ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 28


ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน]  GLIDE : 2x4 It’s me : 28

: ป๋อจ้าน Fanfiction Au
: หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
: Romantic
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           : เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
           : ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค





ชายในชุดรปภ.คนหนึ่งล้มคว่ำหน้าอยู่บนพื้น หลังคอมีรอยแดงปื้นใหญ่คล้ายรอยจากการถูกของแข็งฟาดเอา แผงหน้าจอจากกล้องวงจรปิดมากมายที่อยู่ในห้องนี้จึงถูกคนที่ยืนอยู่กลางห้องยึดโดยสมบูรณ์

ดวงตาคมเข้มแบบคนตะวันออกกลางจับจ้องไปยังทุกส่วนทั่วโรงแรม เขาเฝ้ามองมันมาหลายชั่วโมงแล้วเพื่อหาตัวดีไซน์เนอร์ของเฟอร์รารี่ที่เขาหลงใหล...มันเหนื่อยเอาเรื่องจริงๆกว่าจะได้เพชรเม็ดงามเม็ดนี้มาไว้ในครอบครอง

แต่พอคิดถึงผลลัพธ์สุดท้ายที่เขาจะได้เพชรล้ำค่ามาเชยชมแต่เพียงผู้เดียวแล้ว ความหอมหวานที่จิตนาการถึงทุกวันนั้นก็ทำให้เขาเลิกไม่ได้

เขาชอบเซียวจ้านมานาน เขาไม่ได้หลงใหลแค่ใบหน้าน่ารักน่าชังนั่นอย่างเดียว แต่ความเก่งกาจ ความฉลาด ความอัจฉริยะ เทสทางด้านศิลปะ มันไม่ง่ายเลยนะที่คนคนหนึ่งจะมีครบขนาดนี้

เซียวจ้านคือเพชรเม็ดงามและเป็นที่สุดของเพชรอย่างไม่ต้องสงสัย

แล้วคนที่ชอบเล่นเพชรอย่างเขาจะพลาดได้ยังไง?

เขาซื้อรถทุกรุ่นทุกคันที่เซียวจ้านออกแบบ เขาพยายามเข้าหาพวกเฟอร์รารี่แทบตายแต่พวกนั้นก็ปฏิเสธเขาตลอด

แล้วหวังอี้ป๋อเป็นใคร?

ทำไมหมอนั่นที่มาทีหลังถึงได้เพชรล้ำค่าเม็ดนี้ไป?

มันมีดีกว่าเขาตรงไหน?

แค่คิดถึงภาพถ่ายที่เซียวจ้านโพสเองกับมือนั่นแล้วเขาก็ยิ่งกำหมัดแน่น เขาทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว ถึงแผนการมันจะยังไม่ทันเตรียมพร้อมเต็มที่แต่เขาก็ตัดสินใจลงมือในคืนนี้  เขาไม่อยากเสียเซียวจ้านให้หวังอี้ป๋ออีกแม้แต่นาทีเดียว!

ใบหน้าเครียดขมึงจ้องมองไปที่หน้าจอซึ่งลดจำนวนลงจากทีแรก จากที่ต้องมองหาไปทั่วโรงแรมแต่ตอนนี้เขาพอจะจำกัดจำนวนชั้นเหลือแค่สองชั้นก็น่าจะพอ เพราะสองชั้นนี้คือชั้นที่มีคนสวมชุดฟอร์มของทีมแข่งรถเฟอร์รารี่เดินเข้าออกเยอะที่สุด ทีมเฟอร์รารี่น่าจะเหมาห้องพักในสองชั้นนี้ไว้ให้ลูกทีมทั้งหมด เพราะงั้นห้องที่เซียวจ้านพักก็น่าจะอยู่ในจำนวนนี้แหละ

ประตูลิฟท์เปิดออกที่ชั้น35ตอนสามทุ่มครึ่ง...และสิ่งที่ทำให้เขาจับจ้องคู่รักที่ดูเป็นคู่รักนักท่องเที่ยวชายหญิงธรรมดาๆคู่หนึ่งตาไม่กระพริบนั่นก็เพราะว่า...

ชั้นนี้เป็นชั้นที่พวกเฟอร์รารี่พักกัน...คนอื่น...ไม่น่าจะเข้ามาได้...

แล้วลักษณะภายนอกของสองคนนั้นก็คล้ายหวังอี้ป๋อกับเซียวจ้านมาก เขาตามดูสองคนนี้มาสักพักแล้วไม่มีทางจำผิดแน่

ในที่สุด...

ก็เจอตัวจนได้...

รอยยิ้มร้ายฉายบนใบหน้า สองชั่วโมงกว่าที่ยืนอยู่ตรงนี้นับว่าคุ้มค่าแล้ว

“ห้อง 3511 ดูมาตรวัดน้ำไว้ให้ดี ถ้าใช้ได้แล้วก็ลงมือเลย”   เขาพูดผ่านหูฟังไร้สายเพื่อสั่งการลูกน้องที่อยู่บนห้องคอนโทรลระบบน้ำประปาที่เขาไปทำให้น้ำรั่วเอาไว้

ใช่ ตอนนี้ชุดที่พวกเขาใส่อยู่คือชุดหมีของช่างซ่อมท่อประปาทั่วไป เขาจะใช้วิธีคลาสสิคแบบนี้แหละในการลักพาตัวเซียวจ้านไป!

“นาย มาตรวัดน้ำขึ้นพรวดๆเลย”    ลูกน้องสองคนที่ทำทีเป็นช่างซ่อมท่อรายงานเขาทางโทรศัพท์

“จัดการเลย”  

“ครับ”

เขายืนมองภาพจากกล้องวงจรปิดด้วยหัวใจที่เต้นกระหน่ำอย่างเริงร่า  รอยยิ้มเบ่งบานเต็มใบหน้าเมื่อรู้ว่าอีกไม่กี่นาทีดีไซน์เนอร์แสนสวยนั่นก็จะกลายเป็นของเขา

ไม่ได้ตื่นเต้นดีใจแบบนี้มานานแล้วแหะ

สมเป็นเพชรเม็ดงามที่เศรษฐีทั่วโลกอยากได้จริงๆ

ประตูลิฟท์ชั้น 35 เปิดออกอีกครั้ง แต่คราวนี้ลูกน้องเขาไม่ได้สวมชุดหมีของช่างประปาแต่เป็นชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่!

แผนการของเขาก็คือหาห้องที่หวังอี้ป๋อกับเซียวจ้านพักอยู่ให้ได้ จากนั้นก็คอยดูมาตรวัดน้ำไว้ ต้องขอบคุณงานระบบสุดแสนไฮเทคที่แยกย่อยของแต่ละห้องให้ เขาจึงรู้ได้ว่าห้องของหวังอี้ป๋อใช้น้ำในปริมาณที่ผิดปกติตอนไหน

เวลาที่คนเราใช้น้ำมากๆในห้องพักของโรงแรมแบบนี้ก็มีอยู่กรณีเดียวเท่านั้นแหละ...หนึ่งในสองคนนั้นกำลังอาบน้ำอยู่

ถึงจะไม่รู้ว่าเป็นหวังอี้ป๋อหรือเซียวจ้าน แต่ความเป็นไปได้ก็แค่หนึ่งในสองเท่านั้นเอง แล้วที่เขาให้ลูกน้องปลอมตัวเป็นคนในทีมเฟอร์รารี่ ก็เผื่อว่าคนที่อาบน้ำเป็นเซียวจ้านแล้วคนที่เปิดประตูคือหวังอี้ป๋อ หมอนั่นอาจจะไม่ได้รู้จักคนในทีมทุกคน ลูกน้องเขาก็อาจจะแค่คุยมั่วๆไปสักอย่างนิดหน่อยแล้วก็กลับมา แต่ถ้าคนที่อาบน้ำเป็นหวังอี้ป๋อแล้วคนที่เปิดประตูเป็นเซียวจ้านก็...แจ็คพ็อต!

เขาจับจ้องที่ประตูอย่างลุ้นระทึกหลังจากที่ลูกน้องของเขาเคาะลงไป เขาให้พวกนั้นพยายามหันหลังให้ประตูไว้เผื่อเซียวจ้านจะได้ไม่เห็นหน้าตอนมองผ่านตาแมว

หัวใจเต้นตึกๆจนเขาต้องกดฝ่ามือลงไปเพื่อข่มความตื่นเต้น

ดวงตาจับจ้องอยู่ที่หน้าจอไม่กระพริบ



ประตูค่อยๆเปิดออก



แล้วเมื่อลูกน้องเขาพุ่งเข้าไป มือหนาก็ทุบโต๊ะด้วยความดีใจทันที!



บราโว้!!



คนที่ลูกน้องเขาเจอคือเซียวจ้าน!!



แค่ไม่กี่วินาทีร่างโปร่งบางก็ถูกอุ้มออกมาในสภาพสลบไสล  ยาสลบชนิดแรงคงจะทำให้กระต่ายแสนสวยหยุดดิ้นไปจนกว่าจะถึงบ้านใหม่ของเรานู่นแหละ



“หึ...ฮ่าๆๆๆ”   เขาหัวเราะอย่างสะใจ

ทำไมเขาถึงเลือกใช้วิธีบ้าระห่ำเข้ามาล้วงคองูเห่าถึงรังของมันแบบนี้น่ะเหรอ?

เพราะว่าตอนนี้เขาสะใจมากๆเลยน่ะสิที่มาเอาตัวเซียวจ้านไปจากอ้อมอกของหวังอี้ป๋อได้!

ทั้งๆที่หมอนั่นกอดเอาไว้เสียแน่นหนาแบบนี้ เขาก็ยังเอามาได้!


ฮ่าๆๆๆ!!!


สะใจเป็นบ้า!









มือใหญ่หมุนปิดก๊อกน้ำเมื่อหูได้ยินเสียงอะไรแว่วมา ถึงมันจะเบามากแล้วก็เร็วมากแต่ด้วยความหวาดระแวงหวังอี้ป๋อจึงหยิบผ้าเช็ดตัวออกมาพันเอวไว้ลวกๆ

แกร่ก...

