Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato] หรือรักเรียกหา : 21 : END

 Tsurune. One-Shot.Fic [Shuu x Minato]   หรือรักเรียกหา : 21 : END

 

: Tsurune ; kazemai koukou kyudou-bu Short Fanfiction 

: Fujiwara Shuu x Narumiya Minato

: Warmhearted

: NC-17

  

คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ    

  

 

เพราะมัวแต่เก็บผ้าที่ตากเอาไว้ทำให้กว่านารุมิยะ มินาโตะจะมาถึงยังบริเวณที่จัดงานเทศกาลฤดูร้อนของเมืองได้รอบกายก็มืดไปหมดแล้ว

 

งานนี้เป็นงานใหญ่ประจำปีซึ่งจัดในพื้นที่กินวงกว้างกว่างานที่ศาลเจ้าของมาสะซังค่อนข้างมาก มีขบวนรถแห่ยะไต คนที่มาเดินเที่ยวในงานก็มากหน้าหลายตา  ร้านค้าต่างๆก็ตั้งเรียงรายกันทั้งถนน 

 

ขาเรียวเดินฝ่าผู้คนไปยังจุดที่นัดเพื่อนๆในชมรมยิงธนูเอาไว้ แผ่นโปสเตอร์โฆษณาที่มีรูปพลุอย่างยิ่งใหญ่อลังการแปะอยู่ที่บอร์ดงานนี้มีการจุดพลุด้วยละ

 

สัญญาแล้วนะ ว่าจะเอาตุ๊กตาคุมะซังมาให้หนู”    เสียงใสแจ๋วของเด็กหญิงคนหนึ่งลอยเข้าหูมาทำให้ใบหน้ามนหันไปมองอย่างไม่ตั้งใจ

 

อื้ม สัญญา จะเอาที่ตัวใหญ่ๆมาให้เลย”    มีเด็กผู้ชายรุ่นราวคราวเดียวกับเขากำลังนั่งยองๆอยู่หน้าเด็กหญิงคนนั้น มือที่เต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปนลูบหัวเล็กอย่างเอ็นดู

 

อืมทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าผู้ชายคนนี้นักนะ?

 

เย้ ขอบคุณค่ะพี่”    เด็กหญิงยกมือขึ้นอย่างดีใจ เด็กหนุ่มคนนั้นจึงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงซึ่งสูงกว่าเขามาก

 

ไปเดินเที่ยวงานกับเพื่อนเถอะ ถึงเวลานัดแล้วก็อย่าลืมมาเจอกันตรงนาฬิกาล่ะ จะได้กลับบ้านด้วยกัน”    ถึงท่าทางจะดูดิบๆแต่กลับมีรอยยิ้มที่อ่อนโยนยามเมื่อมองไปที่น้องสาว

 

ค่ะ ไปนะคะ”    สองพี่น้องแยกจากกันส่วนเขาก็ยืนเหม่ออยู่พักใหญ่ ช่างเถอะ ในเมื่อนึกไม่ออกว่าเคยเจอผู้ชายคนนั้นที่ไหน เขาเลิกนึกก็ได้

 

สองขาก้าวต่อไปยังจุดนัดหมายของตัวเอง

 

ก่อนจะต้องตบมือปุเข้าหากันเมื่อได้เห็นหน้าผู้ชายคนนั้นอีกครั้ง ตรงที่ที่เพื่อนๆของเขายืนอยู่!

 

พวกเด็กชมรมเบสบอลนี่เอง!

 

ในงานเทศกาลฤดูร้อนประจำปีนี้ ร้านปาลูกโป่งกลายเป็นสถานที่ท้าดวลของชมรมกีฬาทั้งโรงเรียนไปแล้ว จากความบังเอิญในวันแรกก็ถูกเอาไปพูดกันปากต่อปาก ว่าไม่มีใครล้มชมรมยิงธนูของคาเซไมได้ ตั้งแต่นั้นมาพวกเขาจึงมีจดหมายท้าดวลมาแปะอยู่หน้าชมรมทุกเย็น!

 

เป้าหมายก็คือตุ๊กตาตัวใหญ่ที่สุดของร้านซึ่งมันตกเป็นของพวกเขามาแล้วสามวันรวด

 

การจะได้ตุ๊กตาตัวใหญ่ที่สุดไปคือต้องปาทั้ง20ดอกให้โดนลูกโป่งทั้งหมดไม่พลาดเลยสักดอก

 

แหงละ ขนาด 28 เมตรพวกเขายังยิงเข้าเป้า แค่ 2-3เมตรนี่สบายกว่าเยอะ

 

แถมพวกเขาไม่ต้องจ่ายเงินเองด้วย ชมรมกีฬาไหนเป็นฝ่ายท้าดวลก็ต้องเป็นฝ่ายออกเงินค่าลูกดอก ถ้าพวกเขาปาได้น้อยกว่าคนที่มาท้าดวลก็จะถือว่าพวกเขาแพ้และต้องเป็นคนจ่ายค่าลูกดอกคืน ซึ่งตั้งแต่วันแรกมาชมรมยิงธนูยังไม่เคยเสียเงินเลยสักเยนเดียว

 

ชนะรวดนั่นเอง

 

ปั่ก! ปุ้ง!

 

อ๊า~! เจ้าพวกปีศาจเอ้ย!”    สมาชิกชมรมบาสเกตบอลซึ่งเป็นทีมแรกที่ท้าดวลพวกเขาถึงกับยกมือขึ้นกุมหัวแล้วทรุดลงกับพื้นอย่างเสียดายเพราะฝ่ายของตนปาพลาดไปในดอกที่12 ส่วนพวกเขายังเข้าเป้าชิวๆ

 

เกมนี้พวกเขาชนะ แต่ก็ยังปาต่อเพื่อตุ๊กตาตัวใหญ่ แต่พอถึงดอกที่19 นานาโอะก็ปาพลาดไปเพราะมัวแต่หันไปสนใจเสียงแฟนคลับที่ตามมากรี๊ดกันถึงที่นี่

 

ให้หมอนี่เป็นมือสุดท้ายไม่ได้เลยจริงๆ

 

เหอะ ต่อไปตาพวกฉันแล้ว เตรียมตัวรับความพ่ายแพ้ซะเถอะ!”    พวกชมรมเคนโด้หักนิ้วดังกรอบแกร่บเดินเข้ามา พวกเขาไม่เกี่ยงอยู่แล้วเพราะทุกคนก็พูดแบบนี้กันหมด

 

ปั่ก!

 

โฮววว พวกแกมันไม่ใช่คน!!”     แล้วก็ต้องร้องไห้ฟูมฟายหนีความขายขี้หน้าเมื่อพ่ายแพ้พวกเขาแบบนี้ทุกทีม พวกชมรมเคนโด้กัดริมฝีปากอย่างเจ็บใจ

 

พวกเขายังปาต่อจนถึงดอกที่20ดอกสุดท้าย  แต่ลูกดอกที่ออกไปจากมือไคโตะก็พลาดเป้าไปแค่นิดเดียว

 

โธ่โว้ย!”    ไคโตะถึงกับสบถอย่างเสียดาย

 

จากนั้นก็เป็นชมรมฟุตบอล ชมรมวอลเล่ย์บอล ชมรมว่ายน้ำ ชมรมยูโด ชมรมมวยสากล แม้แต่ชมรมการแสดงก็ยังมาแจมด้วย! แต่ไม่ว่าจะชมรมไหนก็ไม่มีใครเอาชนะพวกเขาได้เลย

 

สุดท้ายแล้วสินะ”    เซยะทำหน้าเพลียๆเมื่อพวกชมรมเบสบอลเดินนวดไหล่เข้ามา ก็ไม่รู้จักเข็ดจักจำกันเลย

 

มินาโตะเป็นมือสุดท้ายนะ”    ประธานชมรมจอมวางแผนของเขาเอ่ยบอก ใบหน้ามนจึงพยักรับอย่างไม่คิดอะไร

