Attack
on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Levi xEren , 8059 , Cruhteo x Slaine] GLIDE : [UN]FINISH
LINE#02 [END]
:
Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
:
Levi x Eren , 8059 , Cruhteo x Slaine
:
Romantic Drama
:
NC-17
คำเตือน :
เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย
หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
ประตูสีแดงเพลิงของ
Ferrari
F12 Berlinetta
ปิดลงดังปังก่อนที่อดีตนักขับมือหนึ่งของโลกจะเดินจากฝั่นคนขับมายังฝั่งที่มีตุ๊กตาหน้ารถนั่งตัวสั่นหงึกๆอยู่ข้างใน
มือแข็งแรงจึงเปิดประตูออกโดยไม่สนใจแรงยื้อยุดอันน้อยนิดนั่น
“โฮ่ยเจ้าเด็กเหลือขอ...แกคิดจะนั่งตัวแฉะจนเห็ดมันขึ้นอยู่ในรถชั้นรึไง?
ลงมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเดี๋ยวนี้?”
ไม่ว่าเปล่ามือแข็งแรงยังตรงเข้าจับข้อมือบางพลางออกแรงดึงให้คนที่ยังเกาะเบาะแน่นออกมาจากรถ
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองรอบกายแล้วแผ่นป้ายสีชมพูวิ้งๆที่มีตัวอักษรไฟวิ่งว่า LOVE HOTEL มันก็ยิ่งทำให้ร่างโปร่งยิ่งตะเกียกตะกายจะกลับเข้าไปในรถเหมือนลูกหมาที่กำลังพยายามหนีเพราะไม่อยากถูกจับฉีดยายังไงอย่างงั้น
ริมฝีปากช่างเจรจาเริ่มร้องโวยวายตามประสาทันที
“
อ๊า~~ ที่แบบนี้มันจะมีเสื้อผ้าให้เปลี่ยนที่ไหนล่ะครับ?!
คุณไปเอาม้านั่นคนเดียวก็ได้ ปล่อยผมไว้นี่แหละ! น้า~ คุณรีไว~~” เจ้าลูกหมายังคงตะกุยตะกายไขว่คว้าเบาะรถเอาไว้จนได้
ใบหน้านิ่งจึงได้แต่ถอนหายใจ
แล้วท่อนแขนแข็งแรงจึงตัดสินใจอุ้มลำตัวบางนั่นพาดบ่าก่อนที่ร่างที่ไม่ได้สูงใหญ่ทว่าแข็งแกร่งยิ่งกว่าใครจะเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างไม่สนทุกสายตาที่จับจ้องมองมา
“นี่
มีคนเอาม้าสลักหน้าตาโง่ๆแบบนี้มาฝากไว้บ้างหรือเปล่า?”
มือแข็งแรงยื่นม้าสลักที่ได้จากน้ำพุให้พนักงานต้อนรับดู ท่าทางไม่ทุกข์ร้อนถึงแม้จะมีร่างโปร่งบางดิ้นขลุกขลักอยู่บนบ่าทำให้พนักงานต้อนรับแอบเหลือบตาขึ้นไปมอง
“ไม่มีอะไรหรอก” อดีตนักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่พูดหน้าตายเมื่อสังเกตเห็นสายตาที่พนักงานต้อนรับมองเจ้าตัวดีที่อยู่บนบ่าด้วยท่าทางอึ้งๆ
“เอ่อ...สครูเดอเลียแรลลี่สินะคะ?” พนักงานต้อนรับพยายามละสายตาจากบ่าของเขาก่อนจะก้มลงไปหยิบอะไรบางอย่างในลิ้นชักเคาน์เตอร์
“คุณเอลวินฝากนี่ไว้ให้ค่ะ
แล้วยังบอกว่าม้าสลักถูกซ่อนอยู่ในห้องพวกนี้แหละ
ค่อยๆไขแล้วตามหาไปทีละห้องๆนะคะ”
แล้วกุญแจพวงหนึ่งก็วางลงมาตรงหน้าเขา
ถึงจะนึกรำคาญในความมากเรื่องของเจ้าบอสบ้านั่นแต่พอคิดว่าที่นี่เป็นที่แบบไหนแล้ว...รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ก็ปรากฏอยู่บนใบหน้าอย่างช่วยไม่ได้
หึ...ก็คงไม่เลวนักหรอกถ้าเจ้าเอลวินจะจ่ายค่าห้องทั้งหมดให้
แล้วมือแข็งแรงจึงหยิบพวงกุญแจนั่นไปโดยร่างบนไหล่ก็ยังดิ้นไม่หยุด
แล้วมันก็ยิ่งดิ้นหนักกว่าเดิมเมื่ออดีตนักขับมือหนึ่งของโลกเริ่มก้าวผ่านบานประตูห้องที่เรียงรายอยู่สองข้างทาง
“คุณรีไว!
ปล่อยผมลงนะ!”
ริมฝีปากสีระเรื่อแหกปากโวยวายเต็มที่
อันที่จริงกับเรื่องแบบนี้สำหรับพวกเขาที่ทำมาจนโชกโชนแล้วก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องเล่นตัวไปหรอก
เพียงแต่เพราะรู้ไส้รู้พุงกันดีไง
ร่างโปร่งถึงได้ต้องดิ้นหนีอย่างเอาเป็นเอาตายขนาดนี้
ก็คุณรีไวน่ะ
ลงได้ทำแล้วไม่มีทางจบภายในรอบสองรอบแน่! แล้วแรลลี่ของเขาล่ะจะทำยังไง?!
ยังไงก็ต้องหนีไปให้ห่างๆโรงแรมนี่เอาไว้ก่อน!
แล้วในขณะที่ความพยายามเฮือกสุดท้ายกำลังจะถูกเอามาใช้
ร่างแข็งแกร่งก็ไขกุญแจห้องแรกสำเร็จเรียบร้อยแล้ว
แอ้ด...
บานประตูเปิดเข้าไปทำให้ใบหน้ามนได้แต่อ้าปากค้าง...ตัวเองหนีไม่ทันก็เรื่องหนึ่งแต่ไอ้ที่ทำเอาอึ้งขนาดหนักก็คือสภาพห้องที่ราวกับถอดแบบออกมาจากห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลนี่สิ...ที่นี่มันโรงแรมแบบมีธีมหรอกเร๊อะ?! ไม่ต้องเดาก็รู้เลยว่าไอ้ห้องที่เรียงต่อกันไปนี่คงมีครบแน่
ทั้งห้องเรียน ห้องพักครู ห้องเก็บของ โรงยิม ออฟฟิศ ห้องครัว ปราสาท ราชวังทั้งญี่ปุ่น
จีน ฝรั่ง ดีไม่ดีอาจจะมีสนามหญ้าให้ด้วยซ้ำ!
ขมับใต้ไรผมสีน้ำตาลเริ่มมีเหงื่อแตกพลั่ก
ร่างทั้งร่างถูกท่อนแขนแข็งแรงนั่นปล่อยให้ลงไปยืนเอง
แล้วชุดนางพยาบาลกระโปรงสั้นสีชมพูที่วางอยู่บนเตียงคนไข้ที่ดูจะใหญ่กว่าปกตินั่นก็ทำให้ร่างแข็งแกร่งหันมาถามด้วยน้ำเสียงเจ้าเล่ห์
“เมื่อกี้นายถามใช่ไหม
ว่าที่แบบนี้มันจะไปมีชุดให้เปลี่ยนได้ยังไง?...นั่นไง...ชุดที่จะให้นายเปลี่ยนน่ะเจ้าเด็กเหลือขอ” ร่างโปร่งยืนตัวสั่นพั่บๆก่อนจะตวัดตัวเตรียมจะหนีแต่รีไวก็คว้าแขนเอาไว้ก่อนจะลากเข้าไปในห้อง
กระดุมเสื้อเชิ้ตปลดออกตามความเคยชินโดยที่นัยน์ตาสีขี้เถ้าไม่ต้องมองด้วยซ้ำ
“
ม่ายน้า~~” แล้วประตูก็ปิดลงท่ามกลางเสียงโหยหวนของลูกหมาผู้น่าสงสาร
ใบหน้าคมอมยิ้มเจ้าเล่ห์ในขณะที่โยนเสื้อผ้าชื้นแฉะออกไปรอบๆเตียง
แขนขาผอมแห้งถูกมือแข็งแกร่งจับยัดเข้าไปในชุดนางพยาบาลวาบหวิว
อืม...ดูเหมือนในห้องนี้จะไม่มีม้าสลักหน้าโง่นั่นอยู่แหะ
ช่างเถอะ...เดี๋ยวค่อยๆหา...ไปทีละห้อง...ทีละห้อง...ก็แล้วกัน~
เสียงกระดิ่งหน้าร้านเวดดิ้งสตูดิโอดังต้อนรับเมื่อCEOหนุ่มกับนักขับมือสองของเฟอร์รารี่ก้าวขาเข้าไป นัยน์ตาสีมรกตเหลือบเห็นบ่าวสาวคู่หนึ่งกำลังลองชุดกันอยู่
แล้วแก้มใสจู่ๆก็รู้สึกร้อนผ่าวอย่างไม่ทราบสาเหตุ
ซึ่งท่าทางเขินอายเหล่านั้นล้วนอยู่ในสายตาของร่างสูงใหญ่ที่เป็นฝ่ายเดินนำ
แต่CEOหนุ่มก็ไม่ได้พูดอะไรเพียงแค่เดินไปหาพนักงานต้อนรับเพื่อถามหาม้าสลัก RCตัวที่สองที่ทำให้พวกเขาต้องเข้ามาที่นี่...บอกตามตรงว่าบรรยากาศหวานๆและเต็มไปด้วยคู่รักแบบนี้มันก็ทำให้เขาประหม่าอยู่เหมือนกัน
“สวัสดีค่ะ
อยากจัดงานแต่งงานแบบไหนดีค่ะ?” CEOหนุ่มถึงกับผงะเมื่อพนักงานต้อนรับถามออกมาแบบนั้น...แต่ก็นั่นแหละนะ...ที่แบบนี้...ถ้าไม่คิดจะจัดงานแต่งงานแล้วใครจะเข้ามา...คงไม่มีใครบ้ามาตามหาม้าสลักหน้าตาโง่ๆนั่นในสถานที่แบบนี้เหมือนพวกเขาหรอก!
เจ้าเอลวิน...แกนะแก!
