Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059] GLIDE : WHITE and SILVER#03


Attack on Titan feat.KHR and A/Z Au.Fic [Cruhteo x Slaine , Levi xEren , 8059]  GLIDE : WHITE and SILVER#03

For HBD. Count Cruhteo

: Attack on Titan feat KHR Fanfiction Au
: Cruhteo x Slaine , Levi x Eren , 8059
: Romantic Drama
: NC-17


คำเตือน : เนื้อเรื่องต่อไปนี้มีเนื้อหาเกี่ยวกับชายรักชาย หากไม่ต้องการรับรู้กรุณาปิดหน้านี้ไปนะคะ
           
         



แสงไฟหน้ารถสาดกระทบพื้นถนนที่มีเม็ดฝนโปรยเปาะแปะ

จากที่แล่นอยู่เพียงคันเดียวท่ามกลางถนนที่เปลี่ยวร้างเริ่มค่อยๆมีรถสวนมาเรื่อยๆเมื่อเข้าสู่เขตเมือง ถึงมาราเนลโลจะเป็นเมืองเล็กๆแต่ก็เป็นเมืองอุตสาหกรรมยานยนต์ที่มีชุมชนและครอบครัวอาศัยอยู่ไม่น้อย เพราะฉะนั้นเขตใจกลางตัวเมืองจึงยังพอเห็นผู้คนเดินกลางร่มซื้อของไม่ก็กินข้าวเย็นกันอยู่บ้าง

“ แวะไหนก่อนไหมครับ?”   คนขับรถถามเป็นรอบที่สองผ่านกระจกมองหลัง ซึ่งใบหน้าของCEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ก็ยังคงเรียบเฉย ในใจกำลังคิดถึงตัวเลขผลประกอบการจึงตั้งใจจะเอ่ยปฏิเสธ

ทว่า...


โคร่ก....


กลับมีเสียงท้องร้องของใครบางคนตอบแทนไปเสียก่อน...

“ ขะ...ขอโทษครับ...”   ใบหน้าได้รูปแทบจะจมหายเข้าไปในเสื้อสูทที่ซุกอยู่ด้วยความอาย ก็เขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่กลางวัน นี่มันก็สองทุ่มแล้ว...

นัยน์ตาสีฟ้าเหลือบมองใบหูแดงระเรื่อนั่นก่อนจะปั้นหน้ารำคาญใจ จะให้ฟังเสียงท้องร้องแบบนี้ไปตลอดทางมันก็น่าหงุดหงิดเกินไป ใบหน้าหยิ่งทระนงจึงเอ่ยปากบอกคนขับรถอย่างเสียมิได้

“ แวะไปโรงแรม Cavallone ซิ”   คนขับพยักหน้ารับด้วยความเคยชินต่างจากร่างโปร่งบางของนักขับคนใหม่ที่แค่ได้ยินคำว่าโรงแรมก็หันมามองอย่างแปลกใจ

“ เอ๋?”  

“ ก็ไปกินข้าวไง? ท้องร้องน่าไม่อายขนาดนั้นชั้นรำคาญถ้าจะต้องนั่งด้วยไปจนถึงบ้าน แล้วคิดว่าชั้นจะยอมกินร้านข้างถนนพวกนั้นหรือไง?”   ก็จริงอยู่ที่ตอนนี้ร้านอาหารทั่วไปทยอยปิดกันหมดแล้วเหลือก็แต่ร้านข้างทางที่ดูไม่ค่อยน่าไว้ใจ

รถประจำตำแหน่งจึงแล่นไปตามคำสั่งซึ่งคนที่เพิ่งมาอยู่มาราเนลโลไม่รู้หรอกว่าโรงแรมที่ว่านั่นมันหรูหราขนาดไหน อาจจะเพราะเป็นโรงแรมในเครือของกลุ่มมาเฟียประจำถิ่นเฟอร์รารี่นี่ก็ได้


ร่างโปร่งบางลงมายืนกระสับกระส่ายอยู่ข้างๆรถเมื่อมาถึงที่หมาย ใบหน้าได้รูปแหงนมองโรงแรมขนาดใหญ่ที่ไม่น่าจะมาอยู่ในเมืองเล็กๆแบบนี้ก่อนจะก้มลงมองสภาพตัวเอง เสื้อผ้าที่เปียกมะล่อกมะแลกซ้ำยังมอมแมมไปด้วยคราบน้ำมันดูยังไงก็ไม่เข้ากับอาคารหรูๆตรงหน้าเลยสักนิดถึงแม้จะอยู่ในชุดลำลองของนักขับเฟอร์รารี่ก็ตาม

นัยน์ตาสีมรกตแอบเหลือบมองร่างสูงใหญ่ที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึงCEOหนุ่มจะถอดสูทออกแต่ด้วยรูปร่างท่าทางและใบหน้าที่หยิ่งทระนงอยู่ตลอดเวลา ต่อให้อยู่ในเสื้อกั๊กกับเสื้อเชิ้ตก็ยังดูภูมิฐานกว่าคนทั่วไปหลายเท่า

รู้สึกอายขึ้นมาเลยแหะที่จะต้องไปเดินข้างๆคนแบบนี้...

ร่างโปร่งหลับหูหลับตาก้มหน้าเดินตามร่างสูงใหญ่ก่อนที่จะต้องผงะไปเมื่อจู่ๆเจ้าของผมสีทองก็หยุดลงเอาดื้อๆ หน้าผากใสชนเข้ากับแผ่นหลังกว้างก่อนจะรีบถอยห่างออกมา...เผลอไปทำท่าเปิ่นๆอีกจนได้....โธ่...

ร่างทั้งร่างรู้สึกเกร็งไปหมดยิ่งร่างสูงใหญ่นั่นหันมาจ้องเขาเขม็งก็ยิ่งเกร็งจนทำอะไรไม่ถูก...อะไรอีกล่ะ จะหาเรื่องอะไรเขาอีก

นัยน์ตาสีมรกตช้อนขึ้นมองอีกฝ่ายอย่างกล้าๆกลัวๆ แล้วยังไม่ทันจะได้ถามมือใหญ่ก็ตรงเข้ากระชากข้อมือของเขาจนแทบจะเซถลาไปปะทะแผงอกแข็งแรงนั่น

“ เธอยังไม่ได้เป็นนักขับของเฟอร์รารี่ เพราะฉะนั้นยังไม่มีสิทธิ์ที่จะใส่ชุดลำลองของนักขับ”   เสียงทุ้มกดดันเอ่ยอยู่ใกล้แค่คืบ ใบหน้าที่จ้องเขม็งลงมาทำเอาลนลานจนทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าได้รูปจึงได้แต่ก้มหนี

“ ในสนามชั้นจะยอมอนุญาตให้ใส่ชุดนักขับไปก่อนก็ได้ แต่นอกสนามห้ามใส่ชุดของเฟอร์รารี่เด็ดขาด เข้าใจที่พูดไหม?!”   นอกจากเสียงกดดัน ฝ่ามือใหญ่ยังบีบข้อมือเขาแน่นเป็นเชิงบังคับให้ต้องตอบตกลง  ริมฝีปากสีระเรื่อเม้มแน่นเพราะว่ามันเจ็บ นัยน์ตาสีมรกตสั่นระริกด้วยความสับสน ถ้าไม่ชอบใจเขาขนาดนี้ปล่อยให้ยืนตากฝนอยู่แบบนั้นไปสิ จะช่วยมาเพื่อแกล้งเล่นหรือยังไง รู้ทั้งรู้ว่าชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่เป็นความภาคภูมิใจของคนในทีมทุกคนแล้วยังจะมาสั่งให้เขาเลิกใส่มันอีก

ที่เคยคิดว่าคนตรงหน้าอาจจะใจดีอยู่บ้างเขาขอคืนคำก็แล้วกัน

“ ว่าไง?”   เสียงทุ้มยังคงกดดันไม่หยุดพอๆกับใบหน้าหยิ่งทระนงที่คงจะไม่เลิกราแน่ถ้าเขาไม่ทำตามใจ ข้อมือก็รู้สึกเจ็บจนต้องจำใจพยักหน้าลงไป

“ ดี”  แล้วมือใหญ่ก็สะบัดมือเขาออกก่อนจะตวัดตัวเดินนำหน้าเข้าไปในโรงแรมหรูหรา

แม้แต่ห้องอาหารในส่วนภัตราคารก็ดูหรูจนไม่กล้าจะเดินเข้าไปแต่ร่างสูงใหญ่กลับเดินนำราวกับคุ้นเคยดี CEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่เดินไปนั่งลงด้านในซึ่งดูเป็นส่วนตัวกว่าห้องโถงด้านหน้า แล้วปัญหามันก็ตามมาอีกเมื่อ...