 

แต่ชมรมเบสบอลกลับหินกว่าที่คิด

 

ตั้งแต่ดอกที่ 9 เป็นต้นมาก็ให้ผู้ชายที่เขาเจอระหว่างทางนั้นเป็นคนปาลูกดอกตลอด และหมอนั่นก็ปาจนลูกโป่งแตกเป็นลูกที่15แล้ว

 

นับเป็นสถิติที่ดีที่สุดในหมู่ทีมที่มาท้าดวลเลย

 

หมอนั่นเป็นพิชเชอร์ ส่งมินาโตะที่นิ่งที่สุดไปสู้น่ะถูกต้องแล้ว”    เสียงเซยะเอ่ยอยู่ข้างหลังในระหว่างที่เปลี่ยนตัวจากไคโตะมาเป็นเขา

 

ใบหน้ามนมองลูกโป่งด้วยสีหน้าราบเรียบ ก่อนจะมือจะหยิบลูกดอกขึ้นมา

 

บรรยากาศรอบตัวนารุมิยะ มินาโตะนั้นเอาเรื่องจริงๆ มันเปลี่ยนความสับสนวุ่นวายให้สงบลงราวกับเหลือเพียงหยดเล็กๆที่ร่วงหล่นลงไปกระทบผืนน้ำนิ่งสนิท ต่างจากห่าฝนในทีแรก ถึงจะเยือกเย็นแต่กลับนุ่มนวลและงดงามมาก

 

ขนาดเพื่อนต่างชมรมที่ไม่เคยดูการแข่งยิงธนูยังรับรู้ได้ว่านี่แหละคือไม้ตายของชมรมยิงธนู

 

เสียงลูกโป่งแตกดังสลับกัน แต่ใบหน้ามนนั้นยังคงมองตรงไปที่เป้าอย่างไม่มีสั่นคลอน

 

ต่างจากเด็กหนุ่มพิชเชอร์ที่ดูจะหวั่นไหวไปกับการมีนารุมิยะ มินาโตะยืนอยู่ข้างๆอย่างเห็นได้ชัด ผู้ชายคนนี้กำลังประหม่าไปกับท่าทางที่สงบนิ่งและสวยงามของโอจิแห่งชมรมยิงธนูอย่างที่ทุกๆคนที่ยืนมองอยู่ล้วนเป็นกัน

 

มันก็เกินต้านจริงๆการขยับกายของมินาโตะเนี่ยเพื่อนในชมรมยิ้มอย่างรู้กันดี เพราะเจ้าพวกนี้ไม่เคยเห็นมินาโตะยิงธนูน่ะสิ ตอนพวกเขาเห็นครั้งแรกยังแทบจะหยุดหายใจแล้วตายไปเลย

 

สวยเทียบเท่านี้ก็คงมีแค่ฟูจิวาระ ชูจากคิริซากิแล้วละ ถึงจะเป็นความสวยงามที่ดูแตกต่างกันนิดหน่อยก็เถอะนะ

 

ปั่ก! ปุ้ง!

 

แล้วก็เป็นลูกโป่งฝั่งเขาที่แตกกระจุย ส่วนของชมรมเบสบอลนั้นยังอยู่ดี

 

สุดท้ายมันก็อยู่ที่สมาธิจริงๆ 

 

เพราะเขามักจะมองไม่เห็นอย่างอื่น ไม่ได้ยินเสียงอย่างอื่นเลยตอนที่จิตใจจดจ่ออยู่กับเป้า

 

อ๊า~ เสียดายชะมัด อีกนิดเดียวเอง!!”     คนที่ร้องโวยวายกลับเป็นสมาชิกชมรมเบสบอลคนอื่นๆ ส่วนพิชเชอร์ที่แข่งกับเขาตัวต่อตัวนั้นกลับหันมามองเขาอย่างทึ่งๆ ในดวงตาตื่นตะลึงคู่นั้นมีแววชื่นชมอยู่ไม่น้อย

 

ฉันโฮโจ โทรุ ตำแหน่งพิชเชอร์ของชมรมเบสบอล ยินดีที่ได้รู้จักและได้แข่งกับนายนะ นารุมิยะใช่ไหม?”    อีกฝ่ายยืนมือมาให้อย่างเป็นมิตรและยอมรับในความพ่ายแพ้แต่โดยดีสมกับที่มาจากชมรมกีฬาเหมือนกัน

 

อื้ม ยินดีที่ได้รู้จัก”    เขาไม่ได้ยื่นมือไปจับด้วยเพราะกำลังสนใจอยู่ที่ลูกโป่งอีกสามใบที่เหลือ จึงเป็นหน้าที่เซยะที่ต้องหันไปบอกกับคุณพิชเชอร์นั่นว่านี่เป็นเรื่องปกติของเขา

 

ดวงตาสีเขียวใสจับจ้องอยู่ที่ลูกโป่งทั้งใบท่ามกลางความลุ้นระทึกของเด็กชมรมกีฬาทุกคน เพราะยังไงเป้าหมายของพวกเขาก็คือเจ้าตุ๊กตาหมีตัวใหญ่นั่นไม่ว่าทีมไหนจะได้ไปก็ตาม

 

ปั่ก! ปุ้ง!

 

และตอนนี้ดอกที่ 20 ก็ได้ทะลวงเข้าไปในลูกโป่งเป็นที่เรียบร้อย เสียงเฮดังลั่นจนคนที่เดินผ่านไปผ่านมาต่างหันมามอง มีเพียงเจ้าของร้านที่ร้องครางอย่างน่าสงสาร 

 

ปีหน้าเขาคงต้องแปะป้าย ชมรมยิงธนูห้ามเข้าเสียแล้ว!

 

ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ท่วมหัวถูกยัดใส่อ้อมแขนของนารุมิยะ มินาโตะผู้พิชิตมันได้ อันที่จริงพวกเขาก็แบ่งกันไปคืนละตัวและคืนนี้ก็ถึงตาเขา

 

แต่ดวงตาสีเขียวใสกลับจ้องไปที่ดวงตาเม็ดพลาสติกสีดำนั่นเขม็ง

 

เขาเอามันกลับบ้านด้วยไม่ได้

 

เพราะชูเป็นพวกขี้หวงมาก หวงแม้แต่กับตุ๊กตา 

 

ชูจะไม่ยอมให้มีตุ๊กตาตัวอื่นในห้องเขานอกจากเจ้ากระต่ายชูตัวเดียว 

 

เขาเคยหมุนไข่ชิงโชคของร้านสะดวกซื้อในตลาดแล้วได้ตุ๊กตาทานุกิมา ชูยังแอบเอาของเขาไปบริจาคที่โรงเรียนอนุบาลซะงั้น ขืนเอาเจ้าตุ๊กตาตัวใหญ่นี่เข้าบ้านไปก็คงไม่พ้นโดนชูหิ้วไปทิ้งที่ไหนแน่ 

 

เขาหันซ้ายแลขวา วันแรกเรียวเฮย์เอาไปแล้ว เมื่อวานนานาโอะกับเซยะก็ได้ไปแล้ว ส่วนไคโตะก็ประกาศอย่างชัดเจนว่าไม่อยากได้ตุ๊กตา แล้วอย่างงี้เขาควรจะทำยังไงกับเจ้าหมีนี่ดีล่ะ

 

ไปหาไรกินกัน!”    แล้วเสียงโหวกเหวกของพวกชมรมเบสบอลก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่ายังมีเด็กผู้หญิงคนหนึ่งต้องการตุ๊กตาตัวนี้อยู่

 

ร่างโปร่งบางจึงอุ้มเจ้าหมีนุ่มนิ่มเดินตรงไปหาพิชเชอร์ของชมรมเบสบอลทันที

 

นายเอาไปสิ สัญญากับน้องสาวไว้ไม่ใช่เหรอ”    เสียงของเขาทำให้โฮโจ โทรุทำหน้าทึ่งๆก่อนจะมองมาที่หมียักษ์อย่างอึ้งๆ ท่อนแขนแข็งแรงยกขึ้นมารับตุ๊กตาไปอย่างทำตัวไม่ถูก

 

"เอ่อขอบใจนะ นารุมิยะแต่ว่าให้ฉันจะดีเหรอ?..."      

