อี้จ้าน Au.Fic [หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน] JUNE : 12
:
อี้จ้าน Fanfiction Au
:
หวังอี้ป๋อ x เซียวจ้าน
:
Warmhearted Romantic
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
: เนื้อเรื่องต่อไปนี้เป็นเพียงจินตนาการของผู้เขียน
ไม่ใช่เรื่องที่เกิดขึ้นจริงนะคะ
ติ๊ง!
เสียงเตือนที่ดังมาจากมือถือทำให้ใบหน้าหล่อเหลาของหวังอี้ป๋อหันไปมองโทรศัพท์ที่ถูกโยนไว้บนกองเสื้อนอก
มือใหญ่ที่กำลังใช้ผ้าขนหนูซับเหงื่อบนใบหน้าเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มาดู...เป็นข้อความจากบริษัทส่งของ
“สั่งอะไรมาวะ” หยางเกอทิ้งตัวนั่งลงข้างๆก่อนจะเอ่ยทักเมื่อเหลือบไปเห็นข้อความบนหน้าจอมือถือของเขา
เดี๋ยวนี้ใครๆก็สั่งของออนไลน์กันทั้งนั้น ข้อความแบบนี้ทุกคนก็เลยรู้จัก
“เปล่า
เอ่อ ก็แค่ เสื้อผ้า....” สายตาเฉยชาจ้องมองข้อความว่าของมาส่งที่บ้านเรียบร้อยแล้วก่อนจะตอบคำถามหยางเกอด้วยน้ำเสียงอึกอัก
“เห๋....ดูมีพิรุธนะนายเนี่ย?
บอกมา! สั่งอะไรน่าสงสัยมาใช่ไหม?!” มือใหญ่ลดโทรศัพท์ลงก่อนจะหันไปยิ้มกลบเกลื่อน
ที่ขมับเหมือนมีเหงื่อแตกพลั่ก
“ไม่มีอะไร” เขายิ้มกว้างให้หยางเกอเกอ
แต่เพราะคนอย่างหวังอี้ป๋อยิ้มนี่แหละเลยยิ่งดูน่าสงสัยไปกันใหญ่
“เป็นเด็กเป็นเล็กริอาจโกหกพี่ใหญ่เร๊อะ!” คนเป็นรุ่นพี่ล็อคคอเขา
จากตอนแรกที่ไม่ได้อยากรู้อะไรจริงจังนัก ตอนนี้เลยกลายเป็นว่ามันน่าสงสัยสุดๆ
แต่หัวสีน้ำตาลก็ส่ายปฏิเสธโดยไม่ยอมพูดอะไร
แหงละ ถ้าความแตกว่าเขาสั่งอะไรมามีหวังได้รู้กันทั้งโรงเรียนแน่ๆว่าเขาไม่โสดแล้ว
“หายเหนื่อยกันแล้วสินะ
ถ้างั้นก็มาซ้อมต่อ!”
แล้วก็ราวกับมีเสียงสวรรค์ดังมาจากเจ๊ลิลลี่
หญิงสาวปรบมือเรียกให้ทุกคนลุกเตรียมซ้อมเต้นต่อ เขาจึงรีบหนีจากหยางเกอที่ยังทำหน้าสงสัยไม่หาย
“รอบสุดท้ายแล้ว
ตั้งใจกันหน่อย!”
เสียงของหญิงสาวหนึ่งเดียวในทีม Fire Dragon
ตะโกนลั่นห้องซ้อม
ทุกคนในทีมต่างเข้าประจำตำแหน่งและทันทีที่ปลายนิ้วซึ่งทาเล็บสีสันสดใสกดลงไปที่ปุ่มเล่นเพลง
การซ้อมเต้นรอบสุดท้ายของวันนี้ก็เริ่มขึ้น
จะบอกว่าเป็นรอบสุดท้ายของวันนี้อย่างเดียวก็ไม่ถูกนัก
เพราะมันเป็นการซ้อมเต้นรอบสุดท้ายก่อนที่จะแข่งรอบแรกด้วย...พรุ่งนี้ก็ถึงวันแข่งแล้ว
สมาชิกทั้ง
7 คนต่างเคลื่อนไหวไปตามจังหวะที่ซักซ้อมกันมาเป็นอย่างดี
แขนขาที่สะบัดออกมาด้วยความแข็งแรงและพร้อมเพรียงทำให้ดูน่ามอง
องศาของท่าที่เท่ากันเป๊ะทำให้รู้ว่าพวกเขาซ้อมมามากแค่ไหน ถึงจะต้องทำกันเองทุกอย่างและมีสมาชิกแค่นี้แต่ก็นับได้ว่าแต่ละคนนั้นเป็นระดับพรีเมี่ยมเลยทีเดียว
“ฮุ้ว~
โอเค! ฉันว่ามันโอเคมากๆ!
วันพรุ่งนี้ก็ทำให้ได้แบบนี้ล่ะ!” เจ๊ลิลลี่ตะโกนหลังจากที่เพลงจบลง
ฝ่ามือไล่ตบกับมือของสมาชิกแต่ละคนก่อนที่ทั้งห้องจะเต็มไปด้วยเสียงโหวกเหวกตามประสาเด็กสตรีทแดนซ์
“ไม่มีใครลืมอะไรแล้วใช่ไหม?
พรุ่งนี้เจอกันตอนบ่ายนะ”
ประตูห้องซ้อมปิดลง พวกเขาแยกย้ายกันกลับบ้าน
ส่วนใหญ่จะเดินไปทางเดียวกันมีเพียงจางมี่ถงที่แยกไปตามลำพัง
ร่างผอมบางของจางมี่ถงเดินไปตามถนนที่เงียบสงัดและเพราะว่ามันไม่พลุกพล่านนานๆทีจะมีรถผ่านมาสักคัน
เขาจึงสังเกตเห็นความผิดปกติได้ในไม่ช้า
มีรถคันหนึ่งขับตามเขามา...
“........” ร่างผอมบางเลี้ยวซ้าย
รถคันนั้นก็เลี้ยวซ้าย เขาเลี้ยวไปทางขวา รถคันนั้นก็เลี้ยวขวา...
และเพื่อให้แน่ใจเขาจึงหยุดยืนอยู่กับที่
ยืนอยู่แบบนั้นหลายนาที รถสีเงินคันนั้นก็หยุดตามจริงๆด้วย
ใบหน้าสวยถึงกับกัดฟันกรอด ร่างเพรียวหันกลับก่อนจะเดินดุ่มๆไปที่รถคันนั้น
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาถูกตามและคนตามก็ไม่ได้ปกปิดตัวตนใดๆ
อีกฝ่ายตามให้เขาเห็นจะๆราวกับจะกดดันกันเสียมากกว่าและวันนี้เขาก็หมดความอดทนแล้ว!
มือเรียวกระชากเปิดประตูก่อนจะตะโกนใส่หน้าคนที่นั่งไขว่ห้างอยู่ที่เบาะหลังอย่างเหลืออด
“เลิกสะกดรอยตามฉันซักที!
นายบ้าไปแล้วรึไง?!” ไป๋หลี่จวินยกยิ้มมุมปากอย่างไม่สะทกสะท้านกับคำด่าและการกระทำอันคุกคามของตัวเอง
“ฉันไม่ได้บ้า
ฉันแค่ป้องกันคนบ้าอย่างนายจะไปหาเรื่องอะไรเพื่อนของฉันอีก” เสียงทุ้มเอ่ยออกมาจากใบหน้าคมคาย
สายตาที่แสดงความเหนือกว่าทำให้ฝ่ามือบางถึงกับกำแน่น เขาเกลียดหมอนี่ ไม่สิ
เขาเกลียดพวกแก๊งเจ้าชาย เกลียดพวกที่เกิดมาก็มีทุกอย่างโดยไม่ต้องพยายามอะไรแล้วยังใช้สิ่งที่ปู่ย่าตายายสร้างไว้ให้มาข่มเหงพวกเขาอีก
ใบหน้าสวยจ้องหน้าอีกฝ่ายราวกับจะกินเลือดกินเนื้อและยิ่งไป๋หลี่จวินเพียงแค่ยกยิ้มสบายๆตอบกลับมาราวกับไม่เคยเห็นเขาอยู่ในสายตามันก็ยิ่งน่าโมโห
สองมือต้องกำแน่นเข้าหากันอย่างระงับโทสะ
“......ฉันไม่ได้ทำ” เขาตอบออกไปด้วยเสียงกดต่ำ
พยายามจะไม่สนใจเจ้าชายไร้มารยาทตรงหน้า
“แต่นายอาจจะทำ” ประโยคที่ไม่เคยรักษาน้ำใจชนชั้นที่ต่ำกว่าถูกเอ่ยออกมาและมันก็ทำให้เขาถึงกับเลือดขึ้นหน้า
“นายนี่มันน่ารำคาญที่สุด!
