Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 33 : END
:
Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction
:
Fujiwara Shuu x Narumiya Minato
:
Warmhearted
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“ขอร้องละ!
นะ! นารุมิยะ! ทาเคฮายะ!” เสียงนี้ดังมาจากเพื่อนร่วมห้องคนหนึ่งซึ่งกำลังพนมมือก้มหัวน้อยๆขอร้องเขากับมินาโตะอยู่ที่หลังห้องเรียน
“พวกนายก็ถือซะว่าไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนในห้องไง
แค่นั้นเอง!” เขากับมินาโตะหันมองหน้ากัน
เรื่องที่อีกฝ่ายขอร้องก็คืออยากจะให้เขากับมินาโตะไปสวนสนุกด้วยในวันอาทิตย์นี้
เพราะเพื่อนคนนี้กำลังวางแผนจะจีบเพื่อนผู้หญิงคนหนึ่งในห้องอยู่
แล้วการไปสวนสนุกกับเพื่อนกลุ่มใหญ่ในห้องก็จะทำให้เคอะเขินน้อยกว่าการไปสองต่อสอง
เขากับมินาโตะก็ไม่ได้ลำบากใจอะไรเพราะมันก็ไม่ได้เหนือบ่ากว่าแรง
เพื่อนคนนี้ก็ทำรายงานอยู่กลุ่มเดียวกันด้วย ถึงจะไม่ได้สนิทกับทุกๆคนในห้องเหมือนที่สนิทกับเพื่อนในชมรมแต่ก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องยากอะไร
“จะให้ไปด้วยมันก็ได้อยู่หรอก
แต่พวกฉันคงช่วยอะไรไม่ได้มากนักหรอกนะ”
มินาโตะเอ่ยออกไปตรงๆว่าอย่างพวกเขาคงไปช่วยจีบสาวไม่ไหว แต่ถ้าไปแค่ให้คนมันเยอะๆก็คงพอได้อยู่
“ไม่เป็นไรๆ
พวกนายไม่ต้องช่วยอะไรเลย ฉันแค่อยากให้มีเพื่อนไปเยอะๆก็พอ จะได้ไม่รู้สึกเขิน
ฉันก็เพิ่งจะเริ่มจีบเค้าด้วย ไปแบบกลุ่มเพื่อนก่อนน่าจะดีกว่า” อีกฝ่ายยกมือเกาท้ายทอยหัวเราะแหะๆ
และถึงมินาโตะจะตอบตกลงง่ายๆตามประสาคนที่ไม่คิดอะไรเยอะ แต่กับเขาแล้วมันไม่ใช่ มือเรียวขยับแว่นก่อนจะถามออกไปอย่างเข้มงวด
“เป็นการไปเที่ยวกับกลุ่มเพื่อนแค่นั้นใช่ไหม?
ไม่ใช่นัดบอร์ดแน่นะ?” เหมือนมีประกาย ชิ้งงง
อยู่บนกรอบแว่นเมื่อเขาถามออกไป จะไม่ให้เขาระแวงได้ยังไงในเมื่อมันเคยมีมาแล้ว
ตอนแรกก็นัดไปซื้อของงานกลุ่มเฉยๆบ้างละ
ชวนไปเที่ยวเล่นหลังเลิกเรียนบ้างละ แล้วพอไปถึงก็กลายเป็นการจับคู่ชายหญิงเฉย
จนเขาต้องลากมินาโตะที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวกลับบ้านทันทีอยู่ตลอด
ก็เอาจริงๆเจ้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำชมรมยิงธนูนี่ก็ฮอตไม่เบาแหละ คนชอบของแปลก
ชอบเทพเจ้า ชอบอะไรที่เอาไว้กราบไหว้ก็มักจะชอบมินาโตะไปโดยปริยาย
เขาไม่มีทางเปิดโอกาสให้ใครมาจีบมินาโตะได้แน่
เห็นครั้งแรกอาจจะคิดว่าเป็นเด็กผู้ชายธรรมดาๆ แต่มินาโตะเป็นคนน่ารักมาก
ความใสซื่อที่ถูกปล่อยออกมาตลอดเวลาที่คุยกันจะทำให้ใครต่อใครหลงรักได้หลังจากนั้น
เพราะงั้นใครที่คิดจะให้มินาโตะไปนัดบอร์ดต้องข้ามศพเขาไปก่อน
ข้ามศพเขาไม่พอยังต้องไปข้ามแม่น้ำแห่งความตายที่ชื่อคุณชายฟูจิวาระอีกสายด้วย
“ไม่ใช่ๆ
มีแต่เพื่อนๆในห้องเราทั้งนั้นแหละ”
เพื่อนคนนี้รีบยกมือมาปฏิเสธพัลวันว่าไม่ใช่เป็นการนัดบอร์ด
“นายคงรู้ใช่ไหม
ว่าถ้ามาหักหลังกันทีหลัง นายจะต้องชดใช้อย่างสาสมเลยนะ” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นแสยะยิ้ม
เขาไม่เคยเก็บอาการหรอกว่าใครหน้าไหนก็ห้ามมายุ่งกับมินาโตะ
ใครที่คิดร้ายและทำเรื่องไม่ดีกับมินาโตะจะต้องโดนเขาจัดการอย่างโหดเหี้ยม
เพราะงั้นทุกคนจึงรู้กิตติศัพท์นี้ดีและไม่มีใครกล้าแตะต้องมินาโตะมาแต่ไหนแต่ไร
ตอนม.ปลายนี่ยังนับว่าเบาลงมากแล้วนะ
เพราะสมัยม.ต้นยิ่งกว่านี้หลายเท่า ก็มีทั้งเขาทั้งชูคอยประกบติดมินาโตะอยู่
ใครกล้าท้าทายคุณชายฟูจิวาระก็นับว่าเสียสติไปแล้ว
“อะ
อื้อ...ขะเข้าใจแล้ว” เพื่อนคนนั้นพยักหน้ารับพลางยิ้มแห้ง
“แล้วก็
ถ้านายชวนมินาโตะไปไหน นายต้องรับมือให้ไหวล่ะ” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นของทาเคฮายะ
เซยะหัวเราะหึในลำคอเพราะตนนั้นรู้ดีกว่าใครเวลาต้องออกไปไหนกับมินาโตะ
“เอ๊ะ?” จะมีก็แต่เพื่อนร่วมห้องผู้น่าสงสารของเขานี่แหละที่ไม่รู้อะไรเลย
“มินาโตะมีวิญญาณพยาบาทตามติดอยู่
นายไม่รู้เหรอ?” เขาทิ้งคำพูดปริศนาไว้แค่นั้นก่อนจะเดินจากไป
“เห๊ะ?” ทิ้งให้อีกฝ่ายเอียงหัวมองตามอย่างมึนงง
และวิญญาณพยาบาทที่ว่านั่นก็ปรากฏกายออกมาจากรถยนต์สีดำสุดหรูคันหนึ่งแทนที่จะเป็นโลงศพไม่ก็ตำราเรียกซาตาน
ในขณะที่เพื่อนร่วมห้องของเขาต่างอ้าปากค้างไปตามๆกัน
ฟูจิวาระ
ชูก้าวขาลงมาจากรถ
ก็การที่เด็กม.ปลายจะมีรถราคาหลายสิบล้านคอยรับคอยส่ง
มีคนขับรถคอยลงมาเปิดประตูให้ มันไม่ใช่ภาพที่เห็นได้ทั่วไป
กลุ่มเด็กคาเซไมที่ยืนรอกันอยู่หน้าสวนสนุกจึงมองตาเบิกโพลงกันเลยทีเดียว
“เดี๋ยวก่อนนะทาเคฮายะ
วิญญาณพยาบาทที่นายหมายถึงนี่คือเจ้าชายของคิริซากิงั้นเร๊อะ?!” เพื่อนคนที่ชวนเขาขยับเข้ามากระซิบกระซาบอย่างตกใจ
“อื้อ
คอยตามติดมินาโตะยิ่งกว่าเจ้ากรรมนายเวรซะอีก”
เขาตอบด้วยสีหน้าเรียบเฉยในขณะที่มองไปยังร่างสูงสง่าซึ่งเดินตรงเข้ามาหามินาโตะแบบไม่เห็นคนอื่นอยู่ในสายตาเลยสักนิด
...เจ้าหมอนี่ยังคงเห็นคนบนโลกเป็นเพียงลูกธนูและยิ้มให้แต่มินาโตะคนเดียวไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ
“ทำไมไม่บอกกันก่อนล่ะ!” เพื่อนเขากระซิบโวยวาย
“ผมก็บอกไปแล้วนี่
ว่าพวกนายต้องรับมือให้ไหวน่ะ” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นแสยะยิ้ม ถึงยามสงบเราจะรบกันเอง
แต่เวลาต้องออกไปไหนกับคนมากมายแบบนี้
การมีชูอยู่ด้วยก็ช่วยเขาได้มากจริงๆนั่นแหละ
เป็นต้นว่า
เพราะเพื่อนผู้หญิงในห้องเอาแต่สนใจชูจนไม่เป็นอันทำอะไร ทั้งแอบมอง แอบถ่ายรูป
พยายามเข้าใกล้ จนแม้แต่แผนจีบสาวก็อาจจะพากันล่มได้ พวกเพื่อนผู้ชายถึงได้บอกให้มินาโตะพาชูไปไกลๆ
ไปที่ไหนก็ได้ที่พวกผู้หญิงจะไม่เห็น พวกเขาสามคนถึงได้ถูกลอยแพออกจากกลุ่มมา
แน่นอนว่าแบบนี้มินาโตะจะปลอดภัยกว่า จะไม่มีใครได้เห็นความน่ารักของมินาโตะนอกจากเขากับเจ้าเจ้าชายปีศาจนั่น
จากการมาเที่ยวกับเพื่อนกลุ่มใหญ่จึงเหลือแค่พวกเราสามคนไปซะงั้น
ชูกับมินาโตะน่ะคงไม่คิดอะไรหรอก ท่าทางยังเอ็นจอยกับบรรยากาศของสวนสนุกอยู่เลย
เขาจึงเดินทอดน่องตามทั้งสองคนไป
จะว่าไป...พวกเราสามคนก็ไม่เคยมาสวนสนุกด้วยกันเลย?
เขากับมินาโตะเองก็ไม่ได้มานานมากๆแล้ว
จำได้ว่าครั้งล่าสุดก็ตั้งแต่ตอนที่ยังเป็นเด็กประถม...
แล้วด้วยความที่ไม่ได้มานาน
ดวงตากลมใสของมินาโตะจึงมองทุกอย่างพลางเปล่งประกายไปเสียหมด...
มันก็ดีอยู่หรอกนะ...แต่ว่า
ทำไมเขาถึงสังหรณ์ใจแปลกๆ...
“อ๊ะ! นั่นมันที่คาดผมหูหมีที่เคยเห็นในทีวี!”
นั่นไง...เอาแล้วไง...มินาโตะหยุดยืนอยู่หน้าร้านขายของที่ระลึกก่อนจะชี้ไปที่ราวแขวนบรรดาที่คาดผมซึ่งทำเป็นคาร์แรกเตอร์ต่างๆของตัวการ์ตูนในสวนสนุก
“มาสวนสนุกก็ต้องใส่ของแบบนี้กันทุกคนใช่ไหม?” ไม่ใช่...ไม่ใช่หรอกมินาโตะ
นายไปเอาความเชื่อผิดๆแบบนั้นมาจากไหน...
