Wind Breaker Au.Fic [UmeSaku] เหล้าบ๊วยกับชานมซากุระ : 03

 Wind Breaker Au.Fic [UmeSaku]  เหล้าบ๊วยกับชานมซากุระ : 03

 

: Wind Breaker Fanfiction Au

: Hajime Umemiya x Haruka Sakura

: Romantic

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

         

 

 

ติ๊งต่อง...

 

เงียบ...แทนที่เสียงออดหน้าห้องจะทำให้คนที่อยู่ข้างในกระตือรือล้นที่จะออกไปเปิดให้ ร่างสูงใหญ่ของอุเมมิยะ ฮาจิเมะกลับยืนนิ่งอยู่ที่เดิม

 

 

ติ๊งต่อง...

 

เสียงออดดังอีกครั้งหลังจากเว้นระยะไปพักนึงเหมือนคนที่กดกำลังคิดไม่ตกอะไรอยู่ และนั่นก็ทำให้ใบหน้าหล่อเหลายกยิ้มที่มุมปาก มือที่กำลังคนแป้งกับเกล็ดขนมปังถึงกับหยุดนิ่งเพราะไม่อยากให้มีเสียงพายกระทบกะละมังดังออกไป

 

อย่างเจ้าเหมียวขี้สงสัยนั่นคงกำลังเงี่ยหูฟังความเป็นไปในห้องอยู่แน่ๆ

 

 

ติ๊งต่อง...

 

ใช่ เขารู้ดีว่าคนที่กำลังกดออดอยู่นั้นคือซากุระ แต่ที่เขาทำเนียนไม่อยู่บ้านและไม่ยอมไปเปิดให้นั้นก็เป็นเพราะว่า...เขาอยากให้ซากุระเป็นคนเปิดมันเข้ามาเอง เปิดประตูห้องนี้ด้วยมือของซากุระเอง

 

 

“ไปไหนของมันเนี่ย? กลับมืดแบบนี้ตลอดเลยหรือไงฟ๊ะ!    

 

ได้ยินเสียงบ่นดังเข้ามาถึงนี่เลยนะเจ้าเหมียว เขาหัวเราะในลำคอพลางส่ายหน้า

 

ผ่านไปอีกพักนึงแหละ...กว่าเจ้าแมวนั่นจะยอมตัดใจและเขาก็ได้ยินเสียงที่ต้องการฟังสักที จะดื้อไปถึงไหนนะซากุระเนี่ย~

 

ติ๊ด  ติ๊ด  ติ๊ด  ติ๊ด  ติ๊ด  ติ๊ด

 

แกร๊ก...

 

มุมปากเขาหยักยิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะกลับไปคนแป้งในกะละมังที่อุ้มไว้ต่อ เท่านี้...มันก็กลายเป็นบ้านอีกหลังของซากุระไปแล้วที่นี่

 

“ห๋า? ก็อยู่บ้านนี่ฟ๊ะ? ทำไมไม่ไปเปิดล่ะ?!     ร่างโปร่งบางกระโดดโหยงเป็นแมวเลยตอนย่องเข้ามาแล้วเห็นว่าเขายืนทำกับข้าวอยู่ตรงนี้

 

“ก็มือฉันไม่ว่างนี่นา นายก็รู้รหัสอยู่แล้ว คราวหลังก็เปิดเข้ามาเลยไม่ต้องกดออดหรอก”    เขาชูตะเกียบยาวกับตะหลิวในมือให้ซากุระดูเพื่อบังหน้า

 

“กลับมาแล้วต้องพูดว่ายังไงซากุระคุง~    เขาแกล้งท้วงให้ใบหน้ามนแดงระเรื่อเล่น

 

“ทะ ทาไดมะ...”

 

“โย้ส โอคาเอริ ซากุระ!     เขายิ้มกว้างให้จนคนเขินถึงกับเสสายตาหลบพัลวัน เขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงชอบท่าทางแบบนั้นของซากุระนัก

 

อีกฝ่าย...ไม่เหมือนกับรุ่นน้องคนไหนๆหรือใครที่เขารู้จัก...

 

เพราะคนอื่นๆเอาแต่คิดจะหวังพึ่งเขาไม่ทางใดก็ทางหนึ่งละมั้ง ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกถึงความรู้สึกแบบนั้นจากซากุระเลยก็ว่าได้ มันเลยทำให้เขารู้สึกกับเด็กคนนี้แตกต่างจากคนอื่น?

 

ก็ขนาดเดือดร้อนแบบนี้ ริมฝีปากสีชมพูนั่นยังไม่เคยออกปากขอร้องให้เขาช่วยก่อนเลยสักครั้ง มีแต่เขานี่แหละที่คอยไปวอแวกับเด็กนั่นจนตัวเองยังแปลกใจ

 

ถึงเขาจะใจดีแต่ก็ไม่เคยตอแยใครแบบนี้หรอกนะ

 

“ชิ”    เขาเหลือบมองคนที่สบถเหมือนแมวดื้อ แต่ก็ยังมาเอี้ยงๆมองๆว่าเขากำลังทำอะไรอยู่  ปลายนิ้วคีบหางกุ้งที่คลุกแป้งจนทั่วตัวก่อนจะหย่อนลงไปในกระทะที่เต็มไปด้วยน้ำมันร้อนๆ

 

เสียงฉ่าดังขึ้นมาพร้อมกับเทมปุระกุ้งที่เหลืองกรอบน่ากินลอยฟูฟ่อง ซากุระมองมันด้วยดวงตาเป็นประกายแถมยังกลืนน้ำลายอึกๆอีกต่างหาก

 

น่ารักมากกกก น่ารักสุดๆ 

 

จริงอยู่ที่รอบตัวเขาเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย ทั้งเด็กผู้ชายเด็กผู้หญิงหน้าตาดีๆอยู่เต็มไปหมด แต่ก็ไม่เคยมีใครที่มีปฏิกิริยาตามธรรมชาติที่จริงใจขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

 

“คิก...”     เขาหัวเราะเบาๆทำเอาเจ้าเหมียวที่กำลังจ้องกุ้งในกระทะถึงกับผงะก่อนจะรีบชักสีหน้าทำเป็นว่าไม่สนใจ

 

เขาอมยิ้มก่อนจะหยิบผักอีกหลายอย่างชุบแป้งแล้วก็หย่อนลงกระทะ ไม่ช้าบรรดาผักทอดเหลืองอร่ามก็เต็มกระชอนที่ใช้กรองน้ำมัน ทั้งกลิ่นและสีของมันทำให้เจ้าเหมียวยืนน้ำลายยืดอย่างน่าเอ็นดูสุดๆ

 

ถึงจะไม่มีคำชมออกมาจากริมฝีปากสีชมพูนั่น แต่ปฏิกิริยาทั้งหมดของซากุระกลับเป็นอะไรที่เขาชอบมากกว่าคำยกยอปอปั้นที่มักจะได้ยินจากคนอื่นๆ

 

เพราะเขาชอบกินข้าวไปด้วยพูดคุยกับทุกคนไปด้วย แต่ซากุระที่มักจะกินอาหารฝีมือเขาอย่างเอร็ดอร่อยนั่นกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่นอยู่ไม่น้อยเลย มันเหมือนกับแค่ได้มองใบหน้าน่ารักที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆแบบนั้นก็สุขใจแบบสุดๆไปแล้ว

 

“ไปล้างมือแล้วก็มาตักข้าวสิซากุระ”

 

“ห๋า~ ใครบอกว่าจะกินด้วย?”    ใบหน้ามนสะบัดไปอีกทางพร้อมกับยกแขนขึ้นมากอดอก เพราะท่าทางหยิ่งๆแบบนั้นหรือเปล่านะ?

 

“แต่ฉันทำเผื่อแล้วนี่นา~ จะให้ทิ้งจริงๆเหรอ...”     เขาแสร้งทำหน้าสลด

 

“อึ้ก....”    เพราะอาการผงะที่แสนจะน่ารักนี่หรือเปล่านะ?

 

“จะ จะกินให้ก็ได้ เห็นว่าทำไว้แล้วหรอกนะ จะให้ทิ้งของกินได้ไง!    หรือเป็นเพราะความปากไม่ตรงกับใจแบบนี้กันแน่?

 

“ดีเลย งั้นก็ไปล้างมือแล้วมาช่วยกันเตรียมจานนะซากุระ”

 

“อะ อื้อ”    หรือเพราะบางครั้งก็ว่าง่าย? 

 

 

อย่างไหนกันแน่ที่ทำให้เขารู้สึกสนใจซากุระมากกว่าใครๆแบบนี้?

 

 

 

 

 

 

เพราะวันนี้เจ้าเหมียวยืนกรานที่จะล้างจานเองให้ได้ เขาจึงเป็นคนอาบน้ำก่อน

 

ร่างสูงใหญ่ที่สวมเสื้อยืดสบายๆกำลังจัดฟูกนอนในขณะที่ร่างโปร่งบางเดินเช็ดผมตัวหอมฟุ้งเข้ามาในห้อง เสื้อของเขาที่ซากุระใส่อยู่นั้นดูจะใหญ่ไปหน่อยจนทั้งไหล่ทั้งแขนเสื้อตกลงมากองที่ข้อศอก คอก็กว้างจนเห็นทั้งไหปลาร้า ความยาวที่ควรจะอยู่แค่ต้นขาก็กลายเป็นว่าอีกไม่เท่าไหร่ก็จะคลุมเข่า...นี่ขนาดตัวเขากับซากุระต่างกันขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย?