ไปให้พ้น!” เขาตะโกนใส่หน้าและตั้งใจว่าจะเดินหนีออกมา ทว่า
มือใหญ่กลับจับข้อมือของเขาเอาไว้ ร่างผอมบางถูกกระชากเข้าไปจนใบหน้าห่างกันแค่คืบ
“ฉันจะไม่ไปไหนจนกว่าจะแน่ใจว่านายจะไม่คิดร้ายต่อเซียวจ้าน” ทายาทตระกูลไป๋พูดกับเขาด้วยน้ำเสียงเย็นๆ
อีกฝ่ายจ้องหน้าเขาอย่างกดดันและเพราะอยู่ใกล้กันแค่นี้เขาจึงต้องเบือนหน้าหนี
“ฉันไม่เคยทำอะไรหมอนั่นเลยนะ
ไม่อยากจะยุ่งด้วย!” มีใครในโรงเรียนไม่รู้บ้างว่าเซียวจ้านอันตรายขนาดไหน
ใครจะไปอยากยุ่งด้วย แต่ถึงยังไงเขาก็ต้องเถียงเพราะไป๋หลี่จวินล้ำเส้นมากเกินไปแล้ว
“แต่นายทำกับหวังอี้ป๋อ
และมันจะส่งผลกระทบมาถึงเพื่อนฉันด้วย”
เส้นที่ขมับถึงกับเดือดปุดๆเมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมลดราวาศอก
“นายเป็นบ้าไปแล้วใช่ไหม?
นายว่างมากถึงขนาดมาคอยตามดูทุกคนที่วุ่นวายกับเพื่อนของนายเลยงั้นซิ?!”
“ใช่
ถ้าเพื่อเซียวจ้าน ฉันทำได้อย่างที่นายบอก อ้อ แต่ฉันไม่ได้ตามเองทุกคนหรอกนะ
ฉันน่ะ ตามเฉพาะพวกตัวอันตรายอย่างนายต่างหาก”
ปึง!!
เขาสะบัดแขนตัวเองออกมาก่อนจะปิดประตูรถใส่หน้าไป๋หลี่จวิน
อารมณ์ที่มักจะสะกดกลั้นได้เป็นอย่างดีมักจะถูกเจ้าชายปีศาจคนนี้กวนให้ขุ่นเคืองทุกทีไป
เขาเกลียดหมอนี่ เขาเกลียดหมอนี่จริงๆนั่นแหละ!
“อยากจะทำอะไรก็ทำไป!” เขาตะโกนใส่ก่อนจะรีบวิ่งหนีไป
เขาไม่เข้าใจผู้ชายคนนี้เลยจริงๆ ปากก็บอกว่าเซียวจ้านเป็นแค่เพื่อน
แต่กลับลงทุนทำให้เพื่อนกับคนรักของเพื่อนขนาดนี้เลยเหรอ?
มันจะมีคนแบบนั้นอยู่บนโลกจริงๆน่ะเหรอ? เขาไม่เชื่อ เขาไม่เชื่อหรอกว่าไป๋หลี่จวินไม่ได้คิดอะไรกับเซียวจ้านเลยจริงๆน่ะ
มือใหญ่ของหวังอี้ป๋อโบกให้กับกลุ่มรุ่นพี่ที่เดินไปอีกทาง
ถึงเขาจะแยกกับทุกคนแล้วเดินมาตามทางที่ใช้กลับบ้าน
แต่เขากลับเดินผ่านหน้าอพาทเม้นต์ของตัวเองไป
เขาไม่ได้แวะไปที่ห้องของเจ้าเหมียวเพราะรู้ว่าไม่มีใครอยู่
สองขาเดินต่อไปแล้วมาหยุดอยู่หน้าโรงเรียนจนได้
อาคารเรียนที่ควรจะมืดสลัวกลับมีตึกหนึ่งที่เปิดไฟสว่าง
สปอร์ตไลท์ฉายสาดไปที่ผนังตึกด้านหนึ่งซึ่งถูกทาสีใหม่และตอนนี้มันก็กำลังถูกเพ้นท์เป็นลวดลายอยู่
โดยเจ้าเหมียวของเขาเอง...
ร่างโปร่งบางนั่งอยู่บนนั่งร้าน
หูทั้งสองข้างเสียบหูฟังเอาไว้จึงไม่รู้ตัวเลยว่าเขามาหา
มือบางกำลังวาดรูปโบสถ์แห่งหนึ่งตามลายเส้นที่ฉายขึ้นไปจากโปรเจคเตอร์
เป็นเพราะต้องวาดรูปนั้นลงไปบนผนังตึกสี่ชั้น เพื่อไม่ให้รูปผิดสเกล
เจ้าเหมียวจึงฉายรูปที่สเก็ตเล็กๆเอาไว้ก่อนลงไปบนผนังโดยใช้โปรเจคเตอร์ช่วยขยาย
เขาเดินไปยังคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมโปรเจคเตอร์ตัวนั้นอยู่
ก่อนจะปิดรูปนั้นลงจากหน้าจอ เจ้าเหมียวจึงหันควับกลับมาทันที
“เจ้าโฮ่ง
มาแล้วเหรอ?” มือบางดึงหูฟังออกจากสองหู
“กินข้าวรึยัง?” เขาถามคนที่ยังนั่งอยู่บนนั่งร้าน
“กินแล้ว” เจ้าเหมียวตอบ
“กินแล้วแน่นะ?”
เขาไม่ค่อยเชื่อเจ้าเหมียววายร้ายที่ไม่ค่อยจะยอมกินข้าวกินปลาในเวลาที่วาดรูปเพลินแบบนี้
“กินแล้วจริงๆ
นายบอกให้หลี่จวินมานั่งเฝ้าฉันกินข้าวแทนนายใช่ไหมล่ะ? หึ!
ฉันไม่ใช่เด็กสามขวบนะ แล้วก็เปิดโปรเจคเตอร์ได้แล้ว ฉันจะวาดรูปต่อ” ใบหน้าหล่อเหลาถึงกับส่ายไปมา
ไม่ใช่เจ้าเหมียวสามขวบยังไง?
แล้วที่เขาต้องคอยป้อนข้าวป้อนน้ำอยู่ทุกวี่ทุกวันนี่คืออะไรล่ะครับ?
ร่างสูงชะลูดก้าวขาคร่อมม้าหินอ่อนก่อนจะนั่งลงไป
เขามองหน้าจอโน้ตบุคอย่างนึกสนุก แทนที่จะเปิดรูปโบสถ์ขึ้นมาเขากลับเลื่อนเม้าไปเปิดโปรแกรมเพ้นท์แทน
“ทำอะไรเนี่ยเจ้าโฮ่ง?”
เจ้าเหมียวแทบจะหันมาแยกเขี้ยวใส่เมื่อเขาไม่ยอมเปิดรูปสเก็ตสักที
“เถอะน่า...”