“พวกเรา...ก็มาใส่กันบ้างเถอะชู
เซยะ!” แล้วมินาโตะก็หันควับมามองตาใส...
ครื้น~
เหมือนมีเมฆฝนดำทะมึนลอยอยู่บนหัวทาเคฮายะ เซยะในเวลานี้
ถ้าเป็นเด็กๆหรือผู้หญิงก็ว่าไปอย่าง แต่นี่พวกเขาเป็นผู้ชาย แล้วก็เป็นเด็กมัธยมปลายแล้วนะ! จะให้ไปใส่ที่คาดผมน่ารักมุ้งมิ้งแบบนั้นได้ยังไง! แถมไม่ได้มากับแฟน
ไม่ได้ใส่เข้าคู่กัน แต่เป็นเพื่อนผู้ชายที่โตแล้วสามคนเนี่ยนะ!
ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นรีบหาตัวช่วยด้วยการตวัดไปมองฟูจิวาระ
ชู เขาส่งสายตาจนแทบจะถลนบอกเจ้าคนที่สามารถปฏิเสธมินาโตะได้มากกว่าเขาว่า ไม่เอา!
ปฏิเสธซะ! น่าอายจะตาย!
แต่มีหรือเจ้าคนที่ตามใจมินาโตะทุกเรื่องและไม่เคยอายฟ้าอายดินอย่างหมอนั่นจะปฏิเสธ...
ชูมองมินาโตะตาเยิ้มแถมพยักหน้าเห็นดีเห็นงามด้วยอีกต่างหาก!
ไอ้หมอนี่! เขารู้นะว่าคิดอะไรอยู่! ถึงนายจะอยากเห็นมินาโตะใส่ที่คาดผมนั่นแต่นึกถึงสภาพตัวเองด้วยสิโว้ย~!
ลืมไปแล้วรึไงว่านายเป็นถึงเจ้าชายผู้เย็นชาของคิริซากิ! และพวกเราก็ถูกนับหน้าถือตาในฐานะสามทหารเสือของชมรมยิงธนู! สามทหารเสือที่ถูกยกขึ้นหิ้งมาตลอดเลยนะ! จะมาใส่หูหมีนุ่มฟูแบบนี้มันได้เหรอ~~
เขาถึงกับยกมือขึ้นมากุมขมับ
แกล้งเป็นลมซะดีไหมนะ? แต่ถ้าเขาเป็นลมก็เข้าทางเจ้าตัวชูนี่เลยสิ! ไม่มีทาง! ไม่อยากทำแต่ก็จำต้องทำเพราะต้องขัดขวางเจ้าหมอนี่!
เกิดเป็นเขาทำไมลำบากขนาดนี้กันนะ!
แล้วในขณะที่เขากำลังต่อสู้กับจิตใจของตัวเอง
มินาโตะก็หันมามองตาใส "เอาสีไหนดีเซยะ?"
สีไหนอะไรล่ะ?! ว่าแต่พวกนายสองคนจะไวไปไหม? ไปอยู่ตรงชั้นนั่นตั้งแต่เมื่อไหร่น่ะเฮ้ย?!
“..........”
มือบางของเพื่อนสนิทยังยื่นที่คาดผมมาให้เขาเลือกอีกต่างหาก....
อย่ามองฉันด้วยดวงตาคู่นั้นได้ไหม~~
ทาเคฮายะ เซยะได้แต่น้ำตาไหลพรากในใจ
"เฮ้อ~ เข้าใจแล้ว" เขาถอนหายใจอย่างปลงๆ
ดวงตาของมินาโตะมันต้องมีสารอะไรพิเศษแน่ๆ มันต้องทำปฏิกิริยาทางเคมีแล้วส่งผลต่อระบบประสาทของเขาแน่ๆ
เขาถึงปฏิเสธมันไม่ได้สักที!
มือเรียวหยิบที่คาดผมสีขาวมั่วๆมาอันนึง
เอาเถอะ
ไว้เรียนปริญญาโทเมื่อไหร่เขาจะทำวิจัยเกี่ยวกับสารที่อยู่ในดวงตามินาโตะให้ได้เลยคอยดู!
ดวงตาภายใต้กรอบแว่นเหลือบไปมองสองคนที่ดูสนุกสนานกันอยู่ที่ชั้นวางของ
“แน่นไปหน่อยแหะ?”
มินาโตะยืนจับๆที่คาดผมหมีแพนด้าสีดำบนหัวตัวเองพลางบ่นเบาๆ
“เอาอันนี้สิ
มันน่าจะใหญ่กว่านะ” เจ้าหมีกริซลี่สีน้ำตาลจึงหันไปเลือกที่คาดผมเบอร์ที่ใหญ่ขึ้นมาสวมให้ใหม่อย่างอ่อนโยน
บรรยากาศอย่างกับคู่รักนี่มันอะไร? มันน่าปาระเบิดใส่เหลือเกิน!
“โอเคไหมชู?”
“อื้ม
น่ารักมากมินาโตะ”
ปื้ด! เขาถึงกับยิ้มกระตุก
เครื่องหมายสามแยกผุดพรายอยู่เต็มขมับ เผลอไม่ได้เลยจริงๆนะไอ้คุณชายวายร้ายนี่!
คอยแต่จะล่อลวงมินาโตะที่ใสซื่อของเขาตลอด~
มือเรียวจึงสวมที่คาดผมหมีขาวลงไปบนหัวก่อนจะเดินแยกเขี้ยวเข้าไปขวางทั้งสองคน
ถึงเขาจะรู้อยู่แล้วก็เถอะว่ามินาโตะกับชูคบกันแบบคนรักอยู่
แต่ความน่าหมั่นไส้ของเจ้าคุณชายนั่นมันก็ทำให้เขาอยากจะเข้าไปขวางอย่างตั้งใจก่อกวนอยู่ร่ำไป
ฉันจะเป็นอุปสรรคพิสูจน์รักแท้ เป็นด่านเคราะห์ด่านสวรรค์ให้นายเองชู หึๆๆๆ
แล้วหมีขาวขั้วโลกกับหมีกริซลี่ที่ดุร้ายต่างก็ลอบฝังเล็บใส่หลังกันไปมาโดยที่หมีแพนด้านั้นไม่ได้รู้เรื่องเลยสักนิด...
อย่ามาเต๊าะมินาโตะของฉันนะ! กรรรรร!
แชะ!
เพราะมัวแต่จิกหลังกันนั่นแหละทำให้ไม่รู้ตัวเลยว่าถูกแอบถ่ายรูปมาตลอดทาง
ก็อย่างที่รู้ ต่อให้ไม่ได้อยู่โรงเรียนเดียวกันแต่ชื่อเสียงของฟูจิวาระ
ชูและเพื่อนสนิทอย่างอดีตสามทหารเสือของชมรมยิงธนูคิริซากิม.ต้นนั้นก็นับว่าโด่งดังเป็นที่รู้จักของคนทั้งเมือง
เด็กม.ปลายที่มาเที่ยวสวนสนุกในวันนี้จึงจำพวกเขาสามคนได้ทันทีที่เห็น
ตอนนี้...รูปอันน่าเอ็นดูของสามทหารหมีที่นั่งดื่มโคล่าอยู่ด้วยกันจึงเป็นที่ฮือฮาไปทั่วทั้งโซเชียลเลยทีเดียว
แต่ถ้าคิดว่าความวายป่วงของทาเคฮายะ
เซยะจะจบแค่นี้ละก็ ผิด!
ผิดถนัด! ผิดที่สุด!
“อ๊ะ!
นั่นมันม้าหมุนแบบที่เห็นในทีวี!” นายเลิกดูทีวีดีไหมมินาโตะ? แล้วชู
เจ้าหมอนั่นก็ไม่ได้ห้ามปรามกันบ้างเล้ย~ ไม่พอ ยังพากันไปต่อแถวเล่นด้วยหน้าตาเฉย
เขาจึงต้องก้าวตามไปอย่างช่วยไม่ได้...
ก่อนจะต้องมายื่นต่อแถวไปก็เหงื่อแตกพลั่กไป...กับสายตาเอ็นดูของแม่ๆที่พาลูกน้อยมาต่อแถว...มีแค่มินาโตะกับชูนี่แหละที่ไม่รู้สึกรู้สาอะไร
ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ามันมีแต่เด็กเล็กเด็กอนุบาลที่เล่นม้าหมุนกันเนี่ย!
“ถ้าลำบากใจจะรออยู่ข้างล่างก็ได้นะ” ฟูจิวาระ ชูหันมาบอกเขาราวกับกำลังหวังดี
แต่ขอโทษทีเถอะ ฉันน่ะรู้ธาตุแท้ของนายดีกว่าใครและไม่มีทางปล่อยให้นายได้สวีทหวานแหววกับมินาโตะของฉันได้หรอกเจ้าคุณชายวายร้าย!
“เห๋~
ลำบากใจที่ไหนกันล่ะ นายเองก็เถอะรออยู่ตรงนี้ไม่ดีกว่าเหรอ? จะให้คุณชายใหญ่ของตระกูลฟูจิวาระไปขึ้นม้าหมุนปะปนกับคนทั่วไปได้ยังไง~” และเรื่องลับฝีปากกันเนี่ยก็เป็นงานถนัดของพวกเขาเลย!
“ไม่ต้องให้ลูกชายคนรองของบ้านทาเคฮายะมาห่วงเรื่องนั้นหรอก” ชูยกยิ้มเย็นๆก่อนจะเหยียดมองเขา
อย่างน้อยการได้ผลัดกันเอามีดจ้วงหลังกับหมอนี่ก็ทำให้เขาลืมสายตาของแม่ๆแถวนี้ไปได้บ้าง
“เอ๋?
อะไรเหรอๆ?”
.....มีแค่มินาโตะนี่แหละที่ไม่เคยรู้ตัวว่าอยู่ท่ามกลางสงครามของราชวงศ์มาตลอด...
“ไม่มีอะไรหรอกมินาโตะ
เมื่อยไหม? หิวน้ำรึเปล่า?”
ชูหันกลับไปยิ้มอ่อนโยนให้มินาโตะพลางยกมือขึ้นมาลูบแก้มใส เนี่ย
มันน่าหมั่นไส้ก็ตรงนี้แหละ~
เพราะงั้นพอถึงรอบที่พวกเขาจะได้ขึ้นไปเล่นม้าหมุน
เขาจึงจงใจเดินไปนั่งแทรกระหว่างม้าของมินาโตะกับม้าตัวที่ชูเล็งเอาไว้ หึ ไม่ยกให้ง่ายๆหรอก!
แชะ!
แล้วก็มีรูปสามทหารหมีที่กำลังเล่นม้าหมุนโดยรายล้อมไปด้วยเด็กน้อยลงว่อนโซเชียลเพิ่มอีกหนึ่งใบจนได้...
สองขาเดินผ่านปราสาทเจ้าหญิงอย่างอ่อนแรง
ทำไมถึงได้รู้สึกว่าโดนดูดพลังงานไปมหาศาลขนาดนี้กันนะ แล้วก็ทั้งๆที่คิดว่าไม่น่าจะมีอะไรแต่มันก็ดันมีจนได้!
