย...บางจุดยังมีเลือดซิบๆอยู่เลยนี่?
มือใหญ่ถึงกับจับหมับมาดูใกล้ๆทันที
“ไปทำอะไรมาซากุระ?”
เสียงทุ้มถามออกไป
เขาไม่ได้คาดคั้นแบบเอาเป็นเอาตาย แต่ที่ถามก็เพราะห่วงใยมากกว่า
“...ต่อยไอ้พวกเห่ยๆที่ไถเงินเด็กม.ต้น...” ซากุระเสสายตาหลบแต่เขากลับมองใบหน้ามนนั่นด้วยรอยยิ้ม
เพราะเขาชอบซากุระที่เป็นเด็กเกเร “แบบนี้” มากกว่าพวกคนดีที่ทำเพียงเดินผ่านไปเฉยๆ
“อาบน้ำแล้วทำไมยังไม่ทำแผลอีกล่ะ?”
มือใหญ่เลยดึงแขนนั่นมาก่อนจะทายาให้ แขนก็เล็กแค่นี้ เล็กจนมือของเขายังกำรอบ
แต่กลับไม่กลัวที่จะทำตามหัวใจของตัวเองเลยสักนิด เท่ห์จริงๆเลยน้า
“หรือว่านาย…ปกติไม่ทำแผลงั้นเหรอ?” เขาเหลือบตามองใบหน้าแดงระเรื่อที่กำลังเขิน
มือก็ยังทายาต่อ
“ผะ แผลแค่นี้เอง เดี๋ยวมันก็หาย” เจ้าเหมียวทำปากเก่ง มันน่ารักจนเขานึกอยากจะดึงมาฟัดให้ตายกันไปข้าง
“ไม่ได้นะซากุระคุง~ ถึงตัวนายจะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย
แต่กับคนที่เค้าเป็นห่วงนาย การต้องเห็นแผลพวกนี้บนตัวนายมันทำให้เค้าปวดใจนะ”
เขาแสร้งส่ายหน้าอย่างเศร้าหมอง
“คะ ใครมันจะมาห่วงฉัน!” เจ้าเหมียวผงะก่อนจะเริ่มโวยวาย
“ฉันไง”
และการที่เขาเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันก็ทำให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเป็นลูกมะเขือเทศเลยทีเดียว
“อะๆๆๆ ยะ อยากทำอะไรก็ทำไปสิ” ซากุระอ้าปากพะงาบๆหลบหน้าหลบตาพัลวัน
เขินจนหน้าแทบจะระเบิดได้แล้วมั้งนั่น เขาจึงอมยิ้มบางๆ
เขาพูดจริงๆนะ
ถึงจะดีใจที่ซากุระต่อยตีเก่งและพึ่งพาได้
แต่เขาก็ไม่ชอบเห็นอีกฝ่ายเจ็บตัวเลยจริงๆ
“นี่ กล่องพยาบาลวางอยู่ตรงนี้นะ คราวหลังถ้ามีแผลอีกก็ใช้ซะ ทำเป็นใช่ไหม?”
“อะ อื้อ” ใบหน้ามนตอบรับงึมงำๆแต่ก็มองตำแหน่งของกล่องพยาบาลอย่างจดจำ
น่ารักจริงๆ
ร่างโปร่งบางเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปตามโถงทางเดินของตึกเรียนที่ดูคึกคักกว่าปกติ?
เสียงพูดคุยกันอย่างออกรสมันดังกว่าวันอื่นหรือเปล่านะ?
วันนี้...เจ้าพวกนั้นดูครึกครื้นแปลกๆแหะ?
ดวงตาสองสีได้แต่เหลือบมองอย่างสงสัย
แต่จะเข้าไปถามใครก็คงไม่มีใครยอมบอกเขาหรอก
จนกระทั่งได้เดินเข้าไปในห้อง
1-F ของเขานั่นแหละ ถึงได้รู้ว่ามันกำลังจะมีเทศกาลที่คนทั้งโรงเรียนตั้งตารอคอยและให้ความสนใจอย่าง
“งานกีฬาสี” มันเขียนตัวเท่าควายอยู่เต็มกระดานดำห้องเขาไปหมด
ใครมาเขียนไว้ฟ๊ะ?
อย่างไอ้พวกเพื่อนร่วมห้องเขานี่ไม่น่าจะมีใครสนใจนะ?
แถมมีระบุไว้อีกว่าห้องของเขาอยู่สีเขียวนะ
และให้ส่งตัวแทนไปประชุมวันนี้ตอนเที่ยงครึ่งด้วย? อะไรเนี่ย? สารท้ารบเร๊อะ
เขาเดินไปเอาเท้าเกี่ยวเก้าอี้มานั่งอย่างไม่ใส่ใจ
บ้าเอ้ย การนอนในห้องเรียนของเขาถูกเจ้าอุเมมิยะรบกวนเสียแล้ว
เพราะตอนกลางคืนดันหลับเอาเป็นเอาตายหลับสบายจนกลางวันไม่ง่วงเลยแล้วเขาจะทำไงเนี่ย?
ใบหน้ามนนั่งตาค้างมองครูสอนต่อไป สิ่งที่ไม่เคยเข้าหัวก่อนหน้านี้จึงรู้เรื่องไปโดยปริยายซะงั้น
เฮ้อ...
ครืด!!!
มือบางเลื่อนประตูห้องประชุมให้เปิดออกโดยไม่ได้สนใจจะเคาะก่อนหรือมารยาทใดๆ
ทำให้คนที่นั่งกันอยู่เต็มห้องถึงกับหันมามองด้วยสายตาหวาดผวา อะไรฟ๊ะ?
ก็บอกให้มาประชุมก็มาแล้วไง มีปัญหาเร๊อะ?
เขาเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอย่างไม่ได้ใส่ใจ
เพื่อนของเขาที่ตามมาเป็นขบวนทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึง ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยทีเดียว
อันที่จริงชื่อซากุระ
ฮารุกะนั้นโด่งดังพอๆกับประธานนักเรียนผู้เป็นที่รักของใครๆเลย ทุกคนในโรงเรียนรู้จักเขา ถึงจะเป็นในทางตรงกันข้ามกับเจ้าอุเมมิยะก็เถอะ
“อ่ะ
เอ่อ...ไหนๆห้อง 1-F ก็มาแล้ว...งั้น...เรามอบหมายกีฬาที่จะต้องลงแข่งให้เลยก็แล้วกัน” ผู้หญิงสวมแว่นที่ยืนอยู่หน้าห้องน่าจะทำหน้าที่เป็นเลขาหรือไม่ก็รองประธานสีเขียวอะไรสักอย่างพูดออกมา
เท่าที่เขากวาดตาดู ดูเหมือนแต่ละสีก็จะมีนักเรียนทุกชั้นปี
ปีละห้องหรือสองห้องนี่แหละมั้ง
แล้วบนกระดานไวท์บอร์ดนั่นก็มีเขียนชื่อประเภทกีฬา
รวมไปถึงจำนวนคนที่ให้แต่ละห้องต้องส่งมาร่วมกันเล่นด้วย นั่นคือกีฬาแต่ละประเภทก็จะมีทั้งรุ่นพี่ปี2 ปี3
ร่วมลงเล่นกับน้องปี1ด้วย
ยกเว้นเปตอง?...ที่ถูกเขียนไว้เพียงชื่อเดียวนั่นก็คือห้อง
1-F ของเขา แน่นอนว่าไม่มีคำว่า 1-F
ไปปรากฎที่ไหนบนกระดานอีก...
