Aldnoah.Zero
S.Fic [Cruhteo x Slaine] -- BiOS : another story C -- : 01
For
HBD. Slaine
:
Aldnoah.Zero Fanfiction Au.
:
Cruhteo x Slaine
:
Action Horrors
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
“แฮ่ก...แฮ่ก....แฮ่ก.....”
เสียงหอบหายใจดังลอดออกมาจากริมฝีปากสีระเรื่อที่เผยอออกจากกันน้อยๆ
เพราะถ้าไม่ทำแบบนั้นเจ้าของใบหน้ามนคงจะขาดใจตายด้วยกิจกรรมหนักหน่วงที่กำลังฝืนทำอยู่
“ไหวรึเปล่าสเลน?”
ใบหน้าหยิ่งทระนงก้มลงไปมองเจ้าของชื่อที่ยังหอบไม่หยุด
มือใหญ่เสยเส้นผมสีชาที่ปรกละใบหน้าหวานออกให้
เหงื่อที่เกาะพราวอยู่บนหน้าผากใสจึงมองเห็นได้ทันที...เขาฝืนเกินไปหรือเปล่านะ?
ร่างกายของเด็กนี่จะรับไหวแค่ไหนกัน...
“ฮ้า....ฮ้า....ผม...ยังไหว...อึ๊ก”
ถึงจะตอบแบบนั้นแต่ใบหน้ามนก็แดงระเรื่อไปหมด
ปกติก็แทบไม่ได้ออกกำลังอะไรจริงจัง
มาโดนเขาบังคับให้ทำเรื่องแบบนี้มันก็ไม่แปลกหรอกที่จะไม่ไหว
“ให้ชั้นหยุดก่อนไหม?”
มือใหญ่ลูบแก้มใสด้วยความห่วงใย
แต่ใบหน้ามนกลับส่ายปฏิเสธ
นัยน์ตาสีมรกตที่สั่นระริกกลับมีแววมุ่งมั่นดื้อรั้นจนเขาถึงกับยิ้มบางๆ
“ไม่ครับ...ผมไหว...แฮ่ก...ต่อเถอะครับ...”
มือบางเอื้อมมาจับแขนเขาราวกับจะช่วยยืนยันคำพูดของตัวเองอีกแรง...แต่ก็นั่นแหละ...เอาเข้าจริงจะให้หยุดก็คงยากแล้วเหมือนกัน
สถานการณ์แบบนี้...
“งั้นเปลี่ยนท่าหน่อยแล้วกัน”
เสียงสวบสาบดังขึ้นเมื่อเขาตัดสินในยกลำตัวบางขึ้นด้านบน
“เอ๋? อ๊ะ?!”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเลิ่กลั่กจนเขาหลุดหัวเราะในลำคอ
“ปะ
ปล่อยผมลงเถอะครับ...ให้ผมอยู่ข้างบนแบบนี้คุณไม่หนักแย่เหรอ...”
เสียงนุ่มพูดออกมาอย่างไม่มั่นใจ
“ตัวเธอเบายิ่งกว่านุ่น
ไปกันเถอะ”
ร่างสูงใหญ่เตรียมขยับร่างกายออกจากที่เดิม
นัยน์ตาสีฟ้าคมกล้ากวาดมองทุกสิ่งรอบกายทั้งๆที่มือใหญ่ยังคงจับกระชับอยู่ที่สะโพกมนของคนที่อยู่ด้านบน
“ครับ...ไม่ต้องเบามือก็ได้นะครับ
ผมเข้าใจสถานการณ์ตอนนี้ดี อึก...”
แต่เจ้าคนที่อยู่ข้างบนยังคงพูดออกมาอย่างเกรงใจจนเขาบีบเอวคอดๆนั่นอย่างนึกหมั่นเขี้ยว
“ยังจะพูดมากอีก
เอวเธอมีอยู่แค่นี้ กระแทกสองสามทีก็หักแล้ว”
ได้ยินเสียงกัดฟันดังตอบกลับมาเมื่อร่างกายบางนั่นกระแทกกระทั้นกับร่างกายของเขา
ก็อยากจะเบามือ อยากจะทะนุถนอมอยู่หรอกนะ แต่ว่าสถานการณ์แบบนี้คงทำใจเย็นได้ยาก
“ผม อื้อ! คุณหมอครูเทโอ! ระวัง
ตรงนั้นมัน อ๊ะ!”