“ เอ่อ...คือ...”   ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาอึกๆอักๆเมื่อนั่งลงที่เก้าอี้เรียบร้อยแล้ว

“ อะไร?”  ใบหน้าหยิ่งทระนงถามออกมาด้วยเสียงห้วน รู้สึกรำคาญทุกครั้งเมื่อต้องอยู่กับคนที่ไม่ชัดเจนฉะฉาน ถึงแม้เจ้าเด็กนี่มันจะดูเชื่อฟังดีก็เถอะ

“ กระเป๋าเงินของผมอยู่ในรถ....”   CEOหนุ่มถึงกับถอนหายใจ เขาก็ไม่ได้คิดจะให้เจ้าเด็กปอนๆนี่เป็นคนจ่ายอยู่แล้ว ใบหน้าหยิ่งทระนงจึงก้มมองเมนูอย่างไม่คิดจะสนใจ

“ ถึงจะมีกระเป๋าเงินก็ใช่ว่าจะจ่ายได้ มื้อนี่ชั้นจะถือว่าให้อาหารหมาอาหารแมวไปก็แล้วกัน”   ร่างโปร่งบางได้แต่ก้มหน้าด้วยความห่อเหี่ยว ทำไมวันร้ายๆนี่ถึงได้ไม่จบไม่สิ้นเสียที นอกจากจะถูกบดขยี้ความภาคภูมิใจที่จะได้ใส่ชุดฟอร์มของเฟอร์รารี่ยังจะต้องมานั่งให้คนตรงหน้าดูถูกเหยียดหยามอีกแค่เขาขับรถชนรั้วบ้านพังนี่มันผิดมากเลยใช่ไหม?...ผิดจนจะพูดกับเขาเหมือนคนคนหนึ่งยังไม่ได้เลยใช่ไหม? ริมฝีปากได้แต่เม้มแน่น พยายามเก็บความน้อยเนื้อต่ำใจลงไปให้ลึกที่สุด

ถึงคนตรงหน้าจะทำอะไร เขาก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมรับ...เพราะไม่ว่ายังไงเขาก็จะไม่ล้มเลิกความตั้งใจที่จะเป็นนักขับของเฟอร์รารี่


เมนูหรูหราถูกปิดลงเมื่อCEOหนุ่งสั่งอาหารเสร็จ แน่นอนว่าเขาสั่งเองหมดทุกอย่าง...นัยน์ตาสีฟ้าลอบมองเจ้าเด็กผอมแห้งที่นั่งอยู่ตรงหน้าอย่างไม่ได้คาดหวังอะไร ไม่คิดด้วยว่าจะใช้มารยาทบนโต๊ะอาหารชั้นสูงเป็น แต่เขาก็หิวแล้วเลยไม่อยากจะเรื่องมาก

จานอาหารถูกยกมาเสิร์ฟท่ามกลางช้อน มีด ส้อมและแก้วหลายขนาดที่ถูกจัดวางไว้ตามระเบียบแบบแผนของโต๊ะอาหารชั้นสูง การจะใช้มันให้ถูกต้องตามมารยาทนั้นจำเป็นต้องเรียนรู้และฝึกฝนกันไม่ใช่น้อยเพราะอุปกรณ์แต่ละอย่างล้วนมีวิธีมีขั้นมีตอนในการใช้ แค่เรียงลำดับไม่ถูกหรือวางกลับด้าน วางผิดตำแหน่งก็จะถือว่าเสียมารยาทอย่างมาก

ทว่า...เจ้าเด็กปอนๆตรงหน้ากลับใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารได้อย่างถูกต้องแถมดูเป็นธรรมชาติเหมือนทำไปตามความเคยชินอีกต่างหาก

นัยน์ตาสีฟ้าลอบมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม ไม่ว่าจะท่าทางการจับมีด หรือส้อมที่คว่ำก่อนจะใส่อาหารเข้าปาก การหยิบการจับช้อนที่วางเรียงรายมาใช้กับถ้วยซุปอย่างถูกต้อง เครื่องดื่มเองก็ดื่มตามลำดับได้อย่างไม่มีผิดเพี้ยน...ทั้งๆที่คิดว่าคงได้ขายหน้าเพราะเจ้าเด็กนี่แต่มันกลับตรงข้าม

ไม่น่าเชื่อ...

แต่ถึงในใจจะนึกชื่นชมอยู่บ้าง ทว่าริมฝีปากของเขาก็ปิดสนิท เรื่องอะไรจะต้องไปบอกให้รู้ล่ะว่าเขาชื่นชมในมารยาทที่ถูกฝึกมาอย่างดีนั่น...หึ...ก็คงมีดีแค่เรื่องนี้แหละมั้ง


มื้ออาหารที่หรูหราแต่กลับอึมครึมนั่นผ่านไปด้วยดีและตอนนี้รถประจำตำแหน่งก็แล่นมาจอดอยู่ที่หน้าบ้านในเขตมอนชิโอ้จนได้

“ ขอบคุณมากนะครับ”   ร่างโปร่งบางของเจ้าเด็กข้างบ้านก้าวขาลงไปจากรถก่อนจะก้มหัวขอบคุณ มือใหญ่เพียงโบกไล่อย่างไม่ใส่ใจแล้วรถประจำตำแหน่งก็ขับเข้ามาจอดในบ้านของCEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ คนขับรถขอตัวกลับไปแล้วตอนนี้บ้านชายโสดจึงเงียบสนิทตามเดิม 

ท่อนแขนแข็งแรงหอบแฟ้มออกมาจากหลังรถและในขณะที่กำลังจะกดรีโมตเพื่อปิดประตูรั้วบ้าน นัยน์ตาสีฟ้าก็เหลือบไปเห็นหัวสีชาที่ยังผลุบๆโผล่ๆอยู่ที่หน้าประตูของบ้านข้างๆ...ทำไมยังไม่เข้าบ้านอีกล่ะนั่น?

เขาวางแฟ้มลงก่อนจะเดินออกไปดู...ไม่ได้ห่วงเจ้าเด็กไม่ได้เรื่องนั่นหรอกนะ ก็แค่กลัวว่ามันจะมาทำอะไรพังลามมาถึงบ้านของเขาอีก

“ ทำไมยังไม่เข้าบ้านอีก? ถึงเธอจะไม่ใช่คนของเฟอร์รารี่แต่ถ้ามีเรื่องขึ้นมาชั้นก็ต้องเป็นคนรับผิดชอบอยู่ดี รีบๆเข้าไปได้แล้ว”   ไม่ดูสารรูปตัวเองบ้างเลย ตัวก็ผอมแห้งแค่นี้ แถมหน้าตาอย่างกับผู้หญิง ถึงเขตมอนชิโอ้จะปลอดภัยที่สุดในมาราเนลโลแล้ว แต่ขึ้นชื่อว่าอิตาลีก็ไว้ใจได้ที่ไหน

“ ก็อยากจะเข้าอยู่หรอกครับ...แต่ว่า...กุญแจบ้านมันอยู่ในรถ...”   เอาเข้าไป...สรุปว่ามันเป็นความผิดของเขาใช่ไหมที่ไปคว้าตัวเด็กนี่มาตัวเปล่าแบบนี้?! คิ้วสีทองขมวดเข้าหากันทันที

“ ตะ แต่ไม่เป็นไรหรอกครับ...ผมซ่อนกุญแจอีกดอกเอาไว้ข้างใน ขอแค่ข้ามรั้วเข้าไปได้ก็เข้าบ้านได้แล้วครับ...”   ใบหน้าได้รูปยิ้มแห้งพลางโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่เป็นไร แล้วร่างโปร่งบางนั่นก็ทำทีเหมือนจะปีนขึ้นไปบนรั้ว