เขาอมยิ้มก่อนจะลงมือลากเม้าเพื่อวาดเป็นรูปออกมา
“หันไปมองผนังสิ” เขาบอกเจ้าเหมียว
ใบหน้ามนจึงหันกลับไปมองที่ผนังตึกสีขาว
ถึงจะโย้เย้ไปบ้างเพราะเขาไม่เคยใช้เม้าวาดรูป แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ดูออกว่าเส้นที่กำลังค่อยๆลากไปนั้นเมื่อมันบรรจบกันแล้วมันจะกลายเป็นรูปอะไร
เจ้าเหมียวถึงกับยิ้มเขินๆก่อนจะหันมามองเขาแล้วยู่หน้าอย่างหมั่นเขี้ยวให้อีกที
ใบหน้ามนหัวเราะน้อยๆแล้วหันกลับไปมองรูปนั้นใหม่พร้อมรอยยิ้มหวาน
รูปหัวใจหนึ่งดวงกางอยู่เต็มผนัง...
นอกจากนั้นเขายังเติมจุดลงไปที่ด้านขวาล่างของหัวใจอีกด้วย...
เจ้าเหมียวหันมาทำหน้าสงสัยว่านั่นคือจุดอะไร
เขาเลยเอานิ้วจิ้มที่มุมปากตัวเองเพื่อสื่อว่าจุดนั่นหมายถึงไฝเล็กๆที่มุมปากของเจ้าเหมียวและหัวใจดวงนั้นเขาไม่ได้ให้ใครนอกจากคนที่มีไฝที่มุมปากคนนี้
เจ้าเหมียวถึงกับหน้าแดง
นี่ถ้าอยู่ใกล้ๆคงได้ฟาดเขาด้วยความเขินไปแล้ว
เขาเงยหน้ามองใบหน้าน่ารักนั่นพลางยิ้มกว้าง
“เจ้าโฮ่งบ้า...เปิดรูปได้แล้ว...เดี๋ยวก็ไม่ได้กลับบ้านกันพอดี...” เขามองรอยแดงที่ลามไปจนถึงใบหูของเจ้าเหมียวก่อนจะหัวเราะอย่างสุขใจ
มือใหญ่เปิดรูปให้อีกฝ่ายทำงานต่อโดยมีเขานั่งเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
ก่อนหน้านี้รอบๆตัวพวกเราเคยมีแต่ความเงียบ แต่ตอนนี้กลับมีเสียงพูดคุยของเราสองคนเข้ามาแทน
ก็ไม่ใช่ตัวคนเดียวแล้วนี่นะ
มือใหญ่ไขกุญแจบ้านก่อนจะเดินเข้าไป
เขาคงต้องกลับดึกแบบนี้อีกสักพักจนกว่าเจ้าเหมียวจะวาดรูปบนผนังตึกนั่นเสร็จ
ผู้อำนวยการโรงเรียนนี่ก็แปลก ถ้าอยากได้รูปวาดก็ไปหาจิตรกรมืออาชีพสักคนมาวาดสิ
จะให้เจ้าเหมียววาดทำไม หรืออีกทีก็อาจจะเพราะผลประโยชน์อะไรบางอย่างละมั้ง?
มีรูปวาดของคุณชายเซียวอยู่บนผนังตึกเรียนอาจจะเอาไปโฆษณาอะไรได้?
เขาโยนกระเป๋าลงไปบนเตียงอย่างไม่ใส่ใจ
ก๊อกๆ
เป็นเสียงเคาะประตูมากกว่าที่เขาสนใจ
เขาหันไปมองแม่ที่กำลังเปิดประตูเข้ามาพร้อมกับกล่องใบหนึ่ง
“อี้ป๋อ
มีของมาส่งแน่ะลูก”
“ครับ” ผู้เป็นแม่ยื่นกล่องขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือนิดหน่อยมาให้
“ของอะไรของลูกเนี่ย?
ทำไมคราวนี้กล่องเล็ก? ปกติเสื้อผ้าที่สั่งมามีแต่ตัวโคร่งๆกล่องใหญ่ๆทั้งนั้น?” ผู้เป็นแม่มองกล่องนั่นอย่างสงสัย
เขาจึงยิ้มกลบเกลื่อนพร้อมกับดันแผ่นหลังของมารดาออกไป
“ไม่มีไรน่าแม่
ก็แค่...เอ่อ...เครื่องประดับ....”
แม่พยักหน้าหงึกๆถึงจะยังสงสัยแต่เขาก็ปิดประตูใส่ไปแล้ว
ร่างสูงชะลูดกลับไปยืนมองกล่องที่วางอยู่ปลายเตียงพลางถอนหายใจ
ดวงตาเฉยชามองมันอยู่พักใหญ่ก่อนจะตัดสินใจแกะกล่องนั่นออกมา
เขาถือถุงกระดาษที่ซีลอย่างดีก่อนจะเดินออกจากห้องของตัวเอง...เอาไว้ที่นี่ไม่ดีแน่
ถ้าแม่มาค้นเจอเข้าคงปวดหัว เขายังไม่อยากให้ความแตกตอนนี้ ขี้เกียจอธิบาย
เพราะงั้นเอามันไปเก็บไว้ในที่ที่ปลอดภัยดีกว่า
“ไปบ้านจ้านจ้านอีกแล้วเหรอ?
จะกลับมานอนนี่หรือเปล่า?”
แม่ที่ยังนั่งเย็บผ้าอยู่ที่โต๊ะกินข้าวโผล่หน้ามาถามเมื่อเห็นว่าเขากำลังจะปีนระเบียงหลังห้อง
แม่รู้จักเจ้าเหมียวและแม่ก็ชินแล้วที่เขาหายหัวไปอยู่ที่ห้องฝั่งตรงข้ามนั่นเป็นวันเป็นคืน
“ไม่กลับ” เขาตะโกนบอก แม่จึงตะโกนไล่หลังมา
“อย่าตื่นสายอีกล่ะ!”
มือใหญ่เปิดประตูระเบียงหลังห้องของเจ้าเหมียวก่อนจะเดินเข้าไป
ดวงตากวาดมองเตียงกว้างที่ยังว่างเปล่า...เจ้าเหมียวยังไม่นอนอีก?
“เจ้าเหมียว?
มัวทำอะไรอยู่ ทำไมยังไม่นอน?” เขาชะโงกหน้าเข้าไปในห้องนั่งเล่นเพื่อมองหาเจ้าเหมียวตัวดี
อย่าบอกนะว่ามัวแต่วาดรูปอีก นี่มันห้าทุ่มกว่าแล้วนะ
“หื๋อ?
เจ้าโฮ่ง?” คนที่นอนอยู่ที่โซฟาผงกหัวขึ้นมามองเขา
และเมื่อเขาเห็นสภาพของอีกฝ่ายเท่านั้นแหละ
“พรูด~
ฮ่าๆๆๆๆๆ ทำอะไรของนายเนี่ยเจ้าเหมียว”
ร่างสูงชะลูดถึงกับทรุดลงไปหัวเราะจนตัวงอ
ก็ใบหน้าใสนั่นกำลังแปะกระดาษมาร์คหน้าเอาไว้ แถมยังใช้ผ้าคาดผมรูปมินนี่เม้าอีก
ฮ่าๆๆ น่ารักเสียไม่มีละ
“จะ
ขำ อะ ไร นัก หนา~~”
เจ้าเหมียวลุกมายืนใกล้ๆก่อนจะใช้สองมือดึงแก้มที่ขึ้นเป็นก้อนของเขาไปมา
“ฉันคงต้องมาร์คหน้าให้นายบ้างแล้วสิเจ้าโฮ่ง
ถึงหน้านายจะหนายังไงก็ไม่ควรปล่อยให้หยาบกร้านนะ”
คำพูดจิกกัดทำเอาเขาหมั่นเขี้ยวจนต้องตีตูดเจ้าเหมียวไปทีนึง ร่างโปร่งบางหัวเราะร่วนที่เอาคืนเขาได้ก่อนจะเดินหายเข้าห้องน้ำไป
เขาส่ายหน้าพลางเดินกลับมาที่ห้องนอนของเจ้าเหมียว
มือใหญ่เปิดลิ้นชักโต๊ะข้างเตียงก่อนจะแอบเอาถุงกระดาษใส่ของที่สั่งซื้อมาไปซุกไว้ในนั้น
“นายเอาอะไรมาซุกไว้ตรงนั้นน่ะเจ้าโฮ่ง?” ไหล่เขาสะดุ้งน้อยๆเมื่อเจ้าเหมียวเดินผ่านมาเห็นเข้าพอดี
ทำไมเอามาร์คออกไวแบบนี้ละเฟ้ย
ใบหน้าหล่อเหลาถอนหายใจเบาๆ
ปิดบังไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงหันไปบอกหน้าตายพร้อมกับหยิบของในถุงกระดาษออกมาให้ดู
“ถุงยาง...กับเจลหล่อลื่น”
“......?!!!” เจ้าเหมียวผงะไปพร้อมกับสีแดงฉาบไล้สองแก้มใสอย่างรวดเร็ว
เจ้าเหมียวอ้าปากพะงาบๆเหมือนอยากจะพูดอะไรเขาเลยตัดบทมันดื้อๆ
“ยังไงก็ต้องใช้
เตรียมไว้ดีกว่าน่า...