“ปละ
เปล่า ไม่ได้จะมาปรึกษาเรื่องงานแต่ง...แต่จะมาถามว่ามีคนเอาม้าสลักมาซ่อนไว้ที่นี่บ้างหรือเปล่า?” มือใหญ่ยื่นม้าสลักตัวแรกให้พนักงานดูในขณะที่พยายามปรับสีหน้าให้กลับไปเป็นปกติ
“อ๋อ...สครูเดอเลียแรลลี่สินะคะ?
รอสักครู่นะคะ จะไปหยิบม้าสลักมาให้ เชิญนั่งรอที่โซฟาก่อนก็ได้ค่ะ” ถึงCEOหนุ่มจะสงสัยว่ามันจะง่ายขนาดนั้นเลยเหรอทั้งๆที่กว่าจะได้ตัวแรกมาเขาต้องปีนต้นไม้ลำบากลำบนขนาดนั้น
แต่ก็ยอมนั่งลงที่โซฟาสีเบจแต่โดยดี
“สเลน”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกคนที่ยังยืนนิ่งอยู่แถวๆหน้าประตู
ร่างโปร่งสะดุ้งน้อยๆก่อนจะเดินมาหาแล้วนั่งลงข้างๆ
“ดีจังเลยนะครับ...ดูพวกเค้ามีความสุขจัง”
ใบหน้าได้รูปอมยิ้มเมื่อมองไปที่หนุ่มสาวอีกคู่ที่กำลังช่วยกันเลือกของชำร่วยที่จะแจกแขกในงาน ถึงเขาจะเคยผ่านการเตรียมตัวเป็นเจ้าบ่าวมาแล้ว
แต่ตอนนั้นเขาแทบไม่มีกระจิตกระใจจะทำ ทุกอย่างก็เลือกเอาจากแคตตาล็อกง่ายๆเพราะคนที่จะแต่งงานด้วยไม่ใช่คุณครูเทโอ...ไม่ใช่คนที่เขารัก...แต่เป็นแค่การแต่งงานตามหน้าที่
ความใส่ใจในรายละเอียดจึงแทบไม่มี ยิ่งความสุขหรือความรู้สึกสนุกกับมันก็ยิ่งไม่มี
พอได้มาเห็นคู่บ่าวสาวที่ช่วยกันจัดงานแต่งงานขึ้นมาด้วยความรักมันเลยอดที่จะนึกถึงตัวเองกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆไม่ได้
ถ้างานแต่งงานตอนนั้น...คนที่เขาแต่งด้วยเป็นคุณครูเทโอ...ได้ช่วยกันเลือกชุด
เลือกของขวัญของชำร่วย เลือกดอกไม้ เลือกขนม...มันจะมีความสุขขนาดไหนกันนะ...
แล้วสายตาที่ทอดมองคู่รักคู่อื่นอย่างชื่นชมของร่างโปร่งบางก็ทำให้CEOหนุ่มรู้ว่าสเลนคงอยากจะทำแบบนั้นบ้าง โดยที่คนที่จะยืนอยู่ข้างๆเป็นเขา
ไม่ใช่คุณหนูของBMWเหมือนเมื่อครั้งก่อน
ร่างสูงใหญ่เอนพิงพนักโซฟาในขณะที่ยกแขนขึ้นมาพาดไว้ด้านหลังร่างโปร่ง
ใบหน้าหยิ่งทระนงที่เงยมองฝ้าเพดานกำลังคิดอะไรบางอย่าง
พวกเขาอาจจะจัดงานแต่งงานแบบจริงๆจังๆไม่ได้...แต่ถ้าแค่พรีเวดดิ้งละก็...
“สเลน”
ท่อนแขนที่พาดพนักพิงโซฟาย้ายลงมาวางไว้บนมือบางของคนที่นั่งอยู่ข้างๆก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง
“มาถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกันเถอะ”
ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาที่หันมามองถึงกับอ้าปากค้าง
“เอ๋~~~?”
“ขอดูแพคเกจถ่ายรูปพรีเวดดิ้งหน่อย
ผมอยากได้กรอบรูปขนาดใหญ่เอาไปติดที่ผนังในห้องนอนด้วยน่ะ” แล้วCEOหนุ่มก็หันไปบอกพนักงานต้อนรับที่ถือม้าสลักเดินกลับมาพอดีโดยที่ไม่ได้สนใจเลยว่าร่างโปร่งบางจะตอบว่ายังไง
“คุณครูเทโอ...ตะ
แต่ว่า...แล้วแรลลี่ละครับ?...”
ร่างโปร่งขยับนั่งตัวตรงในขณะที่พยายามจะเตือนCEOหนุ่มว่าตกลงพวกเขามาทำอะไรที่นี่กันแน่ แต่คนเอาแต่ใจกลับพลิกแฟ้มโปรโมชั่นมากมายที่วางอยู่บนโต๊ะหน้าตาเฉย
“ช่างมันเถอะน่า
เดี๋ยวพอปิดฤดูกาลเธอก็มีวันหยุดยาวใช่ไหมล่ะ?
ส่วนชั้นจะหยุดเมื่อไหร่ก็ได้อยู่แล้ว เพราะงั้นจะชนะหรือแพ้ก็ไม่เห็นเป็นไรหรอกแรลลี่นั่นน่ะ
เธอคิดว่าเอากรอบแบบไหนดี?”
ใบหน้าหยิ่งทระนงพูดอย่างไม่ใส่ใจ อะไรที่ไม่ใช่เรื่องงานนี่เปลี่ยนเป็นคนละคนเชียวนะ
ใบหน้าได้รูปได้แต่มองอีกฝ่ายพลางถอนหายใจก่อนจะก้มลงไปดูตัวอย่างกรอบรูปในแฟ้มที่พนักงานส่งมาให้
“จะไปติดตรงไหนละครับเนี่ย?”
ถึงปากจะถามไปแบบนั้นแต่นัยน์ตาสีมรกตที่กำลังเปล่งประกายแห่งความสุขมันก็ทำให้คนเริ่มเรื่องลอบยิ้มอย่างพอใจ
“ผนังที่หัวเตียงไง
เอาภาพเขียนที่ติดอยู่ตอนนี้ออกซะ...ขนาดซัก1.5x2เมตรนะครับ” ประโยคหลังCEOหนุ่มหันไปบอกพนักงานที่ส่งแพคเกจมาให้ไม่หยุด
“จะถ่ายวันนี้เลยไหมคะ?
เมื่อกี้ฝ่ายจัดสถานที่เพิ่งแจ้งมาเองค่ะว่าทุ่งดอกป๊อปปี้ที่เซียน่ากำลังบานพอดีเลยค่ะ”
“เอ๊ะ?
เซียน่า? แปลว่าต้องออกไปถ่ายนอกสตูดิโอเหรอครับ?” มือบางที่จับแฟ้มอยู่ถึงกับชะงักน้อยๆ
ก็ถ้าต้องออกไปถ่ายข้างนอกมันออกจะน่าอายนี่นา
“แล้วแต่จะเลือกเลยค่ะ
ในสตูดิโอก็จะมีฉากให้เลือกตามนี้ค่ะ”
พนักงานส่งรูปมาให้ดูแต่แค่นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองแว่บเดียว CEOหนุ่มก็ตัดสินใจทันที
“เอาที่เซียน่านั่นแหละ
เลือกชุดเลยไหม?” เอ๊ะ?
“ครับ”
แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ริมฝีปากเจ้ากรรมมันถูกคุณครูเทโอชักนำ...โธ่~ ตั้งสติหน่อยสิสเลนเพราะถ้าออกไปถ่ายข้างนอกน่ะ...
เพราะถ้าออกไปถ่ายข้างนอก….
ก็ถ้าออกไปถ่ายข้างนอก….
มันจะใส่สูทไปถ่ายพรีเวดดิ้งทั้งคู่ได้ยังไงล่ะ?! คนมองกันตายชักเลย!!
Ferrari
Carifornia จอดลงที่ลานจอดรถของสวนสนุกแห่งหนึ่งในอิตาลี
โครงเหล็กของรถไฟเหาะและวงล้อของชิงช้าสวรรค์ที่มองเห็นอยู่ไกลๆให้บรรยากาศราวกับว่ากำลังจะมาเดทยังไงอย่างงั้น
ร่างสูงใหญ่กับร่างบอบบางลงไปยืนอยู่ข้างๆกันก่อนจะแหงนหน้ามองเครื่องเล่นพวกนั้นด้วยดวงตาเป็นประกาย
คนหนึ่งเพิ่งจะเคยมาที่แบบนี้เป็นครั้งแรก ส่วนอีกคนก็กำลังรำลึกความหลังเมื่อตอนที่ไปกับเพื่อนฝูงสมัยวัยรุ่น
“หน้าตาเหมือนสวนสนุกที่ญี่ปุ่นเลยโกคุเดระ!” น้ำเสียงตื่นเต้นทำให้คนไม่เคยมานึกอิจฉาระคนหมั่นไส้จนใบหน้าที่กำลังตื่นตาตื่นใจกลับไปหงิกงอตามเดิม
“ที่ไหนมันก็เหมือนกันทั่วโลกนั่นแหละ!
เอาม้าหน้าโง่นั่นไปถามคนขายตั๋วสิไอ้หมีบ้านี่!” เสียงห้วนเอ่ยสั่งทั้งๆที่นัยน์ตาสีมรกตยังแอบเหลือบมองเครื่องเล่นที่อยู่หลังรั้วกั้นพวกนั้นเป็นระยะๆ
“จ้า~” ร่างสูงใหญ่รับคำก่อนจะเดินไปที่ซุ้มขายตั๋ว
นัยน์ตาสีเปลือกไม้แอบชำเลืองมองร่างบอบบางที่ยังคงมองเครื่องเล่นด้วยดวงตาเป็นประกาย...หรือว่าโกคุเดระจะเพิ่งเคยมาสวนสนุกเป็นครั้งแรก?
เพราะชีวิตในวัยเด็กของโกคุเดระแค่จะเอาตัวรอดไปวันๆก็ยังยากเย็น
คงไม่เคยได้สัมผัสอะไรแบบนี้?
“โทษนะ
มีคนของเฟอร์รารี่เอาม้าสลักแบบนี้มาฝากไว้บ้างหรือเปล่า?”
เสียงทุ้มถามคนขายตั๋วทั้งๆที่ในหัวกำลังคิดถึงเรื่องอื่น แต่แทนที่จะตอบ
พนักงานขายตั๋วกลับยื่นกระดาษที่มีรูปสวนสนุกกับวงกลมในแต่ละจุดสำหรับประทับตรามาให้?