ประตูห้องน้ำถูกเปิดออก ใบหน้าหล่อเหลาชะโงกออกไปมองในห้องที่เงียบผิดปกติ?

“จ้านเกอ?”   น้ำหยดลงมาจากปลายผมในขณะที่เอ่ยเรียกเจ้ากระต่าย เมื่อกี้ยังนั่งมองรอยสักเฮนน่ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่อยู่ที่โซฟาอยู่เลยนี่?

“จ้านเกอ?”   เขาเรียกเสียงดังขึ้น ในใจเริ่มมีความวิตกจึงก้าวขาออกมาจากห้องน้ำ แล้วหน้าเขาก็แทบถอดสีเมื่อไม่เห็นแม้แต่เงาของเจ้ากระต่าย

ไม่จริงน่า...เป็นไปไม่ได้...นี่มันกลางรังงูเห่าเลยนะ...

เขารีบก้าวขาเดินไปดูหน้าห้อง แล้วใบหน้าก็ชาวาบทันทีเมื่อเห็นรองเท้าที่เจ้ากระต่ายเตะไว้กระจัดกระจาย น่าจะแทนสัญลักษณ์ขอความช่วยเหลือและเป็นสิ่งเดียวที่ร่างโปร่งบางจะทำได้ในตอนนั้นเพราะปกติพวกเขาจะเรียงรองเท้าเอาไว้เรียบร้อยมาก

“บ้าเอ้ย!!!”   มือใหญ่ดึงผ้าขนหนูที่พันเอวไว้ออกมาฟาดประตูอย่างเจ็บใจ เขาอยากจะอาละวาดให้ห้องพังเสียให้ได้

“ไอ้สารเลวนั่น!!!”   เสียงดุดันตะคอกออกไปอย่างเกรี้ยวกราด ความโมโหพุ่งสูงทะลุปรอทอย่างที่ไม่เคยโกรธอะไรขนาดนี้มาก่อนในชีวิต

ตอนนี้มีแค่ความรู้สึกเดียวคืออยากจะบีบคอมันให้ตายคามือ ไอ้อานัส ซัลมาน!

เขากัดริมฝีปากจนเลือดซิบเพื่อสงบสติ ฝ่ามือกำแน่นจนเล็บแทบจะฉีกเนื้อออกมา ไม่มีทาง เขาไม่มีทางยกจ้านเกอให้มันแน่!!

ต่อให้มันเอาตัวไปได้ ต่อให้หนีไปจนสุดล่าฟ้าเขียว เขาก็จะต้องเอาคืนมาให้ได้!!

“บัดซบ!”   ท่อนแขนกวาดขวดน้ำที่ตั้งอยู่บนเคาน์เตอร์จนล้มระเนระนาดตามอารมณ์ร้ายที่พุ่งสูง

ดวงตาโกรธจัดของราชสีห์จ้องมองไปในความมืดอย่างแค้นใจ ร่างสูงสง่าเดินพรวดๆกลับไปหยิบโทรศัพท์เพื่อตรวจดูสัญญาณติดตามตัวเจ้ากระต่าย

จุดสีแดงกระพริบขึ้นทันทีที่เขากรอกรหัสลงไป

เขาถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอกไปเปราะหนึ่งที่อย่างน้อยสัญญาณติดตามตัวยังใช้ได้ อานัส ซัลมานอาจจะไม่รู้เรื่องนี้เลยไม่ปลดอุปกรณ์ส่งสัญญาณอย่างแว่นตากับแหวนออก

“คุณเอลวิน แย่แล้วครับ!”   เขาโทรหาทีมบอสเฟอร์รารี่เพื่อขอความช่วยเหลือ  ตอนนี้เขาต้องตั้งสติแล้วไปเอาตัวจ้านเกอคืน!

มือใหญ่ยกโทรศัพท์แนบหูไปหยิบเสื้อผ้ามาใส่ไป ดูจากสัญญาณติดตามตัวแล้วเจ้ากระต่ายยังอยู่แถวๆนี้ พวกมันน่าจะเคลื่อนย้ายคนทั้งคนได้ช้า เพราะงั้นเขายังตามทัน!

“พวกนายหารถแล้วรีบตามมา!”   เขาโทรเรียกบอร์ดี้การ์ดที่เฝ้าอยู่รอบโรงแรม สองขาวิ่งพรวดออกไปจากห้องอย่างร้อนใจ สายตาเขาไม่ละจากจุดสีแดงบนหน้าจอเลยแม้แต่วินาทีเดียว จากที่เคยเคลื่อนที่ช้าๆตอนนี้จุดสีแดงของเจ้ากระต่ายเริ่มเคลื่อนที่เร็วขึ้น หรือว่าพวกมันจะขึ้นรถกันแล้ว?!

แย่ละ!

เขารีบวิ่งออกจากลิฟท์ก่อนจะพุ่งไปยังรถ SUV Four-Wheel Drive สีขาวที่เช่าไว้ใช้ที่นี่ มีความเป็นไปได้ว่าพวกมันน่าจะกลับไปยังเซฟเฮ้าส์และก็มีความเป็นไปได้ว่ามันอาจจะอยู่ในทะเลทราย เพราะงั้นเจ้ารถนี่ใช้ได้ดีกว่าเฟอร์รารี่ที่จอดเรียงเป็นตับอยู่ตรงนั้นแน่ๆ

มือใหญ่สตาร์ทรถทันที เขาคงรอบอร์ดี้การ์ดมารวมตัวกันแล้วไปพร้อมกันไม่ไหว จุดสีแดงของเจ้ากระต่ายที่ห่างออกไปเรื่อยๆทำให้เขาร้อนใจ ฝ่าเท้าจึงเหยียบคันเร่งทันที

แล้วในจังหวะที่รถกำลังจะทะยานผ่านดร็อปออฟด้านหน้าโรงแรม ฝ่าเท้าเขาก็ต้องเหยียบเบรกจนหัวทิ่ม


เอี๊ยด!!


เพราะจู่ๆเงาสีดำของอะไรบางอย่างก็ขยับมายืนขวางหน้าซะงั้น!

เขาเงยหน้าจากพวงมาลัยไปมองประตูเบาะข้างๆที่เปิดออกอย่างมึนงง แล้วยิ่งคนที่ก้าวขาเข้ามานั่งคือรีไว เขาก็ยิ่งมึนงง!

“เอลวินให้ชั้นไปช่วยนาย”   เขารีบสะบัดหน้าเรียกสติก่อนจะหันมาสนใจรถของตัวเองต่อ

“ครับ”   เขาตอบรับก่อนจะรีบขับรถออกไป ไม่นึกไม่ฝันเลยว่าตำนานเอฟวันอย่างรีไวเนี่ยนะจะมาช่วยเขา? เขาพอจะรู้จากเจ้ากระต่ายอยู่หรอกว่าผู้ชายคนนี้แข็งแกร่งพอๆกับพวกมาเฟีย อย่างน้อยไปด้วยกันก็คงดีกว่าเขาไปคนเดียว

เขายังคงเหลือบมองจุดสีแดงในหน้าจอมือถืออย่างร้อนใจ ดูเหมือนรถของพวกนั้นจะมุ่งหน้าไปทางทะเลทรายอย่างที่คิดจริงๆ

“เจ้าฮายาโตะน่ะ...ในฐานะผู้ปกครองแล้วชั้นคงยอมให้หมอนั่นไปเสี่ยงไม่ได้ อีกอย่าง นี่ก็เป็นเรื่องเดียวที่ชั้นกับไอ้หมีบ้านั่นมีความเห็นตรงกัน”   เสียงทุ้มของรีไวเอ่ยขึ้นมาท่ามกลางความเงียบและความกังวลใจของเขา คงกำลังอธิบายว่าทำไมตัวเองถึงมาคนเดียว โกคุเดระ ฮายาโตะทำไมถึงไม่มาด้วย

เอาจริงๆเขาก็เข้าใจ ถ้าเขามีลูกสาว เอ่อ ลูกชาย ก็คงไม่อยากให้ไปเสี่ยงอันตรายเหมือนกัน

“อีกอย่าง ถ้านายไม่เห็นอีวาน แสดงว่าไอ้หมีบ้านั่นอยู่แถวๆนี้แหละ”  รีไวยังคงพูดต่อด้วยเสียงราบเรียบไม่สะทกสะท้านกับเหตุการณ์เดือดที่กำลังเกิดขึ้นตรงหน้า หมายความว่าไง? ยามาโมโตะ ทาเคชิยังอยู่แถวนี้? ไม่ได้ตามไปจับตัวอานัส ซัลมานที่แหล่งกลบดานหรอกเหรอ?  แล้วความสงสัยของเขาก็ถูกไขกระจ่างในไม่ช้า


ปังๆๆ!!


เสียงปืนดังอยู่ข้างหน้า ประกายไฟแล่บแปลบปลาบท่ามกลางความมืดของทะเลทรายทำให้เขารู้ว่าข้างหน้ามีการต่อสู้ และรถที่ลักพาตัวเจ้ากระต่ายไปก็คงอยู่อีกไม่ไกล

ดวงตาคมกล้าเหลือบมอง GPS ในหน้าจอ สัญญาณติดตามตัวของเจ้ากระต่ายอยู่ไม่ไกลแล้วจริงๆ

พวกนั้น...น่าจะสู้กับใครสักคนอยู่ และเพราะการถ่วงเวลาของคนคนนั้นก็ทำให้เขาตามมาทัน!

แต่เสียงปืนที่ดังสนั่นลั่นทะเลทรายก็ทำให้เขายิ่งร้อนใจ เจ้ากระต่ายอยู่ในรถคันนั้นนะเฟ้ย! จะยิงกันก็ระวังด้วยสิฟ๊ะ!


ปัง!!


เสียงปืนนัดสุดท้ายดังขึ้นก่อนที่จะเงียบไปชั่วอึดใจ แล้วจู่ๆเสียงราวกับตึกถล่มก็ดังขึ้นบนหลังคารถของเขาอย่างไม่คาดฝันมาก่อน!


โครม!!!!