โครม!!
เพราะเสียงร้องเตือนของสเลนทำให้เขาสไลด์ตัวหลบประตูที่พังลงมาได้แบบเส้นยาแดงผ่าแปด
ก่อนที่จะเอี้ยวตัวหนีมือนับสิบคู่ที่ตะเกียกตะกายไขว่คว้าออกมาจากบานประตูนั่น
ทั้งกลิ่นคาวเลือดทั้งกลิ่นเนื้อเน่าทำเอาแสบจมูกไปหมดแต่ถึงกระนั้นสองขาก็ยังคงวิ่งต่อไป
ใช่แล้ว...
ตอนนี้เขาไม่ได้นอนกลิ้งอยู่บนเตียง
ไม่ได้ส่งเสียงหอบหายใจด้วยความสุข
แต่กำลังวิ่งหนีซอมบี้อยู่ต่างหาก!
“คุณหมอ!!”
คนบนไหล่ตะโกนเสียงดังเมื่อฝูงซากศพที่ไล่หลังอยู่นั้นใกล้ชิดติดขึ้นมาเรื่อยๆ...ไม่ใช่เพราะพวกมันวิ่งเร็วขึ้นหรอก
แต่เป็นทางเขาเองต่างหากที่วิ่งช้าลง...นั่นก็เพราะแบกสเลนพาดบ่าเอาไว้
น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมาทำให้สองขาก้าวได้ช้ากว่าเดิม
“คุณหมอ!” สเลนยังคงเรียกเขาด้วยน้ำเสียงตื่นตระหนก
กลิ่นเหม็นกึกที่ทำให้ฉุนขนาดนี้เขาก็รู้ดีว่าพวกมันอยู่ใกล้แค่ไหน
แต่จะให้ทิ้งคนบนบ่าเอาไว้ก็ไม่มีทาง
หัวใจเต้นระรัวจนแทบจะทะลุออกมาจากอกในขณะที่นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองหาทางหนี...ทั้งๆที่ที่นี่เป็นโรงพยาบาลที่เขาคุ้นเคยเสียยิ่งกว่าบ้านของตัวเองแต่ตอนนี้กลับนึกไม่ออกเลยว่าจะให้หนีไปที่ไหน...ในเมื่อทั่วทุกตารางนิ้วมันมีแต่ไอ้พวกซอมบี้เดินกันอยู่เต็มไปหมด!!
“คุณหมอครับ! แท็งก์น้ำ!
ขึ้นไปบนแท็งก์น้ำ!”
นัยน์ตาเหลือบมองแท็งก์น้ำคอนกรีตที่ดูแข็งแรงมั่นคงและอยู่สูงแบบที่พ้นมือของไอ้พวกซอมบี้พอดีๆ
มันก็น่าจะปลอดภัยถ้าพวกเขาขึ้นไปบนนั้นได้ แต่จะทำยังไงให้ฝ่าดงซอมบี้ที่เดินอยู่ตรงทางเดินได้กันล่ะ?!
แต่เวลาที่จะให้ตัดสินใจมันมีเสียที่ไหน
สองขาจึงต้องวิ่งตรงไปอย่างเลี่ยงไม่ได้
ร่างสูงใหญ่ย่อตัวหลบก่อนจะพุ่งแทรกเข้าไประหว่างซอมบี้สองตัวที่กำลังหันมา
ตอนนี้มีแต่ต้องหลับหูหลับตาวิ่งไปให้ถึงแท็งก์เท่านั้น
ต่อให้ลมหายใจจะหอบถี่แค่ไหนเขาก็ไม่มีเวลานึกถึงมันอีก
“สเลนขึ้นไป!” เขาตะโกนบอกก่อนจะโยนคนบนไหล่ขึ้นไปบนแท็งก์
ท่อนแขนบางจับราวเหล็กบนนั้นได้ก่อนจะโหนตัวขึ้นไปอย่างปลอดภัยและเขาก็ไม่มีเวลายืนชื่นชมผลงาน
สองขาเทคตัวตามขึ้นไป
ทว่า
ในจังหวะที่คิดว่าพ้นแล้ว ข้อเท้ากลับถูกมือเปียกแฉะจับเอาไว้!!