“ต้องไปเล่นเครื่องเล่นแล้วก็แสตมป์มาให้ครบก่อนครับ
ถึงจะเอามาแลกม้าสลักได้”
พนักงานขายตั๋วพูดด้วยท่าทางไม่ทุกข์ร้อนต่างจากใบหน้าคมที่ยิ้มมุมปากกระตุก…ทำเป็นเซเว่นอีเลฟเว่นไปได้นะสครูเดอเลียแรลลี่!
มือใหญ่รับกระดาษแผ่นนั้นมาก่อนจะเดินยิ้มร่ากลับไปหาร่างบอบบาง...บอกตามตรงนะว่าไอ้ม้าสลักหน้าตางี่เง่านั่นมันจะเป็นยังไงก็ช่าง
แต่ที่เขาตัดสินใจว่าจะเข้าไปเล่นเครื่องเล่นในสวนสนุกแล้วก็เก็บแต้มให้ครบเหมือนเด็กๆนี่ก็เพราะโกคุเดระต่างหาก!
“เค้าบอกว่าต้องประทับตราให้ครบก่อนอ่ะโกคุเดระ
แต่ถ้าไม่เข้าไปเล่นเครื่องเล่นทุกอันตามนี้ก็จะประทับตราไม่ได้น่ะ”
“ถะ
ถ้างั้น...ชั้นจะยอมเล่นด้วยก็ได้! เห็นว่าต้องทำหรอกนะ
ไม่ได้อยากเล่นของปัญญาอ่อนๆแบบนั้นซักนิดเดียว!”
คนที่ยืนกอดอกรอฟังอยู่สะบัดหน้าราวกับว่าไม่เต็มใจ...แต่ที่จริงแล้วก็อยากเล่นใช่ไหมล่ะน่ะ?
คบกันมาตั้งขนาดนี้มีหรือที่เขาจะไม่รู้เจ้าคนปากไม่ตรงกับใจ
“จะยืนชักช้าอยู่ทำไมล่ะ?!
นำเข้าไปสิ!”
“ครับ” ใบหน้าคมได้แต่ส่ายน้อยๆอย่างอารมณ์ดีก่อนที่ทั้งคู่จะเดินเข้าไปในสวนสนุกด้วยกัน
ถึงจะไม่ใช่วันเสาร์อาทิตย์แต่ข้างในนี้ก็คนเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองร่างบอบบางที่เดินอยู่ข้างๆ
ถึงใบหน้าสวยนั่นจะเมินเฉยใส่ทุกสิ่งทุกอย่างเหมือนเคยแต่ประกายวิ้งๆในดวงตาสีมรกตมันก็ทำให้เขารู้ว่าโกคุเดระคงเดินลอยๆไปหาเครื่องเล่นที่สนใจโดยไม่ทันได้มองเขาแน่ๆ
ถ้าพลัดหลงกันก็คงจะลำบาก แล้วในขณะที่กำลังคิดว่าจะหาวิธีป้องกันเด็กหลงยังไง
จู่ๆโกคุเดระก็หยุดแล้วยืนมองตัวตลกที่กำลังแจกลูกโป่งให้เด็กๆ
อยากได้?
อยากได้ลูกโป่งนั่นบ้างสินะ? จะว่าไปก็เป็นวิธีที่ดีเลย?
ร่างสูงใหญ่จึงก้าวขาเข้าไปขอลูกโป่งสีแดงมาให้ลูกหนึ่ง…
“ชะ
ชั้นไม่ใช่เด็กๆนะไอ้บ้า! ใครจะไปเดินถือลูกโป่งปัญญาอ่อนนั่น!”
“ถ้าไม่ถือก็ผูกข้อมือเอาไว้แบบนี้นะ” แล้วมือใหญ่ก็ผูกเชือกไว้ที่ข้อมือบาง
ทั้งๆที่ปากบอกว่าไม่อยากได้แต่ดวงตาระยิบระยับกลับมองมาที่ข้อมือของตัวเองตาไม่กระพริบแล้วกว่าจะรู้สึกตัวอีกทีลูกโป่งก็ลอยอยู่เหนือหัวสีเงินเรียบร้อย
“ห๊ะ?! ใครให้ผูกล่ะไอ้หมีบ้านี่!
เอาออกไปเลยนะเฟ้ย!”
“นี่ไง
ชั้นก็ผูกด้วย
นายรู้หรือเปล่าว่าถ้าทำแบบนี้แล้วเทพแห่งสวนสนุกจะออกมาให้เห็น” แล้วใบหน้าที่กำลังแยกเขี้ยวใส่เขาก็ตาโตทันที
ไอ้เรื่องลี้ลับแบบนี้ละชอบนัก
“เทพแห่งสวนสนุก?”
“ใช่
หายากมากเลยนะที่ใครจะได้เจอ ยากพอๆกับสึจิโนโกะเลยละ” เขายกตำนานงูยักษ์ของญี่ปุ่นมาอ้าง
ใบหน้าสวยจึงพยักหงึกๆอย่างว่าง่าย
“เรียบร้อย
เราไปต่อแถวขึ้นรถไฟเหาะกันเถอะ!”
ร่างสูงใหญ่จึงเดินเคียงข้างร่างบอบบางโดยมีลูกโป่งสีแดงกับน้ำเงินลอยอยู่เหนือหัว...ก็ถ้าโกคุเดระจะสังเกตคนรอบตัวสักนิดดดดนึงก็จะรู้ทันทีว่าโดนเขาต้ม
เพราะไม่มีใครผูกลูกโป่งแบบพวกเขาเลยนอกจากเด็กเล็กๆ แต่ก็นะ
เพราะเจ้านักขับมือหนึ่งของเฟอร์รารี่ไม่เคยสนใจใคร
แผนการประกบตัวเด็กหลงของเขาถึงได้สำเร็จไปด้วยดีแบบนี้ ใบหน้าคมอมยิ้มอย่างอารมณ์ดี
โกคุเดระนี่น่ารักจริงๆให้ตายเถอะ
“อื้ม~
คุณรีไว ฮะ~ คุณรีไว คะ คุณรีไว คุณรีไว~”
เสียงร้องเรียกถี่ขึ้นตามจังหวะการขยับกายที่กระชั้น
ริมฝีปากสีระเรื่อสั่นระริกเช่นเดียวกับหัวคิ้วที่ขมวดเข้าหากันแน่น
ความสุขสมที่ถาโถมเข้ามายิ่งทำให้ใบหน้ามนสะบัดเงยราวกับจะล่องลอยไปยังสรวงสวรรค์ให้ได้
“อื้อ~
คุณรีวะ อ้า~”
ติดก็ที่เบื้องล่างยังคงถูกร่างกายแข็งแรงยึดเอาไว้ด้วยการสอดใส่ที่หนักหน่วง
สรวงสวรรค์จึงยังถูกปิดกั้นด้วยปลายนิ้วโป้งที่กดลงไปอย่างไม่ยอมให้เขาปลดปล่อยอยู่ฝ่ายเดียว
“คุณรีไว~
ผมจะ อ้า~”
ริมฝีปากสีระเรื่อร้องเสียงหลงเมื่อความเป็นชายที่อยู่ในร่างกายจงใจเสียดสีจุดที่ทำให้รู้สึกดีจนพูดไม่เป็นภาษาเมื่อเขาอ้อนวอนขอให้ปล่อยเขาไป...ทำไมจะไม่รู้ละว่าคนคนนี้ซาดิสขนาดไหน
ถ้าตัวเองยังไม่ถึงละก็ต่อให้เขาจะทรมานแทบขาดใจตายยังไงก็ไม่ยอมปล่อยให้เขาไปก่อน!
“อ๊ะ
อื้อ~~~!!” ไหล่บางกระตุกเฮือกเมื่อจู่ๆมือใหญ่ก็ยอมปล่อยแกนกายของเขาโดยไม่บอกกล่าว
แล้วจังหวะที่ความเป็นชายที่เคยฝังอยู่ในช่องทางด้านหลังถูกดึงออกไปจนสุดแล้วกระแทกกลับเข้ามารวดเดียวมันก็ทำให้ทุกความปรารถนาพุ่งพรวดออกมาเป็นน้ำสีขาวขุ่นแตกกระจายเต็มหน้าท้อง ร่างโปร่งยังกระตุกอยู่อีกหลายทีกว่าความต้องการที่กักเก็บมานานจะถูกปล่อยออกมาจนหมด
ความสุขสมซาบซ่านอยู่ในร่างกายจนทำได้แค่นอนแผ่รับความอุ่นวาบนั้นเข้ามา
ใบหน้ามนล่องลอยไปไกลในขณะที่ลมหายใจหอบถี่เริ่มกลับมาเข้าที่เข้าทาง
นัยน์ตาสีมรกตเหลือบมองชายกระโปรงสีชมพูของชุดนางพยาบาลที่ถลกขึ้นมากองอยู่รอบโคนขา
ชุดนี่มันไม่ต้องถอดกางเกงด้วยซ้ำจะว่าสะดวกหรือน่าอายกันแน่นะ?! นี่ถ้าเขาต้องใส่ชุดแบบนี้มีหวังคุณรีไวได้ทำทุกครั้งที่เจอหน้ากันแน่ๆ!
คิ้วหนาขมวดเข้าหากันก่อนจะมองอีกฝ่ายอย่างเคืองๆ
แต่คนที่กำลังถอนกายออกไปด้วยใบหน้าเจ้าเล่ห์ก็เพียงแค่ยิ้มที่มุมปาก
มือแข็งแรงพลิกร่างโปร่งให้นอนคว่ำก่อนจะรั้งคอเสื้อสีชมพูลงไปถึงกลางหลัง
ริมฝีปากที่กดจูบลงมาทำให้ใบหน้ามนถึงครางเบาๆ
แต่คนที่พยายามจะเคืองก็พลิกใบหน้ากลับมามองคนที่นอนทับอยู่บนแผ่นหลัง
แก้มใสพองลมอย่างงอนๆแต่คุณรีไวก็รู้ทันตลอด เสียงทุ้มจึงกระซิบด้วยน้ำเสียงเซ็กซี่มาที่ข้างใบหู
“เอเลน” แก้มป่องขึ้นสีทันที อ๊า~
โธ่! ขี้โกงที่สุด!
มาเรียกชื่อเขาด้วยเสียงแบบนี้แล้วจะงอนต่อไปได้ยังไง!
“เอาออกให้ผมด้วยเลยนะ!
แล้วก็กลับไปแข่งแรลลี่ต่อเดี๋ยวนี้เลย!” เสียงเง้างอดจึงดังออกมาจากใบหน้าที่หันกลับไปซุกลงบนหมอนสีขาว
ได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอก่อนที่คุณรีไวจะลุกออกไป
แต่แทนที่อีกฝ่ายจะสอดนิ้วเข้ามาล้วงเอาของของตัวเองออกไปอย่างที่เขาสั่ง
ท่อนแขนแข็งแรงกลับอุ้มเขาขึ้นก่อนจะพาดบ่าเอาไว้ซะงั้น?