 

"อื้อ ดีสิ"

 

ใบหน้าคมคายขึ้นสีราวกับมีหัวใจหล่นลงไปในหลุมรักอย่างไม่ทันตั้งตัว

 

ส่วนคนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าไปตกใครมาได้ก็กลับไปหากลุ่มเพื่อนชมรมยิงธนูแล้วเดินเล่นในงานด้วยกันต่อไป



 

 

 

 

 

บรรยากาศในโรงเรียนคาเซไมวันนี้ดูแปลกๆชอบกล หรือบางทีเขาอาจจะรู้สึกไปเองว่าเขาถูกใครบางคนจับตามองอยู่?

 

ตั้งตอนที่เขากำลังถูพื้นโดโจเมื่อเช้า ตอนเปลี่ยนคาบเรียน ตอนเล่นพละ ตอนกินข้าวกลางวันที่โรงอาหาร ตอนเดินไปห้องวิทยาศาสตร์ ตอนหอบสมุดการบ้านไปห้องพักครูเขาโดนมองอยู่ตลอดไม่ผิดแน่

 

? อะไรกันนะ??

 

ขนาดตอนนี้ก็ยังรู้สึกเลยว่าถูกแอบมองอยู่ เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าสายตามันมาจากทางไหน

 

"มีอะไรหรือเปล่ามินาโตะ?"   เซยะทักขึ้นเมื่อเห็นเขามองไปรอบกายอย่างหวาดระแวง

 

"เปล่า ไม่มีอะไรหรอก"   มือบางวางคันธนูลงหลังจากได้เวลาเลิกซ้อมแล้ว

 

"ถ้างั้นก็ไปเปลี่ยนชุดกันเถอะ"

 

"อื้ม"   ใบหน้ามนยังมิวายกวาดมองรอบกายอีกครั้งก่อนจะเดินเข้าห้องแต่งตัวไป

 

 

"ตัวบางมากเลยแหะง้างคันธนูไหวได้ยังไงกันนะ…"   เสียงพึมพำนี้ไม่ใช่ของสมาชิกชมรมยิงธนูแต่มันดังอยู่ในรั้วตาข่ายของสนามเบสบอลต่างหาก

 

ที่นารุมิยะ มินาโตะจับไม่ได้ว่าถูกแอบมองจากที่ไหนคงต้องยกความดีความชอบให้กล้องส่องทางไกลที่โค้ชใช้ดูพวกเขาจากข้างสนามนี่สินะ

 

"โฮโจ กลับเลยไหมวะ~"    เพื่อนในชมรมเบสบอลตะโกนเรียกและนั่นก็ทำให้แขนที่ตากแดดจนเป็นสีแทนยัดกล้องส่องทางไกลให้เพื่อนคนนั้นไป

 

"โทษทีว่ะ พวกนายกลับไปก่อนเถอะฉันมีธุระต้องทำ"   มือใหญ่สะพายกระเป๋ากีฬาใบใหญ่ก่อนจะก้าวเดินออกไป

 

"ไรวะ อย่างกับจะไปสารภาพรัก ฮ่าๆๆ"   เพื่อนๆเอ่ยแซวอยู่ข้างหลัง เพราะรู้ว่ามันเป็นไปไม่ได้หรอกที่เขาจะสนใจผู้หญิงคนไหนมากกว่าลูกเบสบอล

 

"เออ"   แต่คำตอบของเขาก่อนที่จะปิดประตูชมรมใส่หน้าเจ้าพวกนั้นก็ทำเอาอึ้งกันเป็นแถบๆ

 

"เฮ้ย?! โฮโจ! เดี๋ยวก่อนสิวะ เรื่องจริงเหรอเนี่ย! มาเล่าให้ฟังก่อนสิวะ!"    เขาเพียงโบกมือให้ก่อนจะเดินตัดสนามฟุตบอลไปยังโดโจของพวกชมรมยิงธนู

 

ร่างสูงใหญ่แบบนักกีฬายืนรอจนกลุ่มคนกลุ่มหนึ่งเดินออกมาจากโรงฝึกธนู ถึงจะเป็นเด็กชมรมกีฬาเหมือนกันแต่พวกชมรมยิงธนูนี่ดูแตกต่างจากพวกเขามากเลยจริงๆแหะ

 

จะว่าไงดีมันดูมีระดับ ดูสูงส่ง ไม่ดิบเถื่อนโหวกเหวกโวยวายหยาบกระด้างแบบพวกเขา ไม่มีกลิ่นเหงื่อและผิวก็ยังขาวมาก

 

ขายาวก้าวเข้าไปขวางหน้าคนกลุ่มนั้นก่อนจะเอ่ยออกไป

 

"นารุมิยะ ขอคุยด้วยหน่อยสิ"  

 

ปฏิกิริยาแรกที่เขาได้เห็นคือคนทั้งชมรมเหมือนพร้อมจะพุ่งเข้ามาขวางระหว่างเขากับนารุมิยะ โดยเฉพาะคนที่เป็นกัปตันทีมนั่น

 

ปฏิกิริยาที่สองก็คือ นารุมิยะที่ไม่มีปฏิกิริยาอะไรเลย

 

"นาย? คนที่เจอเมื่อวาน?"   ใบหน้ามนเอียงคอเหมือนพยายามนึก อย่าบอกนะว่าลืมเขาไปแล้ว? ทั้งๆที่เขาเอาแต่นึกถึงอีกฝ่ายทั้งคืน ให้ตายเถอะ ทำไมเขาถึงมองการกระทำแบบนั้นว่าน่ารักไปได้นะ

 

"โฮโจ โทรุ พิชเชอร์ของชมรมเบสบอล"   เสียงหนักแน่นเอ่ยออกไป

 

"มีอะไรกับมินาโตะรึเปล่า?"   ประธานชมรมยิงธนูเดินเข้ามาขวางราวกับอัศวิน นี่คงคิดว่าเขาจะมาหาเรื่องนารุมิยะเพราะเขาแพ้เมื่อวานสินะ 

 

ให้ตายเถอะ เรื่องที่ไม่ใช่วิถีลูกผู้ชายแบบนั้นเขาไม่ทำหรอกน่า

 

"เซยะ ไม่เป็นไรหรอก พวกนายกลับไปก่อนเถอะ ต้องไปโรงเรียนกวดวิชาด้วยนี่ ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกเดี๋ยวชูก็มา"   กลายเป็นนารุมิยะต้องเป็นฝ่ายห้ามเพื่อนตัวเอง มือบางที่ยกขึ้นมาวางบนแขนเพื่อนนั่นราวกับน้ำเย็นที่ช่วยชะโลมเปลวไฟที่กำลังลุกลามยิ่งทำให้เขาถูกใจอีกฝ่ายเข้าไปใหญ่

 

"ไปสิ มีเรื่องอะไรจะคุยล่ะ"   เสียงนุ่มเอ่ยบอกทำให้เขาเดินนำออกมาท่ามกลางสายตาของกลุ่มเพื่อนที่มองอย่างไม่ไว้ใจ

 

ขายาวก้าวนำไปยังที่ที่สงบเงียบที่สุดในโรงเรียน

 

เขาเป็นพิชเชอร์ ตำแหน่งสำคัญเพียงหนึ่งเดียวของชมรมเบสบอล เขาต้องมุ่งมั่นทุ่มเทและฝึกฝนขนาดหนักเพื่อที่จะได้มันมา เพราะงั้นเขาจึงมีความมั่นใจและไม่เคยลังเลที่จะพุ่งเข้าใส่สิ่งที่เขาสนใจ

 