 

ใบหน้าใสภายใต้กรอบผมสองสีเหลือบมองเขาและเมื่อเห็นว่าเขาเองก็มองอยู่ เจ้าเหมียวนั่นก็ยู่หน้าให้ พอมาประกอบกับเสื้อตัวใหญ่ๆนั่นก็ยิ่งดูน่าเอ็นดูสุดๆไปเลยแหะ

 

แย่ละ...

 

เวลาที่อีกฝ่ายใส่เสื้อของเขาแบบนี้...มันชวนให้รู้สึกใจเต้นแปลกๆแหะ?

 

ถึงจะไม่เคยมีแฟน แต่เขาก็พอจะรู้ว่าความรู้สึกที่มีให้ซากุระไม่ใช่ความรู้สึกที่มีต่อเพื่อนหรือรุ่นน้องแน่ๆ และยิ่งไม่ใช่แค่คนรู้จักด้วย

 

เขาเอ็นดูอีกฝ่ายไปเสียหมดไม่ว่าซากุระจะทำอะไร  ไม่สิ  ไม่ใช่แค่ความเอ็นดูแต่เขามองว่ามันน่ารัก  ไม่ใช่ความรู้สึก “เอ็นดูเฉยๆ” แต่เขา “ชอบ”.....

 

“......”     มือใหญ่ยกมือขึ้นมาปิดปากทั้งที่ใบหน้ายังนิ่งค้าง...ไม่จริงน่า...หรือว่าเขาจะเผลอคิดอะไรกับซากุระไปแล้ว?

 

เริ่มแรกที่ชอบแหย่ชอบแกล้งเจ้าแมววัวนี่ก็เพราะเห็นว่าน่ารักดีหรอก...เริ่มแรกก็แค่อยากเป็นพี่ชายให้ อยากจะดูแล....แต่ว่า...ตอนนี้......

 

ครืด....

 

แล้วเสียงลากฟูกไปอีกฝั่งของห้องก็ทำให้เขาหลุดออกมาจากห้วงความคิดของตัวเอง อ๊ะ

 

“หัวยังเปียกอยู่เลยนี่? จะนอนแล้วเหรอ?”     เขาทักคนที่นั่งขัดสมาธิหน้ายุ่งอยู่บนฟูกที่ห่างออกไปเป็นวา จะลากไปทำไมก็ไม่รู้เพราะถึงยังไงเขาก็ไปลากกลับมาได้อยู่แล้ว

 

เขาอมยิ้มให้กับความไม่เป็นมิตรของเจ้าแมวจรนั่นก่อนจะลุกไปหยิบไดร์เป่าผมมา แน่นอนว่าเขาใช้แรงไม่มากนักหรอกในการคว้าลำตัวบางๆให้มานั่งอยู่ตรงหน้า

 

เสียงฟู่ๆดังพร้อมกับเส้นผมสองสีที่ปลิวไสว เขาใช้มือของตัวเองสางแทนหวี...ทั้งๆที่ผมนิ่มขนาดนี้เลยนะ นิ่มพอๆกับขนแมวเลยนะเนี่ย ต้องดูแลให้ดีๆหน่อยสิ

 

“อื้อ~ ฉะ ฉันทำเองก็ได้”    มือแมวพยายามเอื้อมมายื้อแย่งไดร์เป่าผมกับเขา ถึงจะต้องหลับตาหนีแรงลมบ้างแต่ก็ไม่ละความพยายามที่จะดื้อเลยจริงๆ

 

เขายังคงเป่าผมให้เจ้าตัวดีอย่างไม่สะทกสะท้าน ดีจริงๆที่เขาตัวใหญ่กว่า สูงกว่า แขนขายาวกว่า น้ำหนักเยอะกว่า แล้วก็แรงเยอะกว่า ไม่งั้นเขาคงเอาเจ้าแมวดื้อนี่ไม่อยู่

 

“เสร็จ~     ราวกับจะมีแสงวิบวับๆเปล่งประกายอยู่บนเส้นผมนุ่มลื่นเงางามขึ้นมาเลย เนี่ย หวีให้มันดีๆขนก็อย่างสวยแล้วเจ้าเหมียวเอ้ย

 

“ฮ้า~ น่ารักจริงๆเลย~ หอมด้วย~     เขาเผลอรวบลำตัวบางมากอดก่อนจะเอาหน้าถูไถด้วยความเอ็นดู ตัวของซากุระมีกลิ่นหอมหวานเฉพาะตัวอย่างที่เขาเคยว่าไว้จริงๆนะ...กลิ่นของชานมซากุระ

 

“ปล่อยนะเฟ้ย!!     นะ ถ้ายอมให้เขากอดแต่โดยดีก็ไม่ใช่ ฮารุกะ ซากุระแล้ว มือแมวกางเล็บแจกยันต์ห้าแถวมาเต็มหน้า ดีที่มือเขาคว้าเอาไว้ทัน

 

และก็เพราะคว้าเอาไว้ทันนั่นแหละ เขาถึงได้เพิ่งเห็นว่าที่ท้องแขนขาวๆนั่นมันมีแผลถลอกเป็นทางยาวอยู่ด้วย...บางจุดยังมีเลือดซิบๆอยู่เลยนี่?

 

มือใหญ่ถึงกับจับหมับมาดูใกล้ๆทันที

 

“ไปทำอะไรมาซากุระ?”      เสียงทุ้มถามออกไป เขาไม่ได้คาดคั้นแบบเอาเป็นเอาตาย แต่ที่ถามก็เพราะห่วงใยมากกว่า

 

“...ต่อยไอ้พวกเห่ยๆที่ไถเงินเด็กม.ต้น...”      ซากุระเสสายตาหลบแต่เขากลับมองใบหน้ามนนั่นด้วยรอยยิ้ม เพราะเขาชอบซากุระที่เป็นเด็กเกเร “แบบนี้” มากกว่าพวกคนดีที่ทำเพียงเดินผ่านไปเฉยๆ

 

“อาบน้ำแล้วทำไมยังไม่ทำแผลอีกล่ะ?”     มือใหญ่เลยดึงแขนนั่นมาก่อนจะทายาให้  แขนก็เล็กแค่นี้ เล็กจนมือของเขายังกำรอบ แต่กลับไม่กลัวที่จะทำตามหัวใจของตัวเองเลยสักนิด เท่ห์จริงๆเลยน้า

 

หรือว่านายปกติไม่ทำแผลงั้นเหรอ?”     เขาเหลือบตามองใบหน้าแดงระเรื่อที่กำลังเขิน มือก็ยังทายาต่อ

 

ผะ แผลแค่นี้เอง เดี๋ยวมันก็หาย”      เจ้าเหมียวทำปากเก่ง มันน่ารักจนเขานึกอยากจะดึงมาฟัดให้ตายกันไปข้าง

 

ไม่ได้นะซากุระคุง~ ถึงตัวนายจะคิดว่าเดี๋ยวก็หาย แต่กับคนที่เค้าเป็นห่วงนาย การต้องเห็นแผลพวกนี้บนตัวนายมันทำให้เค้าปวดใจนะ”     เขาแสร้งส่ายหน้าอย่างเศร้าหมอง

 

คะ ใครมันจะมาห่วงฉัน!”        เจ้าเหมียวผงะก่อนจะเริ่มโวยวาย

 

ฉันไง”      

 

และการที่เขาเปลี่ยนอารมณ์กะทันหันก็ทำให้ใบหน้าที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเป็นลูกมะเขือเทศเลยทีเดียว

 

อะๆๆๆ ยะ อยากทำอะไรก็ทำไปสิ”      ซากุระอ้าปากพะงาบๆหลบหน้าหลบตาพัลวัน เขินจนหน้าแทบจะระเบิดได้แล้วมั้งนั่น เขาจึงอมยิ้มบางๆ

 

เขาพูดจริงๆนะ ถึงจะดีใจที่ซากุระต่อยตีเก่งและพึ่งพาได้ แต่เขาก็ไม่ชอบเห็นอีกฝ่ายเจ็บตัวเลยจริงๆ

 

นี่ กล่องพยาบาลวางอยู่ตรงนี้นะ คราวหลังถ้ามีแผลอีกก็ใช้ซะ ทำเป็นใช่ไหม?”  

 

อะ อื้อ”     ใบหน้ามนตอบรับงึมงำๆแต่ก็มองตำแหน่งของกล่องพยาบาลอย่างจดจำ น่ารักจริงๆ

 

 

 

 

 

 

 

ร่างโปร่งบางเดินล้วงกระเป๋ากางเกงไปตามโถงทางเดินของตึกเรียนที่ดูคึกคักกว่าปกติ? เสียงพูดคุยกันอย่างออกรสมันดังกว่าวันอื่นหรือเปล่านะ?

 

วันนี้...เจ้าพวกนั้นดูครึกครื้นแปลกๆแหะ?