“ หยุดเลย เดี๋ยวก็มีคนเรียกตำรวจมาหรอก”   มือใหญ่รีบห้ามอย่างนึกปลง มันคงจะเป็นกรรมเป็นเวรอะไรของเขาสักอย่างสินะที่จะต้องมาเดือดร้อนเพราะเจ้าเด็กนี่อีกหลายครั้ง

ในขณะที่ใบหน้าสวยกำลังชะเง้อคอมองรั้วบ้านของตัวเองอย่างใช้ความคิดว่าถ้าไม่ให้ปีนข้ามไปแล้วจะเอากุญแจออกมายังไง มือใหญ่ก็จับข้อมือบางก่อนจะออกแรงลากให้เดินตามเข้ามาในบ้านของCEOหนุ่มโดยไม่พูดไม่จา ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาจึงได้แต่ตื่นตระหนก ข้อมือพยายามจะขัดขืนแรงลากแต่ยิ่งสะบัดมากเท่าไหร่มือใหญ่ก็ยิ่งรัดแน่นมากขึ้นเท่านั้น

“ คุณจะพาผมไปไหน?!”   หัวใจดวงน้อยเริ่มเต้นระรัว ไม่รู้ว่าชายหนุ่มโกรธหรือไม่พอใจอะไรหรือเปล่าที่จนแล้วจนรอดเขาก็ยังสร้างความเดือดร้อนให้จนวินาทีสุดท้าย

“ หยุดดิ้นได้แล้ว! ก็แค่จะพามาส่งเข้าบ้านของเธอ”   ข้อมือบางถูกปล่อยให้เป็นอิสระเมื่อสองขาถูกพามายืนอยู่หน้าประตูเหล็กสนิมเขรอะบานหนึ่งซึ่งอยู่ระหว่างรั้วบ้านของเขากับรั้วบ้านของCEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่...ตรงนี้มีประตูอยู่ด้วยเหรอ? คงเป็นเพราะเถาไอวี่ที่ขึ้นปกคลุมอยู่เขาจึงไม่เคยสังเกตเห็นเลยว่าระหว่างบ้านเยเกอร์กับบ้านครูเทโอมีประตูเชื่อมถึงกันอยู่ด้วย!

“ ชั้นใส่กุญแจปิดมันเอาไว้นานแล้ว เพราะเมื่อก่อนเจ้าเด็กเอเลนนั่นชอบมุดเข้ามาเอารถบังคับวิทยุจนทำแปลงดอกไม้ของชั้นพังอยู่บ่อยๆ”   แค่นึกถึงเรื่องสมัยนั้นCEOหนุ่มก็ปวดหัวจี๊ดขึ้นมาทันที เขาซื้อบ้านหลังนี้ต่อจากญาติๆของพวกเยเกอร์ มันถึงได้มีประตูเชื่อมถึงกันบานนี้อยู่ กับครอบครัวตัวแทนรัฐบาลนั่นเขาก็ไม่ได้มีปัญหาอะไรด้วยหรอก เลยไม่ได้คิดจะปิดตายประตูบานนี้ แต่กับเจ้าลูกชายบ้านเยเกอร์นั่นก็อีกเรื่อง...เป็นเด็กหน้าตาน่ารักก็จริงแต่ความดื้อดึงนี่อย่าบอกใคร หาความเรียบร้อยซักนิดก็ไม่มี ยังไงเขาก็ชอบเด็กว่านอนสอนง่ายมากกว่านั่นแหละ ยังคิดอยู่เลยว่าไปคบกับคนอย่างรีไวได้ยังไง? ถึงเขาจะกลับมาเป็นCEOในบริษัทแม่ได้ไม่นานแต่ความเคลื่อนไหวทุกอย่างของเฟอร์รารี่ก็อยู่ในสายตาของเขามาตลอด แน่นอนว่าต้องรู้จักนักขับมือหนึ่งตลอดกาลนั่นเป็นอย่างดี

สรุปแล้วเป็นคนที่ไม่น่าคบทั้งคู่นั่นแหละสำหรับเขา

“ เอ้า! เข้าไปสิ”   ถึงบานประตูมันจะส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดอยู่บ้างแต่มันก็เปิดออกแต่โดยดี

“ ขอบคุณครับ แล้วก็ขอโทษด้วยนะครับที่ทำความเดือดร้อนให้ตลอดเลย”   รู้ตัวก็ดีแล้ว...มือใหญ่โบกไล่อย่างรู้สึกล้าๆ ไม่รู้ว่าคืนนี้เขาจะทำงานต่อไหวไหม เพราะมัวแต่วุ่นวายกับเจ้าเด็กไม่ได้เรื่องนี่แหละ

แต่ถึงกระนั้นสองขาก็ยังไม่ยอมเดินจากไป จนกว่าแผ่นหลังโปร่งบางนั่นจะหายเข้าบ้านจนลับสายตา...








เจ้าของผมสีชาเข็นตัวเองออกมาจากห้องน้ำจนได้ เวลาผ่านไปแค่วันเดียวแต่เขากลับรู้สึกราวกับว่ามันผ่านมาเป็นปีๆ...ทำไมวันนี้ถึงได้เหนื่อยขนาดนี้

ร่างโปร่งล้มตัวลงไปคว่ำหน้าอยู่บนเตียงนิ่ม ชายเสื้อเชิ้ตตัวใหญ่จะเลิกขึ้นมาถึงขาอ่อนเขาก็ไม่คิดจะสนใจในเมื่อตอนนี้เขานอนอยู่ในบ้านตามลำพัง

เงียบจัง....

จู่ๆก็นึกถึงเสียงคนที่บ้านขึ้นมา มือจึงคว้าไปที่หนังสือซึ่งวางอยู่บนโต๊ะข้างเตียง นิ้วเรียวหยิบรูปใบหนึ่งออกมาก่อนจะยิ้มให้คนในรูป

ตอนนี้ผมเหนื่อยจนแทบจะลุกไม่ขึ้น แต่ผมก็บอกคุณไม่ได้ว่าผมโดนผู้ชายคนนั้นรังแก...ผมจะพยายามและจะกลับบ้านไปให้สมกับที่เป็นลูกชายของคุณนะครับ...พ่อ...










แสงอาทิตย์ที่ลาลับกลับมาจับขอบฟ้าอีกครั้งเมื่อเช้าวันใหม่มาถึง

ร่างสูงใหญ่ของCEOหนุ่มแห่งเฟอร์รารี่ก้าวขาออกจากตัวบ้านด้วยท่าทางภูมิฐานเหมือนทุกๆวัน ใบหน้าที่ไม่เคยสนใจอะไรนอกจากงานก็ยังคงเหยียดตามองทุกสิ่งรอบกายอยู่เหมือนเดิม แต่ทั้งๆที่แฟ้มเอกสารถูกโยนใส่ท้ายรถเรียบร้อยแล้วก็ไม่มีทีท่าว่าครูเทโอจะก้าวขาขึ้นรถ

ร่างในชุดสูทเข้ารูปไม่ได้ดูแก่เหมือนผู้บริหารทั่วไปแต่กลับดูเป็นหนุ่มใหญ่ที่มีเสน่ห์  CEOหนุ่มเดินเตร่ไปมาอยู่หน้าบ้านนำมาซึ่งความแปลกใจให้กับคนขับรถเป็นอย่างมาก เพราะปกตินี่แทบจะพุ่งไปออฟฟิศอยู่ทุกวัน ไม่ยอมเสียเวลาแม้แต่วินาทีเดียวแบบนี้หรอก

ท่อนแขนแข็งแรงยกขึ้นมากอดอก นัยน์ตาสีฟ้าเหล่มองบ้านข้างๆเพราะนึกขึ้นได้ว่าเจ้าเด็กนั่นมันไม่มีรถ ที่เขายอมให้ติดไปด้วยนี่ก็เพราะว่าเขาเป็นคนดีหรอกนะ!

