ป๋อจ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] GLIDE : 2x4 It’s me : 05
:
ป๋อจ้าน Fanfiction Au
:
หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
:
Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
: ข้อมูลจะไม่แน่นเท่า GLIDE
ภาคก่อนๆนะคะ เพราะภาคนี้ข้ามมา 2 ล้อ ตรูขี้เกียจหาข้อมูลฝั่ง Moto
GP โฟ้ยยยย // โดนตบด้วยหมวกกันน็อค
Ferrari
Portofino แล่นเข้าไปในโรงแรมสไตล์อิตาเลี่ยนซึ่งตั้งอยู่บนแหลมริมทะเลสาปโคโม่
รถมินิบัสติดโลโก้ม้าลำพองรวมถึงรถซุปเปอร์คาร์หลากรุ่นจากค่ายเฟอร์รารี่จอดเรียงเป็นตับ
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าพวกทีมแข่งจากอิตาลีจะไปอยู่ที่ไหนได้ถ้าไม่ใช่ที่นี่
หวังอี้ป๋อจอดรถต่อจากบรรดาม้าสีแดงพวกนั้น
เจ้ากระต่ายเจ้าถิ่นยัดโน้ตบุ๊คและกระดานชาร์ตใส่มือเขา
ยังไม่ทันบอกว่าจะช่วยถือเลยนะ...
“บอส?” ได้ยินเสียงนุ่มทักทายใครบางคนและแค่เขาก้าวขาตามจ้านเกอเข้ามาในโรงแรม
นักบิดจากทีมยามาฮ่าก็เจอทีมบอสของเฟอร์รารี่ราวกับมีชะตาต้องกัน...ทั้งๆที่ไม่ได้อยากจะเจอเลยสักนิด!
“เซียวจ้าน? กลับมาแล้วเหรอ? แล้วก็นั่นมัน...ทำไมหวังอี้ป๋อถึงได้มากับนายล่ะ?”
ทีมบอสของเฟอร์รารี่หันไปถามวิศวกรหัวกะทิของตน
“เค้าไม่ได้จองโรมแรมไว้
แล้วโรงแรมอื่นในมิลานก็น่าจะเต็มหมดแล้ว
ในฐานะคนบ้านเดียวกันก็ต้องช่วยกันน่ะบอส”
ใบหน้ามนตอบอย่างภาคภูมิใจและไม่รู้อิโหน่อิเหน่
แต่มีหรือที่ทีมบอสเขี้ยวลากดินจะตามเล่ห์เหลี่ยมของหวังอี้ป๋อไม่ทัน เอลวิน
สมิธเหลือบมองใบหน้าคมของนักบิดแชมป์สามสมัย ดูยังไงหมอนี่ก็กำลังจีบเซียวจ้านชัดๆ
หึ!
คิดว่าเจ้าดีไซเนอร์มือหนึ่งของเขารอดจากปากเหยี่ยวปากกามาจนอายุปูนนี้ได้ยังไงถ้าไม่ใช่ทั้งทีมช่วยกันคอยป้องกันน่ะ!
ทีมบอสของเฟอร์รารี่จึงหันไปบอกหวังอี้ป๋อด้วยรอยยิ้ม “ถ้างั้นก็พักด้วยกันที่นี่เถอะ
นายนอนห้องเดียวกับเซียวจ้านได้ใช่ไหม? ไม่ต้องห่วงเรื่องความปลอดภัยนะ เราติดระบบวัดอัตราการสั่นสะเทือนไว้ที่เตียงของเซียวจ้าน
ถ้ามันสั่นเกิดปกติสัญญาณจะดังที่มือถือของทุกคนในทีม….บอกนายไว้เผื่ออยากจะติดระบบแจ้งเตือนในมือถือด้วย” ให้แปลง่ายๆก็คือ...อย่าคิดจะกดเจ้ากระต่ายไม่รู้เรื่องรู้ราวนี่เชียว
ไม่งั้นคนทั้งทีมได้บุกไปตื้บนายแน่หวังอี้ป๋อ!
ใบหน้าคมภายใต้กรอบผมสีน้ำตาลได้แต่ยิ้มแห้งมองตามแผ่นหลังของเอลวิน
สมิธไป เขาละเกลียดวิศวกรพวกนี้นัก
ของยากๆอย่างเครื่องวัดอัตราการสั่นสะเทือนเนี่ย ปกติมีใครเค้าทำใช้ในบ้านกันบ้างละเฟ้ย
แต่เจ้าพวกนี้กลับทำได้ง่ายๆเหมือนแม่บ้านทอดไข่เจียวอะไรแบบนั้น
แล้วดันต้องมาติดที่เตียงของจ้านเกอเนี่ยนะ?! ชิ!
“อี้ป๋อ?
เข้ามาสิ” เจ้ากระต่ายหันมาเรียกเขาอย่างสงสัยเมื่อเขาไม่ยอมก้าวขาเข้าไปในห้องพัก
แหงละ สายตาเขากำลังมองสำรวจเตียงเจ้าปัญหาว่ามันติดอยู่ตรงไหนไอ้เครื่องวัดการสั่นสะเทือนนั่นน่ะ!
“ตามสบายนะ
นายใช้ของของชั้นก็ได้”
ใบหน้ามนหันมาบอกก่อนจะหยิบเสื้อผ้าออกจากกระเป๋าเดินทางแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำไป
ดูท่าทางคืนนี้คงมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกเยอะสินะทีมวิศวกรของเฟอร์รารี่
ร่างสูงสง่าเลือกเดินไปนั่งลงที่โซฟา
ภายในห้องพักของโรงแรมก็ตกแต่งสไตล์อิตาเลี่ยน
เฟอร์นิเจอร์ไม้สีเข้มดูเก่าแก่แต่ก็คลาสสิคสมเป็นประเทศดาวแม่แห่งวงการศิลปะ
เขาทอดสายตามองข้าวของที่กองระเกะระกะลามมาจากกระเป๋าเดินทางที่เปิดอ้าคาไว้
รอยยิ้มบางๆประดับอยู่บนใบหน้าของเขา
รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกเพราะตอนที่เขาไปแข่งเองก็มีสภาพไม่ต่างกัน ของๆจ้านเกอล้วนแดงเถือกและมีแต่โลโก้ม้าลำพอง
ของๆเขาเองก็มีแต่สีน้ำเงินและแปะแต่โลโก้ยามาฮ่า
แต่ไม่ว่าอย่างไรของของพวกเราก็ล้วนเป็นของที่เกี่ยวข้องกับทีมแข่งรถเหมือนกัน
เขาอาจจะเจอแล้วก็ได้
คนที่เข้ากับเขาได้และน่าจะอยู่กับเขาไปตลอดชีวิตโดยไม่เบื่อกันไปเสียก่อน
“โอ๊ย
หนาวๆๆ”
เจ้ากระต่ายโดดเหยงๆออกมาจากห้องน้ำ ร่างโปร่งบางอยู่ในเสื้อฮูดตัวโคร่งของเฟอร์รารี่
ท่อนล่างเป็นกางเกงนอนสามส่วน
ส่วนผมก็ยังถูกโพกไว้ด้วยผ้าขนหนูสีแดง...นี่คือชุดนอน?
จะหลับลงไหมเนี่ย
แดงจัดมันทั้งตัวขนาดนี้!
“ถ้าง่วงนายก็นอนไปก่อนเลยนะ
ชั้นไปประชุมก่อน” เจ้าดีไซเนอร์รถหอบโน้ตบุคก่อนจะวิ่งออกไปทั้งสภาพนั้น เดี๋ยวสิ จะไปทั้งผ้าขนหนูโพกหัวผมเปียกโชกอย่างงั้นเนี่ยนะ?
เขาชะโงกหน้าออกจากประตูห้องเพื่อมองตาม
แล้วก็ไม่แปลกใจที่เจ้ากระต่ายของเขาวิ่งออกไปอย่างไม่สนโลกขนาดนั้น
เพราะทั้งทางเดินเต็มไปด้วยมนุษย์ในชุดนอนสีแดง บางคนพอกหน้าขาววอก
บางคนมัดจุกไว้เหนือหัว สภาพเหมือนคนจะนอนแต่ก็ยังนอนไม่ได้ ที่สำคัญ
นี่คิดว่าอยู่บ้านกันหรือไงห๊ะ?