 

ดวงตาสองสีได้แต่เหลือบมองอย่างสงสัย แต่จะเข้าไปถามใครก็คงไม่มีใครยอมบอกเขาหรอก

 

จนกระทั่งได้เดินเข้าไปในห้อง 1-F ของเขานั่นแหละ ถึงได้รู้ว่ามันกำลังจะมีเทศกาลที่คนทั้งโรงเรียนตั้งตารอคอยและให้ความสนใจอย่าง “งานกีฬาสี” มันเขียนตัวเท่าควายอยู่เต็มกระดานดำห้องเขาไปหมด

 

ใครมาเขียนไว้ฟ๊ะ? อย่างไอ้พวกเพื่อนร่วมห้องเขานี่ไม่น่าจะมีใครสนใจนะ? แถมมีระบุไว้อีกว่าห้องของเขาอยู่สีเขียวนะ และให้ส่งตัวแทนไปประชุมวันนี้ตอนเที่ยงครึ่งด้วย? อะไรเนี่ย? สารท้ารบเร๊อะ

 

เขาเดินไปเอาเท้าเกี่ยวเก้าอี้มานั่งอย่างไม่ใส่ใจ บ้าเอ้ย การนอนในห้องเรียนของเขาถูกเจ้าอุเมมิยะรบกวนเสียแล้ว เพราะตอนกลางคืนดันหลับเอาเป็นเอาตายหลับสบายจนกลางวันไม่ง่วงเลยแล้วเขาจะทำไงเนี่ย? ใบหน้ามนนั่งตาค้างมองครูสอนต่อไป สิ่งที่ไม่เคยเข้าหัวก่อนหน้านี้จึงรู้เรื่องไปโดยปริยายซะงั้น เฮ้อ...

 

 

ครืด!!!

 

 

มือบางเลื่อนประตูห้องประชุมให้เปิดออกโดยไม่ได้สนใจจะเคาะก่อนหรือมารยาทใดๆ ทำให้คนที่นั่งกันอยู่เต็มห้องถึงกับหันมามองด้วยสายตาหวาดผวา อะไรฟ๊ะ? ก็บอกให้มาประชุมก็มาแล้วไง มีปัญหาเร๊อะ?

 

เขาเดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่ว่างอย่างไม่ได้ใส่ใจ เพื่อนของเขาที่ตามมาเป็นขบวนทำให้ห้องทั้งห้องตกอยู่ในความประหวั่นพรั่นพรึง ไม่มีใครกล้าแม้แต่จะขยับตัวเลยทีเดียว

 

อันที่จริงชื่อซากุระ ฮารุกะนั้นโด่งดังพอๆกับประธานนักเรียนผู้เป็นที่รักของใครๆเลย  ทุกคนในโรงเรียนรู้จักเขา  ถึงจะเป็นในทางตรงกันข้ามกับเจ้าอุเมมิยะก็เถอะ

 

“อ่ะ เอ่อ...ไหนๆห้อง 1-F ก็มาแล้ว...งั้น...เรามอบหมายกีฬาที่จะต้องลงแข่งให้เลยก็แล้วกัน”     ผู้หญิงสวมแว่นที่ยืนอยู่หน้าห้องน่าจะทำหน้าที่เป็นเลขาหรือไม่ก็รองประธานสีเขียวอะไรสักอย่างพูดออกมา เท่าที่เขากวาดตาดู ดูเหมือนแต่ละสีก็จะมีนักเรียนทุกชั้นปี ปีละห้องหรือสองห้องนี่แหละมั้ง

 

แล้วบนกระดานไวท์บอร์ดนั่นก็มีเขียนชื่อประเภทกีฬา รวมไปถึงจำนวนคนที่ให้แต่ละห้องต้องส่งมาร่วมกันเล่นด้วย นั่นคือกีฬาแต่ละประเภทก็จะมีทั้งรุ่นพี่ปี2 ปี3 ร่วมลงเล่นกับน้องปี1ด้วย

 

ยกเว้นเปตอง?...ที่ถูกเขียนไว้เพียงชื่อเดียวนั่นก็คือห้อง 1-F ของเขา แน่นอนว่าไม่มีคำว่า 1-F ไปปรากฎที่ไหนบนกระดานอีก...

 

“เฮอะ”     เขาเค่นหัวเราะออกไป แม้แต่ในสีเดียวกันยังไม่มีใครอยากร่วมแข่งกับพวกเขาเลย ก็เลยเอากีฬาอะไรสักอย่างที่ไม่มีใครเล่นยัดมาให้ห้องเขาลงแข่งไปงั้นสินะ?

 

แล้วเขายังต้องอยู่ประชุมต่ออีกไหมเนี่ย?

 

“เอ่อ...ห้อง 1-F...ยังไงก็ฝากหาคนลงแข่งเปตองด้วยนะ”     เขามองสวนไปด้วยสายตารำคาญทำให้ผู้หญิงคนนั้นถึงกับสะดุ้ง

 

“เออ”     เสียงห้าวตอบไปก่อนจะตัดสินใจลุกจากห้อง คงไม่มีอะไรต้องฟังต่อแล้วมั้ง

 

ครืด...

 

ตุ้บ

 

สมุดเล่มบางฟาดลงมาเบาๆบนหัวเขาทันทีที่มือเปิดประตู ยังไม่ทันจะได้ก้าวออกไปก็มีกำแพงสูงใหญ่มายืนขวางเอาไว้เสียก่อน...คนที่ตัวสูงขนาดนี้ในโรงเรียนเขาก็มีไม่เยอะนักหรอกนะ ยิ่งแผ่นอกที่เห็นมาหลายต่อหลายครั้งตอนตื่นนอนเขาก็ยิ่งจำได้แม่นโดยไม่ต้องเงยหน้ามองว่าเจ้าหมอนี่เป็นใคร...

 

“อุเมมิยะ”    เขาเรียกชื่ออีกฝ่ายงึมงำ

 

“เออ อะไรกันล่ะ? เห็นแบบนั้นแต่นานาเสะซังก็เป็นรุ่นพี่นายนะ ต้องพูดยังไงซากุระ?”    ใบหน้ายิ้มแย้มก้มลงมามองเขา

 

“ระ รู้แล้วน่า...”     เขาจึงเผลอตอบรับไปถึงจะสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายที่เป็นประธานนักเรียนถึงมาอยู่ที่นี่...การประชุมของสีเขียวซึ่งเป็นเพียงสีหนึ่งในการแข่งขันกีฬาในครั้งนี้

 

“เอ้า ถ้ารู้แล้วก็เข้าไปนั่งฟังต่อสิ ยังประชุมกันไม่เสร็จเลยไม่ใช่เหรอ?”    ไม่ว่าเปล่า มือใหญ่ยังจับลงมาที่ไหล่ของเขาก่อนจะดันให้กลับไปนั่งลงที่เก้าอี้อีกรอบ

 

“แล้วแผนนี่มันอะไรกันเนี่ย~ ใส่ห้อง 1-F ลงไปด้วยสิ แบบนี้ๆๆ”     แล้วเจ้าอุเมมิยะก็ลบๆๆกระดานไวท์บอร์ดแล้วเขียนใหม่เองเฉย เล่นเอาคนทั้งห้องหงายเงิบไปตามๆกัน เมื่อไหร่เจ้าหมอนี่มันจะเลิกทำอะไรตามใจตัวเองสักทีนะ?

 

“ตะ แต่ประธานคะ...”    ขนาดพี่สาวแว่นจะคัดค้านมือใหญ่ยังยกขึ้นมาห้ามแถมยังเขียนห้อง 1-F กระจายเต็มกระดานอีกต่างหาก เรียกว่ามีส่วนร่วมมันทุกประเภทกีฬาเลยทีเดียว

 

“เจ้าพวกนั้นน่ะแรงเยอะนะ ถ้าเป็นเรื่องกีฬาละก็ต้องช่วยได้เยอะแน่ๆ เอ้า ตามนี้ ซากุระ จดไปด้วยล่ะ แล้วก็ใส่ชื่อสมาชิกในห้องนายที่จะแข่งกีฬาแต่ละประเภทมาส่งที่นานาเสะด้วยล่ะ”    อุเมมิยะว่าเองเออเองเสร็จสรรพจนไม่ว่าใครก็ค้านไม่ทันค้านไม่ออก

 

“.......”      เขากับเพื่อนๆในห้องได้แต่มองตาปริบๆ

 

“เข้าใจไหม?”     ร่างสูงใหญ่ยังหันมาถามด้วยรอยยิ้ม และมันก็ทำให้สองแก้มของเขาร้อนผ่าว ก็นี่เป็นครั้งแรก...ที่ไม่ถูกกีดกันออกไป เป็นครั้งแรกที่จะได้มีส่วนร่วมกับงานเทศกาลของโรงเรียน...

 

ที่ผ่านมา...พวกเขาก็ไม่ได้อยากจะอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่มีใครเอาหรอก...แต่เพราะไม่เคยมีใครกวักมือเรียกพวกเขาเลยต่างหาก

 

“ระ รู้แล้วเฟ้ย”     เขาเสสายตาหนีอย่างเขินๆ ปฏิกิริยาที่จะว่าเชื่องก็ไม่ใช่ จะว่าดื้อก็ไม่เชิงที่เขามีต่ออุเมมิยะล้วนทำให้คนทั้งห้องรู้สึกแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดีกว่าสายตาที่มองมาอย่างหวาดกลัวมาก

 

“แล้วก็ถ้ามีงานที่ต้องช่วยกันเตรียมสนามอะไรพวกนี้ ก็เรียกเจ้าพวกนี้มาช่วยได้เลยนะ”    อุเมมิยะหันไปบอกกับพี่สาวแว่น

 

“ค่ะ...”