“ทำอะไรของคุณน่ะ?
เอาออกให้ผมก่อนสิ? เดี๋ยว? แล้วนี่จะไปไหนครับ?!”
ใบหน้ามนเริ่มร้องโวยวายเมื่อร่างแข็งแกร่งเดินตรงไปที่ประตู
“เอาไว้แบบนั้นแหละจะได้ลื่นๆ
แล้วก็กำลังจะไปแข่งแรลลี่ต่อไง ยังหาม้าสลักหน้าโง่นั่นไม่เจอเลยใช่ไหมล่ะ?” ใบหน้ามนได้แต่อ้าปากค้างพลางหน้าซีดเมื่อมือแข็งแรงอีกข้างโบกพวงกุญแจห้องของโรงแรมนี่ให้เขาดู...อย่าบอกนะว่าจะเข้าไปหามันทุกห้อง
แล้วก็ต้องใช้บริการเพื่อไม่ให้เสียค่าเช่าฟรีๆน่ะ? ปกติก็ไม่ใช่คนงกแบบนี้นี่?!
“ม่ายน้า~ ปล่อยผมเดี๋ยวนี้! ผมจะกลับ~~”
เสียงโหยหวนดังไปตลอดทาง
จากห้องผ่าตัดในโรงพยาบาลไปจนกระทั่งประตูห้องพักครูที่อยู่ข้างๆปิดลง
“เอาละ...ต่อไปก็ชุดนักเรียนสินะ?
เป็นแบบญี่ปุ่นซะด้วย?”
“ม่าย~~”
Ferrai
458 Italia แล่นผ่านฟลอเรนซ์ไปแบบไม่สนใจไยดีทั้งๆจุดหมายปลายทางของแรลลี่อยู่ที่เมืองของไมเคิลแองเจโลศิลปินเอกของโลกนั่นแท้ๆ เฟอร์รารี่สีขาวมุ่งหน้าลงใต้เพื่อไปยังเซียน่า
เมืองเก่าแก่ขึ้นชื่อของแคว้นทัสคานีที่ต้อนรับนักท่องเที่ยวปีหนึ่งๆไม่รู้กี่ล้านคน
แต่ขบวนรถจากร้านพรีเวดดิ้งก็ไม่ได้ตรงเข้าไปในเมืองเซียน่าแต่กลับเลือกเมืองเล็กๆอย่าง
Montepulciano
ที่คนไม่พลุกพล่านเหมาะแก่การถ่ายรูปสวยๆให้คู่แต่งงานด้วยบรรยากาศคลาสสิคของสถาปัตยกรรมโบราณ อันที่จริงอิตาลีก็มีเมืองแบบนี้มากมาย
ที่พวกเขาเลือกที่นี่ก็เพราะไฮไลท์ของการถ่ายรูปครั้งนี้มันอยู่ที่เนินเขาและทุ่งดอกป๊อปปี้ใกล้ๆกันนี้ด้วย
รถสีขาวจอดลงที่ลานจอดรถนอกเมือง
ร่างสูงใหญ่ที่อยู่ในสูทสีขาวของเจ้าบ่าวก้าวขาออกมาจากประตูด้านคนขับ
ผมสีทองที่ถูกเซตมาอย่างดีทำให้ใบหน้าหยิ่งทระนงในวันนี้ยิ่งดูหล่อเหลาจนสาวๆที่เดินผ่านถึงกับหันมามอง
ประตูรถปิดลงเบาๆก่อนที่CEOหนุ่มจะก้าวขาไปที่ประตูอีกฝั่ง
ปกติเขาก็ไม่ค่อยได้เดินมาเปิดประตูให้สเลนแบบนี้เท่าไหร่หรอกแต่ถ้าวันนี้ไม่ทำ
เด็กนั่นคงไม่ยอมลงจากรถแน่
นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองใบหน้าได้รูปที่ก้มงุดด้วยความอายเมื่อประตูรถถูกเปิดออก
CEOหนุ่มยิ้มน้อยๆก่อนจะผายมือลงไปตรงหน้าร่างโปร่งบาง...อันที่จริงเขาก็ไม่ได้ตั้งใจหรอกนะ
แต่เป็นเพราะออกมาถ่ายรูปกันนอกสตูดิโอทำให้เด็กนี่หลับหูหลับตาหยิบชุดนี้ใส่มาแทนที่จะเป็นสูทสีขาวเหมือนกัน
“จะให้ผู้ชายใส่สูทสองคนไปถ่ายรูปพรีเวดดิ้งกัน
ใครเห็นก็คงมองเป็นตาเดียวแน่ครับ...”
เพราะงั้นเด็กนี่ถึงได้ยอมอายแต่ไม่อยากให้ชาวบ้านมองด้วยสายตาแปลกๆโดยการเลือกใส่ชุดที่เหมือนคู่แต่งงานทั่วไปให้ แล้วมันก็เนียนอย่างที่ไม่บอกก็ไม่มีใครรู้เลยว่าคนที่อยู่ในชุดเจ้าสาวตอนนี้เป็นผู้ชาย
มือบางในถุงมือสีขาวยาวถึงข้อศอกวางลงบนมือของเขา
เจ้าของเส้นผมสีชาที่ต่อลงมาถึงกลางหลังทำใจอยู่หลายนาทีก่อนที่ฝ่าเท้าในคัทชูสีขาวจะก้าวลงมาจากรถ
ชายกระโปรงฟูฟ่องพลิ้วไหวไปตามสายลมจนท่อนแขนบางที่วางอยู่ข้างเอวคอดต้องขยับมาจับมันเอาไว้
ไหล่เปลือยเปล่าห่อเข้าหากันนิดๆเมื่อสัมผัสกับอากาศภายนอก
ใบหน้าที่ถูกแต่งแต้มแค่บางๆก็สวยซึ้งตรึงใจเงยขึ้นมามองร่างสูงใหญ่ก่อนจะก้มลงไปมองพื้นอย่างอายๆอีกครั้ง
แสงแฟลชทำให้รู้ว่าตากล้องคงถ่ายรูปที่เป็นธรรมชาติของพวกเขาเก็บเอาไว้ให้
แต่เพราะแบบนั้นมันก็ยิ่งทำให้คนที่กำลังอายเอื้อมมือไปจับสูทของCEOหนุ่มเอาไว้ก่อนจะก้มหน้าหนักกว่าเดิม
ตากล้องก็ยิ่งรัวชัตเตอร์กระหน่ำตั้งแต่ยังไม่ทันจะได้ทำอะไร
แค่ก้าวขาลงมาจากรถนี่ก็กดไปไม่รู้กี่สิบรูป เพราะภาพเจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่นี้กับเฟอร์รารี่สีขาวที่มีฉากหลังเป็นอาคารสไตล์ทัสคานีสีน้ำผึ้งนั้นมันสวยงามราวกับภาพเจ้าหญิงเจ้าชายจากเทพนิยายสมัยใหม่ที่เปลี่ยนจากรถม้าเป็นเฟอร์รารี่เลยจริงๆ
“ไม่ต้องเขินหรอก
เธอน่ะสวยมาก เชิดหน้าอย่างภาคภูมิใจได้เลย เชื่อชั้นสิ” เสียงทุ้มกระซิบอยู่ที่ใบหูและนั่นมีแต่จะยิ่งทำให้แก้มใสแดงยิ่งกว่าเก่า
“โธ่~
น่าอายจะตายครับ...”
“หึ...ไปกันเถอะ
เดินระวังจะสะดุดชายกระโปรงด้วยล่ะ”
ช่างภาพและทีมงานเดินนำพวกเขาไปยังมุมที่จะใช้ถ่ายรูป
ถึงสเลนจะไม่ใช่คนซุ่มซ่ามแต่กับกระโปรงยาวฟูฟ่องที่ไม่คุ้นเคยแบบนี้ก็มีหลายครั้งเหมือนกันที่เผลอไปเหยียบมันจนจะล้มเข้า
ยังดีที่มือใหญ่คอยจับเอาไว้ตลอด...แน่นอนว่าตากล้องก็เก็บภาพหวานๆของพวกเขาได้ตลอดเช่นกัน
เพราะงั้นกว่าจะมาถึงมุมมหาชนของเมืองนี้ได้
เมมโมรี่การ์ดก็มีรูปหลายร้อยใบไปแล้ว…
“ว๊ากกกกกกกก!!!”
เสียงแหกปากลั่นดูเหมือนจะมาจากทางเพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่เสียมากกว่า
ในเมื่อคนที่นั่งข้างๆยังคงหน้าตายถึงแม้ว่ารถไฟเหาะมันจะวิ่งฉวัดเฉวียนชวนอาเจียนและหวาดเสียวแค่ไหนก็ตาม
“เหวอ~!!” ใบหน้าคมร้องออกไปอย่างไม่สมกับตำแหน่งหน้าที่ในแฟมมิลี่มาเฟียที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอิตาลีเลยสักนิด
เพราะความรู้สึกเสียวแปล๊บในช่องท้องเมื่อจู่ๆรางเหล็กมันก็หายไปก่อนรถไฟเหาะจะดิ่งพสุธาลงมารวดเดียว
ถึงเขาจะเป็นนักฆ่าแต่ก็ไม่ได้มีภูมิต้านทานเรื่องแบบนี้เท่าไหร่นะ! นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงหลับปี๋แล้วปล่อยให้ลมแรงๆปะทะใบหน้า
แล้วกว่ามันจะกลับมาวิ่งนิ่งๆเขาก็แหกปากลั่นจนเจ้าคนข้างๆเหล่ตามามองอย่างเหยียดๆ
“เค้ากลัวอ่ะที่รัก~”
มือใหญ่ทาบไปที่หัวใจซึ่งกำลังเต้นจนแทบจะทะลุออกมาจากอก
ใบหน้าคมหันไปมองคนข้างๆอย่างออดอ้อนแต่ก็มีเพียงริมฝีปากเย้ยหยันที่ส่งยิ้มกลับมาให้
โกคุเดระไม่ร้องซักแอะ สมแล้วที่เป็นนักขับฟอร์มูล่าวัน...เพราะความเร็วระดับนี้คงเทียบไม่ได้กับความเร็วที่โกคุเดระต้องเจออยู่ทุกวัน
แต่เขาก็ไม่กังวลหรอกนะว่าเจ้านักขับของเฟอร์รารี่นี่จะเบื่อ
เพราะถึงใบหน้าจะยังเฉยชาเป็นปกติแต่นัยน์ตาสีมรกตกลับทอประกายสนุกสนาน
มันแทบจะไม่เคยปิดเพราะหวาดเสียวเหมือนเขาเลยมั้งนั่น เหมือนโกคุเดระจะจ้องมองทุกดิ่งทุกโค้งที่รถไฟวิ่งไป
ถ้าไม่ชอบใจจริงๆก็คงไม่มองซะขนาดนี้หรอก
ชิ!