ด้วยความตกใจทำให้เขาเผลอเหยียบเบรกจนหัวเกือบทิ่มกระจกเป็นรอบที่สอง มือหมุนพวงมาลัยอย่างไม่รู้ว่าจะหลบอะไรและหลบไปทางไหน แต่มันเป็นปฏิกิริยาอัตโนมัติที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติของนักแข่งรถอย่างพวกเขา

อะไรวะเนี่ย?เขาเงยหน้าจากพวงมาลัยหันมองรอบกายอย่างมึนงงอีกรอบ

“โฮ่ย!!”   เสียงดุดันของรีไวดังขึ้นข้างๆ

เปล่า...ชายผู้เป็นตำนานของวงการฟอร์มูล่าวันนั่นไม่ได้หันมาด่าเขาที่จู่ๆนึกจะเบรกก็เบรก แต่ดวงตาดุจพญาเหยี่ยวนั่นก็ไวไม่แพ้เขาสมกับที่เป็นนักแข่งรถเช่นกัน ใบหน้าราวกับจะฆ่าคนหันไปสบถใส่กระจกข้างรถราวกับรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น

“อยากโดนกระทืบตายใช่ไหมไอ้หมีวายร้าย! เข้ามา!”    ในขณะที่เขายังงงเป็นไก่ตาแตกกลับมีเงาของอะไรบางอย่างโดดลงมาจากหลังคารถ


ปึง!


ประตูหลังถูกเปิดและปิดอย่างรวดเร็วเมื่อร่างสูงใหญ่ของใครคนหนึ่งกระโดดเข้ามา เขาแทบจะต้องขยี้ตาเมื่อเห็นใบหน้าคมคายที่คุ้นเคยนั่งหอบอยู่ที่เบาะหลัง

ยามาโมโตะ ทาเคชิอยู่ที่นี่จริงๆด้วย!

เกิดอะไรขึ้น? ไม่ได้หลงกลตามพวกนั้นไปแหล่งกลบดานหรอกเหรอ? พอมาคิดตอนนี้เขาก็พอจะรู้แล้วว่ามันเป็นแผนล่อเสือออกจากถ้ำของอานัส ซัลมาน!

“ตามไป!”   รีไวสั่งเขาเสียงเข้ม ทำให้เขาหลุดออกจากภวังค์และรีบกลับมาเข้าเกียร์เหยียบคันเร่งต่อ

“แฮ่ก...แฮ่ก...แฮ่ก...”   หัวหน้าหน่วยพิรุณยังคงหอบหนัก อย่าบอกนะว่าเสียงปืนสนั่นหวั่นไหวเมื่อกี้ ผู้ชายคนนี้สู้กับพวกนั้นอยู่คนเดียว?!

“ระวังด้วย แฮ่ก...ข้างหน้ามีรถคว่ำอยู่คันนึง...แฮ่ก...”


เอี๊ยดดดดด!!


บอกให้มันเร็วๆกว่านี้หน่อยสิวะ!!! เขาเบรกหัวทิ่มเป็นรอบที่สาม เมื่อจู่ๆก็มีรถคันหนึ่งพลิกคว่ำควันโขมงขวางหน้าในระยะกระชั้นชิด เพราะมันมืดแล้วและก็ไม่ได้ขับอยู่บนถนนแต่เป็นสันทรายทำให้เขามองอะไรแทบไม่เห็น ยังดีที่ปฏิกิริยาอัตโนมัติยังใช้การได้ดี ไม่งั้นคงตายก่อนจะได้ช่วยเจ้ากระต่ายแล้ว!

คงจะน่าสมเพชน่าดู จะมาช่วยทั้งที ดันรถชนตายอยู่กลางทะเลทรายก่อนจะได้ทำอะไรเนี่ย

เขาหักรถกลับเข้าเส้นทางหลังจากที่ผ่านซากรถคันนั้นมาได้

“....นั่นรถใครครับ?...รถของวองโกเล่หรือเปล่า?”   เขาถามยามาโมโตะ ทาเคชิผ่านกระจกมองหลังเพราะคิดว่านั่นอาจจะเป็นรถที่ผู้ชายคนนี้ขับมาหรือไม่ก็ลูกน้องที่มาด้วยกัน

“เปล่า รถของพวกนั้น”  

“ห๊ะ?! รถของพวกอานัส ซัลมาน?! ถ้างั้นก็มีโอกาสที่เซียวจ้านจะอยู่ในนั้นสิ?!”   เขาแทบจะเบรกหัวทิ่มรอบที่สี่เพื่อวนรถกลับไปดู

“ไม่ใช่ เซียวจ้านอยู่ในรถช่างประปา เป็นรถกะบะตู้ อยู่ลำดับที่ 2 ของขบวน”   ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำหยุดหอบแล้วจึงขยับนั่งคุยกับเขาดีๆ

“มีกี่คัน?”   รีไวเป็นคนถาม

“เหลือ 4 คัน ตอนแรกมี 5”   ...ถูกผู้ชายคนนี้กำจัดจนกลายเป็นซากอยู่ข้างหลังนั่นสินะ

“ชั้นคิดว่าที่เซฟเฮ้าส์ของพวกมันน่าจะมีไม่ต่ำกว่า 30 คน เอ้านี่คุณพ่อ...เอ่อ...คุณรีไว อาวุธของนาย”   ยามาโมโตะ ทาเคชิปลดสายที่สะพายหลังอยู่ออกมา กล่องสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆกล่องหนึ่งถูกเหวี่ยงมาให้คนที่นั่งอยู่เบาะหน้า

“ชั้นควรจะกระทืบแกก่อนจริงๆนั่นแหละไอ้หมีเหลือขอ”   ฝ่าเท้าของรีไวยันไปทางเบาะหลังอย่างรวดเร็วแต่คนที่นั่งอยู่ก็หลบทันอย่างรู้ทาง  อย่าเพิ่งทะเลาะก๊านนนน เขายกมือขึ้นห้ามทัพพ่อตากับลูกเขยที่นั่งอยู่ข้างๆกับข้างหลัง ขับรถในทะเลทรายก็ยากจะตายห่าอยู่แล้ว ต้องมาคอยห้ามทัพพวกนี้อีก!

เขาพอจะรู้จากเจ้ากระต่ายมาบ้างว่าสองคนนี้อยู่บ้านเดียวกันแต่ก็ไล่เตะกันตลอดเวลา รักกันด้วยลำแข้งของแท้

“ฮะฮะฮะ”   แต่เพราะอยู่กับครอบครัวหรือไงไม่รู้ทำให้เขารู้สึกว่าบรรยากาศรอบตัวยามาโมโตะ ทาเคชิดูเป็นผู้เป็นคนมากกว่าเดิม ก่อนหน้านี้หมอนี่ก็แค่อาชญากรโหดเหี้ยมเท่านั้น ตอนนี้ค่อยเหมือนหมีขึ้นมาจริงๆ

คุณรีไวหันมาสนใจกล่องหนังสีดำที่ยามาโมโตะ ทาเคชิให้มา มือแข็งแรงเปิดมันอย่างคุ้นเคย ปืนพก 4 กระบอกวางเรียงอยู่ในนั้นพร้อมสายสะพายที่บรรจุกลักกระสุนอีก 7-8 อัน

เขาลอบกลืนน้ำลาย ใช่ว่าจะไม่คุ้นเคยกับอาวุธพวกนี้ แต่พอเห็นมันแล้วก็เหมือนเป็นการย้ำชัดว่าสิ่งที่เขาต้องไปเจอนั้นมันอันตรายขนาดไหน

“นายใช้เป็นใช่ไหม?”   รีไวหันมาถามเขา ใบหน้าหล่อเหลาจึงพยักรับ...ต้องใช้เป็นอยู่แล้วสิ ในเมื่อเขาเป็นผู้สืบทอดตระกูลทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในแผ่นดินจีน

“ขับรถดีๆ”   เสียงดุดันเอ่ยสั่งในขณะดึงคอเสื้อเชิ้ตตัวนอกของเขาลงไปจนถึงไหล่ ในขณะที่กำลังสงสัยว่าอีกฝ่ายจะทำอะไร สายสะพายอันหนึ่งก็ถูกพาดลงมา มือแข็งแรงของรีไวดึงสายหนังจนรัดพอดีหัวไหล่เขา กลักใส่กระสุนและปืนพกอันหนึ่งถูกเสียบลงมาในซองปืน

กำลังติดอาวุธให้เขา?

สองมือยังคงอยู่กับพวงมาลัยเพราะในทะเลทรายนั้นขับรถยากมาก เขาปล่อยให้รีไวรัดสายคาดปืนไว้ที่ต้นขาของเขาอีกอันอย่างปฏิเสธไม่ได้ เห็นเมื่อกี้ก็รู้แล้วว่าพวกอานัส ซัลมานมีอาวุธครบมือ ถ้าเขายังเข้าไปตัวเปล่าก็นับว่าโง่เง่าเต็มที

“ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นครับ? คุณไม่ได้ไปตามล่าแหล่งกลบดานของอานัส ซัลมานที่บาเรนห์หรอกเหรอ?”   เขาถามยามาโมโตะ ทาเคชิผ่านกระจกมองหลัง

“ดูก็รู้ว่านั่นเป็นแผนลวง แต่ถ้าพวกวองโกเล่ไม่ยอมเล่นตามแผนของพวกมัน...ถ้าพวกชั้นไม่ออกห่างจากพวกนาย พวกมันก็จะไม่ยอมลงมือ แล้วเราก็ไม่มีทางจับตัวมันได้”   ร่างสูงใหญ่ในสูทสีดำเอนหลังพิงเบาะด้วยท่าทางสบายๆ ผู้ชายคนนี้เอาปืนพกให้เขากับรีไวหมด แล้วตัวเองเหลือดาบญี่ปุ่นแค่เล่มเดียวเนี่ยนะ? พอเหรอ?