 

ก่อนที่ประธานนักเรียนผู้สมบูรณ์แบบจะเดินมานั่งลงข้างๆเขา เรียกสายตาสงสัยใคร่รู้ให้แอบเหลือบมองมามากขึ้นไปอีก

 

“ทำไมถึงเข้ามาจัดการอะไรเองแบบนี้ฟ๊ะ ดูเจ้าพวกนั้นสิ มันกลัวพวกฉันอย่างเห็นได้ชัดเลยไม่ใช่หรือไง...”    เขากระทุ้งสีข้างคนที่หัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่ข้างๆ

 

“ถ้าไม่อยากให้คนอื่นกลัว นายก็ต้องเข้าหาพวกเขาสิ คนอื่นๆก็แค่ไม่เข้าใจ ไม่รู้ ว่าแท้ที่จริงแล้วพวกนายเป็นคนยังไงกันแน่ใช่ไหมล่ะ? นายเองก็ยังกลัวผีทั้งที่เห็นแค่รูปลักษณ์ของมันเลยใช่ไหม?”    อุเมมิยะเอียงหัวมาพูดกับเขาให้ได้ยินกันแค่สองคน หัวสีขาวนั่นแทบจะซบไหล่เขาได้แล้ว

 

“.....ไม่ได้กลัวเฟ้ย”    มือบางจึงยันมันออกไปอย่างรำคาญ โดยไม่รู้เลยว่านั่นทำให้สาวน้อยสาวใหญ่อิจฉาขนาดไหน

 

“แล้วอีกอย่างนะ ฉันก็อยู่สีเขียวด้วย ห้อง 3 – A น่ะ”    อุเมมิยะหันมาเฉลยความจริงที่ว่าพวกเราอยู่สีเดียวกัน ถึงจะเป็นประธานนักเรียนแต่ก็เป็นเด็กห้อง 3 – A ด้วย

 

“อึ้ก! ห๊ะ?....”     เขาหันไปมองอย่างอึ้งๆ นี่แกไม่ได้เล่นตุกติกอะไรใช่ป่ะ? ทำไมมันบังเอิญแบบนี้?! จับฉลากห้องแน่ใช่ไหม?

 

“เพราะงั้นงานกีฬาสีครั้งนี้ก็ฝากตัวด้วยนะ ซากุระ”    

 

แล้วใบหน้าหล่อๆนั่นก็ขยับมากระซิบที่ใบหูทำเอาเหล่าสาวน้อยที่แอบมองอยู่ต่างอิจฉาตาร้อนจนมือหงิกมืองอไปตามๆกัน ฝากตัวบ้าอะไรกันเล่า!

 

 

 

 

 

 

 

ติ๊ดๆๆๆๆ แกร่ก...

 

ประตูหน้าห้องเปิดออกหลังจากมือใหญ่กดรหัสทั้งหมดลงไป สายตาแลเห็นรองเท้าที่ไม่ใช่ของเขาวางอย่างเรียบร้อยอยู่บนพื้นโถงทางเข้า...ซากุระกลับมาแล้วสินะ

 

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีขาวอมยิ้มอย่างพึงพอใจ ก่อนจะต้องอมยิ้มมากกว่าเดิมเมื่อเข้ามาในห้องนั่งเล่นแล้วเห็นซากุระกำลังนั่งทำแผลเมื่อวานนี้อยู่

 

น่ารักจัง~ ทำตามที่บอกด้วย  เหมือนได้ฝึกแมวดื้อๆสักตัวเลยแหะ

 

“ทาไดมะ ซากุระ”    เสียงทุ้มเอ่ยทักทำให้คนที่รู้ตัวนานแล้วว่าเขากลับมาแต่ยังทำหน้าซึนๆอยู่ยอมเอ่ยออกมาอ้อมแอ้มๆ

 

“โอ โอคาเอริ...”     แก้มนั่นมันทำมาจากมะเขือเทศหรือไงนะ? ทำไมมันแดงได้ขนาดนั้นกัน? เขาเดินเข้าไปมองอย่างสงสัยในขณะที่ทิ้งข้าวของที่ถือมาไว้ตามทาง

 

ตุ้บ...

 

“อ้า~ เหนื่อยจัง~ ปวดหลังไปหมดเลยด้วยเนี่ย~ ขอเอนแป๊บนึงนะ~

 

“ห๋า?! จะนอนก็ไปนอนตรงนู้นสิเฟ้ย จะมาหนุน...หนุน...อ๊า!!      ฮ่าๆๆๆ เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี มือแมวกางเล็บพร้อมกับตะปบหัวเขาก่อนจะพยายามดันออกไปจากตักตัวเอง

 

“ก็ไม่มีหมอนนี่นา ยืมตักนายหน่อย แป๊บเดียว”    เขาทั้งแรงเยอะกว่าและขี้ตื้อมากกว่า เพราะงั้นการตะครุบเจ้าแมวน้อยที่พยายามดิ้นหนีจึงไม่ใช่เรื่องยากอะไร

 

ไม่นานคนที่หอบแฮ่กจากการต่อต้านก็เลิกพยายามไปเอง หัวสีขาวจึงยังหนุนอยู่บนตักอุ่นๆนิ่มๆนั่นได้ ก็รู้ทั้งรู้นะว่าสู้เขาไม่ได้แต่ก็ขอให้ได้ดื้อก่อนซักหน่อยก็ยังดี ซากุระที่เหมือนแมวแบบนี้เขายิ่งชอบเข้าไปใหญ่เลยแหะ

 

เขาเคยคิดนะว่า...ตัวเองก็คงจะชอบผู้หญิงที่อ่อนโยนอ่อนหวานตามปกติ...นั่นคือก่อนที่จะได้มาเจอกับซากุระ

 

เจ้าเหมียวนี่...มันออกจะตรงกันข้ามเลยไม่ใช่หรือไง?

 

ยิ่งอยู่ใกล้นานเท่าไหร่ ก็ยิ่งรู้ตัวว่ายิ่งชอบ...คนที่น่ารักแบบซากุระ

 

“อื้อ~ ขอกอดหน่อย~     เขาพลิกตัวนอนตะแคงหันหน้าเข้าหาพุงแมว ก่อนที่สองแขนจะกอดเอวบางๆแต่แข็งแรงนั่นเอาไว้

 

“ทะๆๆทำอะไรของแกเนี่ย?!     เจ้าของตักนิ่มเลิ่กลั่กลนลานหน้าแดงเป็นดอกไม้ไฟไปหมดแล้ว แต่เขาก็ยังซุกหน้าเอาไว้กับหน้าท้องแบนเรียบนั่นต่อไป

 

ฮ้า...ที่ตรงนี้มันดีจริงๆเลยแหะ เขาไม่เคยรู้สึกผ่อนคลายขนาดนี้มาก่อนเลย ความเหนื่อยล้าจากความคาดหวังที่แบกรับมาตลอดดูเหมือนจะปล่อยวางลงได้บ้าง เขาก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องเป็นซากุระ แต่ก็มีแค่ซากุระที่ทำให้เขารู้สึกแบบนี้ได้

 

ฟื้ด~

 

กลิ่นหอมเหมือนชานมซากุระนี่ก็ทำให้เขาสบายใจสุดๆ จนอยากจะอยู่แบบนี้ไปนานๆเลย

 

“ทำแผลเสร็จแล้วเหรอ?”     เสียงทุ้มที่ฟังดูผ่อนคลายถามออกมาจากหน้าตัก

 

“อื้อ”    คนที่นั่งก้มหน้ามองเลิ่กลั่กๆตอบงึมงำ

 

“นาย...ไม่กลัวหรือไง? ปกติแล้ว...เวลาที่บอกใครว่าไปทะเลาะวิวาทมาก็มีแต่คนไม่อยากจะเข้าใกล้นะ...”     ซากุระถามด้วยน้ำเสียงอึกๆอักๆ

 

“ไม่กลัวหรอก”     เขาจึงตอบกลับไปทั้งที่ยังไม่ละใบหน้าจากหน้าท้องของอีกฝ่าย...ถ้าเป็นนาย ฉันไม่กลัวเลยแม้แต่นิดเดียว

 

เพราะถึงซากุระจะชอบใช้กำลัง แต่มันก็มีเหตุผลที่ยอมรับได้รองรับอยู่

 

“ซากุระ”

 

“หื๋อ?”

 

“...ฉันน่ะ ชอบที่จะได้เห็นรอยยิ้มของผู้คนรอบๆตัว และทางเดียวที่จะเป็นแบบนั้นได้คือฉันต้องปกป้องดูแลพวกเขา เป็นทั้งเพื่อน พี่ชายและผู้นำให้ใครต่อใคร ถึงฉันจะยินดีทำมัน...แต่ฉันก็คิดนะ...ถ้าวันหนึ่ง...มีคนที่ปกป้องฉันได้มาอยู่ข้างๆมันจะดีขนาดไหนกันนะ”    เขาพูดความรู้สึกในใจออกไปพลางกอดเอวบางไว้หลวมๆ เขาเอง...ก็ต้องการใครสักคนคอยอยู่ข้างๆ คอยปลอบโยนเหมือนกัน

 

“.........”