“เฮอะ” เขาเค่นหัวเราะออกไป
แม้แต่ในสีเดียวกันยังไม่มีใครอยากร่วมแข่งกับพวกเขาเลย
ก็เลยเอากีฬาอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครเล่นยัดมาให้ห้องเขาลงแข่งไปงั้นสินะ?
แล้วเขายังต้องอยู่ประชุมต่ออีกไหมเนี่ย?
“เอ่อ...ห้อง
1-F...ยังไงก็ฝากหาคนลงแข่งเปตองด้วยนะ”
เขามองสวนไปด้วยสายตารำคาญทำให้ผู้หญิงคนนั้นถึงกับสะดุ้ง
“เออ” เสียงห้าวตอบไปก่อนจะตัดสินใจลุกจากห้อง
คงไม่มีอะไรต้องฟังต่อแล้วมั้ง
ครืด...
ตุ้บ
สมุดเล่มบางฟาดลงมาเบาๆบนหัวเขาทันทีที่มือเปิดประตู
ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไปก็มีกำแพงสูงใหญ่มายืนขวางเอาไว้เสียก่อน...คนที่ตัวสูงขนาดนี้ในโรงเรียนเขาก็มีไม่เยอะนักหรอกนะ
ยิ่งแผ่นอกที่เห็นมาหลายต่อหลายครั้งตอนตื่นนอนเขาก็ยิ่งจำได้แม่นโดยไม่ต้องเงยหน้ามองว่าเจ้าหมอนี่เป็นใคร...
“อุเมมิยะ” เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายงึมงำ
“เออ
อะไรกันล่ะ? เห็นแบบนั้นแต่นานาเสะซังก็เป็นรุ่นพี่นายนะ ต้องพูดยังไงซากุระ?” ใบหน้ายิ้มแย้มก้มลงมามองเขา
“ระ
รู้แล้วน่า...” เขาจึงเผลอตอบรับไปถึงจะสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายที่เป็นประธานนักเรียนถึงมาอยู่ที่นี่...การประชุมของสีเขียวซึ่งเป็นเพียงสีหนึ่งในการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้
“เอ้า
ถ้ารู้แล้วก็เข้าไปนั่งฟังต่อสิ ยังประชุมกันไม่เสร็จเลยไม่ใช่เหรอ?” ไม่ว่าเปล่า
มือใหญ่ยังจับลงมาที่ไหล่ของเขาก่อนจะดันให้กลับไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกรอบ
“แล้วแผนนี่มันอะไรกันเนี่ย~
ใส่ห้อง 1-F ลงไปด้วยสิ แบบนี้ๆๆ” แล้วเจ้าอุเมมิยะก็ลบๆๆกระดานไวท์บอร์ดแล้วเขียนใหม่เองเฉย
เล่นเอาคนทั้งห้องหงายเงิบไปตามๆกัน
เมื่อไหร่เจ้าหมอนี่มันจะเลิกทำอะไรตามใจตัวเองสักทีนะ?
“ตะ
แต่ประธานคะ...” ขนาดพี่สาวแว่นจะคัดค้านมือใหญ่ยังยกขึ้นมาห้ามแถมยังเขียนห้อง
1-F กระจายเต็มกระดานอีกต่างหาก
เรียกว่ามีส่วนร่วมมันทุกประเภทกีฬาเลยทีเดียว
“เจ้าพวกนั้นน่ะแรงเยอะนะ
ถ้าเป็นเรื่องกีฬาละก็ต้องช่วยได้เยอะแน่ๆ เอ้า ตามนี้ ซากุระ จดไปด้วยล่ะ
แล้วก็ใส่ชื่อสมาชิกในห้องนายที่จะแข่งกีฬาแต่ละประเภทมาส่งที่นานาเสะด้วยล่ะ” อุเมมิยะว่าเองเออเองเสร็จสรรพจนไม่ว่าใครก็ค้านไม่ทันค้านไม่ออก
“.......” เขากับเพื่อนๆในห้องได้แต่มองตาปริบๆ
“เข้าใจไหม?” ร่างสูงใหญ่ยังหันมาถามด้วยรอยยิ้ม
และมันก็ทำให้สองแก้มของเขาร้อนผ่าว ก็นี่เป็นครั้งแรก...ที่ไม่ถูกกีดกันออกไป
เป็นครั้งแรกที่จะได้มีส่วนร่วมกับงานเทศกาลของโรงเรียน...
ที่ผ่านมา...พวกเขาก็ไม่ได้อยากจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครเอาหรอก...แต่เพราะไม่เคยมีใครกวักมือเรียกพวกเขาเลยต่างหาก
“ระ
รู้แล้วเฟ้ย” เขาเสสายตาหนีอย่างเขินๆ
ปฏิกิริยาที่จะว่าเชื่องก็ไม่ใช่
จะว่าดื้อก็ไม่เชิงที่เขามีต่ออุเมมิยะล้วนทำให้คนทั้งห้องรู้สึกแปลกใจ
แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีกว่าสายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัวมาก
“แล้วก็ถ้ามีงานที่ต้องช่วยกันเตรียมสนามอะไรพวกนี้
ก็เรียกเจ้าพวกนี้มาช่วยได้เลยนะ”
อุเมมิยะหันไปบอกกับพี่สาวแว่น
“ค่ะ...”
ก่อนที่ประธานนักเรียนผู้สมบูรณ์แบบจะเดินมานั่งลงข้างๆเขา
เรียกสายตาสงสัยใคร่รู้ให้แอบเหลือบมองมามากขึ้นไปอีก
“ทำไมถึงเข้ามาจัดการอะไรเองแบบนี้ฟ๊ะ
ดูเจ้าพวกนั้นสิ มันกลัวพวกฉันอย่างเห็นได้ชัดเลยไม่ใช่หรือไง...” เขากระทุ้งสีข้างคนที่หัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่ข้างๆ
“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นกลัว
นายก็ต้องเข้าหาพวกเขาสิ คนอื่นๆก็แค่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกนายเป็นคนยังไงกันแน่ใช่ไหมล่ะ?
นายเองก็ยังกลัวผีทั้งที่เห็นแค่รูปลักษณ์ของมันเลยใช่ไหม?” อุเมมิยะเอียงหัวมาพูดกับเขาให้ได้ยินกันแค่สองคน
หัวสีขาวนั่นแทบจะซบไหล่เขาได้แล้ว
“.....ไม่ได้กลัวเฟ้ย” มือบางจึงยันมันออกไปอย่างรำคาญ
โดยไม่รู้เลยว่านั่นทำให้สาวน้อยสาวใหญ่อิจฉาขนาดไหน
“แล้วอีกอย่างนะ
ฉันก็อยู่สีเขียวด้วย ห้อง 3 – A น่ะ” อุเมมิยะหันมาเฉลยความจริงที่ว่าพวกเราอยู่สีเดียวกัน
ถึงจะเป็นประธานนักเรียนแต่ก็เป็นเด็กห้อง 3 – A ด้วย
“อึ้ก! ห๊ะ?....” เขาหันไปมองอย่างอึ้งๆ
นี่แกไม่ได้เล่นตุกติกอะไรใช่ป่ะ? ทำไมมันบังเอิญแบบนี้?! จับฉลากห้องแน่ใช่ไหม?