“ชั้นเลยให้ลูกน้องไปแทน ทำตามแผนของมัน ส่วนตัวชั้นแอบซุ่มอยู่รอบๆโรงแรม แล้วรถประปาที่มาซ่อมท่อในเวลาแบบนี้มันก็น่าสงสัยสุดๆ ชั้นเลยจับตาดูมัน จนเห็นพวกนั้นอุ้มถุงใบใหญ่ๆออกมานั่นแหละชั้นเลยมั่นใจแล้วเกาะติดรถพวกมันมา พอโทรหาโกคุเดระเลยรู้ว่าพวกนายตามมาทันที ก็เลยหาเรื่องกำจัดรถมันไปซักคันสองคันก่อนอย่างที่นายเห็น”   ....ฉลาดไม่เบาเลยแหะผู้ชายคนนี้ นี่สินะที่เรียกว่าประสบการณ์

ไม่หลงกลพวกมันแถมยังตามเกมทันอีก

“ยังไงก็ต้องเอาตัวคืนให้ได้ในคืนนี้ ถ้าพวกมันหนีไปได้ละก็ ไม่มีทางตามตัวเจอได้ง่ายๆอีก”   เสียงเยือกเย็นเอ่ยบอกจากเบาะหลัง

แหงสิ เขาไม่มีทางปล่อยเจ้ากระต่ายไว้กับพวกมันเกินคืนนี้แน่ๆ แค่นี้ก็จะอกแตกตายอยู่แล้ว!

ดวงตาคมกล้าเหลือบมองหน้าจออย่างร้อนใจ พวกเขากำลังขับผ่าน Desert Safari ของดูไบ เขาไม่รู้หรอกว่าพวกมันกำลังจะไปไหน แต่เขาไม่ยอมให้เอาตัวเจ้ากระต่ายไปแน่ๆ!

ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งแทบมิดไมค์ แต่รถนี่ไม่ใช่ซุปเปอร์คาร์แถมยังอยู่ในทะเลทรายที่ต้องไต่ขึ้นลงไปตามเนินอย่างกับขึ้นรถไฟเหาะ ความเร็วที่ทำได้เลยไม่เหมือนดั่งใจนึก

ยามาโมโตะ ทาเคชิขยับใบหน้ามาจ้องจอแผนที่ GPS ที่อยู่บนคอนโซลก่อนจะพูดออกมา  “นายขับเข้าใกล้ให้มากกว่านี้อีกนิดได้ไหม?”

“ผมก็พยายามอยู่”   ตีนเขาน่ะผีไม่น้อยไปกว่ารีไวหรอก! ฝ่ามือหมุนพวงมาลัยไปตามแนวสันทราย รถไหลวืดลงไปตามทางก่อนจะทะยานขึ้นมาใหม่เมื่อถึงเนินถัดไป พวกนั้นก็รู้ว่าเขาไล่จี้อยู่พวกมันจึงยิ่งหนี เพราะชำนาญสภาพภูมิประเทศกว่าเลยได้เปรียบ แต่ใครจะไปยอม!

ดวงตาคมกล้าจ้องไฟท้ายรถแดงๆที่เห็นอยู่ไกลๆ ฝ่าเท้าเหยียบคันเร่งเท่าที่มันจะมีอยู่บนไมค์ เขาไล่ล่าพวกมันแบบแทบจะไม่หายใจ เขาจะเป็นยมทูตที่ตามติดหลังพวกมันไปจนกว่าพวกมันจะตาย คอยดู!

“เท่านี้ก็น่าจะพอ”   หัวหน้าหน่วยพิรุณพูดก่อนจะขยับตัว

“ไปสอยท้ายแถวอีกซักหน่อยก็แล้วกัน”   แล้วจู่ๆร่างสูงใหญ่ก็โหนตัวขึ้นไปบนหลังคารถหน้าตาเฉย

“เฮ้ย?!”   เขาอุทานออกไปอย่างตกใจ

“ขับต่อไปให้นิ่งๆ”    รีไวหันมาบอกเขาด้วยเสียงนิ่งราวกับคุ้นเคยกับเรื่องแบบนี้ดี ถึงจะตีกันประจำแต่ก็เชื่อมั่นในตัวอีกฝ่ายสินะ?

จู่ๆก็รู้สึกว่ารถหนักอึ้งขึ้นมา แสงสีฟ้าราวกับคลื่นน้ำบางอย่างปกคลุมอยู่เหนือหลังคารถ จู่ๆร่างสีดำราวกับซาตานก็กระโจนออกไปพร้อมกับดาบอาบคลื่นอะไรบางอย่าง

แล้วในขณะที่ยังไม่ทันกระพริบตา ไม่รู้ว่านี่มันความจริงหรือความฝันด้วยซ้ำ เสียงระเบิดตูมใหญ่ก็ทำให้เขาต้องหักพวงมาลัยหลบอีกครั้ง


ตูม ตูม ตูม!!


รถคันที่อยู่หลังสุดของพวกมันระเบิดจนไฟท่วม ในขณะที่เขายังสับสนมึนงง ยามาโมโตะ ทาเคชิก็กระโดดกลับมาบนหลังคารถเขาแล้ว ร่างสูงใหญ่โหนตัวลงมาทางเบาะหลังพร้อมกับใบหน้าที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าคมหอบหายใจเหมือนกับตอนแรกที่เจอกันไม่มีผิด

ตกลงนายทำอะไรลงไปเนี่ย???

“โฮ่ย พอแล้ว เดี๋ยวก็หมดแรงตายก่อนหรอกแกน่ะ ชั้นไม่หอบซากแกกลับไปนะ ทิ้งให้เป็นผีหมีไม่มีญาติอยู่ในทะเลทรายนี่แหละ”

“ครับ ฝากที่เหลือด้วยนะครับคุณพ่อ...เอ่อ...คุณรีไวผู้ไร้เทียมทาน~”   เขาเหลือบมองคนที่นั่งหอบอยู่บนเบาะหลังอย่างสงสัย ถึงจะไม่รู้ว่าอีกฝ่ายทำอะไรถึงระเบิดรถพวกนั้นเป็นจุล แต่อย่างน้อยที่รู้ก็คือ ทำไมหมอนี่ถึงจะได้ถูกรีไวเตะเอา ก็กวนประสาทแบบนี้นี่ไง!

เพชฌฆาตที่โหดเหี้ยมที่สุดของวองโกเล่คนที่เขาเจอในครั้งแรกหายไปไหนแล้วฟ๊ะ?!

เอาหมอนั่นคืนมาเถอะ ขอร้อง เขาขี้เกียจห้ามทัพ~

“โฮ่ย เตรียมตัวได้แล้ว”   คุณรีไวเรียกสติเมื่อขบวนรถที่ขับนำหน้าเขาอยู่เริ่มชะลอความเร็วลง

แสดงว่าน่าจะถึงเซฟเฮ้าส์ของพวกมันแล้ว?

และน่าจะเป็นที่ที่อันตรายสำหรับแขกไม่ได้รับเชิญอย่างพวกเขาแน่

อะดรีนาลีนหลั่งออกมายิ่งกว่าตอนแข่งรถเสียอีก ฝ่าเท้าเหยียบเบรกทันทีเมื่อเห็นรถที่เขาตามไล่ล่ามาจอดเสียบๆกันอยู่ที่ใต้ต้นไม้แห้งๆต้นหนึ่ง...รอบๆนี้มีบ้านทรงสี่เหลี่ยมแบบบ้านในทะเลทรายล้อมรอบอยู่เป็นสิบหลัง

พวกมันน่าจะกลบดานอยู่ที่นี่มาหลายวันแล้ว

จากเกาะทางใต้ของอิหร่านย้ายมาอยู่กลางทะเลทรายอาหรับ...ต่อให้คาดเดายังไงก็ไม่มีทางเดาถูก


ปึง!


เขาปิดประตูรถเสียงดังอย่างไม่ต้องกลัวว่าพวกมันจะรู้ตัว ในเมื่อมันก็เห็นมาตลอดว่าเขาตามมาถึงนี่ ป่านนี้คงเตรียมการต้อนรับอย่างดีแล้วมั้ง?

“ทางนี้”   ยามาโมโตะ ทาเคชินั่งยองๆมองรอยลากรอยหนึ่งจากประตูรถช่างประปาปลอมนั่น นี่น่าจะเป็นรอยเจ้ากระต่ายที่อาจจะถูกจับมัดหรือถูกจับยัดใส่ถุงอะไรสักอย่างตามที่ยามาโมโตะ ทาเคชิเคยบอก

“นายตามรอยลากนี่ไป...”   เสียงทุ้มกระซิบบอกเขาเบาๆ พวกเขาสามคนค่อยๆยืนขึ้นเมื่อรับรู้ถึงจิตสังหารและเงามากมายที่ย่างสามขุมเข้ามาล้อมพวกเขาเอาไว้  แผ่นหลังหันชนกันและเมื่อเงยหน้าก็ไม่ผิดไปจากที่คาด ชายฉกรรจ์รูปร่างสูงใหญ่เหมือนพวกทหารรับจ้างต่างยืนจ้องเขม็งมองมาพร้อมอาวุธครบมือ พวกมันมีไม่น่าจะต่ำกว่า 30 คน

“ทางนี้ชั้นกับรีไวรับมือเอง เท่าที่ดูจำนวน อานัส ซัลมานน่าจะให้ลูกน้องที่มีเกือบทั้งหมดมาคอยต้อนรับเราที่นี่ เพราะงั้นที่อยู่กับหมอนั่นคงมีไม่กี่คน นายน่าจะรับมือได้”   เสียงทุ้มยังคงกระซิบเพื่อไม่ให้พวกมันได้ยิน

“ครับ”   เขาเหลือบมองรอยลากพร้อมกะทิศทางให้แน่ชัด

“ไป!!”   แล้วในขณะที่รีไวให้สัญญาณ เขาก็พุ่งตัวออกไปทันที


ปังๆๆๆๆ!!!!