 

“ดูแลฉันทีได้ไหมซากุระ?”     เขาพลิกตัวกลับมานอนหงายทำให้สายตาสบประสานกับคนที่ก้มมองลงมา ใบหน้าของซากุระแดงแปร๊ดทันที

 

“....อะ อื้อ แน่นอนสิ ฉันน่ะแข็งแกร่งกว่านายนะ ถ้ามีใครมาหาเรื่องละก็ บอกฉันมาได้เลย...นั่นไง ตอบแทนที่ให้ที่นอนตอนกำลังซ่อมบ้าน...”     เจ้าเหมียวซึนเดเระตอบตะกุกตะกักพลางเสสายตาหนี

 

“คึ ฮ่าๆๆๆ”    น่ารักสุดๆเลยแหะ

 

“คิดว่าพูดเล่นรึไงฟ๊ะ?”    นะ พอได้ยินเสียงหัวเราะจากเขาเจ้าแมววัวก็หันกลับมาหยุมหัวเขาต่อ

 

“เปล่าๆ แต่ดีใจน่ะ นายนี่พึ่งพาได้จังเลยน้า วางใจได้เลยแบบนี้~    เขาคว้ามือแมวมาจับเอาไว้ ใบหน้าเชิดหยิ่งนั่นจึงสะบัดขึ้น

 

“แหงสิ เหอะ!

 

“แล้ว ตกลงว่านายลงแข่งอะไรเหรอ งานกีฬาสีน่ะ?”     เขาหาเรื่องนอนหนุนตักนิ่มๆนี่ต่อด้วยการชวนคุยเรื่องงานกีฬาสี

 

“.....บาสเกตบอล...”     ใบหน้ามนตอบอ้อมแอ้ม โอ้ แสดงว่าหลังจากเลิกประชุมสี เจ้าพวกห้อง 1-F ก็ยังกลับไปคุยกันต่อมาเรียบร้อยแล้วสินะ ก็ดูให้ความร่วมมือ ดูสนใจดีนี่นา

 

“เห๋~ ซากุระเล่นบาสเนี่ยนะ? นึกไม่ออกเลยแหะ แต่นายเปรียวแบบนี้แถมกระโดดสูง อาจจะเหมาะก็ได้นะ”

 

“กะ ก็ไอ้พวกบ้านั่นมันเขียนชื่อฉันลงไปเฉยเลยน่ะสิ ก็เลย...ต้องเล่น...”     แต่ก็ดีใจใช่ไหมล่ะที่มีเพื่อนๆอยากจะเล่นด้วยกันน่ะ เพราะบาสคือกีฬาที่ต้องเล่นเป็นทีมนี่ มองหน้าแดงๆนั่นเขาก็พอจะรู้แล้ว

 

“แล้ว ซ้อมไปถึงไหนแล้ว? มีหวังว่าจะชนะไหม?”     ซากุระอึกๆอักๆก่อนจะตอบมาด้วยท่าทางซึนๆ

 

“ต้องชนะสิฟ๊ะ!    เห๋~~ เจ้าแมววัวนี่เล่นบาสเป็นอยู่ใช่ไหมนะ? จริงอยู่ที่ตอนม.ต้นก็มีคาบพละที่สอน แต่เจ้าเด็กตัวคนเดียวนี่เคยได้เล่นบาสกับคนอื่นบ้างหรือเปล่า? ชักจะเป็นห่วงซะแล้วสิ

 

“อืม...แป๊บนะ”     ร่างสูงใหญ่จึงจำใจลุกจากตักนิ่มเพื่อเดินไปเปิดตู้เก็บของ

 

เขารื้อค้นหาอะไรบางอย่างอยู่พักใหญ่เพราะเป็นของที่ได้มาแต่ไม่เคยได้ใช้นั่นแหละ...เก็บไว้ไหนน้า...

 

“อ่ะ เจอแล้ว”     มือใหญ่ล้วงเอาลูกบอลสีส้มลูกหนึ่งออกมา มันคือลูกบาสนั่นเอง

 

“ไปซ้อมกันไหม?”     เขาหันไปมองซากุระด้วยดวงตาเป็นประกาย ในขณะที่อีกฝ่ายผงะไปเล็กน้อย

 

“ตอนนี้เนี่ยนะ?”

 

“อื้อ ตอนนี้แหละ รอแป๊บนะ ฉันเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน”     เขาโยนลูกบาสไปให้ซากุระที่กอดมันไว้พลางหน้าแดง ดีใจอยู่สินะ?

 

 

 

 

 

 

 

ร่างที่สวมเสื้อยืดกับกางเกงวอล์มง่ายๆพากันเดินไปที่สวนสาธารณะแถวบ้าน ที่นั่นมีแป้นบาสเดี่ยวๆอยู่  แล้วก็เพราะมาเสียมืดค่ำในสวนจึงไม่มีใครอยู่แล้ว

 

ปึ้ก!

 

เขาส่งลูกบาสให้เจ้าแมววัวที่มีท่าทางเก้ๆกังๆ ดูไม่ค่อยถนัดกับการจับลูกเลี้ยงลูกเท่าไหร่ ดูเหมือนซากุระแทบจะไม่ได้เล่นกีฬาเลยไหมเนี่ย?

 

“เรามาแข่งกันชู้ตลูกลงห่วงนั่นซักยกก็แล้วกัน ใครแพ้ต้องเลี้ยงน้ำนะ”      เขายกยิ้มท้าทาย จริงๆการเลี้ยงน้ำก็ไม่ใช่อะไรที่ยอมไม่ได้เสียขนาดนั้น แต่เจ้าเหมียวที่ไม่ชอบความพ่ายแพ้ก็แสยะยิ้มรับคำท้าทันที

 

“เฮอะ!     มือบางลองเลี้ยงดู แต่ก็ถูกเขาฉกได้ก่อนจะหมุนตัวกลับไปชู้ตลงห่วงอย่างง่ายดาย

 

ปึ้ง!

 

“ห๊า? ไม่ได้แข่งกันชู้ตลูกเฉยๆเร๊อะ?”     เจ้าเหมียวยังยืนงง

 

“แบบนั้นก็ไม่เรียกว่าแข่งบาสสิ ฉันมีสิทธิ์ที่จะแย่งลูกมาจากนายและป้องกันไม่ให้นายชู้ตด้วย”    เขายกยิ้มให้

 

“ห๊า!!! จะเอางั้นใช่ไหม? จะเอางั้นสินะ...ได้....”     ใบหน้ามนดูมีความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะเขาให้ได้ แต่เด็กอนุบาลที่เพิ่งหัดเล่นกับคนที่แทบจะเทิร์นโปรได้มันต่างกันขนาดไหนล่ะ?

 

กึ้ง

 

“เอ้า....”     ก็ต่างขนาดที่ผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที ขวดชาเขียวที่เพิ่งกดมาจากตู้ก็ถูกยื่นมาให้เขาด้วยมือของซากุระยังไงล่ะ

 

ฮ่าๆๆๆ แพ้แบบหมดรูปเลยละ เจ้าเหมียวนั่น

 

เขาอมยิ้มมองใบหน้าบูดบึ้งอย่างเจ็บใจของซากุระ  เอาน่า จะแพ้เขาก็ไม่แปลกหรอกเพราะถ้าเขาไม่ได้เป็นประธานนักเรียน ป่านนี้ก็คงจะเป็นกัปตันชมรมบาสหรือไม่ก็ชมรมกีฬาอื่นๆไปแล้ว

 

“ที่จริงทั้งพละกำลังและความคล่องตัวของนายมันก็ใช้ได้แล้วนะ ที่ต้องฝึกก็แค่ทักษะการเลี้ยงลูก การรับส่ง การชู้ต แล้วก็การหลบหนีจากการป้องกันเท่านั้น”     มือใหญ่บิดปิดฝาขวดชาเขียวที่เพิ่งดื่มไปก่อนจะใช้สองแขนยันพื้นเอนตัวไปด้านหลังด้วยท่าทางสบายๆ

 

“.....”     ดวงตาสองสีเหล่มองเขาด้วยท่าทางเหมือนกำลังจดจำคำพูดและคำแนะนำ ซากุระไม่ใช่คนที่จะดื้อด้านอย่างไม่ฟังใคร หากเป็นคำแนะนำที่ดีเด็กนี่ก็ยอมฟัง

 

และนั่นก็ทำให้เขามักจะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาอ่อนโยน...

 

“พวกการเลี้ยงลูกกับการชู้ตก็พอจะฝึกคนเดียวได้ แต่การรับส่งกับการป้องกัน...เอาอย่างงี้ไหม ทุกๆเย็นเรามาฝึกด้วยกัน เดี๋ยวฉันช่วยนายเอง”     เขาเสนอด้วยรอยยิ้ม คิ้วสองสีจึงขมวดเข้าหากันก่อนจะเหล่มองเขา คงจะไม่อยากขอร้องเขานั่นแหละน้า เจ้าเหมียวจอมหยิ่งนี่

 

“ฉันสอนให้เอาไหม? วิธีที่จะเอาชนะฉันได้น่ะ”    เขาจึงเปลี่ยนคำพูดนิดหน่อย

 

“ละ แล้วมันต้องทำยังไง...”     ใบหน้ามนจึงตอบรับราวกับแมวขี้ระแวง

 

ปึ้ก

 

มือใหญ่จึงส่งลูกบาสให้

 

“เดี๋ยวพี่ชายจะสอนให้ตั้งแต่เริ่มคลานเลยก็แล้วกัน!    