แต่ก็ผิดแผนชะมัด ทั้งๆที่เขาตั้งใจว่าโกคุเดระจะต้องกลัวแล้วเกาะแขนเขาแน่น
ที่ไหนได้...ตรงกันข้ามซะงั้น!
“อุบ...ชั้นจะอ้วกแล้วอ่ะโกคุเดระ” ในหัวมันกำลังหมุนคว้างถึงแม้ว่าเขาจะลงมายืนอยู่บนพื้นแล้วก็ตาม
มือใหญ่ต้องยันผนังเอาไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างปิดปากอย่างพะอืดพะอม
“ไม่ได้เรื่องเลยแกน่ะ! เป็นแค่หมีบ้าที่อยู่แต่ในป่าในเขาสินะถึงได้เมาแม้แต่รถไฟแค่นี้! ชั้นกะว่าจะเล่นอีกซักสองสามรอบแท้ๆ!” พอเถอะ แค่รอบเดียวเขาก็หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลมอยู่แล้ว
สงสัยว่าเขาจะอายุมากเกินไปที่มาเล่นอะไรพวกนี้?
ปุบ
ตรายางประทับลงไปบนกระดาษลายแทงที่ใช้สำหรับแสตมป์
เป็นอันว่าพวกเขาผ่านด่านแรกเรียบร้อยจนได้
“นั่งรออยู่ตรงนี้นะ
อย่าไปเดินเป็นหมีหลงที่ไหนล่ะ”
โกคุเดระหันซ้ายหันขวาก่อนจะวิ่งตรงไปที่ซุ้มขายเครื่องดื่ม เขามองตามลูกโป่งสีแดงที่ลอยอยู่เหนือหัวสีเงิน
ภาพร่างบอบบางที่กำลังสั่งน้ำอย่างตั้งใจทำให้เผลอยิ้ม
อันที่จริงเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากแล้วละแต่โกคุเดระที่กำลังพยายามดูแลเขาในแบบของตัวเองนี่มันน่ารักเสียจนไม่อยากจะหายเลยจริงๆ
“อือ” น้ำผลไม้แก้วหนึ่งถูกยื่นมาให้
ร่างสูงใหญ่รับมันมาด้วยใบหน้าระรื่น เขาดูดพอเป็นพิธีก่อนจะคืนแก้วให้โกคุเดระที่นั่งลงมาข้างๆ...มันกลายเป็นเรื่องปกติไปแล้วที่เวลาไปไหนมาไหนพวกเขามักจะซื้อน้ำแค่แก้วเดียวแล้วกินด้วยกัน
ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเงินเพียงแต่ขี้เกียจถือเวลามันเหลือ
เลยผลัดกันซื้อน้ำที่ตัวเองชอบแล้วก็ช่วยกันดื่มให้หมด
แต่ทั้งเขาทั้งโกคุเดระไม่มีใครชอบดื่มน้ำผลไม้...ที่คราวนี้ร่างบางเลือกที่จะซื้อมันมาเพราะคิดว่ามันดีต่อคนที่กำลังเมารถไฟเหาะแบบเขาสินะ?
ใบหน้าคมอดที่จะยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ไม่ได้
ก็โกคุเดระใส่ใจเขาขนาดนี้เลยนี่นา...
“ต่อไปอะไรน่ะ?”
น้ำเสียงเฉยชาเอ่ยถามออกมาในขณะที่ยื่นแก้วที่พล่องไปกว่าครึ่งคืนมาให้เขา
นัยน์ตาสีเปลือกไม้จึงก้มลงไปมองลายแทงในมือ
“....บ้านผีสิงละโกคุเดระ” เขาลอบยิ้มเจ้าเล่ห์อยู่ในใจ
รถไฟเหาะมันไม่ค่อยเป็นใจดีนักใช่ไหม? คราวนี้แหละ
โกคุเดระจะต้องกลัวผีปลอมพวกนั้นจนเกาะแขนเขาแน่นแล้วเอาแต่เดินหลบอยู่หลังเขาตลอดทางแน่!
ทั้งๆที่คิดคำปลอบโยนเอาไว้มากมาย
ทั้งๆที่คิดว่าจะโอบกอดร่างกายบางๆนั่นยังไงให้แนบเนียน
แต่แล้ว...คนที่เขาคิดว่าจะสะดุ้งโหยงแล้วร้องไห้ขี้มูกโป่งเมื่อก้าวขาเข้ามาในบ้านผีสิง...กลับไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรเลยสักนิด!
แล้วก็ไม่ใช่ไม่กลัวเปล่า
ร่างบอบบางนั่นยังเดินตรงดิ่งไปที่ที่มีผีโผล่ออกมาด้วยดวงตาเป็นประกายราวกับจะเข้าไปทักทายแฟรงเก้นสไตล์พวกนั้นซะงั้น!
“เดี๋ยวโกคุเดระ!” เขาคว้าไหล่บางเอาไว้แทบไม่ทันเมื่อเจ้านักขับเอฟวันนี่ตั้งใจจะพังฉากเข้าไปหาพวกผีปลอมที่วิ่งหลบกันให้จ้าละหวั่น...ตกลงใครมันต้องกลัวใครกันแน่นะ?
“แฟรงเก้นสไตล์มีจริงด้วยละ...ชั้นอยากเจอหมอนั่นมาตั้งนานแล้ว...” มีจริงที่ไหนล่ะ?! อย่าให้เค้าหลอกเอาง่ายๆสิ...ถึงจะคนละความหมายเลยก็เถอะ!
แล้วก็ตลอดทางเลยจริงๆที่เขาต้องคอยไล่จับเจ้านักขับนี่ไม่ให้ไปทำลายความศักดิ์สิทธิ์ของบ้านผีสิง
แทนที่จะได้จู๋จี๋แอบอิงอย่างที่คิด!
อะไรๆมันก็ผิดแผนไปซะหมดเพราะคนที่เขาคบด้วยไม่ใช่คนธรรมดา...แต่เป็นถึงคนที่คุยกับหมีรู้เรื่องอย่างที่คนในทีมแข่งตราหน้าเอาไว้เชียวนะ
เพราะงั้นไอ้ที่จะมาหวานหยาดเยิ้มหรือไม่ก็เร่าร้อนเป็นไฟนี่คงไม่มีเสียละ
ร่างสูงใหญ่ยืนยิ้มอย่างอารมณ์ดีในขณะที่ด่านนี้เป็นด่านสุดท้ายแล้วที่ต้องแสตมป์...ใช่...พวกเขากำลังรอขึ้นชิงช้าสวรรค์อยู่หลังจากที่ไปผ่านมาร้อยเอ็ดเจ็ดย่านน้ำ
ใบหน้ามุ่งมั่นกับดวงตาเป็นประกายของโกคุเดระที่ผ่านมาทั้งวันมันทำให้เขาเผลอหัวเราะเมื่อนึกถึง
น่ารักจังน้า~
น่ารักจนร่างกายมันขยับไปเอง
มือบางถึงได้ยันหน้าของเขาออกมาอยู่แบบนี้
“ทำอะไรของแกไอ้หมีบ้าน่าไม่อาย!
ยืนให้มันดีๆสิ!”
ใบหน้าสวยหันมาแยกเขี้ยวใส่ในขณะที่มือบางสั่นน้อยๆก็ออกแรงดันอ้อมแขนของเขาที่พยายามจะกอดร่างบางๆนั่นเอาไว้
รอบกายได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักแต่เขาสนเสียที่ไหน
ใบหน้าคมจึงพยายามจะถูไถใบหน้าสวยต่อไป
“มาแล้วๆ”
เสียงทุ้มเอ่ยด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้นเมื่อกระเช้าสีฟ้าลอยใกล้เข้ามา
พวกเขาก้าวขาเข้าไปนั่งในนั้นในขณะที่แสงยามบ่ายกำลังจะค่อยๆหายไปแล้วกลายเป็นแสงยามเย็น
“นายเคยขึ้นชิงช้าสวรรค์หรือเปล่าโกคุเดระ?”
“เคย...ที่สนามซุซุกะ...”
อ๋อ...ที่สนามแข่งของญี่ปุ่นจะมีชิงช้าสวรรค์สีแดงอยู่ใกล้ๆนี่นะ แต่ว่าภาพที่มองจากชิงช้าสวรรค์ข้างสนามแข่งกับที่มองจากชิงช้าสวรรค์ในสวนสนุกขนาดใหญ่คงจะต่างกันมากมาย
นัยน์ตาสีมรกตถึงได้เปล่งประกายสวยงามขนาดนี้
เขานั่งมองโกคุเดระอยู่ที่ฝั่งตรงข้าม
แสงแดดยามเย็นที่ฉาบไล้ใบหน้าสวยซึ่งกำลังอมยิ้มน้อยๆนั้นงดงามจนต้องแอบยกมือถือขึ้นมาถ่ายรูปเอาไว้...ที่ผนังข้างบันไดจะได้มีรูปอีกหนึ่งความทรงจำดีๆที่พวกเขาทำร่วมกัน
นัยน์ตาสีเปลือกไม้เหลือบมองกระดาษลายแทงในมือ
ตราประทับรูปกระต่ายบ้างละ หมีบ้างละกระจายอยู่เต็มหน้า
ถึงจะไม่ได้เหมือนคู่รักทั่วๆไปแต่เขาก็มีความสุขที่ได้มาเดทกับโกคุเดระในวันนี้
ได้เป็นคนคอยเติมเต็มชีวิตในวัยเด็กที่ขาดหายไปให้โกคุเดระ
ได้เป็นจิกซอว์ที่จะช่วยต่อให้ร่างบางมีความทรงจำที่สมบูรณ์
จู่ๆที่หลังคอก็รู้สึกเย็นๆ
ละอองของอะไรบางอย่างกระเซ็นเข้ามา...ฝนตกอย่างงั้นเหรอ?