เวลาผ่านไปจนเที่ยงคืนกว่าๆจ้านเกอถึงได้เดินสโลสเลกลับห้อง
เขาเงยหน้าจากจอมือถือมองอีกฝ่ายที่เดินไปล้มตัวลงบนปลายเตียง
“ยังไม่นอนอีกเหรอ~” ใบหน้าใสภายใต้กรอบแว่นตะแคงมองมายังเขา
ดวงตาคู่โตหรี่ปรือจะปิดไม่ปิดแหล่
“งานเสร็จแล้วเหรอ?” เขาเลี่ยงที่จะไม่ตอบด้วยการถามกลับ
แหงละ จะบอกว่ารอกินพี่อยู่ได้ยังไงละครับ!
“อือ...ส่งแบบให้โรงงานหล่อแล้ว...พรุ่งนี้ค่อย..........” แล้วจู่ๆสัญญาณก็ขาดหายไปดื้อๆ
ดวงตาคู่สวยปิดลงจนแพขนตาแนบแก้มใส
ริมฝีปากที่ยังพูดไม่จบเผยอค้างน้อยๆพร้อมกับลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ
“จ้านเกอ?” เขาส่งเสียงเรียกเบาๆก่อนจะถลาไปมองใกล้ๆ
เดี๋ยวดิเฮ้ย จะหลับเลยแบบนี้ไม่ได้นะ!
แล้วอี้ป๋อน้อยของเขาล่ะจะทำยังไง??!
“จ้านเกอ
ลุกมานอนดีๆ” มือใหญ่จับต้นแขนผอมบางก่อนจะหิ้วคนที่หลับคอพับคออ่อนขึ้นมานอนบนเตียงดีๆ
ขนาดเขาลากมาไกลจากปลายเตียงจนถึงกึ่งกลางที่นอนเจ้ากระต่ายนี่ก็ยังไม่ตื่น
โธ่โว้ย
ก็ได้ๆ นอนก็ได้!
นักบิดจากทีม
Movistar
Yamaha เดินไปปิดไฟแล้วกลับมาล้มตัวลงนอนข้างๆอย่างช่วยไม่ได้
เขานอนมองใบหน้าหวานที่ขนาดหลับตาก็ยังน่ารักในระยะใกล้แสนใกล้
บางครั้งเขาก็สงสัยนะว่าอีกฝ่ายทั้งเก่งทั้งน่ารักขนาดนี้ทำไมถึงยังไม่มีแฟน?
“อือ”
จู่ๆคนที่คิดว่าหลับไปแล้วก็โผเข้ามากอดโดยไม่บอกกล่าว
ร่างสูงสง่าได้แต่อ้าแขนให้เจ้ากระต่ายกอดลำตัวเขาไว้ด้วยความงงงวย
แต่ดวงตาคู่สวยนั่นก็ยังปิดอยู่?
“กลิ่นเหมือนอาม่าเลย~ อาม่า~” เจ้าวิศวกรหัวกะทิของวงการฟอร์มูล่าวันพูดงึมงำราวกับคนละเมอ...อ้อ...ที่กอดเขาเพราะคิดว่าเขาเป็นเจ้าหมีแพนด้าหน้าโง่นั่นสินะ?
อาจจะเพราะกลิ่นเสื้อของจ้านเกอที่เขาใส่อยู่มันเป็นกลิ่นเดียวกับเจ้าหมีนั่น? งั้นเขาคงต้องขอบคุณผลิตภัณฑ์ซักผ้าและน้ำยาดับกลิ่นของเฟอร์รารี่แล้วละที่สร้างมาให้เป็นกลิ่นเดียวกัน!
“.......โอเค จ้านเกอ กอดผมได้เต็มที่เลยครับ” ใบหน้าคมยกยิ้มเจ้าเล่ห์ก่อนจะพลิกตัวไปคร่อมทับคนหลับเอาไว้
เขาโน้มตัวลงไปซุกไซร้ลำคอระหงให้อีกฝ่ายรู้สึกจั๊กจี้จนต้องตื่นขึ้นมา
“อือ...?...”
ใบหน้ามนส่งเสียงอืออาและพยายามจะดันหัวเขาออกจากซอกคอ
“อือ....อี้ป๋อ?” ดวงตาที่ปิดลงไปแล้วครั้งหนึ่งยอมเปิดขึ้นมาแค่ครึ่งเดียว
กว่าเจ้ากระต่ายจะปรับโฟกัสได้ก็ผ่านไปหลายวินาที
“อือ?
ทำไร?” มือบางยันหน้าเขาออกมาก่อนจะตื่นเต็มตา
และเมื่อเริ่มเรียกสติกลับมาได้พร้อมทั้งรู้ว่าตนตกอยู่ในท่าทางล่อแหลมขนาดไหน
ใบหน้าใสก็เริ่มเลิ่กลั่ก
“ถะ
ถึงแม้ว่า...อาม่าจะชอบนอนทับชั้น แต่นายไม่ต้องเลียนแบบเหมือนเป๊ะขนาดนั้นก็ได้…” คนที่อายุมากกว่าแต่ไร้เดียงสาเสหน้าหนี
หวังอี้ป๋อเลยยกยิ้มด้วยความเอ็นดู
“แล้ว...เจ้าหมีนั่นเคยทำแบบนี้รึเปล่า?”
ใบหน้าคมก้มลงไปจู่โจมโดยไม่ให้กระต่ายได้ตั้งตัว
ริมฝีปากบดเบียดก่อนจะอาศัยจังหวะที่อีกฝ่ายตกใจสอดลิ้นเข้าไป
จูบดูดดื่มร้อนแรงถูกมอบให้จนคนข้างใต้ถึงกับหอบตัวโยนเมื่อเขาละออกมา ไม่รอช้าใบหน้าหล่อเหลาก็ก้มลงไปกดจูบตามซอกคอจนมือบางต้องรีบยกขึ้นมาดันห้ามไว้ก่อน
“นี่นาย...ชอบชั้นจริงๆเหรอ?”
ใบหน้ามนถามออกมาทั้งๆที่ลมหายใจยังไม่เข้าที่ดี
ริมฝีปากมีรอยช้ำน้อยๆแต่ก็ดูยั่วเย้าจนละสายตาไปแทบไม่ได้
“ใช่” นักบิดแชมป์โลกสามสมัยของ Moto GP ตอบอย่างตรงไปตรงมา สายตาของเขายังอยู่ที่ริมฝีปากสีแดง
ใบหน้าร่ำๆจะโน้มลงไปจูบมันเสียให้ได้ถ้าไม่ติดมือบางที่ยังยันหน้าเขาไว้
“ห๊ะ? ทำไมล่ะ?
เราไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยเรียนรู้กันและกันมาก่อนเลยนะ? ทำไมถึงชอบชั้นได้ล่ะ ชั้นงง”
เจ้ากระต่ายขี้สงสัยทำหน้าไม่เข้าใจอย่างที่พูดจริงๆ
“พี่...เชื่อเรื่องรักแรกพบรึเปล่า?” เขาพยายามยิ้มใสๆหลอกให้อีกฝ่ายเชื่อสนิทใจ
“ห๋า? อย่ามาแถ
รักแรกพบอะไรของนาย
เจอหน้าชั้นครั้งแรกนายก็ลากชั้นไปแก้ผ้าแบล็กเมล์เนี่ยนะรักแรกพบ?!” ชิ รู้ทันซะได้
“ก็อย่างที่บอกนั่นแหละ
ถ้าพี่ไม่ได้น่ารักขนาดนี้ ผมมีหรือจะอยากทำ เห็นแบบนี้ผมก็รสนิยมดีอยู่นะ
ไม่งั้นจะจีบคนระดับดีไซเนอร์ของเฟอร์รารี่เหรอ?” เขายังยืนยันในคำพูดของตัวเองต่อไป
ถ้าเป็นคนอื่นคงคิดว่าสีข้างเขาถลอกไปถึงไหนต่อไหน
แต่เจ้ากระต่ายน้อยตรงหน้ากลับมีท่าทางว่าจะเริ่มหลงกล
“....??? งั้นเหรอ? นั่นคือรักแรกพบงั้นเหรอ? นายรักชั้นตั้งแต่แรกพบงั้นเหรอ???” ใบหน้ามนดูงงนิดๆต่อด้วยครุ่นคิดอีกหน่อย
“ตามนั้นแหละ” เขารีบสรุปจบก่อนที่อีกฝ่ายจะนึกอะไรขึ้นมาได้
“แต่ชั้นว่ามันไม่
อื้อ~” ใบหน้าคมโน้มลงไปจูบปิดปาก
ไม่ให้คนคิดมากได้มีเวลาคิดอะไรอีกต่อไป นอกจากลิ้นร้อนที่สอดใส่เข้าไปในโพรงปาก
ฝ่ามือใหญ่ยังจงใจล้วงเข้าไปใต้เสื้อฮู้ดตัวโคร่งสีแดงตัวนั้นด้วย
“อื้อ?!”