ร่างสูงใหญ่ยืนรออยู่พักใหญ่ เพราะเป็นคนที่ตื่นเช้าและออกไปออฟฟิศแต่เช้าจึงไม่ค่อยชินกับเวลาของมนุษย์มนาปกติ สองขาว่าจะเดินไปกดกริ่งเรียกอยู่หลายครั้งแต่ก็กลัวจะเสียฟอร์มเลยจำต้องยืนนิ่งสะกดอารมณ์ที่เริ่มจะคุกรุ่นเพราะไม่ชอบรอใครอยู่แบบนั้น

เมื่อคืนก็ไม่ได้บอกว่าตอนเช้าจะให้ไปด้วยกัน เจ้าเด็กนั่นเลยไม่รู้เวลาของเขา

ในขณะที่CEOหนุ่มยืนรอจนเริ่มจะทนไม่ไหว ในที่สุดประตูบ้านข้างๆก็เปิดออกจนได้ สองแขนที่กอดอกเอาไว้จึงคลายออกก่อนจะเตรียมก้าวขาไปยังรถประจำตำแหน่ง

ทว่า

ทั้งๆที่คิดว่ายังไงซะเจ้าเด็กนั่นมันก็ต้องพึ่งพาเขาแต่มันกลับไม่ใช่ ในเมื่อจู่ๆก็มีรถเฟอร์รารี่สีแดงคันหนึ่งแล่นมาจอดลงที่หน้าบ้านเยเกอร์ ประตูด้านคนขับถูกลดกระจกลงแล้วมันก็ทำให้เขามองเห็นเส้นผมสีทองของเจ้าของรถได้อย่างชัดเจนว่าคนคนนั้นคือ...เอลวิน สมิธ

ร่างโปร่งบางของคนที่เขายืนรอกลับเดินเข้าไปหาเฟอร์รารี่คันนั้น รอยยิ้มอ่อนโยนถูกส่งไปให้เอลวินแบบที่มันไม่เคยมีให้เขา...เด็กนั่นก้าวขาขึ้นรถทีมบอสของตนไปโดยไม่เห็นว่าเขายืนรออยู่ด้วยซ้ำ

แล้วทำไมเขาถึงได้รู้สึกไม่พอใจขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้?

“ ออกรถสิ รออะไรอยู่!”   ประตูรถปิดลงดังปัง ก่อนที่คำสั่งห้วนๆจะส่งออกไปให้คนขับรถได้แต่พยักหน้ารับอย่างงงๆ...ก็ดี...ในเมื่อมีคนไปรับไปส่งอยู่แล้วเขาก็จะได้ไม่ต้องเดือดร้อน จากนี้ไปก็จะได้ไม่ต้องมาเจอกันอีก ยังไงซะเจ้าเด็กนั่นมันก็คงอยู่ที่นี่ได้อีกไม่นานหรอก!

รถประจำตำแหน่งแล่นออกจากบ้านและทั้งๆที่CEOหนุ่มคิดจะใช้งานที่กองรออยู่มหาศาลมาทำให้หายหงุดหงิดเรื่องเจ้าเด็กนั่นแต่ดูเหมือนมันจะไม่ได้ผล....ในเมื่อ...

คนที่คิดว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีกแล้ววันนี้...กลับมาเดินยิ้มแย้มอยู่ที่สำนักงานใหญ่ของเฟอร์รารี่!!











“ เดี๋ยวชั้นจะไปเอาอะไหล่ที่ฮันซี่สั่งทำไว้ นายไปทำเรื่องเอกสารคนเดียวได้ใช่ไหม?”  ใบหน้าหล่อเหลาของทีมบอสแห่งพิตการาจสีแดงหันมาบอกคนที่นั่งอยู่ข้างๆเมื่อถอยรถเข้าไปจอดในซองเสร็จเรียบร้อย

“ ได้ครับ”   นักขับคนใหม่ยิ้มให้ร่างสูงใหญ่ซึ่งไปรับตนมาจากบ้าน หลังจากที่แวะไปดูเจ้ารถเต่าที่จอดตายสนิทอยู่ตรงแยกเดิมก็มีโทรศัพท์เข้ามาจากสำนักงานใหญ่ว่าสเลนกรอกเอกสารไม่ครบจึงต้องเข้ามากรอกใหม่ ก็พอดีกับที่ร่างสูงใหญ่ต้องแวะมาเอาอะไหล่พอดี

ทีมบอสของสครูเดอเลียเฟอร์รารี่เดินต่อเข้าไปยังโรงงานผลิตรถยนต์ด้านในทำให้ตอนนี้ร่างโปร่งยืนเก้ๆกังๆอยู่ตามลำพังที่หน้าส่วนออฟฟิศ แล้วก็เป็นเพราะชุดลำลองของนักขับที่สวมอยู่ทำให้ทุกสายตาต่างหันมามองเป็นตาเดียว...รู้สึกเขินๆเหมือนกันแหะ

“ คุณสเลน ทางนี้ครับ!”   พนักงานคนเดิมกับที่ทำเรื่องในครั้งแรกให้เขาโบกมือเรียกมาจากหลังโต๊ะทำงาน ขาเรียวจึงเดินเข้าไปหาก่อนจะถูกพาไปนั่งในห้องด้านในซึ่งมีพนักงานอยู่ไม่มากเท่าด้านนอก

“ เรื่องบัตรนักขับน่ะครับ...ทาง FIA ติงมาเรื่องที่ชื่อที่คุณกรอกในเอกสารมันไม่ตรงกับชื่อในทะเบียนบ้านและบัตรประชาชนประเทศอังกฤษของคุณ...ทาง FIA อยากให้เขียนให้ตรงกัน”   เอกสารปึกเดิมถูกยื่นมาวางตรงหน้าพร้อมปากกา

“ ครับ...”   ริมฝีปากสีระเรื่อรับคำด้วยเสียงอ่อย...เขารู้อยู่แล้วว่ามันไม่ตรงกันยังไง ที่ไม่ยอมเขียนลงไปเผื่อว่าทาง FIA จะไม่เข้มงวดและยอมอนุญาตให้ใช้ชื่อแค่นั้นได้ แต่ดูท่าทางว่าทางนั้นก็จะละเอียดรอบคอบมากกว่าที่คิด

นัยน์ตาสีมรกตทอดมองชื่อกลางของตัวเองก่อนจะจำใจเขียนมันลงไปในเอกสาร...เขาไม่อยากให้ใครรู้เลยว่าเขาเป็นใคร...เพราะเขากลัวจริงๆว่าพื้นที่ในเฟอร์รารี่ที่เขาคว้ามาได้มันจะหลุดลอยไปเพราะชาติกำเนิดกำมะลอนั่น

“ กรอกเสร็จแล้วก็ช่วยเซ็นต์กำกับด้วยนะครับ”   ใบหน้าได้รูปพยักรับอย่างว่าง่ายก่อนจะเซ็นต์เอกสารต่อไป...โดยที่ไม่ได้รู้เลยว่าตลอดเวลา...ตั้งแต่ที่ตนย่างเท้าเข้ามายังตึกออฟฟิศแห่งนี้...มีสายตาดำทะมึนของใครบางคนจ้องเขม็งอยู่

ปากกาเซ็นต์เอกสารจุดสุดท้ายเสร็จพอดีกับที่จู่ๆมือใหญ่ก็จับหมับลงมาที่ข้อมือบาง ร่างทั้งร่างถูกกระชากขึ้นไปเผชิญหน้ากับCEOหนุ่มอย่างไม่ทันตั้งตัว ทำให้ร่างโปร่งบางได้แต่มึนงง

“ มะ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”   ใบหน้าสวยเงยขึ้นมองใบหน้าหยิ่งทระนงที่เหยียดมองลงมาด้วยสายตาไม่พอใจ นักขับคนใหม่หลบสายตาที่เชือดเฉือนนั้นแล้วหันมองไปรอบๆ ถึงได้เพิ่งรู้ตัวว่าคนในห้องต่างหันมามองเป็นตาเดียว

“ ยังจะถามอีกเหรอว่ามีอะไร?  เมื่อวานชั้นสั่งเธอแล้วใช่ไหมว่าห้ามใส่ชุดลำลองของนักขับเพราะเธอไม่ใช่คนของเฟอร์รารี่!   เสียงทุ้มกดดันอย่างหนักทำให้ริมฝีปากสีระเรื่อถึงกับเม้มแน่น ไม่ใช่ว่าเขาอยากจะดื้อดึงแต่นี่มันคือความภาคภูมิใจ เขาจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายมันง่ายๆหรอก

