Wind Breaker Au.Fic [UmeSaku] เหล้าบ๊วยกับชานมซากุระ : 02
:
Wind Breaker Fanfiction Au
:
Hajime Umemiya x Haruka Sakura
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“ฉัน...ที่ใจดีกับทุกคน...จะใจร้ายกับนายแค่คนเดียว
แบบนั้น...ดีไหม? หื๋ม?”
ดวงตาที่จ้องมองลงมานั้นมีสีฟ้าอมเทาราวกับน้ำแข็ง...
มันทั้งเย็นชาแต่ก็ร้อนแรงเหมือนหิมะที่กำลังจะละลาย
ทั้งดำมืดแต่ก็ลึกซึ้งราวกับกำลังดึงดูดเขาลงไปในหลุมลึก ไม่ได้...มีแววล้อเล่นเลยแม้แต่นิดเดียว...
ซากุระ
ฮารุกะสตั๊นไปสามนาทีได้ก่อนจะพยายามเรียกสติกลับมา
ดวงตาสองสีจ้องมองคนที่คร่อมอยู่เหนือร่างพลางอ้าปากพะงาบๆ พะ พูดอะไรของมันเนี่ย?!
“อะ
อะ อะ...มะ ไม่เอาโว้ย! ออกไปเลยนะ!”
มือบางพยายามผลักร่างที่หนาและใหญ่กว่ามากออกไป
มีเสียงตุ้บตั้บผลับผลั๊วะจากการต่อสู้เล็กๆบนที่นอนดังให้ได้ยินก่อนเสียงหัวเราะร่าจะดังขึ้นมา
“หึ
อะฮ่าๆๆๆๆ นายนี่มันน่ารักชะมัด แถมยังมีกลิ่นเหมือนชานมซากุระอีก” สี่แยกแห่งความโมโหเต้นตุบๆเต็มหัวสองสี
มันน่าโมโหตรงที่ไม่ว่าเขาจะออกแรงดิ้นหรือผลักอีกฝ่ายออกไปแค่ไหน ก็ยังคงถูกเจ้าหมาใหญ่นั่นจับเอาไว้ได้อยู่ดี!
“เหมือนตรงไหนฟ๊ะ?!” เขาซัดหมัดเข้าใส่ใบหน้าที่หลบวืดอย่างรู้ทันนั่นไปหนึ่งที
ก่อนจะตามด้วยฝ่าเท้าถีบไปยังหน้าท้องแต่กลับถูกมือใหญ่จับข้อเท้าหมับเข้าให้
แล้วมันก็ลากตัวเขาเข้าหาในชั่วพริบตา
ฟุ่บ!
“ก็ตรงที่กลิ่นหอมๆหวานๆนี่ไง” เขามองเห็นแต่เส้นผมสีขาวอยู่แถวๆซอกคอ
ไอ้บ้านี่! ที่อื่นไม่มีให้ดมรึไงวะ?! ไม่สิ!
“หอมหวานอะไรของแก๊
อย่ามาดมนะ!” มือที่กางเล็บเต็มที่กะจ้วงเข้าใส่แต่ก็ถูกมือใหญ่จับเอาไว้ได้อีก!
“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...” หลังจากฟัดกันมาพักนึงในที่สุดเขาก็หาทางมุดหนีออกมาจากใต้ร่างของไอ้บ้านั่นจนได้
แล้วก็ทั้งๆที่เขาเหนื่อยแทบตายแต่เจ้าอุเมมิยะยังมีท่าทีสบายๆอยู่เลย!
ใบหน้ากวนประสาทนั่นก็กำลังยิ้มชอบใจที่หยอกเขาเล่นได้
อ๊า! มันน่าโมโหจริงๆ!
มือแมวรีบดึงฟูกของตัวเองไปอีกฝั่งของห้องทันทีพร้อมกับหันไปแยกเขี้ยวขู่คนที่คิดจะเดินตามมา
“อย่าเข้ามานะ
จะนอนแล้ว!” เขาล้มตัวลงนอนหันหลังให้ก่อนจะตลบผ้าห่มคลุมหัวมิด
แล้วขนาดบอกว่าอย่าเข้ามา
แต่ก็ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อไหร่ที่เขาถูกท่อนแขนที่แข็งแรงนั่นกอดเอาไว้ทั้งผ้าห่ม!
“ไปนอนฟูกแกสิวะไอ้บ้านี่!” จะได้นอนไหมคืนนี้! เส้นเลือดบนขมับเขานี่เต้นตุบๆแล้ว
“ฉันต้องฟังนายด้วยหรือไง?
ก็บอกแล้วนี่นาว่าฉันจะใจร้ายกับนายน่ะ ซากุระ”
“.........” ดวงตาสองสีมองท่อนแขนใหญ่ๆที่รัดคอตนอยู่พลางถอนหายใจ
อยากทำไรก็ทำแล้วกัน ว้อยยย!
“แค่กอดเอาไว้เฉยๆเท่านั้น
ซากุระ”
ชั่ววินาทีนั้นเขารับรู้ถึงเส้นผมที่ซบซุกลงมาที่ไหล่ด้านหลัง
กับฝ่ามืออุ่นร้อนที่กดร่างกายของเขาเข้าไปแนบชิดกับร่างกายของตนเอง
ท่อนแขนแข็งแรงนั่นก็แค่กอดเขาเอาไว้เฉยๆอย่างที่บอกจริงๆ
มันเหมือนกับ...อุเมมิยะกำลังระบายความเหนื่อยล้าที่แบกรับไว้มากมายนั้นออกมา
คนที่กอดเขาอยู่นี้ไม่ใช่ทั้งนักเรียนดีเด่นและประธานนักเรียนที่ใครๆต่างก็คาดหวัง
แต่เป็นเพียงผู้ชายคนหนึ่งซึ่งเหนื่อยเป็น อ่อนแอเป็น...
ได้ยินเสียงสูดกลิ่นเบาๆอยู่แถวหลังคอ
ถึงเขาจะไม่รู้ว่ากลิ่นของเขามันเหมือนชานมซากุระยังไง
แต่ตอนนี้ดูเหมือนมันจะทำให้เจ้าคนที่กอดเขาไว้รู้สึกผ่อนคลายและได้รับการเยียวยา
ดวงตาสองสีจึงหลับตาลงช้าๆ...
อยากทำอะไร...ก็ทำแล้วกัน...เจ้าบ้า
ดวงตาสองสีค่อยๆเปิดขึ้นอีกครั้งหลังจากแสงสว่างจ้าสาดส่องผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามา
ร่างกายรู้สึกเมื่อยล้าทว่าเขากลับหลับสนิทชนิดที่ว่าไม่ได้รู้สึกถึงความอึดอัดเลยทั้งคืน
นี่มันยังไงกันนะ?
แน่นอนว่าคนประสาทสัมผัสไวอย่างเขาย่อมต้องรู้อยู่แล้วว่าเจ้าปลิงตัวใหญ่นั่นยังกอดเขาไม่ปล่อย
ใบหน้ามนก้มมองสองแขนที่สอดมาจากข้างหลังกับเสียงฟี้ๆที่ดังอยู่ที่หู...เจ้าของห้องนี้...ยังหลับอยู่สินะ?