เจ้ากระต่ายน้อยพยายามดิ้นรนจากเงื้อมมือของหมาป่า
แต่ยามเมื่อฝ่ามือของเขาสัมผัสลงไปบนหน้าท้องเรียบเนียนแถมยังแบนราบหากล้ามไม่เจอสักแพ็คมันก็ยิ่งทำให้เขาหยุดไม่ได้
ไหนจะผิวกายนุ่มๆอุ่นๆนี่อีก
ดูท่าทางเนื้อกระต่ายตัวนี้คงจะหวานน่าดู
ใบหน้าคมยกยิ้มเจ้าเล่ห์เมื่อละริมฝีปากออกมา
ใบหน้ามนแดงระเรื่อหอบหนักมองเขาด้วยสายตาคาดโทษ แต่มีหรือเขาจะกลัว
“อื้อ~
หยุด! จับอะไรของนาย?!” เจ้ากระต่ายน้อยสะดุ้งโหยงเมื่อฝ่ามือที่เคยลูบวนอยู่บนหน้าท้องกลับย้ายที่เสียดื้อๆ
และตอนนี้มันก็กำลังล้วงเข้าไปในกางเกงนอนสีแดง
ใบหน้าคมก้มลงไปกดจูบหนักๆที่ซอกคอ
จูบซ้ำๆย้ำๆไปทั่วจนคนที่ดิ้นรนเริ่มอ่อนแรง
ร่างโปร่งบางเริ่มบิดไปมาเมื่อฝ่ามือของเขาปลุกปั่นแกนกายจนมีความรู้สึก
“ฮ้า
ฮ้า...อ๊ะ”
จากเสียงห้ามเปลี่ยนเป็นเสียงครางเบาๆ
ฝ่าเท้าของเจ้ากระต่ายน้อยเริ่มขยับอย่างอยู่ไม่สุขตามแรงอารมณ์ที่ถูกปลุก
ฝ่ามือของเขารูดขึ้นลงช้าๆ เน้นๆ ให้เจ้าของมันแทบทนไม่ไหว
เขาทาบทับร่างกายผอมบางนั่นเอาไว้ก่อนจะมองใบหน้ามนในระยะประชิด
สีหน้าของเจ้ากระต่ายดีมากจริงๆตอนมีอารมณ์แบบนี้
สวย...จนอยากจะกลืนกินเข้าไปทั้งตัว
ฝ่ามือขยับเร็วขึ้นแรงขึ้น
เสียงครางดังอยู่ข้างหูจนเขาต้องกดใบหน้าตัวเองลงไปซุกไว้กับลาดไหล่บาง
เพราะถ้าไม่ทำอย่างนั้นเขาคงสะกดกลั้นอารมณ์ของตัวเองไม่ได้
“อ๊ะ
อ๊า~” ใบหน้ามนครางเสียงสูงเมื่อถูกเขาปรนเปรอจนถึงที่สุด
น้ำสีขาวขุ่นพุ่งทะลักออกมาเต็มฝ่ามือ ดวงตาคู่สวยเหม่อลอยไปไกล
ใบหน้ามนหอบหนักอยู่อีกพักใหญ่กว่าจะมีแรงลุกขึ้นมาทำตาดุใส่เขาได้
“เห็นพี่เครียดมาทั้งวัน
ผมก็เลยช่วยคลายเครียดให้ ดีไหม?”
เขาหันไปส่งยิ้มกวนๆในขณะที่ใช้ทิชชูเช็ดมือ
เจ้ากระต่ายหันมาทำหน้าหงิกใส่ก่อนจะตวัดผ้าห่มคลุมโปงจนมองเห็นแต่ใบหน้า
“ดีบ้าอะไรเล่า
นอนไปเลยนะ ห้ามขยับมาใกล้ด้วย” ใบหน้ามนยิงฟันกระต่ายขู่อยู่ในโปงผ้าห่ม เขากลัวจนถึงกับหัวเราะออกมา
ร่างสูงสง่าล้มตัวลงไปแล้วดึงอีกฝ่ายมากอดทั้งผ้าห่ม
ใบหน้าคมกระซิบเบาๆ “คืนนี้จะปล่อยไปก่อนก็ได้
พรุ่งนี้พี่มีแข่งนัดสำคัญนี่นา” เอาเป็นว่าแค่ได้เห็นสีหน้าตอนกำลังมีอารมณ์ของพี่ก็นับว่าคุ้มแล้วคืนนี้
แล้วก็...ถ้าเขาไปทำให้เจ้านักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ลุกไปสนามแข่งไม่ไหวขึ้นมา
มีหวังเขาได้โดนเหล่าทิโฟซี่สีแดงพวกนั้นจับบูชายัญแน่ๆ
อีกอย่าง...มันมีอยู่จริงๆด้วยละ
ไอ้เครื่องวัดอัตราการสั่นสะเทือนนั่น
เขาหามันเจอและไม่ว่าจะงัดจะแงะยังไงมันก็แกะไม่ออก!
เสียงพูดคุยที่ดังแว่วอยู่ที่ไหนสักที่ปลุกให้หวังอี้ป๋อตื่นจากนิทรา
ดวงตาคมกล้าค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆอย่างงัวเงีย
เงาร่างโปร่งบางที่คุ้นตากำลังเดินไปเดินมาวนอยู่รอบห้อง
จ้านเกอ...กำลังคุยโทรศัพท์ด้วยภาษาอิตาลีที่เขาฟังไม่ออก
แต่มีสิ่งหนึ่งที่เขาดูออกนั่นก็คือหน้านิ่วคิ้วขมวดของอีกฝ่าย...เกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือไง?
ทำไมเขาต้องตื่นนอนด้วยสภาพนี้ตลอดเลยนะ?
“อ๊า~~
ทำไงดี” เจ้าวิศวกรหัวกะทิของเฟอร์รารี่กดวางสายพร้อมกับกุมหัวแล้วร้องออกมา
ใบหน้ามนครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะโยนโทรศัพท์ไว้แล้ววิ่งพรวดพราดออกไป
ตรู๊ด~ ตรู๊ด~~
ตรู๊ด~~
สักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีก
เขามองมันอย่างชั่งใจ ดูท่าจะมีเรื่องสำคัญเพราะมันดังไม่หยุด
เขาจึงเอื้อมมือไปกดรับ
“ฮัลโล
พอดีเซียวจ้านลืมโทรศัพท์ไว้ ถ้ายังไงเดี๋ยวค่อยโทรกลับมา…”
“อย่าเพิ่งวางนะ!
รีบวิ่งเอาโทรศัพท์ไปให้จ้านจ้านเดี๋ยวนี้ ชั้นจะถือสายรอ เร็วๆ” ห๋า?
เขาถึงกับเหลือบมองมือถืออย่างไม่คิดว่าจะมีใครกล้าสั่งปลายสายแบบนี้
“อ่อ
เอ่อ ครับ?
จากไหนนะครับ?” เขาค่อยๆลุกจากเตียงอย่างงงๆ
“โรงงานที่มาราเนลโล่ไง
ชั้นนากาโซเนะ โคเท็ตสึ นี่นายวิ่งอยู่รึเปล่า? รีบหาตัวจ้านจ้านให้เจอเร็ว”
“ห๋า?” ทีมนี้มันยังไงกันฟ๊ะ
ทำไมถึงมีแต่พวกไม่ฟังใครทั้งนั้นเลยเนี่ย? งงมาก แล้วที่งงหนักกว่าก็คือ แล้วทำไมหวังอี้ป๋อถึงต้องออกวิ่งตามที่เจ้าพวกนั้นบอกด้วย!?
เขาชะโงกหน้าดูห้องที่เปิดคาไว้จนเจอห้องที่มีคนของเฟอร์รารี่รวมตัวกันอยู่ราวๆสิบคน
เจ้ากระต่ายก็อยู่ในนั้นด้วย
“เอ่อ
เจอตัวจ้านเกอแล้ว แต่เค้าอยู่ในห้องเอ่อ ห้องประชุม? ผมเข้าไปจะดีเหรอ?”
“เข้าไปเถอะน่า
เร็วๆเข้า”
เขาจึงต้องวิ่งพรวดพราดเข้าไปในดงวิศวกรม้าลำพองที่ส่วนใหญ่ยังอยู่ในชุดนอนแล้วก็แม้แต่ชุดนอนก็ยังเป็นสีแดง!
“หวังอี้ป๋อ?”