“นี่คือลูกโป่งเด็กดีนะจ๊ะเด็กๆ
ไหน ใครเป็นเด็กดียกมือหน่อยสิจ๊ะ”
เจ้าหญิงที่ยืนอยู่หน้าปราสาทกำลังพูดคุยกับเด็กน้อยกลุ่มหนึ่งด้วยท่าทางอ่อนหวาน
ในมือเรียวเล็กนั่นถือเชือกลูกโป่งรูปตัวการ์ตูนนับสิบใบอยู่
“คร้าบ~”
เหล่าเด็กน้อยต่างยกมือขานรับ...แล้วนายจะไปยกมือกับเค้าทำไมน่ะนารุมิยะ
มินาโตะ! แล้วพอเห็นแบบนั้นฟูจิวาระ
ชูก็ยกมือตามอย่างไม่มีลังเล!
โอ๊ยยยยย
ไม่นะ....
“ถ้างั้นเด็กดีทั้งหลาย~
มารับลูกโป่งจากพี่เจ้าหญิงได้เลยจ้ะ~” เขาถึงกับต้องไปยืนเอามือยันต้นไม้เพื่อทำใจ
พวกนายไม่ต้องเอ็นจอยด์สวนสนุกขนาดนั้นก็ได้~~
เพราะลูกโป่งเนี่ยก็ไม่ได้ให้มาถือเฉยๆนะ
ด้วยความที่ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นเด็กเล็กไงที่เข้าไปเอา พี่เจ้าหญิงเค้าก็เลยผูกลูกโป่งที่ข้อมือให้!
“เซยะ?
ไม่มาเอาลูกโป่งเหรอ?”
มินาโตะเอียงคอมองเขาตาใส นัยน์ตาคู่นี้อีกแล้ว!
เฮ้อ....ไม่อายบ้างรึไงเนี่ย
ถามจริงๆ แต่จะไปถามหาความอายจากพวกหน้าตายและหน้าไม่อายสองคนนี้ก็คงจะไม่ได้นั่นแหละ! มีแค่เรื่องนี้ที่เขาคิดว่าชูกับมินาโตะนั้นเหมือนกันมากจริงๆ
แชะ!
แล้วรูปสามทหารหมีที่เดินไปมีลูกโป่งลอยเหนือหัวไปก็กลายเป็นภาพเด็ดอีกรูปจนได้
พวกเขาไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่ากำลังทำให้โซเชียลแตกอยู่ณ.ตอนนี้
พอหลุดออกมาจากโซนเด็กเล็กเขาก็นึกว่าจะได้เล่นเครื่องเล่นที่สมเป็นผู้ใหญ่สักที
แต่ก็ดูเหมือนเขาจะประเมินความเหนือมนุษย์ของสองคนนี้ต่ำไป...
ด้วยความที่ทั้งชูและมินาโตะเป็นพวกจิตแข็งมากแถมหากหมกมุ่นอยู่กับอะไรแล้วก็จะไม่สนใจอย่างอื่นเลย
เพราะงั้นต่อให้ไปเล่นรถไฟเหาะตีลังกาห้าตลบ
ทั้งสองคนก็ยังลงมาด้วยท่าทางชิวๆไม่ได้สะทกสะท้านต่ออาการหน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมที่คนทั้งคันรถเป็นเลยสักนิด
ต่างจากเขาที่เดินโซเซอ้วกแทบพุ่ง แข้งขาก็อ่อนแรงไปหมด
เขาจึงได้แต่นั่งดมยาดมโบกมือให้อย่างยอมแพ้ในขณะที่เจ้าสองคนนั่นกลับไปเล่นรถไฟเหาะกันอีกรอบและอีกรอบ...
จะเป็นโอจิได้ต้องมีจิตใจแข็งแกร่งขนาดนี้เลยสินะ...
หลังจากนั้นก็ยังพากันไปเข้าบ้านผีสิงซึ่งทั้งสองคนก็เฉยๆมีแต่เขานี่แหละที่หัวใจจะวายตาย
บ้านผีสิงสมัยนี้ทำถึงทำดีขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย! ถึงผีจะต้องร้องไห้เพราะเจ้าคนหน้าตายสองคนข้างๆเขานี่ก็เถอะ!
แล้วตั้งแต่เช้าจรดเย็นเขาก็ถูกมินาโตะกับชูลากไปจนทั่วสวนสนุก
จะไม่ไปก็ไม่ได้ไม่งั้นเจ้าตัวชูคงได้ใจกันพอดี! เขาต้องตามไปขวาง!
เพราะงั้นก็เลยต้องมานั่งหมดสภาพพร้อมกรีดร้องในใจ
จะเล่นอะไรอี๊กกกก พอแล้ววว
“ดื่มน้ำผลไม้ก่อนสิเซยะ
อ้า~วันนี้สนุกมากเลยเนอะ ไม่ได้มาสวนสนุกตั้งนานแล้ว
ดีจริงๆเลยที่ได้มา” มินาโตะนั่งลงข้างๆก่อนจะยื่นขวดน้ำผลไม้มาให้
“อื้ม
สนุกมากเลย”
แน่นอนว่าคนที่ตอบออกไปคือชู
ก็ดูสภาพเขาซะก่อนเถอะ สนุกไหมเนี่ย!
“กลับไปดูเพื่อนในห้องกันดีไหม?
ไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไงกันบ้างแล้ว?” เขาเลยพยายามชวนมินาโตะกลับไปดูกลุ่มเพื่อนก่อนที่จะลากเขาไปเล่นอะไรอีก
“เอางั้นเหรอ?” เอางั้นแหละ
ถึงมินาโตะจะมองมาอย่างเสียดายแต่เขาก็ไม่ไหวแล้วจริงๆ
ชูที่คอยอยู่ข้างๆและรับมือกับมินาโตะได้ทุกอย่างนั้น
บางทีเขาก็นับถือใจหมอนั่นอยู่เหมือนกัน เฮ้อ...
อาจจะเป็นคนที่เหมาะสมกับมินาโตะที่สุดแล้วก็ได้...ฟูจิวาระ
ชูน่ะ
ถึงไม่อยากจะยอมรับแต่ก็เป็นเพียงคนเดียวที่เขายอมรับได้ในตอนนี้
เป็นคนเดียวที่ดูแลมินาโตะได้ดีกว่าใครจริงๆนั่นแหละ
เพราะเซยะมีเรียนพิเศษต่อในตอนเย็นจึงขอตัวกลับไปก่อน
ถึงแม้เจ้าชายของคิริซากิจะติดใจสงสัยอยู่บ้าง
ก็คนอย่างเซยะน่ะเหรอจะยอมปล่อยให้มินาโตะอยู่กับเขาตามลำพัง
แต่ก็นะ...ดูจากสภาพของเซยะในวันนี้แล้วก็คงจะไม่ไหวจริงๆ
อืม...ไม่สบายหรือเปล่านะ? อยู่ๆก็หนีไป?
ช่างเถอะ
ไม่ใช่เรื่องที่เขาต้องสนใจอยู่แล้ว
เพราะสิ่งที่อยู่ในสายตาเขาก็มีเพียงเงาร่างบนกระจกหน้าต่างรถคนนี้เท่านั้น
มินาโตะกำลังนั่งมองวิวทิวทัศน์ที่รถกำลังแล่นผ่านอย่างเพลิดเพลิน
อันที่จริงแล้วสวนสนุกแห่งนี้ไม่ได้ตั้งอยู่ในเมืองที่พวกเขาอาศัย
แต่ต้องนั่งรถไฟเป็นชั่วโมงๆทีเดียวกว่าจะถึง
แน่นอนว่าเขาไม่ได้ปล่อยให้มินาโตะกลับพร้อมเพื่อนๆที่ดูไม่น่าไว้ใจพวกนั้น
ร่างโปร่งบางจึงนั่งอยู่ข้างๆเขา ที่เบาะหลังในรถยนต์ส่วนตัวของคุณชายบ้านฟูจิวาระ
เขาพามินาโตะแวะทานข้าวอย่างแนบเนียน
ก่อนจะให้คนขับรถพาขับวนไปวนมาแบบที่มินาโตะจะไม่ได้เอะใจ
และที่ทำไปทั้งหมดนั้นก็เพื่อรอเวลา...
รอให้ฟ้าเปลี่ยนเป็นสีแห่งรัตติกาล...และทุกคนในสวนสนุกก็กลับบ้านกันจนหมด
เอี๊ยด...
รถยนต์สีดำจอดลงอีกครั้งในที่ที่แสนคุ้นตา
ใบหน้ามนมองอย่างเลิ่กลั่กเหรอหราเมื่อพบว่าตนได้กลับมายืนอยู่ที่หน้าสวนสนุกแห่งเดิมอีกครั้ง
“ชู?
ทำไมกลับมาอีกล่ะ? ลืมอะไรไว้เหรอ?”
มินาโตะหันมาถามเขาอย่างงงๆ เสียงทุ้มจึงเอ่ยออกไปจากใบหน้าอมยิ้มน้อยๆ
“ลืมเดตกับมินาโตะน่ะ
เข้าไปเดตกับฉันหน่อยได้ไหม?”
มือใหญ่เอื้อมออกไปก่อนจะแบอยู่ตรงหน้าร่างโปร่งบาง
“เอ๋?” มินาโตะยังคงมึนงงและมันก็เป็นอะไรที่น่ารักมาก
มือใหญ่จึงคว้าไปที่มือบางก่อนจะจูงเข้าไปยังสวนสนุกที่เปิดประตูไว้ให้พวกเขาเพียงคนสองคนเท่านั้น
ใช่
เขาเหมามันเองแหละ สวนสนุกทั้งสวนในค่ำคืนนี้
ก็เมื่อตอนกลางวันมันอยากวุ่นวายดีนัก
พวกเราไม่ได้มีเวลาอยู่กันสองคนเลย อุตส่าห์ได้มาสวนสนุกทั้งทีมันน่าเสียดายออกนะ
มินาโตะยืนตะลึงมองสวนสนุกที่ร้างไร้ผู้คนแต่ยังคงเปิดไฟไว้อย่างสวยงาม
บรรยากาศมันต่างจากเมื่อตอนกลางวันลิบลับ ไม่มีเสียงโหวกเหวกโวยวาย
ไม่มีคนวิ่งตัดหน้าไปมา ไม่มีเด็กร้องกระจองงอแง แต่ตอนนี้...มันกลับเต็มไปด้วยความโรแมนติก...
“อุ…เคยเห็นแต่ในละคร นี่นายทำเรื่องแบบนี้จริงๆเหรอเนี่ยชู...” มินาโตะหันมาหรี่ตามองเขา
น่าจะเข้าใจแล้วว่าอะไรเป็นอะไร แต่เขาก็ยังตอบหน้าตาย
“ฉันก็เคยเห็นแต่ในละคร เลยอยากลองทำดูบ้าง ไม่ได้แพงอย่างที่คิดนะ” ถึงจะไม่รู้ว่าเท่าไหร่เพราะไม่เคยถามจากโทโจซังก็เถอะ
แต่การที่พ่อบ้านของเขาไม่ได้บ่นอะไรออกมาก็แสดงว่าไม่แพงเท่าไหร่นั่นแหละ
“....ฉันจะไม่ถามแล้วกันว่าเท่าไหร่”
มินาโตะยังคงหรี่ตามองเขาอย่างน่ารัก
“ก็ฉัน...อยากอยู่กับมินาโตะแค่สองคน” เขาเอ่ยแบบอ้อนๆในขณะที่เดินเข้าไปในสวนสนุกที่กลายเป็นของเราเพียงสองคน
“แค่ไว้ค่อยมากันใหม่วันหลังสองคนก็ได้แล้วไหม?” เสียงใสบ่นไปตามประสา
“เดี๋ยวก็เจอคนนู้นคนนี้น่ารำคาญ
แบบนี้แหละดีแล้ว ไม่มีใครมากวนใจเวลาที่จะได้อยู่กับมินาโตะของฉันได้”
“เฮ้อ...เอาเถอะ
แล้ว อยากทำอะไรล่ะ? เล่นเครื่องเล่น?”