ใบหูของเขารู้สึกถึงความร้อนผ่าว
อย่าว่าแต่จะตื่นมาในสภาพที่ถูกใครสักคนกอดเอาไว้แบบนี้เลย
แค่มีคนมานอนอยู่ข้างๆมันก็เป็นเรื่องที่เกินคาดไปมากแล้วสำหรับเขา
ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มเข้าหากัน
แผ่นหลังซึบซับไออุ่นจากแผ่นอกที่แนบชิด ขนาดสองขายังสอดพาดพันกันจนไม่รู้ว่าขาเขาอยู่ตรงไหนกันแน่...ถูกกอด...จนแทบจะขยับไม่ได้เลยแหะ...
ดวงตาสองสีเหลือบมองไปที่มือใหญ่ซึ่งพาดอยู่บนเอว
แปลกคน...ทั้งๆที่รอบตัวหมอนี่ก็มีคนห้อมล้อมอยู่ตั้งเยอะ
ทำไมถึงเลือกคนที่ใครๆก็ไม่ต้องการอย่างเขากันนะ...
หรือเพราะเขาบังเอิญอยู่ตรงนี้พอดี?
หรือเพราะเขาคงเอาเรื่องนี้ไปบอกใครไม่ได้? คิดยังไง...ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี?
เฮ้อ...ช่างมันแล้วกัน
ยังไงเขาก็ไม่ได้เสียหายอะไร แถมยังอุ่นดีเสียด้วย
ตัวของอุเมะมิยะอุ่นจนไม่ต้องใช้ผ้านวมเลยก็ยังได้
แถมยังทำให้เขาหลับสบายอย่างไม่น่าเชื่อ...
อุณหภูมิของมนุษย์คนอื่นเป็นแบบนี้เองเหรอ?
ไม่เคยถูกกอดแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ...
“อือ....”
เสียงอืออาดังออกมาจากใบหน้าที่ยังไม่ยอมลืมตา ตื่นสิฟ๊ะ
ไม่ตื่นก็ปล่อยฉันออกไป!
เขาแยกเขี้ยวยิงฟันใส่ท่อนแขนที่พาดอยู่บนคอ
กว่าจะยกมันออกไปได้ แขนคนหรือท่อนไม้ฟ๊ะ หนักเป็นบ้า!
“ซากุระ....”
เสียงงัวเงียดังออกมาจากในกองผ้าห่มหลังจากแมวดื้อพยายามมุดๆดิ้นๆหนีออกมาจนได้
ทำไมการลุกจากที่นอนมันถึงได้เหนื่อยขนาดนี้เนี่ย~ เขาลุกมานั่งหอบแฮ่กหัวเหอยุ่งเหยิงอยู่ข้างๆฟูก
เฮ้อ...ไปล้างหน้าล้างตาดีกว่า
แล้วในขณะที่เขาลุกไปเข้าห้องน้ำ
กลิ่นหอมๆของอาหารก็ลอยมาแตะจมูก...บ้านไหนทำอาหารเช้ากัน? หอมชะมัด
มือบางเดินใช้ผ้าขนหนูซับหน้าหลังจากเปลี่ยนเสื้อผ้ามาใส่ชุดนักเรียนเรียบร้อยแบบพร้อมชิ่งเต็มที่
แล้วสิ่งที่เขาสงสัยก็ได้รับคำตอบ...ไม่ใช่บ้านไหนที่ทำอาหารเช้า
แต่เป็นบ้านนี้นี่แหละ!
เขาจ้องมองถ้วยใส่ผักดองอย่างแตงกวา
หัวไชเท้า แครอท
ที่วางอยู่บนโต๊ะเตี้ยหน้าทีวี...และมันมีสองที่นั่นแสดงว่าน่าจะมีของเขาด้วย?
เสียงฉ่าๆดังมาจากหลังเคาน์เตอร์ครัวทำให้นัยน์ตาสองสีหันไปมองแผ่นหลังกว้างที่กำลังทำอะไรบางอย่างอยู่
กลิ่นปลาแซลม่อนย่างโชยออกมาให้เขาหายสงสัย ใบหน้ามนเผลอกลืนน้ำลายเอื้อกตามสัญชาติญาณแมวไปเสียแบบนั้น
ไม่สิ
เจ้าหมอนั่นมันตื่นแล้วเหรอ? กะจะย่องๆออกไปเสียหน่อย ชิ
“ซากุระ
มายกจานปลานี่ไปหน่อยสิ”
เสียงทุ้มที่ฟังดูงัวเงียเหมือนคนยังไม่ตื่นดีเรียกเขาทั้งๆที่ไม่ได้หันมามอง
“ห๋า?” เขาเตรียมจะโวยวายแต่มือใหญ่ก็ตัดบทด้วยการชี้ไปที่หม้อข้าว
“แล้วก็...ตักข้าวสวยใส่ถ้วยตรงนั้นด้วย”
“อะ
อื้อ....?” เดี๋ยวก่อน
แล้วทำไมเขาต้องช่วยด้วย? ไม่สิ
ทำไมเขาถึงยังต้องมากินข้าวเช้ากับเจ้าหมอนี่อีกล่ะเนี่ย?!
ถึงจะสงสัยแต่กลิ่นหอมอันร้ายกาจของเจ้าปลาแซลม่อนนั่นก็ทำให้เขาไม่อาจปฏิเสธได้
บ้าเอ้ย
สองขาจำต้องเดินไปหยิบจานที่มีปลาวางอยู่อย่างน่ากินสองใบบนเคาน์เตอร์นั่นอย่างเลี่ยงไม่ได้
เขาจึงเพิ่งเห็นว่าอุเมมิยะกำลังทำไข่ม้วนต่อ
อึก...
ทั้งกลิ่นหอมๆ
ทั้งสีเหลืองอร่ามสวยงามที่อยู่ในกะทะทรงสี่เหลี่ยม เขาต่อต้านที่จะไม่กลืนน้ำลายลงคอไม่ได้เลยจริงๆ
ไอ้บ้านี่มันเอาอาหารมาล่อลวงเขาชัดๆอ่ะ!
แล้วเขาก็ดันขัดขืนไม่ได้นี่มันยังไง!
มือบางวางจานใส่ปลาแซลม่อนย่างลงไปบนโต๊ะก่อนจะหันไปตักข้าวสวยร้อนๆจนพูนถ้วย
เขา...ไม่เคยทานอาหารเช้ากับใครแบบนี้มาก่อนเลยจริงๆ
ไม่เคยมีใครตั้งใจตื่นมาทำให้เขากิน
ไม่เคยช่วยกันหยิบจับนู้นนี่ทำไปด้วยกัน
ไม่เคยมีใครนั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม...แบบนี้เลย
มันเลยทำให้ใบหน้าของเขาร้อนระอุอย่างช่วยไม่ได้...
อุเมมิยะวางจานไข่ม้วนที่ดูน่ากินสุดๆลงบนโต๊ะ
ร่างสูงใหญ่เดินกลับไปที่เคาน์เตอร์ใหม่ก่อนจะกลับมาพร้อมกับซุปมิโสะอีกสองถ้วย
ทุกอย่างมันราวกับกำลังเปล่งประกาย มันน่ากินไปหมดเลยจริงๆ
ถึงจะเป็นอาหารบ้านๆแต่มันกลับทำให้เขารู้สึกอุ่นๆในใจได้มากขนาดนี้เลยเหรอ?