ทุกคนต่างหันมามองเขาเป็นตาเดียว
เขาจึงยกมือขึ้นมาเกาท้ายทอยก่อนจะยื่นโทรศัพท์มือถือให้จ้านเกอ
“พี่ลืมโทรศัพท์
แล้วคนที่ชื่อนากาอะไรซักอย่างก็จะคุยกับพี่ให้ได้” มือบางรีบรับโทรศัพท์ไปก่อนจะกดเปิดลำโพงอย่างไม่สนใจว่าจะมีคนนอกอย่างเขายืนอยู่ในห้องด้วย
“โทษที
เมื่อคืนที่โรงงานไฟดับ ช่างไฟก็ซ่อมกันทั้งคืนเลย
เพิ่งเริ่มหล่อคาร์บอนได้เมื่อเช้านี้เอง”
นั่นเองสินะ ข่าวร้ายที่ทำเอาเจ้ากระต่ายหัวเสียตั้งแต่เช้า
“นายคิดว่าจะเสร็จเมื่อไหร่?
ถ้าไม่มีชิ้นส่วนนี้รถของสเลนวิ่งไม่ได้แน่ๆ
เราจำเป็นต้องใช้มันช่วยเพิ่มดาวน์ฟอร์ซโดยที่ความเร็วไม่ตก” ใบหน้ามนถามด้วยเสียงร้อนรน
คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันจนแทบจะผูกเป็นโบว์ วิศวกรคนอื่นๆก็มีสีหน้ากังวลเช่นกัน
“อืมมมม
น่าจะเสร็จแบบฉิวเฉียด”
ปลายสายตอบกลับมาแบบไม่ค่อยมั่นใจนัก
“เจ็ดโมง?” เจ้ากระต่ายเริ่มต่อรอง
“แปดครึ่ง” ปลายสายก็ต่อรองกลับมาเช่นกัน
“ไม่มีทาง
เราต้องประกอบเสร็จก่อนสิบโมงนะไม่งั้นจะส่งรถให้ FIA ตรวจไม่ทัน” วิศวกรอีกคนพูดแทนเจ้ากระต่าย
“ว้อย
พวกนายนี่มันจริงๆเลย!
คิดว่าที่โรงงานเป็นกระทรวงเวทมนต์รึไงถึงจะได้เสกอะไหล่ให้พวกนายได้เนี่ย!
แล้วชิ้นส่วนที่นายส่งแบบมานี่ก็ซับซ้อนไม่ธรรมดาเลยนะจ้านจ้าน!” ปลายสายเริ่มโวยวายบ้าง
“ความผิดผมรึไง? ไปโทษลมในสนามนู่น~
ไม่ก็เครื่องยนต์ของศิษย์พี่แหละที่ไม่แข็งแกร่งพอจะใช้ปาร์ตี้โหมดวิ่งตลอดสองชม.อ่ะ”
ใบหน้ามนเริ่มชี้โบ้ชี้เบ้บุ้ยปากไปโทษวิศวกรสาวหัวกระเซิงที่มีสภาพเหมือนเพิ่งถูกขุดขึ้นมาจากที่นอนแทน
“ว่าไงน๊าาา
เจ้ากระต่ายฉงชิ่ง~
นายกล้าว่าเครื่องยนต์ชั้นเหรอออออ ชั้นจะบีบคอนายให้หักเลยคอยดู”
วิศวกรสาวที่เป็นถึงหัวหน้าของทุกคนที่อยู่ที่นี่ตรงเข้าไปเขย่าคอเจ้ากระต่ายจนต้องร้องอย่างน่าสงสาร
“แอ่กๆๆ”
หวังอี้ป๋อยืนมองเด็กสามขวบทะเลาะกันอย่างเพลียๆ
ตกลงเครียดกันอยู่จริงๆใช่ไหมเนี่ย?
“นากาโซเนะ
อัดเต็มที่ได้กี่โมง” มีเพียงทีมบอสของเฟอร์รารี่ที่มีสติ
เสียงทุ้มถามปลายสายด้วยน้ำเสียงราบเรียบจนเขานับถือ
“เต็มที่แปดโมง
ไม่งั้นมันทนแรงปะทะไม่ไหวแน่”
“ตกลง
ชั้นจะส่งคนไปรับอะไหล่ตอนแปดโมง” เอลวิน
สมิธถอนหายใจก่อนจะวางสายไป ใบหน้าหล่อเหลาหันมาถามลูกทีมเมื่อนึกขึ้นได้
“รีไวล่ะ?”
ชื่อของคนที่ตั้งใจจะให้ไปเอาอะไหล่ถูกเอ่ยออกมา ทว่า วิศวกรสนามของสเลน
ทรอยยาร์ดกลับตอบด้วยเสียงหัวเราะแหะๆ
“เอ่อ...อยู่กับฮายาโตะที่โรงพยาบาลครับ…คือ...พวกวองโกเล่พากลับไปที่โรม…..” เอเลน
เยเกอร์ยิ้มแห้งอย่างรู้สึกผิดแทนเจ้าคนที่ไม่อยู่ในเวลาแบบนี้
“ห๋า? โรมเหรอ?!” ทุกคนต่างมองหน้ากันเลิ่กลั่ก
“ถ้าไม่ใช่รีไว
ไม่น่าจะมีคนเอาอะไหล่มาถึงนี่ทันแล้ว!” คนที่กล้าฝ่ามันทุกไฟแดงแถมเหยียบมันสองร้อยกว่ากิโลเมตรต่อชม.บนถนนธรรมดาใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ!
“แถมตอนกลับมารถน่าจะติดมาก
ถ้าไม่ใช่ตีนผีแบบรีไวน่าจะลำบาก”
เหล่าวิศวกรถึงกับนั่งกัดเล็บทำหน้าเครียดกันอีกรอบ
มีเพียงเซียวจ้านที่หันมามองหวังอี้ป๋อพลางครุ่นคิดอะไรบางอย่าง
“ขอเวลาเดี๋ยวนะครับ” มือบางดึงนักบิดจากทีมยามาฮ่าออกมาคุยนอกห้อง ใบหน้าคมมองหน้าอีกฝ่ายด้วยความสงสัย
“นายขับมอเตอรไซค์ไปเอาอะไหล่ที่มาราเนลโล่ให้หน่อยได้ไหม? ถึงจะไม่ไวเท่าคุณรีไวแต่นายน่าจะไม่เสียเวลาเพราะรถติด
มอเตอร์ไซค์มันซอกแซกๆมาได้?” เขาถึงกับอ้าปากค้างกับคำขอร้องของเจ้ากระต่าย
“ผมเนี่ยนะ?” มือใหญ่ยกขึ้นมาชี้ตัวเองอย่างมึนงง
“อื้อ
นายนั่นแหละ” เจ้าดีไซเนอร์มือหนึ่งของเฟอร์รารี่ยังคงยืนยัน เดี๋ยวก่อนนะ...ตอนนี้หวังอี้ป๋ออยากจะถามเหลือเกินว่าเขาเป็นอะไรกับม้า?
หรือเป็นอะไรกับเจ้ากระต่ายตรงหน้า? ใช้เขาขนาดนี้ต้องจดทะเบียนสมรสกันแล้วไหม?
“ถ้าผมช่วย
ผมจะได้อะไร?” ดวงตาคมกล้าจ้องใบหน้ามนด้วยแววเจ้าเล่ห์
เอาสิ กล้าใช้คนอย่างหวังอี้ป๋อมันก็ต้องมีของแลกเปลี่ยนที่สมน้ำสมเนื้อนะ เจ้ากระต่ายนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนจะเอ่ยออกมาอย่างกล้าๆกลัวๆ
“.......นาย...อยากได้อะไรล่ะ?” อยากนอนกับพี่...เขาอยากจะตอบแบบนี้เหลือเกินนนน
แต่กลัวกระต่ายจะตื่นตูมเลยต้องตอบเลี่ยงๆไป
“สนามหน้า
พี่ต้องไปดูผมแข่ง” ก่อนอื่นต้องค่อยๆล่อลวงให้เจ้ากระต่ายเข้าไปในถิ่นของเขาซะก่อน
อยู่ในสนามเอฟวันเขาทำอะไรไม่ได้มากก็จริง
แต่ถ้ากลับไปที่สนามโมโต้จีพีถิ่นของเขาละก็ หึๆๆ
“ถ้าแข่งไม่ตรงกัน...ก็ได้อยู่หรอก” F1 กับ Moto
GP มีการจัดตารางแข่งให้ไม่ตรงกันอยู่แล้วเพราะงั้นถ้าสัปดาห์ไหนเขาแข่ง
เจ้ากระต่ายนี่ก็จะว่าง เขายกยิ้มมุมปากจนคนตรงหน้าต้องยกมือมาลูบแขนที่ขนลุกชัน
มารู้ตัวเอาตอนนี้ก็สายไปแล้วเจ้ากระต่ายน้อย
“ถ้างั้นก็โอเค
ผมจะไปเอาอะไหล่ให้”
เขารีบสัญญาก่อนที่อีกฝ่ายจะเปลี่ยนใจ
“แต่ว่า...ผมไม่รู้ทาง
พี่ไปกับผมได้ไหมล่ะ?”