ร่างสูงใหญ่หันกลับไปเมื่อถึงหลังตึกเรียนที่ไม่มีคนอยู่แล้ว

 

"นารุมิยะ...นาย….ชอบฉันเหรอ?"   เสียงทุ้มกึ่งพูดกึ่งตะโกนเพราะเขาเองก็ตื่นเต้นจนควบคุมหัวใจของตัวเองได้ยาก

 

ทว่า เจ้าคนตรงหน้ากลับตกใจจนอ้าปากค้างแทนที่จะเขินอายเพราะถูกจับได้อย่างที่เขาเคยคิดไว้

 

"ห๊ะ? เดี๋ยว? อะไรทำให้นายคิดแบบนั้น??"   นารุมิยะตอบด้วยท่าทางเลิ่กลั่ก

 

"ก็นายให้ตุ๊กตาฉัน…"   และนั่นก็เป็นบ่อเกิดของความรู้สึกในใจเขา ถึงที่ผ่านมาจะมีสาวๆเอาของมาให้เขามากมาย ทั้งช็อกโกแลต ทั้งคุกกี้ ตุ๊กตาก็มี ข้าวกล่อง ดอกไม้ สารพัดสารเพ แต่ต้องบอกว่าคงจะเป็นเพราะตัวนารุมิยะเองที่ทำให้เขาประทับใจจนลืมไม่ได้ มันเป็นอะไรที่เขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน

 

"เอ่อคือว่านะ นารุมิยะคือฉันน่ะ ไม่เคยสนใจเรื่องความรักมาก่อนเลย แม้แต่กับผู้หญิงฉันก็ไม่เคยเดตด้วย เพราะงั้นนายที่เป็นผู้ชาย…"   เขาพยายามจะพูดอะไรออกไปแต่ด้วยความตื่นเต้นทำให้มันยากจริงๆที่จะสื่อทั้งหมดได้ แถมเขาก็ไม่เคยสารภาพรักเสียด้วย  

 

สับสนไปหมดคำพูดของเขา

 

"เดี๋ยวนะ เดี๋ยวก่อน นายน่าจะเข้าใจผิด"   นารุมิยะยกมือขึ้นมาเหมือนจะกำลังถอยหนี

 

อาจจะกำลังเขินอยู่ก็ได้? เพราะฉะนั้นเขาต้องเป็นฝ่ายพูดออกไป!

 

"ไม่ๆนารุมิยะ ฟังฉันก่อน ฉันแค่จะบอกว่า ถึงนายจะเป็นผู้ชาย ฉันก็โอเค นายเป็นคนแรกที่เอาชนะฉันได้ แล้วตอนนายจดจ่ออยู่ที่เป้าหมาย นายก็น่ารักมาก…"   เขารู้เลยว่าหน้าของตัวเองคงจะแดงแปร๊ดอยู่แน่ๆ

 

"ถ้านายอยากคบกับฉันแบบนั้นฉันก็โอเค อ้า~ มันเขินกว่าที่คิดนะเนี่ย นายจะไม่กล้าพูดกับฉันก็ไม่น่าแปลกใจเลย"    เขาคิดไปแบบนั้น อาจจะดูเข้าข้างตัวเองไปสักหน่อยแต่เห็นแบบนี้ เขาก็เป็นอีกหนึ่งคนในโรงเรียนที่ถูกสารภาพรักมากที่สุดเลยนะ

 

เพราะงั้นเขาจึงไม่ได้เตรียมใจว่าจะโดนปฏิเสธเลย

 

"เดี๋ยว ไม่ หยุด หยุดก่อน!"   จนกระทั่งมือบางทั้งสองข้างยกขึ้นมาขวางไว้ตรงหน้า

 

"....นารุมิยะ?..."

 

"นายเข้าใจผิดแล้ว! ผิดทั้งหมดเลย!"   ใบหน้ามนหลับหูหลับตาตะโกนออกมา

 

"ห๋า?"   เขาได้แต่มองนารุมิยะอย่างมึนงง

 

"ที่ฉันให้ตุ๊กตานาย ไม่ใช่เพราะว่าฉันชอบนาย"   

 

"แต่เป็นเพราะแฟนฉันขี้หวงมาก แม้แต่กับตุ๊กตาก็ยังหวง เขาจะไม่ยอมให้มีตุ๊กตาตัวอื่นอยู่ข้างๆฉันนอกจากตุ๊กตาของเขา เพราะงั้นฉันเลยเก็บเจ้าหมีนั่นไว้ไม่ได้ แล้วตอนไปงานฉันก็ได้ยินนายคุยกับน้องสาว ว่าจะเอาตุ๊กตาตัวนั้นไปให้ฉันนึกขึ้นได้ ก็เลยให้นายแค่นั้นแหละ"    สิ่งที่นารุมิยะพูดออกมาแบบไม่หยุดหายใจนั้นทำเอาเขาชะงักค้างไป

 

"ว่าไงนะนายมีแฟนอยู่แล้วงั้นเหรอนารุมิยะ?"    สองมือแทบจะพุ่งไปบีบต้นแขนเล็กๆนั่นเสียให้ได้ เขาตกใจเรื่องนี้มากกว่าเรื่องที่ตัวเองเข้าใจผิดเสียอีก!

 

"อื้ม มีแล้ว รักมากด้วย"    ใบหน้ามนยอมรับออกมาตรงๆ

 

ได้ยินเสียงดัง "เพล้ง" อยู่ใต้แผ่นอกซ้ายของเขาเลยหัวใจแตกเป็นเสี่ยงๆไปแล้วไหมเนี่ย

 

"ไม่จริงน่านายจะตอบว่าธนูคือแฟนนายไม่ได้นะ…"    เขาพูดเลื่อนลอยอย่างไม่อยากจะยอมรับความจริง

 

"เขาเป็นคนจริงๆ ไม่ใช่ธนู"   แต่ใบหน้ามนที่ยอมรับตาใสนั่นก็มีแต่จะทำให้หัวใจของเขาแหลกสลายยิ่งขึ้น อ้าขนาดในเวลาแบบนี้เขาก็ยังคิดว่านารุมิยะน่ารักเหลือเกิน

 

"แต่ฉันไม่เคยได้ยินจากใครเลยว่านายมีแฟนแล้ว ก่อนจะมายืนอยู่ตรงนี้ฉันก็หาข้อมูลมาบ้างเหมือนกัน"

 

"เพราะทุกคนคิดไม่ถึงน่ะสิ ว่าเขาคือแฟนฉัน เราไม่ได้ปิดแต่เราก็ไม่ได้ป่าวประกาศบอกใครๆ ถ้านายหาข้อมูลมาบ้างก็คงพอจะรู้ใช่ไหมล่ะว่าฉันเป็นคนยังไง เขาเองก็เป็นคนประเภทเดียวกับฉันนี่แหละ"

 

"มีความเป็นมนุษย์แค่45%..."   นั่นคือนิยามของนารุมิยะ มินาโตะจากปากเพื่อนร่วมห้อง ส่วนอีก55%นี่น่าจะเป็นส่วนผสมของ ขอนไม้ ขวานผ่าซาก และเทพเจ้า

 

เขายืนคอตกทำใจอยู่พักใหญ่และนารุมิยะก็ไม่ได้ทิ้งเขาไว้ตามลำพัง

 

ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมหมอนี่ถึงยังนั่งอยู่ข้างๆเขาอีก

 

"เอ่อขอโทษนะที่ทำให้เข้าใจผิด…"   เสียงนุ่มเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางเสียงจักจั่นเรไรของยามเย็น

 

"ไม่เป็นไรแต่ยังไงฉันก็ชอบนายจริงๆ"    เขาพูดทั้งๆที่ยังนั่งคอตก

 

"เอ๊ะ?"