“ อึก....”   ใบหน้าได้รูปที่ก้มหลบอีกฝ่ายถึงกับต้องปิดตาลงข้างหนึ่งเมื่อข้อมือข้างที่ถูกบีบมันเจ็บจนน้ำตาแทบไหล

“ ถอดออกเดี๋ยวนี้!   แต่แล้วคำพูดที่ราวกับสายฟ้าฟาดของCEOหนุ่มก็ทำเอานัยน์ตาสีมรกตเบิกกว้างอย่างตื่นตะลึง ความเจ็บที่ข้อมือกลายเป็นเรื่องเล็กกระจิดริดเมื่อเทียบกับหัวใจดวงน้อยที่กำลังถูกบดขยี้อย่างรุนแรง

“ แต่ว่า...”    ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชาเงยขึ้นไปมองอีกฝ่ายด้วยความหวาดวิตก นัยน์ตาสีมรกตพยายามอ้อนวอนว่าให้ปล่อยตนไป ทว่า ใบหน้าหยิ่งทระนงนั่นก็ได้หามีแววว่าจะยอมอ่อนข้อให้ นัยน์ตาสีฟ้าคู่นั้นยังคงนิ่งสนิทและไม่คิดจะรับฟังคำขอใดๆจากเขาทั้งสิ้น

โหดร้าย...ทำไมคุณถึงเป็นคนโหดร้ายแบบนี้...

ใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้เหลือบมองไปรอบๆตัว ถึงแม้ว่าสายตาที่มองมาจะแสดงซึ่งความเห็นใจแต่ก็ไม่มีใครช่วยเขาได้สักคน ไม่มีใครกล้าพอจะต่อกรกับนายใหญ่ของเฟอร์รารี่คนนี้เลยสักคน

“ ..........ผม...”   เขาเงยหน้าขึ้นไปเว้าวอนร่างสูงใหญ่อีกครั้งแต่ใบหน้าของผู้ชายคนนั้นก็ยังคงกดดันอย่างไม่คิดจะรับฟัง...การทำให้เขาอับอายต่อหน้าใครๆคงจะเป็นความสะใจของอีกฝ่ายใช่ไหม? เกลียดเขามากเลยใช่ไหม?

“ บอกให้ถอด!”   ไหล่บางสะดุ้งเฮือกเมื่อถูกตะโกนใส่หน้า ข้อมือถูกสะบัดออกแต่นัยน์ตาสีฟ้านั่นก็ยังจ้องเขม็งจนเขาจำต้องยกมือขึ้นไปถอดเสื้อโค้ทตัวยาวสีดำตัวนอกออก แต่ดูเหมือนแค่นี้คงไม่สาแก่ใจอีกฝ่ายในเมื่อนัยน์ตาสีฟ้านั่นยังคงกดดันไม่เลิกรา มือสั่นระริกจึงค้างอยู่ที่กระดุมเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกอยู่นานก่อนจะค่อยๆแกะมันออก น้ำตาจะไหลลงมาให้ได้ ความภาคภูมิใจที่เคยมีค่อยๆถูกย่ำยีจนแทบไม่เหลือชิ้นดี

ใบหน้าภายใต้กรอบผมสีชานั้นซีดเผือด แต่ท่าทางที่ดูน่าสงสารนั่นกลับไม่ได้ซึมซับเข้าไปในหัวใจของคนกระทำเลย CEOหนุ่มยังคงยืนมองอีกฝ่ายด้วยสายตานิ่งสนิททั้งๆที่หลายคนในห้องเริ่มจะทนดูไม่ไหว

ภาพที่เห็นเมื่อเช้ามันกวนใจจนอยู่เฉยๆไม่ได้เลยทำให้เอาพายุอารมณ์ทั้งหมดมาลงกับคนตรงหน้า...แต่ก็ช่วยไม่ได้...ในเมื่อเขาสั่งแล้วว่าห้ามใส่ ถ้าไม่คิดจะทำตามคำสั่งของเขาก็ต้องโดนดีเสียบ้าง

“ สเลน!”  กระดุมเม็ดสุดท้ายยังไม่ทันจะถูกแกะ ทีมบอสของพิตการาจสีแดงก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาราวกับเพิ่งจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้น

“ พอได้แล้ว!”  เอลวิน สมิธตะโกนห้ามอย่างเดือดดาล มือใหญ่จับกระชับสาบเสื้อเชิ้ตสีแดงเลือดนกเข้าหากันก่อนจะก้มลงไปคว้าเสื้อโค้ทสีดำขึ้นมาคลุมไหล่บางให้ สภาพเหม่อลอยราวกับตุ๊กตาที่ถูกทำให้พังของนักขับในปกครองทำให้ทีมบอสรู้สึกปวดไปถึงหัวใจ

ท่อนแขนแข็งแรงรวบไหล่บางแล้วเตรียมจะพาเดินออกไป

“ ไม่สมกับเป็นนายเลยนะครูเทโอ...ที่รังแกคนไม่มีทางสู้แบบนี้ ถ้านายไม่พอใจก็ไปเจอกันในสนาม”   ใบหน้าของทีมบอสประจำพิตการาจสีแดงหันมามองที่CEOหนุ่มด้วยสายตาผิดหวังก่อนที่อ้อมแขนที่แข็งแกร่งคู่นั้นจะประคับประคองคนที่ยืนก้มหน้าตัวสั่นออกไปจากห้อง


ใช่สิ...ไม่สมกับที่เป็นเขาเลย...


ร่างสูงใหญ่ของนายเหนือหัวแห่งเฟอร์รารี่เดินกลับไปที่ห้องของตัวเองก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้ทำงานราคาเหยียบล้าน ฝ่ามือยกขึ้นมาบีบนวดที่หัวคิ้วอย่างพยายามหาสาเหตุว่าเขาเป็นอะไรไป  ทำไมจะต้องไปจงเกลียดจงชังเด็กนั่นด้วย ถ้าแค่ขับรถชนรั้วบ้านพังมันก็ยังมีคนอื่นที่ทำความเดือดร้อนให้เขามากกว่านี้ตั้งไม่รู้เท่าไหร่ จะว่าเป็นเพราะเขาไม่อยากให้เฟอร์รารี่เสียผลประโยชน์จากการได้นักขับใหม่ไม่ได้เรื่องแต่นั่นมันก็แค่ความเห็นไม่ตรงกับเอลวิน เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเอาเข้าจริงแล้วสเลนตอนที่ขับฟอร์มูล่าวันนั้นเป็นยังไง อาจจะดีอย่างที่เอลวินบอกก็ได้...ถ้างั้นทำไม...ทำไมกันล่ะ...ทำไมเขาจะต้องไปคอยหาเรื่องคอยจับผิดเด็กนั่นขนาดนี้ด้วย

ใบหน้าที่เคยหยิ่งทระนงมีแววอ่อนลง...นึกถึงใบหน้าที่ราวกับจะร้องไห้ของเด็กนั่นจู่ๆก็ทำให้รู้สึกผิดขึ้นมา

เพิ่งมารู้ตัวว่าทำเกินไปมันก็คงสายไปแล้ว


ก๊อกๆๆ


“ เข้ามา”   เสียงทุ้มที่ฟังดูล้าๆเอ่ยบอกคนที่เคาะประตูห้องอยู่  เลขาส่วนตัวของเขาเดินเข้ามาด้วยใบหน้าหวาดๆ ปกติก็ไม่มีใครอยากจะเข้าใกล้เขาอยู่แล้วยิ่งเจอเหตุการณ์เมื่อครู่ป่านนี้คงหนีเขากันให้เกรียว

“ มีอะไร?”   เขาเงยหน้าขึ้นไปถามเลขาที่ยังคงยืนอ้ำๆอึ้งๆ

“ ท่านจะเข้าประชุมหรือเปล่าครับ...”   ประชุมผู้ถือหุ้นสินะ...เขาพยักหน้าให้เลขาส่วนตัว...ก็ดีเหมือนกัน ทำงานๆๆเผื่อว่าจะลืมใบหน้าของเด็กนั่นไปได้บ้าง

“ แล้วก็...”   ดูเหมือนเลขายังมีเรื่องอะไรอีกถึงยังไม่รีบขอตัวออกไป ใบหน้าหยิ่งทระนงเลยได้แต่มองอย่างสงสัย

“ เด็กคนนั้น...เอ่อ...คุณสเลน ทรอยยาร์ด ทำของตกเอาไว้ครับ”   เลขาทำหน้าราวกับว่าไม่กล้าพูดชื่อของเด็กคนนั้นออกมาเพราะไม่รู้ว่าเขาอารมณ์ดีขึ้นมาบ้างหรือยัง เขามองแหวนเงินวงหนึ่งที่เลขาวางลงบนโต๊ะ

“ เดี๋ยวชั้นจัดการเอง ออกไปได้แล้ว”   เขารอจนเลขาก้าวออกไปจากห้องและประตูปิดลงเรียบร้อย มือใหญ่ถึงได้ขยับไปหยิบแหวนวงเล็กๆวงนั้นมาพิจารณา....มันไม่ใช่เงินนี่ แต่เป็นแพลททินัม?