“ก็ได้
ถ้างั้นชั้นไปบอกทุกคนก่อน...”
เขาคว้าข้อมือบางเอาไว้ก่อนจะพูดออกไป
“พี่อย่าไปบอกใครล่ะ
เรื่องข้อแลกเปลี่ยนของเรา”
ใบหน้ามนพยักรับอย่างงงๆก่อนจะเดินเข้าห้องไป แหงละ ถ้าบอกไปละก็
ทีมบอสของเฟอร์รารี่คงได้ส่งลูกทีมติดตามจ้านเกอไปดู Moto GP อีกเป็นขบวนแน่ แล้วแผนลอบกินกระต่ายของเขาก็คงจะล่มไม่เป็นท่า!
ร่างโปร่งบางพาเขาเดินไปยังรถมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบต์คันหนึ่งและแค่ดูก็รู้เลยว่ามันเป็นรถของทีมเฟอร์รารี่แน่ๆ
นอกจากมันจะสีแดงแล้วยังมีโลโก้ม้าลำพองติดอยู่ แล้วก็ไม่ได้มีแต่บิ๊กไบต์นะที่เฟอร์รารี่สั่งทำพิเศษให้พวกทีมแข่งใช้
เพราะข้างๆมีทั้งเวสป้า สกูตเตอร์ จักรยาน แน่นอนว่าทุกคันเป็นสีแดงและมีตราม้าลำพองติดอยู่
หวังอี้ป๋อถึงกับยิ้มแห้งกับความเป็นเอกภพนี้
เชื่อเค้าเลยจริงๆ
ตั้งแต่เป็นนักแข่งมาก็เพิ่งเคยเห็นนี่แหละทีมที่สร้างจักรวาลของตัวเองได้มากขนาดนี้
ร่างสูงสง่าก้าวคร่อมบิ๊กไบต์คันใหญ่
เจ้ากระต่ายส่งหมวกกันน็อคมาให้ก่อนจะใส่ให้ตัวเองอันหนึ่ง เขาลองสตาร์ทเครื่องดู...สมเป็นเฟอร์รารี่
แม้แต่มอเตอร์ไซค์ที่สั่งทำพิเศษ เสียงท่อก็ยังดีขนาดนี้ เสียงทุ้มนุ่มกังวานไม่ต่างจากซุปเปอร์คาร์ของค่ายม้าลำพองเลยจริงๆ
“ขึ้นมาสิ” เขาหันไปเรียกคนที่ยืนมองอย่างกล้าๆกลัวๆ
ร่างโปร่งบางจึงก้าวขาขึ้นมานั่งซ้อนอยู่ข้างหลัง แผ่นอกของเจ้ากระต่ายแนบอยู่กับแผ่นหลังของเขา
หึ อีกเรื่องที่เขาชอบขี่มอเตอร์ไซค์มากกว่าขับรถ ก็เพราะมันดีแบบนี้นี่แหละ
“กอดแน่นๆสิ
ผมไม่ได้ขับมอเตอร์ไซค์ด้วยความเร็วแบบคนทั่วไปนะ”
เขาหันไปขู่เจ้ากระต่ายที่ทำหน้าเลิ่กลั่กอยู่ใต้หมวกกันน็อค
สองแขนผอมบางกระชับกอดเอวเขาอย่างเก้ๆกังๆ
เขาลอบยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนที่มือใหญ่จะเริ่มบิดคันเร่ง
บิ๊กไบต์สีแดงสดพุ่งทะยานออกจากลานจอดรถทันที
เสียงทุ้มแหวกอากาศในเช้าที่สดใส
บิ๊กไบต์สีแดงวิ่งผ่านเมืองริมทะเลสาบที่เพิ่งจะตื่นมารับอรุณ
แสงระยิบระยับที่สะท้อนอยู่บนผิวน้ำช่างสวยงาม
นี่อาจจะเป็นกำไรของภารกิจใหญ่ที่แบกไว้บนบ่า
แต่อย่างน้อยภาพตรงหน้ากับอ้อมแขนที่กอดเอวเขาไว้ก็คงทำให้เขาอารมณ์ดีไปทั้งวัน
“จ้านเกอ
ไปทางไหนต่อ?”
ใบหน้าหล่อเหลาภายใต้หมวกกันน็อคถามคนที่แนบใบหน้าอยู่กับแผ่นหลัง
“ซ้ายก็แล้วกัน
ตรอกมันแคบเลยไม่ค่อยมีรถวิ่งดี”
เขาเลี้ยวรถตามที่อีกฝ่ายบอก ความเร็วค่อยๆพุ่งจาก 80 เป็น 100 จาก 100
เป็น 120 และมีแต่จะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆโดยไม่สนใจว่าทางข้างหน้าจะแคบแค่ไหน
จนคนที่ซ้อนอยู่ต้องกระชับอ้อมแขนด้วยความกลัว
“ให้ผมขับช้ากว่านี้ไหม?” เขาถามอย่างไม่แน่ใจ
ถึงปกติจ้านเกอจะคุ้นเคยกับรถที่มีความเร็วเทียบเท่าชินคันเซ็น
แต่นั่นมันรถสี่ล้อไง ไม่ได้ต้องมาสัมผัสอากาศอย่างใกล้ชิดขนาดนี้
“ไม่ต้อง
ขับไปเถอะ” คนข้างหลังตะโกนผ่านหมวกกันน็อคมา
เขาอมยิ้มทั้งที่สายตายังมองทางข้างหน้า
อีกฝ่ายเป็นคนที่เขาตามหามานานจริงๆด้วย...คนที่ไม่ห้ามเขาทำตามความฝัน
คนที่จะยืนอยู่เคียงข้างกันไปตลอด คนที่จะกอดเขาไว้ถึงแม้จะกลัวก็ตาม
ตรอกแคบๆมาบรรจบกับถนนหลวงกว้างใหญ่
ท้องฟ้าสีใสมารอต้อนรับ จากตรงนี้ไปเป็นทางตรงยาว เขาน่าจะขับด้วยความเร็วที่คุ้นเคยได้
จาก 140 เลขไมค์จึงพุ่งทะยานไปแตะ 190 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
รถยนต์ทั่วไปอาจจะใช้เวลาจากมิลานมาถึงมาราเนลโล่เกือบสองชั่วโมง
แต่พวกเขากลับใช้เวลาไปแค่ชั่วโมงกว่าๆ ตอนนี้บิ๊กไบต์สีแดงสดจอดอยู่หน้าอาคารหนึ่งในโรงงานผลิตรถยนต์ของเฟอร์รารี่ตอนแปดโมงพอดี
“ได้อะไหล่มาแล้ว
พวกนายประกอบส่วนอื่นๆไปก่อน ผมกับหวังอี้ป๋อน่าจะถึงสนามเก้าโมงกว่าๆ
มีเวลาแค่ครึ่งชั่วโมงในการใส่อะไหล่ตัวนี้เข้าไปแล้วทดสอบรถรอบสุดท้าย อื้อๆ
เข้าใจแล้ว เดี๋ยวๆ ลมในสนามล่ะเป็นไง? โอเค เจ้านี่น่าจะเอาอยู่”
เจ้ากระต่ายที่วิ่งลงไปเอาอะไหล่วิ่งไปโทรศัพท์ไปและตอนนี้ก็กำลังวิ่งกลับมาหาเขาที่คร่อมมอเตอร์ไซค์รออยู่
เสียงเครื่องยนต์ยังไม่ทันได้ดับก็ต้องขับกลับไปมิลานอีกแล้ว
เขามองกล่องสีแดงที่เจ้านักออกแบบรถมือหนึ่งของม้าลำพองสะพายมาด้วย
อะไหล่ตัวแค่นี้จะช่วยให้รถที่ร่อแร่กลับมาชนะได้เชียวเหรอ?