 

"......"    เขาหันหน้าช้อนสายตามองนารุมิยะอย่างขอความเห็นใจเป็นครั้งสุดท้าย เขาเองก็มั่นใจนะว่าเป็นผู้ชายที่ดีพร้อมคนหนึ่ง 

 

เลิกกับหมอนั่นแล้วหันมาคบกับฉันได้ไหมนั่นคือสิ่งที่สายตาของเขาสื่อออกไป เพราะตอนนั้นเขายังไม่รู้ว่าแฟนของนารุมิยะเป็นใคร

 

"ตัดใจเถอะ"   แต่เจ้าขวานผ่าซากก็เอ่ยออกมาแบบนั้น

 

"ตอนนี้ยังทำไม่ได้"

 

"ยังไงก็ต้องพยายามนะ"

 

"นายจะให้กำลังใจทำไมเนี่ย~ บ้าเอ้ย ทำไมต้องน่ารักขนาดนี้ด้วย ทำไมฉันไม่เจอนายก่อน"

 

"ไม่มีใครเจอฉันก่อนเขาได้แล้วละ ฉันกับเขารู้จักกันมาตั้งแต่ชั้นประถม"

 

เขาได้แต่เอาหน้าเกยเข่าแล้วตะแคงมองนารุมิยะอยู่แบบนั้น

 

".........เกลียดไม่ลงจริงๆแหะนายเนี่ย"    

 

เขาถอนหายใจก่อนที่เสียงฝีเท้าหนึ่งจะก้าวเข้ามาหา ชุดนักเรียนไม่คุ้นตาทำให้เขาเงยหน้ามอง

 

เด็กคิริซากิ…?

 

"มินาโตะ มีอะไรรึเปล่า? เห็นไม่ออกมาสักที ฉันเลยมาตาม"    ใบหน้าที่เหยียดตามองลงมาที่เขานั้นหล่อเหลามากๆ ขนาดเป็นผู้ชายด้วยกันยังต้องยอมรับเลยว่าคนคนนี้เหมือนเจ้าชายที่หลุดออกมาจากในนิยายเลย

 

เพียงแต่แววตาที่ใช้มองมาที่เขานั้นมันแสดงความเป็นศัตรูออกมาแบบไม่มีปิดบัง ตรงนี้แหละมั้งที่ต่างจากเจ้าชายในฝัน

 

"ชู~"    นารุมิยะลุกขึ้นไปหาเจ้าคนมาใหม่นั่นด้วยใบหน้ายิ้มแย้มดีใจ

 

ชูงั้นเหรอ? หรือว่าจะเป็นฟูจิวาระ ชู เจ้าชายของคิริซากิ

 

ไม่แปลกหรอกที่คนที่ตามสืบเรื่องของนารุมิยะอย่างเขาจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับฟูจิวาระ ชูมาบ้าง เพราะไม่ว่าจะถามใครในโรงเรียน สิ่งแรกที่นึกออกเกี่ยวกับนารุมิยะก็คือ เป็นเพื่อนสนิทของเจ้าชายคิริซากิ

 

แต่ว่าจะใช่แค่เพื่อนสนิทแน่เหรอในเมื่อบรรยากาศระหว่างทั้งสองคนที่เขาเห็นอยู่นี้มันหวานมาก

 

"แล้วนี่…."   ฟูจิวาระ ชูเหลือบตามามองเขา

 

"ไม่มีอะไรหรอก"   นารุมิยะเข้าไปดึงแขนเสื้อของอีกฝ่ายไว้

 

"งั้นเหรอ งั้นก็กลับบ้านกันเถอะ"   ถึงจะยอมเชื่อฟังแต่โดยดีและทุกท่วงท่ายังคงสง่างามสมเป็นเจ้าชาย ทว่า ความไม่เป็นมิตรในระดับอันตรายกลับพุ่งเข้ามาหาเขาราวกับลูกธนู

 

นี่มัน….

 

"อื้ม….เอ่อไปก่อนนะ"    นารุมิยะหันมาพยักหน้าให้เขาที่ยังนั่งอึ้งอยู่ที่พื้น

 

หรือแฟนขี้หวงที่นารุมิยะพูดถึงจะเป็น….หมอนั่น?

 

ถ้าใช่...เขาก็เข้าใจแล้วว่าทำไมนารุมิยะถึงไม่เลือกเขา

 

 

 

 




ตกลงมีอะไรเหรอมินาโตะ? กับผู้ชายคนนั้น”    เสียงทุ้มของฟูจิวาระ ชูเอ่ยถามในขณะที่เดินกลับบ้านด้วยกัน

 

“.....ฟังแล้วอย่าเพิ่งโกรธนะฉันคิดว่าบอกชูไปตรงๆน่าจะดีกว่า เพราะถ้ามารู้ทีหลังจากคนอื่นอาจจะทำให้เข้าใจผิดกันได้”    มินาโตะพูดออกมาด้วยสีหน้ากังวลอย่างที่นานทีปีหนจะได้เห็นใบหน้ามนมีสีหน้าแบบนี้

 

หมอนั่นบอกว่าชอบฉัน”    กึดมือใหญ่เผลอกำแน่นโดยไม่รู้ตัว ใบหน้าเองก็ดูน่ากลัวอย่างเก็บอาการไม่อยู่

 

แต่ว่านะชู นายไม่ต้องห่วงหรอก ต่อไปฉันจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก ฉันจะระวังและไม่ทำให้นายต้องคิดมาก”    มินาโตะหันมาเผชิญหน้ากับเขาตรงๆ ซึ่งเขาเข้าใจความรู้สึกของมินาโตะดี

 

เราควบคุมหัวใจของคนอื่นไม่ได้...

 

เราห้ามไม่ให้คนอื่นมารักเราไม่ได้...

 

เขาเองก็ต้องคอยหลีกเลี่ยงคนเหล่านั้นเพื่อไม่ทำให้มินาโตะต้องคิดมากมาทั้งชีวิต เขาเข้าใจ

 

มินาโตะไม่ได้ผิดอะไรเลยที่น่ารักขนาดนี้

 

มือใหญ่ยกขึ้นประคองแก้มใสก่อนจะยิ้มบางๆให้

 

เข้าใจแล้วมินาโตะมินาโตะใช้ชีวิตไปตามปกติเถอะ ส่วนหมอนั่นฉันจะจัดการเอง

 

เอ๊ะ?”

 

ไม่ต้องมัวกังวลเรื่องหมอนั่นหรอก ลืมไปเลยก็ได้

 

อะ อื้อ”    มินาโตะทำหน้างงๆที่เขาดูจะไม่ได้โมโหหึงอย่างที่คิด

 

ไม่หึงเหรอ?”    เสียงนุ่มถามออกมาตรงๆก่อนจะก้าวเดินเคียงข้างเขาต่อไป

 

หึงสิ แต่ฉันจะไม่ทำให้มินาโตะต้องกังวลหรอก จะไม่เอาเรื่องของหมอนั่นมาลงที่มินาโตะด้วย”    เพราะคนที่เขาจะจัดการคือหมอนั่นไม่ใช่มินาโตะ ถึงใบหน้าจะยังเรียบเฉยแต่ในหัวกำลังวางแผนอะไรมากมาย

 

ฉันทะนุถนอมมินาโตะยิ่งกว่าอะไร มินาโตะก็รู้ใช่ไหม? เพราะงั้นคนที่ฉันจะกำจัดย่อมต้องเป็นคนอื่น”    เขายิ้มเย็นๆให้ ซึ่งมินาโตะถึงกับทำท่าหวาดระแวง

 

ที่มินาโตะรู้เป็นแค่ส่วนน้อย ยังมีคนที่เขาจัดการไปโดยไม่ได้บอกมินาโตะอีกมากมาย เขาร้ายกับคนทั้งโลกได้สบายๆเพื่อที่จะดีกับมินาโตะแค่คนเดียว

 

มินาโตะอมยิ้มบางๆก่อนจะพูดออกมา  “ขอบใจนะชูที่เชื่อใจฉัน

 

เขาจึงมองมินาโตะกลับไปด้วยสายตาอ่อนโยน

 