เสียงปืนดังสนั่นอยู่เบื้องหลัง เขาม้วนตัวหลบกระสุนก่อนจะสไลด์ไปอยู่หลังลังไม้ มีพวกมันหลายคนที่คิดจะตามเขามา ทว่า ดาบญี่ปุ่นที่อาบคลื่นคล้ายน้ำสีฟ้าก็ตัดคอพวกมันจนตามเขาไม่ได้อีก

สองขารีบวิ่งต่อไป ยังดีที่นี่เป็นทะเลยทราย รอยลากที่ถูกทิ้งไว้จึงชัดเจน  เสียงปืนที่ยังคงดังอย่างต่อเนื่องทำให้เหงื่อกาฬถึงกับแตกพลั่ก หัวใจเต้นกระหน่ำจนแทบจะทะลุออกมาจากอก จะบอกว่าไม่กลัวเลยมันก็คงเป็นการโกหก แต่ความกลัวของเขามันคือความกลัวที่ว่าจะไม่ได้เจอกับเจ้ากระต่ายอีกมากกว่า

ก็ความตายอยู่ใกล้เราแค่นี้เอง หากพลาดพลั้งไป กระสุนอาจจะฝังมาที่ร่างกายของเขาหรือร่างกายของเจ้ากระต่ายก็ได้

แค่คิดว่าจะต้องพลัดพรากจากกันอย่างไม่มีวันหวนคืนก็กลัวจับใจแล้ว






รอยลากสิ้นสุดลงที่หน้าโกดังเก็บของหลังใหญ่ มีรถจี๊ปตะลุยทรายบรรจุเสบียงเต็มจอดรออยู่ พวกนั้นน่าจะเตรียมรถคันนี้ไว้หลบหนี ถ้าเขามาไม่ทันคงตามรถนี่ลำบากแน่ๆ

เขาก้าวขาเข้าไปในโกดัง กระสุนลูกหนึ่งพุ่งมาทักทายทันที

ปัง!

เขาเอี้ยวตัวหลบตามปฏิกิริยาอัตโนมัติ ปืนพกถูกยกขึ้นในท่าพร้อมรบ เขาม้วนตัวเข้าไปหลบที่หลังผนังอันหนึ่ง หน่วยสงครามพิเศษที่พ่อเขาจับยัดให้ไปฝึกกับพวกทหารด้วยนั้นไม่ได้สอนแค่การต่อสู้ระยะประชิด แต่การใช้อาวุธและการวางยุทธศาสตร์เขาก็ต้องเรียนด้วย 

ใบหน้าหล่อเหลาจึงพยายามหาช่องมองสำรวจว่าพวกนั้นมีอยู่ในนี้กี่คนกันแน่ เขาค่อยๆนับจำนวนและระบุตำแหน่งของพวกมันทีละคน

ไอ้เจ้าอานัส ซัลมานนั่นก็ขี้หวาดระแวงใช้ได้ หมอนั่นยังทิ้งลูกน้องไว้ตรงนี้อีกร่วมสิบคนทีเดียว!

ใบหน้าหล่อเหลาสูดหายใจเฮือกใหญ่ เขาไม่ได้ยิงปืนมานาน เพราะงั้นถ้ามันจะโดนมากกว่าแขนหรือขาก็อย่าว่ากันแล้วกัน

อยู่นั่น!”    เสียงตะโกนดังขึ้นพร้อมกับร่างกายของเขาที่พุ่งออกไป


ปังๆๆ!   


เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นมาอีกคราทันที











ดวงตากลมโตที่ปิดสนิทเริ่มมีปฏิกิริยาว่าจะรู้สึกตัว กลิ่นยาแสบไปถึงลำคอทำให้หัวคิ้วเรียวขมวดมุ่น

แพขนตาที่ปิดแนบแก้มใสมาพักใหญ่ค่อยๆกระพริบเปิดขึ้นมาช้าๆท่ามกลางความสับสนมึนงง ดวงตาเหม่อลอยค่อยๆปรับโฟกัสและจ้องมองสิ่งที่เห็นด้วยท่าทางเบลอๆ


ที่นี่ที่ไหน? แล้วหมอนั่นเป็นใคร?


ใครคนหนึ่งชะโงกหน้ามามองเขาจากด้านบนก่อนจะยิ้มให้ราวกับรู้จักกันมานานแต่เขากลับจำหน้าผู้ชายคนนี้ไม่ได้ด้วยซ้ำ

เขาเมินหน้าผู้ชายคนนั้นก่อนจะค่อยๆหันมองรอบกายอย่างมึนงง เขานอนอยู่ที่ไหนกัน? ห้องที่ไม่มีอะไรเลยนี่ดูเก่าๆและมีฝุ่นจับทุกที่ยกเว้นเตียงที่เขานอนอยู่

ฟื้นแล้วเหรอครับเซียวจ้าน? ก็ดีครับ เราจะได้ไปบ้านใหม่กันเสียที”   ผู้ชายคนนั้นพูดกับเขา แค่ฟังรูปประโยคกับความทรงจำสุดท้ายที่ถูกจับตัวมาก็พอจะเดาได้แล้วว่าหมอนี่คืออายัด อัลมอน อะไรซักอย่างที่พยายามจะลักพาตัวเขา

ไม่จริงน่า...หมอนี่ทำสำเร็จได้ยังไง? แล้วหวังอี้ป๋ออยู่ไหน?

เขาค่อยๆตั้งสติก่อนจะค่อยๆยันตัวลุกขึ้นช้าๆ ถึงแม้มือของผู้ชายคนนั้นจะเอื้อมมาหมายช่วยพยุงแต่เขาก็เบี่ยงตัวหลบ จะว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาสลบยังไม่ทันหมดดีหรือยังไงไม่รู้ แต่มันก็ทำให้เขารู้สึกเบลอมากกว่าที่จะตื่นตระหนก

ดีแล้ว...เขาไม่อยากจะร้องไห้โวยวายต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เขาไม่อยากรู้สึกว่าเขากับหวังอี้ป๋อพ่ายแพ้

ไม่อยากให้อีกฝ่ายคิดว่าชนะพวกเขาได้

ใบหน้าเหม่อลอยมองไปรอบๆโดยไม่พูดอะไร ไม่มีท่าทางตื่นกลัว ทำให้คนที่จับตัวมาถอยออกไปมองดูเงียบๆอย่างผิดคาดหน่อยๆ


ปัง!


แต่แล้วกลับกลายเป็นเสียงปืนที่ดังอยู่ไม่ไกลที่ทำให้ดวงตาคู่โตมีปฏิกิริยาได้ มันเบิกค้างน้อยๆก่อนจะค่อยๆหันไปมองตามเสียง


ปังๆๆ!


เสียงปืน? ข้างนอกมีคนสู้กันอยู่? ไม่ต้องเดาเลยว่าใคร หนึ่งในนั้นต้องมีหวังอี้ป๋อของเขาแน่ๆ

เขามั่นใจและเชื่อมั่นยิ่งกว่าอะไรในโลกนี้ว่าอี้ป๋อจะต้องมาช่วยเขา จะต้องตามหาเขาไม่ว่าจะต้องพลิกฟ้าผ่าปฐพี อี้ป๋อก็จะหาเขาจนเจอ

เราจะไปกันเลยไหมครับ?”   มือของผู้ชายคนนั้นเอื้อมมาจะจับแขนเขา แต่เขาก็เบี่ยงหลบพร้อมกับถัดตัวเองหนีไปซุกอยู่ที่มุมห้อง

ดวงตาคู่โตยังคงเบิกค้างมองพื้นเตียง สภาพเขาเหมือนคนเมายาก็จริงแต่ในหัวกำลังคิดอย่างร้อนลนว่าจะทำยังไงถึงจะถ่วงเวลาได้ เขาจะต้องรออี้ป๋ออยู่ตรงนี้ จะปล่อยให้อายัด อัลมอนพาเขาไปไกลกว่านี้ไม่ได้

ชั้นเหนื่อย...ขอพักก่อนได้ไหม…”    เขาพูดออกไปด้วยเสียงเบาราวกับเหน็ดเหนื่อยจริงๆ

อีกฝ่ายมองเขาด้วยรอยยิ้มราวกับดีใจเสียเต็มประดาที่เขาพูดด้วย ดูท่าทางไม่ได้สะทกสะท้านกับเรื่องที่ตัวเองสร้างความเดือดร้อนให้เขาเลยสักนิด แล้วก็ไม่ได้สะเทือนกับการที่จะต้องพาเขาหนีไปเรื่อยๆ ไม่ได้กลัวเกรงต่ออิทธิพลบารมีของคนที่จะตามไล่ล่าตัวเองอย่างวองโกเล่หรือหวังอี้ป๋อเลย

หมอนี่มันบ้าชัดๆ

ทำไมเขาถึงเห็นรอยยิ้มของหมอนั่นเป็นรอยยิ้มของคนโรคจิต แหงละ คนปกติไม่มีทางทำเรื่องบ้าๆแบบนี้แน่

ก็ได้ครับ ให้คุณพักสักหน่อย ฤทธิ์ยาอาจจะยังทำให้คุณเบลอๆ”   หมอนั่นยิ้มให้เขาก่อนจะหันไปมองตามทิศที่เสียงปืนยังคงดังอย่างต่อเนื่อง 

ก็ดีเหมือนกัน ผมขอไปดูทางนั้นหน่อยก็แล้วกัน คุณพักไปนะ เดี๋ยวผมมา”   ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเห็นเขาว่าง่ายหรือทางหวังอี้ป๋ออึดเกินไปจนลูกน้องตัวเองจัดการไม่ได้เสียทีก็ไม่รู้ แต่ตอนนี้ผู้ชายคนนั้นเดินออกจากห้องไปแล้วทิ้งเขาไว้คนเดียว


แกร่ก


ประตูห้องถูกล็อคจากภายนอกอย่างไม่ต้องสงสัย เขาจึงได้แต่ก้มมองสภาพของตัวเอง

ข้อมือทั้งสองข้างถูกเชือกมัดไว้ด้วยกัน...หมอนั่นคงเห็นว่าเขาอ่อนแอมากจึงพันธนาการเขาไว้แค่นี้


หึ!


ใบหน้าที่ดูอ่อนแรงยิ้มเจ้าเล่ห์ขึ้นมาทันที ภาพลักษณ์ที่ดูเหมือนสัตว์เล็กสู้ใครไม่ได้ของเขาบางทีมันก็ดีเหมือนกัน ยิ่งหวังอี้ป๋อกับเฟอร์รารี่ปกป้องเขาราวกับไข่ในหินก็ยิ่งทำให้คนภายนอกแทบไม่รู้เลยว่าเขาก็ร้ายกาจเอาเรื่องนะ!

มือบางขยับมาล้วงอะไรบางอย่างออกจากกระเป๋ากางเกง ถึงมือจะถูกมัดติดกันก็ไม่มีปัญหา

ปากกาสีแดงด้ามหนึ่งถูกดึงออกมา...