เขานึกว่าต้องเปลี่ยนปีกหน้าหรือปีกหลังทั้งอันเสียอีก
เก่งจังเลยนะเจ้าวิศวกรกระต่ายน้อยของเขา
“ไปกันเถอะ” ร่างโปร่งบางก้าวขาซ้อนลงมาข้างหลัง
ท่อนแขนเล็กๆกอดกระชับรอบเอวเขาโดยไม่ต้องให้บอก
มอเตอร์ไซค์คันใหญ่มุ่งหน้ากลับมิลานโดยไม่พัก
ถึงจะไม่เครียดเท่าแต่นี่ก็นับว่าเขาต้องขับมอเตอร์ไซค์มากกว่าตอนแข่งถึงสองเท่าเชียวนะ
ทั้งกล้ามเนื้อแขนและกล้ามเนื้อตาเริ่มล้าๆ
แต่พอถูกท่อนแขนผอมบางกอดกระชับเข้ามาที่เอว เขาก็รู้ว่าเขาจะหยุดตอนนี้ไม่ได้
มือบิดคันเร่งต่อไป
จนในที่สุดพวกเราก็มาถึงมิลานจนได้และตอนนี้ทางไปสนามมอนซ่าก็รถติดอย่างที่คิดไว้จริงๆ
บิ๊กไบต์สีแดงซอกแซกเข้าไปจนถึงแพดด็อกตามเวลาที่กำหนดเป๊ะๆ
เจ้ากระต่ายกระโดดลงจากรถทันที ไม่มีเวลาแม้แต่จะหันมาโบกมือให้เขา
เงาร่างโปร่งบางที่หอบอะไหล่วิ่งหายไปกับฝูงชนที่หนาตากว่าเมื่อวานมาก
เขาถอดหมวกกันน็อคแล้วมองตามแผ่นหลังบางๆนั่นไป
รอยยิ้มโล่งใจปรากฏอยู่บนใบหน้าโดยไม่รู้ตัว
เขาเพิ่งรู้ว่าทั้งหัวทั้งใบหน้าของเขาชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อก็ต่อเมื่อมันหยดแหมะลงมาบนตัวถังสีแดงของรถนี่แหละ
ไม่ไหว ลุ้นตามซะจนนึกว่าตัวเองเป็นลูกทีมของเฟอร์รารี่ไปแล้ว
เขาคร่อมมอเตอร์ไซค์อยู่ตรงนั้นนานหลายนาทีกว่าเลือดลมที่สูบฉีดถึงขีดสุดจะเริ่มกลับมาเข้าที่
เขารีบเอารถไปเก็บก่อนจะกลับเข้าไปที่พิตการาจสีแดง
มันวุ่นวายอย่างที่คิดจริงๆ...รถที่จอดอยู่ในการาจฝั่งซ้ายกำลังถูกวิศวกรและช่างเทคนิคร่วมยี่สิบชีวิตรุมรอบคัน
เจ้ากระต่ายของเขาก็กำลังเช็คข้อมูลจากจอคอมพิวเตอร์แล้วสั่งการลูกทีมด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“ใครก็ได้
ไปดักพวก FIA ไว้ก่อนเร็ว! ขออีกสิบนาที อย่าเพิ่งให้มาถึงนี่!”
เสียงตะโกนดังลั่นพิตก่อนที่เอลวิน สมิธจะรีบเดินไป การาจสีแดงกำลังลุกเป็นไฟ
นี่ขนาดอะไหล่มาถึงตามเวลาแล้วนะ ยังประกอบแทบไม่ทัน
เงาร่างของใครบางคนขยับมายืนอยู่ใกล้ๆ
เขาจึงหันไปมอง...เป็นสเลน ทรอยยาร์ด นักขับประจำรถคันที่มีปัญหานั่นเอง
“ได้ข่าวว่าคุณเป็นคนไปเอาอะไหล่มาให้
ขอบคุณมากนะครับ” ใบหน้าหวานโค้งให้เขา
เขาจึงโค้งตอบกลับไป
“ไม่เป็นไร” ก็เขาไม่ได้ทำไปด้วยความบริสุทธิ์ใจนี่นะ
จะรับคำขอบคุณไว้ก็รู้สึกแปลกๆ
“ปกติก็เป็นแบบนี้แหละ
พิตการาจของพวกเราไม่เคยหยุดพักเลย ขอแค่สามารถเพิ่มความเร็วได้ จะแค่
0.001วินาทีพวกเราก็เอา ทุกคน...ทำรถกันจนวินาทีสุดท้ายจริงๆ” นักขับมือสองของเฟอร์รารี่ทอดสายตามองลูกทีมของตัวเองอย่างภาคภูมิใจ
เขามองตามสายตาของสเลน ทรอยยาร์ดไป เขาเข้าใจความรู้สึกนี้ดีเลยละ
“เพราะงั้น
ถ้าคิดจะจีบคนในทีมเอฟวันก็เหนื่อยหน่อยนะครับ”
ใบหน้าหวานหันมายิ้มให้ก่อนจะเดินไปหาลูกทีม เขาถึงกับผงะไป เดี๋ยวสิ นี่คงไม่ได้รู้กันทั้งทีมแล้วหรอกนะ?
ขนาดคนที่ดูไม่มีพิษไม่มีภัยที่สุดในทีมอย่างสเลน ทรอยยาร์ดยังรู้
พวกเขี้ยวลากดินที่เหลือนี่ก็....
ฝาครอบตัวรถถูกไขน็อตตัวสุดท้ายเมื่อเจ้าหน้าที่
FIA หรือสมาพันธ์ยานยนต์โลกเดินมาถึงหน้าพิตพอดี SF90 SLAINE ถูกประกอบเสร็จแบบเส้นยาแดงผ่าแปด
แล้วในที่สุด...มันก็ผ่านการตรวจสอบไปได้ด้วยดี
เหล่าวิศวกรของเฟอร์รารี่ต่างถอนหายใจกันอย่างโล่งอก
เสียงโหวกเหวกกลับมาอีกครั้งเมื่อเจ้าหน้าที่ไม่อยู่แล้ว “กินข้าวกัน เดี๋ยวไม่ทันพาเหรด” จริงสิ ตั้งแต่เช้ามาเขายังไม่ได้กินอะไรเลยนี่
สงสัยอะดรีนาลีนจะหลั่งจนลืมหิวไปหมดแล้ว
“อี้ป๋อ ไปกินข้าวกัน” เจ้ากระต่ายเดินมาเรียกเขา
ใบหน้ามนดูผ่อนคลายกว่าเมื่อกี้มาก
“เดี๋ยวชั้นเลี้ยงขอบคุณนายเอง” เขาเดินตามร่างโปร่งบางในชุดฟอร์มสีแดงไป แต่เจ้ากระต่ายก็ไม่ได้พาเขาไปกินข้าวที่ไหนไกล
ไม่ได้พาไปร้านอาหารหรูหรา ทว่า พาเขาเข้าไปในมอเตอร์โฮมของเฟอร์รารี่
สถานที่ที่ต่อให้มีเงินแค่ไหนก็ใช่ว่าจะเข้าไปได้ง่ายๆ แถมเชฟของเฟอร์รารี่ที่ทำอาหารให้เหล่าวิศวกรม้าลำพองก็ล้วนเป็นเชฟมือดีของอิตาลีเชียวละ
เพราะงั้นถึงจะเป็นอาหารแบบให้ไปตักทานเองแต่รสชาติมันกลับอร่อยมาก....เดี๋ยวนะ
ตัวเองยังมากินฟรีอยู่เลยแท้ๆ~
แล้วมีหน้ามาบอกว่าจะเลี้ยงเขานะเจ้ากระต่ายเจ้าเล่ห์นี่
เขาวางจานอาหารลงตรงหน้าเจ้านักออกแบบรถมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ที่เริ่มกินไปก่อนเขาแล้ว
ดวงตาคมกล้าทอดมองคนที่เอาส้อมจิ้มมันฝรั่งเข้าปากไปสเก็ตรูปลงสมุดไปอย่างไม่ถือสา
“เดี๋ยวก็ติดคอหรอก” เขาเขี่ยมะเขือเทศหั่นเป็นแว่นๆลงไปในจานของเจ้ากระต่ายที่จิ้มกินเข้าไปแบบไม่รู้ตัว
จะปล่อยให้กินแต่มันฝรั่งไม่ได้~
“นั่นอะไรน่ะ พวงมาลัยรถ?” พวงมาลัยของรถฟอร์มูล่าวันนั้นซับซ้อนและมีเอกลักษณ์
ปุ่มมากมายเรียงรายอยู่รอบๆหน้าปัดและเขาก็เพิ่งรู้ว่านักออกแบบรถต้องดีไซน์แม้แต่พวงมาลัยที่ดูเป็นเรื่องของงานระบบมากกว่าแบบนี้ด้วย
“นายรู้ไหมว่าพวงมาลัยของรถแต่ละคันไม่เหมือนกัน
เราจะออกแบบเฉพาะให้นักขับแต่ละคนตามความถนัด เพราะฉะนั้นนะเจ้าพวกนั้นจะไม่ใช้พวงมาลัยของคนอื่นและพวงมาลัยที่ดีก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำความเร็วให้เพิ่มขึ้นด้วย
ระยะทางจากการที่มือต้องเลื่อนไปหมุนปุ่มๆหนึ่งบวกเวลาในการตัดสินใจ
อาจจะทำให้พลาดการทำเวลาให้ดีที่สุดก็ได้” เจ้ากระต่ายร่ายยาวพลางจิ้มเนื้อปลาที่เขาเขี่ยใส่จานอีกฝ่ายไว้โดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่ากินอะไรเข้าไปและนั่นไม่ใช่ของที่ตัวเองตักมา...เชื่อเค้าเลยจริงๆ
“แล้วมันจำเป็นต้องใช้ตอนนี้เลยหรือไง?” กินข้าวกินปลาให้มันดีๆก่อนไหม?