“คุณหมอ!” สเลนร้องเสียงหลง
น้ำหนักที่ถ่วงเอาไว้ทำให้เขาสะบัดขาอัตโนมัติ
แต่ไม่ว่าจะเตะจะถีบยังไงมันก็ไม่ปล่อย
แรงดึงมหาศาลทำให้มือที่เกาะผนังแท็งก์อยู่ค่อยๆไหลลงไปเรื่อยๆ โธ่โว้ย! อีกนิดเดียวแท้ๆแต่ตอนนี้เขาก็รู้ดีว่าไม่ไหว เขาสู้แรงพวกมันไม่ได้เลย
ใบหน้าหยิ่งทระนงกัดฟันกรอด
ไม่ได้อยากจะยอมง่ายๆ แต่ไม่ว่าเขาจะออกแรงแค่ไหนก็ยังหนีจากมือของพวกมันไม่ได้
หัวใจเต้นระรัวทั้งตื่นกลัวทั้งสิ้นหวังแต่ก็ไม่รู้จะทำยังไงนอกจากยอมรับชะตากรรม...
จะห่วงก็แต่สเลนนี่แหละ....จากนี้ไปต้องอยู่คนเดียว
จะเอาตัวรอดจากไอ้พวกซากศพเดินได้นี่หรือเปล่าก็ไม่รู้
แล้วในขณะที่กำลังจะถอดใจแล้วเงยขึ้นไปมองหน้าสเลนเป็นครั้งสุดท้าย
แต่เด็กนั่นกลับไม่ได้กำลังร้องไห้หวาดกลัวอย่างที่คิด
สเลนกำลังยกอะไรบางอย่างขึ้นเหนือหัวด้วยใบหน้ามุ่งมั่นก่อนจะทุ่มมันลงมา และอะไรบางอย่างที่พุ่งผ่านหน้าเขาไปก็ทำให้ต้องหันตามลงไปมอง
อะไรน่ะ? ฝาปิดแท็งก์น้ำ?
“คุณหมอ! ตอนนี้แหละ ปีนขึ้นมาเลยครับ!”
เสียงตะโกนของสเลนทำให้เขาหลุดออกมาจากภวังค์ก่อนจะรีบปีนขึ้นไปตามสัญชาติญาณเมื่อรู้สึกว่าแรงที่ถ่วงข้อเท้าของเขาเอาไว้มันหายไป?
ดูเหมือนสเลนจะทุ่มฝาปิดแท็งก์น้ำใส่ไอ้พวกซอมบี้นั่นจนมันยอมปล่อยมือจากเขา
“แฮ่ก....แฮ่ก....แฮ่ก....”
เขาทิ้งตัวนั่งลงที่พื้นคอนกรีตแคบๆอย่างหมดแรง
ความตื่นเต้นเมื่อกี้ทำเอาอายุสั้นไปหลายปี
ไม่คิดเลยจริงๆว่าจะต้องมาทำอะไรแบบนี้
แหงละ
ใครจะไปคิดว่าตัวเองจะต้องมาวิ่งหนีซอมบี้ราวกับอยู่ในหนังแบบนี้!
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองผ่านกระจกแตกๆเข้าไปยังโถงกว้างใหญ่ของตึกผู้ป่วยนอก...ทั้งๆที่เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่แล้ว
ตรงนั้นยังมีแค่คนไข้มารอตรวจตามปกติอยู่เลยแท้ๆ...ยังมีแค่นางพยาบาลหน้าตายิ้มแย้ม
ยังมีแค่คุณหมอเดินไปอ่านชาร์ตไป...ไม่ได้มีแต่ซอมบี้เหมือนในตอนนี้
ที่ทางเดินชั้นสองของตึกผู้ป่วยในเองก็เช่นกัน
ทั้งๆที่ความทรงจำของเมื่อวานมันยังติดตาของเขาอยู่เลย…
ทางเดินมันปลาบของโรงพยาบาลที่ควรจะวังเวงกลับเต็มไปด้วยความโกลาหลเมื่อเตียงรถเข็นคันหนึ่งพุ่งออกมาจากห้องพักผู้ป่วยเดี่ยว
สายน้ำเกลือระโยงรยางค์อีกทั้งยังถังออกซิเจนทำให้รู้ถึงสภาวะที่ต้องเร่งรีบได้เป็นอย่างดี
บนใบหน้ามนของคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นก็เต็มไปด้วยความทรมาน
กว่าครึ่งใบหน้าถูกครอบเอาไว้ด้วยหน้ากากออกซิเจนเพื่อช่วยหายใจ คิ้วสีชาขมวดเข้าหากันแน่น
เช่นเดียวกับดวงตาที่เคยสดใส....บัดนี้กลับปิดสนิทด้วยความเจ็บปวดที่กระจายอยู่ทั่วร่างกาย
ล้อเหล็กของเตียงเสียดสีกับพื้นทางเดินจนเกิดเสียงก้อง
แล้วเสียงฝีเท้าของนางพยาบาลก็ไปหยุดลงที่หน้าห้องผ่าตัด
“คุณหมอคะ!”