เขาจึงมองไปที่ร่างสูงใหญ่ซึ่งกำลังนั่งลงที่ฝั่งตรงข้าม...แต่แทนที่จะรู้สึกซาบซึ้ง
เขากลับขำพรืดออกมาแทน
“อุ๊บ
ฮ่าๆๆ” ก็ดูสภาพเจ้าคนที่ทำอาหารได้น่าน้ำลายไหลขนาดนี้เสียก่อนสิ
อุเมมิยะลุกจากที่นอนมาทำกับข้าวทั้งๆที่ยังดูไม่ค่อยจะตื่นดี
หน้าหล่อๆนั่นดูง่วงมากแถมผมเผ้าก็ยังชี้โด่ชี้เด่อยู่เลย เขาจึงอดที่จะขำกับภาพตรงหน้าไม่ได้
ลุคประธานนักเรียนผู้พึ่งพาได้มันหายไปไหนหมดแล้วเนี่ย ฮ่าๆๆ
ทว่า...
ภาพที่เขาหัวเราะออกมานั้นมันกลับไปทำให้หัวใจของใครอีกคนถึงกับเต้นไม่เป็นจังหวะ
เพราะนี่คือครั้งแรก...ที่อุเมมิยะ
ฮาจิเมะได้เห็นรอยยิ้มของซากุระ ฮารุกะ
เป็นครั้งแรก...ที่ได้เห็นซากุระหัวเราะอย่างมีความสุข
เจ้าเด็กที่ชอบทำแต่สีหน้าไม่สบอารมณ์นั่น...ยิ้มได้น่ารักขนาดนี้เลยนะ...
เพราะเจ้าอุเมมิยะบอกให้ไปโรงเรียนพร้อมกันจนแทบจะจับเขามัดเอาไว้ตอนที่ต้องนั่งรออีกฝ่ายล้างหน้าล้างตาเปลี่ยนเสื้อผ้า
พวกเขาถึงได้มาเดินอยู่ท่ามกลางสายลมบางเบาใต้ต้นซากุระที่ผลิใบสีเขียวไปจนหมดแล้วแบบนี้
ตอนออกมาจากบ้านมันก็ไม่เท่าไหร่หรอกนะ
แต่ยิ่งใกล้จะถึงโรงเรียนเขาก็ยิ่งรับรู้ถึงสายตาที่มองมาอย่างอยากรู้อยากเห็น
ก็หัวโจกเด็กเกเรห้องท้ายปลายแถวผู้ไม่มีใครอยากเข้าใกล้แบบเขามันไม่ควรจะมาเดินอยู่ข้างๆประธานนักเรียนผู้เป็นที่รักของใครๆแบบนี้น่ะสิ
ไม่เหมาะสม
ไม่คู่ควรกันแม้แต่นิดเดียว...
ดวงตาสองสีลอบมองคนที่เดินฮัมเพลงอารมณ์ดีอยู่ข้างๆ...แต่หมอนี่ก็ไม่ได้สนใจเลยแหะว่าภาพลักษณ์ของตัวเองอาจจะดูแย่ลงได้ที่มาคบหาหรือเดินอยู่ข้างๆคนอย่างเขา
สองขาจึงตั้งใจเดินให้ช้าลง...
เพื่อจะได้ค่อยๆห่างจากร่างสูงใหญ่นั่น
เพราะเขาเองก็หงุดหงิดอยู่เหมือนกันที่ถูกมองอย่างดูแคลนแบบนั้น
“ซากุระ?
ปวดเข่าเหรอ?”
แต่เจ้าบ้านั่นก็ดันหันมาถามอย่างไม่สนใจสายตาของใครเสียแบบนั้น
ปวดเข่าบ้าอะไรล่ะ?!
“ยังอายุน้อยอยู่เลยแท้ๆ~ แต่ปวดเข่าเหมือนคนแก่แล้วเหรอ?” ไม่ว่าเปล่ายังก้มๆเงยๆมองที่ขาเขาอีกต่างหาก
ที่ขมับถึงกับเดือดปุดๆ ช่างแม่ง!
ขนาดคนที่มันน่าจะเสียหายมากกว่าเขามันยังไม่สนใจเลย
แล้วเขาจะต้องไปสนใจสายตาพวกนั้นทำไม!
ใครอยากมองก็มองไป
ถึงถูกมองก็ไม่ทำให้ตายซักหน่อย!
“ยุ่งน่า” เขากลับไปในเดินในจังหวะของตัวเองโดยมีร่างสูงใหญ่เดินยิ้มอยู่ข้างๆ
อารมณ์ดีอะไรขนาดนั้นฟ๊ะ
ใบหน้ามนเชิดขึ้นอย่างไม่สนใจอะไรอีก
ใครมองแรงมาก็ส่งสายตาอาฆาตกลับไป มองหาพ่อมึงเร๊อะ?!
หื๋ม?
นั่นแหละ...คนเลยเลิกมองเพราะกลัวเขาจะกระโดดกัดคอไปโดยปริยาย
ก็แค่นั้น!
ยังดีที่อุเมมิยะมีภาระกิจที่ต้องไปทำมากมาย
เขาจึงสลัดปลิงตัวใหญ่นั่นไปจนได้
วิชาเรียนเช้านี้ก็มีแต่เรื่องน่าเบื่อที่ฟังเท่าไหร่ก็ไม่เข้าหูเขาเลยสักนิด
ถึงจะอิจฉาเจ้าสุกิชิตะโต๊ะข้างๆที่หลับได้หลับดีก็เถอะ
แต่คงเป็นเพราะเมื่อคืนเขาได้นอนเต็มที่วันนี้เลยไม่ง่วงเลย
แล้วเสียงออดพักเที่ยงก็ทำให้โถงทางเดินที่เคยเงียบสงบกลับวุ่นวายขึ้นมาภายในพริบตา
เด็กนักเรียนทุกห้องต่างเดินออกมาเพื่อไปหาที่กินข้าวกลางวัน ห้อง 1-Fของเขาก็เช่นกัน
ร่างโปร่งบางลุกออกจากห้องบ้าง
ถึงจะสงสัยก็เถอะว่าเจ้าพวกนี้มันจะมาเดินตามเขาทำไม?
แต่ตลอดสองเดือนมานี้ที่มีเพื่อนในห้องคอยเดินตามไม่ว่าจะไปไหนก็ทำให้เขาเริ่มจะชินไปแล้ว
เสียงตะโกนโหวกเหวกดังตามหลังอย่างไม่ต้องกลัวว่าจะเหงา
และพอเห็นว่าพวกเขาเดินมาเท่านั้นแหละ
กลุ่มคนที่เคยเดินอยู่ข้างหน้าก็แหวกออกเป็นทาง
ไม่มีใครอยากจะสบตากับเด็กอันธพาลอย่างพวกเขาอยู่แล้ว
ทั้งๆที่ไม่เคยทำอะไรคนพวกนี้สักหน่อย เขาจะต่อยตีกับคนที่มาหาเรื่องก็เท่านั้น
ใช่ว่าจะทำร้ายคนไปทั่วเสียที่ไหน กลัวกันไปเองแท้ๆ
คิ้วสองสีขมวดเข้าหากันอย่างเป็นเรื่องปกติ
แต่แค่เขาเผลอมองหน้าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นเข้า
“อึ่ก!” เจ้าหมอนั่นก็ถึงกับผงะและก้าวถอยหลังอย่างหวาดกลัว!
“อ๊ะ?!” และนั่นก็ทำให้เด็กผู้ชายคนนั้นถอยไปชนกับเด็กผู้หญิงที่กำลังก้าวออกมาจากห้องวิทยาศาสตร์พอดี!