“ถ้าถามฉันว่าอยากทำอะไร...” สายตาของเขามองไปที่ริมฝีปากของมินาโตะอย่างไม่มีปิดบังจนใบหน้ามนต้องรีบตัดบท
“เอาเป็นว่าฉันไม่ถามนายก็ละกัน
ไปกันเถอะ ฉันอยากนั่งม้าหมุนอีกรอบมาตั้งแต่เมื่อกลางวันแล้วแต่แถวยาวมาก” มินาโตะยิ้มก่อนจะดึงมือเขาให้ก้าวตามไปที่ม้าหมุน
เพราะเป็นม้าหมุนที่ตกแต่งแบบคลาสสิคเหมือนม้าหมุนที่อยู่ในกล่องดนตรีหรือไงนะ
พอเปิดไฟและไม่มีคนแบบนี้มันจึงยิ่งดูโรแมนติกมากกว่าเดิมหลายเท่า เสียงเพลงที่เปิดคลอก็เป็นเพลงรักไม่ใช่เพลงสนุกสนานแบบเด็กๆ
สมเป็นเดตไนท์จริงๆ
ทางสวนสนุกเองก็คงจะมีประสบการณ์แบบนี้มาพอสมควรสินะ
ขนาดม้าหมุนเองก็ยังหมุนช้ากว่าเมื่อกลางวันมาก
จากม้าที่เคยวิ่งฮ่อราวกับม้าของอัศวินตอนนี้กลับเหมือนม้าของเจ้าหญิงเจ้าชายมากกว่า
มินาโตะมองสภาพม้าหมุนคู่รักแล้วก็ยิ้มขำๆ
มันหยุดหมุนตอนที่พวกเราเดินขึ้นไป มินาโตะเลือกนั่งที่ม้าสีขาวตัวหนึ่งแต่แทนที่จะคร่อมเหมือนเมื่อตอนกลางวันกลับนั่งหันข้างมาหาม้าสีขาวอีกตัวแทน
เขาจึงเดินไปกึ่งยืนกึ่งนั่งพิงม้าตัวนั้นเอาไว้
พวกมันเริ่มเคลื่อนที่อีกครั้งอย่างเชื่องช้า
ท่ามกลางทิวทัศน์ที่ค่อยๆหมุนเวียนเปลี่ยนไป
พวกเราเพียงแค่จ้องมองซึ่งกันและกัน...ยิ้มให้กัน ...หัวเราะให้กัน ...ก่อนจะค่อยๆขยับเข้ามาจูบกัน...
เป็นจูบที่หวานละมุนจากกลีบปากที่แตะสัมผัสกัน
เขาคงค้างใบหน้าไว้แบบนั้น...เพื่อมองมินาโตะให้เต็มตา
มองใบหน้าของคนที่รักแสนรัก
แล้วไม่ว่าจะรถไฟเหาะหรือไวกิ้งก็วิ่งกันช้ามาก
จากที่เคยวิ่งฝ่านรกกลับรู้สึกเหมือนนั่งอยู่บนรถฟักทองของซินเดอเรล่าไม่ก็เรือโนอาที่ลอยละล่องอยู่กลางมหาสมุทรเสียมากกว่า
ไม่ว่าจะเครื่องเล่นอะไรก็ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในฝันไปหมด
น่าประหลาดใจจริงๆว่ามันคือสิ่งที่เคยทำให้ผู้คนกรีดร้องเมื่อตอนกลางวัน
หลังจากตระเวนจูบ...เอ่อ...เล่นเครื่องเล่นจนรอบสวนสนุก
มินาโตะก็ดูจะเหนื่อยแล้วด้วยเขาจึงพาร่างบางไปยังชิงช้าสวรรค์เพื่อหาที่นั่งพัก
กระเช้าที่เปิดออกตรงหน้าพวกเขาคือกระเช้าที่เต็มไปด้วยลูกโป่ง...
มันไม่ใช่ลูกโป่งรูปตัวการ์ตูนเหมือนที่เจ้าหญิงแจกเมื่อตอนกลางวัน
แต่มันเป็นลูกโป่งรูปหัวใจสีแดง...
สวนสนุกนี่รู้งานมากจริงๆเลยแหะ
พอประตูเปิดออกลูกโป่งบางส่วนก็ลอยออกไป
ลอยขึ้นไปยังท้องฟ้ายามราตรี เป็นภาพที่ตื่นตาและสวยงามอย่างที่ไม่เคยคาดคิดมาก่อน
ดวงตากลมใสของมินาโตะจึงมองตามพวกมันไปอย่างตื่นเต้น
พวกเราเข้าไปนั่งในกระเช้า
ลูกโป่งที่ลอยอยู่เหนือหัวประปรายทำให้มินาโตะเหลือบมองมันไปก็หน้าแดงไป
เขาชอบมองเวลาที่มินาโตะเขิน...น่ารัก
กระเช้าค่อยๆลอยขึ้นไป
มินาโตะจึงหันไปตื่นตาตื่นใจกับวิวในมุมสูงเพราะจากตรงนี้มองเห็นได้ทั้งสวนสนุกเลยทีเดียว
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าที่กว้างใหญ่ขนาดนี้มีแค่เราสองคน”
มินาโตะเกาะเหล็กดัดมองลงไปยังเบื้องล่างซึ่งเต็มไปด้วยแสงไฟ
“สำหรับฉัน
ไม่ว่าจะที่ไหนๆก็มีแค่มินาโตะเท่านั้นเหมือนกัน” เขาตอบออกไปด้วยเสียงราบเรียบ
“ง่ะ” มินาโตะผงะก่อนจะเหล่มองเขา
ทำเอาเขาถึงกับหลุดหัวเราะออกไป
“ฮึ...”
มินาโตะทำหน้ายู่ก่อนจะหันกลับไปมองข้างนอกต่อ ทั้งทิวทัศน์ที่สวยงาม
ทั้งอากาศที่กำลังเย็นสบาย ทำให้ใบหน้ามนดูผ่อนคลายและมีความสุขมาก
ดวงตาสีม่วงเหลือบไปเห็นกล่องอะไรบางอย่างซึ่งติดอยู่ที่โครงเสาของกระเช้า...กล่องใส่ปากกา?
เขามองมันอย่างครุ่นคิดเพราะจำได้ว่าเมื่อกลางวันมันไม่มีของแบบนี้อยู่
หรือทางสวนสนุกจะเตรียมให้เฉพาะเดตไนท์?
มือใหญ่จึงเอื้อมไปหยิบปากกาเมจิกพวกนั้นมาพลิกดู หัวสมองอันชาญฉลาดเหมือนจะเข้าใจในทันที
หรือลูกโป่งพวกนี้จะเขียนได้?
มือใหญ่คว้าเชือกของลูกโป่งลูกหนึ่งมาก่อนจะลองขีดเส้นเล็กๆลงไป...เขียนได้จริงๆด้วยแหะ
มินาโตะเองก็มองมาที่เขาอย่างสนใจว่าเขากำลังทำอะไรอยู่
ดวงตาสีม่วงจึงทอดมองไปยังคนตรงหน้าก่อนจะอมยิ้ม เขาดึงปอกปากกาเมจิกออกก่อนจะเขียนประโยคหนึ่งลงไปต่อหน้ามินาโตะ
ลูกโป่งสีแดงถูกปล่อยไปทางร่างบาง
และมินาโตะก็รับมันไว้ด้วยสองมือ
ดวงตากลมใสเหลือบมองข้อความที่เขียนอยู่บนลูกโป่งรูปหัวใจใบนั้น
-
ฉันรักนาย มินาโตะ -
แล้วแก้มใสก็แดงแปร๊ดขึ้นมาทันที
กึดๆๆๆ
เขาเขียนใส่ลูกโป่งอีกใบก่อนจะปล่อยมันลอยไปยังมินาโตะ อีกใบและอีกใบ
-
รักมาก –
-
รักที่สุด –
มินาโตะค่อยๆยิ้มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่ออ่านข้อความเหล่านั้น
-
ธนูดอกเล็กๆที่แสนล้ำค่าสำหรับฉัน –
-
ได้โปรด –
-
อยู่เคียงข้างกันตลอดไป –
-
อยู่กับฉันนะ มินาโตะ –
“อื้ม” มินาโตะตอบกลับมาทั้งรอยยิ้ม
เป็นรอยยิ้มที่สวยมากๆจนเขาได้แต่มองอย่างไม่อาจละสายตา ใบหน้ามนดูมีความสุขมาก
และทั้งหมดนั้นก็ทำให้ทั้งหัวใจของเขาสั่นไหวและเต็มไปด้วยความสุขเช่นกัน
ขอแค่มีรอยยิ้มนี้ที่คอยยิ้มให้เขาเสมอ
เขาก็ไม่ต้องการอะไรอีกแล้ว
“มานั่งนี่ไหมมินาโตะ”
มือใหญ่แบออกไปตรงหน้าก่อนที่มือบางจะเอื้อมออกมาวางไว้บนนั้น
แขนแข็งแรงดึงร่างบางให้ขยับมานั่งฝั่งเดียวกันได้ไม่ยาก
มินาโตะเอนหัวมาซบไหล่ของเขาเอาไว้ก่อนจะมองทิวทัศน์ที่สวยงามนั้นไปพร้อมๆกัน
“หนาวไหม?”