เพราะลวดลายที่สลักอยู่บนแหวนนั้นทั้งเล็กและละเอียดซึ่งทองไม่มีทางทำได้...แหวนวงนี้ราคาเท่าไหร่ไม่อยากจะคิดเลย

ของเด็กนั่นงั้นรึ?

ปลายนิ้วพลิกดูให้ทั่วทั้งวง ถึงจะดูปอนๆแต่เจ้าเด็กนั่นก็ไม่น่าจะเป็นหัวขโมย แหวนนี่คงไม่ได้มาอย่างผิดกฎหมายหรอกมั้ง?

แสงที่สะท้อนออกมานั้นเป็นสีขาวเงินสวยงามจนอดที่จะทอดสายตามองอย่างชื่นชมไม่ได้...สมกับที่เป็นโลหะสูงค่าราคาแพง

แล้วรอยสลักที่อยู่ด้านในของแหวนก็ทำให้นัยน์ตาสีฟ้าที่ไล่มองไปเรื่อยๆถึงกับต้องหยุดพิจารณา...มันเป็นตัวหนังสือภาษาอังกฤษสามคำ แน่นอนว่าคำต้นกับคำท้ายนั้นเขาคุ้นเคยดีเพราะมันเป็นชื่อของเด็กนั่น...ทว่า...คำตรงกลางต่างหากที่ทำให้นัยน์ตาสีฟ้าเบิกกว้าง

ปลายนิ้วอีกข้างย้ายไปกดโทรศัพท์เรียกเลขาส่วนตัวและไม่นานชายวัยกลางคนนั่นก็วิ่งหน้าตื่นเข้ามา

“ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”   เลขาถามเขาด้วยท่าทางเลิ่กลั่กเพราะปกติเขาไม่กดสัญญาณรัวขนาดนี้ถ้าไม่ได้รีบหรืออารมณ์ไม่ดีจริงๆ

“ เด็กนั่น...สเลน ทรอยยาร์ดมาที่นี่ด้วยเรื่องอะไรนะ?”   เลขางงงวยไปชั่วขณะก่อนจะตอบคำถามของเขาด้วยความแปลกใจที่เขานึกอะไรขึ้นมาถึงได้จะอยากรู้เรื่องของคนที่ตนเองไล่อย่างกับหมูกับหมา

“ เห็นฝ่ายทะเบียนบอกว่า ชื่อที่คุณสเลนเขียนในเอกสารไม่ตรงกับบัตรประชาชนประเทศอังกฤษของเจ้าตัวน่ะครับ เลยต้องการให้แก้ให้ตรงกัน”   เลขายกมือขึ้นมาปาดเหงื่อก่อนจะพูดไปนึกไป

“ ไม่ตรงยังไง?”   ปลายนิ้วที่จับแหวนอยู่รู้สึกร้อนขึ้นมา ยิ่งฟังเลขาเล่าก็ยิ่งรู้สึกถึงเค้าลางของพายุฝนที่กำลังจะโหมกระหน่ำในไม่ช้า...ถ้ามันเป็นอย่างที่เขาคิด

“ รู้สึกจะไม่ได้ใส่ชื่อกลาง....”   ใบหน้าหยิ่งทระนงนิ่งไปก่อนจะโบกมือไล่เลขาส่วนตัวออกไปจากห้องอีกครั้ง

นัยน์ตาสีฟ้าทอดมองชื่อที่สลักอยู่ด้านในของแหวน...ไม่ยอมใส่ชื่อกลาง....เพราะไม่อยากให้ใครรู้สินะว่าตัวเองเป็นใคร

ร่างสูงใหญ่ไล่มองชื่อบนแหวนราวกับจะท่องให้ขึ้นใจ


สเลน  ซาสบาร์ม  ทรอยยาร์ด...


ซาสบาร์ม...นามสกุลนี้ไม่มีใครในวงการรถยนต์ระดับสูงที่จะไม่รู้จัก...แน่นอนว่าสำหรับเขาในฐานะผู้บริหารของเฟอร์รารี่ย่อมเห็นว่าคนตระกูลนี้คือ...คู่แข่ง











เสียงเครื่องยนต์ของเฟอร์รารี่ดังกระหึ่มไปทั่วท้องถนนที่มุ่งสู่สนามฟิโอราโน่ คนที่นั่งอยู่หลังพวงมาลัยเหลือบมองใบหน้าเหม่อลอยของสเลนก่อนจะรู้สึกเจ็บใจที่เข้าไปช่วยไม่ทัน...แต่เขาก็ไม่คิดจริงๆว่าครูเทโอจะทำแบบนี้...ถึงจะความเห็นไม่ตรงกันหรือเถียงกันมาตลอดแต่เขาก็รู้ดีว่าCEOของเฟอร์รารี่คนนั้นเป็นคนมีเหตุผลและเป็นสุภาพบุรุษพอที่จะไม่กลั่นแกล้งรังแกใคร โดยเฉพาะคนไม่มีทางสู้อย่างเด็กนี่

เขาไม่น่าไว้ใจปล่อยให้สเลนอยู่คนเดียวเลยจริงๆ...บางที...อาจจะต้องคิดเรื่องการย้ายบ้านอย่างจริงๆจังๆเสียแล้ว

ไม่รู้ว่าป่านนี้จิตใจของสเลนจะถูกกระทบกระเทือนไปแค่ไหน ได้แต่หวังว่ามันจะไม่กระทบมาถึงการแข่งที่กำลังจะมีขึ้นในอาทิตย์หน้านี้หรอกนะ

“ คราวหลังชั้นจะระวัง...และจะไม่พานายไปที่นั่นอีก”   เสียงทุ้มเอ่ยออกมาในขณะที่ใบหน้าก็ยังคงมองถนน ถึงจะเป็นทีมเดียวกันครอบครัวเดียวกันได้ไม่นานแต่เรื่องของเด็กนี่เขาก็มีส่วนต้องรับผิดชอบ

“ ขอบคุณครับ...”   เสียงนุ่มที่ตอบกลับมาถึงจะไม่ได้สั่นเครือแต่เขาก็รู้ดีว่าสเลนกำลังหวาดกลัว...และในเวลาแบบนี้คงจะไม่มีใครให้กำลังใจนักขับได้ดีเท่าทีมบอสอย่างเขา

“ สเลน...ทำให้หมอนั่นเห็นซะ...ว่าจะต้องเสียใจถ้าต้องเสียนายไปให้ทีมอื่น”   ใบหน้าสวยนิ่งค้างไปก่อนจะค่อยๆเงยขึ้นมามองหน้าเขา นัยน์ตาสีมรกตที่อ่อนล้าค่อยๆกลับมาฉายแววมุ่งมั่นเมื่อได้รับกำลังใจ

“ ครับ...”   จากใบหน้าที่เอาแต่เหม่อลอยกลับค่อยๆยิ้มน้อยๆให้เขา....คอยดูก็แล้วกันครูเทโอ ว่านายจะไม่ยอมรับเด็กนี่ไปได้อีกสักกี่น้ำ