“เหวอ?!” ดูเหมือนเธอจะทรงตัวไม่อยู่
ร่างกายที่ไวต่อปฏิกิริยาอัตโนมัติของเขาจึงพุ่งเข้าไปทันที
มือแข็งแรงจับแขนเธอเอาไว้ได้ในครั้งแรกทำให้เธอไม่ล้มลง
แต่ว่า! บิ๊กเกอร์ที่เธอถือมาด้วยกลับกระฉอกและสารเคมีสีใสก็สาดราดลงมาบนแขนของเขา!
“อึ้ก?!”
เขาสบถเบาๆเมื่อความเจ็บแสบลุกลามขึ้นมาตามรอยที่รดอยู่บนแขน
มือจึงเผลอปล่อยหญิงสาวคนนั้นจนคนที่ยังไม่ทันทรงตัวดีล้มโครมลงพื้นจนได้
โครม! เพล้ง!
ทั้งเด็กสาวที่ล้มลง
ทั้งบิ๊กเกอร์ที่แตกกระจาย เรียกให้คนทั้งทางเดินแทบจะหันมามองเป็นตาเดียว
โอ๊ย...นี่มันอะไรกันฟ๊ะ?! เขาก้มมองแขนตัวเองที่เต็มไปด้วยรอยแดงหลังจากโดนสารนั่นเข้า
ของอันตรายแบบนี้เอามาถือเล่นได้เหรอวะ?
เขาหันไปจ้องเด็กสาวคนนั้นเขม็ง
ถึงจะแสบแค่ช่วงแรกและเบาลงแล้วในตอนนี้แต่มันก็เจ็บนะเฟ้ย!
“อะไรกันน่ะ?
เจ้าพวกเด็กห้องท้ายทำร้ายผู้หญิงคนนั้นเหรอ?”
“ผลักล้มเลยนะเมื่อกี้...”
“อย่าไปมองสิ
เดี๋ยวพวกนั้นมันก็หันมาเล่นงานเราไปด้วยหรอก”
“อันธพาลชัดๆ
ขนาดกับผู้หญิงก็ทำได้”
“คงแกล้งผู้หญิงจนชินแล้วละสิ”
เขาถึงกับชะงักไปกับเสียงซุบซิบๆรอบกายและสายตาตำหนิตำตียนรวมถึงหวาดกลัวที่มองมา
จากที่ว่าจะถามว่าสารนี่มันอะไรเลยไม่ทันถามออกไป บ้าเอ้ย!
ยังไม่ทันจะทำอะไรสักหน่อย!
“อูยยย”
มีเสียงร้องเบาๆดังมาจากเด็กสาวที่ล้มกองอยู่ที่พื้น
ดูเหมือนเธอเองก็จะได้รับบาดเจ็บเช่นกัน เศษแก้วบาดเอาหรือเปล่านะ?
เขากำลังจะเข้าไปดู ทว่า คนอีกกลุ่มหนึ่งก็ส่งเสียงมาขัดเสียก่อน
“เกิดอะไรขึ้นคะ?
หลีกทางหน่อย” พวกสภานักเรียน? คนที่ยืนอยู่แถวนั้นต่างก็รีบหลีกทางให้
เพราะคนที่จะจัดการเหล่าร้ายอย่างพวกเขาได้ก็คงมีแต่สภานักเรียนนี่แหละ
เขาชะงักค้างอีกครั้งเพราะนอกจากรองประธานสาวกับสมาชิกสภาคนอื่นๆแล้ว...อุเมมิยะก็อยู่ตรงนั้นด้วย...
“ซากุระ?”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีขาวมองเขาอย่างแปลกใจก่อนจะหันไปมองเด็กสาวซึ่งกำลังทำหน้าเหยเก...แน่นอนว่าประธานนักเรียนที่พึ่งพาได้อย่างหมอนั่นย่อมต้องคุกเข่าลงไปดูเธอก่อน
อ้า...แล้วไอ้สารบ้านั่นก็ดันระเหยไวเป็นบ้า...ตอนนี้จึงไม่มีหลักฐานเลยว่าเขาไม่ได้เป็นคนผลักเด็กผู้หญิงคนนั้น...
“ซากุระ”
อุเมมิยะเงยหน้ามองเขาราวกับจะถามว่ามันเกิดอะไรขึ้น แต่เขาก็ดันเอาแขนหลบไม่ให้อีกฝ่ายเห็น ลูกผู้ชายไม่จำเป็นต้องโวยวายไปหรอก
“ฉันไม่ได้ทำ
ไม่ได้ผลักยัยนั่น แค่นี้แหละ”
เขาสะบัดหน้าแล้วตั้งใจจะเดินหนี หมอนั่นจะคิดยังไงก็ช่าง
ในเมื่อเขาบอกความจริงไปแล้วจะเชื่อหรือไม่เชื่อก็ตามใจ ยังไงคำแก้ตัวของเขามันก็มีน้ำหนักเบายิ่งกว่าขนนกสำหรับคนอื่นๆอยู่แล้ว
“ซากุระ
เดี๋ยวก่อน อย่าเพิ่งไป”
อุเมมิยะยังพยายามรั้งเขาไว้ในขณะที่กำลังพยุงเด็กสาวขึ้นมา และนั่นมันก็ทำให้บรรยากาศแถวนั้นเริ่มมาคุ
เพราะเพื่อนในห้องเขาเห็นเหตุการณ์ทุกอย่าง แต่เมื่อเขาเลือกที่จะเงียบคนอื่นเลยได้แต่ขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน
หากเขายังอยู่ตรงนี้ อีกไม่นานคงได้ปะทะกันแน่
เขาเอง...ก็ขี้เกียจทะเลาะกับพวกสภานักเรียนแล้ว
แถมสิ่งที่หางตามองเห็นคือเจ้าอุเมมิยะที่กำลังยกมือของเด็กสาวคนนั้นมาตรวจดูแผลแก้วบาดกับข้อเท้าที่น่าจะเคล็ด
มันทำให้เขาเผลอเม้มปากอย่างไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ความรู้สึกลึกๆในใจนี้คืออะไร?
อิจฉางั้นเหรอ? หรือว่าน้อยใจ? ทั้งๆที่เขาก็บาดเจ็บเหมือนกันแต่หมอนั่นกลับไปดูผู้หญิงคนนั้นก่อน?
ไม่สิ มันคือสิ่งที่เขาเลือกเองนี่ แล้วเขาก็เป็นผู้ชาย
จะมาคิดเล็กคิดน้อยกับเรื่องแบบนี้เนี่ยนะ นายบ้าไปแล้วหรือไงฮารุกะ?
เขาสบถออกไปทำให้รอบกายแตกฮือเพราะคิดว่าเขาไม่พอใจอะไรอยู่ ไม่ใช่โว้ย ที่เขาโมโหคือตัวเองต่างหาก!
สองขาจึงตั้งใจจะเดินออกมาจากที่ที่ทำให้หัวเสียตรงนั้นซะ
ทว่า
“ฮารุกะ
ซากุระ! หยุด! อยู่ตรงนั้นเดี๋ยวนี้” น้ำเสียงทรงพลังที่แฝงไว้ด้วยอำนาจที่ไม่อาจขัดขืนได้ทำให้ฝ่าเท้าที่กำลังจะก้าวจากไปถึงกับต้องชะงัก
นั่นคือคำสั่ง...ที่ออกมาจากปากของอุเมมิยะ
ที่จริง
ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งประธานนักเรียนหรือตำแหน่งอะไรมันก็ไม่อาจจะหยุดเขาได้หรอก
แต่ที่สองขาก้าวไปจากตรงนี้ไม่ได้นั่นก็เป็นเพราะเจ้าของเสียงนี้คืออุเมมิยะต่างหาก
ใบหน้ามนก้มลงกัดฟันกรอดอย่างดื้อรั้น
สองมือกำแน่นจนสั่นหงึกๆไปหมด จะต้องคาดคั้น จะต้องทำโทษเขาเสียตรงนี้ให้ได้เลยหรือไง
มีอะไรก็ไปถามผู้หญิงคนนั้นสิ!