เสียงทุ้มถามออกไปทั้งที่ไออุ่นที่แผ่ถึงกันนั้นไม่ว่าอากาศจะเย็นแค่ไหนก็คงทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ใบหน้ามนจึงส่ายไปมา
เขาจับมือของมินาโตะเอาไว้
เราแค่นั่งมองแสงไฟระยิบระยับพวกนั้นอยู่ด้วยกันเงียบๆแต่นี่กลับเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตของเขาเลยทีเดียว
ถึงจะไม่รู้ว่าวันสุดท้ายของชีวิตจะเป็นวันไหน
แต่ที่มั่นใจคือมือของเราจะยังคงจับกันไว้ไม่ปล่อยแน่นอน
กว่าจะออกจากสวนสนุกได้ก็ดึกพอสมควร
เขาจึงตัดสินใจค้างที่เมืองนี้แทนที่จะกลับบ้านซึ่งต้องใช้เวลาอีกชั่วโมงกว่าๆกว่าจะไปถึง
รถจอดลงที่โรงแรมหรูซึ่งอยู่ใจกลางเมือง
ที่นี่ก็เป็นโรงแรมในเครือฟูจิวาระกรุ๊ปที่ตระกูลของเขาเป็นเจ้าของอยู่
เพราะงั้นแค่โทโจซังติดต่อเอาไว้ให้ว่าวันนี้เขาจะเข้ามาพัก ก็มีพนักงานออกมาต้อนรับตั้งแต่ที่จอดรถวีไอพีซึ่งมีการ์ดดูแลเป็นอย่างดี
จนกระทั่งส่งเขาถึงห้องพักที่ดีที่สุดบนชั้นที่สูงที่สุด
“ว้าว~”
ตอนนี้มินาโตะจึงกำลังตื่นตาตื่นใจไปกับภาพวิวของเมืองใหญ่อยู่หลังผนังที่เป็นกระจกทั้งผืน
แล้วด้วยความที่ที่นี่คือโรงแรมระดับห้าดาว
ห้องที่ดีที่สุดจึงแทบไม่ต่างจากเพนเฮ้าส์เลยก็ว่าได้
ห้องที่กว้างใหญ่มีเตียงที่กว้างใหญ่นั้นตกแต่งด้วยสไตล์ญี่ปุ่นโมเดิร์นที่เรียบหรูและสุขุมมาก
มีโซฟาสีเทาชุดใหญ่อยู่อีกมุมหนึ่ง มีเคาน์เตอร์บาร์ที่หรูหราและครบครัน
“หิวไหมมินาโตะ?
กินอะไรก่อนไหมเดี๋ยวฉันสั่งให้”
ใบหน้าหล่อเหลาอมยิ้มในขณะเอ่ยถามคนที่ยังตื่นเต้นกับวิวข้างนอกที่เห็นได้แทบจะทั้งเมือง
“อื้อ” ใบหน้ามนส่ายปฏิเสธก่อนจะหันไปเกาะกระจกต่อ
เขาจึงก้าวย่างเข้าไปหาช้าๆ
ก่อนที่เงาของกระจกตรงหน้าจะมีภาพของเขาซ้อนอยู่ด้านหลัง
“แต่ฉันหิวมากเลย”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเกยคางเอาไว้กับไหล่บางอย่างออดอ้อน
มือใหญ่ก็ล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของมินาโตะเพื่อดึงโทรศัพท์มือถือออกมา
“มินาโตะโทรบอกพ่อแล้วใช่ไหมว่าจะค้างข้างนอกกับฉัน?”
ปลายนิ้วยาวกดปิดโทรศัพท์ของร่างบางอย่างกับเป็นโทรศัพท์ของตัวเอง...ก็เขาไม่อยากให้ใครกวนนี่นา
“อื้อ
บอกแล้ว นายหิวเหรอชู? ก่อนกลับไปสวนสนุกอีกรอบก็กินไปตั้งเยอะแล้วนะ?” มินาโตะเอียงคอมองเขาผ่านเงาในกระจก
เขาจึงหย่อนโทรศัพท์ที่ไม่ต่างจากที่ทับกระดาษไปแล้วลงที่เก้าอี้แถวนั้น
ท่อนแขนแข็งแรงรวบร่างโปร่งบางเข้ามากอดไว้ในอ้อมแขนก่อนจะซบใบหน้าลงคลอเคลียที่ไหล่เล็ก
“หิว
แต่ไม่ได้อยากกินข้าว ฉันอยากกินมินาโตะ”
แล้วไม่ว่าเปล่า
ท่อนแขนที่เคยโอบกอดกันอย่างนุ่มนวลนั่นกลับอุ้มร่างบางขึ้นในชั่วพริบตา
ขาแข็งแรงเดินกลับไปที่เตียงอย่างที่คนงงก็ยังงงอยู่
ตุ้บ
“ชู?
เอ๊ะ?” มือใหญ่จัดการถอดเสื้อผ้าของมินาโตะออกจนไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว
ก่อนจะหันมาถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกบ้าง
ไม่แปลกหรอกที่มินาโตะจะมองเขาอย่างประหลาดใจ
ก็ปกติเขาจะชอบแบบวับๆแวมๆให้มีเสื้อผ้าติดตัวบ้างเพราะมันดูเซ็กซี่ดี
แต่นานๆทีได้เปลือยทั้งคู่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ดูตั้งใจที่จะทำเรื่องอย่างว่ากันดี
“ดะ
เดี๋ยวก่อนชู...นะ หน้าต่าง...ไม่ปิดม่านก่อนเหรอ?”
มินาโตะช้อนสายตามองเขาก่อนจะเสสายตาไปยังผนังกระจกบานใหญ่อย่างอายๆ
“ได้ทำท่ามกลางวิวเมืองที่อลังการแบบนี้
มินาโตะไม่คิดว่ามันดีเหรอ?”
แต่ใบหน้าหล่อเหลากลับหยอกเย้า
สองแขนจู่โจมคร่อมลำตัวบางที่ไม่ทันตั้งตัวจนหงายหลังลงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่บนเตียงกว้าง
เขายื่นใบหน้าเข้าไปขโมยจุ๊บที่กลีบปากสีระเรื่อเบาๆ
เงาร่างของพวกเราที่อยู่บนเตียงนั้นแทบจะลอยเด่นอยู่ท่ามกลางแสงไฟระยิบระยับโดยไม่มีอะไรมาบดบัง
ทั้งสวย ทั้งชวนใจเต้นไปพร้อมๆกัน
แต่พอเห็นว่าใบหน้ามนยังดูกังวล
เขาจึงขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ให้หน้าผากชนกัน เสียงฉะฉานเอ่ยออกไปอย่างไม่ยี่หร่ะ
“ห้องนี้อยู่บนชั้น35
มีแค่โดรนเท่านั้นแหละที่จะมองเห็นเราสองคน และโรงแรมนี้ก็มีระบบตรวจจับโดรนด้วย
มินาโตะไม่ต้องห่วงนะ” เขายิ้มในขณะที่เอ่ยบอกใบหูแดง
“แต่มันก็น่าอายนี่นา~” มินาโตะยกมือขึ้นมาปิดหน้า
“ฮึ”
เขาหัวเราะในความน่าเอ็นดูของมินาโตะก่อนจะเลื่อนตัวลงไปเบื้องล่างในขณะที่อีกฝ่ายยังไม่รู้เรื่องรู้ราว
“หื๋อ?”
กว่ามินาโตะจะรู้สึกตัวก็เมื่อขาทั้งสองข้างถูกจับแยกออกไปแล้ว
ดวงตากลมใสมองลงมาที่เขาด้วยสายตาตื่นตะลึง
“ชู
จะทำอะไร เดี๋ยว อื้อ!!”
แผ่นหลังบางหงายฟุ่บลงไปบนหมู่หมอนใบใหญ่ทันที ทั้งสีหน้าที่ดูทนไม่ไหว
ทั้งร่างกายที่สั่นระริกในฉับพลัน
ทั้งร้องครางเสียงหลงที่เปล่งออกมาอย่างไม่ได้ตั้งใจ...มันทำให้สายตาที่เขามองเสยขึ้นไปยังมินาโตะนั้นเต็มไปด้วยความพึงพอใจ
เขาไม่ได้ยิ้มออกมา...เพราะว่าตอนนี้ปากของเขามันยังไม่ว่าง
มันกำลังโอบรอบครอบแกนกายที่ยังอ่อนปวกเปียกของมินาโตะอยู่
นี่น่าจะเป็นครั้งแรก...ที่เขาใช้ปากให้มินาโตะ
แต่คนที่ดูตกใจยิ่งกว่ากลับเป็นเจ้าของใบหน้ามนที่มีสีหน้าทั้งตกใจทั้งทรมาน
มินาโตะเองก็คงไม่คิดว่าคนที่เย่อหยิ่งอย่างเขาจะทำเรื่องแบบนี้ให้
ไม่หรอก...จริงๆเขาอยากทำมานานแล้ว
ถ้าเป็นมินาโตะเขาก็อยากจะกลืนกินให้หมดทั้งตัวด้วยปากของเขาอยู่เหมือนกัน
แต่ที่ไม่เคยทำไม่ใช่ว่ารังเกียจหรืออะไร เขาทำไม่เป็นต่างหาก
และเขาก็กลัวว่าจะทำให้มินาโตะบาดเจ็บด้วยถ้าไม่ศึกษาให้ดีก่อน
นี่เขาก็ตั้งใจไปศึกษาจากตำรามาอย่างจริงจังเลยนะ
เพื่อมินาโตะน่ะ อ่านมาเป็นสิบๆเล่มเลยนะ
“อื้อ~
ชู~ มะ ไม่นะ แบบนี้ฉันไม่ไหว~~” ร่างกายของมินาโตะแข็งเกร็งไปหมด
สองมือก็ขยี้ขยำผ้าปูที่นอนสีเข้มจนแทบจะหลุดติดมือ
แต่กระนั้นสองแขนของเขาก็ยังยึดสะโพกมนไว้แน่น
ก็มินาโตะน้อยที่อยู่ในปากเขากลับจริงใจมากกว่า
รู้สึกยังไง...มันก็แสดงออกมาอย่างงั้น...แถมดูจะไวต่อความรู้สึกมากกว่าปกติเสียด้วย
ความอุ่นร้อนและชื้นแฉะของโพรงปากทำให้แกนกายสีพีชลืมตาตื่นขึ้นมา
มันทั้งแข็งตัวและขยายใหญ่อยู่ภายในปากเขา
ลิ้นหนาที่ชุ่มโชกไปด้วยน้ำลายจึงโอบกอดและไล้เลียมันเบาๆ
“อื้อ~~” มินาโตะครางไม่ได้สรรพแถมยังบิดเร่าไปมา
ดูท่าจะสุขสมแทบขาดใจจริงๆ มุมปากของเขาจึงยกยิ้ม
ริมฝีปากห่อเข้าหากันก่อนจะรูดไปตามแกนกายน่ากินนั่น...มัน...สวยจริงๆนะ
ของมินาโตะ ขนาดก็น่ารักดีด้วย
“ชู~
พอ! พอแล้ว~ จะ ฉันจะ เสร็จ”
สองมือบางพยายามจับหัวเขายันออกแต่เขาก็ยังไม่สะทกสะท้าน
ริมฝีปากยังคงปรนเปรอให้มินาโตะจนแทบสิ้นสติ และเมื่อไม่มีทางเลือก
“อ๊า~!!!” ร่างบางก็จำต้องปลดปล่อยมันในปากเขา!
น้ำอุ่นร้อนไหลทะลักอยู่ในปาก
เขาไม่ได้รู้สึกรังเกียจมันเลยสักนิด ตรงกันข้าม
เขากลับรู้สึกชอบทุกอย่างที่เป็นมินาโตะ
ร่างโปร่งกระตุกเฮือกอยู่หลายทีก่อนจะครางออกมาอย่างหมดแรง
ร่างที่ทิ้งตัวลงไปบนกองหมอนหอบฮั่ก แดงทั้งหน้า แดงทั้งตัว
เขาแลบลิ้นเลียหยดน้ำสีขาวที่เลอะอยู่ที่มุมปากหลังจากทอดมองภาพตรงหน้าด้วยความพอใจ
มินาโตะก็ชอบมันสินะ สิ่งที่เขาทำให้
“รสชาติเป็นแบบนี้เอง
ของมินาโตะ” ถึงจะพูดเบาๆแต่ทั้งห้องที่มีเพียงเสียงหอบหายใจก็ทำให้คนที่นอนหมดแรงอยู่ได้ยินเต็มสองหู
ใบหน้ามนผงะไปก่อนจะรีบเด้งตัวขึ้นมาคว้าทิชชูแล้วพุ่งมาที่ใบหน้าหล่อเหลา
“หว๋า~
คายออกมานะชู!”