 

แล้วก็เป็นแบบนั้นจริงๆ จากที่ลองแข่งกันในรอบแรกทำให้เขาพอจะรู้แล้วว่าซากุระมีพื้นฐานอยู่แค่ไหน เรียกว่าไม่มีเลยจะดีกว่า เพราะงั้นเขาจึงค่อยๆสอนให้...ตั้งแต่การรับส่งลูกให้ถูกวิธี การเลี้ยงลูกอย่างถูกกติกา การชู้ตยังไงให้ลงห่วง

 

อันที่จริงซากุระหัวไวทีเดียว หูตาก็ไว เรียนรู้ก็ไว จากที่เคยเลี้ยงลูกเงอะๆงะๆในตอนแรกก็เริ่มจะเข้ามือมากขึ้นเรื่อยๆ

 

ลำตัวปราดเปรียวพยายามเอียวหลบเขาที่กางแขนขวาง ดวงตาว่องไวสอดส่องมองหาช่องที่จะเลี้ยงลูกให้เข้าใกล้แป้นบาสมากที่สุด และเพราะแบบนั้นแผ่นหลังบางจึงปะทะเข้ากับแผ่นอกของเขาอย่างไม่ตั้งใจ ได้กลิ่นกายซึ่งถึงจะชุ่มเหงื่อแต่ก็ยังหอมโชยออกมา หลายครั้งเขาก็จงใจที่จะขยับเข้าใกล้จนแทบจะแนบชิดทั้งๆที่ไม่จำเป็นต้องทำถึงขนาดนั้นก็ได้

 

กำลัง...ใช้หน้าที่การงานในทางมิชอบอยู่นั่นแหละ เขาน่ะ...

 

และก็เพราะเขาตัวสูงกว่ามาก มีทักษะกว่ามากทำให้ในจังหวะที่ซากุระกำลังจะกระโดดขึ้นชู้ตและคิดว่าจะรอดพ้นจากการป้องกันของเขาไปได้...

 

“อ๊ะ?!     มือใหญ่ก็เอื้อมไปบังลูกบาสที่กำลังจะปล่อยจากมือบาง

 

ปึ้ก!

 

เขาตวัดมันลงมาก่อนจะคว้าแย่งไปได้ เขาเคาะลูกลงพื้นก่อนจะกระโดดเล็งไปที่แป้นบาสใหม่

 

“ไม่ให้ชู้ตได้หรอกเฟ้ย!    เจ้าเหมียวที่เจ็บใจจากการถูกแย่งลูกไปจึงกอดหมับมาที่เอวเขาไม่ยอมให้เขาโดดซะอย่างงั้น?!

 

“เดี๋ยว!    ลูกบาสที่หลุดจากมือจึงพุ่งเข้าพุ่มไม้แทนแป้นบาส พร้อมกับใบหน้าคนก่อกวนที่แสยะยิ้มมาให้ทั้งที่ยังกอดเอวเขาไม่ปล่อย...ตัวแสบเอ้ย...

 

“ไม่ได้สิซากุระคุง~ แบบนี้มันฟาวล์นะ”     แขนแข็งแรงจึงกอดรัดเจ้าคนที่กอดอยู่ที่เอวก่อนจะเหวี่ยงไปมาอย่างนึกหมั่นเขี้ยว

 

“ก็แกตัวสูงกว่า โดดก็สูงกว่า แบบนี้มันขี้โกงนี่!     เขาสูงกว่าแล้วมันโกงยังไงเนี่ย ฮ่าๆๆ

 

แล้วหลังจากนั้น...พอถูกเขาแย่งบอลไป เจ้าแมวตัวร้ายก็จะคอยกอดแขนเขาบ้างละ กอดขาเขาบ้างละ คอยฉุดคอยรั้ง คอยกอดเอวเขาไว้ เพราะกระโดดดีเฟนด์เขาไม่ไหวจึงต้องใช้วิธีแมวๆแบบนั้นมาก่อกวนเขาสินะ อ้า~ น่ารักจริงๆเลย

 

“ฮ่าๆๆ”    ซากุระมักจะหัวเราะชอบใจตอนที่เห็นเขาไม่สามารถจะชู้ตได้เพราะการเข้ามาพันแข้งพันขาของตัวเอง

 

“นายอย่าขี้โกงสิ”    ถึงเขาจะบ่นไปแบบนั้น แต่ใบหน้ามนที่ยิ้มกว้างทั้งที่มีเหงื่อเกาะพราวนั่นก็ทำให้เขาเผลอยิ้มตาม

 

การฝึกซ้อมดำเนินต่อไปแต่ทำไมมันดูเหมือนเป็นการเล่นกับแฟนเสียมากกว่า? ทั้งเสียงหัวเราะและการหยอกเย้าระหว่างเรา...มันไม่เหมือนการฝึกซ้อมหรือการแข่งขันเลยสักนิด...

 

ช่วงเวลาที่เขาคอยป้องกันไม่ให้ซากุระเลี้ยงลูกได้นั้น เขาได้สัมผัสร่างกายบางๆ ได้ถูกเนื้อต้องตัว ได้กลิ่นเหงื่อหอมๆ ได้โอบกอด...

 

 

จนเขาไม่รู้แล้วว่าที่หัวใจเต้นแรงอยู่ในตอนนี้...เป็นเพราะการได้ออกกำลังกายหรือเพราะซากุระกันแน่?

 

 

“ตาสุดท้ายแล้วนะ พอก่อนแล้วกันคืนนี้ ดึกแล้ว”     เขาตะโกนบอกซากุระในขณะโยนบอลไปให้  ร่างโปร่งบางนั่นหอบแฮ่กหน้าแดงไปหมด

 

เจ้าแมววัวเคาะลูกลงพื้นเผชิญหน้าจ้องตาอยู่กับเขาอย่างไม่กลัวเกรง เขากางแขนออกเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายผ่านไปได้

 

จู่ๆซากุระก็แสยะยิ้มแล้วพุ่งเข้ามายังช่องที่เขาจงใจเปิดไว้ให้ แต่ก่อนที่ลำตัวเพรียวจะลอดผ่านไป

 

หมับ

 

มือใหญ่กลับล็อคลำคอของซากุระเอาไว้ก่อนจะดึงรั้งร่างทั้งร่างเข้ามาใกล้

 

ใกล้...จนแทบจะกอดเอาไว้...

 

ตุ้บ...

 

ลูกบาสร่วงลงพื้นก่อนจะกลิ้งไปไกล...

 

ใบหน้าที่ยังดูงุนงงเกยอยู่บนไหล่ของเขา เสียงทุ้มจึงกระซิบแผ่วเบาเข้าที่ใบหูแดง

 

“ซากุระ...เวลาแข่งกับคนอื่นน่ะ อย่าให้ใครแตะเนื้อต้องตัวได้แบบนี้นะ”    ปลายนิ้วร้อนๆแตะลงไปยังผิวอ่อนนุ่มบนหลังคออย่างจงใจก่อนจะพูดต่อไป

 

“พื้นที่นี้น่ะ เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น”

 

ใบหูที่แดงอยู่แล้วยิ่งแดงเข้าไปใหญ่ มือบางผลักอกเขาออกมาก่อนจะทำหน้าเลิ่กลั่กๆ

 

“คะ ใครมันจะกล้ามาจับฉันฟ๊ะ มีแต่ไอ้บ้าแบบแกนี่แหละ!    

 

เขาถึงกับหัวเราะเสียงดัง ก็จริง เจ้าแมวนี่คงขู่ฟ่อขนฟูหูตั้งหางชี้จนใครก็ไม่กล้าเข้าใกล้แน่ๆ

 

แต่ก็นั่นแหละ...แค่คิดว่าจะมีใครได้จับได้กอดซากุระแบบนี้...เขาก็รู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา...

 

อ้า เป็นพี่ชายที่ใช้ไม่ได้เลยน้า~

 

 

 

 

 

 

ร่างสูงใหญ่เดินเช็ดหัวออกมาจากห้องน้ำ เขาเปิดประตูห้องนอนอย่างตั้งใจจะเข้าไปหยิบไดร์เป่าผม ทว่า สองขาก็ถึงกับชะงักเมื่อสายตาเหลือบไปเห็นซากุระที่นอนเล่นอ่านหนังสือการ์ตูนของเขาอยู่บนฟูก

 

จะไม่ให้สตั๊นได้ไง ก็กางเกงที่เจ้าเหมียวใส่อยู่น่ะมัน!

 

“เอ่อ...ซากุระคุง...กางเกงนั่นมันอะไรน่ะ....”     ดวงตาสีฟ้าอมเทาจ้องมองกางเกงขาสั้นที่สั๊นนนสั้นแถมยังรัดรูปสีดำที่อีกฝ่ายใส่อยู่ นี่มันกางเกงใน? หรือว่าบ็อกเซอร์? หรืออะไร?

 

“ห๋า? ก็กางเกงนอนไง?”     แต่ใบหน้ามนกลับหันมาตอบอย่างไม่สะทกสะท้าน น้ำเสียงติดจะรำคาญด้วยซ้ำที่เขาถามอะไรไร้สาระ...ก็นั่นแหละ...เพราะซากุระเป็นเด็กผู้ชายนั่นแหละ เลยไม่ใส่ใจกับการแก้ผ้าอยู่กับผู้ชายด้วยกัน...

 

แต่สำหรับตัวเขาที่กำลังคิดไม่ซื่อกับอีกฝ่ายมันไม่ใช่ไงงงง

 

“แล้ว...กางเกงที่ฉันให้ยืมล่ะ?”   

 

“กางเกงของแกมันตัวใหญ่ใส่แล้วรุ่มร่ามชะมัด เอวก็หลวมด้วยตื่นมาทีไรไหลไปกองอยู่ที่ขาทุกที!    อุก ทำไมยิ่งนึกภาพตามก็ยิ่งเหมือนกำเดาจะไหล พลังทำลายล้างแบบแมวๆนี่มันอะไร?