แล้วยิ่งโมโห
แขนที่แสบร้อนก็ยิ่งเจ็บแปลบไปหมด
“ฝากด้วย”
ร่างสูงใหญ่ส่งเด็กสาวคนนั้นให้คนในสภานักเรียนคนอื่นพาไปห้องพยาบาลต่อ
ส่วนตัวเอง...ก็เดินมาเผชิญหน้ากับเขา
“อะไร?” เขาเงยหน้ามองคนที่สูงกว่าเกือบยี่สิบเซ็นต์
เสียงห้าวถามออกไปอย่างไม่กลัวเกรง ถ้าจะทำโทษทั้งๆที่เขาไม่ได้ผิดละก็
ไม่ยอมหรอกนะเฟ้ย!
อุเมมิยะเหยียดมองลงมา
แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความขุ่นข้องหมองใจนั่นมันกลับจับจ้องไปที่แขนซึ่งเริ่มขึ้นรอยแดงของเขา
เขาจึงเผลอขยับมันหลบอีกครั้ง
“เฮ้อ...” แล้วจู่ๆใบหน้าหล่อเหลาก็ถอนหายใจ?
อุเมมิยะย่อตัวลงในชั่วพริบตา
ก่อนจะใช้แขนเพียงข้างเดียวรวบขาเขาไว้
“ห๊ะ?”
ตุ้บ!
“ฮึบ”
เดี๊ยว!!
แล้วไหงเขาถึงมาอยู่บนบ่าของหมอนี่ได้เนี่ย~!
“ทำอะไรฟ๊ะ?!
ปล่อยฉันลงนะไอ้บ้า!” เขาเริ่มโวยด้วยใบหน้าแดงเถือก
ก็หลังจากที่รวบตัวเขาได้
ร่างสูงใหญ่ก็ลุกขึ้นยืนโดยมีร่างที่เล็กกว่ามากพาดอยู่บนไหล่
ทั้งหมดนั่นใช้แค่แขนข้างเดียวเท่านั้นทำให้ทุกคนได้แต่ตะลึงในความแข็งแรงของประธานนักเรียนผู้เต็มได้ด้วยรอยยิ้มสดใสคนนี้
“อย่าดิ้นสิ
เดี๋ยวก็ตกลงไปจริงๆหรอก” แต่ต่อให้เขาดิ้นเป็นแมวเท่าไหร่เจ้าของไหล่หนานี่ก็หาได้สะทกสะท้านไม่
ร่างสูงใหญ่ยังคงก้าวเดินไปตามโถงทางเดินด้วยความมั่นคงอย่างไม่ได้สนใจสายตาใคร...ทั้งๆที่มองกันทั้งโรงเรียนได้แล้วตอนนี้!
ไม่พอ
แสงแฟลชและเสียงแชะๆๆจากกล้องมือถือยังระยิบระยับดังไปตลอดทาง จะถ่ายรูปทำไมกันวะไอ้พวกบ้า! ลบเดี๋ยวนี้เลยนะ
นี่มันน่าอายสุดๆเลยนะเว้ย!!
“แง่ง!”
เขาหันไปจะงับหูไอ้คนที่ยังไม่ปล่อยเขาลงแต่มันก็เอียงหน้าหลบได้อย่างชิวๆ โว้ยยยย
จะพาไปไหนก็ลากคอเขาให้เหมือนที่ทำกับเด็กเกเรหนอยสิฟ๊ะ ไม่ใช่มาอุ้มพาดบ่ากันแบบนี้
ไอ้บ้านี่! กัดมัน! กัดมันเลย กัดคอมันนน!
แกร่ก
ตุ้บ
เสียงแรกคือเสียงล็อคประตูห้องน้ำ
เสียงต่อมาคือเสียงวางเขาลงบนเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้า
“ซากุระซัง!!”
ตามด้วยเสียงโหวกเหวกของเพื่อนร่วมห้องเขาที่ถูกประตูกั้นอยู่ข้างนอก
ปึ้งๆๆ
“เปิดนะเว้ย!” เจ้าพวกนั้นยังทั้งทุบประตู ทั้งโวยวายกันอยู่หน้าห้อง
ได้ยินเสียงพูดคุยกันอย่างสงสัยของบรรดาญี่ปุ่นมุงว่าเขาคงจะโดนทำโทษอะไรสักอย่างอยู่ในนี้แน่ๆ
แต่ไม่มีใครรู้หรอกว่า...อุเมมิยะก็แค่ดึงแขนเขาไป...ก่อนจะเปิดน้ำใส่เพื่อล้างสารเคมีให้เท่านั้น...
“มันเป็นสารที่เป็นกรดอ่อนๆ
แค่ล้างออกให้หมดก็ไม่เป็นไรแล้วละ”
เสียงทุ้มพูดออกมาในขณะที่จับแขนเขาพลิกไปมาอยู่ใต้สายน้ำ
“รู้ด้วยเหรอ...” เขาเอ่ยออกไปอย่างงึมๆงำๆ
เพราะไม่คิดว่าอุเมมิยะจะรู้...เรื่องสารเคมีกับแขนของเขา
“รู้สิ
ถึงจะระเหยไปหมดแล้ว แต่มันยังมีกลิ่นเหลืออยู่นี่ ยังไงฉันก็เป็นที่หนึ่งของปีสามเชียวนะ
เรื่องแค่นี้จะไม่รู้ได้ไง”
“.......”
เขาเหลือบมองใบหน้าที่กำลังจ้องมองแขนเขาด้วยสายตาอ่อนโยน
มือใหญ่ที่ลูบล้างมันไปมาอยู่นั้นมันทำให้หัวใจของเขาเต้นแปลกไป จริงๆนะ...
พออุเมมิยะไม่ทำเป็นเล่นเหมือนทุกที
พอหมอนี่ทำหน้าจริงจังแบบนี้...เขาก็ไม่รู้จะทำตัวยังไง...