“ พวกชั้นจะซัพพอร์ตนายเต็มที่ ไม่ต้องกลัว”   ใบหน้าหล่อเหลาหันมายิ้มให้ซึ่งใบหน้าสวยได้แต่มองทีมบอสของตนอย่างซาบซึ้ง ริมฝีปากสีระเรื่อเอ่ยบอกออกมาเบาๆ

“ ขอบคุณจริงๆครับ...”   จากนั้นถึงแม้ว่าในรถจะไม่ได้พูดอะไรกันอีกแต่เรี่ยวแรงที่หายไปดูเหมือนจะค่อยๆกลับคืนมา นัยน์ตาสีมรกตทอดมองฝ่ามือของตัวเอง...เขาไม่รู้หรอกว่าจะทำให้CEOใจร้ายคนนั้นเสียใจได้หรือไม่หากต้องเสียเขาให้ทีมอื่นไป แต่สัญญาเพียงข้อเดียวที่เขาจะให้กับทีมบอสของเขาได้ก็คือเขาจะทำเต็มที่แน่นอน

นัยน์ตาสีมรกตลอบมองใบหน้าของคนที่ขับรถอยู่ข้างๆ...ร่างสูงใหญ่ทำให้นึกถึงคนที่อยู่ไกลแสนไกลขึ้นมา...เพราะเวลาที่เขาท้อแท้ก็มักจะได้รับกำลังใจจากคนคนนั้นเสมอ

พ่อ...ของเขาเอง...







.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.
.

To be Con.





ยิ่งรังแกเธอมากเท่าไหร่ ยิ่งสะท้อนคืนมาเท่านั้น~~~ ง๊ากกกกกกก นี่มันท่านเคานต์ ค. ของหนูเลยนี่คะ!!! ว่าแล้วก็แปะซักหน่อย คือฟังแล้ว White and Silver มาเป็นฉากๆมากฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ







น่าหมั่นไส้เนอะพระเอก GLIDE ตอนนี้ เดี๊ยวก็ยกให้ป๋าเอลวินซะเรยนี่ =3= ....ไม่ได้ๆ ป๋าเป็นคนของประชาชน5555 ในพิตจะเอาอะไรนี่ก็โทรหาแต่ป๋าคิดดูแล้วกัน กร๊ากกกกก // โดนวิกตบหน้า // คือก็เคยมีนึกๆอยู่เหมือนกันนะคะว่าบทของป๋านี่อยากให้ฮาร์กไลท์รับไป แต่คิดไปคิดมาอย่างฮาร์กไลท์คงฟัดกับท่านเคานต์ ค.ไม่มันส์เท่าป๋าเอลวินแน่ กระดูกยังคนละเบอร์ เพราะงั้นครอสโอเวอร์ไปก่อน555

แล้วก็ต้องขอขอบคุณสำหรับทุกๆคอมเม้นต์และทุกๆการติดตามมากๆเลยนะคะ อ่านแล้วดีใจน้ำตาปริ่มมากอ่ะ ฮือออออออ ช่วงนี้ที่กลับมาปั่น GLIDE อย่างเอาเป็นเอาตายนอกจาก F1 ฤดูกาลใหม่กำลังเริ่มแข่งขัน อีกเรื่องก็เพราะคุณกวางมันกำลังจะไปอิตาลีค่ะ ไปเยือนดาวแม่สักครั้งในชีวิต กร๊ากกกก ช่วงนี้เลยหาข้อมูลแล้วแบบ...เห็นแล้วมันโอ๊ยยยยอยากเอาสถานที่เหล่านี้มาใช้ในฟิคตรูจังเล้ย จะสวยไปไหน โฮววววว สมเป็นดาวแม่ในแง่สถาปัตยกรรมจริงๆ ชาบูๆๆ

แล้วเจอกันตอนหน้านะคะ หันไปมองปฏิทิน...ชะ...มีเวลาปั่นฟิควันเกิดเนียนแค่สองอาทิตย์เองนี่ถถถถถถถ ตายแน่ๆๆ





5 ความคิดเห็น:

  1. อ๊ากกก ร้องไห้ตามหนูสเลน สู้ๆสเลนจ้า แสดงใหเห็นถึงพลังที่แท้จริงเลน! แต่ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นลูกชายของคู่อรินะเนี้ย

    สนุกแน่เลย ท่านครูเทโอ้! ท่านอย่าทำอะไรนะ หรือก่อนทำเตรียมแส่เทียน(?) ก่อนสิท่าน /วิ่งหนี/

    คุณกวางสู้นะค่ะ เดินทางปลอดภัย แคล้วคลาดนะค่ะ ขอให้สนุกค่ะ ^^

    ตอบลบ
  2. ชะตากรรมจำเลยรักมากกกกก สู้ๆนะเสลน ทำให้คุณหลวงค.เสียใจที่ใจร้ายกับหนูนะ TT
    ไปอิตาลีก็ขอให้ปลอดภัย ดูแลตัวเองดีๆนะคะ โชคดีค่ะ

    ตอบลบ
  3. ไม่ระบุชื่อ4 เมษายน 2558 เวลา 23:39

    ว๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก ท่านครูโหดร้ายและทำร้ายจิตใจอันบอบบางขนาดนั้นได้ลงคอ ถ้าจะโหดเหี้นมขนาดนี้นะคะ T--------Tนางทาส เอ๊ย สเลน เสียใจ ฮรือว์ สเลนตบหน้าหันสักฉาดหนึ่งจะโคตรสะใจเลยค่ะ //ปล่อยมันฮาร์ดคอต่อไปคนเดียวเถอะค่ะ..... สเลนนนนน หนูแสกหน้าท่านครูทั้ง3รอบเลยค่า ฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

    ตอบลบ
  4. ฮืออออออออ ขอสครีมเพลงก่อนเลยยยยย คือพออ่านจบแล้วเค้าก็กดฟังเพลง เพิ่งเคยฟังครั้งแรกเลย ฟังแล้วก็โฮกฮากเลยค่ะ!!!! คือแบบบมันใช่ทั้งเพลงงงงงง โอ่ยยยย เข้ามากกกกก มาเป็นฉากๆๆจริงจังค่ะกวางซาม๊าาา รังแกเค้าแล้วก็มาเจ็บปวดเองแบบนี้มันใช่มั้ยยยยยคะท่านเคานต์ อยากจะเชียร์ให้ป๋าเป็นพระเอกแทน(?)แล้วนะคะ!!!!ถถถถถถถถถ #โดนไม้เท้ากระหน่ำฟาดมาไม่ยั้ง แต่มันจริงๆอ้ะะะ ฮืออออ ท่านเคานต์ทำสเลนบอบช้ำมากจริงจังงงงง ฮือออ เสียสเลนไปให้คุณป๋า(?)แล้วจะรู้สึกกกกกกกก(?)นะคะ #โดนกระหน่ำไม้เท้าเข้าเบ้าตาอีกรอบถถถถถถถถถ

    ขอย้อนกลับไปสครีมตอนต้นก่อนเลยค่ะ อะไรคือสเลนท้องร้องขึ้นมาได้น่ารักมากกกกกกกกกกกกกก แล้วเค้าก็มาสะดุดกับคำว่าโรงแรมเหมือนกันค่ะถถถถถถถถถถถถ ติดนิสัยอยู่กับคุณรีไวมานาน(?)นะคะ สมองเข้าใจแค่ว่าโรงแรมมีไว้…..ถถถถถถถถถ แต่เค้าลืมไปค่ะว่าคุณท่านคนนี้ในหัวมีแต่เรื่องงาน มีแต่เรื่องผลประกอบการไม่เหมือนคนนั้น(?)นะคะ คนนั้น(?)นี่หื่นได้หื่นดีถูกใจจริงๆ(?) #อาเร๊ะเรื่องแบบนี้ไม่โดนกระทืบ(?)แฮะถถถถถถ