และยังไม่ทันที่จะได้เข็นเตียงเข้าไป ร่างสูงใหญ่เจ้าของชื่อเรียกก็วิ่งเข้ามาใกล้ด้วยใบหน้าที่ยังนิ่งเฉย
“เดี๋ยวชั้นเปลี่ยนเสื้อแล้วจะตามเข้าไป” ถึงแม้ว่าใบหน้าหยิ่งทระนงจะยังเยือกเย็นอยู่ได้
แต่นัยน์ตาสีฟ้ากลับมีแต่แววสั่นไหว ในหัวสมองมีแต่คำถามว่า...ทำไม....ซ้ำไปซ้ำมา
ขายาววิ่งเข้าไปในห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว
เสื้อกั๊กสูทและเชิ้ตสีขาวถูกถอดออกก่อนจะโยนใส่ล็อกเกอร์เอาไว้ลวกๆ
ความเร่งรีบทำให้ไม่มีเวลาจะสนใจอะไรอีก
ในเมื่อลมหายใจของคนที่เพิ่งถูกเข็นเข้าห้องผ่าตัดไปนั้นสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด
ทำไม.....ทำไมกัน......
ใบหน้าหยิ่งทระนงเผลอสบถออกมาน้อยๆด้วยความร้อนใจ
ปลายผมสีทองถูกรวบขึ้นมาก่อนที่จะเก็บมันเอาไว้ใต้หมวกสีเดียวกับชุด
หน้ากากอนามัยถูกสวมปิดใบหน้า...เขาถูกโทรตามให้ออกมากลางดึกเพราะอาการของคนไข้ไม่สู้ดีนัก
แต่นั่นมันไม่ได้ทำให้เขาหงุดหงิดใจเท่ากับคำถามว่า....ทำไม....
ทำไมกัน....ทั้งๆที่เขาเฝ้าดูแลรักษาเด็กคนนั้นมาอย่างดี....แล้วทำไม....เพราะอะไรมัจจุราชถึงต้องมาพยายามยื้อแย่งชีวิตของเด็กนั่นไปจากเขาอีก!
ถุงมือยางถูกสวมลงไปที่สองมือ
ก่อนที่นัยน์ตาสีฟ้าจะมีแต่แววมุ่งมั่น
ก็ลองดู.....ถ้ามัจจุราชคิดว่าจะแย่งลมหายใจของเด็กนั่นไปจากคนอย่างครูเทโอได้....ก็ลองดู!!
ไฟในห้องผ่าตัดสว่างขึ้นทันทีที่ขายาวก้าวเข้าไป
“เริ่มทำการผ่าตัดได้”
สายลมเอื่อยๆไหลรินผ่านผ้าม่านสีขาวเข้ามา
มันคงเป็นข้อดีอีกอย่างของโรงพยาบาลเก่าแก่แต่ก็ยังได้รับความนิยมสูงแห่งนี้
เพราะโดยรอบอาคารยังคงเต็มไปด้วยต้นไม้เขียวขจีที่พร้อมจะช่วยเยียวยาสภาพจิตใจของผู้ป่วยได้เป็นอย่างดี
โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องอยู่ในโรงพยาบาลราวกับบ้านหลังที่สองแบบร่างโปร่งบางที่ยังนอนหลับสนิทอยู่บนเตียงคนนี้
“ .....สเลน.....” เสียงทุ้มทำให้นัยน์ตาสีมรกตค่อยๆเปิดขึ้นมาช้าๆ
“ตื่นแล้วเหรอ?” นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองใบหน้าที่ยังเลื่อนลอยของร่างบนเตียงคนไข้
มือบางยกขึ้นมาขยี้ตาก่อนจะค่อยๆหันมามองร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในชุดกราวด์สีขาว
“คุณหมอครูเทโอ.....” เสียงงัวเงียทำให้ใบหน้าหยิ่งทระนงลอบยิ้มอยู่ในใจ.....ดีจริงๆที่ได้ยินชื่อของเขาออกมาจากปากสีซีดนั่นอีก....ดีจริงๆที่เธอฟื้นขึ้นมา....