ถึงจะดูเหมือนปากกายี่ห้อเฟอร์รารี่ธรรมดาๆ แต่ว่าปากกาของเขาน่ะมีความพิเศษอยู่

มือที่ยังถูกมัดติดกันค่อยๆหมุนด้ามปากกา โดยทั่วไปแล้วพอแกะออกมาก็จะเจอกับส่วนที่เป็นหลอดหมึก แต่มันไม่ใช่กับปากกาของเขา...มันไม่มีหลอดหมึกแต่กลายเป็นอาร์ทไนท์แทน พูดง่ายๆก็คือใบมีดนั่นแหละ!

ดวงตากลมโตเหลือบมองประตูเป็นระยะๆ ถ้าหมอนั่นโผล่พรวดเข้ามาเห็นเขากำลังใช้อาร์ทไนท์ตัดเชือกอยู่คงหมดกัน

หัวใจดวงน้อยเต้นตุ้มๆต่อมๆ แต่ดูเหมือนหมอนั่นจะประมาทเขาเกินไป คิดว่าดีไซน์เนอร์ผอมแห้งแบบเขาคงได้แต่นั่งกอดเข่าร้องไห้กลัวจนตัวสั่น?

หึ! ไม่รู้ซะแล้วว่ากระต่ายน่ะ มีสกิลการหนีดีที่สุดในสามโลก!

เพราะเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนแอ ถ้าหนีไม่เก่งก็คงถูกจับกินจนสูญพันธุ์ไปหมดแล้ว! กระต่ายก็มีความภาคภูมิใจแบบกระต่ายๆนะ!

หลังจากเชือกที่ถูกตัดจนขาดถูกดึงออกจากข้อมือ เขาก็รีบตรงรี่ไปยังหน้าต่างบานหนึ่ง...มันมีแม่กุญแจคล้องไว้อย่างไม่ต้องสงสัย

แล้วยังไง?

เขาสนใจแม่กุญแจนั่นซะที่ไหน

เพราะที่เขาจนปลดน่ะ คือหน้าต่างทั้งบานนี้เลยต่างหาก!

ปากกาด้ามเดิมถูกหมุนเปิดอีกด้าน คราวนี้สิ่งที่ซ่อนอยู่คือไขควง...

ดวงตาคู่โตเหลือบมองแม่กุญแจอันใหญ่นั่นพลางยิ้มเยาะ เขาไม่สนใจจะสะเดาะกุญแจให้วุ่นวาย แต่เขาจะใช้ไขควงไขน็อตที่บานพับมันง่ายๆงี้เลยแหละ

แล้วแค่น็อต 10 ตัวของบานพับ 2 อันถูกไขออกมาจากวงกบ หน้าต่างทั้งบานก็ห้อยต่องแต่งไว้ให้ดูต่างหน้าทันที

ใบหน้ามนค่อยๆชะโงกมองออกไปข้างนอก มีแค่แสงไฟสลัวๆแต่ก็พอจะมองเห็นได้ว่าพื้นที่รอบๆนี้เป็นทะเลทราย เขากวาดมองไปยังอาคารหลายหลังที่ตั้งอยู่ บ้านทรงสี่เหลี่ยมพวกนี้ไม่ได้มีความซับซ้อนอะไร ตอนนี้เขาต้องหาทางไปหาหวังอี้ป๋อและที่ที่ร่างสูงอยู่ก็คงไม่พ้นที่ที่มีเสียงปืนดังมานั่นแหละ

เขาสูดหายใจเข้าลึกๆ กลัวสิทำไมจะไม่กลัว ปืนเชียวนะ เขาก็เป็นแค่วิศวกรตัวน้อยๆคนนึงเท่านั้นเองไหม

ขายาวปีนขึ้นไปบนขอบหน้าต่างก่อนจะกระโดดลงไปอีกฝั่ง ร่างโปร่งบางวิ่งหลบหลังผนังที่เป็นเงามืดไปเรื่อยๆ

ดวงตาคู่โตสอดส่องจนแน่ใจว่าปลอดภัยและไม่มีใครเห็นจึงวิ่งผลุบหายจากมุมอาคารนี้ไปอีกอาคารหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตรงจุดที่มีเสียงปืนดังนั้นเหมือนจะมีสองจุดใหญ่ๆด้วยกัน เขาตัดสินใจไปตรงที่อยู่ใกล้ๆก่อนเพราะเดาว่าตรงนั้นน่าจะเป็นหวังอี้ป๋อ

อี้ป๋อจะต้องพุ่งมาหาเขาก่อนใครและจะเป็นคนที่อยู่ใกล้เขาที่สุดเสมอ

ร่างโปร่งบางแนบแผ่นหลังไว้กับลังไม้ใบใหญ่พลางหอบหายใจ ใต้แผ่นอกซ้ายเต้นกระหน่ำ ทั้งเหนื่อยจากการหลบหนี ทั้งกลัวเมื่อยิ่งเข้าใกล้ที่ที่มีเสียงปืนขึ้นเรื่อยๆ

แต่พอพูดถึงเสียงปืน...เขาก็เพิ่งรู้สึกตัวว่าเสียงปืนตรงจุดนี้มันเงียบไป...

ดวงตาคู่สวยถึงกับเบิกกว้าง การที่เสียงปืนเงียบไปมีอยู่แค่กรณีเดียวคือฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดพ่ายแพ้ต่ออีกฝ่ายไปแล้ว

เพียงแต่เขาไม่รู้ว่าคนที่แพ้และอาจจะโดนยิงคือใคร? คงไม่ใช่หวังอี้ป๋อของเขาใช่ไหม?


จู่ๆมือก็สั่นขึ้นมา


เขาต้องยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาบีบกันไว้ พยายามข่มจิตใจที่มีแต่ความหวาดกลัวนี้ให้สงบลง...แต่มันไม่ง่ายเลย

เขาก้มหน้าลงไปจรดหน้าผากไว้บนมือทั้งสองข้างที่ยังสั่นระริก พระเจ้า ช่วยประทานความกล้าให้เขาที เขาต้องรีบออกไปจากตรงนี้ ไม่ว่าหวังอี้ป๋อจะเป็นยังไงเขาก็ต้องไปหา

ใบหน้ามนสูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง พยายามห้ามน้ำตาที่เอ่อคลอขึ้นมาด้วยความกลัว ฟันกระต่ายกัดริมฝีปากจนช้ำก่อนจะหลับหูหลับตาวิ่งเขาไปยังจุดสุดท้ายที่เขาได้ยินเสียงปืน

กลิ่นเลือดที่คละคลุ้งทำให้เขาไม่กล้าลืมตาขึ้นมาเลยจริงๆ...

เขาจึงยืนนิ่งค้างอยู่อย่างนั้น...






“จ้านเกอ?”






จนกระทั่งได้ยินเสียงทุ้มที่เรียกชื่อเขาอย่างแปลกใจทำให้ดวงตาคู่โตเปิดพรวดขึ้นมา ไม่รู้แล้วว่ามันเป็นเสียงที่เขาหลอนไปเองหรือเปล่าแต่นั่นคือเสียงของอี้ป๋อ!

ใบหน้ามนค่อยๆหันมองไปรอบๆกาย สภาพพังทลายเละเทะและรอยเลือดที่สาดกระจายไปทั่วของที่นี่มันคือนรกชัดๆ หัวคิ้วของเขาถึงกับขมวดเข้าหากัน อกสั่นขวัญแขวนไปหมด มือบางยกขึ้นมาปิดปากโดยอัตโนมัติ รู้สึกสะอิดสะเอียนจนอยากจะอ้วกออกมาเมื่อเหลือบไปเห็นร่างกายที่นอนจมกองเลือดเกือบสิบคน ไม่รู้ว่านั่นยังเป็นคนอยู่ไหม? หรือกลายเป็นศพไปแล้ว?

“จ้านเกอ”   มือใหญ่ที่คุ้นเคยดึงเขาเข้าไปกอดไว้พร้อมกับใช้ไหล่หนาบดบังภาพน่าสยดสยองพวกนั้น

“พี่มาอยู่ที่นี่ได้ไง? มันทำอะไรพี่หรือเปล่า? บาดเจ็บตรงไหนไหม?”   เจ้าของเสียงทุ้มรีบสอบถามและมองสำรวจไปตามร่างกายของเขาทันที เขาเองก็ไม่มีเวลาสะเทือนใจแล้ว ใบหน้ามนรีบสะบัดรัวๆไล่ความกลัวออกไป

“อี้ป๋อ!”   สองแขนรีบตวัดกอดแผ่นหลังกว้างเอาไว้ โชคดีแค่ไหนแล้วที่หวังอี้ป๋อยังยืนพูดคุยกับเขาได้ ตอนนี้ไม่ใช่เวลานึกถึงคนอื่น

“ผมกลัวมาก กลัวว่าจะไม่ได้เจอพี่อีก”   หวังอี้ป๋อจูบหน้าผากเขาก่อนจะพูดด้วยเสียงสั่นเครือ มือใหญ่ก็สั่นจนเขาสัมผัสได้

“ชั้นก็กลัวเหมือนกัน นายเป็นไรไหม?”   เขาดันแผ่นอกหนาออกก่อนจะมองสำรวจอีกฝ่ายเช่นกัน

“อึก...”   เสียงร้องเบาๆกับเลือดที่ไหลเป็นทางที่เห็นได้จากรอยขาดวิ่นบนแขนเสื้อทำให้ใจเขาหล่นวูบ อี้ป๋อถูกยิงเหรอ?

“นายบาดเจ็บ?!”   เขายกมือขึ้นมาอย่างไม่รู้ว่าควรจะทำยังไง ทั้งตกใจทั้งหวาดกลัว

“ผมไม่เป็นไร แค่ถากๆ รีบไปกันเถอะ”   แต่แทนที่อี้ป๋อจะยกมืออีกข้างมาห้ามเลือดบนแขนไว้ มือใหญ่กลับยกไปกดที่สีข้างแทน ตรงนั้นก็มีอีกแผลและดูท่าว่าจะสาหัสกว่าที่แขน!