Sex ก็เป็นเรื่องธรรมชาติของคนเป็นแฟนกันไม่ใช่รึไง” เจ้าเหมียวเม้มปากทำแก้มป่องหูเหอแดงไปหมด
ยิ่งเขินกับเรื่องแบบนี้ก็ยิ่งน่ารัก เขายิ้มกว้างให้ด้วยท่าทางกวนๆกลบเกลื่อนความเขินที่ตัวเองก็มีอยู่เหมือนกัน
“.......เจ้า...เจ้าโฮ่งบ้า…” ใบหน้ามนก้มงุดด้วยความอาย
สายตาแอบเหลือบมองของในลิ้นชักก่อนจะรีบเสหน้าหนีด้วยความเขิน
เจ้าเหมียวหมุนตัวกระโดดออกจากห้องไป
ถึงจะเขินอายแต่ก็ไม่ได้บอกให้เขาเอาของพวกนั้นไปทิ้งแต่ยังให้ใส่ไว้ที่เดิม
นั่นหมายความว่าเจ้าเหมียวยอมรับเรื่องที่เราจะมีอะไรกันสินะ
เขาทอดสายตามองแผ่นหลังโปร่งบางที่กลับไปนั่งวาดรูปก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่
เขาหันกลับมาเก็บของในมือเพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ
มือใหญ่ซุกมันไว้ที่เดิมก่อนจะปิดลิ้นชักเข้าที่
ดวงตาของเขาเหลือบไปเห็นขวดยาของเจ้าเหมียวที่วางอยู่บนนั้นพอดี...หื๋อ?...ทำไมมันเหลือครึ่งขวดเองล่ะ?
มือใหญ่หยิบขวดยาสีชามาพลิกดู
เขามาที่นี่แทบทุกวันไม่มีทางจำผิดแน่
ยาขวดนี้เขาเพิ่งแกะให้เจ้าเหมียวไปเมื่ออาทิตย์ก่อนเอง มันไม่น่าจะลดลงไปไวขนาดนี้
“เจ้าเหมียว
ยานายหายไปไหนหมดเนี่ย ทำไมเหลือแค่นี้?”
เขาชะโงกหน้าไปถามคนที่นั่งวาดรูปอยู่
“.....ฉันทำขวดตก
ยาเลยหล่นลงพื้น ก็เลยเอาไปทิ้ง”
เจ้าเหมียวตอบโดยไม่มองมาทางเขาแต่ยังจับจ้องเฟรมผ้าใบต่อไป
เขาจึงพยักหน้าอย่างไม่ติดใจอะไร
“อย่าลืมไปเอายามาเพิ่มจากที่โรงพยาบาลด้วยล่ะ” เจ้าโฮ่งตะโกนบอกหลังจากที่ผลุบหายเข้าไปในห้องนอนแล้ว
ดวงตากลมโตที่พยายามบังคับให้จับจ้องอยู่ที่ผืนผ้าใบจึงค่อยๆเหลือบมองไปยังประตูห้องนอน
มือที่ถือพู่กันอยู่ค่อยๆลดลงจนวางอยู่บนหน้าตัก
เขาโกหก...
ยาพวกนั้นเขาไม่เคยทิ้งไปแม้แต่เม็ดเดียว...
แต่ที่มันลดลงไปไวขนาดนี้นั่นก็เพราะว่าเขาต้องใช้มันมากขึ้นเรื่อยๆ
จากที่เคยกินแค่เม็ดเดียวแต่ตอนนี้มันไม่ใช่...
เขาเริ่มมีอาการดื้อยา
เขารู้ตัวเองดีว่ายากำลังจะเอาไม่อยู่อีกต่อไป เขาคงยื้อไว้ได้อีกไม่นานแล้ว...
เงาร่างสูงยาวทาบทับลงมาบนเงาของเขาทำให้หลุดออกมาจากภวังค์
เจ้าโฮ่งนั่งลงข้างๆเขาจึงหันไปพูดกับอีกฝ่าย
“พรุ่งนี้นายแข่งไม่ใช่เหรอ?
ไปนอนก่อนสิ ฉันวาดตรงนี้อีกหน่อยก็จะไปนอนแล้ว”
เจ้าโฮ่งมองรูปที่เขาวาดค้างเอาไว้ด้วยใบหน้าอมยิ้ม...มันเป็นรูปของหวังอี้ป๋อที่กำลังนั่งหันข้างพิงอยู่บนสกูตเตอร์ท่ามกลางทุ่งดอกไม้
เพียงแต่มันไม่ใช่เรพซี้ดสีเหลือง แต่กลับเป็นดอกไม้อะไรสักอย่างที่มีสีแดง
“ไม่ใช่เรพซี้ดเหรอ?” ใบหน้าคมถามออกมาอย่างสงสัย
“เปล่า นี่คือดอกซัลเวีย” เสียงนุ่มเอ่ยบอก หวังอี้ป๋อทอดสายตามองดอกไม้ที่เป็นช่อสูงซึ่งล้อมรอบตัวเขาอยู่
ในภาพวาดของเจ้าเหมียวเป็นเนินเขาที่มีแต่ดอกไม้สีแดงนี้ แล้วจู่ๆเจ้าเหมียวก็เอนหัวมาซบไหล่เขาแล้วพูดเบาๆว่า
“นายรู้รึเปล่า
ภาษาดอกไม้ของดอกซัลเวียสีแดง?” เขาส่ายหน้า เรื่องละเอียดอ่อนอย่างภาษาดอกไม้นี่เขาไม่เข้าใจหรอก
เจ้าเหมียวหัวเราะในลำคอเบาๆก่อนจะแตะปลายนิ้วลงไปบนตัวเขาในภาพวาด
“เป็นของฉันตลอดไป...นั่นแหละความหมายของมัน” ดวงตาคมนิ่งค้างหลังจากฟังเสียงนุ่มเอ่ยออกมาจนจบประโยค
เขาถึงกับร้อนไปทั้งตัว
เป็นของฉันตลอดไป...
ตุบ...
เขากดเจ้าเหมียวลงบนพื้นพรมหนาอย่างอดใจไม่ไหวอีกต่อไป
ดวงตาคมกล้าจ้องมองลึกลงไปในดวงตากลมโตด้วยความรักและความปรารถนาที่เอ่อล้นออกมา
มือใหญ่ที่จับข้อมือผอมบางกดไว้ค่อยๆเลื่อนไล้จนปลายนิ้วทั้งห้าสอดประสานกับนิ้วเรียวจนแนบแน่น
สายตายังคงจ้องมองซึ่งกันและกัน
ใบหน้าของเขาราวกับมีแรงดึงดูดจากดวงตาสวยคู่นั้นให้ค่อยๆโน้มตัวลงไป
คนที่นอนอยู่ข้างใต้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะหลบเลี่ยง
เขาเอียงคอเล็กน้อยเมื่อเริ่มรับรู้ถึงลมหายใจของอีกฝ่าย
กลีบปากน่าหลงใหลนั่นอยู่ใกล้แค่คืบ...
ค่อยๆขยับลงไป...เข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆ...เรื่อยๆ....