“นอนนิ่งๆ” เสียงทุ้มที่ดูเอาแต่ใจเอ่ยสั่งคนไข้ มือใหญ่ยื่นไปแกะเชือกที่คอเสื้อของคนป่วยก่อนที่หูฟังทั้งสองข้างจะถูกยัดใส่ในหูของตน
แล้วปลายสเต็ทโทสโคปก็แนบลงไปบนแผ่นอกบาง
เสียงหัวใจเต้นที่ได้ยินเต็มสองหูทำให้รู้ว่าคนตรงหน้ายังมีลมหายใจ
มีชีวิตอยู่.....
แค่วันเดียว.....ขอให้เด็กคนนี้มีชีวิตเพิ่มขึ้นอีกแค่วันเดียวก็ยังดี
เพราะแค่นั้นมันก็ทำให้ความหวังของเขายังคงมีต่อไป...
นัยน์ตาสีฟ้าไล่มองไปตามแผ่นอกแบนเรียบ....กี่ปีมาแล้วนะที่เขาได้เห็นร่างกายของเจ้าเด็กตรงหน้า
ถึงแม้ว่ามันแทบจะไม่เติบโตขึ้นเลยแต่ความจริงแล้วสเลนก็มีอายุเทียบเท่ากับเด็กม.ปลายคนหนึ่ง
“ไม่มีไข้ใช่ไหม?” นางพยาบาลที่ยืนอยู่ข้างๆพยักหน้ามาให้
แต่มือใหญ่ก็ยังมิวายยกขึ้นแนบไปที่หน้าผากใส ใบหน้ามนยังคงนิ่งเฉยมีเพียงนัยน์ตาสีมรกตที่เหลือบขึ้นมามองเล็กน้อย
แค่เล็กน้อยก็ถือว่าดีขึ้นเยอะแล้วละ....
เพราะตอนที่เด็กนี่ถูกส่งตัวมาเป็นคนไข้ในความดูแลของเขา
นัยน์ตาสีมรกตที่น่าจะสวยงามกลับไม่สะท้อนสิ่งใดกลับมาเลย....เป็นดวงตาของคนที่ถอดใจในการมีชีวิตอยู่ไปแล้ว
“เดี๋ยวตอนบ่ายชั้นจะกลับมาใหม่....และหวังว่าข้าวในจานนั่นจะหมดไปแล้วนะ
ไม่งั้นชั้นจะลงโทษเธอ....” มือผูกเชือกที่คอเสื้อเข้าหากันตามเดิม ใบหน้ามนดูลนนิดๆเมื่อพูดถึงข้าวกับการลงโทษ
“คุณหมอนี่ละก็....” เสียงงึมงำดังไล่หลังให้ใบหน้าหยิ่งทระนงได้แต่ยิ้มบางๆ
ถึงจะเป็นคำบ่น ถึงจะมีท่าทางลนลาน....แต่อย่างน้อยมันก็ยังดีกว่าการที่อีกฝ่ายจะเอาแต่นิ่งเฉยเหมือนตุ๊กตา
ขายาวก้าวออกไปจากห้อง
ชายเสื้อกราวด์สะบัดไปมาตามจังหวะการเดินที่ไม่ถือว่าช้า....เพราะทุกนาทีของเขานั้นมีค่า....
“ชั้นอยู่ที่ห้องสมุดนะ
มีอะไรก็โทรตาม” ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีทองหันไปบอกพยาบาลที่พยักหน้าเข้าใจก่อนจะเดินแยกออกไป
ภาพของเขาที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ในห้องสมุดของโรงพยาบาลทั้งๆที่ไม่มีเวรจะต้องมาที่นี่คงจะกลายเป็นภาพที่ชินตาทุกคนไปแล้ว....มันจะต้องมีสักเล่มนึงสิ...มันจะต้องมี....วิธีที่จะทำให้เด็กคนนั้นหายเป็นปกติ
หนังสือเล่มแล้วเล่มเล่าถูกปิดลงก่อนจะวางไว้บนโต๊ะ
ร่างสูงใหญ่เอนหลังพิงพนักอย่างรู้สึกเมื่อยล้า
ปลายนิ้วยกขึ้นมาบีบนวดที่หัวตาเพราะว่าอ่านหนังสือติดต่อกันมานาน
ไม่ใช่อ่านแค่หนังสือ...ทั้งแลบ
ทั้งวิจัย....เขาก็ทำให้เด็กนั่นมาจนหมดแล้ว...แต่การรักษากลับแค่ทรงตัว....แค่ประคองให้มีชีวิตรอดไปได้วันๆ
บางครั้งเขาก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน
ว่าทำไมต้องทุ่มเทให้ขนาดนี้....เป็นเพราะจรรยาบรรณของแพทย์เท่านั้นน่ะเหรอ?