“อี้ป๋อ...”    ความกลัวที่ผ่านมาก่อนหน้านี้มันเทียบไม่ได้เลยกับตอนนี้

เขาไม่เคยรู้เลยว่าคนเราจะหวาดกลัวได้แค่ไหน จนกระทั่งได้สัมผัสมันกับตัว...


กลัว...ตอนนี้เขากลัวมาก

กลัวว่าอีกฝ่ายจะเป็นอะไรไป

กลัวยิ่งกว่าตอนที่ตัวเองเจอเรื่องร้ายๆไม่รู้กี่ร้อยกี่พันเท่า


“ฮึก...”   น้ำตาไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว เขาร้องไห้ไปช่วยพยุงหวังอี้ป๋อไป ใบหน้าหล่อเหลาจูบเขาเบาๆเพื่อบอกว่าไม่เป็นไรและเราจะต้องหนีรอดไปจากที่นี่

แต่ยังไม่ทันที่พวกเขาจะได้ก้าวขาออกไปจากโกดังเก็บของแห่งนี้ อะไรบ้างอย่างก็พุ่งผ่านหน้าพวกเราไป!


ปัง!


มันคือกระสุน!



ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับชะงักค้างพลางกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ

เกือบไปแล้ว

นักบิดแชมป์ห้าสมัยหันหน้าไปมองตามทิศทางของกระสุน เขาไม่คิดว่ายังมีลูกน้องของอานัส ซัลมานหลงเหลืออยู่อีก เพราะงั้นคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือตัวหมอนั่นเอง

อานัส ซัลมานยืนถือปืนเล็งมาที่เขา อ้อ ข้างๆหมอนั่นยังมีบอร์ดี้การ์ดอยู่อีกหนึ่งคน


“คุณนี่มันเก่ง ฉลาด และสวยงามสมเป็นเพชรล้ำค่าที่ผมภาคภูมิใจจริงๆ”   ชายชาวตะวันออกกลางส่ายหน้าน้อยๆก่อนจะมองเจ้ากระต่ายข้างกายเขาด้วยรอยยิ้ม แต่ใบหน้ามนกลับงอง้ำและมองกลับไปด้วยสายตารังเกียจ

“ผมไม่คิดเลยว่าคุณจะกล้าหนี แถมยังหนีสำเร็จอีกต่างหาก แบบนี้ผมยิ่งชอบ”   หมอนั่นกำลังชื่นชมเจ้ากระต่ายอยู่ แสดงว่าหาทางหนีออกมาเองสินะคนเก่งของเขา

“ส่วนนายก็เก่งไม่เบานะหวังอี้ป๋อ แต่เราคงไม่มีอะไรต้องคุยกันอีก ทิ้งเซียวจ้านไว้ที่นี่แล้วนายจะปลอดภัย นายเป็นคนดัง ชั้นก็ไม่อยากมีปัญหา”    แกน่ะ มีปัญหาไปแล้วโว้ย! คิดว่านี่มันโลกยุคไหนกัน ถูกใจใครก็ไปฉุดเค้ากลับบ้านงี้ก็ได้เหรอวะ?!

เขาสบถอยู่ในใจ พยายามเรียกความสงบเยือกเย็นคืนมาไม่ไปต่อล้อต่อเถียงกับไอ้บ้านี่ให้ประสาทเสีย

เพราะถ้าเขาโมโหขึ้นมา เขาจะควบคุมตัวเองไม่ได้!

ดวงตาคมกล้าพยายามมองหาหนทางหนีไปจากที่นี่ ความจริงกระสุนของเขาหมดแล้ว ตอนนี้เขาเสียเปรียบแบบสุดๆ

เขาเหลือบมองมีดสั้นที่รีไวใส่มาให้ด้วย มันถูกเหน็บอยู่ที่สายรัดต้นขา แต่ปัญหาของเขาก็คือมีคู่ต่อสู้ที่มีปืนถึงสองคน จะทำยังไงดี?!

“มานี่สิเซียวจ้าน มาหาผม”

แล้วในขณะที่หมอนั่นมัวแต่หันไปสนใจเจ้ากระต่าย เขาก็ตัดสินใจในชั่ววินาที

มือใหญ่หยิบมีดสั้นขึ้นมาก่อนจะกระโจนเข้าใส่อานัส ซัลมานที่ไม่ทันตั้งตัว เขาตวัดมีดเข้าใส่ด้วยความคล่องแคล่ว หมอนั่นต้องยกมือขึ้นมาปัดป้องอย่างตกใจ เพราะเขาเลือกมุมที่ใช้ตัวอานัส ซัลมานบังบอร์ดี้การ์ดไว้พอดี ชายฉกรรจ์ร่างสูงใหญ่นั่นจึงทำอะไรเขาไม่ได้

ฝ่าเท้าถีบเข้าที่หน้าท้องของอานัส ซัลมานจนหมอนั่นล้มลง เลือดจากแขนที่ถูกมีดของเขาบาดเข้าให้สาดกระจายออกมา

“จ้านเกอ วิ่ง!!”   เขารีบเอื้อมมืออีกข้างไปคว้ามือเจ้ากระต่ายที่ยังยืนอ้าปากพะงาบๆอย่างตกใจทำอะไรไม่ถูก

ร่างโปร่งบางหลับหูหลับตาวิ่งตามแรงลากของเขา แล้วในขณะที่อีกไม่กี่ก้าวก็จะพ้นประตู


ปัง!


เสียงปืนดังขึ้นพร้อมกับความเจ็บแล่นลิ่วขึ้นมาตามขา

“อึก!”   เขาเซไปคว้าผนังด้านหนึ่งเอาไว้ก่อนจะทรุดลงทันที ความเจ็บปวดทำให้เขาขยับต่อไปไม่ไหว

“อี้ป๋อ?!!!”   เจ้ากระต่ายตะโกนอย่างตกใจ เขาถูกยิงที่ต้นขา และตอนนี้เลือดก็กำลังไหลออกมาพอๆกับเปิดก๊อก

“อี้ป๋อ...”   เจ้ากระต่ายรีบนั่งลงมาดูด้วยสีหน้าตื่นตระหนก ร่างโปร่งบางลนลานอย่างไม่รู้จะทำยังไง

“อึก...ผมไม่เป็นไร...”   เขาเจ็บจนแทบจะเป็นลมให้ได้แต่ก็ต้องกัดฟันไว้ ใบหน้าหล่อเหลาสะบัดเงยพร้อมกับขบริมฝีปากแน่น จะร้องออกมาไม่ได้!

“รอเดี๋ยวนะ ชั้นจะช่วยนาย”   เจ้ากระต่ายยังคงลนลาน น้ำหูน้ำตาเริ่มจะไหลลงมาอีกครั้งเมื่อเห็นเขาบาดเจ็บ มือบางที่สั่นสะท้านด้วยความกลัวรูดซิปถอดเสื้อฮู้ดตัวนอกของตัวเองออกก่อนจะใช้มันกดห้ามเลือดให้เขาอย่างไม่สนใจว่าเสื้อกุชชี่ตัวนี้คงจะใส่ไม่ได้อีก

“อึก...”   เขากัดฟันอย่างอดทน เหงื่อแตกพลั่ก แค่แผลที่แขนกับที่สีข้างเขาก็แทบแย่แล้ว ไม่ต้องพูดถึงแผลนี้เลยว่ามันทำให้เขาหมดหนทางจะสู้แล้วขนาดไหน

บัดซบเอ้ย อีกแค่นิดเดียวก็จะหนีพ้นอยู่แล้ว!

เขาสบถอย่างเจ็บใจ

“ผมให้โอกาสคุณแล้วนะ แต่คุณมันก็ดื้อด้านจนน่ารำคาญจริงๆ”   อานัส ซัลมานเดินชี้ปืนมาที่หัวเขาเข้ามาช้าๆ ใบหน้าหมอนั่นเองก็หอบน้อยๆเพราะแผลที่มีเลือดไหลย้อยที่แขนเหมือนกัน

จบกัน...แบบนี้หมอนั่นคงไม่เอาเขาไว้แน่

“หยุดนะ!”   เจ้ากระต่ายขยับมาขวางและกอดเขาเอาไว้แน่น

“คุณไม่ต้องพยายามเอาตัวบังเขาไว้หรอก ผมจ่อหัวเขาแบบนี้ไม่มีทางพลาดแน่”   อานัส ซัลมานคงคิดจะฆ่าเขาจริงๆ แต่เขาก็มองสวนหมอนั่นกลับไปด้วยแววตาแข็งกร้าว

เช่นเดียวกับใบหน้ามนที่ตวัดกลับไปมองอานัส ซัลมานด้วยสายตาเอาเรื่อง

“ชั้นเกลียดนาย จะบอกอะไรให้ แม้แต่ชื่อของนายชั้นก็จำไม่ได้ด้วยซ้ำ นายไม่เคยมีความสำคัญอะไรสำหรับชั้นเลย”   เจ้ากระต่ายพูดออกไปด้วยเสียงแข็ง

“.......”   และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่พวกเขาเห็นใบหน้าที่เปลี่ยนไปของอานัส ซัลมาน

ที่ผ่านมาหมอนั่นมักจะยิ้มไม่รู้สึกรู้สาเหมือนคนโรคจิต แต่ตอนนี้หมอนั่นกำลังกัดฟันแน่นพร้อมกับมือถือปืนที่สั่นระริก





เสียงปืนจากที่ไกลๆยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ทางรีไวกับยามาโมโตะ ทาเคชิเองก็คงจะตึงมือเหมือนกัน เท่าที่เขาสู้กับพวกมันมาบอกได้เลยว่าลูกน้องของอานัส ซัลมานเป็นทหารรับจ้างมืออาชีพฝีมือดี เพราะงั้นสองคนนั้นคงจะมาช่วยพวกเขาไม่ได้แน่...

ตอนนี้คือวิกฤตของแท้ เขาจะทำยังไงดี...