มือบางประคองอยู่ใต้คางเพื่อให้เขาคายน้ำสีขาวขุ่นนั่นออกไป
เขาเพียงมองใบหน้าตื่นตระหนกนั่นด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์
“อ้า...” ริมฝีปากอ้าออกโดยไม่คิดที่จะคายมัน แต่ตั้งใจให้มินาโตะล้วงมันเอง
“.....” ดวงตาสีมรกตช้อนมองเขา
หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างว้าวุ่นใจ
มินาโตะเหลือบมองของของตัวเองที่ถูกลิ้นเขาห่ออยู่สลับกับดวงตาสีม่วงเฉยชาแต่กลับมีรอยยิ้มแฝงไว้
ประมาณว่าจะให้ตนเอาออกเองจริงๆเหรอ? คายออกมาให้หน่อยไม่ได้เหรอ?
แต่พอเห็นเขาไม่ยอมใจอ่อน นิ้วเรียวจึงค่อยๆยื่นเข้ามาอย่างเก้ๆกังๆ
แก้มของมินาโตะแดงไปหมดตอนที่ปลายนิ้วทั้งสองนั่นแตะลงมาบนลิ้นของเขา
ดวงตาเอียงอายไม่กล้ามองแต่จะไม่มองก็ไม่ได้
การกระทำที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่กลับเร้าอารมณ์สิ้นดี
เขามองหน้ามินาโตะพร้อมกับหายใจหอบหนัก นิ้วเล็กๆนั่นค่อยๆล้วงเข้ามาในปากและเขาก็รอมันเข้ามาอย่างใจเย็น
“อื้อ?!!”
ก่อนจะรวบมันไว้แล้วดูดเบาๆจนเจ้าของมันสะดุ้งโหยง
“ชู...”
มินาโตะหน้าแดงขนาดหนักเมื่อเขายังไล้เลียสองนิ้วนั่นด้วยลิ้น...มันคงทำให้นึกถึงตอนที่เขาอมให้เมื่อกี้
เขายิ้มอย่างพึงพอใจก่อนจะยอมอ้าปากออกให้มินาโตะรีบล้วงเอาของของตัวเองออกไป
กระดาษทิชชูซับมันทั้งๆที่ไม่ได้มองด้วยซ้ำ
หน้าของมินาโตะตอนนี้คงร้อนยิ่งกว่าคนเป็นไข้
ต่อให้เคยมีอะไรกันมาไม่รู้กี่ครั้งแต่ร่างบอบบางก็ยังเขินอายต่อหน้าเขาไม่เคยเปลี่ยน
น่ารัก...มินาโตะน่ารักมากๆ
“ชะ
เช็ดปากด้วยสิ”
มือบางเอื้อมเอาทิชชูมาเช็ดปากเขาให้ทั้งยังเสสายตามองที่อื่น
“ตรงนี้ด้วยมินาโตะ” นิ้วยาวชี้ที่มุมปาก
ดวงตาสีมรกตจึงตวัดมองเขาอย่างคาดโทษ
“โธ่~
ทำไมไม่เช็ดเองเล่า”
มินาโตะรวบรวมสมาธิเอาชนะความอายจนได้
มือบางจึงจับปลายคางเขาก่อนจะบรรจงเช็ดทั้งนอกทั้งในปากให้จนสะอาดเอี่ยม
“จริงสิ
ฉันมีของมาให้มินาโตะด้วยนะ” ร่างสูงสง่าเอี้ยวตัวไปหยิบอะไรบางอย่างจากกองเสื้อผ้าที่พื้น
“ให้ฉัน?
ตอนนี้เนี่ยนะ? ฟังดูไม่น่าไว้ใจเลยแหะ...”
“อื้ม
นี่ไง”
“ง่ะ?!” แค่เห็นหลอดมินาโตะก็รู้ทันทีว่ามันคืออะไร
ใบหน้ามนถึงกับผงะไป
“เจล...หล่อลื่น...?” เสียงใสครางออกมาเบาๆ
ถึงจะมั่นใจว่าใช่แต่สีของหลอดเจลก็ดูไม่เหมือนเดิม?
อื้ม
เขาเปลี่ยนยี่ห้อน่ะ
“กลิ่นน้ำผึ้ง
รสน้ำผึ้ง ของใหม่เพิ่งวางขายเลยนะ”
“....เดี๋ยวก่อน
เจลหล่อลื่นต้องมีรสน้ำผึ้งไปเพื่ออะไร...”
เขาไม่ตอบแต่อมยิ้มกรุ้มกริ่ม
นัยน์ตาสีม่วงปรายมองไปยังแกนกายสีพีชของมินาโตะที่ยังเปียกชุ่มไปด้วยน้ำลายของเขา
และเมื่อดวงตาสีเขียวมองตาม มินาโตะก็เหมือนจะเข้าใจขึ้นมาทันที
ใบหน้ามนแดงแปร๊ด
แดงไปจนถึงใบหู แดงไปจนถึงต้นคอ น่ารักจริงๆ
“อยากชิมไหม?” เสียงทุ้มพูดเชิงหยอกเย้า
“ไม่...” คนอายเสสายตาหลบ ถึงจะเสียดายแต่ของของเขาในตอนนี้มินาโตะก็คงจะเอาเข้าปากไม่ไหว
มือใหญ่ดึงสะโพกมนเข้ามาจนมินาโตะหงายหลังไปกับเตียง
ร่างโปร่งบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อก้นนิ่มปะทะเข้ากับกล้ามเนื้อแข็งๆบนโคนขาของเขา
“กลิ่นน้ำผึ้งจริงๆด้วย
ลองดมสิมินาโตะ”
ดมคนเดียวไม่พอยังยื่นปากหลอดเจลไปให้ใบหน้ามนดมอีกต่างหาก
“ชู...” ใบหน้ามนกลับบ่ายเบี่ยงอย่างอายๆ
แต่ถึงจะไม่ต้องจ่อเข้าไปใกล้
กลิ่นน้ำผึ้งหวานรัญจวนใจก็คงแตะปลายจมูกรั้นนั่นไปแล้วละเพราะกลิ่นของมันรุนแรงมากทีเดียว
มันหอมหวานราวกับจะยั่วยวนให้หลงใหลในรสรัก
ให้จมปลักอยู่ในหลุมแห่งราคะจนถอนตัวออกมาไม่ได้
อืม...ทั้งๆที่ไม่ได้คาดหวังแต่กลับดีกว่าที่คิดแหะ
เจลยี่ห้อนี้
ขนาดสียังเหลืองอำพันราวกับน้ำผึ้งเลย
ทั้งความใสความหนืดก็ไม่ต้องพูดถึง
“อ๊ะ?”
มินาโตะร้องออกมาเบาๆเมื่อเขากดปลายนิ้วที่ชุ่มโชกไปด้วยเจลน้ำผึ้งนั่นลงไปเค้นคลึงที่ปากทาง
เป็นเพราะต่างฝ่ายต่างอยู่ในร่างเปลือยเปล่าด้วยหรือเปล่านะยิ่งทำให้มินาโตะหน้าแดงจนไม่กล้ามองมาที่เขาตรงๆ
“อึ้ก” และข้างในก็แน่นกว่าทุกที...ตื่นเต้นเหรอ?
เขาเงยหน้าขึ้นไปมองริมฝีปากที่เม้มเข้าหากันของมินาโตะ สองแก้มนี่ราวกับกลายเป็นลูกเชอรี่ไปแล้ว
“มินาโตะ
อย่าเพิ่งรัดสิ ฉันขยับนิ้วไม่ได้”
เสียงราบเรียบพูดออกไปเพราะปากทางมันรัดจนขยับไม่ได้จริงๆ ถึงจะเป็นปฏิกิริยาที่เกิดขึ้นอัตโนมัติแต่มันก็เหมือนมินาโตะไม่อยากให้นิ้วของเขาถูกดึงออกไปยังไงอย่างงั้น
“ก็ชูอ่ะ
อ้า~~ทำแต่เรื่องน่าอาย~” สองมือบางยกขึ้นไปปิดหน้าแดงเถือก
ปากทางยิ่งรัดแน่นไปใหญ่เขาจึงทำได้แค่ขยับปลายนิ้วขยายช่องทางอยู่ภายใน
“อื้อ~ อย่าเพิ่งขยับนิ้วสิ~”
หึ...เขาหัวเราะในลำคอเบาๆกับปฏิกิริยาที่แสนจะน่ารักของมินาโตะ
ร่างสูงใหญ่จึงโน้มตัวลงไป
ใช้ใบหน้าคลอเคลียกับเส้นผมสีดำชื้นเหงื่อก่อนจะกดจูบใบหน้าที่ร้อนราวกับไฟนั่น
จากขมับค่อยๆกดจูบลงมาที่เปลือกตา ความหนานุ่มของกลีบปากค่อยๆกดย้ำลงไปที่โหนกแก้ม
ค่อยๆกดลงที่กลางหว่างคิ้ว ก่อนจะไล่ลงไปตามสันจมูก จูบซ้ำๆลงไปที่ปลายโด่งรั้น
จากนั้นจึงประกบลงที่ริมฝีปากที่เผลอเผยอออก
ลิ้นหนาสอดใส่เข้าไปทันที
เขาลูบไล้เรียวลิ้นของมินาโตะด้วยลิ้นของเขา
ต่อให้เคยจูบกันมานับพันนับหมื่นครั้งแต่มันก็ยังรู้สึกดี จูบของมินาโตะไม่เคยเย็นชืดจืดจางในความรู้สึกของเขา
มีแต่จะยิ่งจูบยิ่งกระตุ้นเร้าความต้องการให้มากกว่าเดิม
“อื้ม” เขาชอบเสียงแฉะๆที่มันดังก้องอยู่ในหู
ชอบเสียงครางครือเพราะถูกไล่ต้อนจนหนีไปไหนไม่ได้ของมินาโตะ
ชอบความเหนียวหนืดและรสชาติที่ผสมผสานกันอยู่ในปาก
ชอบสัมผัสจากปลายลิ้นที่ไร้เดียงสา ทุกครั้งที่มันถูกลิ้นของเขากวาดต้อน ผลักดัน รัดพัน
ก็ราวกับจะเรียกเอาประสาทสัมผัสทั่วร่างให้ไปรวมกันอยู่ที่จุดเดียว
“อื้อ~” มินาโตะร้องครางอย่างรู้สึกดี
เขาชอบทำให้มินาโตะรู้สึกดี
เพราะถ้ามินาโตะรู้สึกดีรู้สึกเคลิบเคลิ้มคล้อยตามเขาเมื่อไหร่
ช่องทางที่จะรับเขาเข้าไปมันจะสุดยอดเกินบรรยายเสมอ
ดูอย่างตอนนี้สิ
นิ้วของเขาขยับเข้าออกได้แล้ว ปากทางที่เคยรัดยิ่งกว่าหนังยางเริ่มจะผ่อนคลายแล้ว
“แฮ่ก...แฮ่ก...” มินาโตะหอบหายใจเมื่อเขาละริมฝีปากออกมา
ทว่า ดวงตาของพวกเรายังคงจ้องมองสบประสาน
เพราะเขาต้องการจะสื่อสารกับมินาโตะว่าสิ่งที่ทำอยู่คือการเมคเลิฟ
ไม่ใช่ทำเพราะสัญชาตญาณ ไม่ได้ทำเพราะความต้องการที่หื่นกระหายที่แค่มีเซ็กส์ให้จบๆไปเพื่อหาทางระบายออก
แต่ทั้งหมดนี้คือส่วนหนึ่งของความรัก
เพราะเขารักมินาโตะเขาจึงอยากทำ
สองแขนของมินาโตะคล้องมาที่คอของเขาก่อนจะดึงเขาลงไป
ริมฝีปากแตะจูบกันอย่างอ่อนโยนอีกครั้ง
แต่ถึงข้างบนจะนุ่มนวลปานใด
ข้างล่างกลับสอดนิ้วทั้งสามเข้าไปอย่างดุเดือด
กลิ่นน้ำผึ้งลอยคลุ้งจนนึกว่ากำลังทำอาหาร และกลิ่นหอมหวานเหล่านี้ก็ทำให้หลงมัวเมายิ่งกว่าเหล้านอกราคาแพงเสียอีก
ฮ้า...เขาทนไม่ไหวแล้ว...