 

“ก็เลยไม่ใส่มันแล้ว! มีปัญหาอะไรไหม?”

 

“ไม่มีครับ...”     มีเห็นๆ!

 

จากที่ยังอยู่ในช่วงคลุมเครือของชีวิตก็เหมือนเจ้าเหมียวนี่จะช่วยให้เขาคิดได้เร็วขึ้น?

 

ซากุระเป็นเด็กผู้ชายที่ตัวเล็กก็จริง แต่ก็ไม่ได้ผอมแห้งจนดูไร้เรี่ยวแรงขนาดนั้น ร่างโปร่งนั่นเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อที่กระชับและแข็งแรง มันเลยน่ามองมากๆไม่ว่าจะแขนหรือขา ไม่ว่าจะอกเอวสะโพก ไม่เว้นแม้แต่ตรงบริเวณที่ถูกเจ้ากางเกงสีดำตัวจิ๋วนั่นปิดบังเอาไว้...

 

อ้า...ชิบหายแล้ว...

 

“ฉัน...ออกไปเป่าผมก่อนนะ”    มือใหญ่รีบคว้าไดร์เป่าผมก่อนจะจ้ำอ้าวออกมาจากห้องเพื่อตั้งสติ

 

ต้องทำยังไงให้หัวใจที่เต้นโครมครามนี้สงบลงได้...ดาเมจมันสูงไปไหมเจ้ากางเกงที่ร้ายกาจตัวนั้น...

 

เขาเป่าผมแบบสติสตังแทบจะหลุดออกจากร่าง ไม่รู้แล้วว่าความร้อนที่ออกมาจากไดร์กับใบหน้าเขาอะไรมันร้อนกว่ากันแล้วตอนนี้

 

 

เฮ้อ....นี่มันบททดสอบจากพระเจ้าชัดๆ...

 

 

ร่างสูงใหญ่ยืนถอนหายใจอยู่หน้าห้องนอนของตัวเอง เอาละ...หัวใจ-เต้นปกติ  ดวงตา-ไม่เบิกค้าง  สมอง-ไม่มีภาพติดตาของกางเกงนั่น ดีละ 

 

แอ๊ด...

 

“.......”     ดีที่ไหนกันล่ะ!

 

ถึงไม่ตั้งใจจะมองแต่สายตาของเขาก็ราวกับถูกกางเกงนั่นสะกดเอาไว้...

 

ดวงตาไล่มองร่างที่ไม่รู้ทำไมถึงดูอ้อนแอ้นกว่าตอนใส่ชุดนักเรียนมาก เจ้าเหมียวนั่นนอนคว่ำอ่านหนังสืออยู่บนฟูกในสภาพที่สบายใจอกสบายใจเหลือเกิน!

 

ซากุระตลบผ้าห่มจนเป็นม้วนยาวๆก่อนจะอ้าขาพาดมันไว้ข้างนึง...อุ่ก...ทำให้ชายเสื้อมันเลิกขึ้นไปจนมองเห็นเอวบางๆ กางเกงที่รัดรูปก็เห็นหมดว่าก้นเล็กๆนั่นกลมกลึงน่าบดเบียดขนาดไหน แล้วยังจะโคนขาเรียวขาวนั่นอีก...บ้าเอ้ย ที่ผ่านมากางเกงของเขามันช่วยชีวิตเขามาตลอดเลยเหรอเนี่ย ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ!

 

อ้า...เหมือนจะเห็นหางแมวสีดำที่มีสีขาวแต้มตรงปลายขยับส่ายไปมาอยู่บนก้นน่าตีนั่นเลยแหะ...

 

“เป่าผมอะไรนานนักหนาเนี่ย? ฉันง่วงแล้วนะ ปิดไฟได้ยัง”     ซากุระหันเฉพาะหน้ามาถาม เขามองเจ้าแมวเอาแต่ใจที่ไม่ได้รับรู้ถึงอันตรายบ้างเล้ย

 

“อื้ม งั้น ปิดไฟเลยนะ”     เขาตอบด้วยเสียงราบเรียบที่พยายามสะกัดกลั้นอารมณ์ อีกฝ่ายเป็นเด็กผู้ชายนะ ถึงจะน่ารักขนาดไหนแต่ก็เป็นผู้ชายเหมือนกันนะ! แล้วเขาก็ไม่ควรคิดเรื่องไม่ดีแบบนั้นด้วย

 

อีกอย่างซากุระก็เชื่อใจเขาแล้วด้วย...เขาไม่ควรทำลายความเชื่อใจนั้นสิ เขาควรต้องหักห้ามใจ ต้องตั้งสติให้ดี...

 

“หื๋อ?”     แต่เจ้าเหมียวตัวดีนี่ก็ไม่ได้ช่วยเขาเล้ยยยย

 

ดวงตากลมใสกระพริบปริบๆมองมาที่เขาอยู่ในเงามืด ราวกับซากุระกำลังสงสัยว่าทำไมวันนี้เขาไม่เข้าไปวอแวขอนอนด้วย...

 

อ้า~ ก็เพราะว่าฉันไม่ไว้ใจตัวเองน่ะสิ!

 

จริงอยู่ที่ซากุระยังเป็นเด็ก แต่เขาเองก็ไม่ได้เป็นผู้ใหญ่อะไรที่ไหน เขาอายุมากกว่าอีกฝ่ายแค่สองปีเองนะ? เขาไม่ใช่ตาลุงที่จะควบคุมตัวเองได้ เขาเป็นแค่วัยรุ่นอายุ18ปีที่ฮอร์โมนกำลังพลุ่งพล่าน เขาไม่ใช่พระอิฐพระปูนที่จะทนต่อการยั่วยุได้ ไม่ใช่พระอรหันต์ผู้ละกิเลส ไม่ใช่...

 

บ้าเอ้ย ไม่ไหวแล้ว

 

“ซากุระ?”     เสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกออกไปนั้นปะปนด้วยลมหายใจที่หอบหนักเล็กน้อย

 

“หลับแล้วเหรอซากุระ?”    เขาได้ยินเพียงเสียงฟี้ๆตอบกลับมา เวลาเจ้าเด็กนี่หลับถ้าไม่หลับแบบรู้สึกตัวตลอดเวลาก็จะหลับแบบลึกมากไปเลย แล้วตอนนี้มันก็เป็นอย่างหลัง...

 

สวบสาบ

 

ร่างสูงใหญ่ค่อยๆลุกออกมาจากฟูกของตัวเอง ก่อนจะมาหยุดยืนมองลงไปยังฟูกข้างๆ ถึงร่างที่นอนอยู่บนนั้นจะมีผ้าห่มคลุมมิดชิดในตอนนี้ แต่ภาพที่อีกฝ่ายอยู่ในกางเกงนอนตัวจิ๋วนั่นก็ยังติดตา

 

แค่นั้นก็เพียงพอแล้ว...

 

ฝ่าเท้าเดินออกไปจากห้องนอน...ก่อนจะเหยียบลงไปบนกระเบื้องเย็นเฉียบของห้องน้ำ

 

แกร่ก

 

มือใหญ่บิดกลอนล็อคไว้อย่างดี ก่อนที่จะเดินเข้าไปด้านในสุด...แผ่นหลังกว้างเอนพิงผนังกระเบื้องเอาไว้...

 

ชายเสื้อถูกถลกขึ้นมาคาบไว้ที่ริมฝีปาก ก่อนที่ขอบกางเกงจะถูกดึงลงไปพอให้ความเป็นชายที่แข็งตัวแล้วออกมาสูดอากาศ

 

“ฮ้า...”    ลมหายใจหอบหนักนั้นกลายเป็นไอสีขาวทันทีที่มันปะทะกับความเย็นของยามค่ำคืน ฝ่ามือของเขาโอบจับแท่งร้อนระอุกลางร่างกายนั่นเอาไว้

 

นานแค่ไหนกันแล้วนะที่ไม่ได้ช่วยตัวเอง...

 

จะว่าไม่ค่อยมีอะไรที่กระตุ้นเร้าเขาได้ก็คงได้ อาจจะเป็นเพราะเขามักจะให้เกียรติผู้อื่นเสมอจึงไม่เคยเอาร่างกายของใครมาใช้จินตนาการเรื่องพรรณนี้ เห็นก็ยังไม่มีอารมณ์

 

แต่กับร่างกายของซากุระ...เขาทนไม่ไหวจริงๆ...

 

“อึก...”     ฟันกัดชายเสื้อแน่น ดวงตาเหยียดมองผ่านกล้ามหน้าท้องลงไปยังความเป็นชายที่ขยายเกือบเท่าไม้เบสบอล

 

“ฮ้า...”   อุ้งมือลูบไล้ปิดส่วนปลายทำให้ลมหายใจของเขาหอบหนัก เส้นเลือดปูดโปนขึ้นมาตามความปรารถนาที่มากล้นกว่าทุกที

 

เขาแตะเจ้านี่ลงไปบนก้นกลมกลึงทั้งที่ยังอยู่ในกางเกงตัวจิ๋ว ฝ่ามืออุ่นร้อนสอดเข้าไประหว่างผ้ายืดกับผิวเนียนนุ่มทำให้เจ้าเหมียวครางเมี๊ยวออกมาอย่างพึงพอใจ มือใหญ่ค่อยๆดึงรั้งกางเกงสีดำนั่นออกมาตามเรียวขา ซากุระครางเครือแผ่วเบาเมื่อเขาถูไถความเป็นชายกับร่องก้นที่แอ่นแสนยั่วเย้า เขาโน้มลงไปจูบหลังคอที่ปกคลุมด้วยปอยผมสองสี ก่อนที่จะค่อยๆกดความเป็นชายเข้าไปในปากทางสีชมพูสวย...