“เพราะงั้นงานกีฬาสีครั้งนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ
ซากุระ”
แล้วใบหน้าหล่อๆนั่นก็ขยับมากระซิบที่ใบหูทำเอาเหล่าสาวน้อยที่แอบมองอยู่ต่างอิจฉาตาร้อนจนมือหงิกมืองอไปตามๆกัน
ฝากตัวบ้าอะไรกันเล่า!
ติ๊ดๆๆๆๆ
แกร่ก...
ประตูหน้าห้องเปิดออกหลังจากมือใหญ่กดรหัสทั้งหมดลงไป
สายตาแลเห็นรองเท้าที่ไม่ใช่ของเขาวางอย่างเรียบร้อยอยู่บนพื้นโถงทางเข้า...ซากุระกลับมาแล้วสินะ
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีขาวอมยิ้มอย่างพึงพอใจ
ก่อนจะต้องอมยิ้มมากกว่าเดิมเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วเห็นซากุระกำลังนั่งทำแผลเมื่อวานนี้อยู่
น่ารักจัง~
ทำตามที่บอกด้วย เหมือนได้ฝึกแมวดื้อๆสักตัวเลยแหะ
“ทาไดมะ
ซากุระ”
เสียงทุ้มเอ่ยทักทำให้คนที่รู้ตัวนานแล้วว่าเขากลับมาแต่ยังทำหน้าซึนๆอยู่ยอมเอ่ยออกมาอ้อมแอ้มๆ
“โอ
โอคาเอริ...” แก้มนั่นมันทำมาจากมะเขือเทศหรือไงนะ?
ทำไมมันแดงได้ขนาดนั้นกัน?
เขาเดินเข้าไปมองอย่างสงสัยในขณะที่ทิ้งข้าวของที่ถือมาไว้ตามทาง
ตุ้บ...
“อ้า~
เหนื่อยจัง~ ปวดหลังไปหมดเลยด้วยเนี่ย~
ขอเอนแป๊บนึงนะ~”
“ห๋า?!
จะนอนก็ไปนอนตรงนู้นสิเฟ้ย จะมาหนุน...หนุน...อ๊า!!” ฮ่าๆๆๆ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
มือแมวกางเล็บพร้อมกับตะปบหัวเขาก่อนจะพยายามดันออกไปจากตักตัวเอง
“ก็ไม่มีหมอนนี่นา
ยืมตักนายหน่อย แป๊บเดียว”
เขาทั้งแรงเยอะกว่าและขี้ตื้อมากกว่า
เพราะงั้นการตะครุบเจ้าแมวน้อยที่พยายามดิ้นหนีจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร
ไม่นานคนที่หอบแฮ่กจากการต่อต้านก็เลิกพยายามไปเอง
หัวสีขาวจึงยังหนุนอยู่บนตักอุ่นๆนิ่มๆนั่นได้
ก็รู้ทั้งรู้นะว่าสู้เขาไม่ได้แต่ก็ขอให้ได้ดื้อก่อนซักหน่อยก็ยังดี
ซากุระที่เหมือนแมวแบบนี้เขายิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลยแหะ
เขาเคยคิดนะว่า...ตัวเองก็คงจะชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนอ่อนหวานตามปกติ...นั่นคือก่อนที่จะได้มาเจอกับซากุระ
เจ้าเหมียวนี่...มันออกจะตรงกันข้ามเลยไม่ใช่หรือไง?
ยิ่งอยู่ใกล้นานเท่าไหร่
ก็ยิ่งรู้ตัวว่ายิ่งชอบ...คนที่น่ารักแบบซากุระ
“อื้อ~
ขอกอดหน่อย~”
เขาพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาพุงแมว
ก่อนที่สองแขนจะกอดเอวบางๆแต่แข็งแรงนั่นเอาไว้
“ทะๆๆทำอะไรของแกเนี่ย?!”
เจ้าของตักนิ่มเลิ่กลั่กลนลานหน้าแดงเป็นดอกไม้ไฟไปหมดแล้ว
แต่เขาก็ยังซุกหน้าเอาไว้กับหน้าท้องแบนเรียบนั่นต่อไป
ฮ้า...ที่ตรงนี้มันดีจริงๆเลยแหะ
เขาไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อนเลย
ความเหนื่อยล้าจากความคาดหวังที่แบกรับมาตลอดดูเหมือนจะปล่อยวางลงได้บ้าง
เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นซากุระ แต่ก็มีแค่ซากุระที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้
ฟื้ด~
กลิ่นหอมเหมือนชานมซากุระนี่ก็ทำให้เขาสบายใจสุดๆ
จนอยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆเลย
“ทำแผลเสร็จแล้วเหรอ?” เสียงทุ้มที่ฟังดูผ่อนคลายถามออกมาจากหน้าตัก
“อื้อ” คนที่นั่งก้มหน้ามองเลิ่กลั่กๆตอบงึมงำ
“นาย...ไม่กลัวหรือไง?
ปกติแล้ว...เวลาที่บอกใครว่าไปทะเลาะวิวาทมาก็มีแต่คนไม่อยากจะเข้าใกล้นะ...” ซากุระถามด้วยน้ำเสียงอึกๆอักๆ
“ไม่กลัวหรอก” เขาจึงตอบกลับไปทั้งที่ยังไม่ละใบหน้าจากหน้าท้องของอีกฝ่าย...ถ้าเป็นนาย
ฉันไม่กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว
เพราะถึงซากุระจะชอบใช้กำลัง
แต่มันก็มีเหตุผลที่ยอมรับได้รองรับอยู่
“ซากุระ”
“หื๋อ?”
“...ฉันน่ะ
ชอบที่จะได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนรอบๆตัว และทางเดียวที่จะเป็นแบบนั้นได้คือฉันต้องปกป้องดูแลพวกเขา
เป็นทั้งเพื่อน พี่ชายและผู้นำให้ใครต่อใคร ถึงฉันจะยินดีทำมัน...แต่ฉันก็คิดนะ...ถ้าวันหนึ่ง...มีคนที่ปกป้องฉันได้มาอยู่ข้างๆมันจะดีขนาดไหนกันนะ” เขาพูดความรู้สึกในใจออกไปพลางกอดเอวบางไว้หลวมๆ
เขาเอง...ก็ต้องการใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ คอยปลอบโยนเหมือนกัน
“.........”