จากที่โปรยปรายเล็กน้อยดูเหมือนจะค่อยๆหนักขึ้นเรื่อยๆ
ยังดีที่กระเช้านี่ใหญ่พอสมควรฝั่งที่โกคุเดระนั่งถึงยังไม่โดนฝน
“มานั่งทางนี้สิ!” ใบหน้างอหงิกเอ่ยบอกเขาด้วยท่าทางปากไม่ตรงกับใจ
ร่างสูงใหญ่จึงขยับไปนั่งฝั่งเดียวกันอย่างแนบเนียน
อันที่จริงก็อยากจะทำอะไรๆบนชิงช้าสวรรค์ที่แสนเร้าใจนี่อยู่หรอกนะ
แต่ใบหน้าสลอนที่มองสายฝนกันอย่างตื่นเต้นของกระเช้าข้างๆทำให้ใบหน้าคมได้แต่ยิ้มมุมปากกระตุกอย่างจำต้องอดทนอดกลั้น
แล้วสายฝนที่ยังคงตกลงมาอย่างต่อเนื่องก็ทำให้พวกเขาตัดสินใจตะโกนบอกพนักงานควบคุมไปว่าจะขอนั่งอยู่ในนี้ก่อน
เพราะออกจากกระเช้าตอนนี้กว่าจะวิ่งไปถึงอาคารที่พอจะมีร่มให้หลบได้ก็คงจะเปียกหมดพอดี
ความเย็นจากสายฝนทำให้ไหล่บางห่อเข้ากันน้อยๆ
เขาจึงถอดสูทสีดำออกไปคลุมให้
บนร่างกายสูงใหญ่จึงเหลือเพียงแค่เสื้อเชิ้ตเข้ารูปสีดำบางๆแค่ตัวเดียว
แต่บอกตามตรงว่าเขาไม่ได้รู้สึกหนาวเลยเพราะเจ้าคนที่นั่งอยู่ข้างๆขยับมาซุกอยู่ใกล้ๆเพื่อแบ่งปันความอบอุ่นให้...โกคุเดระมักจะไม่พูดอะไรในขณะที่ทำตัวน่ารักๆแบบนี้กับเขา
ใบหน้าคมเพียงแค่อมยิ้มแล้วมองสายฝนที่โปรยปรายอยู่รอบกาย...คงจะมีแต่เรื่องนี้แหละที่ดูจะเป็นใจในวันนี้
“โกคุเดระ?” เสียงทุ้มเอ่ยเรียกเมื่อหัวสีเงินเริ่มโยกไปมา
แล้วเมื่อเขาก้มลงไปมองก็ต้องยิ้มกว้าง...หลับไปแล้ว...สงสัยเป็นเพราะบรรยากาศสบายๆดูผ่อนคลายแบบนี้ทำให้เจ้านักขับที่ไม่เคยหลับที่ไหนง่ายๆนอกจากในบ้านหรือข้างกายเขากับรีไวหลับปุ๋ยไปแล้ว
มือใหญ่ขยับหัวสีเงินให้พิงไหล่หนาดีๆ
แพขนตาที่แนบอยู่บนแก้มใสทำให้เผลอขยับใบหน้าเข้าไปใกล้ราวกับมีแรงดึงดูดที่มองไม่เห็น
ก่อนที่ริมฝีปากของเขาจะแนบลงไปบนกลีบปากสีสดนั่นอย่างแผ่วเบา…
ไม่รู้ว่าชิงช้าสวรรค์หมุนวนอยู่แบบนั้นอีกกี่รอบเพราะไม่ว่าจะยังไงมือใหญ่ก็ยังคงกุมมือบางเอาไว้ตลอด
ความอบอุ่นที่ถ่ายทอดถึงกันทำให้โกคุเดระยังคงหลับสนิท
ในที่สุดสายฝนก็หยุดลงและสายรุ้งทอประกายอยู่ที่ปลายฟ้า
เขาตัดสินใจแบกร่างบอบบางขึ้นหลังก่อนจะจัดการเอาม้าสลักมาจนได้
แต่ดูเหมือนว่าคงจะไม่ทันแล้วสินะแรลลี่ของพวกเขา
ใบหน้าคมอมยิ้มกับน้ำหนักบนแผ่นหลังและรอบกายที่เต็มไปด้วยประกายระยิบระยับจากหยดน้ำ
ถือซะว่ามาเดทก็แล้วกันนะวันนี้
แรลลี่จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ!
“เจ้าสาวขยับลงไปใกล้กว่านี้อีกนิดครับ...อีกนิดนึงครับ...” เสียงจากตากล้องสลับกับเสียงชัตเตอร์ทำให้ร่างโปร่งบางที่คร่อมอยู่ด้านบนกดดันจนใบหน้าสวยเริ่มจะลนลาน
“หึ...” นัยน์ตาสีฟ้าเห็นแบบนั้นจึงหัวเราะอยู่ในลำคอด้วยความเอ็นดู
ร่างสูงใหญ่ในสูทสีขาวกึ่งนั่งกึ่งนอนทอดกายรายล้อมด้วยทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดง
นี่ถ้าสลับตำแหน่งกันมันคงจะง่ายกว่านี้
เพราะเขาคงจะไม่รีรอแน่ถ้าเป็นฝ่ายอยู่ข้างบนแล้วต้องโน้มตัวลงมาแนบใบหน้ากับสเลนที่อยู่ข้างล่าง
แต่เป็นเพราะตากล้องอยากได้ภาพหวานๆจึงให้เด็กนั่นเป็นฝ่ายนั่งอยู่บนตัวเขาแทน
“ลงอีกนิดนึงครับ
แล้วก็ขยับหน้าเข้าไปใกล้ๆหน้าของเจ้าบ่าวด้วยครับ” เขาเฝ้ามองแก้มใสที่แดงเป็นลูกเชอร์รี่
ทำยังไงเจ้าคนขี้อายก็ไม่สามารถจะโน้มตัวลงมาใกล้เขาได้มากกว่านี้แล้ว? สงสัยเป็นเพราะว่าถูกมองอยู่?
ถ้าเขาไม่ช่วยวันนี้คงถ่ายไม่เสร็จแน่
เพราะงั้นมือใหญ่ถึงได้รั้งเอวบางลงไปแนบชิดกับหน้าท้องของตนโดยไม่บอกไม่กล่าว
ใบหน้าหยิ่งทระนงเชิดขึ้นไปรับด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
แล้วมันก็เป็นจังหวะพอดีที่ร่างโปร่งกำลังตกใจ นัยน์ตาสีมรกตจึงมองตรงมาที่เขาด้วยแววสั่นไหว
แชะ!
“ดีมากครับ
สวย...เจ้าสาวยิ้มหน่อยครับ” มาบอกให้เด็กนี่ยิ้มในสถานการณ์แบบนี้ละก็ไม่มีทางเสียหรอก
ถ้าไม่ลนจนทำอะไรไม่ถูกก็คงจะยิ้มด้วยใบหน้าราวกับจะร้องไห้แน่ๆ
เพราะงั้นเสียงทุ้มจึงกระซิบออกไปให้ได้ยินกันสองคน
“พายเลม่อนที่เธอทำเมื่อวานนี้อร่อยดีนะ...ชั้นชอบ” เท่านั้นแหละ
นัยน์ตาสีมรกตก็เบิกน้อยๆก่อนที่มันจะค่อยๆหรี่ลงพร้อมกับรอยยิ้มหวาน
แชะๆๆ
เสียงชัตเตอร์รัวกระหน่ำเขาจึงไม่ปล่อยเวลาให้เสียเปล่า
กว่าจะหลอกล่อให้สเลนยิ้มอย่างเป็นธรรมชาติออกมาได้
เพราะงั้นฝ่ามือใหญ่จึงจับมือบางขึ้นมาอย่างตั้งใจให้มุมกล้องมองเห็นแหวนแต่งงานที่เขากับเด็กนี่ใส่อยู่เหมือนกัน
บรรยากาศปานน้ำผึ้งที่นัยน์ตาทั้งสองต่างสบประสานและรอยยิ้มอ่อนหวานที่มีให้กัน
เมื่อบวกกับสายลมอ่อนๆที่กำลังพัดให้ทุ่งดอกป๊อปปี้สีแดงพลิ้วไหวคลอเคลียไปกับเนินหญ้าสีเขียวไกลสุดลูกหูลูกตาที่มีโบสถ์เล็กๆอย่าง
The
Chapel of Vitaleta เป็นฉากหลัง
มันจึงไม่แปลกเลยที่ตากล้องจะพูดราวกับตกอยู่ในภวังค์ว่า
“เพอร์เฟ็ค...”
พวกเขาค้างอยู่แบบนั้นนานแค่ไหนก็ไม่รู้เพราะทีมงานเองก็มัวแต่มองราวกับถูกสะกดจึงไม่มีใครสั่งคัทให้
จนกระทั่งเม็ดฝนโปรยปรายลงมาพวกเขาถึงได้รู้ตัวว่าคงจะอยู่กลางทุ่งแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแน่
ร่างโปร่งลุกออกไปจากบนตัวเขาก่อนจะพยายามยืนขึ้นอย่างทุลักทุเลด้วยชายกระโปรงสีขาวยาวฟูฟ่อง
ปกติแค่จะเดินบนถนนธรรมดายังลำบากแล้วตอนนี้ดันมีความจำเป็นต้องวิ่งหลบฝนอยู่กลางทุ่ง...