แล้วจู่ๆเจ้ากระต่ายก็กระชับอ้อมแขนกอดเขาแน่นขึ้น เสียงนุ่มกระซิบแผ่วเบาให้เขาได้ยิน

“ถ้าหมอนั่นฆ่านาย ชั้นก็จะตายด้วย”   การตัดสินใจที่เด็ดเดี่ยวของเจ้ากระต่ายทำให้เขาเบิกตากว้าง เขาไม่เคยคิดที่จะตายด้วยกันเลย เขาพยายามดิ้นรนมาตลอดเพื่อให้อีกฝ่ายมีชีวิตรอด


พยายามมาตลอดเพื่อที่จะอยู่ด้วยกัน...

แต่ถ้ามันเป็นไปไม่ได้...การตายไปพร้อมกันก็อาจจะดีกว่า...

เพราะคนที่ถูกทิ้งเอาไว้ คงจะทรมานยิ่งกว่าคนที่ตายไปแล้ว...


“.......”   เขาจูบหน้าผากคนในอ้อมแขนก่อนจะกำหมัดแน่น

“ต่อให้ชาตินี้เราจะอยู่ด้วยกันต่อไปไม่ได้ แต่ชั้นก็จะทิ้งรอยแผลไว้ให้หมอนั่น ให้มันอกแตกตายที่ความพยายามทั้งหมดของมันไม่มีค่าอะไรเลย”   เจ้ากระต่ายยังคงพูดด้วยเสียงมั่นคง

“เราจะอยู่ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย”   ใบหน้ามนของคนที่อยู่ในอ้อมแขนเงยหน้าขึ้นมองเขา แววตาเด็ดเดี่ยวนั่นทำให้เขากดหัวสีดำมาจูบซ้ำที่หน้าผาก

“ตกลง”   เสียงทุ้มแหบแห้งพูดออกไปเบาๆ

“ใครก็จะมาแยกเราออกจากกันไม่ได้แม้แต่ความตาย”   เหมือนมีด้ายสีแดงไหลออกมาร้อยพันถักสานหัวใจสองดวงให้อยู่ด้วยกัน


มันจะเป็นเพียงของกันและกันเท่านั้นตราบชั่วนิรันดร์


“แต่พี่ต้องแน่ใจก่อนนะว่าผมตายแล้ว ผมไม่อยากเป็นเหมือนโรมิโอกับจูเลียต”    เขายิ้มอ่อนโยนให้เจ้ากระต่าย น่าแปลกที่ในเวลาอันสิ้นหวังแบบนี้จิตใจเขากลับสงบจนสามารถพูดหยอกเย้าอีกฝ่ายได้

“ยังจะมาล้อเล่นอีก”   ใบหน้ามนก็ยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา ฝ่ามือบางยกขึ้นมาลูบใบหน้าเขาราวกับจะมองกันและกันเป็นครั้งสุดท้าย

พวกเราก็แค่เสียดาย...ที่มีเวลาอยู่ด้วยกันน้อยเกินไป

เสียดาย...ในหลายๆเรื่องที่ยังไม่ได้ทำด้วยกัน...ยังมีสถานที่อีกมากมายที่ยังไม่ได้ไปด้วยกัน...


ก็แค่เสียดาย...


แต่ไม่เสียใจเลยสักนิดที่คิดจะตายด้วยกัน


มีความรักอันหาได้ยากแบบนี้...ชีวิตพวกเขาก็คุ้มเกินคุ้มแล้ว


ภาพเก่าๆในช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกัน ยิ้มให้กัน หัวเราะให้กัน จับมือกัน ไปเที่ยวด้วยกัน เถียงกัน หยอกล้อกัน ตีกัน กอดกัน....

ภาพเหล่านั้นกำลังย้อนกลับมาในหัวเขา

แค่คิดถึงมัน...ก็ทำให้เขายิ้มให้คนในอ้อมแขนเป็นครั้งสุดท้ายได้แล้ว...


มือบางสอดประสานเข้ากับมือเขา รอยสักเฮนนายังคงอยู่บนมือขาวๆนั่น

“สุดท้าย...เราก็ต้องแต่งงานแบบอินเดียสินะ?”   เจ้ากระต่ายยังคงกอดเขาแน่นและซบใบหน้าเอาไว้กับแผงอกเขาราวกับหวงแหนที่ตรงนี้เต็มที

“ก็ได้อยู่หรอก แต่นายห้ามเรียกสินสอดแพงนะ”

“ครับ เรียกแค่ 23 หยวนพอ”  

“ให้ 28 หยวนเลย”

พวกเขายังคงกระซิบหยอกเย้ากันเบาๆในอ้อมแขนของกันและกัน ไม่ว่าจะอยู่หรือตายก็ไม่รู้สึกกลัวอีกแล้ว




“ร่ำลากันเสร็จรึยังครับ? เซียวจ้านเราต้องรีบไปกันแล้วนะ”   ดูเหมือนอานัส ซัลมานจะสงบสติอารมณ์ที่แปรปรวนได้แล้ว มือที่ถือปืนจึงสงบนิ่ง

ร่างโปร่งบางถูกดึงตัวออกไปทั้งๆที่พยายามกอดเขาไว้แน่น เจ้ากระต่ายดิ้นไม่หยุดและยังคงไม่ละความพยายามที่จะเอื้อมมือมาหาเขา

“อี้ป๋อ อี้ป๋อ!”    เสียงใสตะโกนเรียกเขาจนแหบแห้ง

เขามองใบหน้านองน้ำตานั่นอย่างเจ็บปวด จะขอมองมันจนกว่าจะถึงวินาทีสุดท้าย

ใบหน้าที่รักแสนรักนั่นจะเป็นภาพสุดท้ายที่เขาจะเห็นจนกว่าจะจากโลกใบนี้ไป จะไม่ขอมองอะไรอีก


ปากกระบอกปืนจ่ออยู่ที่หัวไม่นาน


เสียงอันสั่นสะท้านไปทั้งหัวใจก็ดังขึ้น






ปัง!








.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.








ดวงตาคมกล้าเบิกกว้าง





เสียงปืนยังคงดังก้องอยู่เหนือหัว





ในขณะที่ร่างซึ่งกำลังล้มลงไปราวกับภาพสโลโมชั่นที่เห็นผ่านหน้านั้นกลับไม่ใช่ร่างของเขา...










และไม่ใช่ร่างของเจ้ากระต่าย...















แต่กลับกลายเป็นร่างของ อานัส ซัลมาน!!








น้ำลายอึกใหญ่ถูกกลืนลง....หวังอี้ป๋อถึงกับทิ้งตัวนั่งกับพื้นอย่างหมดแรง ดวงตาของเขายังคงเบิกค้าง ลมหายใจหนักๆยังไม่กลับเข้าที่


มัน...เกิดอะไรขึ้น?


ทำไมคนที่ตายถึงไม่ใช่เขา?


เขาค่อยๆเหลือบตามองลงไปยังร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น

กระสุนเจาะทะลุหัวของอานัส ซัลมานและเลือดก็กำลังไหลนองออกมา

ดวงตาของหมอนั่นยังลืมอยู่ราวกับยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองต้องจากโลกนี้ไปแล้ว


เป็นฝ่ายจากไปแทนที่จะเป็นเขา?


ดวงตาที่เบิกค้างเหลือบขึ้นไปมองอย่างมึนงง เจ้ากระต่ายเองก็ยืนค้างในท่าที่ถูกจับตัวไว้อย่างมึนงง

พวกเขาทั้งสองคนไม่ได้ทำอะไรเลย



ถ้าอย่างงั้นใครกันเป็นคนยิง?



ใบหน้าที่ยังแข็งค้างของเขาค่อยๆหันมองไปยังบอร์ดี้การ์ของอานัส ซัลมานที่ค่อยๆลดปืนลงอย่างใจเย็น



หมอนั่น...เป็นคนยิง?



แต่เขาไม่รู้จักหมอนั่น เขาไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนด้วยซ้ำ

แล้วทำไมหมอนั่นถึงยิงเจ้านายตัวเอง? ทำไมถึงช่วยเขากับเจ้ากระต่าย?

เขายังคงเต็มไปด้วยความสงสัยและยังไม่ไว้วางใจ แต่เรื่องเหลือเชื่อที่เกิดขึ้นตรงหน้าก็ทำให้เขาขยับตัวไม่ไหว เจ้ากระต่ายเองก็ทรุดลงข้างๆเขา มือบางที่สั่นระริกเอื้อมมาจับมือเขา พวกเรามองหน้ากันอย่างมึนงง

ร่างสูงใหญ่ของบอร์ดี้การ์ดคนนั้นเก็บปืนพกก่อนจะเดินมาพลิกร่างของอานัส ซัลมานแล้วตรวจสอบว่าหมอนั่นสิ้นใจไปแล้วจริงๆ


รอยสัก...ที่เขาคุ้นตาโผล่พ้นข้อมือของบอร์ดี้การ์ดคนนั้นออกมา



หรือว่า...


หมอนี่จะไม่ใช่คนของอานัส ซัลมาน แต่แฝงตัวมา?



ใบหน้าของชายคนนั้นหันมามองเขาก่อนจะก้มหัวให้ เขามองอีกฝ่ายอย่างสับสน เสียงราบเรียบจึงเอ่ยกับเขาว่า


“นายของผม...สั่งผมเอาไว้ว่า...ต้องทำทุกวิถีทางเพื่อให้คุณปลอดภัยครับ คุณหวังอี้ป๋อ”



หรือหมอนี่...จะเป็นคนของ Diamond crown?



และเจ้านายของหมอนี่ก็คือ....




.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be con.


ขอบคุณที่ติดตามอ่านกันมาจนถึงตอนนี้นะคะ >////< แต่ยังค่ะ ตอนหน้าก็ยังไม่ใช่ตอนจบค่ะ 555+

อืม นะ ไหนๆก็เป็นฟิคไปเรื่อย~ขนาดนี้แล้ว ^ ^a อยู่ด้วยกันต่ออีกหน่อยนะค้า แหะแหะ

มีเพลงมาแนะนำๆ จริงๆเปิดเจอมั่วๆในยูตูบแต่เฮ้ย มันเพราะ~~ ก็เลยเปิดฟังตลอดเลยตอนแต่งฟิคตอนนี้ >////<




ขอบคุณทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆๆนะคะ อ่านแล้วมีกำลังใจมากมายเลยค่ะ งื้ออออ แล้วเจอกันตอนหน้าน้า~



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น