“เปล่า
แต่ถ้าไม่สเก็ตไว้ชั้นจะลืม” เขายิ้มแห้ง
มือเขี่ยผักจากจานตัวเองใส่จานตรงข้ามเพิ่มไปอีก
“แต่ไม่น่าเชื่อเลยนะ
แค่อะไหล่ชิ้นเล็กๆแบบนั้นจะช่วยเพิ่มแรงกดได้”
ใบหน้าหล่อเหลาพูดถึงอะไหล่ที่เพิ่งไปเอามาเมื่อเช้า
ใบหน้ามนภายใต้กรอบแว่นจึงเงยขึ้นมายกยิ้มอย่างมั่นใจ
“เดี๋ยวนายคอยดูก็แล้วกัน อะไหล่ชิ้นเล็กๆของชั้นน่ะ”
แล้วอีกห้าชั่วโมงหลังจากนั้น
อะไหล่ตัวเล็กๆของเซียวจ้านก็ได้รับการพิสูจน์อีกครั้งว่ามันได้ผล!
เพราะคนที่ชนะในสนามนี้คือสเลน
ทรอยยาร์ด!
“วิ่งผ่านธงตาหมากรุกไปแล้วครับสำหรับ
SF90
SLAINE! FERRARI WIN AGAIN!!”
เสียงประกาศก้องสนามท่ามกลางเสียงเฮอย่างบ้าคลั่ง
หวังอี้ป๋อยืนมองภาพทุกอย่างจากในพิตสีแดงและตอนนี้ทั้งสนามก็กำลังเต็มไปด้วยสีแดงหลังจากที่ลุ้นจนตัวโกงมาสองชั่วโมงเต็ม!
ลุ้นตั้งแต่รถของคะชูชนกับทีมคู่ต่อสู้ตั้งแต่ออกสตาร์ท
ลุ้นตั้งแต่เฟอร์รารี่ต้องทิ้งรถไว้ข้างหน้าเพียงคันเดียวโดยไม่มีใครคอยช่วยหรือป้องกัน
ลุ้นตั้งแต่โดนแซงไปตอนเข้าพิตเปลี่ยนยาง ลุ้นตั้งแต่มีอุบัติเหตุจนเซฟตี้คาร์ต้องออกมาวิ่ง
ลุ้นตั้งแต่จังหวะรีสตาร์ทที่รถของสเลนโดนเกี่ยวจนปีกหน้าฉีก
ลุ้นว่ารถที่เหลืออยู่คันเดียวนั่นจะไปได้ถึงไหน แต่จนแล้วจนรอด สเลน
ทรอยยาร์ดกับรถคันนั้นก็กัดฟันจนคว้าชัยชนะมาให้ม้าลำพองจนได้
เขายืนมองควันไฟสีแดงและแฟนๆที่แห่กันลงมาในสนาม
ธงม้าพยศผืนเท่าถนนโบกสะบัดอยู่เหนือหัวผู้คนที่ร้องเพลงฉลองชัยกันอย่างสนุกสนาน
เขายืนมองบรรยากาศแบบนั้นด้วยสายตาทึ่งๆ
แฟนๆของเฟอร์รารี่มีชื่อเรียกว่า
ทิโฟซี่...และตอนนี้เหล่าทิโฟซี่ก็กำลังดีใจยิ่งกว่าได้แชมป์โลกเสียอีก...การชนะในสนามนี้
ภายใต้ชุดสีแดง รถสีแดง มันเป็นอะไรที่สุดจริงๆ
เพลงชาติอิตาลีดังก้องเพื่อเป็นเกียรติให้แก่ทีมผู้ผลิตอย่างเฟอร์รารี่
เสียงร้องเพลงจึงยิ่งดังกว่าครั้งไหนๆ
เขามองเหล่าวิศวกรของม้าลำพองกอดคอกันอยู่หน้าโพเดี้ยมผ่านจอทีวีในพิต
เขาไม่ได้ตามเจ้ากระต่ายไป แต่แค่ได้เห็นใบหน้าดีใจจนน้ำตาไหลนั่นอยู่ตรงนี้มันก็ทำให้เขารู้สึกดีมากแล้ว...รู้สึกภูมิใจในตัวอีกฝ่ายจริงๆ
เสียงร้องเพลงฉลองชัยดังตั้งแต่ที่สนามมาจนถึงที่โรงแรม
นักบิดจากทีมยามาฮ่ายังคงเดินตามนักออกแบบรถของม้าลำพองไม่ห่าง
“นายเอายังไงต่อ?
จะกลับจีนเลยไหม?” จ้านเกอหันมาถามในขณะที่โกยข้าวของลงกระเป๋า
“ยังครับ
ผมต้องไปเอารถที่บ้านพี่ก่อน” เป้าหมายของเขาไม่ใช่แค่มาดูแข่งรถนี่นา จะกลับง่ายๆได้ไง
แล้วเขาก็ได้ค้นพบแล้วว่าการได้อยู่ใกล้ๆอีกฝ่ายนั้นมันสนุกมาก
“จริงด้วย
นายจอดทิ้งไว้”
และเพราะแบบนั้นอีกสองชั่วโมงให้หลัง
หวังอี้ป๋อจึงได้มาเดินเตร็ดเตร่อยู่ในบ้านสไตล์อิตาลีสีแดงอิฐที่มีกลิ่นกุหลาบหอมฟุ้งหลังนี้
ไม่สิ...นี่ไม่เรียกว่าเดินเตร็ดเตร่
เพราะการเดินเตร็ดเตร่จะต้องไม่ถือกรรไกรตัดหญ้าและสารพัดกรรไกรตัดกิ่งเอาไว้ในมือ!
“นี่...เมื่อไหร่นายจะกลับบ้าน?” เจ้าของบ้านยกขวดน้ำเย็นเฉียบมาให้
เขาจึงหยุดเอาคราดลากกิ่งไม้ออกมา ร่างสูงสง่ากระพือเสื้อยืดชื้นเหงื่อที่ใส่อยู่เพื่อระบายความร้อน
“จนกว่าผมจะตัดหญ้าหน้าบ้านพี่เสร็จ
พี่ปล่อยกุหลาบเถาพวกนั้นจนเหมือนป่าดงดิบได้ยังไง เชื่อเค้าเลยจริงๆ” เพราะคราวที่แล้วเขามาที่บ้านหลังนี้ตอนกลางคืนจึงไม่ได้เห็นว่าสภาพมันเป็นยังไง
แต่วันนี้มาถึงตอนเย็นเขาถึงได้เห็นว่ามันมีสภาพเหมือนสวนของปราสาทร้างไม่มีผิด กุหลาบเถาพันเกี่ยวจนหนาทึบ
หญ้าก็สูงท่วมหัวเข่า ต้นไม้แตกกิ่งก้านสาขากันตามใจชอบ สรุปว่ารกมาก รกที่สุด!
“เราควรปล่อยให้ต้นไม้ได้โตตามธรรมชาติสิ” แต่ก็ไม่ใช่กับกุหลาบเถาไหม?
ถ้าเป็นต้นไม้ใหญ่ก็ว่าไปอย่าง เจ้ากระต่ายพยายามแก้ตัวพลางมองลอดแว่นเหมือนพวกนักวิชาการ
“เอาน่า
เดี๋ยวผมช่วยพี่อาบน้ำเจ้าหมีนั่นด้วย อาบคนเดียวมันหนักใช่ไหมล่ะ?” เขาชี้ไปที่เจ้าตุ๊กตาหมีแพนด้ายักษ์ซึ่งนั่งหน้าโง่อยู่บนเก้าอี้ไม้หน้าบ้าน
“.....” ใบหน้ามนกรอกตาไปมาอย่างชั่งใจ
แต่เพราะตัวเองก็เกือบจะตายมาหลายรอบตอนต้องจับอาม่าอาบน้ำเลยจำใจต้องยอมรับน้ำใจของหวังอี้ป๋อ
นักบิดจากทีมยามาฮ่าหันกลับไปตัดแต่งกิ่งกุหลาบเถาต่อ
ทำให้สวนที่เคยรกครึ้มราวกับป่าดงดิบค่อยเหมือนสวนอิตาลีขึ้นมาหน่อย
ดวงตาคู่สวยภายใต้กรอบแว่นทอดมองร่างสง่าที่ใช้กรรไกรตัดหญ้าอย่างคล่องแคล่ว...บรรยากาศครอบครัวแบบนี้ช่างต่างกับเมื่อเช้าลิบลับเลยแหะ
แต่ไม่ว่าจะตอนไหนเขาก็ต้องขอบใจคนคนนี้ที่คอยช่วยเหลือเขา
หัวใจ...รู้สึกอุ่นๆไปด้วยคำขอบคุณ
มันเริ่มมีความรู้สึก
มันเริ่มมีใครอีกคนเดินเข้ามา...