“นายอย่าเพิ่งคิดไปเองสิซากุระ”
แล้วจู่ๆเสียงทุ้มก็พูดออกมา
“.....คิดเรื่องอะไร” เขาเสสายตาไปมองพื้นห้องน้ำ
“ก็เรื่องที่ว่าฉันจะเลือกคนอื่นมากกว่านายน่ะ” ก่อนจะต้องชักสายตากลับมามองหน้าของอีกฝ่ายอย่างตะลึงอึ้งค้าง
“ห๋า?! ละๆๆเลือกอะไร
ฉันไม่ได้คิดอะๆๆไรแบบนั้นเลยนะเฟ้ย”
เขาตอบอย่างละล่ำละลัก ใบหน้าแดงเถือกด้วยความอาย
“ที่นายไม่ยอมอธิบายอะไรก็เพราะคิดว่าฉันจะเชื่อคนอื่นมากกว่าจะเชื่อนายใช่ไหมล่ะ?” แต่อุเมมิยะก็ยังทอดมองแขนของเขาแล้วพูดต่อไป
“.......” เขาไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
ดวงตาสีฟ้าจึงตวัดขึ้นมาจ้องมองหน้าเขาเป็นครั้งแรกตั้งแต่เข้าห้องน้ำมา
“ฉันน่ะ…มองนายอยู่นะซากุระ
เพราะงั้นฉันจะไม่เชื่อสายตาของตัวเองได้ยังไง”
“มะ มอง? ห๋า? มะ หมายถึง นาย…จับตาดูฉันอยู่สินะ” เขาถึงกับอ้าปากพะงาบๆ
“อื้อ ฉันมองนายอยู่” ทะๆๆทำไมมันถึงไม่ให้ความรู้สึกเหมือนจับตาดูเด็กเกเรไม่ให้ออกนอกลู่นอกทางเลยละฟ๊ะ
มองบ้าอะไรของมัน ทั้งการใช้คำทั้งน้ำเสียงมันไม่ได้ชวนให้คิดไปในทางนั้นเลยสักนิด
แต่มัน…กลับชวนให้รู้สึกเขินยังไงชอบกล…
สายตาที่มองมาอย่างจริงจังนั่นก็ด้วย...
“ยังแสบอยู่ไหม?” มือใหญ่ดึงทิชชู่มาซับเช็ดให้
รอยแดงลดลงไปมากแล้วจริงๆ แทบไม่แสบแล้วด้วย
“ไม่...แค่นี้เอง
ฉันเดินมาล้างเองก็ได้เฟ้ย ต้องเล่นใหญ่อะไรขนาดนั้น...” ใบหน้ามนบ่นงึมงำ
อายชาวบ้านเค้าบ้างไหมเนี่ยอุ้มพาดบ่ามาแบบนั้น...
“ก็นายคอยแต่จะหนีฉันไปนี่
ไม่ทำแบบนี้เดี๋ยวแมวดื้อไม่ฟังอะไรอย่างนายก็ได้หนีไปกันพอดี” ไหล่หนายักขึ้นเล็กน้อย
“มะ
แมวอะไร?! แล้วคนที่ไม่ฟังอะไรน่ะมันแกต่างหาก!”
“ครับๆ
อืม...แวะไปให้อาจารย์ห้องพยาบาลดูก่อนดีกว่าว่าต้องทายาอะไรเพิ่มไหมนะ...” มือใหญ่ยังคงจับแขนเขาไปพลิกดูอย่างห่วงใย
ทุกการกระทำของหมอนี่มีแต่จะทำให้เขาเขินจริงๆนะ ให้ตายเถอะ
เป็นคนแรกที่เชื่อเขา
คนแรกที่ฟังเขา คนแรก...ที่ห่วงใยเขา
“ฉันไปเองได้” เขาโดดลงจากเคาน์เตอร์อ่างล้างหน้าแล้วตั้งท่าจะเดินออกไปเพราะใบหน้ามันร้อนไม่ไหว
“ไม่ได้
นายมีแววว่าจะหนีไปกลางทาง เพราะงั้นฉันจะพาไปส่ง” แล้วอีกฝ่ายก็เดินตาม
“ห๋า?” มือที่จับลูกบิดถูกมือร้อนๆวางทับลงมา
เงาที่ซ้อนอยู่ข้างหลังก็ทำให้เขาเงยหน้ากลับไปมอง
ดวงตาสองคู่ถึงได้สบประสานกันอีกครั้ง
“จะเดินไปเองหรือจะให้อุ้ม?”
“ฮึ่ย!
คิดว่าเบานักรึไงถึงได้เที่ยวมาอุ้มคนอื่นไปทั่วเนี่ย?!” เขาแยกเขี้ยวทั้งที่หน้าแดงเป็นมะเขือเทศ
จะเบียดเข้ามาทำไมเนี่ย อยากจะสิงประตูห้องน้ำรึไง?!
ทั้งหัวไหล่ไปจนแผ่นหลังรวมถึงสะโพกมนและต้นขา
แทบจะถูกลำตัวหนาๆนั่นกักขังไว้กับประตูแล้ว ต้องใกล้อะไรเบอร์นี้ฟ๊ะ!
“ก็ไม่ได้หนักเท่าไหร่นะ?
แล้วตัวนายมันก็เหมาะมือน่าอุ้มมากเลยซากุระ”
ใบหน้ายิ้มแย้มเอียงคออย่างน่าหมั่นไส้ เหมาะมือบ้าอะไร!
“อ๊ากกกก! หุบปาก!” แล้วคนที่รอดูอย่างสอดรู้สอดเห็นอยู่หน้าห้องน้ำต่างก็แตกฮือทันทีที่ประตูเปิดผลั๊วะออกมา
และต่างก็ต้องงงงวยไปตามๆกันเมื่อสภาพของเจ้าหัวโจกอันธพาลนั้นยังดูปกติดีแบบสุดๆ
แถมยังเดินดุ่มๆนำหน้าด้วยท่าทางเขินอาย
และประธานนักเรียนสุดหล่อก็ยังเดินตามไม่ห่าง
ทุกคนจึงมีแต่คำถาม
เกิดอะไร...ขึ้นในห้องน้ำนั่นกัน...?
วันนี้...บ้านของเขาก็ยังซ่อมไม่เสร็จ...
เขาถึงได้มายืนเคว้งคว้างอยู่หน้าโรงเรียนที่ร้างไร้ผู้คนอยู่แบบนี้...
ก็หลังจากที่กลับไปดูบ้านที่ไม่ได้กลับไปหนึ่งวันเต็มๆ
น้ำที่เคยเจิงนองนั้นแห้งไปเกือบหมดแล้ว แต่เสื่อทาทามิที่ยังบวมฟูอยู่นั่นก็ไม่ต่างจากให้นอนบนกองฟางเลยสักนิด
แถมฟูกที่ตากเอาไว้ก็ยังชื้นๆอยู่
“ถ้าอยากให้ซ่อมไว้ๆก็ต้องช่วยจ่ายเงินด้วยสิพ่อหนุ่ม
ถ้าจ่ายมานะ ป้าจะรีบหาร้านซ่อมเสื่อฝีมือดีมาให้เลย
แต่ถ้ารอป้าออกให้ละก็คงต้องนานหน่อยนะพ่อหนุ่ม ก็ร้านซ่อมทาทามิถูกๆดีๆมันก็รอนานแบบนี้แหละ”
ยิ่งนึกถึงสิ่งที่ยัยป้าเจ้าของอพาทเม้นต์บอกเขาก็ยิ่งหงุดหงิด
มันใช่ความผิดของเขาไหมเนี่ย?
เขาไม่ได้ทำท่อแตกท่อตันด้วยซ้ำ แล้วทำไมต้องจ่ายเงินด้วยฟ๊ะ?
นะ...ก็เลยตัดสินใจหอบข้าวหอบของมานอนมันที่โรงเรียนซะเลย
ดูท่าจะอีกนานแน่กว่าจะซ่อมเสร็จ!
แกร๊ง...
อ้าว?
วันนี้ประตูเหล็กใส่กุญแจอยู่แหะ?
มือบางปล่อยลูกกุญแจที่ล็อคอย่างดีนั่นพลางเอียงหัว
อือ...ช่างมันเถอะ พอคิดได้แบบนั้นร่างโปร่งบางก็กระโดดแผลวข้ามรั้วไปอย่างกับแมว
ยากเสียที่ไหนล่ะก็แค่รั้วเตี้ยๆ! วันนี้เขาจะได้นอนอย่างสงบๆเสียที!