“ดูแลฉันทีได้ไหมซากุระ?” เขาพลิกตัวกลับมานอนหงายทำให้สายตาสบประสานกับคนที่ก้มมองลงมา
ใบหน้าของซากุระแดงแปร๊ดทันที
“....อะ
อื้อ แน่นอนสิ ฉันน่ะแข็งแกร่งกว่านายนะ ถ้ามีใครมาหาเรื่องละก็ บอกฉันมาได้เลย...นั่นไง
ตอบแทนที่ให้ที่นอนตอนกำลังซ่อมบ้าน...”
เจ้าเหมียวซึนเดเระตอบตะกุกตะกักพลางเสสายตาหนี
“คึ
ฮ่าๆๆๆ” น่ารักสุดๆเลยแหะ
“คิดว่าพูดเล่นรึไงฟ๊ะ?” นะ
พอได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาเจ้าแมววัวก็หันกลับมาหยุมหัวเขาต่อ
“เปล่าๆ
แต่ดีใจน่ะ นายนี่พึ่งพาได้จังเลยน้า วางใจได้เลยแบบนี้~” เขาคว้ามือแมวมาจับเอาไว้
ใบหน้าเชิดหยิ่งนั่นจึงสะบัดขึ้น
“แหงสิ
เหอะ!”
“แล้ว
ตกลงว่านายลงแข่งอะไรเหรอ งานกีฬาสีน่ะ?”
เขาหาเรื่องนอนหนุนตักนิ่มๆนี่ต่อด้วยการชวนคุยเรื่องงานกีฬาสี
“.....บาสเกตบอล...” ใบหน้ามนตอบอ้อมแอ้ม โอ้
แสดงว่าหลังจากเลิกประชุมสี เจ้าพวกห้อง 1-F
ก็ยังกลับไปคุยกันต่อมาเรียบร้อยแล้วสินะ ก็ดูให้ความร่วมมือ ดูสนใจดีนี่นา
“เห๋~
ซากุระเล่นบาสเนี่ยนะ? นึกไม่ออกเลยแหะ แต่นายเปรียวแบบนี้แถมกระโดดสูง
อาจจะเหมาะก็ได้นะ”
“กะ
ก็ไอ้พวกบ้านั่นมันเขียนชื่อฉันลงไปเฉยเลยน่ะสิ ก็เลย...ต้องเล่น...”
แต่ก็ดีใจใช่ไหมล่ะที่มีเพื่อนๆอยากจะเล่นด้วยกันน่ะ
เพราะบาสคือกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมนี่ มองหน้าแดงๆนั่นเขาก็พอจะรู้แล้ว
“แล้ว
ซ้อมไปถึงไหนแล้ว? มีหวังว่าจะชนะไหม?” ซากุระอึกๆอักๆก่อนจะตอบมาด้วยท่าทางซึนๆ
“ต้องชนะสิฟ๊ะ!”
เห๋~~
เจ้าแมววัวนี่เล่นบาสเป็นอยู่ใช่ไหมนะ? จริงอยู่ที่ตอนม.ต้นก็มีคาบพละที่สอน
แต่เจ้าเด็กตัวคนเดียวนี่เคยได้เล่นบาสกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า?
ชักจะเป็นห่วงซะแล้วสิ
“อืม...แป๊บนะ” ร่างสูงใหญ่จึงจำใจลุกจากตักนิ่มเพื่อเดินไปเปิดตู้เก็บของ
เขารื้อค้นหาอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่เพราะเป็นของที่ได้มาแต่ไม่เคยได้ใช้นั่นแหละ...เก็บไว้ไหนน้า...
“อ่ะ
เจอแล้ว”
มือใหญ่ล้วงเอาลูกบอลสีส้มลูกหนึ่งออกมา มันคือลูกบาสนั่นเอง
“ไปซ้อมกันไหม?”
เขาหันไปมองซากุระด้วยดวงตาเป็นประกาย
ในขณะที่อีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย
“ตอนนี้เนี่ยนะ?”
“อื้อ
ตอนนี้แหละ รอแป๊บนะ ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”
เขาโยนลูกบาสไปให้ซากุระที่กอดมันไว้พลางหน้าแดง
ดีใจอยู่สินะ?
ร่างที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงวอล์มง่ายๆพากันเดินไปที่สวนสาธารณะแถวบ้าน
ที่นั่นมีแป้นบาสเดี่ยวๆอยู่
แล้วก็เพราะมาเสียมืดค่ำในสวนจึงไม่มีใครอยู่แล้ว
ปึ้ก!
เขาส่งลูกบาสให้เจ้าแมววัวที่มีท่าทางเก้ๆกังๆ
ดูไม่ค่อยถนัดกับการจับลูกเลี้ยงลูกเท่าไหร่
ดูเหมือนซากุระแทบจะไม่ได้เล่นกีฬาเลยไหมเนี่ย?
“เรามาแข่งกันชู้ตลูกลงห่วงนั่นซักยกก็แล้วกัน
ใครแพ้ต้องเลี้ยงน้ำนะ”
เขายกยิ้มท้าทาย จริงๆการเลี้ยงน้ำก็ไม่ใช่อะไรที่ยอมไม่ได้เสียขนาดนั้น
แต่เจ้าเหมียวที่ไม่ชอบความพ่ายแพ้ก็แสยะยิ้มรับคำท้าทันที
“เฮอะ!” มือบางลองเลี้ยงดู
แต่ก็ถูกเขาฉกได้ก่อนจะหมุนตัวกลับไปชู้ตลงห่วงอย่างง่ายดาย
ปึ้ง!
“ห๊า?
ไม่ได้แข่งกันชู้ตลูกเฉยๆเร๊อะ?”
เจ้าเหมียวยังยืนงง
“แบบนั้นก็ไม่เรียกว่าแข่งบาสสิ
ฉันมีสิทธิ์ที่จะแย่งลูกมาจากนายและป้องกันไม่ให้นายชู้ตด้วย” เขายกยิ้มให้
“ห๊า!!! จะเอางั้นใช่ไหม? จะเอางั้นสินะ...ได้....” ใบหน้ามนดูมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเขาให้ได้
แต่เด็กอนุบาลที่เพิ่งหัดเล่นกับคนที่แทบจะเทิร์นโปรได้มันต่างกันขนาดไหนล่ะ?
กึ้ง
“เอ้า....” ก็ต่างขนาดที่ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที
ขวดชาเขียวที่เพิ่งกดมาจากตู้ก็ถูกยื่นมาให้เขาด้วยมือของซากุระยังไงล่ะ
ฮ่าๆๆๆ
แพ้แบบหมดรูปเลยละ เจ้าเหมียวนั่น
เขาอมยิ้มมองใบหน้าบูดบึ้งอย่างเจ็บใจของซากุระ เอาน่า
จะแพ้เขาก็ไม่แปลกหรอกเพราะถ้าเขาไม่ได้เป็นประธานนักเรียน
ป่านนี้ก็คงจะเป็นกัปตันชมรมบาสหรือไม่ก็ชมรมกีฬาอื่นๆไปแล้ว
“ที่จริงทั้งพละกำลังและความคล่องตัวของนายมันก็ใช้ได้แล้วนะ
ที่ต้องฝึกก็แค่ทักษะการเลี้ยงลูก การรับส่ง การชู้ต แล้วก็การหลบหนีจากการป้องกันเท่านั้น”
มือใหญ่บิดปิดฝาขวดชาเขียวที่เพิ่งดื่มไปก่อนจะใช้สองแขนยันพื้นเอนตัวไปด้านหลังด้วยท่าทางสบายๆ
“.....”