เพราะฉันมั่นใจว่ามินาโตะไม่มีทางเลือกคนอื่นนอกจากฉันแน่ๆ”    เขาเอ่ยอย่างหยอกเย้าเพื่อให้บรรยากาศอันหนังหน่วงนี้ผ่อนคลายลง

 

งั้นเหรอครับ

 

ครับ จะหาใครดีกว่าฟูจิวาระ ชูได้อีกล่ะ? ฉันน่ะ พยายามอย่างหนักเลยนะเพื่อที่จะเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดของนารุมิยะคุง

 

น่าหมั่นไส้จริงเชียว

 

ฮะฮะฮะ



 

 

 




คืนนี้มีงานเทศกาลฤดูร้อนเป็นคืนสุดท้ายแล้ว ในงานจึงมีคนเยอะมาก บรรยากาศทั้งถนนนั้นคึกคักสุดๆ

 

และในเมื่อเป็นคืนสุดท้าย ชมรมยิงธนูถึงได้นัดกันใส่ยูกาตะมา

 

อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจว่าจะใส่หรอก แต่เป็นเพราะชูส่งยูกาตะสีเขียวลายแมลงปอที่ตัดเย็บจากร้านกิโมโนชื่อดังอย่างดีมาให้เขาพอเอาไปปรึกษาเซยะ คุณประธานชมรมเลยนัดคนอื่นให้ใส่ยูกาตะด้วยกันซะงั้น

 

พวกชมรมยิงธนูเลยยิ่งดูพิเศษในสายตาชมรมกีฬาที่มาท้าทายเข้าไปใหญ่ 

 

และหลังจากที่พวกเขาพิชิตทุกผู้ท้าชิงจนแพ้ราบคาบไปหมดแล้ว ไฮไลท์ที่ทำให้ทุกคนยังคงไม่ไปไหนและทำให้ร้านปาลูกโป่งกลายเป็นร้านฮอตฮิตของค่ำคืนนี้นั่นก็เพราะกำลังมีการดวลกันระหว่างชมรมยิงธนูคาเซไมกับชมรมยิงธนูคิริซากิที่บังเอิญมาเจอกันเข้าน่ะสิ!

 

ศึกระหว่างชมรมยิงธนูของสองโรงเรียน! ไม่มีอะไรจะน่าดูไปกว่านี้แล้ว!

 

"ไม่คิดว่าจะได้มาแข่งกันในร้านปาลูกโป่งแบบนี้เลยนะครับ"   ประธานชมรมของคิริซากิเอ่ยอย่างนุ่มนวลแต่เสียงลูกดอกที่ปักลงไปในลูกโป่งนั้นกลับรุนแรงจนต้องลูบขนที่แขนให้สงบลง

 

"เออ~ แต่ถึงจะเป็นปาลูกโป่งผมก็ไม่แพ้หรอกนะครับ"   ไคโตะแสยะยิ้มพร้อมกับลูกดอกปักลงกลางลูกโป่งเช่นกัน

 

สภาพแบบนี้มันคุ้นเสียยิ่งกว่าคุ้นจนนารุมิยะ มินาโตะต้องยิ้มแห้ง

 

พวกคิริซากิเองก็ใส่ชุดยูกาตะมาทั้งทีมเหมือนกัน การดวลระหว่างพวกเขาจึงเป็นอะไรที่น่าดูมาก

 

เพราะต่างฝ่ายต่างก็ทำลายลูกโป่งไปเรื่อยๆจนเหมือนกับว่าคืนนี้อาจจะหาผู้ชนะไม่ได้ก็เป็นได้

 

ในขณะที่ทุกคนต่างสนใจอยู่กับลูกดอกในมือและลูกโป่งตรงหน้าท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างบ้าคลั่งพวกนั้น ชูก็หันหน้ามามองเขา

 

ใบหน้าหล่อเหลาส่งสัญญาณซึ่งเป็นที่รู้กันสองคนว่า "ตามมาสิ" ให้เขา

 

ร่างสูงใหญ่แฝงกายหายเข้าไปในเงามืดและความชุลมุนวุ่นวายของผู้คน ใบหน้ามนจึงเหลือบมองรอบกายไม่มีใครสนใจเขาสองขาจึงเดินตามออกไป

 

ชูไปไหนแล้วนะ?

 

ดูจากทิศทางที่ชูน่าจะไปแล้วก็ไม่น่าจะพ้นถนนเส้นนี้นี่นา สองขาเดินสวนกับผู้คนที่กำลังเดินเข้าไปในงานแต่เขากลับเดินออกมาข้างนอก

 

จนกระทั่งมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าศาลเจ้าอินาริประจำเมือง

 

เสาโทริอิสีส้มถูกตั้งซ้อนกันจนเป็นอุโมงค์ ถึงจะไม่ยาวเป็นหมื่นต้นเหมือนที่ฟุชิมิ อินาริ แต่มันก็ยาวพอที่จะทำให้เกิดความรู้สึกน่าค้นหา

 

เขามองขึ้นไปตามบันไดหินก่อนที่ขาขาวๆคู่หนึ่งจะค่อยๆโผล่ออกมาจากหลังเสาข้างซ้าย

 

ชายยูกาตะสีครามช่างคุ้นตา แค่ไล่สายตาขึ้นไปเขาก็เริ่มอมยิ้ม

 

ชู

 

แต่เป็นชูที่ชวนให้ใจเต้นตึกตัก

 

ในฝ่ามือใหญ่มีหน้ากากจิ้งจอกแบบญี่ปุ่นโบราณอยู่และตอนนี้มันก็กำลังทาบลงไปบนใบหน้าหล่อเหลา

 

คนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาราวกับเทพจิ้งจอกเก้าหางก็ไม่ปาน

 

ชูหล่อมาก ถึงจะมองไม่เห็นใบหน้า แต่ทั้งบรรยากาศรอบกาย ทั้งความลึกลับน่าค้นหา ทั้งเสียงรองเท้ากระทบกับบันไดหินยามเมื่อร่างสง่างามนั้นค่อยๆก้าวลงมามันก็ทำให้รู้สึกว่าคนนี้ช่างน่าหลงใหลเสียจริงๆ

 

เอวบางถูกดึงไปกอดไว้ ร่างกายท่อนล่างจึงแนบชิดกัน เขาเงยหน้ามองใบหน้าที่อยู่ภายใต้หน้ากากจิ้งจอกนั่นราวกับตกอยู่ในภวังค์

 

หัวใจเต้นดังยิ่งกว่ากลองไทโกะเสียอีก

 

"ให้ข้าลักพาตัวเจ้าไปดีหรือไม่?"    มือใหญ่ค่อยๆเลื่อนหน้ากากออกไป จึงเหลือเพียงใบหน้าที่กำลังยิ้มละมุนละไมมาให้เขา

 

"เอาสิ"   เขาตอบทั้งรอยยิ้ม ชูจึงจูบหน้าผากเขาเบาๆก่อนจะพลิกกายแล้วจูงมือเขาเดินขึ้นไปตามบันไดหิน

 

เสาโทริอินับพันที่ลอดผ่านทำให้รู้สึกราวกับว่าพวกเขากำลังก้าวข้ามไปยังอีกโลกหนึ่งยังไงอย่างงั้น ยิ่งแสงสลัวๆจากโคมไฟที่ประดับไว้ทั้งสองข้างก็ยิ่งทำให้ดูมีมนต์ขลัง

 

และเมื่อทะลุอุโมงค์สีส้มออกมาก็จะกลายเป็นลานกว้างใหญ่ที่อยู่บนเนินเขา

 

ที่นี่ค่อนข้างมืด แต่เพราะแบบนั้นมันจึงทำให้สามารถมองเห็นแสงไฟอันพร่างพราวของเมืองได้ทั้งเมือง โดยเฉพาะตรงถนนที่กำลังมีงานเทศกาลอยู่

 