เอาจริงๆเรื่องเหนื่อยที่สุดของวันนี้ก็คือการจับเจ้าหมียักษ์นั่นอาบน้ำนี่แหละ!
เหนื่อยกว่าขับรถไปเอาอะไหล่
เหนื่อยกว่าการลุ้นใจหายใจคว่ำตอนดูการแข่งขัน เหนื่อยกว่าการทำสวนเสียอีก
ใบหน้าหล่อเหลาทอดสายมองเจ้าแพนด้ายักษ์ที่นั่งตัวหอมฟูอยู่ปลายเตียงอย่างหมั่นไส้
ตอนแรกเขาก็สงสัยนะว่าตัวมันใหญ่ขนาดนี้ต้องตากเอาไว้กี่วัน?
ที่ไหนได้ในบ้านเจ้ากระต่ายดันมีเครื่องอบผ้ายักษ์ที่ทำขึ้นมาเพื่ออบเจ้าหมีนี่โดยเฉพาะ!
สุดยอดจริงๆเจ้าวิศวกรหัวกะทิของเขา...
ติ๊ง!
เสียงอีเมล์เข้า
มือใหญ่จึงเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือมาดู...อ่า...มาแล้วสินะ
ร่างสูงล้มตัวลงนอนกลิ้งบนเตียงข้างๆเจ้าหมีแพนด้าพลางตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์
ถึงจะเหนื่อยล้าจนตาแทบจะปิดแต่เขาก็ต้องรอเจ้าของห้องเข้ามาเสียก่อน
“ง่วงก็นอนไปสิ?” จ้านเกอเดินเช็ดหน้าเข้ามา
ดูเหมือนจะเริ่มชินกับการนอนเตียงเดียวกับเขาแล้วแหะ
ร่างโปร่งบางถึงได้ไม่ไล่ให้เขาลงไปนอนที่ห้องหนังสือข้างล่าง
“จ้านเกอ
รางวัลจากผม” เขากดส่งสิ่งที่เพิ่งได้รับมาเมื่อครู่ให้อีกฝ่ายทางโทรศัพท์
“รางวัล?” ใบหน้ามนทำหน้างง
“ก็ที่ทำรถชนะครั้งนี้ไง” ใบหน้าหล่อเหลาฉีกยิ้มจริงใจไปให้
เจ้ากระต่ายจึงตอบรับด้วยอาการเขินๆ
“อ่อ
อืม...ขอบใจ...” มือบางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาเปิดดู
เดี๋ยวนี้ของขวัญเค้าก็ให้ทางออนไลน์ได้แล้วสินะ? นิ้วเรียวจิ้มเปิดไฟล์ .pdf ที่แนบมาก่อนจะผงะไป
เพราะของขวัญที่ว่ามันเป็น....ตั๋วเครื่องบินไป-กลับ มิลาน-เมลเบิร์น พร้อมที่พัก..............
“ผมเตรียมที่พักกับคนขับรถไว้ให้พี่แล้วด้วย
ไม่ต้องห่วงอะไรเลย”
“....ที่พัก?”
“ที่เดียวกับผมไง” จะว่าไปก็ห้องเดียวกันเลยแหละ
“คนขับรถ?”
“ก็ผมไง”
“.........”
“นายนี่มันหมาป่าเจ้าเล่ห์จริงๆ!” ดีไซเนอร์ของเฟอร์รารี่ได้แต่อ้าปากพะงาบๆกับของขวัญที่มีแต่ได้ของอีกฝ่าย
ก็เมืองเมลเบิร์น ประเทศออสเตรเลียเนี่ย มันคือสนามต่อไปของ Moto GP ที่หวังอี้ป๋อลงแข่งไง!
“แต่พี่สัญญาแล้วนะว่าจะไปดูผมแข่ง” เจ้านักบิดจากทีมยามาฮ่าทำหน้าอ้อน
“ก็ตอนนั้นชั้นกำลังเดือดร้อน
นายก็ควรจะช่วยอย่างมีมนุษยธรรมสิ! แล้วแค่ไปดูนายแข่งก็ไม่ต้องพักที่เดียวกับนายก็ได้
ไม่ต้องให้นายคอยไปรับไปส่งก็ได้”
“ไม่ได้หรอก
พี่ไม่เคยออกนอกประเทศจีนหรืออิตาลีตามลำพังเลยนี่ อันตรายๆ
ถ้าผมไม่ดูแลพี่ให้ดีแล้วเกิดอะไรขึ้น ทีมบอสของพี่คงเอาผมตายอ่ะ จริงไหม?”
“ก็!.........” ใบหน้าภายใต้กรอบแว่นทำหน้าง้ำอย่างเถียงไม่ออก
อย่าว่าแต่นอกประเทศจีนหรืออิตาลีเล้ย ขนาดอยู่ในจีนหรือในอิตาลี
เขายังมีปัญหาตลอด! การใช้ชีวิตตามลำพังไม่ใช่งานถนัดของเขาจริงๆนั่นแหละ!
“ฮึ่ม...ก็ได้
ลูกผู้ชายพูดแล้วไม่คืนคำ! แต่ถ้านายทำอะไรชั้นละก็ ทีมบอสของชั้นก็เอานายตายเหมือนกัน!”
ฟันกระต่ายถูกแยกเขี้ยวข่มขู่แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มร่ารับ
มือบางจึงดันลำตัวหนาให้กลิ้งไปอีกฝั่งของเตียงอย่างนึกหมั่นไส้
“นอนได้แล้ว!
แล้วก็ห้ามเอาอาม่าไปวางข้างเตียงนะ!”
ร่างโปร่งบางล้มตัวลงนอนโดยมีแพนด้ายักษ์กั้นเอาไว้
แต่คืนนี้เขาน่าจะปลอดภัยเพราะไม่ทันไรหวังอี้ป๋อก็หลับเป็นตายไปแล้ว...
ร่างโปร่งบางขยับมาพาดตุ๊กตาหมีแพนด้าก่อนจะนอนมองใบหน้าหล่อเหลาที่หลับใหล...ทำไมคนระดับนี้ถึงมาชอบเขาได้นะ?
ไม่เข้าใจเลยจริงๆ?
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be con.
วันนี้มีภาพในพิตการาจของเฟอร์รารี่มาให้ดูค่ะ
ฮี่ๆๆ
Cr.
IG scuderiaferrari
ตรงกลางที่มีจอมอนิเตอร์เยอะๆนั่นแหละค่ะที่ที่จ้านเก้อยืนทำงาน
พวกวิศวกรเค้าจะยืนเช็คข้อมูลต่างๆกันอยู่ตรงนี้ อันนี้เป็นมุมที่ถ่ายจากด้านในออกไปด้านนอกพิตนาคะ
ซึ่งในพิตการาจของแต่ละทีมก็จะแตกต่างกันไปตามดีไซน์ของแต่ละทีมค่ะ
พิตที่จะแดงเถือกทุกสิ่งอย่างแบบนี้มีแค่เฟอร์รารี่ค่ะ 555
นอกจากนี้ด้วยความอยากเห็นพี่จ้านในชุดวิศวกรของม้า ก็เลยตัดต่อซะะะะ 5555
เนี่ย ลุคปุ๊กปิ๊กเนิร์ดๆแบบนี้นี่แหละ >/////< น่ารักเน้อออออ ลำตัวอ่ะของยัยมาดามค่ะ หุ่นเข้ากันได้ซะงั้น ทั้งๆที่ตัวจริงนี่ไม้กระดานกับยอดเขาหิมาลัยมาก ก๊ากกกก // ใครไม่รู้ว่าคุณกวางพูดถึงอะไรแปลว่าคุณเป็นคนดีมีจิตใจเป็นกุศลแร้วค่ะ ไม่ต้องหาคำตอบนะคะ 5555+
แล้วเจอกันตอนหน้าน้า หายไปซะนานเลยเรื่องนี้ ^ ^a
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น