ดวงตาสองสีเหล่มองเขาด้วยท่าทางเหมือนกำลังจดจำคำพูดและคำแนะนำ
ซากุระไม่ใช่คนที่จะดื้อด้านอย่างไม่ฟังใคร หากเป็นคำแนะนำที่ดีเด็กนี่ก็ยอมฟัง
และนั่นก็ทำให้เขามักจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน...
“พวกการเลี้ยงลูกกับการชู้ตก็พอจะฝึกคนเดียวได้
แต่การรับส่งกับการป้องกัน...เอาอย่างงี้ไหม ทุกๆเย็นเรามาฝึกด้วยกัน
เดี๋ยวฉันช่วยนายเอง”
เขาเสนอด้วยรอยยิ้ม คิ้วสองสีจึงขมวดเข้าหากันก่อนจะเหล่มองเขา
คงจะไม่อยากขอร้องเขานั่นแหละน้า เจ้าเหมียวจอมหยิ่งนี่
“ฉันสอนให้เอาไหม?
วิธีที่จะเอาชนะฉันได้น่ะ” เขาจึงเปลี่ยนคำพูดนิดหน่อย
“ละ
แล้วมันต้องทำยังไง...” ใบหน้ามนจึงตอบรับราวกับแมวขี้ระแวง
ปึ้ก
มือใหญ่จึงส่งลูกบาสให้
“เดี๋ยวพี่ชายจะสอนให้ตั้งแต่เริ่มคลานเลยก็แล้วกัน!”
แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ
จากที่ลองแข่งกันในรอบแรกทำให้เขาพอจะรู้แล้วว่าซากุระมีพื้นฐานอยู่แค่ไหน
เรียกว่าไม่มีเลยจะดีกว่า
เพราะงั้นเขาจึงค่อยๆสอนให้...ตั้งแต่การรับส่งลูกให้ถูกวิธี การเลี้ยงลูกอย่างถูกกติกา
การชู้ตยังไงให้ลงห่วง
อันที่จริงซากุระหัวไวทีเดียว
หูตาก็ไว เรียนรู้ก็ไว
จากที่เคยเลี้ยงลูกเงอะๆงะๆในตอนแรกก็เริ่มจะเข้ามือมากขึ้นเรื่อยๆ
ลำตัวปราดเปรียวพยายามเอียวหลบเขาที่กางแขนขวาง
ดวงตาว่องไวสอดส่องมองหาช่องที่จะเลี้ยงลูกให้เข้าใกล้แป้นบาสมากที่สุด และเพราะแบบนั้นแผ่นหลังบางจึงปะทะเข้ากับแผ่นอกของเขาอย่างไม่ตั้งใจ
ได้กลิ่นกายซึ่งถึงจะชุ่มเหงื่อแต่ก็ยังหอมโชยออกมา หลายครั้งเขาก็จงใจที่จะขยับเข้าใกล้จนแทบจะแนบชิดทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้
กำลัง...ใช้หน้าที่การงานในทางมิชอบอยู่นั่นแหละ
เขาน่ะ...
และก็เพราะเขาตัวสูงกว่ามาก
มีทักษะกว่ามากทำให้ในจังหวะที่ซากุระกำลังจะกระโดดขึ้นชู้ตและคิดว่าจะรอดพ้นจากการป้องกันของเขาไปได้...
“อ๊ะ?!” มือใหญ่ก็เอื้อมไปบังลูกบาสที่กำลังจะปล่อยจากมือบาง
ปึ้ก!
เขาตวัดมันลงมาก่อนจะคว้าแย่งไปได้
เขาเคาะลูกลงพื้นก่อนจะกระโดดเล็งไปที่แป้นบาสใหม่
“ไม่ให้ชู้ตได้หรอกเฟ้ย!” เจ้าเหมียวที่เจ็บใจจากการถูกแย่งลูกไปจึงกอดหมับมาที่เอวเขาไม่ยอมให้เขาโดดซะอย่างงั้น?!
“เดี๋ยว!” ลูกบาสที่หลุดจากมือจึงพุ่งเข้าพุ่มไม้แทนแป้นบาส
พร้อมกับใบหน้าคนก่อกวนที่แสยะยิ้มมาให้ทั้งที่ยังกอดเอวเขาไม่ปล่อย...ตัวแสบเอ้ย...
“ไม่ได้สิซากุระคุง~
แบบนี้มันฟาวล์นะ”
แขนแข็งแรงจึงกอดรัดเจ้าคนที่กอดอยู่ที่เอวก่อนจะเหวี่ยงไปมาอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“ก็แกตัวสูงกว่า
โดดก็สูงกว่า แบบนี้มันขี้โกงนี่!”
เขาสูงกว่าแล้วมันโกงยังไงเนี่ย ฮ่าๆๆ
แล้วหลังจากนั้น...พอถูกเขาแย่งบอลไป
เจ้าแมวตัวร้ายก็จะคอยกอดแขนเขาบ้างละ กอดขาเขาบ้างละ คอยฉุดคอยรั้ง
คอยกอดเอวเขาไว้ เพราะกระโดดดีเฟนด์เขาไม่ไหวจึงต้องใช้วิธีแมวๆแบบนั้นมาก่อกวนเขาสินะ
อ้า~ น่ารักจริงๆเลย
“ฮ่าๆๆ” ซากุระมักจะหัวเราะชอบใจตอนที่เห็นเขาไม่สามารถจะชู้ตได้เพราะการเข้ามาพันแข้งพันขาของตัวเอง
“นายอย่าขี้โกงสิ” ถึงเขาจะบ่นไปแบบนั้น แต่ใบหน้ามนที่ยิ้มกว้างทั้งที่มีเหงื่อเกาะพราวนั่นก็ทำให้เขาเผลอยิ้มตาม
การฝึกซ้อมดำเนินต่อไปแต่ทำไมมันดูเหมือนเป็นการเล่นกับแฟนเสียมากกว่า?
ทั้งเสียงหัวเราะและการหยอกเย้าระหว่างเรา...มันไม่เหมือนการฝึกซ้อมหรือการแข่งขันเลยสักนิด...
ช่วงเวลาที่เขาคอยป้องกันไม่ให้ซากุระเลี้ยงลูกได้นั้น
เขาได้สัมผัสร่างกายบางๆ ได้ถูกเนื้อต้องตัว ได้กลิ่นเหงื่อหอมๆ ได้โอบกอด...
จนเขาไม่รู้แล้วว่าที่หัวใจเต้นแรงอยู่ในตอนนี้...เป็นเพราะการได้ออกกำลังกายหรือเพราะซากุระกันแน่?