 

“ฮ้า...”     มือใหญ่ชักแรงๆรอบแกนกายที่ขยายจนเต็มมือ เสียงชึ่บๆแสนลามกนั่นช่างเข้ากับภาพในหัวของเขาดีเหลือเกิน

 

“ฮู่ว...”     ซากุระจะบีบรัดความเป็นชายของเขาแบบไหน ผนังภายในนั่นคงจะอ่อนนุ่มจนเขาแทบคุ้มคลั่งแน่ๆ มันคงจะแน่น มันคงจะร้อน ซากุระคงจะโยกคลอนไปตามแรงกระแทกของเขา คงจะร้องครางพลางข่วนมาเต็มหลัง ใบหน้าน่ารักนั่นคงจะแดงยิ่งกว่ามะเขือเทศ เขาจะสอดใส่เข้าไปให้ลึกอีก แรงอีก เอาให้เจ้าเหมียวนั่นร้องไม่เป็นภาษา!

 

“อึ้ก!      น้ำรักสีขาวขุ่นฉีดพุ่งออกไปจากร่างกายเมื่อถึงจุดสูงสุดของความต้องการ หลายต่อหลายหยดสาดรดอยู่บนพื้นกระเบื้อง

 

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”     หัวสีขาวเงยพิงผนังทั้งที่ยังหอบหายใจหนัก เขาไม่เคยมีอารมณ์ขนาดนี้มาก่อนเลยจริงๆ

 

 

ดวงตาสีฟ้าอมเท้าเหลือบมองน้ำของตัวเองที่ไหลเลอะเหนอะอยู่ในฝ่ามือ

 

 

ถึงซากุระจะเป็นเด็กผู้ชาย...แต่เขาที่ใช้ภาพของอีกฝ่ายมาช่วยตัวเองนี่มันก็ไม่ใช่แล้วไหม...

 

ถึงขั้นอยากจะมีเซ็กซ์ด้วยนี่...ไม่ใช่แค่รุ่นพี่หรือพี่ชายแล้ว...

 

ไม่ใช่แค่ความสนใจธรรมดาๆ...แต่เขา...ต้องรู้สึกกับซากุระมากไปกว่านั้นแล้ว...

 

แค่อยากรู้อยากลองเหมือนเด็กวัยรุ่นทั่วๆไป? แต่เขาไม่ใช่คนแบบนั้นนี่...

 

ที่ผ่านมาเขาก็ควบคุมตัวเองได้ดี ไม่เคยคิดเกินเลยกับใครต่อให้รู้ทั้งรู้ว่ากำลังถูกอีกฝ่ายเข้าหาอยู่

 

เพราะเขาสูญเสียครอบครัวไปเขาเลยอยากจะสร้างครอบครัวใหม่ของตัวเองและตั้งใจจะดูแลทะนุถนอมมันให้ดี หากไม่ใช่คนที่คิดจะรักไปตลอดชีวิต ไม่ใช่คนที่คิดจะสร้างครอบครัวด้วย เขาก็จะไม่ก้าวล้ำเส้นความเป็นเพื่อนเป็นอันขาด

 

แต่กับซากุระ...เขากลับตบะแตกแล้วฉีกกระชากเส้นแบ่งพวกนั้นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้เลย...

 

จะ...ยังกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้ไหมนะ?

 

เส้นที่แบ่งความเป็นเพื่อนพี่น้องพวกนั้นเขายังต่อมันให้เป็นเหมือนเดิมได้ไหมนะ?

 

หรือควรจะพังมันทิ้งไปทั้งหมดดี?

 

แต่ซากุระเป็นเด็กผู้ชาย เขาจะสร้างครอบครัวกับอีกฝ่ายได้จริงๆรึเปล่า? มันคงจะมีอะไรอีกหลายอย่างตามมาแน่ๆและพวกเขาก็ยังเด็กเกินไปในการรับมือกับเรื่องพวกนั้น

 

เขาควรหยุดแค่นี้หรือไปต่อดี...

 

ซ่า~

 

สายน้ำเย็นๆรดล้างลงมาบนฝ่ามือ เขากวาดเอาเศษซากของความอยากพวกนั้นให้วนหายลงไปในท่อระบายน้ำ

 

อ้า...ไม่รู้แล้วเว้ย~

 

ลอง...ต่อเส้นที่มันขาดไปดูก่อนก็แล้วกัน...หยุดความคิดของตัวเอง มันอาจจะเป็นเพียงความต้องการชั่วครั้งชั่วคราวก็ได้ เขาเองก็ไม่ได้ปลดปล่อยมานานแล้ว หากชินกับภาพที่มันยั่วเย้าได้เมื่อไหร่ มันก็อาจจะไม่มีอะไรก็ได้...

 

“เฮ้อ....”    เขาถอนหายใจในขณะที่สองมือยันอ่างล้างหน้าเอาไว้...ไม่ง่ายเลยแหะ ในเมื่อเขาเริ่มมีใจให้ซากุระไปแล้ว เริ่มชอบเด็กนั่นมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว

 

 

 

ร่างสูงใหญ่เดินกลับมายังห้องนอน...เพราะคิดว่าตัวเองใจเย็นลงแล้วเขาจึงมุดเข้าไปนอนบนฟูกเดียวกับซากุระอย่างที่เคยทำมาทุกคืนตั้งแต่อีกฝ่ายมานอนที่นี่

 

แต่ไม่ใช่เลย!

 

พอโคนขาไปโดนก้นนิ่มๆของซากุระเข้า เจ้าอุเมะน้อยมันก็ตื่นขึ้นมาอีก....

 

“.......”    บ้าไปแล้ว ฮาจิเมะคุง!

 

เฮ้อ....เขาถอนหายใจเบาๆก่อนจะลุกไปห้องน้ำอีกรอบ...

 

คราวนี้เอาออกอีกสองครั้งไปเลย ดูซิว่ามันจะแข็งขึ้นมาอีกไหม!

 

บัดซบ! แล้วมันก็แข็งขึ้นมาอีกจนได้เมื่อเขากลับมานอนใหม่!

 

อ๊า นี่เขากลายเป็นชายชั่วหื่นกามไปแล้วเหรอเนี่ย~! ต้องโทษวัยที่มันกำลังคึกคะนองของเขาสินะ...วัยรุ่นมันก็แข็งขันแข็งแรงดีแบบนี้สินะ...

 

หมดหวังแล้ว...เส้นเฟรนด์โซนที่ว่าจะลองต่อดู...แบบนี้มันสิ้นหวังสุดๆ...

 

 

คงต้อง...ยอมรับแล้วสินะ...ว่าเขาชอบซากุระ

 

 

เขานอนลงข้างๆเจ้าเหมียวรอบที่...เท่าไหร่แล้วเนี่ย?

 

แต่รอบนี้ยังไม่ทันจะล้มตัวลงมานอนดี ซากุระก็พลิกกายกลับมาก่อนจะคว้าเอวเขาไปกอด?

 

หื๋อ?

 

“อือ...ลุกไปไหนจริงจังเนี่ย...ท้องเสียเหรอ?...”     ซากุระถามด้วยเสียงงัวเงีย เขาถึงกับเหงื่อแตกพลั่ก

 

“ครับ ท้องไส้ไม่ค่อยดีเลยครับ”    เลยต้องไปเอาออก(?)ไงครับ...

 

“กินยายัง? มียากินไหม? หรือให้ฉันไปซื้อให้ไหม?”       เจ้าแมววัวผงกหัวขึ้นมาก่อนจะลืมตามองแค่ข้างเดียว

 

“กินแล้ว เดี๋ยวก็ดีขึ้น นายนอนเถอะ”    เขากอดร่างที่ซุกเข้ามาแบบไม่รู้ตัวก่อนจะตบหลังปุๆ....เดี๋ยวก็ดีขึ้นอะไรล่ะ...เขาจะหลับตาลงได้หรือเปล่าเถอะคืนนี้

 

อ๊า~เอาไปทิ้งที่ไหนดีนะเจ้ากางเกงร้ายกาจนั่น! เก็บไว้ไม่ได้ เก็บไว้ไม่ได้แล้ว!

 

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

To be Con.

 

เกิดเป็นพี่อุเมะคนดีก็ลำบากหน่อยนาคะ ทะเลาะกับจิตสำนึกตัวเองไม่พอยังต้องไปรบรากับกางเกงนอนของยัยแงวอีก5555 //ถ้าเป็นเขยชั่วบางคนคงจับแดกไปแล้วป่านนี้ กร๊ากกก //คุณกวางผู้เป็น All saku ม๊วฟ

 

คิดว่าทุกคนคงเห็นกันมาบ้างแล้วแหละเนอะอิกางเกงตัวนี้ น้องซาลูกกกก หนูจะมาใส่กกน.ตัวเดียวนอนแบบนั้นไม่ดั้ยยยย มัมหมีใจบาปมันเย้อออลูก >/////< ชานมแทบจะไหลออกปากมากค่ะตอนที่เห็นครั้งแรก อุก...อ.นิอิต้องการอะไรจากกรู๊วววว >/////<

 

ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆหัวใจ และทุกๆการติดตามด้วยนะค้า เจอกันตอนหน้าค่า

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น