CEOหนุ่มจึงตัดสินใจอุ้มร่างโปร่งบางขึ้นมาด้วยท่าอุ้มเจ้าสาวแล้วก้าวขายาวๆกลับเข้าไปในเต้นท์ชั่วคราวที่ทีมงานกางรอไว้
เสียงชัตเตอร์ยังดังต่อไปอย่างไม่สนใจฟ้าฝน
เพราะละอองน้ำที่เปล่งประกายระยิบระยับนั้นสวยงามราวกับมีเพชรมาประดับท้องทุ่งเลยทีเดียว
“ภาพสวยมากเลยค่ะคุณครูเทโอ
เป็นผลงานชิ้นโบว์แดงของทางสตูดิโอเลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะฉากเมื่อกี้
เหมือนเจ้าชายกับเจ้าหญิงเลย ทางนี้นี่มองกันตาค้างเลยค่ะฮ่าๆๆ”
หัวหน้าทีมงานเดินเข้ามาชื่นชมในขณะที่เขาปล่อยสเลนลงในเต้นท์
“ขะ
ขอบคุณครับ...” สเลนตอบกลับไปอย่างเขินๆ
ส่วนเขาแค่พยักหน้ารับ...แหงละที่ภาพมันจะออกมาดี ก็เพราะว่ามีเจ้าบ่าวหล่ออย่างเขากับเจ้าสาวสวยอย่างเด็กนี่
ไม่ว่าจะถ่ายกับเมืองเก่าๆอย่างเมื่อตอนช่วงเช้าหรือว่าจะเนินหญ้าของทัสคานีอย่างตรงนี้
มันก็ต้องออกมาเพอร์เฟ็คอยู่แล้ว...ฮึ
ฝนดูเหมือนจะหนาเม็ดขึ้นเรื่อยๆ
ท่ามกลางท้องทุ่งเวิ้งว้างพวกเขาจึงทำได้แค่ยืนรออยู่ในเต้นท์เท่านั้น
ทีมงานชงชาร้อนๆมาให้
แต่ถึงมือบางจะอังแก้วเอาไว้ก่อนจะยกขึ้นจิบเป็นระยะๆแต่ไหล่เปลือยเปล่าในชุดเจ้าสาวก็ยังต้องห่อเข้าหากันน้อยๆเพราะความเย็นที่มากับสายฝน
“หนาวเหรอ?” เสียงทุ้มถามออกไปแต่ใบหน้าสวยก็ส่ายน้อยๆ
“ไม่เป็นไรครับ” สเลนหันมายิ้มให้ก่อนจะก้มลงไปจิบชาต่อ
ถ้าไม่หนาวแล้วจะพ่นควันในแก้วนั่นใส่หน้าตัวเองทำไม
จะอ้อนจะเอาแต่ใจกับเขาบ้างก็ได้แท้ๆ
มือใหญ่จึงปลดกระดุมเสื้อสูทออกก่อนจะคลุมมันเอาไว้บนหัวสีชา
ไออุ่นที่ยังติดมาทำให้ใบหน้าสวยถึงกับแดงระเรื่อ
“อะ...ขอบคุณครับ...”
ร่างโปร่งบางหันมาขอบคุณร่างสูงใหญ่ที่ตอนนี้ก็ยังดูภูมิฐานถึงจะเหลือแค่เสื้อกั๊กตัวในกับเสื้อเชิ้ตผูกไทค์อย่างเดียว
ร่างสองร่างยืนเคียงข้างรอให้ฝนจางหายอยู่แบบนั้น
ถึงการถ่ายภาพจะเสร็จเรียบร้อยแล้วแต่พวกเขาก็คงกลับไปแข่งแรลลี่ไม่ทัน
ก็....
ถือซะว่ามาลองแต่งงานดูก็แล้วกัน แรลลี่จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ!
เสียงเปาะแปะดังกระทบกับกระจกหน้าต่างแต่ร่างที่ยังนัวเนียกันอยู่บนเตียงก็หาได้สนใจไม่
อากาศภายนอกอาจจะกำลังเย็นสบายแต่ในโรงน้ำชานั้นกลับร้อนเป็นไฟ
ชุดโออิรันหลุดลุ่ยอยู่บนร่างโปร่ง คอกิโมโนไหลลงมาจนเผยไหล่ขาวที่ตอนนี้มีแต่รอยจูบสีระเรื่ออยู่ทั่วไปหมด
“อื้อ~
คุณรีไว~”
นัยน์ตาสีมรกตปิดแน่นเมื่อความเป็นชายใหญ่โตที่ขยับอยู่ในร่างกายเสียดสีถูกจุดที่ทำเอาแทบจะขึ้นสวรรค์
“เรียกนายท่านสิ
ข้าเป็นคนซื้อตัวเจ้ามาในคืนนี้นะ”
เสียงทุ้มเอ่ยหยอกเย้าให้เข้ากับธีมของห้องที่จัดตามแบบโรงน้ำชาในย่านคาวโลกีย์อย่างโยชิวาระของญี่ปุ่นในสมัยก่อน
“อ่ะ...ผม...ผมไม่ไหวแล้ว
อื้อ~”
ร่างโปร่งโยกคลอนไปตามแรงกระแทก
ก็ไม่แปลกหรอกที่เจ้าเด็กเหลือขอจะครางออกมาว่าไม่ไหว
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบไปมองกุญแจห้องดอกสุดท้ายจากกุญแจพวงใหญ่ที่ใช้ไขมาหมดแล้ว...ช่วยไม่ได้นี่...ก็ม้าสลักหน้าโง่นั่นดันถูกเอามาซ่อนไว้ในห้องสุดท้ายพอดี
…Good
job เอลวิน…
ถึงจะไม่รู้ก็เถอะว่าเจ้าบอสบ้านั่นมีเจตนาแอบแฝงอะไรหรือเปล่า
แต่แบบนี้มันก็เป็นการแข่งแรลลี่ที่ไม่เลวนักหรอก ฮึ
มือแข็งแรงจับยึดสะโพกมนเอาไว้
บนเอวบางยังมีโอบิคาดอยู่ก็จริงแต่ทั้งข้างบนและข้างล่างมันต่างแหวกออกจากกันจนเห็นยอดอกสีชมพูกับต้นขาขาวที่อ้ารับเขาเข้าไปได้อย่างชัดเจน
สภาพหลุดๆรุ่ยๆยิ่งทำให้ความต้องการทะยานสูงจนต้องกระแทกกายใส่ไม่ยั้ง
เสียงครางดังจนไม่รู้เลยว่าฝนกำลังตกหนักขนาดไหน
แต่ไม่ว่าเด็กนี่จะใส่อะไรก็กระตุ้นสัญชาติญาณดิบของเขาทั้งนั้น
ภาพชุดที่อยู่บนร่างโปร่งเปลี่ยนไปมาตามสมองที่กำลังนึกถึงห้องที่ผ่านๆมา
ทั้งชุดนักเรียนในห้องพักครู ทั้งชุดซิสเตอร์ในโบสถ์ ทั้งชุดเมดในคฤหาสน์ท่านเคานต์ ทั้งชุดฮองเฮาของพระราชวังจีน
และอีกมากมายตามจำนวนกุญแจที่วางอยู่บนโต๊ะนั่นแหละ
แต่ไม่ว่าจะอยู่ในชุดไหน
มุมมองที่เขาเป็นฝ่ายสอดใส่เข้าไปก็ไม่เคยเปลี่ยน
ช่องทางข้างในถูกหล่อลื่นไปด้วยของของเขา
ความเหนียวหนืดเมื่อผสมกับผนังนุ่มนิ่มที่โอบรัดอย่างรู้จังหวะทำเอาแทบคลั่งแล้วคลั่งอีก
ความปรารถนาที่พุ่งจนถึงขีดสุดทำให้เขาดึงร่างกายออกมาก่อนจะกระแทกกลับเข้าไปให้คนต้องรับถึงกับกระตุกเฮือก
ช่วงเวลาที่ปลดปล่อยให้หลั่งข้างในมันทำเอารู้สึกดีจนไม่รู้ว่าตอนนี้เขาทำหน้าแบบไหน
มันจะเคลิบเคลิ้มราวกับล่องลอยอยู่ในสวรรค์เหมือนหน้าของเอเลนที่เขาเห็นอยู่นี่หรือเปล่า
กว่าลมหายใจจะเข้าที่เขาก็ยังฝังร่างกายเอาไว้ในตัวของเด็กนี่อยู่แบบนั้น
ดูเหมือนจะไม่ไหวแล้วจริงๆเพราะทันทีที่ทุกอย่างจบลงเจ้าเด็กเหลือขอก็ถึงกับสลบ
มือใหญ่เกลี่ยไรผมสีน้ำตาลให้พ้นไปจากใบหน้ามนที่กำลังหลับพริ้ม
เขาอมยิ้มน้อยๆกับภาพที่เห็น ไหนๆก็หาม้าสลักหน้าโง่นั่นเจอแล้ว จะยอมให้ก็ได้
ร่างแข็งแกร่งถึงได้ถอนความเป็นชายออกมา
ร่างกายเปลือยเปล่าเดินเข้าห้องน้ำไปทั้งอย่างนั้นก่อนจะเดินกลับออกมาพร้อมกะละมังใบหนึ่ง
ผ้าขนหนูเปียกถูกบิดจนหมาดก่อนที่มันจะถูกเช็ดไปตามหน้าท้องแบนเรียบที่เต็มไปด้วยคราบคาวสีขาวขุ่น
แต่รู้สึกว่ามันจะน้อยกว่าห้องแรกๆที่เข้าไป? สงสัยว่าคงทำมากไปจนไม่มีอะไรจะออก? ซึ่งมันตรงกันข้ามกับน้ำสีขาวขุ่นที่กำลังทะลักออกมาจากช่องทางเบื้องล่างซึ่งมันเป็นของของเขาที่มันเยอะยังไงก็เยอะอยู่อย่างงั้น
ช่วยไม่ได้
ก็เจ้าลูกหมานี่มันอยากน่ากินเองทำไมล่ะ
ชุดโออิรันถูกถอดออกมากองไว้บนเตียงก่อนที่เขาจะค่อยๆสวมชุดเดิมของเจ้าเด็กนี่ที่แห้งสนิทแล้วกลับคืนไปให้
นัยน์ตาสีขี้เถ้าเหลือบมองนาฬิกาที่บอกเวลาเย็น
ต้องเอา
RC กลับไปที่ TC สุดท้ายแล้วสินะ
ท่อนแขนแข็งแรงจึงอุ้มคนที่ยังสลบสไลขึ้นพาดบ่าในท่าเดิมก่อนจะเดินออกจากห้องไป
ถือซะว่ามาใช้ชีวิตคู่ตามปกติของพวกเขาก็แล้วกัน แรลลี่จะเป็นยังไงก็ช่างมันเถอะ!
Ferrari
F12 Berrinetta…Ferrari California…และ Ferrari 458 Italia จอดเรียงกันสามคันอยู่หน้าลานไมเคิลแองเจลโลที่ว่างเปล่าไร้เงาทีมแข่งคนอื่นๆเพราะเวลาปาเข้าไปเย็นย่ำขนาดนี้ทั้งๆที่ควรจะมาถึงตั้งแต่บ่ายกว่าๆ
คนบนรถทั้งสามคันก้าวขาออกมายืนเคว้งคว้างอยู่หน้ารูปปั้นเดวิดจำลองของ
Piazzale
Michelangelo ซึ่งตั้งอยู่เหนือเมืองฟลอเรนซ์ที่เป็นเส้นชัยของการแข่งแรลลี่ในขณะที่พระอาทิตย์ตกพอดี...ก็คิดเอาไว้อยู่แล้วละนะว่าคนอื่นๆในเฟอร์รารี่ที่ลงแข่งขันคงจะเข้าเส้นชัยกลับบ้านกลับช่องไปกันจนหมดแล้ว...แต่ไหนๆพวกเขาก็อยู่ใกล้ๆฟลอเรนซ์อยู่แล้ว
มาให้ถึงเส้นชัยซักหน่อยก็แล้วกัน
ทั้งห้าคนต่างมองหน้ากัน...