แต่ก็นั่นแหละ
ความสงบหามีจริงในโลก...
เมื่อจู่ๆคนที่เดินอยู่ในย่านร้านค้าก็นึกเอะใจขึ้นมา
ร่างสูงใหญ่ถึงได้วกกลับมายังโรงเรียนอีกครั้ง
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีขาวเงยมองหน้าต่างห้อง1-Fจากเบื้องล่าง...มีแสงไฟวูบไหวอยู่จริงๆด้วย
คนที่เป็นดั่งจุดสูงสุดของฟูรินจึงก้าวเท้าเข้าไปในตัวอาคาร
ก็แค่ลองแวะมาดูเผื่อว่าซากุระจะมานอนที่นี่อีก...แล้วก็เจอจริงๆเสียด้วย
ถึงเจ้าแมววัวจะมีพัฒนาการไม่เปิดไฟในห้องทิ้งไว้ให้เขาหรือใครสังเกตุเห็นได้ง่ายๆก็เถอะ
ครืด!!
ประตูหน้าห้องเลื่อนเปิดอย่างรวดเร็วจนคนที่กำลังจะล้มตัวนอนบนโต๊ะถึงกับสะดุ้งโหยง
“กลับบ้านกันเถอะซากุระคุง!” ไม่ว่าเปล่า
ร่างสูงใหญ่ยังเดินดุ่มๆไปหิ้วร่างโปร่งบางขึ้นโดยไม่พูดพร่ำทำเพลง
“แกอีกแล้วเร้ออออ
ปล่อยฉันนนน!” ถึงจะดิ้นไปก็เปล่าประโยชน์
เพราะอีกยี่สิบนาทีถัดมา...ซากุระ ฮารุกะคุงก็ได้มานั่งทับส้นอยู่ในบ้านของอุเมมิยะ
ฮาจิเมะเป็นที่เรียบร้อย...
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสองสีหอบแฮ่กพลางมองอีกฝ่ายอย่างนึกเคือง
ทำไมเจ้าหมอนี่ถึงได้แรงเยอะขนาดนี้เนี่ย~
ตุบ
ดวงตาสองสีเหลือบมองกล่องนมที่ถูกวางลงมาตรงหน้า
“ช่วยกินหน่อย
ได้มาจากร้านขายนมน่ะ ป้าเค้าจะปิดร้านพอดีเลยให้ที่ขายไม่หมดมาเยอะแยะเลย” ไม่ต้องเอาของกินมาล่อเลยนะ!
ปึ้ก!
หลอดถูกปักลงไปก่อนที่นมรสหวานจะถูกดูดขึ้นมาอย่างสบายใจ...เอาของกินมาล่อเขาไม่ได้หรอก...จริงจริ๊งงง
“ว่าแต่นาย...อยู่ที่นั่นคนเดียวไม่กลัวหรือไง?” อุเมมิยะนั่งขัดสมาธิลงมาที่ฝั่งตรงข้ามก่อนจะหยิบนมอีกกล่องไปดูด
“หื๋อ?
กลัวอะไร?” เขาถามอย่างไม่ยี่หระ
มันจะมีอะไรน่ากลัวฟ๊ะ ก็แค่โรงเรียน
“ก็ที่โรงเรียนน่ะ…มี…แบบนั้นด้วยนะ….” แล้วเจ้าอุเมมิยะก็เปิดไฟฉายโทรศัพท์มือถือใส่หน้าตัวเอง
“อ๊ากกกก!!” ร่างโปร่งแหกปากพลางถอยครูดอย่างหมดมาดนักเลงทันที
อุเมมิยะถึงกับแอบขำ
กลัวผีกับเค้าเหมือนกันเหรอเจ้าเหมียวนี่ ดีละ
“มะ มีจริงๆเหรอ….” ใบหน้ามนถามเลิ่กลั่กๆ
จะมีหรือไม่มีก็ไม่รู้ละ เขารู้แค่ว่าได้เวลาแต่งเรื่องแล้ว ฮ่าๆๆ
“มีสิ...มีเยอะเลยด้วยนะ...อย่างในห้องน้ำของชั้นสอง…มีเด็กที่เดินตกท่อจนตายชื่อฮายาโตะคุงอยู่ละ”
ฮานาโกะ ฮาดาโอะ ฮายาเตะ อะไรก็ไม่รู้ละ
แต่หน้าของสุโอคุงแว่บผ่านมาพอดี เอาชื่อฮายาโตะมันเลยแล้วกัน
ยังไงก็เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นมามั่วๆอยู่แล้ว
“ทุกๆคืนๆฮายาโตะคุงก็มักจะมาเดินเปิดก๊อกน้ำให้หยดติ๋งๆเอาไว้ แล้วใครที่ได้ยินเสียงน้ำแล้วเดินเข้าไปดู…ฮายาโตะคุงที่มีตาเดียวก็จะเอาไปอยู่ด้วยยยยย แฮ่~”
“เหวอ~” หงึกๆๆๆๆ
เจ้าแมววัวตัวสั่นหงึกๆไปแล้ว
“นอกจากนี้ที่แปลงดอกไม้ก็มีผีปวดกระเพาะเดินไปเดินมา มันเคี้ยวแก้สคุง10ดังกรุบๆๆๆด้วยนะ สยดสยองมาก”
“อ๊ากกกก ไม่อยากฟังแล้ว!” ซากุระเอามือปิดหน้า เขาเลยแอบยิ้ม เรื่องที่เขาเล่านี่มันน่ากลัวตรงไหนนะ?
“น่ากลัวใช่ไหมล่ะ? ฉันเองยังไม่กล้าอยู่คนเดียวเลยนะ”
เขาทำเป็นส่ายหน้าด้วยท่าทางหวาดๆ
ก่อนจะคว้ามือบางมากุมไว้ในจังหวะสุดท้าย
“เพราะงั้นนะซากุระ ถ้าห้องนายยังซ่อมไม่เสร็จ ก็มานอนกับฉันที่นี่เถอะ”
“........ระ รู้แล้วเฟ้ย” เจ้าเหมียวตอบด้วยท่าทางเลิ่กๆลั่กๆ ส่วนใบหน้าหล่อเหลาก็ได้แต่ลอบยิ้ม
แบบนี้...ถือว่าฉันใจร้ายกับนายได้หรือยังนะ...ซากุระ?
แล้วก็ถ้าคิดว่าซากุระ
ฮารุกะจะยอมทำตามอย่างว่าง่ายละก็บอกเลยว่า คิดผิด!
ยังไงซะแมวก็ยังมีความดื้อแบบแมวๆ
คืนวันถัดมาร่างโปร่งบางก็ยังกระโดดตัวลอยข้ามประตูรั้วเหล็กของโรงเรียนเข้าไปในยามวิกาลอยู่...
ก็จะให้ไปอยู่บ้านหมอนั่นแบบว่าง่ายได้ไงล่ะ!
ก็เลยตั้งใจว่าจะไปที่โรงเรียนก่อน...
เอี๊ยด
เอี๊ยด เอี๊ยด...
เสียงที่ตอนกลางวันไม่เคยได้ยินอย่างเสียงพื้นรองเท้าที่บดเบียดไปกับพื้น
พอมาเป็นตอนกลางคืนกลับได้ยินชัดเต็มสองหู สิ่งที่ไม่เคยสนใจอย่างเรื่องผีสางนางไม้ พอไปได้ยินมาว่ามันมีนู้นนั่นนี่
จิตใจเลยจดจ่อกับมันในทันที
ว้อยยยย
ไม่น่าไปฟังเลยให้ตายเถอะ!