    แล้วก็อะไรไม่รู้ของคุณท่าน หาเรื่องมาตะคอกโหดร้ายใส่สเลนได้ตลอดเวลา เรื่องชุดลำลองนักขับนี่ก็ไม่ให้ใส่จะใจร้ายมากไปแล้วนะคะะะะ จะให้ใส่ชุดลำลองของตระกูลครูเทโอ(?)ก็หามาให้ใส่สิคะ #เดี๋ยวนะถถถถ แถมคำพูดคำจานี่อยากจะยื้อไม้เท้ามาฟาดคืน(?)ซะจริงเลยยยยยยถถถถถถถถถถ #แววมันตายตั้งแต่แค่คิดจะยื้อไม้เท้าแล้วนะคะถถถถถถ แต่เค้าก๊าวววววมากกกกที่สเลนสามารถใช้อุปกรณ์บนโต๊ะอาหารได้อย่างถูกต้อง ก๊าวจริงๆๆนะคะ ดีใจอ้ะ ดีใจที่สเลนมีเรื่องตอก(?)ให้คุณท่านเงียบ(?)ไปได้เรื่องนึงแล้วนะลูกกกกกถถถถถ โอ่ยยยชูป้ายเชียร์สเลนขาดใจถถถถถถถ ฮือออ สเลนได้ฟีลเป็นคุณหนูน่าทนุถนอมที่หนีออกจากบ้านมาแล้วทำอะไรด้วยตัวเองไม่ค่อยได้มากๆเลยค่ะกวางซามะ ฮืออออ อยากจิไปดูแลลลลลลลลลลลลลลลล(?) ฉากเข้าบ้านไม่ได้นี่เค้าจะลงไปดิ้นกับการที่สเลนทำท่าจะปีนรั้วมากกกกกกกกกกกกกก โอ่ยยน่ารักไปไหนนนนน เค้ามั่นใจว่าถ้าได้ปีนจริงๆ เจ้าลูกหมาหูลู่(?)ตัวนี้จะต้องตกจากรั้วให้คนแก่(?)ได้เรื่องมาอุ้มอีกแหงแซะ อ้ากกกกกก คิดเองบ้างเองนะคะถถถถถ แล้วอะไรคือประตูรั้วบ้านมีจุดเชื่อมหากันด้วยแบบนี้กันคะะะะะะ จะก๊าววววมากเกินไปแล้วบ้านหลังนี้ ฮือออ กวางซามะวางพลอตน่ารักมากกกกอ้ะ ฮืออออ แล้วอะไรคือคิดถึงเอเลนแล้วปวดหัวจี๊ดดดคะ เอเลนนี่ที่สุดของความน่ารักแล้วนะคะะะะ > [ ] < แต่ก็พอจะเข้าใจว่าสเปคคุณท่านไม่ใช่แบบเอเลน แต่เป็นแบบว่านอนสอนง่ายจะได้รังแกง่ายๆ(?)แบบสเลนแบบนี้ใช่มั้ยยยยยล่ะคะะะะ #นอกจากตูข้าจะชอบวอนท่อนขาแล้วก็ยังจะมีสกิลวอนไม้เท้าเพิ่มขึ้นมาด้วยถถถถถถถถถถ

    เค้าถูกใจฉากที่คุณท่านออกมายืนรอเด็กไม่ยอมขึ้นรถมากๆเลยนะคะ คือไม่ทนนนนนนนน คุณท่านก็มีมุมซึนน่ารักมากกกกนะคะเนี่ยยยย > __ < และเค้าไม่ทนหนักตรงที่คุณท่านโดนป๋า(?)คาบ(?)เด็กไปต่อหน้าต่อตาให้ของขึ้นเนี่ยล่ะะถถถถถถถ โอ่ยยย เอลวินนนนนายทำดีมากกถถถถถถถถถถถ อยากจะเชียร์เอลวินซะจริงๆ(?)แล้วนะคะถ้าไม่ติดเหล่าน้องซู(?)ถถถถถถถถถถถถ แล้วก็ชอตโหดร้ายสุดๆที่สั่งให้ถอดชุดออกนี่เค้าอยากจะตบตีท่านเคานต์จริงจังงงง ทำไมเป็นคนโหดร้ายแบบนี้ ถ้าจะหึง(?)ก็ให้มันมีขอบเขตบ้าง ให้ถอดทั้งๆที่อยู่ในที่สาธารณะแบบนี้ดีแล้วจริงๆเหรอคะ จะทำร้ายจิตใจสเลนไปถึงไหนนนนน ให้ไปถอดในห้องส่วนตัว(?)สิคะ #เดี๋ยวๆ แล้วนี่ถ้าพระเอก(?)มาไม่ทันจะทำยังไงคะ #เดี๋ยวนะะะะรู้สึกจะอวยผิดโพสิชั่นผิดสถานที่แล้วถถถถถถถถถถถถถ #เม้นท์ไปอ่วมไปเพราะไม้เท้าถถถถถถถ

    ตอบลบ
    คำตอบ
    1. แต่คือถ้าคิดถึงชอตที่ว่าคุณท่านเค้าหึงจนต้องมาทำตัวโหดร้ายนี่เค้าก๊าวมากจริงๆๆนะคะ > __ < คุณท่านหึงแบบไม่รู้ตัวว่าโดนสเลนดาเมจไปตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอแล้วแบบนี้เนี่ยยยย ก็อย่างว่าละเนาะสเลนเล่นชนประตูหัวใจซะพังขนาดนั้น #มันก็ยังไม่เลิกยุ่งกะประตูถถถถถถถถถถถถ เค้าชอบที่เอลวินพูดว่าไม่สมกับเป็นนายเลยนะครูเทโอ ชอบประโยคนี้มากๆค่ะ ไม่รู้ทำไมแต่ชอบมากๆๆจริงๆ มันให้ความรู้สึกว่าถึงแม้เอลวินจะมีปากเสียงเถียงกับคนนี้อยู่ตลอด แต่ก็รู้ดีว่าปกติแล้วคนๆนี้ไม่ใช่คนที่จะมาทำอะไรเลวร้ายขนาดนี้ เหมือนกับจะทั้งเตือนสติท่านเคานต์แล้วก็บอกทั้งสเลนไปด้วยเลยว่าจริงๆแล้วปกติคนๆนี้ไม่ใช่คนที่จะทำอะไรแบบนี้นะ วรั้ยยยยยยยยยย มโนบ้าบอตลอดเลยค่ะเค้าถถถถ

      อ่านพาร์ทนี้แล้วตื่นเต้นอยากรู้เรื่องราวสเลนเยอะกว่านี้มากมายเลยยค่ะกวางซามะ > ___ < ฮือออออ ทั้งชื่อกลางที่ตัวเองปกปิดไว้ ทั้งความจริงที่เป็นลูกของตระกูลคู่แข่ง ทั้งการที่เจ้าตัวหนีออกจากบ้านมา ทั้งเรื่องที่เมื่อไหร่คุณท่านจะยอมรับว่าประตูหัวใจถูกชน(?)แล้ววววถถถถถถถถ โฮรวววววววววววววววววววววววววววว เค้าคลั่งไคล้ สเลนไปแล้วนะคะะะะ ฮืออออ กวางซามะทำเค้าเพ้อเรื่องนี้ทั้งวันเลยค่ะะะะ

      ปล. เค้าคิดในใจตั้งแต่ช่วงที่อ่านชอตปีศาจCEOปะทะปีศาจทีมบอสแล้วนะคะ ว่าสองคนนี้กระดูกเบอร์เดียวกันมากก และมีอะไรเหมือนกันเยอะมากกกก (ยกเว้นความคิดถถถถถถถถ) และเพราะเค้ายังไม่รู้จักหน้าคุณท่านก็เลยลองไปเซิรส์รูปในกูเกิ้ลดู พอเห็นรูปเท่านั้นล่ะ เค้าลั่นเลยค่ะ คือที่กวางซามะบอกว่า สองคนนี้คอสโอเวอร์ นี่โคตรใช่เลยค่ะถถถถถถถถถถถ เค้าไม่คิดว่าสองคนนี้จะฟีลเดียวกันเหมือนพี่น้องกันขนาดนี้!!! โอ่ยยยยยย หลงรักฉากปะทะคารมขึ้นมาอีกหลายเลเวลลลลเลยค่ะ ส่องกระจกทะเลาะกับตัวเอง(?)กันอยู่เลยใช่มั้ยยยยถถถถถถถถถถถถ

      ลบ