ลูกโป่งสีแดงกับสีน้ำเงินที่ผูกข้อมือยามาโมโตะ
ทาเคชิกับโกคุเดระ ฮายาโตะอยู่นั่นมันอะไรน่ะ?
แต่ก็ไม่คิดเลยนะว่าจะมีแต่ไอ้พวกตัวปัญหาทั้งนั้นที่มาเอาป่านนี้
แถมเอเลน เยเกอร์ยังมาในสภาพสลบไสลไม่ได้สติอีกต่างหาก!
ยังดีนะที่อีกคู่หนึ่งกลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ามาเรียบร้อยแล้ว
ถ้ามาทั้งชุดเจ้าบ่าวเจ้าสาวนี่คงสนุกพิลึก
CEOหนุ่มถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าอย่างช่วยไม่ได้...แต่ไหนๆก็อุตส่าห์มาถึงนี่แล้ว...ดื่มด่ำไปกับบรรยากาศสวยๆของฟลอเร้นส์สักหน่อยก็แล้วกัน
CEOหนุ่มจับมือบางของคนที่มาด้วยกันก่อนจะเดินไปที่รั้วกั้น
เพราะลานแห่งนี้อยู่บนเขาที่อยู่ห่างออกมาจากตัวเมืองฟลอเรนซ์เล็กน้อย
จากตรงนี้จึงมองเห็นเมืองเก่าแก่ที่ถูกสีส้มของพระอาทิตย์ฉาบไล้ได้ทั่ว ยอดโดมของ Florence
Cathedal เด่นเป็นสง่าอยู่ท่ามกลางหลังคากระเบื้องที่รอยล้อมอยู่มากมายช่างเป็นภาพที่งดงามจับใจ
เพชฌฆาตมือหนึ่งของวองโกเล่กับโกคุเดระ
ฮายาโตะขยับมายืนข้างๆทั้งๆที่ยังมีลูกโป่งลอยอยู่เหนือหัว...
เจ้าคนที่เพิ่งตื่นเองก็เดินงัวเงียมาซุกอยู่ในอ้อมแขนรีไวที่ยืนถัดออกไป…
เงาร่างทั้งหกจึงยืนพิงรั้วดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันอยู่แบบนั้น...
ถึงจะเป็นหกคนที่ไม่มีอะไรเหมือนกันเลยแต่สิ่งหนึ่งที่มีร่วมกันนั่นก็คือความฝันที่จะทำให้เฟอร์รารี่เป็นที่หนึ่ง
ซึ่งมันกลายมาเป็นสายสัมพันธ์อันน่าประหลาดและคงจะหาจากที่ไหนไม่ได้อีก...
ต้องเป็นที่นี่เท่านั้น
ที่ของพวกเขา
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
GLIDE
: [UN] FINISH LINE
FIN
เอาหัวโขกผนัง
รู้สึกว่าตอนนี้มันยังไม่ค่อยดีแต่ก็ไม่ทันแล้วค่ะ555 TvT คือแบบต้องรีบปั่นให้ทันวันงาน A/Z Only Event ก็อย่างที่ทราบๆกันว่าตอนพิเศษตอนนี้เป็นตอนที่คุณกวางคัดเอามาทำฟรีเปเปอร์
เพราะมันคือตอนสรุปทุกสิ่งอย่างของ GLIDE แต่ละคู่ในตอนนี้ก็จะสื่อความหมายต่างๆกันไปอย่างที่เคยเวิ่นไว้...ยามะก๊กนี่ก็จะออกแนวฮาๆน่ารักๆแทนการเดท คู่ครูสเลนก็จะหวานๆแทนการแต่งงาน ส่วนอิคู่สุดท้ายสุดเร่าร้อนที่ไม่ลืมหูลืมตาเลยว่าฝนจะตกฟ้าจะร้อง
มันตั้งใจใช้ชีวิตคู่(?)กันลูกเดียวเลย555 ก็นั่นแหละ
แต่ละคู่ก็แสดงให้เห็นถึงวิวัฒนาการของความรักอะไรประมาณนั้นค่ะ *v*
มาพูดถึงฉากในตอนนี้กันบ้าง
คือคู่ยามะก๊กนี่ก็เป็นสวนสนุกทั่วๆไปแหละ
คุณกวางก็ลองหาข้อมูลสวนสนุกในอิตาลีดูอยู่บ้างแต่ก็ไม่ต่างจากที่อื่นมากนักเลยไม่ได้เฉพาะเจาะจงค่ะ จะมีก็ของคู่ครูสเลนที่ฉากอลังการมากขอบอก
ที่เมืองเซียน่า แคว้นทัสคานี คือเป็นแคว้นที่สวยมากกกกก
ทัศนียภาพนี่อันดับหนึ่งเลยอ่ะ >////< เมืองหลวงของแคว้นทัสคานีก็คือฟลอเรนซ์ค่ะ
ลองตามไปดูภาพในบลอคนี้ได้ค่ะ >> Italy สวยเวอร์ … ตอน “เมืองริมผาสู่ทุ่งหญ้าสวย” คือเนินสีเขียวสลับซับซ้อนที่มี The
Chapel of Vitaleta อยู่ข้างหลังนั่นมันสวยโฮกมาก ทุ่งดอกป๊อปปี้ก็สวย
สวยไปหมดเลยอ่ะ โคตรชอบ >////< จิ้นเจ้าบ่าวเจ้าสาวกับเฟอร์รารี่สีขาวไปอยู่ท่ามกลางวิวทิวทัศน์แบบนี้แล้วมันเพ้อมากค่ะ
*q*b
ส่วนอีกคู่ที่เหลือเราจะไม่พูดถึง
เพราะมันไม่มีฉากอัลไลนอกจากเตียงเลยนี่! 5555+
มีภาพปลากรอบด้วยค่ะฟฟฟฟฟ
คือจริงๆน้องปริมศรีเค้าวาดให้ตอนอ่าน White & Silver จบ
แต่ภาพดันเข้ากับ [UN] FINISH LINE อย่างไม่น่าเชื่อ555
คุณกวางมันเลยโมเมเอาไปใส่ในรวมเล่มฟรีเปเปอร์ด้วยเลยค่ะ
คือเจ้าสาวของหมีมันน่ารักมากอ่ะ5555+ ชอบ >///< แถมยังหมีขี้หวงกับหมีเผด็จการอีก...สมเป็นท่านมาก555
ขอบคุณแฟนอาร์ตน่ารักๆรูปนี้มากๆนะก๊าน้องปริมศรี >////<
ก็ถือว่าจบไปอีกมิชชั่นนึง
แฮ่กๆๆ ตอนนี้เหลือมิชชั่นสุดท้ายแล้วก็คือ GLIDE เล่ม 2 !!! ปั่นตับทะลักกันต่อไป เย้ๆ ตอนนี้เปิดจองหมดทุกเวอร์ชั่นทุกเล่มแล้วนะคะ
สนใจเชิญเข้าไปดูกันก่อนได้ เหะเหะ
แล้วก็จากการที่ไปเปิดบูทในงาน
A/Z
Only มาก็อยากจะขอบคุณทุกๆท่านที่แวะเวียนมาเยี่ยมเยือนรวมถึงมาสอยรวมเล่มน้อยๆไปดูแลด้วยนะคะ
>///< มีหลายคนชมว่ารูปเล่มสวยคนทำนี่ลอยไปถึงดาวอังคารแระ5555
ต้องให้เครดิตน้องสโนว์ Snow_fredel คนวาดปกไปเต็มๆเพราะทำสีเล่มนี้ออกมาได้น่ากินมาก
>////< วันนั้นเอา Last word เล่มสุดท้ายของคุณกวางเองไปโชว์ตัวด้วย
ก็เลยเปิด Re-Print
อีกรอบค่ะสำหรับฟิคเรื่องนี้เพราะมีถามกันมาอยู่เรื่อยๆ
ใครสนใจก็เชิญไปส่องดูก่อนได้นะคะ เป็นรวมเล่มที่ตอนพิเศษหนักหน่วงมาก555
แล้วก็หลังจากไม่ได้อัพหน้า
My
Book มานาน สนใจรวมเล่มไหนก็เข้าไปดูกันได้คร่า
ที่เขียนว่า
On
Sale คือยังมีอยู่ค่ะ ส่วนพวกที่ Sold Out ไปแล้วจะไม่มีการรีปริ๊นท์แล้วค่ะนอกจาก
Last Word // ตอนนี้ สัญญาที่เขียนบนน้ำ เหลือเล่มสุดท้ายแบ้วนะก๊ะ
*v* จึงเรียนมาเพื่อทราบ555
ส่วนที่เขียนไว้ว่า Under Construction ก็...จะ
จะพยายามปั่นมันออกมาค่ะ TvT/
ขอบคุณที่อ่านมาจนถึงนี่กันนะคะ555
สำหรับ GLIDE เองจะเหลืออีกหนึ่งตอนสุดท้ายที่จะลงที่นี่นั่นก็คือ
CHEQUERED FLAG หรือ ธงตาหมากรุกนั่นเอง อิอิ
สมเป็นตอนจบที่แท้จริงของเรื่องมาก กร๊ากกกก ส่วนตอนพิเศษอีก 3 ตอนใหญ่ๆจะอยู่ในเล่มเท่านั้นค่ะ...ก็นะ...คู่ไหนที่ไม่เคยมี
NC กับเค้าเลยก็จะมีNCแรกและNCเดียวอยู่ในเล่มนั่นแหละ ฮี่... // โดนฆ่า // เป็นNCที่ยากมากค่ะ เพราะมันไม่ใช่คู่ที่นึกอยากจะกดก็จับกดเลยเหมือนคุณรีไวกับเอเลน
หรือใช้กำลังบังคับแล้วอีกฝ่ายจะยอมทันทีเหมือนพ่อซีอีโอกับสเลน...แต่ยามะมันจะต้องเนียนๆตะล่อมๆให้ก๊กที่เหมือนแมวดื้อๆดุๆยอมให้ได้อะไรแบบนี้
=v=
เวิ่นยาวไปแระ
แล้วเจอกันใหม่ในตอนสุดท้าย “ธงตาหมากรุก” นะค้า *w*
ความคิดเห็นนี้ถูกผู้เขียนลบ
ตอบลบชอบง่ะ
ตอบลบแต่งดีมาก
ชอบคู่รีไวเอเรน แต่งกี่เรื่องก็ตามอ่านครบเลย 🥰