เมื่อคืนเขายังล้มตัวลงนอนที่ห้องเรียนอย่างไม่ได้คิดอะไรแท้ๆ
แต่ตอนนี้กลับมีแต่คำพูดของเจ้าอุเมมิยะอยู่เต็มหัว!
ติ๋ง
เฮือก!
ไหล่บางสะดุ้งโหยงกับเสียงที่ได้ยิน...อะ
อะไรฟ๊ะ...
ติ๋ง
“อึก...” ฝ่าเท้าถึงกับชะงักค้างเมื่อหันไปมองข้างทาง
ตะ ตรงนี้มันห้องน้ำที่ชั้นสองนี่หว่า...
ติ๋งๆๆ
“เหวอ~!” ขนเขาลุกพรึ่บตั้งแต่หน้าแข้งยันท้ายทอย
สองหูไม่ต้องอยู่ฟังอะไรต่อแล้วจ้าเพราะสองขาเผ่นแน่บวิ่งปรู๊ดออกมาจากโรงเรียนเรียบร้อย
อ๊ากกกก มันมีจริงๆด๊วยยย ผีฮายาโตะคุงงงง!!
เขาหลับหูหลับตาวิ่งหน้าตั้งอย่างไม่คิดจะหันกลับไปมองข้างหลัง
สองขากระโดดข้ามรั้วก่อนจะโกยอ้าวอย่างไม่คิดชีวิต ไม่เอาแล้ววว อยู่ไม่ได้แล้ววว
แต่ก็เพราะไม่เคยดูอะไรพวกนี้ให้ดีๆนั่นแหละ...ซากุระ
ฮารุกะถึงได้ไม่เคยรู้ว่าก๊อกน้ำนั่นมันซึมและหยดติ๋งๆแบบนั้นมานานปีดีดักแล้ว...
แน่นอนว่าประธานนักเรียนอย่างอุเมมิยะ
ฮาจิเมะย่อมต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี...
เพราะงั้นเรื่องที่เขาเล่าไปก็ใช่ว่าจะมั่วไปเสียหมดทีเดียวหรอกนะ
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีขาวจึงยกยิ้มเมื่อมองเห็นเจ้าแมวดื้อนั่งหอบแฮ่กอยู่หน้าประตูห้องของเขา
แสดงว่าไปโรงเรียนมาแล้วสินะถึงได้มีสภาพแบบนี้?
“ยินดีต้อนรับครับ” มือใหญ่กดรหัสเข้าห้องก่อนจะเปิดประตูให้
“อะ อือ...” ใบหน้ามนกรอกตาไปมาเล็กน้อยหลังจากลุกขึ้นยืน
“ซากุระคุง เวลาแบบนี้ต้องพูดยังไง?” เสียงทุ้มจึงพูดออกไป
“หื๋อ?”
“ทาไดมะยังไงล่ะ ทาไดมะ” ดวงตาสองสีจึงถึงกับเบิกตากว้างก่อนจะหน้าแดง
เพราะเขาไม่เคยได้พูดคำๆนี้มาก่อนเลยไม่ว่าจะต้องระหกระเหินไปอยู่ที่ไหน
ไม่เคยมีใครรอให้เขากลับบ้านและบ้านของเขาก็มักจะไม่มีใคร...มันจึงเป็นเรื่องธรรมดาที่แสนแปลกใหม่สำหรับเขามาก...
“เอ้า เร็วเข้า”
“ทะ ทะ ทาไดมะ…” เสียงใสพูดออกไปอย่างตะกุกตะกัก
ตอนนี้แม้แต่ใบหูก็ร้อนผ่าวไปหมดแล้ว
“ดีมาก” มือใหญ่ขยี้หัวเขาไปมาก่อนที่เสียงทุ้มนั้นจะพูดออกมาว่า
“โอคาเอริ ซากุระ” เขาเงยมองหน้าอุเมมิยะที่กำลังยิ้มให้อย่างอ่อนโยน
ใต้แผ่นอกซ้ายกำลังเต้นในจังหวะที่แปลกไป คะ ความรู้สึกแบบนี้มัน…อะไรกันนะ….?
ความรู้สึกที่มีต่อคนในครอบครัวงั้นเหรอ?
หรือว่าพี่ชาย? หรือว่าไม่ใช่? ถ้างั้นจะเป็นใครกัน? อุเมมิยะน่ะ
“แปด
ศูนย์ ห้า เก้า แปด ศูนย์”
แล้วจู่ๆเสียงทุ้มก็เอ่ยตัวเลขจำนวนหนึ่งออกมาในขณะที่ดันหลังเขาเข้าห้อง
“อะไร?
จะฝากซื้อลอตเตอร์รี่?”
ใบหน้ามนจึงเงยขึ้นถามด้วยความสงสัย
“ลอตเตอร์รี่อะไรเล่า
รหัสประตูห้องนี่ต่างหาก ถ้าวันไหนฉันกลับช้าอย่างวันนี้ นายก็กดเข้ามาเองก่อนได้เลย
จะได้ไม่ต้องนั่งรออยู่ข้างนอก”
ดวงตาสองสีหรี่ลงก่อนจะถามต่อ
“ปกตินายก็แจกรหัสเข้าบ้านให้ใครต่อใครง่ายๆแบบนี้เหรอ?”
ใบหน้าหล่อเหลาจึงอมยิ้มบางๆก่อนจะก้มลงมาจนปลายจมูกแทบจะชนกัน
เสียงทุ้มพูดออกไป...ด้วยน้ำเสียงที่สื่อความหมาย...
“ไม่ใช่ของแจกสักหน่อย
ฉันต้องเลือกแล้วสิ...คนที่จะให้เข้ามาในห้องนี้ได้น่ะ”
แล้วประตูห้อง...ก็ค่อยๆปิดลง
ปึ้ง...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
แอบแว่บมาแปะเรื่องนี้ก่อง
ส่วนชูมินะรอแป๊บน้า มันยาวและมันละเอียดมากเลยไม่เสร็จซักที ฮื้อออ แถมแต่งพีเรียดไปพล็อตปัจจุบันก็คอยแต่จะเข้ามาแทรก
รบรากันเต็มหัวแต่เขียนออกมาได้ช้ามากเลยค่ะ กราบขออภัย ทั้งยัยพายกับอาจารย์องศา
ทั้งป๋อจ้านด้วยนาคะ //พราก
ส่วนฟิคเรื่องนี้ก็ต้องขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆเลยนะคะ
ช่วงนี้ชอบส่องreelที่ผู้ชายตัวสูงๆกับผู้หญิงตัวเล็กๆเค้าแบบอุ้มกันด้วยแขนเดียวเงี้ย
เห็นแล้วก็แบบภาพยัยแงวกับพี่อุเมะซ้อนทับมาก งื้อออ น่ารักกก >////<
พูดถึงความสูงแล้วก็เอ็นดูยัยแงว ผิดมาตรฐานพระเอกโชเน็นมากลูก555 คือปกติพระเอกโชเน็นเค้ามักจะ 170เป็นอย่างน้อยนะ
แต่น้องซาเราก็ยังอุตส่าห์ขาดไปตั้งเซ็นต์นึง สูงไม่ถึงมาตรฐานเค้า555 น่าร้ากกกก ตะเล็กตะน้อยของมัมหมีมาก >3<
แล้วเจอกันใหม่ตอนหน้าน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น