ไม่หรอก....เขารู้ตัวดีว่ามันมีอะไรมากกว่านั้น....
แต่คงจะบอกเรื่องนี้กับใครไม่ได้
ว่าเขาหลงรักคนไข้ของตัวเอง
ใบหน้าหยิ่งทระนงได้แต่ถอนหายใจพลางทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างที่ยังคงมีเพียงสายลมอ่อนๆพัดเข้ามา...เขาคิดไปเองหรือเปล่านะว่าวันนี้มันดูเงียบงันแปลกๆ?
เหมือนทุกอย่างจะนิ่งสนิททั้งๆที่ยังมีลมพัดมาปะทะใบหน้า...ท้องฟ้าสีใสก็ดูราวกับจะถูกเคลือบเอาไว้ด้วยสีเหลืองๆ......เป็นเพราะความกังวลใจหรือไงกันนะ
ถึงได้มองเห็นทุกอย่างราวกับกำลังหยุดนิ่งอยู่แบบนี้?
แต่แล้วความตั้งใจที่ว่าจะกลับไปหาสเลนในตอนบ่ายก็เปลี่ยนไปในทันที....
เมื่อสายตาเหลือบลงไปเห็นอะไรบางอย่างที่ประตูรั้วด้านหน้า....
คน? กำลังบาดเจ็บหรือไงนะ?
ไม่สิ แค่ดูก็รู้แล้วว่ากำลังบาดเจ็บไม่งั้นคงไม่เลือดโชกขนาดนั้นหรอก
แต่ที่เขาแปลกใจนั่นเป็นเพราะชายสองคนนั่นยังคงเดินได้ทั้งๆที่ดูจากสายตาหมออย่างเขาแล้วบาดเจ็บขนาดนี้ไม่น่าจะมีสติด้วยซ้ำ!
บุรุษพยาบาลวิ่งกรูเข้าไปหมายจะช่วยเหลือ
แต่แล้วสิ่งที่ชายบาดเจ็บนั่นทำกลับไม่ใช่การนอนลงบนเตียงรถเข็นดีๆแต่กลับกระโจนเข้ากัดต้นคอของบุรุษพยาบาลจะเลือดพุ่ง
นัยน์ตาสีฟ้ามองภาพที่ไม่คาดคิดนั่นด้วยความตื่นตะลึง
หรือว่าชายบาดเจ็บนั่นจะสติไม่ดี?
ไม่น่านะเพราะชายบาดเจ็บอีกคนที่มาด้วยกันก็ทำแบบเดียวกันเป๊ะ!
เขามองภาพโกลาหลนั้นด้วยใบหน้านิ่งค้าง
พวกยามและคนที่อยู่แถวนั้นต่างพยายามเข้าไปจับกุมตัวแต่ก็โดนชายบาดเจ็บสองคนนั่นกัด
ขนาดโดนกระบองของยามทุบจนล้มลงไปก็ยังลุกขึ้นมาได้ครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับไม่รู้จักเจ็บปวด
ชายสองคนนั้นต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ...ไม่สิ...ไม่ใช่แค่ชายสองคนนั้น...แต่เป็นกลุ่มคนที่กำลังเดินตามถนนที่ทอดมายังโรงพยาบาลนี่ต่างหาก!!
สองขาถึงกับก้าวถอยหลัง
จะอะไรก็ไม่รู้ละรู้แต่ว่าตอนนี้เขาต้องไปหาสเลนก่อน!
สองขาวิ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยเดี่ยวที่คุ้นเคย ตอนนั้นเขาไม่รู้เลยว่า...
หายนะ...กำลังจะมาเยือนโรงพยาบาลของเขา!!
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
To be Con.