สวยจัง…”    มินาโตะเอนตัวเกาะรั้วไม้ก่อนจะทอดสายตามองเมืองที่กำลังสว่างไสวไปด้วยแสงไฟยามค่ำเหมือนพื้นน้ำที่สะท้อนหมู่ดาวบนฟากฟ้า

 

ดวงตาสีม่วงมองใบหน้ามนด้วยสายตาลึกซึ้ง ลมที่พัดเบาๆทำเอาเส้นผมสั้นพลิ้วไหวจนมือใหญ่เผลอยกขึ้นไปลูบมัน 

 

เพราะมินาโตะน่ารักแบบนี้นี่แหละถึงได้ไปตกใครที่ไหนมาได้อีกก็ไม่รู้

 

ดวงตาสีม่วงตวัดมองไปยังเงามืดราวกับใบมีดคมกล้าเขารู้ตัวตั้งนานแล้วว่ามีคนแอบตามพวกเขาออกมาจากร้านปาลูกโป่ง

 

เขาจำหน้าหมอนั่นได้คนที่อยู่กับมินาโตะที่หลังอาคารเรียนเมื่อตอนเย็น

 

เขาต้องรับมือกับคนพวกนี้มาตลอดเพราะงั้นมองแค่แว่บแรกก็รู้แล้วว่าหมอนั่นคือศัตรู คือคนที่คิดจะแย่งมินาโตะไปจากเขา

 

ไม่มีวันเสียหรอก

 

เพราะหมอนั่นดูเป็นคนดี

 

หลายคนอาจจะเคยสงสัยว่าทำไมผู้ชายที่อยู่ข้างกายมินาโตะถึงมีแต่ปีศาจร้ายก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยมีคนดีมาชอบมินาโตะหรอก

 

แต่คนดีน่ะ ถูกพวกเขากำจัดไปหมดแล้วต่างหาก

 

ริมฝีปากยกยิ้มอย่างที่ดูแทบไม่ออกก็ดีตามมาก็ดี

 

ชู!”    เสียงใสเรียกให้เขาย้ายสายตากลับไปมอง มินาโตะหันมายิ้มให้

 

ยิงธนูให้ดูหน่อยสิ”    มินาโตะขอร้องตาใส

 

หื๋ม? ทำไมล่ะ?”    เขาถามด้วยสายตาอ่อนโยน

 

ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่อยากเห็น”    เขาหัวเราะในลำคอเบาๆกับคำขอร้องแสนน่ารักนั่น

 

ร่างสูงสง่าขยับไปยืนถัดจากราวกั้นอย่างตามใจ  สองขากางออกเท่าหัวไหล่ก่อนจะค่อยๆทำท่าง้างคันธนู

 

ถึงจะไม่มีธนูอยู่ในมือแต่แค่ท่าฟูจิวาระ ชูก็สง่างามและแข็งแกร่งมากเหลือเกิน

 

ใบหน้าหล่อเหลามองตรงไปยังเบื้องหน้า ยิ่งมีแสงไฟระยิบระยับของเมืองทั้งเมืองเป็นฉากหลังภาพของเด็กหนุ่มจึงประดุจดั่งเทพแห่งสงครามผู้สงบเยือกเย็น

 

ลูกธนูในจินตนาการถูกปล่อยออกไปท่ามกลางสายตาที่มองมาอย่างภาคภูมิใจ เขาเงยหน้ามองมินาโตะก่อนจะเอ่ยชวน

 

มายิงด้วยกันสิมินาโตะ”    รอยยิ้มที่พวกเขาต่างมีให้กันนั้นราวกับบาเรียที่ขวางกั้นโลกภายนอกเอาไว้ไม่ให้ใครก้าวเข้ามาในโลกของเราได้

 

อื้อ”     มินาโตะตอบรับก่อนจะขยับมายืนอยู่ตรงหน้าเขา มินาโตะมักจะเลือกยืนอยู่หน้าเขาเสมอ ราวกับจะรู้สึกปลอดภัยที่มีเขาคอยปกป้องอยู่ข้างหลัง

 

ร่างทั้งสองขยับกายพร้อมกันโดยไม่ต้องนัดหมาย ไม่ต้องให้สัญญาณ และไม่ต้องมองกัน 

 

คันธนูในจินตนาการถูกง้างออกพร้อมๆกันเกิดเป็นภาพที่งดงามราวกับไม่มีอยู่จริง 

 

พวกเขาที่ยืนยิงธนูด้วยกันนั้นเขามั่นใจว่าต่อให้เป็นคนที่ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับธนูเลยก็ยังดูออกว่ามันเป็นภาพที่งดงามขนาดไหนและไม่ว่าใครก็จะมาแทนที่เขาหรือมินาโตะไม่ได้เลย 

 

พวกเราเหมาะสมกันที่สุดราวกับส่วนผสมที่ลงตัวในอาหารชั้นเลิศ 

 

ฟึ่บ

 

ลูกธนูในจินตนาการพุ่งออกไปยังแสงไฟระยิบระยับเบื้องล่าง มินาโตะยังค้างอยู่ในท่าคลายแต่ร่างสูงสง่ากลับขยับเข้าไปสวมกอดจากทางด้านหลัง

 

ชู?”    ไออุ่นที่แผ่ออกมาจากแผ่นอกกว้างทำให้แผ่นหลังบางไม่คิดจะต่อต้านแต่กลับยอมให้โอบกอดแต่โดยดี

 

บรรยากาศที่แสนโรแมนติกทำให้ร่างในยูกาตะสีครามเอี้ยวตัวไปจุมพิตกลีบปากสีระเรื่ออย่างนุ่มนวล

 

ท่ามกลางพลุลูกใหญ่ที่ถูกจุดขึ้นมาเป็นฉากหลัง

 

ปัง

 

เสียงอันดังทำให้ใบหน้ามนละจากจูบเพื่อหันไปมอง แต่มินาโตะก็ได้เห็นดอกไม้ไฟเบ่งบานอยู่บนท้องฟ้ายามราตรีไม่เท่าไหร่ เพราะมือใหญ่รั้งคางใสกลับมาจูบต่อ

 

และคราวนี้เรียวลิ้นก็สอดแทรกเข้ามาค้นหาความหวานข้างในด้วย

 

อื้ม…”    ร่างบางถึงกับต้องหันมาเผชิญหน้าและใช้แผ่นอกหนาเป็นที่พึ่งพิง มือบางกำสาบเสื้อยูกาตะสีครามยามที่จะทรงตัวไม่ไหวจากความหวานละมุนละไมที่เขามอบให้

 

ถึงจะถอนจูบออกไปเพื่อให้มินาโตะหายใจ แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังตามไปจูบปากของมินาโตะเบาๆ จูบซ้ำๆ ดูดย้ำๆบ้างในบางทีจนมินาโตะต้องดันแผ่นอกของเขาออก

 

จะมาดูพลุไม่ใช่หรือไง ชูนี่ละก็…”    มินาโตะหอบหายใจไปมองเขาอย่างคาดโทษไป

 

ดอกไม้สีม่วงกับสีเขียวกำลังบานเต็มท้องฟ้า

 

ร่างกายของเราที่ยืนมองมันอยู่ด้วยกันนั้นแทบไม่มีช่องว่าง ฝ่ามือทั้งคู่ต่างสอดประสานจับกันไว้แน่น

 

และคนที่ได้เห็นภาพบาดตาบาดใจเหล่านั้นคงไม่มีวันทนยืนดูอยู่ได้

 

ใบหน้าหล่อเหลาลอบหันไปมองในเงามืดก่อนจะยกยิ้มในใจหมอนั่นไปแล้วสินะแหงละ เขาจูบให้ดูซะขนาดนี้ถ้ายังคิดจะสู้อยู่อีกก็คงมีแค่คนบ้าอย่างเซยะเท่านั้นแหละ

 

 

 



แต่ถ้าคิดว่าคนที่กล้ายุ่งกับของของเขาจะเจอแค่นี้ก็จบละก็คิดผิดแล้วละ

 

 

 