จนริมฝีปากของเขาแนบชิดกับกลีบปากนุ่ม...
จุมพิตหอมหวานแนบอยู่เนิ่นนาน...
เพื่อส่งผ่านทุกความรู้สึกที่มีอยู่ในใจให้กันและกัน
ถึงแม้จะไม่ได้ล่วงล้ำด้วยราคะ แต่สัมผัสที่มีให้กลับเต็มไปด้วยความรักและอ่อนโยน
เขาละออกมาก่อนจะมองใบหน้าของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างด้วยสายตาลึกซึ้ง
“เป็นของนายตลอดไป” เสียงทุ้มเอ่ยหนักแน่นจนคนข้างใต้มองกลับมาด้วยนัยน์ตาสั่นพร่า
เจ้าเหมียวยิ้มให้เขา มันเป็นรอยยิ้มที่หวานจนเขาไม่ต้องกินน้ำตาลอีกแล้วก็ได้ในชาตินี้
ใบหน้าคมก้มลงไปจรดริมฝีปากที่ซอกคอขาวซึ่งขยับเอียงรับให้
กลิ่นหอมอันเป็นเอกลักษณ์ลอยมาแตะจมูกชี้ชวนให้ยิ่งลุ่มหลง เพราะฉะนั้นทั้งต้นคอ
กกหู ลาดไหล่ จึงไม่มีพื้นที่ตรงไหนบนคอเจ้าเหมียวที่รอดพ้นริมฝีปากของเขาไปได้
กลีบปากพรมจูบอย่างละมุนละไมจนได้ยินเสียงครางเครือในลำคอ
ดวงตาคู่โตปิดลงอย่างเคลิบเคลิ้ม เขาจึงไล่จูบไปที่ซอกคออีกข้างอย่างไม่รีบร้อน เขาไม่ได้ปล่อยให้บรรยากาศพาไปแต่ตั้งใจจะทำจริงๆ...ทำให้พวกเราเป็นของกันและกัน
สองแขนแข็งแรงยันร่างกายให้ออกห่างเมื่อพื้นที่ทุกตารางนิ้วบนต้นคอระหงนั่นเป็นของเขาจนหมดแล้ว
มือใหญ่ค่อยๆไล่แกะกระดุมชุดนอนของเจ้าเหมียวซึ่งนอนหน้าแดงระเรื่อมองมาจากข้างใต้ด้วยสายตาสั่นพร่า
“กลัวรึเปล่า?” เขาถามออกไป เขาจะไม่ทำถ้าเจ้าเหมียวไม่พร้อม
แต่ใบหน้ามนกลับส่ายน้อยๆ เขาจึงอมยิ้มแล้วก้มลงไปจูบที่ขมับใสเบาๆ
เขาโน้มตัวลงไปหาเจ้าเหมียวอีกครั้ง
ริมฝีปากย้ายจากซอกคอลงมาที่แผ่นอกแบนเรียบ เขาพรมจูบอย่างแผ่วเบาไปทั่วลำตัวบาง
จูบไล่จากไหปลาร้าลงมาบนเนินอก เป็นจูบที่นุ่มนวลไม่หื่นกระหาย
เป็นจูบที่อ่อนโยนเพื่อให้เจ้าเหมียวรู้ว่าเขารักอีกฝ่ายมากและอยากจะทะนุถนอมให้ดีที่สุด
“อื้อ~” เจ้าเหมียวส่งเสียงพร้อมกับท่าทางกระสับกระส่ายเมื่อเขาจูบลงไปบนยอดอกสีชมพู
เขาเพิ่งรู้ว่ามันมีผลกับผู้ชายด้วย ใบหน้าคมยกยิ้มมุมปากก่อนจะจูบซ้ำๆลงไปจนเจ้าเหมียวถึงกับบิดไปมา
“อื้อ
เจ้าโฮ่ง หยุด”
มือบางพยายามดันหัวเขาออกไป ความรู้สึกแปลกใหม่ทำเอาหน้าใสแดงไปหมด หน้าท้องแบนเรียบถึงกับเกร็งรับ เขาจึงขยับลงไปจูบมันเบาๆให้ผ่อนคลาย
เจ้าเหมียวตัวบางมาก
บางจนแทบจะจมหายลงไปบนพื้นพรมอยู่แล้ว
มือใหญ่แหวกสาบเสื้อนอนก่อนจะกดจูบหนักๆที่สีข้างบอบบางแล้วไล่ลงมาที่เอว
ขอบกางเกงนอนยังอยู่แถวสะโพกเขาจึงค่อยๆดึงมันลงไปตามเรียวขา
“เจ้าโฮ่ง....”
เจ้าเหมียวดูตื่นๆเล็กน้อยเมื่อกางเกงนอนถูกรูดออกไปกองที่พื้น
ก็ไม่แปลกเพราะนี่คือครั้งแรกของพวกเราทั้งคู่ เขาเองยังตื่นเต้นจนแทบเก็บอาการไม่อยู่เหมือนกัน
“ยกให้ฉันได้ไหม
ทุกอย่างของนาย” เขาขยับขึ้นไปจ้องมองใบหน้าหวานซึ่งกำลังแดงจัด
เจ้าเหมียวยกสองแขนขึ้นมาคล้องคอเขาไว้พร้อมกับคำตอบ
“อืม” ใบหน้าคมจึงก้มลงไปจูบที่ริมฝีปากอิ่มอีกครั้ง
ถึงจะยังนุ่มนวลไม่เปลี่ยนแต่เขาก็เพิ่มความร้อนแรงขึ้นอีกระดับ
นอกจากรักมากแล้วเขายังอยากให้เจ้าเหมียวรู้ว่าเขาต้องการเจ้าเหมียวมาก...มากจนแทบทนไม่ไหว
ลิ้นร้อนสอดใส่เข้าไปก่อนจะกวาดไล่อย่างไร้เดียงสา
น่าแปลกที่ไม่ว่าจะสัมผัสอะไรก็ทำให้รู้สึกดีไปหมด ลมหายใจเริ่มติดๆขัดๆ ยิ่งเรียวลิ้นพัวพันก็ยิ่งต้องการกันและกัน
ริมฝีปากจึงยิ่งบดเบียดจนมันเริ่มช้ำ
แต่ไฟปรารถนาก็ไม่ทำให้แรงกดจากสองแขนของเจ้าเหมียวลดลง
จนกว่าจะรู้สึกเหมือนจะขาดใจตายนั่นแหละพวกเราถึงได้ยอมแยกจากกัน
“แฮ่ก...แฮ่ก...” เจ้าเหมียวหอบจนตัวโยน
ดวงตากลมโตฉ่ำเยิ้มจนรู้สึกได้ว่าเจ้าเหมียวเองก็ต้องการเขาไม่ต่างกัน
ฝ่ามือใหญ่วางลงไปบนหน้าท้องแบนเรียบก่อนจะเริ่มลูบลงไปช้าๆ
และพอถึงโคนขา มือบางก็จับหมับลงมาเสียก่อน
“นะ
นายจะไม่ใช้...ของที่อยู่ในลิ้นชักนั่นหรือไง....” เจ้าเหมียวพูดด้วยท่าทางอายๆ
มันน่ารักเสียจนเขาแทบจะตบะแตก
“งั้นก็ไปที่เตียง” สองแขนแข็งแรงอุ้มร่างกายที่เบาหวิวขึ้นโดยไม่ฟังเสียงก่อนที่เจ้าเหมียวจะถูกวางลงอีกครั้งบนเตียง
มือใหญ่เอื้อมไปหยิบของในลิ้นชักออกมาโยนไว้ข้างๆ
เสื้อยืดที่เขาสวมอยู่ถูกถอดออกไปทางหัว
เจ้าเหมียวมองกล้ามหน้าท้องของเขาอย่างหลงใหล มือบางจะเอื้อมมาจับแต่เขากลับกดข้อมือข้างนั้นลงกับเตียงนุ่ม
เขาต้องรีบทำให้ร่างกายของเจ้าเหมียวพร้อมเพราะเขารู้ตัวเองดีว่ากำลังใกล้จะถึงขีดจำกัดเต็มที
ที่ท้องน้อยมันหน่วงไปหมดแล้ว
“อ๊ะ”
ใบหน้าคมก้มลงไปครอบครองยอดอกสีชมพูด้วยปลายลิ้น เจ้าเหมียวครางพร้อมกับบิดเร่าทันที
ดูท่าทางตรงนี้จะไวต่อความรู้สึกมากจริงๆ
ในขณะที่ริมฝีปากยังคงหยอกล้อเจ้าเม็ดสีชมพู
มือใหญ่ก็ขยับลูบไล้ไปบนหน้าท้องแบนเรียบ ฝ่ามือค่อยๆลูบลงไปจนถึงต้นขา
เขาบีบเค้นคลึงผิวเนื้อเนียนนุ่มนั่นอย่างหมั่นเขี้ยว
ใบหน้าคมยอมปล่อยเนินอกที่เริ่มตึงแน่นนั่นไปก่อน
สายตาเว้าวอนของเจ้าเหมียวก็มองตามลงมาว่าเขาจะทำอะไรอีก
รอยยิ้มหยอกเย้าถูกส่งขึ้นไปก่อนที่มือใหญ่จะจับแยกต้นขาเรียวแล้วยกข้างหนึ่งขึ้น
เขาจูบลงไปที่โคนขาด้านใน...