“ตาสุดท้ายแล้วนะ
พอก่อนแล้วกันคืนนี้ ดึกแล้ว”
เขาตะโกนบอกซากุระในขณะโยนบอลไปให้
ร่างโปร่งบางนั่นหอบแฮ่กหน้าแดงไปหมด
เจ้าแมววัวเคาะลูกลงพื้นเผชิญหน้าจ้องตาอยู่กับเขาอย่างไม่กลัวเกรง
เขากางแขนออกเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายผ่านไปได้
จู่ๆซากุระก็แสยะยิ้มแล้วพุ่งเข้ามายังช่องที่เขาจงใจเปิดไว้ให้
แต่ก่อนที่ลำตัวเพรียวจะลอดผ่านไป
หมับ
มือใหญ่กลับล็อคลำคอของซากุระเอาไว้ก่อนจะดึงรั้งร่างทั้งร่างเข้ามาใกล้
ใกล้...จนแทบจะกอดเอาไว้...
ตุ้บ...
ลูกบาสร่วงลงพื้นก่อนจะกลิ้งไปไกล...
ใบหน้าที่ยังดูงุนงงเกยอยู่บนไหล่ของเขา
เสียงทุ้มจึงกระซิบแผ่วเบาเข้าที่ใบหูแดง
“ซากุระ...เวลาแข่งกับคนอื่นน่ะ
อย่าให้ใครแตะเนื้อต้องตัวได้แบบนี้นะ” ปลายนิ้วร้อนๆแตะลงไปยังผิวอ่อนนุ่มบนหลังคออย่างจงใจก่อนจะพูดต่อไป
“พื้นที่นี้น่ะ
เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”
ใบหูที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่
มือบางผลักอกเขาออกมาก่อนจะทำหน้าเลิ่กลั่กๆ
“คะ
ใครมันจะกล้ามาจับฉันฟ๊ะ มีแต่ไอ้บ้าแบบแกนี่แหละ!”
เขาถึงกับหัวเราะเสียงดัง
ก็จริง เจ้าแมวนี่คงขู่ฟ่อขนฟูหูตั้งหางชี้จนใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้แน่ๆ
แต่ก็นั่นแหละ...แค่คิดว่าจะมีใครได้จับได้กอดซากุระแบบนี้...เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา...
อ้า
เป็นพี่ชายที่ใช้ไม่ได้เลยน้า~
ร่างสูงใหญ่เดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ
เขาเปิดประตูห้องนอนอย่างตั้งใจจะเข้าไปหยิบไดร์เป่าผม ทว่า สองขาก็ถึงกับชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นซากุระที่นอนเล่นอ่านหนังสือการ์ตูนของเขาอยู่บนฟูก
จะไม่ให้สตั๊นได้ไง
ก็กางเกงที่เจ้าเหมียวใส่อยู่น่ะมัน!
“เอ่อ...ซากุระคุง...กางเกงนั่นมันอะไรน่ะ....” ดวงตาสีฟ้าอมเทาจ้องมองกางเกงขาสั้นที่สั๊นนนสั้นแถมยังรัดรูปสีดำที่อีกฝ่ายใส่อยู่
นี่มันกางเกงใน? หรือว่าบ็อกเซอร์? หรืออะไร?
“ห๋า?
ก็กางเกงนอนไง?” แต่ใบหน้ามนกลับหันมาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน
น้ำเสียงติดจะรำคาญด้วยซ้ำที่เขาถามอะไรไร้สาระ...ก็นั่นแหละ...เพราะซากุระเป็นเด็กผู้ชายนั่นแหละ
เลยไม่ใส่ใจกับการแก้ผ้าอยู่กับผู้ชายด้วยกัน...
แต่สำหรับตัวเขาที่กำลังคิดไม่ซื่อกับอีกฝ่ายมันไม่ใช่ไงงงง
“แล้ว...กางเกงที่ฉันให้ยืมล่ะ?”
“กางเกงของแกมันตัวใหญ่ใส่แล้วรุ่มร่ามชะมัด
เอวก็หลวมด้วยตื่นมาทีไรไหลไปกองอยู่ที่ขาทุกที!” อุก ทำไมยิ่งนึกภาพตามก็ยิ่งเหมือนกำเดาจะไหล
พลังทำลายล้างแบบแมวๆนี่มันอะไร?
“ก็เลยไม่ใส่มันแล้ว! มีปัญหาอะไรไหม?”
“ไม่มีครับ...” มีเห็นๆ!
จากที่ยังอยู่ในช่วงคลุมเครือของชีวิตก็เหมือนเจ้าเหมียวนี่จะช่วยให้เขาคิดได้เร็วขึ้น?
ซากุระเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กก็จริง
แต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งจนดูไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้น ร่างโปร่งนั่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่กระชับและแข็งแรง
มันเลยน่ามองมากๆไม่ว่าจะแขนหรือขา ไม่ว่าจะอกเอวสะโพก
ไม่เว้นแม้แต่ตรงบริเวณที่ถูกเจ้ากางเกงสีดำตัวจิ๋วนั่นปิดบังเอาไว้...
อ้า...ชิบหายแล้ว...
“ฉัน...ออกไปเป่าผมก่อนนะ”
มือใหญ่รีบคว้าไดร์เป่าผมก่อนจะจ้ำอ้าวออกมาจากห้องเพื่อตั้งสติ
ต้องทำยังไงให้หัวใจที่เต้นโครมครามนี้สงบลงได้...ดาเมจมันสูงไปไหมเจ้ากางเกงที่ร้ายกาจตัวนั้น...
เขาเป่าผมแบบสติสตังแทบจะหลุดออกจากร่าง
ไม่รู้แล้วว่าความร้อนที่ออกมาจากไดร์กับใบหน้าเขาอะไรมันร้อนกว่ากันแล้วตอนนี้
เฮ้อ....นี่มันบททดสอบจากพระเจ้าชัดๆ...
ร่างสูงใหญ่ยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง
เอาละ...หัวใจ-เต้นปกติ ดวงตา-ไม่เบิกค้าง สมอง-ไม่มีภาพติดตาของกางเกงนั่น ดีละ
แอ๊ด...
“.......” ดีที่ไหนกันล่ะ!
ถึงไม่ตั้งใจจะมองแต่สายตาของเขาก็ราวกับถูกกางเกงนั่นสะกดเอาไว้...
ดวงตาไล่มองร่างที่ไม่รู้ทำไมถึงดูอ้อนแอ้นกว่าตอนใส่ชุดนักเรียนมาก
เจ้าเหมียวนั่นนอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนฟูกในสภาพที่สบายใจอกสบายใจเหลือเกิน!
ซากุระตลบผ้าห่มจนเป็นม้วนยาวๆก่อนจะอ้าขาพาดมันไว้ข้างนึง...อุ่ก...ทำให้ชายเสื้อมันเลิกขึ้นไปจนมองเห็นเอวบางๆ
กางเกงที่รัดรูปก็เห็นหมดว่าก้นเล็กๆนั่นกลมกลึงน่าบดเบียดขนาดไหน แล้วยังจะโคนขาเรียวขาวนั่นอีก...บ้าเอ้ย
ที่ผ่านมากางเกงของเขามันช่วยชีวิตเขามาตลอดเลยเหรอเนี่ย ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ!
อ้า...เหมือนจะเห็นหางแมวสีดำที่มีสีขาวแต้มตรงปลายขยับส่ายไปมาอยู่บนก้นน่าตีนั่นเลยแหะ...