"ฟูจิวาระคุง…?"    โค้ชของชมรมเบสบอลโรงเรียนคิริซากิเอ่ยทักอย่างแปลกใจหลังจากที่ถูกผู้อำนวยการโรงเรียนเรียกตัวมาเพื่อจะบอกว่าชมรมเบสบอลของเขาเพิ่งจะได้งบประจำปีเพิ่ม

 

ใบหน้ากร้านแดดเหลือบมองไปทั่วห้องแต่กลับไม่พบใครอื่นนอกจากผู้อำนวยการที่กึ่งยืนกึ่งนั่งพิงขอบโต๊ะทำงานของตัวเองอยู่ กับฟูจิวาระ ชู ทายาทของตระกูลมหาเศรษฐีอันดับต้นๆของประเทศที่คนทั้งโรงเรียนรู้จักดี

 

"อย่าบอกนะว่าสปอนเซอร์คือเธอเอง?"    โค้ชชมรมเบสบอลคิริซากิถึงกับผงะไป ดวงตามึนงงจ้องมองเด็กหนุ่มที่ดูเป็นผู้ดีทุกกระเบียดนิ้วซึ่งนั่งไขว่ห้างอยู่กลางโซฟารับแขก

 

"ครับ”    เสียงทุ้มตอบออกมาจากใบหน้าราบเรียบราวกับไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร ทั้งๆที่จำนวนเงินที่เขาทราบมาคร่าวๆนั้นไม่ใช่น้อยๆเลย

 

จริงอยู่ที่ชมรมเบสบอลเองก็ได้งบเท่าชมรมกีฬาอื่นๆ แต่ด้วยความที่มีสมาชิกเป็นจำนวนมาก จะเดินทางไปแข่งทีหรือเก็บตัวซ้อมทีก็ต้องใช้เงินเยอะมากด้วยเช่นกัน เพราะงั้นงบของชมรมเขาจึงไม่เคยพอเลยสักที

 

ต่างจากพวกชมรมยิงธนูที่ถึงแม้สมาชิกจะไม่ได้น้อยแต่กลับไม่เคยขาดแคลนเรื่องเงินงบประมาณเลยจนเป็นที่อิจฉาตาร้อนของชมรมกีฬาอื่นๆ

 

ตอนนี้เขาเข้าใจแล้ว

 

เพราะมีฟูจิวาระ ชูอยู่นี่เอง

 

เขานั่งลงที่โซฟาตัวข้างๆก่อนจะเริ่มคุยกับเด็กหนุ่มอย่างจริงจัง มันไม่น่าจะเป็นของที่ให้มาฟรีๆแน่ คงต้องแลกกับอะไรบางอย่างที่เด็กหนุ่มต้องการแน่ๆ แล้วใบหน้าราวกับหยกสลักนั่นก็เริ่มบอกความต้องการของตัวเองออกมาอย่างตรงประเด็นทันทีราวกับเคยชินกับการเจรจาแบบนี้อยู่แล้ว

 

อาจารย์จะพาสมาชิกชมรมไปเก็บตัวที่ไหนก็ได้ จะเดินทางไปซ้อมแข่งกับโรงเรียนที่เก่งแค่ไหนก็ได้ เงินทุกเยนผมจะเป็นคนจ่ายให้เอง"

 

"แต่มีข้อแม้ว่าทีมของอาจารย์จะต้องขอไปซ้อมแข่งกับทีมชมรมเบสบอลโรงเรียนคาเซไมและเอาชนะให้ได้ ทำให้พวกนั้นเห็นว่าเราแข็งแกร่งมากกว่าแค่ไหน"    ทั้งสีหน้าและแววตาของเด็กหนุ่มยามเมื่อพูดประโยคนี้ออกมามันทำให้เขารู้สึกขนลุกแปลกๆ

 

"เอาให้หัวหมุนจนไม่มีเวลามายุ่งกับของของคนอื่นเลยนะครับทำได้ใช่ไหมครับ? โค้ช"     ใบหน้าเย็นชานั่นไม่มีแววปรานีเลยจริงๆ

 

"....เป็นความแค้นส่วนตัวเร๊อะ?"    เขาลองหยั่งเชิง

 

"ใช่ครับ"    เด็กหนุ่มตอบด้วยใบหน้าเรียบเฉย ดวงตาสีม่วงคู่นั้นช่างเย็นยะเยือกจนน่ากลัว

 

โค้ชชมรมเบสบอลคิริซากิจ้องเด็กหนุ่มด้วยความรู้สึกที่ว่าดีแล้วที่ศัตรูของเด็กนี่ไม่ใช่ตน เขาเคยได้ยินกิตติศัพท์ความน่าพรั่นพรึงของเด็กคนนี้จากอาจารย์ท่านอื่นๆมาเยอะ มาเจอกับตัวถึงได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหกเลยแม้แต่เรื่องเดียว

 

พวกคนมีเงินที่ฉลาดเนี่ย น่ากลัวที่สุดแล้ว ใครจะไปต่อสู้กับคนอย่างฟูจิวาระ ชูได้

 

นิ้วยาวเคาะลงไปบนพนักพิงอย่างใช้ความคิด สิ่งที่เด็กหนุ่มขอก็ไม่ใช่เรื่องที่ขัดกับเจตจำนงค์ของทีมเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ได้ใช้กลโกงไม่ได้ลดเกียรติและศักดิ์ศรีของตนเอง และเป็นสิ่งที่ยังไงเขาก็ต้องทำอยู่แล้ว

 

"เอาเถอะ ยังไงทีมของเราก็ต้องชนะเจ้าพวกนั้นอยู่แล้ว ส่วนเรื่องงบก็ขอบคุณล่วงหน้าล่ะ"    เห็นทีคงต้องจริงจังกับการบดขยี้ทีมเบสบอลคาเซไมมากกว่าเดิมเสียแล้ว ร่างในชุดวอล์มลุกขึ้นยืน

 

"เช่นกันครับ"    เขาพยักหน้าให้เด็กหนุ่มที่ยังนั่งไขว่ห้างอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินจากมา

 

ใครกันนะที่ถูกเจ้าเด็กนี่หมายหัวเอาช่างน่าสงสารจริงๆ

 

 

 

ใบหน้าหล่อเหลายิ้มบางๆอยู่ข้างหลัง

 

นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้นครับ โค้ช

  

 

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

.

 

Story never End



อุงื้อ มี MAD มาแนะนำค่ะ

 Shu × Minato || Sa Vào Nguy Hiểm

 ตัดต่อดีมากอ่ะแง๊ ชอบบบบ >////< 

 

ส่วนประเด็นในฟิคตอนนี้ เราว่าจริงๆแล้วก็คงมีคนดีๆ(?)มาชอบน้องบ้างแหละ แต่อาจจะโดนสามปีศาจจัดการไปหมดแล้ว55555+ น้องไม่น่าจะดึงดูดแต่ผู้ชายรว้ายๆนะคะ มันต้องมีคนดีบ้างแหละ แค่คนดีอยู่ไม่ได้เพราะสู้ผู้ชายรว้ายๆไม่ไหว ที่เหลืออยู่สามคนนี่คือที่สุดแล้ว ศีลเสมอกันถึงได้ยังยืนหยัดรบกันมาได้ถึงขนาดนี้5555+ // อนิเมะจบแต่ถุงกาวในมือตูไม่จบถถถ เมาต่อไปค่ะ

 

ยังไงก็รักษาสุขภาพใจสุขภาพกายกันด้วยนาคะ ช่วงนี้คือร้อนไม่ไหว ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์ ทุกๆการติดตาม ทุกๆหัวใจ ทุกๆโดเนทด้วยนะคะ อุงื้อ ปลื้มปริ่มมากค่ะ >/////< ดีใจที่ชอบฟิคเมากาวของเรานาคะ

 

แล้วเจอกันตอนหน้าน้าาา สุขสันต์วันสงกรานต์ล่วงหน้าค่า

 

 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น