ไม่ใช่จูบเบาๆอย่างที่ทำมา
แต่ว่าตรงนี้เขากลับฝังร่องรอยเอาไว้...รอยที่เป็นของเขา บนพื้นที่ที่เป็นของเขา
“อื้อ”
เจ้าเหมียวร้องออกมาเบาๆเมื่อรับรู้ถึงจูบที่รุนแรงกว่าเดิมแต่เขาก็ไม่รอให้อีกฝ่ายประท้วงใดๆ
ฝ่ามือใหญ่สัมผัสส่วนที่เริ่มนูนขึ้นมาผ่านชั้นในสีขาว
เจ้าเหมียวแทบจะดิ้นพล่านทันที
“เจ้าโฮ่ง
อ๊ะ” เขาสัมผัสมันเบาๆก่อนที่มือใหญ่จะล้วงเข้าไป
เขาเคยแต่ทำให้ตัวเองตอนที่คิดถึงเจ้าเหมียวจนทนไม่ไหว แต่ไม่เคยสัมผัสของคนอื่นแบบนี้มาก่อน
ถึงจะรู้สึกแปลกๆแต่พอเห็นสภาพเจ้าเหมียวที่กำลังครวญครางเพราะมือของเขา
สัญชาตญาณดิบกลับถูกปลุกเร้าขึ้นมาโดยไม่รู้ตัว
ชั้นในสีขาวถูกรูดออกจากเรียวขา
เจ้าเหมียวแทบไม่รู้ตัวเลยว่าตอนนี้ตัวเองเหลือแค่เสื้อเชิ้ตหลุดลุ่ยเพียงตัวเดียว
ใบหน้ามนกำลังแดงซ่านหอบหนักเพราะมือของเขา เสียงครางดังไม่เป็นภาษา
สติกำลังกระเจิงเช่นเดียวกับดวงตากลมโตที่ปิดแน่น เห็นแบบนั้นแล้วเขาได้แต่กัดฟัน
ลมหายใจของเขาเองก็เริ่มติดๆขัดๆเพราะข้างล่างเริ่มอึดอัดเต็มที
ป่านนี้เจ้าน้องชายของเขาคงจะขยายตัวเต็มที่แล้ว
แค่ได้มองเจ้าเหมียวตอนนี้ก็มีอารมณ์ขนาดหนัก ทั้งสวยทั้งเซ็กซี่
ในยามที่มีเหงื่อเกาะพราวไปทั้งใบหน้า ริมฝีปากที่อ้าเผยอยามส่งเสียงคราง
ไหนจะดวงตาฉ่ำเยิ้มเว้าวอน...เขาต้องมีสติแค่ไหนถึงจะยั้งตัวเองไม่ให้จับใส่เข้าไปอย่างหิวกระหาย
หลอดเจลหล่อลื่นถูกเปิดฝาอย่างเงียบงัน
เขาเทมันลงบนปลายนิ้วและคนที่ต้องใช้มันยังไม่รู้ตัว
เขาอาศัยจังหวะที่เจ้าเหมียวยังถูกมือเขาล่อลวงไว้ค่อยๆสอดปลายนิ้วเข้าไปในช่องทางด้านหลัง
“อ๊ะ?
จะ เจ้าโฮ่ง? แฮ่ก...แฮ่ก...อะไร...”
ถึงข้างหน้าจะถูกเขาปรนเปรอให้จนแทบไร้สติ
แต่พอสิ่งแปลกปลอมถูกสอดใส่เข้าไปข้างหลัง
ด้วยความที่ไม่เคยเจ้าเหมียวจึงสะดุ้งพลางก้มหน้าลงมามอง
“นิ้วของฉันเอง
ไม่ต้องกลัวนะ ถ้าไม่ทำนายจะเจ็บมาก เชื่อฉันนะเจ้าเหมียว” ใบหน้าคมก้มลงไปกระซิบให้ใบหน้ามนนั้นเบาใจ
เจ้าเหมียวพยักหน้าด้วยดวงตาเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาแห่งความปรารถนา
“อื้อ~~”
เจ้าเหมียวบิดเกร็งเมื่อเขากวาดนิ้วเพื่อขยายช่องทาง
เจลหล่อลื่นทำงานได้เป็นอย่างดีแต่ดูเหมือนจะไม่พอ
เขาจึงเทมันลงบนอีกนิ้วแล้วสอดเพิ่มเข้าไป
“อ๊า~
เจ้าโฮ่ง~”
เจ้าเหมียวปิดตาส่ายหน้าไปมา
ดูจากฟันกระต่ายที่กัดเม้มริมฝีปากแล้วไม่น่าจะเจ็บแต่น่าจะเสียวซ่านมากกว่า
แก้มใสถึงได้แดงไม่หาย เขาเพิ่มนิ้วเข้าไปอีกเมื่อช่องทางที่เคยบีบรัดเริ่มคลายตัว
เขาหอบหายใจหนักหน่วง
เอาจริงๆสามนิ้วยังไงก็เทียบกับของเขาไม่ได้ แต่เขาเองก็ไม่ไหวแล้วเหมือนกัน
เขาจึงตัดสินใจดึงปลายนิ้วที่เยิ้มไปด้วยเจลหล่อลื่นพวกนั้นออกมา
“แฮ่ก...แฮ่ก...” เจ้าเหมียวลืมตามองเขาด้วยสายตาออดอ้อนเมื่อเขาหยุดทุกอย่างกะทันหัน
ก่อนจะต้องเสหลบด้วยความอายเมื่อเขาดึงความเป็นชายออกมาจากกางเกง
ถุงยางอนามัยถูกสวมลงไป พวกเขาทั้งคู่ไม่ใช่คนที่จะไปทำเรื่องแบบนี้กับใคร
เรื่องโรคติดต่อจึงปลอดภัยหายห่วง แต่ที่เขาตัดสินใจใช้มันเพราะเท่าที่เขาศึกษามามันจะทำให้เจ้าเหมียวสบายกว่าตอนที่เอาออก...
ถึงแม้ตอนเอาเข้าจะลำบากหน่อยก็เถอะนะ
“อ๊า~
เจ้าโฮ่ง~~ เจ็บ~~” เจ้าเหมียวถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อเขาค่อยๆกดความเป็นชายเข้าไป
ยังไม่ทันจะถึงไหนเจ้าเหมียวก็ตัวสั่นระริก น้ำใสๆหยดแหมะลงมาจากดวงตาคู่สวย
เขาถึงกับชะงักค้าง
ใบหน้าคมก้มลงไปพรมจูบปลอบโยน เจ้าเหมียวถึงกับสะอื้นเบาๆ
ดูท่าทางจะเจ็บมากจนเขาต้องกัดฟัน
“ให้ฉันเอาออกก่อนไหม?” เขาพรมจูบไปทั่วขมับที่มีเหงื่อเกาะพราว
เจ้าเหมียวส่ายหน้าทั้งๆที่น้ำตายังไหลไม่หยุด
“ห้ามเอาออก
ฉันทนได้ นะ นายใส่เข้ามาเถอะ...”