“เป่าผมอะไรนานนักหนาเนี่ย?
ฉันง่วงแล้วนะ ปิดไฟได้ยัง” ซากุระหันเฉพาะหน้ามาถาม
เขามองเจ้าแมวเอาแต่ใจที่ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายบ้างเล้ย
“อื้ม
งั้น ปิดไฟเลยนะ”
เขาตอบด้วยเสียงราบเรียบที่พยายามสะกัดกลั้นอารมณ์ อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายนะ
ถึงจะน่ารักขนาดไหนแต่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ! แล้วเขาก็ไม่ควรคิดเรื่องไม่ดีแบบนั้นด้วย
อีกอย่างซากุระก็เชื่อใจเขาแล้วด้วย...เขาไม่ควรทำลายความเชื่อใจนั้นสิ
เขาควรต้องหักห้ามใจ ต้องตั้งสติให้ดี...
“หื๋อ?”
แต่เจ้าเหมียวตัวดีนี่ก็ไม่ได้ช่วยเขาเล้ยยยย
ดวงตากลมใสกระพริบปริบๆมองมาที่เขาอยู่ในเงามืด
ราวกับซากุระกำลังสงสัยว่าทำไมวันนี้เขาไม่เข้าไปวอแวขอนอนด้วย...
อ้า~
ก็เพราะว่าฉันไม่ไว้ใจตัวเองน่ะสิ!
จริงอยู่ที่ซากุระยังเป็นเด็ก
แต่เขาเองก็ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่อะไรที่ไหน เขาอายุมากกว่าอีกฝ่ายแค่สองปีเองนะ?
เขาไม่ใช่ตาลุงที่จะควบคุมตัวเองได้ เขาเป็นแค่วัยรุ่นอายุ18ปีที่ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน
เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะทนต่อการยั่วยุได้ ไม่ใช่พระอรหันต์ผู้ละกิเลส
ไม่ใช่...
บ้าเอ้ย
ไม่ไหวแล้ว
“ซากุระ?”
เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกออกไปนั้นปะปนด้วยลมหายใจที่หอบหนักเล็กน้อย
“หลับแล้วเหรอซากุระ?” เขาได้ยินเพียงเสียงฟี้ๆตอบกลับมา
เวลาเจ้าเด็กนี่หลับถ้าไม่หลับแบบรู้สึกตัวตลอดเวลาก็จะหลับแบบลึกมากไปเลย
แล้วตอนนี้มันก็เป็นอย่างหลัง...
สวบสาบ
ร่างสูงใหญ่ค่อยๆลุกออกมาจากฟูกของตัวเอง
ก่อนจะมาหยุดยืนมองลงไปยังฟูกข้างๆ
ถึงร่างที่นอนอยู่บนนั้นจะมีผ้าห่มคลุมมิดชิดในตอนนี้
แต่ภาพที่อีกฝ่ายอยู่ในกางเกงนอนตัวจิ๋วนั่นก็ยังติดตา
แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...
ฝ่าเท้าเดินออกไปจากห้องนอน...ก่อนจะเหยียบลงไปบนกระเบื้องเย็นเฉียบของห้องน้ำ
แกร่ก
มือใหญ่บิดกลอนล็อคไว้อย่างดี
ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในสุด...แผ่นหลังกว้างเอนพิงผนังกระเบื้องเอาไว้...
ชายเสื้อถูกถลกขึ้นมาคาบไว้ที่ริมฝีปาก
ก่อนที่ขอบกางเกงจะถูกดึงลงไปพอให้ความเป็นชายที่แข็งตัวแล้วออกมาสูดอากาศ
“ฮ้า...”
ลมหายใจหอบหนักนั้นกลายเป็นไอสีขาวทันทีที่มันปะทะกับความเย็นของยามค่ำคืน
ฝ่ามือของเขาโอบจับแท่งร้อนระอุกลางร่างกายนั่นเอาไว้
นานแค่ไหนกันแล้วนะที่ไม่ได้ช่วยตัวเอง...
จะว่าไม่ค่อยมีอะไรที่กระตุ้นเร้าเขาได้ก็คงได้
อาจจะเป็นเพราะเขามักจะให้เกียรติผู้อื่นเสมอจึงไม่เคยเอาร่างกายของใครมาใช้จินตนาการเรื่องพรรณนี้
เห็นก็ยังไม่มีอารมณ์
แต่กับร่างกายของซากุระ...เขาทนไม่ไหวจริงๆ...
“อึก...” ฟันกัดชายเสื้อแน่น ดวงตาเหยียดมองผ่านกล้ามหน้าท้องลงไปยังความเป็นชายที่ขยายเกือบเท่าไม้เบสบอล
“ฮ้า...” อุ้งมือลูบไล้ปิดส่วนปลายทำให้ลมหายใจของเขาหอบหนัก
เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามความปรารถนาที่มากล้นกว่าทุกที
เขาแตะเจ้านี่ลงไปบนก้นกลมกลึงทั้งที่ยังอยู่ในกางเกงตัวจิ๋ว
ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้าไประหว่างผ้ายืดกับผิวเนียนนุ่มทำให้เจ้าเหมียวครางเมี๊ยวออกมาอย่างพึงพอใจ
มือใหญ่ค่อยๆดึงรั้งกางเกงสีดำนั่นออกมาตามเรียวขา ซากุระครางเครือแผ่วเบาเมื่อเขาถูไถความเป็นชายกับร่องก้นที่แอ่นแสนยั่วเย้า
เขาโน้มลงไปจูบหลังคอที่ปกคลุมด้วยปอยผมสองสี
ก่อนที่จะค่อยๆกดความเป็นชายเข้าไปในปากทางสีชมพูสวย...
“ฮ้า...” มือใหญ่ชักแรงๆรอบแกนกายที่ขยายจนเต็มมือ
เสียงชึ่บๆแสนลามกนั่นช่างเข้ากับภาพในหัวของเขาดีเหลือเกิน
“ฮู่ว...” ซากุระจะบีบรัดความเป็นชายของเขาแบบไหน
ผนังภายในนั่นคงจะอ่อนนุ่มจนเขาแทบคุ้มคลั่งแน่ๆ มันคงจะแน่น มันคงจะร้อน
ซากุระคงจะโยกคลอนไปตามแรงกระแทกของเขา คงจะร้องครางพลางข่วนมาเต็มหลัง
ใบหน้าน่ารักนั่นคงจะแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ เขาจะสอดใส่เข้าไปให้ลึกอีก แรงอีก
เอาให้เจ้าเหมียวนั่นร้องไม่เป็นภาษา!
“อึ้ก!”
น้ำรักสีขาวขุ่นฉีดพุ่งออกไปจากร่างกายเมื่อถึงจุดสูงสุดของความต้องการ
หลายต่อหลายหยดสาดรดอยู่บนพื้นกระเบื้อง
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...” หัวสีขาวเงยพิงผนังทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก
เขาไม่เคยมีอารมณ์ขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ดวงตาสีฟ้าอมเท้าเหลือบมองน้ำของตัวเองที่ไหลเลอะเหนอะอยู่ในฝ่ามือ
ถึงซากุระจะเป็นเด็กผู้ชาย...แต่เขาที่ใช้ภาพของอีกฝ่ายมาช่วยตัวเองนี่มันก็ไม่ใช่แล้วไหม...