ฟูจิวาระ
ชูที่อยู่ตรงหว่างขาบวมเป่งเหมือนจะระเบิดเสียให้ได้ เขาคงต้องขอร้องให้มินาโตะช่วยโอบกอดมันไว้ที
“มินาโตะ...ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม?”
เสียงที่เปล่งออกไปนั้นสั่นพร่าไปด้วยความต้องการ
เขาจูบที่ขมับใสอย่างออดอ้อน
สองแขนของมินาโตะเลื่อนจากคอมาโอบกอดที่แผ่นหลัง...ก่อนที่สองมือร้อนผ่าวนั่นจะค่อยๆลูบไล้อย่างแช่มช้า...ลงไปตามเอวและสะโพกของเขา
อ้า...เซ็กซี่ชะมัด
เขาจู่โจมใบหน้าเข้าไปที่ซอกคอของมินาโตะ
และในตอนที่มินาโตะมัวแต่ไปโฟกัสอยู่ตรงนั้น ท่อนแขนแข็งแรงก็ช้อนลำตัวบางขึ้นมา
ร่างที่เคยคร่อมอยู่ข้างบนพลิกกลับลงไปข้างใต้ พวกเขาสลับตำแหน่งกันในชั่วพริบตา
“เอ๊ะ?” มินาโตะยังดูมึนเบลอที่จู่ๆก็ต้องมานั่งโงนเงนคร่อมอยู่บนตัวเขา
แน่นอนว่าเขาไม่รอช้าเพราะเจลน้ำผึ้งนั่นมันจะไหลลงมาหมดเสียก่อน
“อ๊ะ
อึก~”
มินาโตะถึงกับต้องแอ่นสะโพกเมื่อเขายกลำตัวบางขึ้นไปก่อนจะกดมันลงมาบนความเป็นชายที่ใหญ่โตของเขา
“อื้อ~~” ใบหน้ามนถึงกับต้องเม้มปากแน่นปิดตาคิ้วขมวด
เขาชอบมองหน้าในยามนี้ของมินาโตะมากที่สุด...ตอนที่ของของเขากำลังสอดใส่เข้าไป
สีหน้าของมินาโตะนั้นสุดยอดมาก
มันเต็มไปด้วยอารมณ์ที่พยายามสะกัดกั้นไม่ให้ความต้องการพุ่งทะยานไปจนถึงขีดสุด
เต็มไปด้วยความอดทนทั้งๆที่น่าจะรู้สึกดีสุดๆ เขาเอื้อมมือข้างหนึ่งไปประคองแก้มใสก่อนจะกดปลายนิ้วโป้งไปเกลี่ยไล้หยดน้ำตาที่ไหลปริ่มออกมาจากหางตาแดงระเรื่อ
ลำคอแกร่งถึงกับต้องลอบกลืนน้ำลายกับภาพที่ยั่วเย้าอารมณ์เขาแบบสุดๆตรงหน้า
ก็ยอมรับแหละว่าคนที่เกิดมาในชนชั้นนักล่าอย่างพวกเขาย่อมมีความซาดิสม์แฝงอยู่ในสายเลือด
เพราะงั้นภาพของมินาโตะที่กำลังน้ำตาไหลแบบนี้จึงกระตุ้นเร้าเขามากๆ
“ฮะ
อ้า~...ชู...ช้าๆ...”
และก็เพราะสีหน้าแบบนั้นของมินาโตะนั่นแหละทำให้สองมือที่จับยึดสะโพกมนเอาไว้เผลอกดลงมาไวไปหน่อย
อ่า...ก็มันดีเป็นบ้าเลย...ข้างในนี่น่ะ
“ฮู่ว...” ไม่ได้มีแค่มินาโตะหรอกที่ต้องพยายามสะกดกั้นความต้องการ
เขาเองก็เช่นกัน ไม่งั้นคงได้เผลอจับมินาโตะกดกระแทกลงมาเต็มแรงแล้ว
ก็ช่องทางที่ค่อยๆแหวกให้เขาเข้าไปมันดีมากจริงๆ
ข้างในตัวของมินาโตะนุ่มมาก ร้อนมาก แล้วก็แน่นมาก
มันกอดรัดความเป็นชายของเขาไว้แทบไม่ปล่อย แต่บางครั้งก็กระตุกน้อยๆ บางครั้งก็คลายออก
ก่อนจะบีบรัดราวกับกำลังขยำของของเขาอยู่ยังไงอย่างงั้น มัน...ดีสุดๆ
“อ้า!”
มินาโตะสะดุ้งครางเมื่อเขาตัดสินใจกดสะโพกมนลงไปรวดเดียวในจังหวะสุดท้าย
“ฮ้า...เข้าไปหมดแล้วนะมินาโตะ” ดวงตากลมใสมองเขาด้วยแววสั่นพร่าอย่างคาดโทษ
ร่างทั้งร่างสั่นระริกแล้วมันก็ไม่ได้มีแต่ภายนอกที่เป็นแบบนี้
ข้างในเองก็กำลังตอดรัดเขาแทบบ้าเหมือนกัน
เพราะแบบนี้แหละใจหนึ่งเขาก็อยากทำให้มินาโตะสุขสม อีกใจก็อยากแกล้งให้ร้องไห้งอแง
“อ้า
อย่าเพิ่งขยับ ชู~” มินาโตะร้องเสียงหลงเมื่อมือใหญ่บีบสะโพกมนก่อนจะเริ่มขยับเบาๆ
มินาโตะไม่ได้เจ็บหรอก แต่ที่ต้องพักหายใจนั่นก็เพราะว่า ถ้าเขาขยับทันที
มินาโตะก็จะ
“อ๊า~~!!!”
น้ำรักสีขาวขุ่นสาดพุ่งใส่หน้าท้องของเขาอย่างห้ามไม่ได้...นั่นแหละ
มินาโตะจะเสร็จทันทีเพราะความใหญ่โตของเขาคงทำให้รู้สึกดีสุดๆ
“แฮ่ก...แฮ่ก...ชู...” ใบหน้าที่หอบแฮ่กเหลือบมองเขาอย่างเคืองๆ
แต่เขากลับยิ้มให้
“แค่เจลไม่พอเหรอมินาโตะ?”
เสียงทุ้มเอ่ยแซวก่อนที่ปลายนิ้วยาวจะกวาดน้ำที่ยังอุ่นๆพวกนั้นขึ้นมา
“ชู
จะทำ- อ๊ะ!”
ก่อนจะสอดมันเข้าไปในปากทางคับแน่น ไหล่บางถึงกับสั่นระริกทันที
แค่ความเป็นชายก็แทบจะรับไม่ไหว นี่ยังมีนิ้วสอดเข้าไปอีกหนึ่ง
แกนกายที่อ่อนตัวลงจึงแข็งขืนกลับคืนมาในชั่วพริบตา
รอยยิ้มเจ้าเล่ห์เผยอยู่ที่มุมปากก่อนจะดึงนิ้วนั่นออกมา
ข้างใน...มีทั้งเจลน้ำผึ้ง
ทั้งของของมินาโตะเอง เสียงแฉะๆนั่นจึงฟังรื่นหูดีทีเดียว
“อะ
อ้า~”
เสียงใสเริ่มร้องครางทันทีที่เขาจับสะโพกมนกระแทกเข้าใส่แกนกายร้อนระอุที่รออยู่เบื้องล่าง
มินาโตะคงไม่เคยรู้ตัว…
ว่าตัวเองนั้นเซ็กซี่แค่ไหนในเวลาที่รับของของเขาเข้าไป
ไม่ว่าจะโคนขาที่อ้าในองศาที่พอดิบพอดี
ไม่ว่าจะสะโพกที่ขยับโยกโดยไม่รู้ตัว
ไม่ว่าจะเอวบางๆที่แอ่นโค้งเล็กน้อย
ไม่ว่าจะก้นนุ่มๆที่บดเบียดอยู่บนต้นขาของเขาทุกครั้งที่ถูกสอดใส่เข้าไป
ไม่ว่าจะลมหายใจหอบถี่ที่ผสมกับเสียงครางเครือ
ไม่ว่าจะเหงื่อเม็ดเล็กที่ผุดพรายไปทั่วร่างจนเหมือนกับหยดน้ำค้างที่เกาะตามยอดหญ้า
ไม่ว่าจะใบหน้าแดงระเรื่อที่เหยียดสายตามองลงมา
ไม่ว่าจะยอดอกสีชมพูที่ชูชันยามเบื้องล่างถูกกระแทกกระทั้นถี่ยิบ
ไม่ว่าจะหน้าท้องที่ป่องนูนจากของของเขาที่ขยับอยู่ข้างใน
ไม่ว่าจะปลายเท้าที่จิกอย่างหาที่ระบายอยู่บนผ้าปู
ไม่ว่าจะปลายนิ้วที่ไขว่คว้าหาที่พึ่งอย่างต้นคอของเขา
ไม่ว่าจะเสียง
อะ อ๊ะ อะ อ้า ที่โคตรจะเร้าอารมณ์
ไม่ว่าจะเสียงแจ๊ะๆเปียกแฉะที่ทำให้ใบหน้าใสดูเอียงอาย
ไม่ว่าจะลำคอระหงที่เต็มไปด้วยรอยรักที่ถูกเขาฝากเอาไว้
ไม่ว่าจะส่วนไหนของมินาโตะก็มีแต่จะทำให้เขาอยากกระแทกเข้าใส่อยู่แบบนี้
แบบที่ไม่มีวันสุดสิ้น แบบที่ให้มีเซ็กส์กันชั่วนิรันดร์ มีเซ็กส์กันไปจนวันตายก็ยังได้
อ้า…
แล้วดูข้างในนี่สิ…
มันดีสุดๆ
มินาโตะไม่ได้มอบให้เขาแค่ความสุขทางใจ
แต่ทางร่างกายมินาโตะก็ทำให้เขามีความสุขด้วย เป็นคู่ที่เข้ากับเขาได้อย่างสมบูรณ์แบบ ไม่ว่าทางไหนก็ทำให้เขาไม่รู้สึกขาดอะไรจนต้องไปหาจากที่อื่นเลย
ในตัวของมินาโตะตอบสนองเขาเป็นอย่างดี
เขาก็เคยเก็บไปคิดนะว่าเรื่องแบบนี้ถ้าไม่ใช่คนที่เข้ากันได้ก็ไม่น่าจะทำให้ถึงจุดสุดยอดที่มันสุดยอดขนาดนี้
แต่นี่ทั้งขนาดช่องทางที่คับแน่นพอดีกับความเป็นชายของเขา
ทั้งอุณหภูมิในแบบที่เขาชอบ ทั้งปฏิกิริยาต่างๆที่ทำเอาเขาเกือบจะควบคุมตัวเองไม่ได้อยู่ตลอด
ต่อให้ไม่เคยและไม่คิดจะลองกับคนอื่นเขาก็มั่นใจว่ามีเพียงมินาโตะเท่านั้นที่จะมอบมันให้แก่เขาได้
“ฮ้า...” สองมือบีบก้นกลมกลึงนั่นจนขึ้นเป็นรอยนิ้วก่อนจะจับมันกระแทกลงมา
ผนังที่ทั้งนุ่มทั้งแฉะเหมือนผ้าขนหนูเปียกๆนั่นกำลังบีบรัดเขาจนในหัวแทบจะขาวโพลน
ท่ามกลางภาพอันพร่าเลือนเขามองเห็นมินาโตะที่กำลังครวญครางอย่างสุขสม...อยากกอด...อยากกอดเอาไว้ให้จมหายลงไปในอกเขา
“อื้อ?!!”