เขาสงสารเจ้าเหมียวจับใจ
สั่นไปทั้งตัวแบบนี้จะให้เขาใจร้ายฝืนใส่เข้าไปได้ยังไง เขาจึงทำท่าจะดึงออก
“อย่าเอาออก
ฮึก...”
แต่เจ้าเหมียวกลับจับแขนเขาพลางพูดออกมาทั้งน้ำตา
เขาขมวดคิ้วมองใบหน้ามนอย่างเข้าใจ เขาเองก็เป็นห่วงเจ้าเหมียวไม่อยากให้เจ็บ
เจ้าเหมียวเองก็กังวลที่ตอบสนองเขาไม่ได้จนร้องไห้ออกมา
“ไม่เอาออก...ฉันจะไม่เอาออก...ไม่ร้องนะ...เรามาค่อยๆทำไปด้วยกันนะ” เขาพรมจูบลงไปบนใบหน้าเปล่งประกายนั่นอีกครั้ง
แล้วเริ่มเล้าโลมใหม่ทั้งข้างบนและข้างล่าง
เจ้าเหมียวพยายามผ่อนลมหายใจช่วยเขาเต็มที่
ริมฝีปากชื้นแฉะแตะลงไปบนจุดไวสัมผัสบนยอดอก
มือใหญ่ก็ตรงเข้าครอบครองส่วนอ่อนไหวด้านล่าง
ไม่นานเจ้าเหมียวก็เริ่มครวญครางอย่างสติกระเจิดกระเจิงอีกครั้ง
ช่องทางคับแน่นเองก็เหมือนจะขยายตัว
แรงบีบรัดที่เขารับรู้อยู่ตลอดค่อยๆผ่อนคลาย
เขากดปลายนิ้วลงบนแกนกายของเจ้าเหมียวไม่ให้อีกฝ่ายไปถึงก่อน
เจ้าเหมียวจึงมองเขาอย่างเว้าวอน
“ให้ฉันเข้าไปนะ
แล้วทำพร้อมกัน”
เขาเอ่ยบอกด้วยลมหายใจสั่นพร่า รู้ไหมว่ามันทรมานขนาดไหนกับการที่ต้องคาไว้แล้วถูกเจ้าเหมียวนุ่มนิ่มนี่บีบรัดอยู่ตลอด
เขาแทบจะคลั่งแล้วตอนนี้!
“อึ๊ก
อื้อ~~ เจ้าโฮ่ง เบาๆ~”
เจ้าเหมียวหลับตาแน่นสองมือจิกเกร็งลงไปบนต้นขาของเขาเมื่อความเป็นชายค่อยๆสอดใส่เข้าไปในร่างกาย
เขากัดฟันใส่เข้าไปรวดเดียว สะโพกมนทำทีจะถอยหนีตามสัญชาตญาณแต่สองมือของเขาก็จับยึดมันเอาไว้
จนในที่สุดเขาก็ใส่เข้าไปได้จนหมด
“อ๊ะ
อา....ฮ่าห์ ฮ่าห์”
เจ้าเหมียวหอบจนตัวโยนเมื่อเขาหยุดให้อีกฝ่ายได้พัก
น้ำตายังไหลอาบแก้มใสเขาจึงใช้นิ้วไล้มันเบาๆ
“เข้าไปได้หมดแล้วนะ” เขาบอกเจ้าเหมียวด้วยรอยยิ้ม
ใบหน้ามนก็ยิ้มให้เขาทั้งม่านน้ำตา ถึงจะเจ็บก็ยอมเพราะเป็นเขา
เขาเริ่มขยับเมื่อผนังที่บีบรัดเริ่มผ่อนคลาย
ร่างกายของเจ้าเหมียวมันดีกว่าที่เคยจินตนาการไว้ไม่รู้กี่เท่า ทั้งอ่อนนุ่ม
ทั้งร้อนลุ่ม ทั้งยังตอดรัดอย่างไร้เดียงสายามที่เขาแทรกกายเข้าไป
“อ๊ะ
อ้า~” เจ้าเหมียวร้องครางอย่างสุดกลั้น
ความเสียวกระสันกลบความเจ็บปวดไปไม่ใช่น้อย
แต่กระนั้นเขาก็ยังพยายามค้นหาจุดไวต่อความรู้สึกที่ถูกซุกซ่อนอยู่ภายใน
“อ๊ะ
จะ เจ้าโฮ่ง...ระ รู้สึก...ดีไหม..” ตอนนี้เขายังขยับอย่างเชื่องช้า
เจ้าเหมียวจึงยกมือขึ้นมาลูบใบหน้าของเขา อันที่จริงดูหน้าเขาก็คงรู้แล้ว
แต่เจ้าเหมียวก็ยังถามเพื่อความมั่นใจ
“ดีสิ
ดีมาก ดีสุดๆ”
เขาแสดงออกไปทางสีหน้าทั้งหมดว่ารู้สึกดีแค่ไหน
ต้องการเจ้าเหมียวจนแทบขาดใจ เขาจึงใส่แรงเพิ่มเข้าไปอีก
“อะ
อ้า~” ลำตัวบางถึงกับโยกคลอนแต่เจ้าเหมียวก็พยายามสอดรับจังหวะเขาให้ทัน
“...ฮ่าห์...ฮ่าห์...นายชอบ...มากไหม อ๊ะ...ร่างกาย...ของฉัน….ข้างใน...ชอบไหม ฮ่าห์ ฮ่าห์...” ริมฝีปากแดงช้ำยังคงถามย้ำๆทั้งๆที่หอบหายใจหนักหน่วง
หน้าท้องของเจ้าเหมียวเกร็งรับกับสิ่งที่อยู่ภายใน
เขาอดไม่ได้ที่จะจินตนาการว่าของของเขามันเข้ามาถึงตรงไหนแล้ว
“ชอบสิ
มันดีสุดๆเลยเจ้าเหมียว...ในตัวนาย” เขาก้มลงไปคลอเคลียใบหน้าใสที่พราวไปด้วยเหงื่อ
ยามนี้เจ้าเหมียวสวยและเซ็กซี่จนเขาอยากจะกลืนกินไปทั้งตัว
เบื้องล่างจึงยิ่งเพิ่มความถี่และความหนักหน่วงขึ้นอีกตามความปรารถนาที่ทบทวี
“อื้อ~~ ถ้านายชอบ ก็ อ๊ะ...ก็เข้ามา ...ฉัน ฉันให้นายคนเดียว…” เจ้าเหมียวแทบจะพูดไม่เป็นประโยคเมื่อร่างกายถูกเขากระแทกเข้าใส่
ใบหน้าใสดูเร้าอารมณ์จนเขาทนไม่ไหวแล้ว
“จะ
เจ้าโฮ่ง อ๊ะ นะ นายเป็นของฉัน ห้ามทิ้งฉัน ฮ่าห์ ฮ่าห์
ฉันจะใช้ทุกอย่าง...ผูกมัดนาย...รวมไปถึงร่างกายของฉันด้วย...อ๊ะ...ถ้านายชอบ...จะ
จะทำเท่าไหร่ก็ได้ อ้า~...เจ้าโฮ่ง อื้อ~”
“หึ
เจ้าเหมียวขี้อ่อย ฉันต้องการนายขนาดนี้ จะหนีไปไหนรอด จับดูสิ” เขาจับมือเจ้าเหมียวมาแตะความเป็นชายที่สอดเชื่อมร่างกายของกันและกัน
สัมผัสอันร้อนระอุและความใหญ่โตบ่งบอกได้เป็นอย่างดีว่าเขาปรารถนาในร่างกายของเจ้าเหมียวมากมายขนาดไหน
“อ๊ะ
เจ้าโฮ่ง ตรงนั้น?