รีบแปะแล้วรีบหนีอย่างว่อง
ก๊ากๆๆๆ //หลบไห
คือ Story B ก็ยังไม่จบ แล้ว C มาจากหน๊ายยยยย
ก็นั่นแหละ...=w= เนื่องด้วยวันนี้วันเกิดน้องสเลน
แล้วมี๊ไม่มีเวลาคิดพล็อตใหม่ ก็เลยเอาฟิคซอมบี้นี่แหละวะ!
5555 หัวเราะอย่างบ้าคลั่งทั้งน้ำตา TvT นะ
ก่อนที่จะโดนไหทุ่มหัวปูด มาแฮปสเลนกันก่อง >v<
สุขสันต์วันเกิดนะก๊าลูกสเลน
>3<
ขอให้หลุดพ้นชีวิตจำเลยรักได้สักทีนะลูกนะ
=v= เรื่องถูกรังแกก็ขอให้เพลาๆลงบ้าง
=v= สวยวันสวยคืนชาวโลกรักชาวดาวอังคารหลงนะก๊ะ ม๊วฟๆๆ >////<
โอ๊ยยยเซ็งไปรษณีย์จริงๆ
มาถึงหน้าบ้านแล้วแท้ๆดันไม่ได้หยิบกล่องมาให้ ไม่งั้นคงได้ถ่ายรูป Fmunu Slaine Happy Birthday เวอร์ชั่นไปแง้วเนี่ยฟฟฟฟ
// งอแง
ส่วน BiOS : another story C …ก็มาดูท่านเคานต์แบบอ่อนโยนๆ(?)กันบ้าง
อะฮิ้งงงงง ตามคอนเซ็ปต์ของฟิคซอมบี้ที่เมะจะหลงรักเคะก่อน >////< แต่ไม่ต้องห่วงนาคะ ถึงจะไม่อ่านของอีก 2 ภาคก่อนหน้านี้ก็เข้าใจได้ค่ะ
เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกัน จะมีบางเหตุการณ์ที่ส่งผลกระทบถึงกันบ้างก็เท่านั้น
ภาค 8059 จะเป็นภาคหลัก ส่วนรีเอจะเป็นกลุ่มผู้รอดชีวิตจากค่ายทหารและเอเลนเองจะมีความเกี่ยวพันกับพ่อก๊ก
คือพ่อก๊กจะรู้ที่มาที่ไปของเอเลน ส่วนภาคครูสเลนนี่จะโยงไปถึงพ่อของเอเลนที่เป็นหมอเหมือนครูเทโอ
อ่า....ก่อนที่ภาครูสเลนจะสปอยด์ภาครีเอ
ตรูต้องรีบไปเขียนให้จบสินะถถถถถ เมื่อช่วงปีใหม่ก็พยายามปั่นอยู่นะ แต่ว่าถูกเอเลนยั่วจนอดหันไปโม่ยไม่ได้
มีอะไรให้ทำมากมายจนไม่เสร็จอย่างที่เห็นถถถถ
ยังไงก็ฝากฟิคน้อยๆเรื่องนี้ไว้อีกเรื่องนึงนะก๊า
อยากจะเปิดตอนแรกมาให้ยาวกว่านี้แต่คุณกวางแม่งไม่มีเวลาแล้วค่ะถถถถ
คือจะไปญี่ปุ่นอีกวันสองวันนี้แล้ว ยังเพิ่งจะไปขุดเสื้อกันหนาวออกมาซักอยู่เลย TvT
แน่นอนว่าของยังกองอยู่ข้างกระเป๋า แผนเที่ยวยังไม่เสร็จ ลิสโดจินยังไม่ได้ทำ ที่สำคัญ
ยังไม่ได้จัดกระเป๋าของเอเลนนนนน กร๊ากกก ยัยมี๊มีแค่โค้ทตัวนอกตัวเดียวก็อยู่ได้ตลอดทริปแบ้วค่ะ
เปลี่ยนเฉพาะเสื้อยืดข้างในเอา แต่เอเลนนี่ไม่ได้เรย พร็อพชีต้องพร้อม TvTb
แล้วเจอกันตอนหน้าคร่า =v=
อ๊าก กริ้ดดังๆ!!! อยากร้องไห้คะ รอคู่นี้เลย กริ้ดดด รอลุ้นต่อคะว่าจะเป็นยังไง ชอบเรื่องซอบบี้ของพี่กวางสุดเลยคะ รอติดตามเสมอนะคะ สู้ๆคะพี่!!!!!
ตอบลบ