ร่างที่เคยถูกจับกระแทกซ้ำๆมากว่าครึ่งชั่วโมงถูกจับให้พลิกหงายหลังลงกับพื้นเตียง
ร่างกายท่อนบนตามไปดึงลำตัวบางมากอดเอาไว้ทั้งที่ข้างล่างยังกระแทกใส่ไม่หยุด
เขากอดมินาโตะ
เขาใช้สองแขนที่แข็งแกร่งนี้ล็อคลำตัวแสนบอบบางเอาไว้ กอดให้จมหายลงไป
กอดให้แน่นจนแทบจะหายใจไม่ออก
“อึ้ก
ชู!
ชู!!”
มินาโตะร้องเรียกเขาเสียงดังนั่นก็เพราะว่ามันใกล้จะถึงฝั่งฝันเต็มที
“พร้อมกันนะมินาโตะ” เขากระซิบบอกที่ใบหูแดง
สติเขาแทบจะมอดไหม้ไปกับช่องทางโคตรดีของมินาโตะ มันร้อนมาก ร้อน
เขาดึงความเป็นชายออกไปจนสุดก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปสุดแรง
“อึก....” เขาฝังมันเอาไว้ในร่างกายของมินาโตะแน่น
ปล่อยให้น้ำของเขาฉีดพุ่งไหลทะลักอยู่ภายใน สองแขนก็กอดร่างโปร่งบางไว้จนแม้แต่อากาศก็ยังไหลผ่านไปไม่ได้
ได้ยินเสียงครางสูงของมินาโตะก่อนที่ร่างบางจะกระตุกเฮือกสั่นระริก
ผนังภายในบีบรัดจนเขาต้องกัดฟัน
บ้าเอ้ย
มันโคตรดี
ดีจนต้องกระแทกกายฝังลึกเข้าไปอีกสองสามที
“แฮ่ก....แฮ่ก....แฮ่ก.....”
เสียงหอบหายใจดังคละเคล้ากันจนแยกไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
ถึงมันจะเหนื่อยเหมือนไปวิ่งร้อยเมตรได้แต่ในตัวของมินาโตะที่ยังกระตุกเบาๆอยู่ในตอนนี้ก็ทำเอาเขาไม่อยากจะดึงมันออกมาเลย
อยากทำต่อไปเรื่อยๆ
เรื่อยๆ...
“จุ๊บ” เขาจูบลาดไหล่สวยอย่างเอาใจ
ในขณะที่มินาโตะนั้นนอนตาลอยไปถึงไหนต่อไหนแล้ว
“เหนื่อยแล้วเหรอมินาโตะ?” เขาละใบหน้าออกมายิ้มให้
“....ก่อนจะถามเนี่ย
เอาออกไปก่อนได้ไหมชู?” ใบหน้าลอยๆตวัดสายตามามองอย่างคาดโทษ
เขาหัวเราะเบาๆก่อนจะก้มหัวลงไปคลอเคลียขมับของมินาโตะจนเส้นผมแทบจะพันกัน
“ถ้าหายเหนื่อยแล้วก็ทำต่อกันเถอะมินาโตะ”
ไม่ว่าเปล่าเขายังละออกมาก่อนจะดึงสองขาที่อ้ากว้างอยู่แล้วให้เตรียมพร้อมสำหรับท่าต่อไป
“เดี๊ยววว!
ฉันบอกนายตอนไหนว่าหายเหนื่อยแล้ว!” มินาโตะได้แต่ร้องเสียงหลงแถมยังพลิกตัวหนี
แต่ส่วนที่ยังเชื่อมต่อกันก็ทำให้เขาดึงลากลำตัวบางกลับไปได้ไม่ยาก
เขาโน้มตัวมากอดแผ่นหลังบางไว้ด้วยรอยยิ้ม
ก่อนจะค่อยๆเปลี่ยนเสียงโวยวายของมินาโตะให้กลายเป็นเสียงครางไปในที่สุด...
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
Story
never End
หะ
หายไปนานนนนนเลยเนอะเรื่องนี้ 55555 แต่ต้องขอบคุณทุกๆคนที่ยังติดตามกันอยู่มากๆๆเลยนะคะ
ที่กลับมาฮึดอัพต่อเพราะว่ามีคนกดหัวใจให้ตลอดๆเลยค่ะ
มาแบบวันละดวงๆเลยรู้สึกเหมือนมีคนทวงอยู่ตลอด55555
ซาบซึ้งมากจริงๆค่ะ >/////<
ว่าแต่คุณชายชูนี่หายไปนานแค่ไหนแต่สิ่งที่ขาดไม่ได้ก็ยังเป็นเจลนี่แหละนะ
5555 ต้องขอบคุณน้อง ม. (นามย่อ) สำหรับข้อมูลกาปๆ(กาม+บาป)ของเจลน้ำผึ้งนี่ด้วยนาคะ
5555 เพื่อนดีย์ต้องแบบนี้ กร๊ากกก
แล้วก็
มีสแตนดี้วันเกิดน้องมิมาแนะนำ อุแง๊ น้อนนนน น่ารักมว๊ากกกกก >/////<
ดูสายตาแบ๊วๆนั่นสิยยย ส่วนของชายชูเพิ่งจะวางขายค่ะ เลยยังมาไม่ถึง เกี๊ยวนางจะวางช่วงเดือนเกิดของแต่ละคนอ่ะนะ ของชายชูนี่เดือนห้า ตอนนี้ก็น่าจะยังมีให้กดอยู่นะสำหรับคนที่ไม่ได้กดรอบพรีอย่างเรา อาจจะต้องรีบนิดส์ เพราะเอาจริงๆนะ goodsต่างๆของคุณชายชูนี่คือหมดไวมากกกก เข้าเวปเกียวอนิช็อปทีไรคือแทบไม่มีอะไรของฮีขายเลยค่ะ หมดทุกสิ่งอย่าง ฮอตสมกับที่เป็นพระเอก(?)จริงๆ กร๊ากกกก //โดนมาสะซังกับเซยะเหยียบ แล้วก็เวปของเกี๊ยวเดี๋ยวนี้สามารถกดสั่งเองได้แล้วค่ะ ไม่ยากอย่างที่คิด จะจ่ายด้วยบัตรเครดิต เดบิต หรืออะไรก็ได้หมดเลย ของคุณกวางใช้ตัดผ่านบัตรscb planetเอาอ่ะค่ะ คือถ้าแลกเงินเยนไว้ในบัตรอยู่แล้วนางก็จะตัดเป็นเงินเยนเลย สะดวกมั่ก แล้วก็ปกติถ้าฝากร้านกดส่วนใหญ่ก็จะเสียค่าส่งสามต่อแล้วก็รอนาน แต่อันนี้เสียแค่สองต่อ คือเกี๊ยวนางจะส่งไปที่โกดังในญี่ปุ่นก่อน จากนั้นโกดังก็จะส่งตรงมาให้เราที่ไทยเบย เวลากดก็ง่ายมากๆ กดสั่งในเวปเกียวอนินั่นแหละค่ะ เด่วนางลิ้งค์ไปโกดังให้เอง แล้วโกดังก็จะจัดการให้ทุกสิ่งอย่าง เราแค่คอยรับอีเมล์แล้วเข้าไปจ่ายเงินตามลิ้งค์ที่แนบมาอะไรประมาณนี้ ค่าส่งในญี่ปุ่นประมาณ 200บาท ค่าส่งมาไทยอีกประมาณ350ค่ะ คิดตามน้ำหนักของอ่ะนะ ใครสนใจก็ลองดูได้ค่ะ เกี๊ยวนางอุตส่าห์ลดความอินดี้ช่วยเราขนาดนี้แบ้ว 5555
เอาละ
แนะนำสแตนดี้น้องมิไปแล้ว แอบเนียนแนะนำนิยายตัวเองบ้าง กร๊ากกก
จริงๆช่วงนี้ยังอัพนิยายอยู่บ้างนะคะ แต่เป็นนิยายออริของตัวเองน่ะค่ะ ถ้าอยากอ่านนิยายชิวๆฮีลหัวใจก็แวะไปได้ค่ะ
เส้นเรื่องจะคล้ายๆ หรือรักเรียกหานี่แหละ
เป็นการใช้ชีวิตประจำวันไปเรื่อยๆ ดรามงดราม่าอะไรไม่รู้จัก 555
ใครอยากลองอ่านเรื่องราวในคณะสถาปัตย์อีกมุมหนึ่งก็ลองกดไปอ่านเล่นๆกันได้น้า
เรื่อง องศาพาย ค่ะ
ในเรื่องจะพูดถึงกลุ่มของนายเอกซึ่งเป็นนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
ปีสาม มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งแถวหน้าพระลาน555 กลุ่มของนายเอกจะมี
5คนซึ่งแต่ละคนก็จะมีความเป็นปัจเจกบุคคล?ที่ไม่เหมือนกันเลย
ส่วนพระเอกเป็นอาจารย์ภาควิชาออกแบบที่สอนปีสาม คณะสถาปัตย์เช่นกัน ต้องรบรา?กับนายเอกเพราะเป็นอาจารย์ที่ต้องคอยตรวจแบบให้
ในเรื่องก็จะพูดถึงเกร็ดชีวิต?ของพวกเด็กถาปัดเป็นส่วนใหญ่ค่ะ
โลเคชั่นต่างๆก็จะอยู่ในไทย เป็นนิยายเรื่องแรกเลยที่แต่งโดยใช้โลอยู่ในไทยค่ะ สนใจก็เชิญได้น้า
ขอบคุณสำหรับทุกๆความรัก
ทุกๆหัวใจ ทุกๆการติดตาม ทุกๆคอมเม้นต์มากๆๆเลยนะคะ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น