อ๊ะ” เจ้าเหมียวสะดุ้งโหยงพร้อมกับส่งเสียงครางไม่เป็นภาษาเมื่อความเป็นชายของเขาดันไปเสียดสีกับจุดหนึ่งในร่างกายอ่อนนุ่มนั้นเข้า...หึ...ในที่สุดก็เจอจนได้…
จากนั้นเขาจึงจงใจเสียดสีที่จุดนั้นซ้ำๆไปมา
เจ้าเหมียวร้องครางจนแทบขาดใจ ร่างกายบางบิดเร่าทั้งทรมานทั้งสุขสม
ใบหน้ามนแดงซ่านสวยเซ็กซี่จนไม่รู้จะพูดยังไง
และทุกๆอย่างของเจ้าเหมียวก็กำลังกระตุ้นเร้าให้เขามีอารมณ์ถึงขีดสุด
เบื้องล่างกระแทกกายใส่ไม่ยั้ง
เสียงครางดังไปทั่วห้องคละเคล้ากับเสียงหอบหายใจหนักๆของเขา
ใบหน้าคมก้มลงไปจูบริมฝีปากแดงช้ำ
เรียวลิ้นพัวพันกันจนแยกไม่ออกว่าน้ำลายของใครเป็นของใคร
ยิ่งจูบก็ยิ่งรู้สึกถึงแรงปรารถนา ยิ่งจูบเขาก็ยิ่งขยับกายถี่กระชั้น
ยิ่งจูบเขาก็ยิ่งแทรกกายหนักหน่วงรุนแรง
เขาดึงความเป็นชายออกมาเกือบจะสุดเมื่อถึงจุดสูงสุดของแรงปรารถนาก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปรวดเดียวจนเจ้าเหมียวถึงกับร้องเสียงสูง
“อะ
อ๊า~~” ทุกความต้องการฉีดพุ่งล้นทะลักออกมาเป็นน้ำสีขาว
ของของเจ้าเหมียวกระจายเต็มหน้าท้องเขา ส่วนของของเขาก็แผ่ซ่านอยู่ในร่างกายบาง
“ฮ่าห์
ฮ่าห์…” ใบหน้าเจ้าเหมียวเหมือนลอยคว้างอยู่กลางสวรรค์
เขาเองก็เช่นกัน ร่างทั้งร่างกระตุกเกร็งก่อนจะซบหน้าลงบนบ่าบอบบาง รู้สึกดีสุดๆไปเลย
เขาทิ้งตัวลงไปกอดเจ้าเหมียวไว้
กว่าลมหายใจจะเข้าที่ก็ใช้เวลาหลายนาที
ตอนนี้...เราเป็นของกันและกันแล้วสินะ
มือใหญ่จัดการถุงยางอนามัยและใช้ทิชชูเช็ดตามหน้าท้องของเจ้าเหมียวที่นอนหมดเรี่ยวหมดแรง
มีคราบเลือดติดอยู่บนผ้าปูที่นอนเล็กน้อยและมันก็ทำให้เขารู้ว่าถ้าเขาไม่ให้เจ้าเหมียวกินยาไว้
พรุ่งนี้จะต้องไข้ขึ้นแน่นอน
ร่างสูงชะลูดจึงลุกออกจากเตียงก่อนจะหยิบกางเกงมาสวมลวกๆ
“กินยากันไว้ก่อน” เขาเดินไปหยิบยาแก้อักเสบกับยาลดไข้มายื่นให้
แค่จะลุกมากินยาเจ้าเหมียวก็ถึงกับนิ่วหน้า
“เจ็บมากไหม? ขอโทษนะ”
เจ้าเหมียวส่ายหน้าพลางรับยาไปกิน
เขานอนลงข้างๆก่อนจะดึงตัวเจ้าเหมียวมากอดไว้
ใบหน้าใสขยับมาซุกกับแผ่นอกของเขา
“เจ้าโฮ่ง…”
“หื๋ม?”
“ถ้านายทิ้งฉันละก็
นายตายแน่”
เจ้าเหมียวเงยหน้ามามองเขาด้วยสายตาดุร้ายเหมือนแม่เสือ
“หึๆ
ขู่เหรอเจ้าเหมียว”
เขาจูบจมูกโด่งรั้นนั่นด้วยความหมั่นเขี้ยว
เจ้าเหมียวจึงซุกตัวเข้าหา สองแขนผอมบางเองก็กอดเขาไว้เช่นกัน
“จำเอาไว้นะ
ไม่ว่าแม่ฉันจะขู่ยังไง นายก็ห้ามยอม ห้ามตัดใจง่ายๆ ห้ามเดินจากฉันไป
ห้ามคิดว่าฉันจะมีชีวิตที่ดีกว่าถ้าไม่มีนาย เพราะฉันไม่มีทางมีความสุขได้
ถ้านายไม่อยู่ข้างๆฉัน”
สองแก้มของเขาร้อนผ่าวไปกับคำพูดจริงจังของเจ้าเหมียว
“อีกอย่าง...ถึงฉันจะป่วย
ถึงมันจะเป็นโรคร้าย แต่ฉันก็ไม่คิดจะปล่อยนายไปแล้วตายตามลำพัง
นายต้องอยู่กับฉันตลอดไป ต่อให้นายจะรักใครไม่ได้อีกฉันก็ไม่สน แฟนนายน่ะ ร้ายกาจขนาดนี้เชียวนะเจ้าโฮ่ง หึ” เจ้าเหมียวเงยหน้ามายิ้มร้าย
อยากจะบอกว่าน่ากลัวเหลือเกิน~
“น่ากลัวสุดๆ”
ใบหน้าคมขยับเข้าไปคลอเคลียอย่างอดไม่ได้
“อยากทำอีกจัง”
เขาพูดงึมงำ เจ้าเหมียวถึงกับตีแขนเขาพลางทำหน้าหงิก
“พอเลย
เจ็บจะตายอยู่แล้ว นอนๆ พรุ่งนี้นายมีแข่งนะ!” เขายกยิ้มจ้องมองคนที่ซุกตัวเข้าหาอ้อมอกของเขา
ร่างกายขยับกอดกระชับก่อนจะหลับตาลงอย่างเป็นสุข
ไม่ต้องห่วงหรอก
วันพรุ่งนี้เขาต้องชนะแน่ ในเมื่อมีแรงใจดีขนาดนี้
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To
be Con.
อะโห
ไม่ได้แต่ง nc ใสๆ(?)แบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว5555+ ขอบคุณทุกคนที่อดทนรอมาจนถึงวันนี้นะคะ
กร๊ากกกก
แล้วเจอกันตอนหน้า~~
ยัยเหมี๊ยว ยัยตัวร้าย แต่ก็รักความร้ายๆของเธอเหลือเกิน ซื่อตรงกับความรู้สึกตัวเองที่สุด
ตอบลบไม่รู้ว่าปลายทางจะเป็นยังไง แต่วันนี้เขารักกันขนาดนี้ก็ไม่มีอะไรที่จะต้องเสียใจอีกแล้ว
เราชอบเรื่องนี้มากๆเลย อยากให้มีคนมาอ่านเยอะๆแล้วจะตกหลุมเจ้าเหมียวเหมือนเร่
ตอบลบแต่อาจจะะเพราะมันอยู่ในบล๊อคเลยยังเข้าไม่ถึงเท่าไหร่ ไรท์เตอร์ส่งใจเอาไปลง readawrite หรือ dek-d มั้ยคะ ต้องมีคนรักเรื่องนี้เหมือนเราแน่นอน
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วลองเอาไปลงที่ ReadAWrite มาค่ะ ยังทำไม่ค่อยจะเป็น555 มีความมึนงง
ลบhttps://www.readawrite.com/?action=manage_article&article_id=d73d83e171a0cc547bf720e44bf194fb&tab=mainManageChapter
ดีใจที่ชอบนะคะ งื้ออออ ปลื้มใจ >/////<
สู้ๆ รอติดตามอยู่นะคะ 555🥰🥰🥰
ตอบลบ