ถึงขั้นอยากจะมีเซ็กซ์ด้วยนี่...ไม่ใช่แค่รุ่นพี่หรือพี่ชายแล้ว...
ไม่ใช่แค่ความสนใจธรรมดาๆ...แต่เขา...ต้องรู้สึกกับซากุระมากไปกว่านั้นแล้ว...
แค่อยากรู้อยากลองเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป?
แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นนี่...
ที่ผ่านมาเขาก็ควบคุมตัวเองได้ดี
ไม่เคยคิดเกินเลยกับใครต่อให้รู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายเข้าหาอยู่
เพราะเขาสูญเสียครอบครัวไปเขาเลยอยากจะสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเองและตั้งใจจะดูแลทะนุถนอมมันให้ดี
หากไม่ใช่คนที่คิดจะรักไปตลอดชีวิต ไม่ใช่คนที่คิดจะสร้างครอบครัวด้วย เขาก็จะไม่ก้าวล้ำเส้นความเป็นเพื่อนเป็นอันขาด
แต่กับซากุระ...เขากลับตบะแตกแล้วฉีกกระชากเส้นแบ่งพวกนั้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เลย...
จะ...ยังกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหมนะ?
เส้นที่แบ่งความเป็นเพื่อนพี่น้องพวกนั้นเขายังต่อมันให้เป็นเหมือนเดิมได้ไหมนะ?
หรือควรจะพังมันทิ้งไปทั้งหมดดี?
แต่ซากุระเป็นเด็กผู้ชาย
เขาจะสร้างครอบครัวกับอีกฝ่ายได้จริงๆรึเปล่า? มันคงจะมีอะไรอีกหลายอย่างตามมาแน่ๆและพวกเขาก็ยังเด็กเกินไปในการรับมือกับเรื่องพวกนั้น
เขาควรหยุดแค่นี้หรือไปต่อดี...
ซ่า~
สายน้ำเย็นๆรดล้างลงมาบนฝ่ามือ
เขากวาดเอาเศษซากของความอยากพวกนั้นให้วนหายลงไปในท่อระบายน้ำ
อ้า...ไม่รู้แล้วเว้ย~
ลอง...ต่อเส้นที่มันขาดไปดูก่อนก็แล้วกัน...หยุดความคิดของตัวเอง
มันอาจจะเป็นเพียงความต้องการชั่วครั้งชั่วคราวก็ได้
เขาเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยมานานแล้ว หากชินกับภาพที่มันยั่วเย้าได้เมื่อไหร่
มันก็อาจจะไม่มีอะไรก็ได้...
“เฮ้อ....”
เขาถอนหายใจในขณะที่สองมือยันอ่างล้างหน้าเอาไว้...ไม่ง่ายเลยแหะ
ในเมื่อเขาเริ่มมีใจให้ซากุระไปแล้ว เริ่มชอบเด็กนั่นมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
ร่างสูงใหญ่เดินกลับมายังห้องนอน...เพราะคิดว่าตัวเองใจเย็นลงแล้วเขาจึงมุดเข้าไปนอนบนฟูกเดียวกับซากุระอย่างที่เคยทำมาทุกคืนตั้งแต่อีกฝ่ายมานอนที่นี่
แต่ไม่ใช่เลย!
พอโคนขาไปโดนก้นนิ่มๆของซากุระเข้า
เจ้าอุเมะน้อยมันก็ตื่นขึ้นมาอีก....
“.......” บ้าไปแล้ว ฮาจิเมะคุง!
เฮ้อ....เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะลุกไปห้องน้ำอีกรอบ...
คราวนี้เอาออกอีกสองครั้งไปเลย
ดูซิว่ามันจะแข็งขึ้นมาอีกไหม!
บัดซบ!
แล้วมันก็แข็งขึ้นมาอีกจนได้เมื่อเขากลับมานอนใหม่!
อ๊า
นี่เขากลายเป็นชายชั่วหื่นกามไปแล้วเหรอเนี่ย~!
ต้องโทษวัยที่มันกำลังคึกคะนองของเขาสินะ...วัยรุ่นมันก็แข็งขันแข็งแรงดีแบบนี้สินะ...
หมดหวังแล้ว...เส้นเฟรนด์โซนที่ว่าจะลองต่อดู...แบบนี้มันสิ้นหวังสุดๆ...
คงต้อง...ยอมรับแล้วสินะ...ว่าเขาชอบซากุระ
เขานอนลงข้างๆเจ้าเหมียวรอบที่...เท่าไหร่แล้วเนี่ย?
แต่รอบนี้ยังไม่ทันจะล้มตัวลงมานอนดี
ซากุระก็พลิกกายกลับมาก่อนจะคว้าเอวเขาไปกอด?
หื๋อ?
“อือ...ลุกไปไหนจริงจังเนี่ย...ท้องเสียเหรอ?...” ซากุระถามด้วยเสียงงัวเงีย เขาถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก
“ครับ
ท้องไส้ไม่ค่อยดีเลยครับ”
เลยต้องไปเอาออก(?)ไงครับ...
“กินยายัง?
มียากินไหม? หรือให้ฉันไปซื้อให้ไหม?”
เจ้าแมววัวผงกหัวขึ้นมาก่อนจะลืมตามองแค่ข้างเดียว
“กินแล้ว
เดี๋ยวก็ดีขึ้น นายนอนเถอะ”
เขากอดร่างที่ซุกเข้ามาแบบไม่รู้ตัวก่อนจะตบหลังปุๆ....เดี๋ยวก็ดีขึ้นอะไรล่ะ...เขาจะหลับตาลงได้หรือเปล่าเถอะคืนนี้
อ๊า~เอาไปทิ้งที่ไหนดีนะเจ้ากางเกงร้ายกาจนั่น!
เก็บไว้ไม่ได้ เก็บไว้ไม่ได้แล้ว!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
เกิดเป็นพี่อุเมะคนดีก็ลำบากหน่อยนาคะ
ทะเลาะกับจิตสำนึกตัวเองไม่พอยังต้องไปรบรากับกางเกงนอนของยัยแงวอีก5555 //ถ้าเป็นเขยชั่วบางคนคงจับแดกไปแล้วป่านนี้
กร๊ากกก //คุณกวางผู้เป็น All saku ม๊วฟ
คิดว่าทุกคนคงเห็นกันมาบ้างแล้วแหละเนอะอิกางเกงตัวนี้
น้องซาลูกกกก หนูจะมาใส่กกน.ตัวเดียวนอนแบบนั้นไม่ดั้ยยยย มัมหมีใจบาปมันเย้อออลูก
>/////<
ชานมแทบจะไหลออกปากมากค่ะตอนที่เห็นครั้งแรก อุก...อ.นิอิต้องการอะไรจากกรู๊วววว
>/////<
ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์
ทุกๆหัวใจ และทุกๆการติดตามด้วยนะค้า เจอกันตอนหน้าค่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น